เปรียบชีวิตกับการเดินทาง เปรียบจิตกับรถ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Kingkong1, 15 กุมภาพันธ์ 2013.

  1. Kingkong1

    Kingkong1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    776
    ค่าพลัง:
    +2,262
    เปรียบชีวิตกับการเดินทาง เปรียบจิตกับรถ

    ถ้าชีวิตคือการเดินทาง จุดเริ่มต้นอยู่ที่กรุงเทพ ฯจุดหมายปลายทางอยู่ที่เหนือสุดของประเทศ
    แต่ละคนเดินทางด้วยรถคันหนึ่ง แต่คนเดินทางแต่ละคนมีความแตกต่างกัน

    คนเดินทางประเภทที่ 1.
    รถก็ไม่ได้เช็คความพร้อม ยางก็ไม่ได้เติมลม น้ำมันก็ไม่ได้เติม แบตเตอรี่ก็ไม่ได้ชาร์ตและ เดินทางโดยไม่รู้จุดหมายปลายทาง กินเหล้าเมาตลอดทาง(ไร้สติ) ลองคิดดูว่าการเดินทางของเขาจะเป็นอย่างไร เขาคงขับรถปัดซ้ายปัดขวาไปตลอดทาง ถูกคนด่าแช่งไปตลอดทางต้องพบอุบัติเหตุตลอดทาง พบเห็นอะไรแปลก ๆ ก็แวะไปตลอดทาง เขาก็คงวนอยู่ในกรุงเทพ ฯ นี่แหละ ทั้งนี้เพราะเขาไม่รู้จุดหมายปลายทางว่าจะไปไหน เขาวิ่งจนแบตเตอรี่หมด จนน้ำมันหมด ก็ต้องจอดรถแช่ไว้ที่ใดที่หนึ่ง

    คนเดินทางประเภทที่ 2.
    เขารู้ว่าจะเดินทางไปเหนือสุด เขาก็ออกเดินทาง ยางก็ไม่ได้เติมลม น้ำมันก็ไม่ได้เติม เครื่องก็ไม่ได้ตรวจเช็ค แล้วเมาตลอดทาง การเดินทางของเขาจะเป็นอย่างไร เขาขับมุ่งหน้าสู่เหนือจริง แต่รถวิ่งเหมือนงูเลื้อย เจออุบัติเหตุตลอดทาง พบเห็นอะไรก็แวะดูตลอดทาง และแล้วก็ไปเจอสาว(หรือหนุ่ม)ที่ถูกใจ ก็เลยแวะ ตกร่องปล่องชิ้นอยู่กินเป็นเมียผัว มีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเรือน เดินทางไม่ถึงเหนือสุด บางคนขี้ขโมย พบเห็นอะไรของใครก็ลักขโมยไปตลอดทาง จนที่สุดก็ถูกตำรวจจับยัดห้องขัง บางคนเจ้าโทสะ ก็ทะเลาะกับเขาไปตลอดทาง จนที่สุดก็ไปฆ่าคนตาย ถูกตำรวจจับยัดห้องขัง ไปไม่ถึงจุดหมาย

    คนเดินทางประเภทที่ 3.
    เขารู้ว่าจะเดินทางไปเหนือสุด เขามีความตั้งใจดีมาก จึงนำรถเข้าอู่อย่างดี ตรวจเครื่องยนต์ เบรก น้ำมันเครื่อง เติมน้ำมันเต็มถัง ชาร์ตแบตเต็ม เปลี่ยนยางใหม่อย่างดี รถมีความพร้อมเต็มที่ เขาก็ขึ้นรถสตาร์ท แต่ไม่ออกวิ่งไปไหนเลย ทั้งนี้เพราะเขาไม่รู้ว่าทิศเหนืออยู่ทางไหน ก็เลยสตาร์ทเครื่องเปิดแอร์นั่งเย็นสบายอยู่ในรถ จนน้ำมันหมด แบตเตอรี่หมด ยังอยู่ที่เดิม ในอู่ใหญ่นั่นแหละ

