ความรักให้เป็น (ธรรมะ)

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย paang, 11 ตุลาคม 2007.

  1. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,326
    <TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]



    ความรักคืออะไร? รู้ไหม! ถ้าไม่รู้ก็พ้นจากความรักไม่ได้ จะต้องได้รับทุกข์เพราะความรัก จะต้องเวียนว่ายตายเกิดในภพทั้งหลาย เกิดแล้วในภพใด ความรักก็กินใจในภพนั้น ใจที่มีความรักจะถูกทรมาน เจ็บปวดระทมบ่นเพ้อ เพราะพิษรักนั้นเสียบแทงใจ เหมือนลูกศรร้อยใจไว้ไม่ให้ดุกดิกดิ้นรน คนมีกำลังใจน้อยหรืออ่อนใจ ซบเซากับความรัก มอบตัวมอบใจให้เป็นทาสของความรักแล้ว บูชารัก บูชาคนรักให้เป็นเทพเจ้า ตามแต่คนรักหรือเทพเจ้าจะชักจูง ดึงลากให้กระทำสิ่งใด ๆ ที่คนไม่มีความรักทำไม่ได้ แต่สำหรับผู้เป็นทาสของความรักทำได้ แม้ด้วยชีวิตบูชาเทพเจ้า คือ ผู้ที่ตนรักได้ด้วยความภักดี จะหาทาสที่ภักดีจงรักสัตย์ซื่อ เสมอทาสแห่งความรักไม่มี ยินดีพร้อมที่จะตาย ตายด้วยความเต็มใจ ตายให้สมกับความรัก ๆ มีค่าเทิดทูนเหนือสิ่งอื่นใด ไม่อย่างนั้นแล้วจะสละชีวิตเพื่อบูชารักไม่ได้

