ปิดประมูลวัชระบัว ๒ องค์ หน้า ๖๖๑ ,ธรรมะจากพระอาทิพุทธะ หน้า ๖๕๙ ค่ะ

ผมก็อยากร่วมประมูลครับ แต่ขอหลีกให้คุณ am12 ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านครับ
รอเทพศาตราวุธครับคุณน้ำใส

 

วันนี้นำจักรแก้วหนึ่งในสามของผู้ที่อธิษฐานจักรในครั้งนั้นมาฝากค่ะ

​

เรื่องมีอยู่ว่า...วันหนึ่งตาลกำลังนั่งรถไปเชียงใหม่ เพื่อร่วมบุญกฐินจักรพรรดิ
จู่ ๆ ก็เห็นเทพบุตรชั้นดุสิตองค์หนึ่งโผล่ขึ้นมาบนรถทัวร์ที่กำลังวิ่งและทุกคนกำลังหลับสนิท
(ยกเว้นตาลที่ตื่นขึ้นมาทำไมก็ไม่รู้ T_T)
ท่านมายืนยิ้มอยู่ทั้งคืนตลอดทางที่เดินทางไปเชียงใหม่
ตอนนั้นเข้าใจว่าท่านเป็นเทพบุตรประจำจักรของท่านสิทธิสัตตะค่ะ
แต่ด้วยความง่วงจึงไม่ได้สอบถามและพูดคุยกับท่านเลย...


ผ่านมาประมาณสองเดือน...คืนหนึ่งได้รับบททดสอบในความฝันเรื่องศีลข้อ ๒ และข้อ ๓
ปรากฎว่าสอบผ่านมาได้...ท่านจึงปรากฎตัวให้เห็นอีกครั้งหนึ่ง...
ตาลเลยถามท่านในฝันว่า...เป็นไงคะท่าน หนูสอบผ่านไหม?
ได้ยินเสียงตอบว่า "ผ่าน"
ก็เลยขอท่านไปค่ะว่า ถ้าหากหนูสอบผ่านแล้ว ขอให้ของหยาบ (จักร) ขึ้นมาเร็ว ๆ นะคะ


ไม่นานมานี้จึงได้รับจักรเป็นของกำนัลค่ะ
จักรองค์นี้ขึ้นมาพร้อมกับจักรเบญจรัตนะประทีปของท่านวิทยา...


บุญกุศลผลบุญใดที่ข้าพเจ้าได้ให้ธรรมทานในครั้งนี้
ขอน้อมถวายท่านฐารปัตรเทพบุตรทุกประการเจ้าค่ะ

 

จักรสวยดีครับ แหมเอาโชว์ ให้น้ำลายหกซะงั้น น้ำตาล

 

ขอขอบคุณ คุณธรรมวิวัฒน์ สำหรับแรงเชียร์และแรงใจครับ

 

ภาพด้านบน รู้สึกคุ้นมากๆเลยครับ ขออนุโมทนาบุญกับคุณน้ำตาลด้วยครับ

 

ผมขอขอบคุณนะครับ แต่หากคุณworld999 สนใจก็ร่วมประมูลได้เลยนะครับไม่ต้องเกรงใจครับ หากเป็นสิ่งของที่เหมาะควรแล้วทุกอย่างจะจัดสรรให้เองครับ ไม่ต้องกังวลครับ

 

ขออนุโมทนาบุญกับคุณ Miss Brownด้วยนะครับ จักรงามมากมายครับ
(เอ..... จะให้เรียกว่าพี่หญิง น้องหญิงหรือ พระแม่เจ้าดีครับ )

 

ขอร่วมประมูลที่ 17,000 บาทครับ

 

ขอร่วมประมูลที่ 17,500 บาทครับ

 

ขอร่วมประมูลที่ 17,900 บาทครับ

 

ขอแสดงความยินดีและขออนุโมทนาบูญกับคุณ half wave ด้วยนะครับ

 

ขอแสดงความยินดีและขออนุโมทนาบุญกับคุณ half wave ด้วยนะครับ
ที่ได้เป็นเจ้าของดวงแก้วบรมจักรพรรดิ “สังขธรณีมังตรา”​

 

