ปิดประมูลวัชระบัว ๒ องค์ หน้า ๖๖๑ ,ธรรมะจากพระอาทิพุทธะ หน้า ๖๕๙ ค่ะ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Numsai, 21 สิงหาคม 2012.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    เรื่องราวน่าสนใจมากครับ :cool:
    (ปล.พระโพธิสัตว์บางท่านก็ยังมั่นคงอยู่มิมีเสื่อมคลาย! (k) )
     
  2. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,404
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,418
    จริงๆแล้ว ต้องพูดว่า เป็นคนๆเดียวกันด้วยซ้ำนะครับ
    เพราะนางแก้ว จะเป็นทั้งมิตรแท้ ทั้งคู่ครอง ที่คอยเป็นกำลังหนุน หรือกองเสบียงให้กับพระโพธิสัตว์
    และทานบารมีในการบริจาคลูกเมียให้เป็นทานเพื่อปรารถนาพระโพธิญาณ
    เท่าที่ผมสังเกตนะครับ นางแก้วส่วนมากนี่จะมีปัญญาบารมีอันเป็นเลิศครับ
    เวลาพระโพธิสัตว์คิดอะไรไม่ออก นางแก้วก็จะช่วยแก้ไขให้ทั้งนั้นแหละครับ ไม่รู้จริงเปล่า

    อีกอย่างก็คือเวลาพระโพธิสัตว์ขี้เกียจสร้างบารมีก็ได้นางแก้วนี่แหละครับ
    ช่วยเตือนสติและเป็นกำลังใจให้ครับ ถือว่าเป็นบุคคลที่น่ายกย่องมากๆบุคคลหนึ่ง ในการสร้างบารมีของพระโพธิสัตว์ครับ
     
  3. Miss Brown

    Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,779
    ค่าพลัง:
    +19,376
    โปรดติดตามชมตอนต่อไปค่ะท่านแมวเหมียว...
    การบำเพ็ญของท่านเหมียวเองก็น่าสนใจ
    หลากหลายเรื่องราวที่นำมาเล่า น่าติดตามยิ่งนัก...รออ่านต่ออยู่นะคะ



    จิ๊กซอว์หลายชิ้นถูกเติมเข้ามา ทำให้มองภาพต่าง ๆ ได้ปะติดปะต่อมากขึ้นนะคะพี่น้ำใส
    คงถึงวาระและถึงกาลที่จะรู้นั้นแล้ว
    หลาย ๆ ท่านก็มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้อย่างแยกไม่ออกทีเดียว
    อดีตหนออดีต...เรากลับไปแก้ไขมันไม่ได้
    แต่เราเรียนรู้จากมันได้เสมอ...


    ขอโมทนาธรรมทานของพี่ค่ะ...สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กุมภาพันธ์ 2013
  4. Miss Brown

    Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,779
    ค่าพลัง:
    +19,376
    สาธุ ค่ะ ขอโมทนาอย่างยิ่งทั้งพี่น้ำใสและพี่เอ๋ค่ะ
    ชาตินี้จะเป็นชาติสุดท้ายที่เราจะลำบากและยากจน...
    ชอบจริง ๆ จัง ๆ เลยนะคะ อิอิ
    ขอความมั่งคั่ง อุดมสมบุรณ์จงอยู่คู่ทุกท่านค่ะ สาธุ
     
  5. Miss Brown

    Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,779
    ค่าพลัง:
    +19,376

    ขอกราบอนุโมทนาสาธุบุญเป็นอย่างยิ่งกับคุณ Vatechayana ค่ะ



    สู้ ๆ นะคะ อย่าท้อถอยน้าพี่น้ำฝนคนสวย
     
  6. winaiwon

    winaiwon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    821
    ค่าพลัง:
    +6,577
    ยินดีกับกัลยาณมิตรที่มีให้กำลังใจกันน่ะครับ ^^
     
  7. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ขออนุโมทนาบุญกับน้องน้ำตาลเช่นกันค่ะ ทุกอย่างเป็นไปตามวิบากของแต่ละคน ภาพมันชัดมาก เหมือนอยู่ในเหตุการณ์จริง สัญญาเก่าผุดมาไม่ขาดสาย ความคับแค้นใจ เศร้าใจ สะเทือนใจ เหมือนถูกพรากของรักไปไม่มีวันได้คืน มันระคนกัน บอกไม่ได้ว่า มันคืออะไร


    สุดท้ายต้องใช้กฏไตรลักษณ์มาช่วยแก้อารมณ์ ทุกอย่างเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ต่อให้เราสมความปรารถนานั้น ๆ สุดท้ายก็ต้องถึงวันสิ้นสุดแห่งการเดินทาง คือการเข้าสู่พระนิพพาน

    การที่ท่านใดจะคิดว่า ท่านผู้ปรารถนาแห่งพระสัมมาสัมโพธิญาณนั้นลาไป นางแก้วคู่บารมีจะถูกส่งไปให้ใครก็ได้ หรือปรารถนานางแก้วผู้นั้นมาเป็นบาทจาริกาของตน ความคิดนั้น ยังเป็นมิจฉาทิฐิอยู่

    นางแก้วไม่สามารถจะยกให้ใครตามใจ การบังคับขู่เข็ญให้สร้างบุญร่วมกัน อย่างนี้ไม่ใช่วิถีของผู้สร้างบารมีที่แท้จริง แต่เป็นวิถีของฝ่ายมิจฉาทิฐิ

    ผู้ที่จะมาเป็นคู่บารมีต่อไปนั้น จะต้องมีบุญบารมีเสมอกัน หรือใกล้เคียงกันที่สุด ซึ่งไม่สามารถทำได้ภายในชาติเดียว ต้องเกิดจากการสร้างบารมีมาร่วมกันนับเป็นแสนชาติ ล้านชาติ

