ทำอย่างไรจึงเป็นปัญญาธิกะพระโพธิสัตว์ได้??

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย Ajahn hei, 23 มกราคม 2013.

  1. The Shadow

    The Shadow เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    557
    ค่าพลัง:
    +1,732
    ปัญญาธิกะสำเร็จยากมากเพราะ เห็นทุกข์ง่าย เบื่อหน่ายก็ลาพุทธภูมิซะส่วนใหญ่

    ศรัทธาธิกะสำเร็จได้ง่าย เพราะใจมั่นคง ตั้งมั่นต่อปนิธาน ไม่หวั่นไหว คลอนแคลน กาลเวลาจึงไม่มีความหมายต่อการบำเพ็ญ

    วิริยาธิกะ สำเร็จได้น้อยกว่าศรัทธาธิกะแต่มากกว่าปัญญาธิกะมาก อาศัยลูกดื้อ ลูกตื้อและความเพียร ถูกบ้างผิดบ้างก็ทำไป กว่าจะพิสูจน์ในสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ หมดเวลาไปทั้งชีวิต พอย้อนกลับมามองอีกที ที่ทำมาผิดหมด มาเกิดใหม่ก้ผิดใหม่

    ท่านว่าพละ5ประกอบด้วย ปัญญา ศรัทธา สติ วิริยะ สมาธิ

    ปัญญาคู่ศรัทธา

    สติคู่วิริยะ

    มีอันใดขาดอีกอัน ย่อมไม่สมบูรณ์

    ปัญญาธิกะจะบำเพ็ญบารมีให้สมบูรณ์ ต้องมีสรัทธาในปณิธานที่สมบูรณ์

    วิริยะจะบำเพ็ญบารมีให้ลุล่วงโดยเร็ว ต้องมีสติ ระลึกรูู้สิ่งที่กำลังทำ ถูกหรือผิด ดีหรือชั่ว

    ส่วนทำอย่างไรได้เป็นปัญญา อันนี้ไม่รู้
     
  2. Solotel

    Solotel Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +38
    อยากทราบเหตุผล หรือข้อมูลครับว่าทำไมพระพุทธเจ้าแบบปัญญาธิกะถึงพาสัตว์โลกให้หลุดพ้นจากสังสารวัฎได้น้อยกว่าพระพุทธเจ้าแบบอื่น เพื่อว่าเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ ข้อมูลกันครับ

    สำหรับผมมีข้อมูลเพิ่มเติมถึงธรรมาภิสมัยที่พระพุทธเจ้าแต่ล่ะพระองค์ได้ทำให้เกิดขึ้นแก่มนุษย์และเทวดาดังนี้

    ธรรมาภิสมัยในพุทธกาลของพระทีปังกรพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น ๓ วาระ คือ
    วาระที่ ๑ แสดงปฐมเทศนา ธรรมาภิสมัยบังเกิดแก่มนุษย์และเทวดา ๑๐๐ โกฏิ
    วาระที่ ๒ แสดงธรรมแก่ อุสภักขันธกุมาร ราชโอรส ธรรมาภิสมัยบังเกิดแก่มนุษย์และเทวดา ๑๐๐,๐๐๐ โกฏิ
    วาระที่ ๓ แสดงธรรมบนดาวดึงส์เทวโลกโปรดพุทธมารดา ธรรมาภิสมัยบังเกิดแก่เทวดา ๙๐,๐๐๐ โกฏิ

    ธรรมาภิสมัยในพุทธกาลของพระโกณฑัญญะพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น ๓ วาระ คือ
    วาระที่ ๑ แสดงปฐมเทศนา ธรรมาภิสมัยบังเกิดแก่มนุษย์และเทวดา ๑๐๐,๐๐๐ โกฏิ
    วาระที่ ๒ แสดงธรรมแก่เทพบุตรในมหามงคลสมาคม ธรรมาภิสมัยบังเกิดแก่เทวดา ๙๐,๐๐๐ โกฏิ
    วาระที่ ๓ แสดงธรรมย่ำยีพวกเดียรถีย์ ธรรมาภิสมัยบังเกิดแก่มนุษย์และเทวดา ๘๐,๐๐๐ โกฏิ