สรุป ผู้เข้าร่วมประมูล ดวงแก้วบรมจักรพรรดิ “สังขธรณีมังตรา” นะค่ะ

1. คุณClearly = 15,999.-
2. คุณam12 = 16,500.-
3. คุณhalf wave = 17,000.-
4. คุณmoom = 17,500.-
5. คุณhalf wave = 17,900.- ในเวลา 11.29 น

ขออนุโมทนาบุญกับ คุณ half wave และทุกๆท่านนะค่ะ

จันทรกาล

 

ขอแสดงความยินดีและขออนุโมทนาบุญกับคุณ half wave ด้วยนะคะ
ที่ได้เป็นเจ้าของดวงแก้วบรมจักรพรรดิ “สังขธรณีมังตรา”
(แค่ได้เห็นชื่อดวงแก้วก็ รู้สึกขนลุกแล้วค่ะ)

สมความปรารถนา ในเร็ววัน แน่นอนค่ะ...อนุโมทนานะคะคุณ world999

 

อนุโมทนาบุญกับคุณ half wave ด้วยค่ะ ...มานั่งรอคุณน้ำใสเล่าประวัติ ดวงแก้วและจักรแก้วต่อนะคะ^_____^

 

วันนี้ 11:35 AM
ธรรมวิวัฒน์ ยินดีและอนุโมทนาบุญกับคุณ half_wave ด้วยนะครับ
วันนี้ 11:29 AM
half wave ขอร่วมประมูลที่ 17,900 บาทครับ วันนี้ 11:28 AM
mooom ขอร่วมประมูลที่ 17,500 บาทครับ
วันนี้ 11:01 AM
half wave ขอร่วมประมูลที่ 17,000 บาทครับ
__________________________________

ขออนุโมทนาบุญกับคุณ clearly คุณ am12 คุณmooom ที่ได้ร่วมประมูลดวงแก้วสังขธรณีมังตราในครั้งนี้ด้วยค่ะ

และขอแสดงความยินดีกับคุณ half wave ที่ได้เป็นผู้ดูแลดวงแก้วดวงนี้ต่อไปค่ะ

เป็นเรื่องแปลกที่ตั้งแต่ลงประมูล เห็นชื่อของคุณ half wave ปรากฏขึ้น คิดว่า ตนเองอุปทาน เพราะปกติไม่เคยเห็นท่านนี้ร่วมประมูล มีแต่มาช่วยเชียร์

ต้องขอแสดงความยินดีอีกครั้งค่ะ ขอให้สำเร็จตามความปรารถนาทุกประการค่ะ

Numsai

 

ขอแสดงความยินดีด้วยน่ะครับ ^^

 

..ประวัติจักร “เบญจรัตนฯ” ตอน ๑๑ ..มหาพรหมทั้ง ๓ จุติ...

​

กาลเวลาผ่านไปถึง ๕๑ กัป ณ. แดนพรหมโลก ท้าวสหบดีพรหม(คนละองค์กับท้าวสหบดีพรหมองค์ปัจจุบัน) ผู้เป็นใหญ่แห่งพรหมทั้งหลาย ได้ส่งกระแสไปยังมหาพรหมทั้ง ๓ คือ อดีตพระฤาษีคือ พระตันตฤาษี พระสุตรมงคลฤาษี และพระโชตินฤาษีให้ไปจุติ เพื่อภารกิจที่เคยตั้งสัจจวาจาไว้

มหาพรหมทั้ง ๓ ได้ทราบว่า ถึงกาลจะต้องลงไปจุติแล้ว จึงได้ตรวจดูว่า สถานที่ใด เป็นเนื้อนาบุญที่ตนจะเกิดแล้วได้สร้างบุญได้ดีที่สุด ต่างสัญญากันว่า ถึงเวลาจะต้องไปพบกัน ณ.ถ้ำรัตนมณีตามคำอธิษฐาน จากนั้นท่านทั้ง ๓ ก็ลาท้าวสหบดีพรหม และเข้าสมาบัติอธิษฐานไปจุติยังสถานที่ตนตั้งจิตไว้ทันที

พระตันตฤาษีได้ไปจุติในตระกูลพราหมณ์ มีนามว่า “โกลียพราหมณ์” เมื่อเติบใหญ่ได้ศึกษาวิชาต่าง ๆ จนมีความชำนาญในวิชาพระเวทย์ และวิชาธาตุ ๔ มีวิชาแปลงกาย กำบังกาย เป็นต้น จนมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วแคว้น