    มิใช่แต่พุทธภูมิที่มีคู่บารมีหลายลำดับ นางแก้วเองก็เช่นกัน มีคู่บารมีอันดับ ๑ -๒ -๓ -๔ ....เช่นกัน เมื่ออันดับแรกลาไป ลำดับต่อไปก็เลื่อนขึ้นมา หากลำดับที่ ๒ หรือ ๓ หรือ ๔ มีคู่บารมีที่บุญเสมอกันอยู่แล้ว

    นางแก้วจะถูกดึงไปสร้างบารมีกับพระโพธิสัตว์ท่านอื่นที่มีบุญเสมอกัน หรือนางแก้วของท่านนั้นลาความปรารถนาคู่บารมีพระโพธิสัตว์ไป ถึงแม้ว่า ต้นชาติจะไม่เคยสร้างบุญมาร่วมกันก็ตาม ด้วยบุญจัดสรร

    ความจริงแล้วในการปรารถนาพระสัมมาสัมโพธิญาณนั้น ผู้ปรารถนาเองไม่ได้นึกถึงนางแก้วด้วยซ้ำ แต่บุญจะต้องดึงผู้บำเพ็ญบารมีร่วมกันให้เข้ามาช่วยเหลือ เราไม่สามารถกำหนดด้วยซ้ำว่า ผู้ใดจะมาช่วยเรา ผุ้ปรารถนาพุทธภูมิโดยแท้ ย่อมสร้างบารมีโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน

    เพราะหากเจตนาไม่บริสุทธิ์มาแต่ต้นชาติ สุดท้ายก็ต้องลาพุทธภูมิไปในที่สุด

    ขออนุโมทนาบุญกับน้องน้ำตาล และทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

    Numsai

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กุมภาพันธ์ 2013
  8. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,404
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,418
    อนุโมทนาในธรรมทานครับ พี่น้ำใส อ่านแล้วใจมันหวิว ขนลุกยังไม่รู้ครับ
     
  9. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    สาธุ..สาธุ..สาธุ..ขออนุโมทนาบุญกับน้องด้วยค่ะ คงถึงวาระที่ต้องพูดออกมา เพราะว่าพี่พบเรื่องนี้บ่อยมากกกก.. (cry)

    คงเป็นวิบากกรรมอย่างหนึ่งที่ไปไหน ใคร ๆ ก็คิดว่า เราเป็นคู่ของท่าน ทั้ง ๆ ที่ชาตินี้ไม่ได้มีความงามอะไรให้คิดได้เลย เป็นเรื่องที่อึดอัดใจพอสมควร เคยขอพระท่านว่า..

    "ในเมื่อท่านอันดับ ๑ ลาเข้าพระนิพพานไปแล้ว ลูกขอเข้าพระนิพพานในชาตินี้เจ้าค่ะ" พระท่านบอกว่า..

    "มีพระโพธิสัตว์องค์หนึ่ง จะสำเร็จพระสัมมาสัมโพธิญาณในสารกัปปหนึ่งในอนาคตเบื้องหน้า(เมื่อค้นข้อมูลพบว่า เป็นกัปป์ที่มีพระพุทธเจ้าเพียงพระองค์เดียว)

    การสร้างบารมีของท่าน สร้างแบบไม่คิดถึงเรื่องการบำเพ็ญบารมีร่วมกับนางแก้ว กี่ชาติ ๆ ท่านถือเนกขัมมบารมีมาตลอด หลายพันชาติท่านสละชีวิต เอาชีวิตเป็นเดิมพัน จนทำให้นางแก้วคู่บารมีตามไม่ทัน

    พระโพธิสัตว์ หากปราศจากนางแก้วแล้ว ย่อมสำเร็จพระสัมมาสัมโพธิญาณไม่ได้ ลูกจงมาช่วยท่านเถิด ขอให้ลาพุทธภูมิมาทำให้ความปรารถนาของท่านสำเร็จ ด้วยลูกได้เคยบำเพ็ญเป็นคู่บารมีพระโพธิสัตว์ มาแล้วกว่า ๑๔ อสงไขยกำไรแสนกัปป์ อย่าให้กัปป์นั้นต้องว่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย"


    ครั้งนั้นพระท่านให้ลาพุทธภูมิ ลาไปก็ร้องไห้ไป ความจริงหนีท่านมาหลายหนสุดท้ายก็หนีไม่พ้น ต้องลาพุทธภูมิในที่สุด

    เหตุแห่งการปรารถนาพุทธภูมินั้น จะได้เล่าในตอนต่อไปค่ะ

    ขออนุโมทนาบุญกับน้องธรรมวิวัฒน์ด้วยค่ะ

    Numsai

     
  10. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,404
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,418
    การสร้างบารมีของพระโพธิสัตว์แต่ละพระองค์ ที่เข้าชีวิตเข้าแลกเพื่อสร้างบารมีในพระโพธิญาณ แต่จะสังเกตว่าท่านๆ จะมีการเน้นบารมีให้มีความเป็นพิเศษในแต่ละด้าน เช่น เด่นทางด้านฤทธิ์ เด่นทางลาภ เพื่อความอัศจรรย์ในพุทธบารมีนะครับ แต่ที่อ่านมามันก็ท่วมท้นในใจนะครับ พี่น้ำใส ที่พี่บอกว่าในกัปนั้น จะมีพระพุทธเจ้าสำเร็จแค่ 1 องค์ ไม่งั้นก็เป้นสุญกัป ไม่มีพระพุทธเจ้าองค์อื่นมาโปรดสัตว์ต่อไป สายธารแห่งธรรมะ และความพ้นทุกข์ก็หมดไปจากโลกในกัปนั้น

    สำหรับผมแล้วสูญกัป เป็นสิ่งที่น่ากลัวมากครับ ไม่มีความดีใดในพระพุทธศาสนา มีแต่ความชั่วทุกอย่าง มีแต่มิจฉาทิฎฐิ
    กิเลสตัณหาที่จะพาสรรพสัตว์ไปสู่อบายภูมิ มีนรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน อีกนานกว่ากว่าจะหมดกรรมได้กลับมาเป็นมนุษย์
    น่าสงสารมากๆ ไม่มีความเห็นใจใดๆ มีแต่เอารัดเอาเปรียบ เห็นแก่ตัวสารพัด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กุมภาพันธ์ 2013
  11. Gangfoo Panda