    คนเดินทางประเภทที่ 4.
    เขารู้ว่าจะเดินทางไปเหนือสุด เขามีความตั้งใจดีมาก จึงนำรถเข้าอู่อย่างดี ตรวจเครื่องยนต์ เบรก น้ำมันเครื่อง เติมน้ำมันเต็มถัง ชาร์ตแบตเต็ม เปลี่ยนยางใหม่อย่างดี รถมีความพร้อมเต็มที่ เขาศึกษาเส้นทางมาอย่างดี มีแผนที่พร้อม และได้ฝึกขับรถจนชำนาญแล้ว เมื่อเขาขึ้นรถก็สตาร์ท ขับมุ่งหน้าสู่ทิศเหนือ แต่ปรากฏว่าเขาไปพบหญิงสาวที่ถูกตาต้องใจ ก็เลยตกร่องปล่องชิ้นอยู่กินเป็นเมียผัว มีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมือง เลยไปไม่ถึงจุดหมายปลายทาง

    คนเดินทางประเภทที่ 5.
    เขารู้ว่าจะเดินทางไปเหนือสุด เขามีความตั้งใจดีมาก จึงนำรถเข้าอู่อย่างดี ตรวจเครื่องยนต์ เบรก น้ำมันเครื่อง เติมน้ำมันเต็มถัง ชาร์ตแบตเต็ม เปลี่ยนยางใหม่อย่างดี รถมีความพร้อมเต็มที่ เขาศึกษาเส้นทางมาอย่างดี มีแผนที่พร้อม และได้ฝึกขับรถจนชำนาญแล้ว เมื่อเขาขึ้นรถก็สตาร์ท ขับมุ่งหน้าสู่ทิศเหนือ แต่เขาก็แวะชมนกชมไม้ไปตลอดทาง น้ำมันก็ไม่ได้แวะเติมระหว่างทาง รถก็ไปดับสนิทในระหว่างป่าเขา ไปไม่ถึงจุดหมายอีก

    คนเดินทางประเภทที่ 6.
    เขารู้ว่าจะเดินทางไปเหนือสุด เขามีความตั้งใจดีมาก จึงนำรถเข้าอู่อย่างดี ตรวจเครื่องยนต์ เบรก น้ำมันเครื่อง เติมน้ำมันเต็มถัง ชาร์ตแบตเต็ม เปลี่ยนยางใหม่อย่างดี รถมีความพร้อมเต็มที่ เขาศึกษาเส้นทางมาอย่างดี มีแผนที่พร้อม และได้ฝึกขับรถจนชำนาญแล้ว เมื่อเขาขึ้นรถก็สตาร์ท ขับมุ่งหน้าสู่ทิศเหนือ แต่เจ้ากรรมเก่ามาตัดรอน เขาประสพอุบัติเหตุ รถชนกัน หรือรถตกเหว หมดสภาพใช้งาน ตัวเองก็บาดเจ็บสาหัส ไปไม่ถึงจุดหมายปลายทางอีก

    คนเดินทางประเภทที่ 7.
    เขารู้ว่าจะเดินทางไปเหนือสุด เขามีความตั้งใจดีมาก จึงนำรถเข้าอู่อย่างดี ตรวจเครื่องยนต์ เบรก น้ำมันเครื่อง เติมน้ำมันเต็มถัง ชาร์ตแบตเต็ม เปลี่ยนยางใหม่อย่างดี รถมีความพร้อมเต็มที่ เขาศึกษาเส้นทางมาอย่างดี มีแผนที่พร้อม และได้ฝึกขับรถจนชำนาญแล้ว เมื่อเขาขึ้นรถก็สตาร์ท ขับมุ่งหน้าสู่ทิศเหนือ เขาเหลือบตาดูน้ำมันตลอด แวะเติมน้ำมันเมื่อใกล้หมด เช็คยางตลอด ไม่แวะนั่นแวะนี่ ในที่สุดเขาก็เดินทางสู่จุดมุ่งหมายปลายทาง

    ท่านเป็นคนเดินทางประเภทไหนครับ ลองตีความหมายเทียบเคียงดู
     
  2. LungKO

    LungKO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    590
    ค่าพลัง:
    +925
    Very good
    เยี่ยมมาก เยี่ยมมาก
    ขอบคุณ เนื้อหาดี ๆ อย่างนี้ตลอดไป
    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  3. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,087
    ค่าพลัง:
    +3,394
    จึงต้องมี GOD คอยนำทาง พระผู้ช่วยของเราแล้ว สำหรับคนประเภทที่ 1
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=jUgZhkrgEVQ]LIFE IS HOPE | Grace 8 - YouTube[/ame]
     
  4. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    ชีวิตคือการเดินทางที่มีการจบตอน แต่ไม่จบสิ้น.โมทนากับบทความดีๆ.เยี่ยมครับ..
     