ทำให้กษัตริย์แห่งเมืองวรรณปุระ นามว่า “พระเจ้าปัญจเวชณ์” เกิดความเลื่อมใสศรัทธา จึงได้ส่งเสนาอำมาตย์ไปเชิญ “โกลียพราหมณ์” มาสั่งสอนพระโอรส ๓ พระองค์ คือ เจ้าชายมิตตราช เจ้าชายสุทธิราช(คุณ am12) และเจ้าชายวาตราช (คุณ octt) เจ้าชายทั้ง ๓ ต่างก็ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนวิชาจนสำเร็จ

ครั้นเมื่อถึงเวลา ท่านโกลิยพราหมณ์ก็ได้เรียกเจ้าชายทั้ง ๓ มา เพื่อให้เรียนรู้เคล็ดลับวิชาต่างๆ ตามความชำนาญ จากนั้นท่านได้ทูลแก่พระเจ้าปัญจเวชณ์ว่า ถึงเวลาที่จะต้องออกธุดงค์ในป่า อาศัยอยู่ในถ้ำ เจ้าชายมิตตราช และเจ้าชายสุทธิราชนั้น ปรารถนาที่จะออกเดินทางไปพร้อมกับพระอาจารย์

พระเจ้าปัญจเวชณ์นั้นได้ไตร่ตรองดู เนื่องจากทรงเป็นห่วงว่า ระหว่างทางจะเกิดอะไรขึ้นแก่พระโอรสหรือไม่ ท่านโกลียพราหมณ์ได้ตรวจดูบุพกรรมของเจ้าชายทั้งสอง การไปคราวนี้ไม่มีอันตรายใด ๆ จึงได้กล่าวแก่พระเจ้าปัญจเวชณ์ว่า..

“มหาบพิตร ท่านมิต้องเป็นห่วงหรอก การไปคราวนี้ของพระโอรสทั้งสองเป็นเรื่องที่ดี จะได้เป็นการผจญภัย อีกทั้งเราจะได้เรียนวิชาเพิ่มขึ้น เพราะเราจะได้ไปพบสหายเก่า ขอมหาบพิตรจงวางใจ พระโอรสจะได้กลับมาครองราชย์ต่อจากท่านแน่นอน”

เมื่อพระราชาได้ฟังดังนั้น จึงให้จัดเตรียมรถม้าสำหรับท่านโกลิยพราหมณ์ และม้าสำหรับเจ้าชายทั้งสอง โดยมีทหารคนสนิทได้ด้วย ๒ คน เพื่อคอยคุ้มกันภัยต่าง ๆ ทั้งหมดจึงเดินทางไปยังถ้ำรัตนมณี โดยทางเท้า นับเวลาเป็นแรมเดือน

(ความจริงแล้วท่านโกลิยพราหมณ์นั้น สำเร็จอภิญญา ๕ แต่ไม่สามารถแสดงอภิญญาได้ เนื่องจากยุคนั้นยังไม่มีความเชื่อเรื่องอภิญญาเท่าใดนัก แต่ก็มีผู้ได้อภิญญา ๕ และอาศัยอยู่ในป่า เหตุนี้ท่านจึงให้เจ้าชายทั้ง ๒ ได้ไปฝึกฝนวิชานี้ เพื่อใช้ในอนาคต

ซึ่งก็คล้ายกับยุคของเราในปัจจุบัน ที่คนส่วนใหญ่ปฏิเสธเรื่องอภิญญา กลายเป็นเรื่องเหลวไหล ไม่จริง การใช้อภิญญานั้น ควรใช้เมื่อยามคับขัน หรือจำเป็น มิได้ใช้เพื่อโอ้อวดภูมิรู้แห่งตน ..)

ยังมีต่อ..

 

ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่าน และอนุโมทนากับทุกท่านที่ร่วมประมูล
เป็นไปตามที่พี่น้ำใสบอก เพราะปกติผมจะร่วมยินดีและอนุโมทนากับทุกท่านที่ประมูลและร่วมบุญกัน
แต่ครั้งนี้รู้สึกอยากเข้าร่วมประมูลด้วย
ที่เข้าร่วมประมูลในครั้งนี้ส่วนหนึ่งเพื่อดูกำลังใจตัวเอง และเพื่อดูการอธิษฐานพระปัจเจกโพธิญาณด้วย

 

ประวัติจักรชมพู”เบญจรัตนประทีป ตอน ๑๒ สังขธรรมราชา สละราชสมบัติและพระมเหสี.