    Gangfoo Panda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    98
    ค่าพลัง:
    +2,108
    อ่านธรรมทานพี่น้ำใส กี่ครั้งๆก็ไม่เคยเบื่อนะคะ แต่ครั้งนี้มีทั้ง ตื้นตัน ขนลุก หวิว และหดหู่ไปในเวลาเดียวกัน


    อนุโมทนาด้วยคะ (แม้จะไม่ค่อยเม้นแต่ติดตามตลอดนะคะ)
     
  12. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..ประวัติจักร “เบญจรัตนฯ” ตอน ๖ พระโพธิสัตว์ลาพุทธภูมิ..

    _________________________________________147.jpg

    ต่อจากตอนที่แล้ว....______________________________

    ครั้นมาถึงวิมานแห่งท้าวสักกเทวราช นางก้มลงกราบแทบพระบาท พร้อมกล่าวว่า...

    “ข้าฯแต่ท่านจอมเทพฯ หม่อมฉันมิอาจสะกัดกั้นความทุกข์ใจไว้ได้ หม่อมฉันขอโอกาสแห่งพระองค์ให้พร หากแม้บุญของหม่อมฉันจะสิ้นลงในเทวโลก ด้วยเหตุแห่งพระโพธิสัตว์ได้ละความปรารถนาของท่านเสียแล้ว ไม่มีเหตุอันใดที่จะต้องปรารถนาในการอธิษฐานจักรแก้วคู่บารมีอีกต่อไป”

    ท้าวสักกเทวราชนั้น ทรงพรหมวิหารธรรม กล่าวแก่นางเทพธิดาด้วยจิตเมตตาว่า ..

    “ภคินี จงละซึ่งความอาลัยนั้นเสีย เรารู้เหตุว่า เราขอให้พรแก่นาง หากแม้ปรารถนาจะสร้างบารมีต่อไป ขอเจ้าจงจุติกลางปทุมมาลี นามว่า “พุทธารา” จำไว้นะ เจ้าเกิดแต่สายน้ำ เจ้าชื่อ พุทธารา

    เมื่อเกิดแล้วจะมีพระฤาษีนำเจ้าไปเลี้ยงด้วยน้ำหวานของดอกปทุม เจ้าจะเติบโตด้วยการเลี้ยงดูแห่งพระฤาษีนั้นด้วยความรักดุจบุตรในอุทร เมื่อเติบใหญ่จะได้พบกับ ๒ เทพธิดาอันเป็นพี่น้องของเจ้า บัดนี้ถึงกาลอันควร ให้ไปขออโหสิกรรมแก่พระโพธิสัตว์ท่านนั้นเถิด”


    เมื่อสิ้นสุดคำกล่าวของท้าวสักกเทวราช ร่างสุนิสาเทพธิดาก็ไปปรากฏต่อหน้าพระดาบสรูปหนึ่ง อันเป็นคู่บารมีแต่อดีต นางได้ระลึกถึงสร้างบารมีร่วมกันมานานกว่า ๑๐๐ อสงไขย และได้รับการพยากรณ์มาถึง ๑๔ อสงไขยกำไรแสนกัป
    เมื่อระลึกได้นางได้ร่ำไห้ พร้อมคร่ำครวญว่า..

    “ข้าฯแต่พระสวามีอันเป็นที่รัก เหตุใดท่านใจร้ายไม่นึกถึงความดีที่หม่อมฉันเคยทำมาแต่กาลก่อน หากท่านปรารถนาจะลาแล้ว ไยมิให้เรามาพบกัน และได้ลาไปพร้อมกัน ไยท่านจึงทำเยี่ยงนี้ ตัดบัวไม่เหลือเยื่อไย หม่อมฉันทำสิ่งใดบกพร่องหรือ ท่านจึงทำเช่นนี้”

    เสียงร่ำไห้ของนางดังไปถึงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พระสุตันตะดาบส(ชื่อในชาตินั้น) เมื่อได้ยินนางเทพธิดาปรากฏขึ้นกลางอากาศต่อว่าตนแล้วร่ำไห้ ก็ใคร่สงสารยิ่งนัก จึงใช้ญาณทัสสนะอันคล่องแคล่ว ตรวจดูว่า นางเป็นใคร เหตุใดมาต่อว่าตนเยี่ยงนี้

    จึงทราบว่า “แท้จริงนางคือ คู่บารมีมาแต่กาลก่อน” จึงกล่าวว่า...

    “ดูกร เทพธิดา..ผู้เจริญ สังสารวัฏอันยาวไกลนี้ เรามิรู้ว่า จะได้ประสบวิบากอย่างไรในภพเบื้องหน้า อันเนื่องเราระลึกได้ว่า มีกรรมหนักที่เราต้องชดใช้ เราเล็งเห็นภัยในวัฏสงสารนี้ เราไม่ปรารถนาที่จะเดินทางต่อไป เราขออภัยหากต้องทำให้นางลำบากใจ แต่เราได้ลั่นวาจาลาพุทธภูมิไปเสียแล้ว

    เพื่อเป็นการแทนคุณแห่งนาง เคยสละชีวิต เลือดเนื้อเพื่อเรามานับชาติไม่ถ้วน เราขอให้สัจจวาจาว่า ในชาติสุดท้ายขอให้เราได้พบนาง เพื่อเทศนาสั่งสอนให้นางพบแสงแห่งธรรม”


    ด้วยบุพกรรมที่สั่งสมกันมาแต่กาลก่อน นางเทพธิดามีความรักเคารพพระดาบสดุจบิดาแห่งตน คำกล่าวแห่งพระดาบส ทำให้จิตของนางสงบเยือกเย็นลงทันที

    ฝ่ายท้าวสักกเทวราชได้ใช้ทิพยเนตรตรวจดู พบว่านางได้มีจิตชุ่มเย็นแล้ว จึงได้ปรากฏกายเฉพาะหน้าพระดาบส และนางเทพธิดา และกล่าวว่า..