  5. Kingkong1

    Kingkong1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    776
    ค่าพลัง:
    +2,262
    คนเดินทางประเภทที่ 1.
    รถก็ไม่ได้เช็คความพร้อม ยางก็ไม่ได้เติมลม น้ำมันก็ไม่ได้เติม แบตเตอรี่ก็ไม่ได้ชาร์ตและ เดินทางโดยไม่รู้จุดหมายปลายทาง กินเหล้าเมาตลอดทาง(ไร้สติ) ลองคิดดูว่าการเดินทางของเขาจะเป็นอย่างไร เขาคงขับรถปัดซ้ายปัดขวาไปตลอดทาง ถูกคนด่าแช่งไปตลอดทางต้องพบอุบัติเหตุตลอดทาง พบเห็นอะไรแปลก ๆ ก็แวะไปตลอดทาง เขาก็คงวนอยู่ในกรุงเทพ ฯ นี่แหละ ทั้งนี้เพราะเขาไม่รู้จุดหมายปลายทางว่าจะไปไหน เขาวิ่งจนแบตเตอรี่หมด จนน้ำมันหมด ก็ต้องจอดรถแช่ไว้ที่ใดที่หนึ่ง

    คนและสัตว์ที่เกิดมาในโลกนี้ส่วนมากก็เป็นนักเดินทางประเภทที่ 1. คือสักแต่ว่าเกิดมา เกิดด้วยอำนาจของอวิชชา ตัณหา อุปาทาน ที่พาสืบภพสืบชาติ อยู่ไปตามธรรมชาติของอวิชชา ตัณหา อุปาทาน จึงคิดไม่เป็น มองไม่เป็น

    เริ่มแต่ลืมตาตื่นก็ถูกตาเห็นดึงไปคิดในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เชี่ยวชาญชำนาญคิดทางไหนใจก็ดำดิ่งคิดไปทางนั้น คิดไป ๆ จนพบเห็นสิ่งใหม่ก็คิดในเรื่องใหม่ หูได้ยินเสียงก็พาคิดไปอีกเรื่องหนึ่ง จมูกได้กลิ่นก็พาคิดไปอีกเรื่องหนึ่ง ลิ้นได้รสก็พาคิดไปอีกเรื่องหนึ่ง กายได้สัมผัสก็พาคิดไปอีกเรื่องหนึ่ง สารพัดที่จะคิด จนไม่สามารถนับได้ว่าวันหนึ่ง ๆ เราคิดเรื่องอะไรบ้าง คิดเรื่องไหนใจก็ดิ่งเข้ายึดเรื่องที่คิดเป็นจริงเป็นจัง เกิดความรู้สึกเป็นสุข เป็นทุกข์ ไปตามเรื่องที่คิดนั้น ๆ จนถึงเวลาหลับก็ยังคิดไม่เลิกรา ไม่มีช่องว่างไหนที่ใจคนและสัตว์ไร้ความคิด ยิ่งคนบ้ายิ่งคิดจนไม่รู้ว่าตัวเองคิด และจมอยู่ในโลกความคิดของตนเอง หัวเราะร้องไห้ไปตามโลกแห่งความคิดนั้น ๆ

    คนประเภทที่ 1. ไม่รู้ว่าเกิดมาเพื่ออะไร ตายแล้วจะไปไหน จะเกิดหรือไม่เกิด เขารู้แต่เพียงว่าคนและสัตว์เกิดมาเพื่อกิน ขี้ ปี้ นอน ไม่มีอะไรพิเศษไปกว่านี้ เขาก็ทำได้แค่นี้จริง ๆ ไม่มีใครสามารถเอาสัจธรรมป้อนเข้าสู่จิตใจเขาได้ จึงเป็นบัวใต้น้ำ