กล่าวถึงพระสุตรมงคลพรหมนั้นได้จุติเป็นพระโอรสของกษัตริย์เมืองมังตรนคร นามว่า "สังขกุมาร" เมื่อเติบใหญ่ ได้อภิเษกกับพระนางพิณทราวดี มีพระโอรส-ธิดา ๒ พระองค์นามว่า “เจ้าชายสิงหบดี” และ “เจ้าหญิงพักตราวดี” ภายหลังพระบิดาสวรรคต พระองค์ได้ครองราชสมบัติต่อพระบิดาด้วยความสงบสุขร่มเย็นเรื่อยมา

ผ่านมาหลายปี ทรงสุบินเรื่องแปลก ๆ ว่า พระองค์เป็นพระฤาษี มีพระสหายเป็นพระฤาษี ๒ ตนอาศัยอยู่ในป่า ได้เลี้ยงเด็กหญิง ๓ คน ฝันอย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนรู้สึกร้อนรุ่มพระทัย นอนหลับไม่เป็นสุข จึงได้ตั้งจิตอธิษฐานต่อเทพยดาฟ้าดินว่า...

“ข้าฯแต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งในโลกนี้ และภพเบื้องบน หากแม้เป็นบุพนิมิตในการสร้างบารมีแห่งข้าพเจ้า ขอท่านได้โปรดให้สัญญาณแห่งข้าฯพระองค์ด้วยเถิด”
เมื่อสิ้นคำอธิษฐาน พระองค์ได้ยินเสียงพสุธาลือลั่น คล้ายเป็นการยืนยันคำอธิษฐานนั้น จึงดำริว่า อาจจะถึงกาลที่เราควรสละบัลลังก์เสียแล้ว เราควรจะออกบวช เพื่อแสวงหาสัจจธรรมนั้น

ครั้นรุ่งเช้าได้สั่งการให้พระโอรส คือเจ้าชายสิงหบดี (ขณะนี้ทรงพระชนมายุได้ ๒๙ ชันษา ได้อภิเษกสมรสกับพระนางสิริมิตรา มีพระโอรส ๑ องค์) ทรงได้ตรัสกับพระโอรสเรื่องการสละราชสมบัติ เจ้าชายสิงหบดีนั้น ทรงพระทัย ทรงเห็นว่า พระบิดายังไม่ชราที่จะสละบัลลังก์ พระสังขธรรมราชาได้กล่าวว่า..

“เหตุแห่งการสุบินนี้ หาใช่เรื่องธาตุกำเริบ พ่อจะต้องหาเหตุให้พบว่า มาจากเหตุใด ขอเจ้าจงเห็นแก่พ่อเถิด เจ้าโตพอที่จะครองบัลลังก์ได้แล้ว พ่อฝากเจ้าช่วยดูแลแม่ และน้องเจ้าด้วยนะ กิจต่าง ๆ จะมีท่านธนสุรัตน์อำมาตย์ และสิริสารอำมาตย์คอยช่วยเหลือ ช่วยหาคู่ครองให้แก่น้องเจ้าด้วยนะ พ่อจะได้ไม่เป็นห่วง”

เจ้าชายสิงหบดีนั้น แม้จะทัดทานอย่างไร ทรงเห็นว่าพระบิดาไม่ยอมใจอ่อน จึงได้น้อมรับบัญชา จากนั้น พระสังขธรรมราชานั้นได้แจ้งข่าวแก่พระนางพิณทราวดี พระนางมิได้เตรียมพระทัยมาก่อนในการนี้ จึงเสียพระทัยยิ่งนัก ทรงเห็นว่า พระสวามีทอดทิ้งตน

ธนสุรัตน์อำมาตย์นั้น ความจริงเป็นพระญาติของพระสังขบดี มีศักดิ์เป็นพระอนุชา แต่มีพระชนมายุมากกว่าพระนางพิณทราวดี ท่านได้ทรงหลงรักพระนางมานานแล้ว แม้เวลาจะผ่านไปนานเพียงใดทรงปรารถนาพระนางมาเคียงคู่โดยมิได้รังเกียจว่า พระนางเคยสมรสมาแล้วก็ตาม

ด้วยความรักอันล้นปรี่ จึงได้กล่าวขอพระนางพิณทราวดีจากพระเจ้าสังขธรรมราชาว่า ..