    “สุนิสาเทพธิดา..อย่าได้เสียใจไปเลย หากเจ้ามีความปรารถนาที่จะเป็นคู่บารมีพระโพธิสัตว์อยู่ ยังมีพระโพธิสัตว์อีกองค์หนึ่ง ที่มีความปรารถนามาร่วมกันแต่ต้นชาติ โดยที่เจ้าไม่รู้ตัว กาลข้างหน้าเจ้าจะได้พบพระโพธิสัตว์องค์นั้น”

    สุนิสาเทพธิดานั้น มิได้ไยดีต่อคำกล่าวของท้าวสักกเทวราช เนื่องจากมีความน้อยใจพระดาบสบดบังใจของนางอยู่ นางได้ตั้งสัจจอธิษฐานปนด้วยอารมณ์น้อยใจว่า ...

    “ข้าฯแต่พระดาบส ในเมื่อท่านสิ้นรักหม่อมฉันแล้ว มิปรารถนาให้หม่อมฉันเป็นผุ้ร่วมเดินทางอีก หม่อมฉันขอละความปรารถนจะช่วยผู้ใดสร้างบารมี ขอปรารถนาจะเป็นผู้สร้างบารมีเสียเอง จะรื้อสัตว์ขนสัตว์ดังท่านกระทำมาแต่กาลก่อน ขอให้ทุกภพชาติที่เกิดมาด้วยสัจจวาจานี้ ขอให้หม่อมฉันระลึกชาติได้ด้วยตนเอง ได้รู้ว่า ตนเกิดมาเพื่อสิ่งใดด้วยเถิด”


    เมื่อนางกล่าวเต็มไปด้วยความน้อยเสียใจอย่างที่สุด ทำให้นางจุติกลางดอกบัวในลำธารของป่าใหญ่ทันที
     
  13. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..ประวัติจักร “เบญจรัตนฯ” ตอน ๗ เหล่าเทพธิดาจุติ...


    ณ.ป่าใหญ่นี้ เป็นป่าที่มีความสงบร่มเย็น มีพระฤาษี ๓ ตน เป็นสหายกัน ได้บำเพ็ญตะบะอยู่คนละแห่งในป่านั้น ใน ๑ ปีจะมาพบปะกันสักครั้ง ขอกล่าวถึงพระตันตะฤาษี นั้น เป็นสำเร็จวิชาธาตุ มีความกล้าแข็งในฌานสมาบัติ ได้ยินเสียงร้องของทารกดังแว่ว จึงใช้ทิพยจักขญาณตรวจดู พบว่า มีทารกกำเนิดในดอกบัว จึงติดว่า ชะรอยจะเป็นเทพธิดามาจุติกระมัง จึงเดินเข้าไปดู

    ธรรมดาพระฤาษีไม่สามารถจะสัมผัสเด็กผู้หญิงได้ จึงให้กวางแสนรู้คาบเด็กน้อยมาวางบนดอกบัวแห้ง หาหนังลูกเสือมาเป็นเครื่องนุ่งห่มให้แก่นาง

    ท่านเห็นเด็กน้อยดูดเกสรดอกบัวติดอยู่ที่ปาก จึงคิดได้ว่า นางคงเติบโตได้ด้วยน้ำหวานจากเกสรดอกไม้ จึงหาน้ำหวานนั้นมาป้อนทารกน้อย ด้วยอานุภาพแห่งบุญ นางกินน้ำหวานเพียงเล็กน้อยก็สามารถดำรงชิวิตได้ พระดาบสได้ตั้งชื่อนาง ตามดอกบัวชมพูนั้นว่า “พุทธารา”

    กล่าวถึงสุมิตตราเทพธิดา และสุทัสสนาเทพธิดา เมื่อครบกำหนดเวลา สุมิตตราเทพธิดาได้จุติในถ้ำแก้วของพระฤาษีนามว่า “สุตรมงคลฤาษี” (พระเกษรีฤาษี) ตามคำอธิษฐานแห่งนาง พระสุตรมงคลฤาษี เป็นผู้ชำนาญอภิญญาสมาบัติและวิชาเล่นแร่แปรธาตุ ได้พบทารกหญิงในถ้ำนั้น ได้เลี้ยงดูนางด้วยน้ำนมเลียงผา ตั้งชื่อของนางตามถ้ำที่นางกำเนิดว่า “เบญจรัตน์”

    ส่วนสุทัสสนาเทพธิดา ก็จุติตามมาปรากฏบนดงดอกไม้ในป่าใหญ่นั้น ใกล้กับอาศรมแห่งพระโชตินฤาษี(พี่ชายของพระเกษรีฤาษี) มีลูกศิษย์หลายตน ทั้งชายและหญิง

    เมื่อพระฤาษีได้ยินเสียงทารกน้อยจึงให้ลูกศิษย์ไปดู พบว่า เป็นทารกหญิง ท่านตรวจดูพบว่า เป็นผู้มีบุญมาเกิดจึงเลี้ยงดูด้วยน้ำนมแพะ และให้นามว่า “พิมพมาลี”
    พระฤาษีทั้งสามได้พูดคุยกันด้วยจิต เป็นเรื่องที่น่าแปลกว่า มีเทพธิดา ๓ องค์มาจุติเวลาใกล้เคียงกัน จึงคิดว่า ควรนำมาเลี้ยงดูด้วยกัน โดยพระโชตินฤาษีได้ให้ลูกศิษย์ที่เป็นหญิงเลี้ยงดูทารกทั้งสามจนเติบโตอายุได้ ๑๐ ขวบ พระฤาษีทั้ง ๓ จึงเริ่มถ่ายทอดสรรพวิชาต่าง ๆ จนสำเร็จวิชาธาตุต่าง ๆ