    ธรรมาภิสมัยในพุทธกาลของพระมังคละพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น ๓ วาระ คือ
    วาระที่ ๑ แสดงปฐมเทศนา ธรรมาภิสมัยบังเกิดแก่มนุษย์และเทวดา ๑๐๐,๐๐๐ โกฏิ
    วาระที่ ๒ แสดงธรรมบนดาวดึงส์เทวโลกโปรดพุทธมารดา ธรรมาภิสมัยบังเกิดแก่เทวดา ๑๐๐,๐๐๐ โกฏิ
    วาระที่ ๓ แสดงธรรมแก่พระเจ้าสุนันทะ ธรรมาภิสมัยบังเกิดแก่มนุษย์และเทวดา ๙๐ โกฏิ
    .
    .
    .
    .

    ธรรมาภิสมัยในพุทธกาลของพระโคดมพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น ๓ วาระ คือ
    วาระที่ ๑ แสดงปฐมเทศนา ธรรมาภิสมัยบังเกิดแก่มนุษย์และเทวดา ๑๘ โกฏิ
    วาระที่ ๒ แสดงธรรมบนดาวดึงส์เทวโลกโปรดพุทธมารดา ธรรมาภิสมัยบังเกิดแก่มนุษย์และเทวดา เกินที่จะนับได้
    วาระที่ ๓ แสดงธรรมแก่ราหุล ธรรมาภิสมัยบังเกิดแก่มนุษย์และเทวดา เกินที่จะนับได้

    จะเห็นว่าในจำนวนพระพุทธเจ้าทั้ง 28 พระองค์ที่ผ่านมา ทั้งพระวิริยาธิกะ และพระศรัทธาธิกะ การบรรลุธรรมของมนุษย์และเทวดา จะมีลักษณะคล้ายกัน เป็นจำนวนนับได้เช่น 100 โกฏิบ้าง 80,000 โกฏิบ้าง 100,000 โกฏิบ้าง
    แต่พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันเท่านั้น ที่เป็นแบบปัญญาธิกะและยังธรรมาภิสมัย (การตรัสรู้ธรรม หรือการบรรลุธรรม เป็นพระอริยบุคคลขั้นต่างๆ) ให้เกิดแก่มนุษย์และเทวดา เกินที่จะนับได้ ถึง 2 ครั้ง ซึ่งหาได้ยากยิ่ง

    หาอ่านข้อมูลอ้างอิงได้จากที่ดังนี้
    1. เว็บบอร์ด พลังจิต ดอทคอม[/url] f13/พระอดีตวงศ์องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ได้มาตรัสรู้ในอดีตกาล-76066.html
    2. วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
    3. พระไตรปิฎก เล่มที่ 33 พระสุตตันตปิฎก เล่ม 25 ขุททกนิกาย อปทาน ภาค 2 - พุทธวังสะ-จริยาปิฎก - พุทธวงศ์

    หมายเหตุ 1 ที่อ้างพระไตรปิฎกไม่ใช่เพราะจะเป็นผู้อวดภูมิ แต่หากเป็นผู้ที่ยังมีปัญญาน้อย หากมีธรรมข้อไหนที่เคยศึกษาผ่านมาและทราบว่าอยู่ในพระไตรปิฏก และสามารถค้นเจอ จึงขอใช้เป็นข้ออ้างอิงเพื่อเป็นธรรมทานแก่ท่านทั้งหลายครับ

    หมายเหตุ 2 สุดท้ายแล้วทั้งสิ้นทั้งมวลที่เราสนทนากันนี้ก็เป็น อจินไตร เป็นพุทธวิสัย เกินวิสัยที่ปุถุชนอย่างเราจะเข้าใจและหาคำตอบได้ครับ

    พระพุทธเจ้าในอดีตทั้งปวงและพระพุทธเจ้าในปัจจุบันเสมอภาคกันในการตรัสรู้ ไม่มีพระองค์ใดยิ่งหย่อนกว่าพระองค์ใด
     