    เมื่อเรามีความรักใคร่ปรารถนาสิ่งใด ใจก็จะเรียกร้องต้องการหาให้ได้มาซึ่งสิ่งนั้น ทั้งชอบธรรมและไม่ชอบธรรม เมื่อใจปรารถนาจะรักให้ได้แล้ว ไม่คำนึงถึงเหตุผลของผู้อื่น นอกจากผู้ที่ตนรัก จะอยู่ในสภาพเช่นไร ไม่เป็นอุปสรรคที่จะมีรัก รักแท้ รักจริง จึงเสียสละทิ้งอย่างมากมาย ต้องสละทิ้งทั้งโลก เพราะโลกทั้งโลกเต็มไปด้วยของน่ารักความรัก โลกทั้งโลกอันมีผู้ปรารถนาต้องการแล้ว มีความรักอยู่ทั่วไป โลกนี้จึงตระการตา ดุจราชรถของพระราชา ซึ่งประดับตกแต่งด้วยของมีค่า ด้วยเงินทองรัตนต่าง ๆ พร้อมด้วยรูปลวดลายจำหลักอันวิจิตรพิศดารต่าง ๆ ล้วนน่าดูน่าชม เป็นที่ชอบใจพอใจของผู้มีความรักความปรารถนา หาได้พิจารณาถึงสิ่งอันประกอบเข้าเป็นตัวราชรถ อันต้องเก่าผุพัง ถูกความชราครอบงำ ต้องหลุดลุ่ย เพราะพยาธิ มด ปลวกอันชอนไชกัดทำลายอยู่ภายในเครื่องสำหรับยึดของมีค่าประดาตกแต่งก็ไม่สามารถยึดไว้ได้ ต้องตกล่วงกระจัดกระจายทิ้งไปเหมือนไม่อาวรอาลัยใยดี ปล่อยให้ผู้มาเห็น ณ ภายหลังรันทดใจ เศร้าใจ สังเวชสลดจิต คิดตามรู้ตามสภาพเป็นจริงของสิ่งทั้งมวลว่า พวกผู้โง่เขลาหมกอยู่ ติดอยู่ หลงอยู่ แต่พวกผู้รู้ความจริงหาเกี่ยวข้องด้วยไม่ เพราะการแสวงหาสิ่งประดับตกแต่งทั้งมวล เป็นการเนิ่นช้าเสียเวลาเปล่า ไม่เป็นไปตามปรารถนาของผู้ต้องการประดับ ไม่จีรังในสิ่งทั้งมวล หาแก่นสาระสำคัญไม่ได้ ผู้มีปัญญาทราบชัดแล้วจึงละไม่แสวงหาเครื่องประดับตกแต่งอีก เพราะเห็นโทษในการเสียเวลา หาเครื่องประดับและในการตกแต่งได้แต่คิดคำนึงถึงความเสื่อม ความสิ้นของโลก อนิจจํ เห็นโลก เห็นสังขารเหมือนราชรถของพระราชา ที่มีความคร่ำคราทรุดโทรม ไม่เป็นที่ตั้งแห่งความเจริญใจของผู้พบเห็น ผู้มีปัญญาไม่ยอมเสียเวลากับสิ่งที่ต้องสูญสลายไปเปล่า ๆ พยายามมองค่าของทุกสิ่งด้วยความรู้ ความเป็นจริง ถือเอาประโยชน์ชั่วคราวในสิ่งนั้น ๆ ไม่พอใจที่จะยึดถือเป็นจริงเป็นจัง เพราะทราบชัดตามเป็นจริงของสิ่งต่าง ๆ นั้นแล้วว่าความรักคืออะไร? ความรักคือความเมตตา! จะตัดความรักก็ต้องตัดเมตตา! พระศาสดาทรงสอนให้แผ่เมตตาไปยังทิศทั้งปวง เมื่อเราไปอยู่ ณ สถานที่ทิศใด อยู่ในหมู่ใด คณะใด ในหมู่สัตว์ สมณะพราหมณ์ กษัตริย์ แพศย์ ศูทร ก็พึงประกอบอยู่ด้วยเมตตา ความรักในหมู่คณะเหล่านั้น ในสถานที่นั้น ผู้มีเมตตาความรักย่อมสบายอยู่เป็นสุข ไม่ถูกหมู่คณะหรือสถานที่เหล่านั้นเบียดเบียน แต่พระศาสดาทรงห้ามภิกษุแผ่ความรัก ความเมตตาในมาตุคาม คือหญิงชาวบ้าน เพราะจะทำให้ภิกษุได้รับความทุกข์ใจ ร้อนใจจนทนบวชไม่ได้ ต้องสึกไปหาหญิงคนนั้น และจะได้รับทุกข์โทษต่าง ๆ ต้องตรากตรำทำการงานสารพัด ไม่ได้พักผ่อนหลับนอนอย่างสบาย ต้องทำหน้าที่ของสามีอย่างครบถ้วน จะถูกรบกวนจิตใจอยู่เสมอ สงบไม่ได้เป็นนักต่อสู้อยู่ตลอดเวลา จนกว่าจะเบื่อหน่ายหรือคลายความรักลง จึงค่อยปลดค่อยวาง ค่อยบรรเทาความทุกข์ร้อนในเรื่องรักได้บ้าง แล้วชักชวน ลากจูง เคี่ยวเข็ญกระทำความดี ให้ใจนั้นมีเมตตารักใคร่ในทาน ในศีล ในภาวนา แล้วพิจารณากรรม คือ การกระทำของโลก ของหมู่สัตว์ หมู่คนในโลก ที่ลุ่มลงมัวเมาในรสรัก รสเมตตา ล้วนไม่ตลอด ตกอยู่ จมอยู่กับความคร่ำคร่า จำเจ ถูกชราครอบงำ แก่เฒ่าเจ็บป่วยแล้วก็ตายจากกัน เหมือนไม่มีความอาลัยใยดี เจ้าเมตตาความรักมันหดหายตายจากพรากทิ้งอย่างไม่เหลือเยื่อใย แม้แต่ซากของความรักก็ต้องถูกฝังถูกเผา ไม่ให้เหลือแม้แต่ซาก นี่แหละ! ท่านผู้มีปัญญาทั้งหลาย พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ทรงพระเมตตาในหมู่เทวดา มนุษย์ทั้งหลายแล้ว ก็ทรงสอนการแผ่เมตตา ความรักใคร่ให้เห็นแก่ตนเองก่อน ให้มีความรักใคร่ในตนแล้วจะได้ขวนขวายประโยชน์ตน ให้ตนของตนพ้นจากทุกข์จากภัย จากอันตรายต่าง ๆ ทั้งในปัจจุบันชาตินี้ อนาคตภายหน้าชาติหน้าอย่าได้เป็นผู้ไร้สติขาดปัญญา พิจารณาความเป็นจริงของโลก ของสัตว์โลกที่เกิดมาพบวามแก่ความเจ็บความตาย แล้วดิ้นรนเดือดร้อนเป็นความทุกข์ในความแก่ ความเจ็บ ความตายนั้น มุ่งหาทางพ้นความแก่ ความเจ็บ ความตายโดยเร็วพลัน! อย่าให้ความแก่ความเจ็บ ความตาย มาถึงครอบงำเอาเสียแล้ว เดี๋ยวจะหมดกำลังกายกำลังใจ แสวงหาธรรมเครื่องพ้นทุกข์ไม่ได้ แล้วจะต้องเศร้าโศกตลอดกาลนาน วัฏฏะสงสารเป็นของน่ากลัวอย่างยิ่ง