    เมื่อนางทั้งสามมีอายุได้ ๑๖ ปี พุทธารานั้น มีความเชี่ยวชาญในการระลึกชาติ นางได้ระลึกว่า ก่อนมาเกิดพวกนางทั้ง ๓ เป็นพี่น้องกัน จึงนับถือกันตามสัญญาเดิม โดยยกให้เบญจรัตน์เป็นพี่ใหญ่ ส่วนนางเป็นน้องคนเล็ก นางทั้งสามรักกันดังพี่น้อง

    เมื่อนางระลึกได้ว่า การเกิดครั้งนี้ปรารถนาจะอธิษฐานจักรแก้วคู่บารมี จึงได้คอยดูแลอุปัฏฐากพระฤาษีทั้ง ๓ ด้วยความเคารพด้วยหวังจะให้พระฤาษีสอนวิชาเล่นแร่แปรธาตุดังกล่าว

    พระสุตรมงคลฤาษีนั้น ทราบวารจิตของลูกศิษย์ทั้ง ๓ จึงได้เรียกมาคุยและกล่าวว่า “อันการอธิษฐานนี้ ต้องเสียเวลาอันยาวนาน พวกเจ้าจะยอมสละชีวิตเลือดเนื้อ เพื่อการนี้หรือไม่”

    นางทั้งสามได้กล่าวว่า ... “พวกเรายินดีที่จะสละชีวิตเลือดเนื้อนี้”

    พุทธารานั้น แม้นางจะอธิษฐานซ้อนกันระหว่าง พุทธภูมิ และการเป็นคู่บารมีพระโพธิสัตว์ แต่ด้วยอธิษฐานในการเป็นคู่บารมีอันแรงกล้ามากกว่า ทำให้นางก็คล้อยตามพี่น้องคนอื่น

    พระสุตรมงคลฤาษีนี้ จึงได้กล่าวว่า “หากเป็นเช่นนั้น ให้เวลาพวกเจ้า ๑ เดือนในการทำกิจที่ต้องการก่อน แล้วไปพบกันที่ถ้ำแก้วของปู่ ปู่จะสอนให้พวกเจ้า”

    เมื่อทราบความแล้ว ทั้งสามจึงได้คิดว่า อยากจะทำอะไรก่อนจะเข้าสมาบัติ มีลูกศิษย์ของพระโชตินฤาษีที่เป็นหญิง มีนามว่า “ทักขิณา” นางกล่าวว่า ..


    “พวกเจ้าทั้งสาม ยังไม่เคยไปเที่ยวในเมืองใกล้ป่าแห่งนี้ใช่มั๊ย ลองไปสักครั้งไหมละ เพราะก่อนที่พวกเจ้าจะนั่งสมาธิอันยาวนานอย่างนั้น”

    ขอกล่าวถึงเศรษฐบุตรเศรษฐี หลังจากไปเกิดบนสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตตี มีวิมานใกล้กันกับสุมิตตราเทวี แต่ไม่เคยได้พบกัน เนื่องจากมัวเพลิดเพลินกับทิพยสมบัติที่เหล่าบริวารนำมามอบให้ จึงนึกได้ว่า..

    “ก่อนมาเกิดเราได้สร้างบุญใหญ่จึงได้มาเกิดสถานที่นี้ เรายังประมาทอยู่ เราจะไปเฝ้าพระอินทร์ไปเกิดเพื่อสร้างบารมีดีกว่า”

    จากนั้นท่านก็ได้กราบเรียนพระอินทร์ และจุติบนโลกมนุษย์ นับเป็นเวลาก่อนเทพธิดาสุมิตตรามาจุติ ๑๐ ปี

    ด้วยผลบุญได้ไปจุติเป็นพระโอรสของกษัตริย์ในเมืองมินทรมณี นามว่า “เจ้าชายโชติมณี” มีพระอนุชา ๒ องค์ นามว่า “โชติวงศ์” และโชติอินทร

    เมืองนี้มีมณีรัตนะมาก พระราชวังได้สร้างด้วยรัตนะทั้ง ๗ เมื่อ ๓ นางได้เดินทางเข้ามาในเมืองต่างก็เพลิดเพลินในสิ่งที่พบเห็น

    พุทธารานั้น ก่อนออกจากป่านางได้นำรวงผึ้งมาด้วย ตั้งใจว่าจะเป็นอาหารระหว่างทาง พิมพมาลีนั้น ได้นำดอกไม้และผลไม้จากป่าติดมือมาด้วย ส่วนเบญจรัตน์นั้นได้นำน้ำนมเลียงผามาด้วย
    กาลนั้นมีพระปัจเจกพุทธเจ้า กำลังเสด็จมาพร้อมบาตร ด้วยบุญในกาลก่อน พุทธารานั้นจำได้ว่า สมณะนี้เป็นผุ้มีบุญมาก จึงได้นิมนต์ท่านพร้อมถวายน้ำผึ้งลงในบาตรท่าน ส่วนพิมพมาลีนั้นได้ถวายผลไม้ และดอกไม้แก่พระปัจเจกพุทธเจ้านั้น


    ส่วนเบญจรัตน์ได้ถวายน้ำนมเลียงผาแก่พระปัจเจกนั้น เมื่อพระปัจเจกพุทธเจ้ารับภัตตาหารแล้ว จึงเลี่ยงไปนั่งฉันภัตตาหารทันที นางทั้งสามได้เห็นการกระทำแห่งพระปัจเจกนั้น ต่างปลื้มปิติในบุญ
    ระหว่างนางทั้งสามกำลังปลื้มปิติในบุญนั้น พระโอรสทั้ง ๓ ได้เสด็จผ่านมาพอดี ได้พบนางทั้งสามก็เกิดหลงรักนางทันที โดยนางทั้งสาม มิได้รู้เห็นแต่อย่างไร

    เมื่อเสร็จธุระแล้ว นางต่างก็เดินทางกลับไปยังป่าที่พำนักของตน เจ้าชายโชติอินทรนั้น ได้อาสาติดตามนางทั้งสามไปพร้อมกับทหารคนสนิทอีก ๒ คน ฝ่ายเจ้าชายอีกสองพระองค์ ได้กลับพระราชวังรอฟังข่าวต่อไป...