พระเจ้าสังขธรรมราชาทรงตรัสว่า “เราสละแล้วซึ่งทุกอย่าง เราปรารถนาจะออกบวช”

ธนสุรัตน์อำมาตย์นั้นกล่าวว่า “แม้แต่พระนางพิณทราวดีนั้น พระองค์ได้สละแล้วหรือไม่พระเจ้าข้าฯ”

พระเจ้าสังขธรรมราชานั้น ไม่คิดว่า จะมีคำถามนี้มาจากข้าบริพาธของตน จึงตัดพระทัยและกล่าวว่า
“เราจะออกบวชแล้ว ดังนั้นนางจึงเป็นอิสระจากเรา”

เมื่อทรงตรัสตอบเช่นนั้น ธนสุรัตน์อำมาตย์ก็ยินดียิ่งนักได้กล่าวว่า..

“ข้าฯมหาบพิตร หากพระนางเป็นอิสระจากพระองค์แล้ว เกล้ากระหม่อมขอพระราชทานพระนางจากพระองค์ด้วยเถิด”

พระสังขธรรมราชานั้น ได้คิดสละทุกอย่างแม้นางอันเป็นที่รัก เมื่อสิ้นสุดคำของธนสุรัตน์อำมาตย์ พระนางพิณทราวดีถึงกับตกตะลึง มิคิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกันตน จึงเสียพระทัยยิ่งนักคิดว่า พระสวามีสิ้นรักแห่งตนแล้ว จึงร่ำไห้ปิ่มใจจะขาด พระสังขธรรมราชานั้นทรงตรัสว่า..

“น้องหญิง..เจ้าเองมิได้มีความผิดอะไร พี่ก็มิได้สิ้นรักในตัวเจ้า ขอเจ้าจงมีความยินดีในการเสียสละครั้งนี้ของพี่ด้วยเถิด พี่จะแต่งตั้งให้ธนสุรัตน์เป็นที่ปรึกษาของพระราชา เพื่อให้ทัดเทียมแก่ฐานะของเจ้า แต่หากแม้เจ้าไม่ยินยอม พี่ก็จะไม่บังคับเจ้าให้ต้องเสียใจ”

พระนางพิณทราวดีนั้น ได้ยินว่า พระสังขธรรมราชายังรักตนอยู่ ถึงกับลืมเรื่องทั้งหมด ด้วยความรักสามีและเทิดทูลในสามี นางก็คิดว่า หากไม่มีพระสวามีอยู่แล้ว พระโอรสนั้นก็มีภารกิจหลายอย่างต้องดูแล นางได้ยื่นตรัสว่า

“ท่านธนสุรัตน์อำมาตย์ หากท่านประสงค์จะอภิเษกกับข้าฯ ข้าฯจะไม่ยอมมีพระโอรส-ธิดากับท่าน ท่านจะยินยอมอภิเษกหรือไม่”
ธนสุรัตน์อำมาตย์นั้น แค่ได้ยินคำว่าพระนางจะอภิเษกด้วยก็ยินดียิ่งนัก แม้จะไม่มีพระโอรส-ธิดา ท่านก็มิได้ปรารถนาอยู่แล้ว ปรารถนาเพียงได้ดูแลพระนางพิณทราวดี จึงได้ตอบตกลงทันที

เมื่อพระสังขธรรมราชาได้ยินเช่นนั้น จึงได้หยาดน้ำลงฝ่ามือของธนสุรัตน์อำมาตย์ และประกาศแต่งตั้งให้ธนสุรัตน์อำมาตย์เป็นที่ปรึกษาพระราชา

ต่อมาก็ได้ประกาศสละราชสมบัติแก่เจ้าชายสิงหบดี จากนั้นพระองค์ได้ออกผนวชเป็นพระฤาษี ได้ออกเดินทางไปทางทิศตะวันออกของเมืองตามนิมิตต่อไป...