  3. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    พระโพธิสัตว์ ในขั้นใด ก็ตาม ต้องสร้างบารมี ๑๐ เหมือนกันหมด ทุกตัว แต่อย่างไหนจะนำหน้าเท่านั้นเองครับ ถ้า ปัญญาธิกะ ปัญญานำหน้า ศรัทธาธิกะ ศรัทธา นำหน้า วิริยาธิกะ ความเพียรนำหน้า บารมีตัวอื่นก็มาหมด ขอรวบลัดครับ เมื่อบารมีเต็ม พระเจ้าสิบชาติ จะหนักในด้านนั้นๆ นำหน้า เมื่อทุกตัวเข้ามา บารมีเต็ม เป็นปรมัตถบารมี บารมีแต่ละตัว จะเพิ่ม เป็นอย่างละ ๒ จาก ๑๐ ก็จะเป็นบารมี ๓๐ ทัต หยาบ กลาง ละเอียด ต้น กลาง ปลาย

    ผมได้ฟังพระท่านเทศ ปัญญาธิกะ ศรัทธาธิกะ วิริยาธิกะ พูดตรงๆเลยครับ ถ้าสร้างพระด้วยกัน คนละองค์ ปัญญา ธิกะคิดเลยครับ สร้างใหญ่ หรือเล็ก อานิสงฆ์ ได้เท่ากัน สร้างพระพุทธรูป ๒ วา ไม่ต้องเอาใหญ่โต ทำเร็ว เสียเงินน้อยกว่า เสร็จเร็ว ไม่จำเป็นต้องสร้างใหญ่ ศรัทธาธิกะ ไม่เอา เราต้องสร้างให้ใหญ่ กว่าน้องเล็ก สร้าง หน้าตัก ๑๐ วา เลย ถึงจะสมศักศรีหน่อย ส่วนในด้าน ของพี่ใหญ่ วิริยาธิกะ เห็นน้องลอง น้องน้องเล็ก สร้าง พระใหญ่ ไปตามกัน ไม่เอาเราต้องสร้างให้ใหญ่ อลังการกว่าใครๆ พวกท่านลองคิดดูกัน การสร้างของใหญ่ๆ มันใช้เงินเยอะ ใช้เวลานาน กว่าจะเสร็จ


    นี่ เห็นไหม ดูง่ายๆ ที่ท่านแข่งกันท่านทำลักษณะนี้ครับ ทำอะไร อย่างไหน ใชเวลาเยอะ พวก ปัญญาธิกะไม่ชอบ อานิสงฆ์ เหมือนกันทุกประการ ไม่ต่างกันเลยครับ จะใหญ่หรือเล็กอานิสงฆ์ ก็เท่ากัน จึงใช้เวลาน้อย และเต็มเร็ว ตัวอย่าง ปัญญา ท่องหนังสือ ๑ หน้ากระดาษ วันเดียว ท่องได้ ถ้า ศรัทธา ใช้เวล ๒ วัน จึงได้ ถ้าวิริยาธกะ ใช้เวลา ๔ วัน จึงได้ มันเป็นลักษณะนี้ครับ ต้องเก็บเล็กเก็บน้อย อย่างละเอียด ทำอะไร มันถึง ได้เสร็จทีหลัง เพราะ ทำอะไร มันจะใหญ่ๆเข้าไว้ เพราะเหตุนี้ จึงทำให้ เร็วกว่า ช้ากว่าเพราะ เวลา นานในการบำเพ็ญแต่ละอย่างนี่เองครับ

    การตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้า เหมือนกัน สั่งสอน ธรรม เหมือนกันเท่ากัน คำสั่งสอนเหมือนกันหมด ทุกๆพระองค์ อายุไม่เท่ากัน บริวารไม่เท่ากัน ลาภไม่เท่ากัน ฉนั้น ผมได้พูดไว้กระทู้อื่นไว้หลายกระทู้แล้วครับ :cool:
     