    ยังมีต่อ..
     
  14. Gangfoo Panda

    Gangfoo Panda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    98
    ค่าพลัง:
    +2,108
    อยากอ่านตอนต่อไปมากมายเลย............ค่าาา
     
  15. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,404
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,418
    [​IMG]

    วันนี้ได้อ่านเรื่องนางแก้วของพี่น้ำใสแล้ว นึกถึงนางแก้วของตัวเองมากครับ จึงได้ร่วมทำบุญกับเพื่อนในเฟสบุ๊คครับ

    ร่วมทำบุญเพื่อถวายพระปางจักรพรรดิหน้าตัก 26 นิ้ว ปิดทองประดับเพชร 1 องค์
    พร้อมด้วยสังฆทานชุดใหญ่ พานขอขมาประดับคริสตัล โดยจะถวายที่วัดมะเดื่อทอง จ.ปัตตานี เพื่อให้ชาว จ.ปัตตานี ตามภาพครับ

    ข้าพเจ้าขอน้อมถวายบุญนี้เป็นพุทธบูชาให้แก่
    -พระมังคละพุทธเจ้า
    -พระวิปัสสีพุทธเจ้า
    -พระทีปังกรพุทธเจ้า
    -พระกกุสันโธพุทธเจ้า
    -พระโกนาคมพุทธเจ้า
    -พระกัสสปะพุทธเจ้า
    -สมเด็จองค์ปัจจุบัน
    -พระศรีอริยเมตไตรยบรมโพธิสัตว์
    -พรหมเทพเทวดาที่รักษาข้าพเจ้า มีท่านเทวารวมจิต ,ท่านพรหมเดชเดชะ กรมหลวงชุมพร เป็นต้น
    -บิดามารดา ครูบาอาจารย์ และผู้มีพระคุณทุกท่าน มีหลวงปู่จง วัดหน้าต่างนอก หลวงปู่ปาน และหลวงพ่อเป็นที่สุด

    สุดท้ายขออุทิศบุญบารมีในครั้งนี้ให้แก่ นางแก้วทุกภพทุกชาติของข้าพเจ้า ขอให้คู่บารมีทั้งหลายของข้าพเจ้า
    จงโมทนาและจงประสบแต่ความสุข ความเจริญ ขอให้คู่บารมีของข้าพเจ้า ทั้งปวง
    เป็นผู้งามเลิศทั้งกาย กิริยา วาจา ใจ เป็นผู้มีศีล ศรัทธา ปัญญา จาคะ เสมอใกล้เคียงกัน
    เป็นผู้มีจิตอบรมดีแล้ว มีความสามารถฉลาดเป็นเลิศทั้งทางโลก และทางธรรม ด้วยเทอญ สาธุ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กุมภาพันธ์ 2013
  16. Miss Brown

    Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,779
    ค่าพลัง:
    +19,376

    พอจะเข้าใจอารมณ์ลาพุทธภูมินะคะพี่น้ำใส ลาไปร้องไห้ไป...น้ำตาไหลอาบแก้ม
    ความรู้สึกเจ็บช้ำล้ำลึก....ราวกับสูญเสียของรักมากที่สุดไปไม่มีวันกลับ
    แต่ความรู้สึกที่คู่บารมีลาพุทธภูมิแล้วทิ้งเราไว้นี่...
    ยังจินตนาการไม่ออกค่ะ คาดว่าคงสาหัสกว่าลาพุทธภูมิเป็นแน่แท้...
    คงไม่มีสิ่งใดจะมอบให้พี่ได้ นอกจากกำลังใจ....เท่านั้นค่ะ


    เมื่อเช้านั่งฟังท่านจิตโตเทศน์...ท่านว่า...
    ชีวิตดุจดั่งความฝัน .... รูปโฉมโนมพรรณดุจดั่งดอกไม้
    เราฝันว่าเราต้องได้สิ่งนั้นสิ่งนี้มาเราจึงจะมีความสุข...
    แท้จริงแล้วของทุกอย่างที่เราได้มา ไม่มีวันเป็นของเราอย่างแท้จริง
    เราตื่นขึ้นมา แล้วเราก็ฝันอีก ปรารถนาสิ่งนั้น...สิ่งนี้...สิ่งโน้นอีก
    แล้วเราก็ตื่นและพบว่า เราฝันไป เราฝันซ้ำกันไปซ้ำกันมา...
    เราฝันว่าเราได้มันมา แต่แล้วเมื่อตื่นมันก็สลายหายตัวไปในที่สุด
    สุดท้ายแล้วสิ่งที่เหลืออยู่คือดวงจิตของเราเพียงดวงเดียวเท่านั้น...
    ไม่มีสิ่งใดเป็นของเราอย่างแท้จริง...
    ฟังแล้วอินจังค่ะ เลยนำมาถ่ายทอดให้ฟังต่อ...



    รอฟังเรื่องเล่าตอนต่อไปพร้อมจิบกาแฟรอนะเจ้าค่ะ...
     