    ดังนั้นเขาจึงเปรียบคนเดินทางที่ไม่รู้จุดหมายปลายทาง เป็นนักเดินทางที่ไม่เคยเตรียมตัวเตรียมใจ รถของเขาคือบุโรทั่งคันเก่าเหมือนเต่าวิ่ง วิ่งแบบไม่มีจุดมุ่งหมาย คนขับ(คือจิตใจ)ไร้สติและปัญญา แถมเมาไม่เคยสร่างซา การเดินทางของเขาจึงไร้จุดหมาย กระทั่งสิ้นลมก็เผา ฝัง อย่างไร้ค่า
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=pcEaY3tap_M"]Kenny G - Morning - YouTube[/ame]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กุมภาพันธ์ 2013
  6. Kingkong1

    Kingkong1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    776
    ค่าพลัง:
    +2,262
    ความจริงแล้วคนที่เกิดมาในลัทธิศาสนาที่แตกต่างกันย่อมมองเห็นจุดหมายปลายทางที่แตกต่างกัน วิธีการที่จะเดินไปถึงจุดหมายปลายทางก็แตกต่างกันไปด้วย เช่นคนที่นับถือพระเจ้าเป็นที่พึ่งอันสูงสุดก็ถือว่าพระเจ้านั่นแหละคือจุดหมายที่เขาเดินทางไปถึง เขาเดินทางไปหาพระเจ้าด้วยวิธีการอ้อนวอนบ้าง บวงสรวงบ้าง ทำความดีเพื่อเอาใจพระเจ้าบ้าง แต่ละลัทธิศาสนาก็มีกฎเกณฑ์การปฏิบัติที่แตกต่างกันไป

    ในส่วนของศาสนาที่ไม่นับถือพระเจ้าก็มีจุดหมายปลายทางของตนเองคล้ายกัน คือความบริสุทธิ์เป็นอิสระแห่งจิต แต่วิธีการชำระจิตให้บริสุทธิ์ก็มีข้อปลีกย่อยที่แตกต่างกันออกไป แม้แต่พุทธศาสนา เมื่อเวลาผ่านมาสองพันกว่าปีก็มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันออกไป จึงมีนิกายความเชื่อมากมาย บางนิกายก็เหมือนลัทธิศาสนาที่นับถือพระเจ้า แต่ละคนก็เชื่อมั่นว่าสิ่งที่ตัวเองเคารพนับถือนั้นถูกต้องแล้ว ธรรมกายก็มั่นใจว่าการปฏิบัติทางจิตจนบรรลุถึงกายอรหันต์เป็นการบรรลุธรรมอันสูงสุด ทางฝ่ายท่านหลวงพ่อฤาษีลิงดำก็สอนให้ปฏิบัติจนสามารถไปเฝ้าพระพุทธเจ้าได้ ให้พระพุทธเจ้าพาไปเมืองนิพพาน เมื่อเห็นเมืองนิพพานแล้วก็ถือว่าได้บรรลุถึงจุดหมายปลายทางแล้ว อันนี้ก็แล้วแต่ความเชื่อมั่น ถ้าพึงพอใจว่าเป็นการทำคุณงามความดีที่สุดแล้วก็ไม่ว่ากัน

    แต่พุทธศาสนาที่แท้จริงคือคำสอนของพระพุทธเจ้านั้นเป็นเรื่องของสติปัญญา เป็นการเรียนรู้จิตใจตนเองจนเห็นความจริงของชีวิตจิตใจ สามารถเห็นเหตุเห็นผลของการเกิดทุกข์ และการทำลายต้นเหตุของทุกข์เสียได้ นั่นคือหลักธรรมปฏิจจสมุปบาทนั่นเอง พระพุทธเจ้าค้นพบหลักธรรมข้อนี้เองจึงทำให้เป็นพระพุทธเจ้า การบรรลุถึงฌานสมาบัติต่าง ๆ ไม่ได้ทำให้พระองค์เป็นพระพุทธเจ้า เพราะพระองค์ก็บรรลุสมาธิจิตระดับสูงจากฤาษีอุทกดาบส และอาฬารดาบสมาแล้ว ก็ทราบว่าไม่ใช่หนทางตรัสรู้ กิเลสยังไม่สิ้น จิตยังไม่บริสุทธิ์ ต่อเมื่อได้ค้นพบหลักปฏิจจสมุปบาทแล้วจึงตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ดังได้ตรัสไว้แจ้งแล้วในธรรมจักรกัปปวัตตนสูตร
     
  7. Kingkong1

    Kingkong1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    776
    ค่าพลัง:
    +2,262

แชร์หน้านี้

Loading...