    ส่วนมากแล้วผู้ที่จะรักตนปฏิบัติตนให้มีความสามารถข้ามพ้นบ่วงแห่งมัจจุราช คือความรักได้ยากนัก จึงได้วนเวียนอยู่ในภพ เปลี่ยนที่อยู่อาศัย เปลี่ยนร่างกาย เปลี่ยนความรู้สึกนึกคิด แต่จะเปลี่ยนจิตใจ ห้ามใจไม่ให้รักไม่ได้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงทุกข์โศกร่ำไรรำพรรณ เพ้อถึงความรักที่ไม่สมประสงค์ว่า น้ำตาที่ร้องไห้มากมายกว่า 4 มหาสมุทร เนื้อและกระดูกมากกว่าภูเขาสูง ที่สัตว์โลกเวียนไปมาในวัฏฏะสงสารอันยาวนาน เพราะมีความรักเป็นปัจจัย หาปัจจัยเหตุดับความรักไม่ได้ เพราะไม่รู้หลงความรักคืออะไรไม่ทราบ จึงละความรัก ดับความรัก คลายรักอย่างจริงจังไม่ได้ เมื่อรู้ซึ้งเหตุต้นอันพระองค์แสดงชัดแล้ว ผู้มีความปรารถนาพ้นบ่วงมัจจุมาร คือ ความรักแล้ว กลัวภัยแต่ทุกข์ของความรัก แล้วก็มาละเหตุคือเมตตา มีความรักใคร่ในคนรัก ในสรรพวัตถุต่าง ๆ ทั้งที่มีวิญญาณครองและไม่มีวิญญาณครอง ละความยินดีพอใจในสิ่งเหล่านั้นทั้งหมดเสีย แม้ชีวิตก็สละหมด เป็นผู้ไม่มีกังวลในสิ่งใด ๆ ใจก็สงบตั้งมั่น เมื่อจิตสงบตั้งมั่นแล้วก็พิจารณาถึงสิ่งทั้งหลายที่เราละได้ เป็นเด็ดขาด ถึงจะมีผู้ประสงค์ให้ก็ไม่ยินดีรับ ประสงค์ความบริสุทธิ์ถือเอาตามจำเป็นไม่ผิดศีลผิดธรรม รับมาด้วยความยุติธรรม มีปกติอยู่ด้วยจาคานุสสติจำสละจำทิ้ง ละความปรารถนาใด ๆ ในโลก ก็เท่ากับเป็นการละโลก ทิ้งไว้โดยเป็นของโลก ก็เท่ากับเป็นการละโลก ละการถือมั่นในโลก ปล่อยวางทุกอย่าง ก็เป็นการละโลภะ ความโลภในสิ่งเหล่านั้น เมื่อไม่มีสิ่งเหล่านั้น ความโกรธจะเกิดจากสิ่งเหล่านั้นไม่ได้ คามหลงใหลสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นก็ดับลง จิตไม่ตั้งอยู่ในโลก ภพทั้งหลายเป็นที่อยู่ของจิตก็ไม่มี เพราะจิตไม่ตั้งอยู่ในสิ่งใด ใจท่านว่าวิมุติหลุดพ้นจากสิ่งทั้งหลายเหล่านี้นี่เอง

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ที่มา : หนังสือประวัติพระอาจารย์นพพร อาทิจฺจวํโส สำนักปฏิบัติธรรมอาทิจฺจวํโส อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
    http://www.dhammathai.org/articles/view.php?No=378
     
  2. มณู

    มณู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    210
    ค่าพลัง:
    +783
    รักอย่างสร้างสรร จะเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ เหมือนพระพุทธองค์รักในหมู่สัตว์
    ปารถณาจะขนหมู่สัตว์ให้พ้นทุกข์
     
  3. ahantharik

    ahantharik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,595
    ค่าพลัง:
    +6,346
    เราเกิดมาคนเดียว เราตายไปคนเดียว วิบากกรรมและเวรกรรมเป็นของเราคนเดียว
     
  4. chuchart_11

    chuchart_11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    764
    ค่าพลัง:
    +2,932
    ขออนุโมทนาสาธุ ธรรมใดที่ท่านสำเร็จแล้ว ขอข้าพเจ้าสำเร็จด้วยเทอญ สาธุๆๆ
     
  5. สะสมบารมี

    สะสมบารมี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +38
    อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ
    ความรักกับความหลงอยู่ใกล้ๆกัน หลงเมื่อไหร่ใจก็บาปเมื่อนั้น ห่างไกลความจริงที่เป็นธรรมชาติลืมเจ็บ ลืมตาย เพราะจิตปรุงแต่งจนไกลจากจิตเดิมแท้ผู้หมั่นฝึกฝนจนเข้าใจถ่องแท้จึงหลุดพ้นจากวัฎสงสาร ธาตุขันธ์ กองทุกข์ที่เราเห็นว่าสวยงาม รื่นรมณ์
     
  6. eas

    eas Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2012
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +40
    เพราะสิ่งนี้นี่เอง.. ที่ต้องทำให้มาเวียนว่ายตายเกิด..ไม่พ้นทุกข์เสียที..ขอบคุณคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...