  17. NamfonBaanfa

    NamfonBaanfa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    510
    ค่าพลัง:
    +7,086
    กราบอนุโมทนาบุญด้วยค่ะน้องน้ำตาล ที่กรุณานำธรรมเทศนาโดยท่านจิตโตมาแบ่งปันให้เพื่อนๆ ในนี้ได้รับทราบกันเพื่อใช้อบรมจิตตนเอง _/|\_
     
  18. NamfonBaanfa

    NamfonBaanfa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    510
    ค่าพลัง:
    +7,086
    กราบอนุโมทนาบุญกับน้องธรรมวิวัฒน์ด้วยค่ะ _/|\_
     
  19. world999

    world999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    304
    ค่าพลัง:
    +1,992
    ขออนุโมทนาบุญกับคุณธรรมวิวัฒน์และคณะที่ได้สร้างกรรมดีทั้งปวงด้วยครับ
    "ขออุทิศบุญบารมีในครั้งนี้ให้แก่ นางแก้วทุกภพทุกชาติของข้าพเจ้า ขอให้คู่บารมีทั้งหลายของข้าพเจ้าจงโมทนาและจงประสบแต่ความสุข ความเจริญ ขอให้คู่บารมีของข้าพเจ้า ทั้งปวง เป็นผู้งามเลิศทั้งกาย กิริยา วาจา ใจ เป็นผู้มีศีล ศรัทธา ปัญญา จาคะ เสมอใกล้เคียงกัน เป็นผู้มีจิตอบรมดีแล้ว มีความสามารถฉลาดเป็นเลิศทั้งทางโลก และทางธรรม ด้วยเทอญ"
    ชอบมากๆ ขออนุโมทนา บุญนี้เช่นกัน ขอจงสำเร็จๆๆ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  20. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..ประวัติจักร “เบญจรัตน์ฯ ตอนที่ ๘ ด้วยไฟแห่งรัก..

    ubon.jpg

    เมื่อนางทั้งสามไปถึงที่พำนักของตน ซึ่งอยู่ไม่ห่างกันนัก เจ้าชายโชติอินทร (อ่านว่า โช-ติ-อิน-ทะ-ระ) ได้ติดตามมาถึงก็รู้สึกประหลาดใจที่นางทั้ง ๓ อาศัยอยู่ในโพรงบ้าง ในถ้ำบ้าง ในดงเถาวัลย์บ้าง สงสัยว่า นางเหล่านี้อาจจะเป็นนางไม้ หรือเทพธิดาจำแลงมา จึงคอยซุ่มดูนางพุทธาราที่ตนหมายปองอยู่

    พุทธารานั้นอาศัยอยู่ในโพรงไม้ใหญ่ใกล้ทำธารที่นางกำเนิด ทุกวันนางจะต้องไปอุปัฏฐากพระตันตะดาบส ก่อนที่จะทำกิจอย่างอื่น นางจะต้องไปตักน้ำดื่มน้ำใข้ ในต้นลำธาร ซึ่งห่างจากที่พักพอสมควร แต่เดิมที่แห่งนั้นไม่เคยมีอันตรายใด ๆ นับแต่มีมนุษย์ผู้ชายติดตามนางไป นางได้รับรู้ จึงกล่าวลอย ๆ ว่า..

    “ท่านผู้ใดติดตามเรามา ด้วยหวังสิ่งใดตอบแทน”
    เมื่อนางกล่าวจบเจ้าชายโชติอินทรนั้นรู้สึกละอายใจที่ตนถูกจับได้ จึงปรากฏกายพร้อมกัทหารคู่ใจทั้งสอง จึงกล่าวตอบว่า....


    “ข้าฯ คือ เจ้าชายโชติอินทร พระโอรสองค์เล็กแห่งกษัตริย์มินทรมณีนคร เราได้พบนาง เมื่อครั้งเดินชมพระนครของเรา เราปรารถนานางจะมาเป็นคู่ครองของเรา และพระเชษฐาของเราก็ปรารถนานางทั้ง ๒ ด้วย บิดามารดาของนางอยู่ที่ใด เราจะให้พระบิดาพระมารดาของเรามาสู่ขอนางตามประเพณี ”


    เมื่อพุทธาราได้สดับว่า รู้เป็นพระโอรสแห่งกษัตริย์มินทรมณีนคร ก็ทราบว่า เป็นผู้สูงศักดิ์กว่าตน จึงได้ก้มลงทำความเคารพตามสมควร และกล่าวว่า...

    “ข้าฯแต่สมมติเทพ ธรรมดาสตรีทั่วไปย่อมพึงใจที่ พระองค์ประสงค์จะอภิเษกสมรสด้วย หม่อมฉัน และพี่นางทั้ง ๒ เกิดมาชาตินี้ เพื่อประพฤติพรหมจรรย์รักษาศีล และมีกิจสำคัญต้องกระทำ จำเดิมมาแต่น้อยได้อาศัยพระฤาษีทั้ง ๓ เลี้ยงดูมา ยังไม่ได้ตอบแทนบุญคุณท่าน ด้วยเวลาเหลือเพียงไม่ถึงกาล ๑ เดือน หม่อมฉันทั้ง ๓ จะต้องออกบวชเป็นพระดาบสินี มิอาจจะอภิเษกกับท่าน หรือชายใด ๆ ได้หรอกเพคะ”

    พุทธารา แม้ยังไม่บวช แต่จิตของนางเป็นผู้ประพฤติพรหมจรรย์ เปี่ยมด้วยความเมตตาและเยือกเย็น ได้พยายามกล่าวแก่เจ้าชายโชติอินทรด้วยปิยวาจา

    แต่เจ้าชายหาได้ยอมฟังไม่ ด้วยจิตเปี่ยมด้วยความรัก เมื่อถูกปฏิเสธ ทำให้ทรงกระทำในสิ่งไม่ควร ได้เดินตรงไปจับมือนาง ดึงตัวนางเข้ามากอด พุทธารานั้นรู้สึกตกใจไม่คาดคิดว่า ภัยนี้จะเกิดแก่ตน


    จึงได้เรียกให้พระตันตฤาษีช่วย ฝ่ายพระฤาษีได้ออกจากสมาธิ และเหาะมายังลำธารที่เกิดเหตุ พบว่า มีชายแปลกหน้าแต่งตัวงดงามดุจกษัตริย์จึงกล่าวว่า....