  4. Jubb

    Jubb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,267
    ค่าพลัง:
    +2,134
    ไม่แน่ใจว่าผมเคยอ่านเจอในหนังสือชื่อ"ศาสตร์ว่าด้วยการเป็นพระพุทธเจ้า"หรือเปล่า หรือว่าหนังสือเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย หรือไม่ก็พระไตรปิฎกฉบับประชาชน...เท่าที่จำได้หนังสือได้กล่าวถึงจำนวนที่ค่อนข้างชัดเจน แต่ตอนนี้หนังสือน่าจะอยู่ในกล่องเก็บของที่บ้านพ่อแม่ที่ต่างจังหวัด(ขนของหนีน้ำคราวก่อน)(อันนี้เรื่องข้อมูล)

    สำหรับเหตุผล เรื่องจำนวนของสัตว์โลกที่หลุดพ้นต่างกันผมไม่เคยอ่านเจอ(หรือเคย?) แต่เข้าใจว่าทั้งหมดเป็นเรื่องของความผูกพันที่ต่างก็ได้เกิดร่วมชาติ ได้เคยเกื้อหนุนจุลเจือกันมาก่อน(ต่างก็มีที่มาที่ไปร่วมกัน) ดังนั้นถ้าใช้เวลาบำเพ็ญบารมีสั้น โอกาสที่จะได้เกื้อหนุนกันก็มีน้อยกว่า(การสร้างบารมีไม่ได้อาศัยเฉพาะตัวเอง ต้องพึ่งฅนอื่นด้วย)แล้วพุทธสาวกเองก็ต้องใช้เวลาในการสร้างบารมีด้วยเหมือนกัน

    เนื่องจากความผูกพันเกื้อหนุนจุลเจือ ฅนโบราณเค้าถึงมองว่าแค่มีโอกาสได้เกิดมาในศาสนาพุทธก็ถือเป็นบุญแล้ว เพราะหมายถึงว่าได้เกาะกระแสนิพพานแล้วนั่นเอง(อันนี้ผมนั่งเทียน)

    ความเห็นผม ผมว่าคุณ"บุญทรงพระเครื่อง"ก็ได้ให้เหตุผลไปก่อนหน้านี้แล้ว
     
  5. Chumphon Chanjit

    Chumphon Chanjit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +390
    ผมคิดว่าพระพุทธเจ้าจะโปรดสัตว์ได้มากหรือน้อย ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับอายุขัยด้วยครับ พระพุทธเจ้าที่มีอายุขัยยืนยาวจะสามารถโปรดสัตว์ได้มากกว่าพระพุทธเจ้าที่มีอายุขัยน้อยกว่าเป็นธรรมดาครับ เพราะมีเวลาโปรดสัตว์มากกว่า

    พระพุทธเจ้าแบบวิริยาธิกะ สามารถโปรดสัตว์ให้บรรลุมรรคผลได้มากที่สุด เนื่องจากมีอายุขัยที่ยืนยาวมากกว่าพระพุทธเจ้าแบบอื่น เพราะได้ผ่านการสั่งสมบุญบารมีมาอย่างยาวนานถึง 80 อสงไขยกับกำไรอีกเศษแสนมหากัป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มกราคม 2013
  6. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    ถ้าพูดว่า ลองคิดดูสักนิด ครูบาอาจารย์กล่าวไว้ เอายังงี้ดีกว่า ถอยหลังไป ในสมัยพระพุทธเจ้า ทีปังกรพระพุทธเจ้า เราไม่ได้ มาเอาชนะกันนะครับ ขอออกตัวเลย ถือว่าเรามาแลกเปลี่ยนความรู้กันครับ ตอนนั้น พระทีปังกรพระองค์ท่านเสด็จมา กับพระอรหัน กี่แสนพระองค์ ผมจำไม่ได้ครับ องค์สมเด็จ พระบรมครูของเราเข้าไปทำความปราถนา เป็นพระพุทธเจ้า ทีงปังกร พระพุทธองค์ ทรงพยากรว่า ตั้งแต่นี้ไป ในการบำเพ็ญ ของเธอ ๔ อสงฆ์ ไขย กับอีก กำไลย อีกแสนมหากัป เธอจักได้ตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ หนึ่ง ชื่อ พระสมณโคดม นั่งบรรลัง ณ ต้นไม้ศรีมหาโพธิ์ ทำความเพียรอยู่ ๖ ปี