    “ท่านผู้สูงศักดิ์ นางผู้นี้ เป็นดุจธิดาของเรา เราเป็นผู้ปกครองนาง เหตุใดท่านกระทำในสิ่งที่ไม่สมควรเยี่ยงนี้”

    เจ้าชายโชติอินทร เมื่อพบว่าพระฤาษีอยู่ ๆ ก็มาปรากฏกายต่อหน้า และกล่าวแก่ตนเช่นนั้น จึงรู้สึกละอายใจ ก้มลงกราบขออภัยพระฤาษี และกล่าวแก่พระฤาษีว่า....

    “ข้าฯแต่ท่านผู้ทรงศีล เกล้ากระผมมีความเสน่หาในตัวนางผู้นี้ และพระเชษฐาของเกล้ากระผมก็ปรารถนาจะได้อีก ๒ นางไปอภิเษกสมรสด้วย เราทั้ง ๓ จะทำตามประเพณีทุกอย่าง ขอท่านเห็นแก่ความรักของพวกเราทั้ง ๓ ด้วยเถิด"


    พระตันตฤาษีได้ฟังก็กล่าวว่า...
    “เจ้าชายผู้สูงศักดิ์เอ๋ย.. นางทั้ง ๓ นี้ เป็นผู้ประพฤติพรหมจรรย์ แสวงหาทางดับทุกข์ อีกไม่นานนางทั้ง ๓ ก็จะบวชเป็นพระดาบสินีแล้ว ขอท่านได้โปรดหาหญิงอื่น อภิเษกเสียเถิด”

    แม้จะพระฤาษีจะกล่าวอย่างไร เจ้าชายก็หาฟังไม่ เฝ้าแต่พร่ำพรรณนาถึงความรักของตนแก่นางพุทธารา พระตันตฤาษีนั้นด้วยเห็นว่า เจ้าชายโชติอินทรมีไฟราคะเผาใจอยู่ แม้กล่าวอย่างไรก็ไม่เข้าใจ อาจจะสร้างกรรมหนักแก่นางได้ ท่านจึงให้นางพุทธาราจับกิ่งไม้ที่ท่านถือไว้ และใช้วิชากำบังกายหายตัวไปยังถ้ำแก้วแห่งพระสุตรมงคลฤาษีทันที


    ฝ่ายเจ้าชายโชติอินทรเหมือนถูกเด็ดดวงใจ เฝ้าคร่ำครวญว่า หากไม่ได้นางมาเป็นคู่ตนคงไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ และตั้งจิตอธิษฐานด้วยทิฐิแห่งขัตติยชาติว่า ..
    “แม้ชาตินี้จะมิได้นางมาครอง ขอนวลน้องจงอย่าได้เป็นของใคร
    ขอให้นางจงมีเพียงตนไซร้ แม้ชายใดไม่เหลียวแลแม้ชำเลือง
    จะกี่ภพกี่ชาติวันข้างหน้า จะตามหานวลนางไม่ห่างหาย
    ขอเพียงเราได้อยู่คู่เคียงกาย นางนี้ไซร้จะไม่มีวันลืมเลือน”


    จากนั้นเจ้าชายโชติอินทรก็สิ้นตักษัยตรงนั้นเอง ความทั้งหมดทราบถึงพระสุตรฤาษี จึงได้เหาะมาปรากฏกายต่อหน้าทหารคนสนิททั้งสองที่กำลังตื่นตะหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กล่าวว่า..

    “เรื่องนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นในสำนักเราเลย เจ้าชายยังไม่เข้าใจเรื่องของการบำเพ็ญเนกขัมมบารมี นางทั้ง ๓ เป็นเทพอัปสรสวรรค์ลงมาจุติ เพื่อสร้างบารมีหาได้มาเป็นคู่ผู้ใด
    ขอฟ้าดินเป็นพยาน กาลข้างหน้าเพื่อปกป้องนางมิให้เสื่อมเสียจากการอธิษฐานอันไม่บริสุทธิ์นี้ ขอให้ข้าพเจ้าได้เป็นผู้ไกล่เกลี่ย และยุติกรรมนี้ในอนาคตกาลเบื้องหน้าในทุกภพทุกชาติที่เจ้าชายได้เกิดมา
    และขอให้ข้าพเจ้า เป็นผู้ชี้ทางสว่างแก่เจ้าชายจนกว่าจะมีสัมมาทิฐิด้วยเถิด"..


    จากนั้นจึงให้ทหารทั้งสองจับชายผ้าตน และอุ้มร่างเจ้าชายโชติอินทรเหาะไปยังท้องพระโรงแห่งเมืองมินทรมณีนคร และแจ้งเรื่องราวทั้งหมดแก่เจ้าชายทั้งสอง จากนั้นได้กล่าวว่า นางทั้งสองนั้น เกิดมาเพื่อประพฤติพรหมจรรย์ ขอให้ท่านทั้งสองโปรดอนุโมทนาบุญกับนางด้วยเถิด

    นับจากนี้ไปเกือบ ๑ เดือน นางทั้ง ๓ จะออกบวชและเข้าสมาบัติเป็นเวลานานมาก ขอท่านโปรดตัดใจและอภิเษกสมรสกับหญิงอื่นที่มีบุญเถิด เจ้าชายทั้งสองเมื่อได้ยินก็อนุโมทนา และคิดว่า โชคดีที่ตนไม่ถูกไฟราคะเผาไหม้จิตใจเช่นนี้ จึงได้กราบพระฤาษีเป็นอาจารย์ และกล่าวว่า..


    “กาลข้างหน้าหลังจากพระดาบสินีทั้งสามออกบวชแล้ว ขอให้เกล้ากระผมได้ไปศึกษาวิชากับพระอาจารย์ด้วยเถิด”

    พระสุตรมงคลฤาษีได้รับปาก จากนั้นก็ลากลับเหาะไปยังถ้ำแก้วของตนทันที
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กุมภาพันธ์ 2013
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...