    การบำเพ็ญ บารมีของปัญญาธิกะ ๔ อสงฆ์ไขย กำไลยแสนมหากัป ถ้าศรัทธาธกะ ๘ อสงไขย กำไลยอีกแสนมหากัป ผมว่าเราลองย้อนกับไปดูอีกนิดครับ ในระยะเวลา ๔ อสงไขยกัปแสนมหากัป พระพุทธเจ้า จะมาตรัสรู้ไม่รู้ กี่ ร้อย กี่พันพระองค์ครับ เอาแค่กล่าวไว้ ๒๘ พระองค์ หลังๆ นี่ก็พอมั้ง ครับ แล้วคนที่เข้ามาทำความปราถนา เป็นศรัทธา วิริยาธิกะเล่าครับจะอีกเท่าไหร่ แล้ว ๒๘ พระองค์ เท่าไหร่ และที่ท่านยังไม่กล่าวอีกเล่าครับ ผมไม่อธิบายต่อนะครับ เพราะผม กับคนอื่นเขาก็พูดกันไว้บ้างแล้ว


    ในกรณี ที่อาศัย บำเพ็ญบารมีมานาน บริวารย่อมเยอะแน่นอน อายุมาก กว่าแน่นอน ลาภย่อมเยอะกว่า แน่นอนที่สุด แต่ความเป็นพระพุทธเจ้า เท่ากัน เสมอกัน คำสอน เหมือนกัน การอยู่กิน ย่อมสบายกว่า ในยุคใดๆ มันก็ลองไปตามขั้นและชั้นครับ พระพุทธเจ้าบางพระองค์ เสด็จครั้งหนึ่ง พระอรหันต์ เป็นล้านๆ พระองค์ บางพระองค์ หลายแสนพระองค์ มีพระพุทธองค์ องค์ปัจจุบันของเรานี้แหละ เสด็จครั้งหนึ่ง ส่วนใหญ่แค่ ๕๐๐ พระองค์เสียส่วนมาก อายุน้อยที่สุด แค่ ๘๐ เอง ตัวอย่าง พระพุทธเจ้า กกุสันโธ อายุ ๓ หมื่นปี พระโกนาคม ก็เป็นหมื่นหรือถึง ๒-๓ หมื่นปี พระพุทธกัสปะ ก็เป็นหมื่นปี อายุต่างกันไป ผมไม่แปลกใจเลย เพราะสัมผัสอะไรๆมาหลายๆอย่าง ของในการพิสูตร
     
  7. Ajahn hei

    Ajahn hei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +142
    "ส่วนในอนาคตอีกสี่อสงไขยกว่าข้างหน้าจะมีพระพุทธเจ้าแบบปัญญาธิกะที่จะมาอุบัติขึ้นนั้นมีอยู่ 3 พระองค์ รวมเป็น 4 พระองค์ จากทั้งหมด 38 พระอง"

    นี่ผมสนใจมาก
    Sadhu
    รู้มาจากไหนครับ
     
  8. Rama bodhisattva

    Rama bodhisattva Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2016
    โพสต์:
    158
    ค่าพลัง:
    +63
    ถ้าจะเป็นพระสัพพัญญูพุทธเจ้าประเภทปัญญาธิกะ นั้นจะต้องบำเพ็ญบารมีทั้งหมด 20 อสงไขยอีกแสนมหากัปป์ครับ ผู้ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า เป็นประเภทปัญญาธิกะ นั้นจะต้องขึ้นอยู่กับอุปนิสัยพื้นฐานเดิมที่ได้เคยฝึกฝนอบรมขัดเกลามาครับ ไม่ใช่ เป็นการที่จะตั้งความปรารถนา อยากจะเป็นอะไรก็ได้ เพียงแต่ผู้ที่ตั้งต้นตั้งความปรารถนาก็จะต้องปรารถนาไปเรื่อย ๆ ไม่แน่ว่าจะเป็นแบบไหนเมื่อได้รับพุทธพยากรณ์จึงจะรู้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤศจิกายน 2016

แชร์หน้านี้

Loading...