ปิดประมูลวัชระบัว ๒ องค์ หน้า ๖๖๑ ,ธรรมะจากพระอาทิพุทธะ หน้า ๖๕๙ ค่ะ

ขอแสดงความยินดีและขออนุโมทนาบุญกับทุกท่าน

ที่เป็นเจ้าของพระขรรค์และกริชครับ
​

พระขรรค์สีเหลืิองทอง คุณ SUN2555
กริชสีขาวคุณmoom
พระขรรค์สีม่วง คุณ world999​

 

ขอแสดงความยินดีกับคุณSUN2555 คุณmoom และคุณworld999 ด้วยค่ะ _/|\_

 

ขอแสดงความยินดี และอนุโมทนาบุญ กับ
คุณ SUN2555 ผู้เป็นเจ้าของ พระขรรค์สีเหลืองทอง
คุณmoom ผู้เป็นเจ้าของ กริชสีขาว
และคุณ world999 ผู้เป็นเจ้าของ พระขรรค์สีม่วง

จันทรกาล

 

สาธุ ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านที่ได้เข้ามาประมูล
ดีใจด้วยนะคะ และ ขออนุโมทนาบุญกับ คุณ Sun , คุณ Moom
และ คุณ world999 ผู้เป็นเจ้าของค่ะ

หนูดี

 

ขอแสดงความยินดี และอนุโมทนาบุญ กับ
คุณ SUN2555 ผู้เป็นเจ้าของ พระขรรค์สีเหลืองทอง
คุณmoom ผู้เป็นเจ้าของ กริชสีขาว
และคุณ world999 ผู้เป็นเจ้าของ พระขรรค์สีม่วง ด้วยครับ

 

มารออ่านตอนต่อไปครับ

 

ขออนุโมทนาบุญในธรรมทานกับพี่น้ำใสด้วยนะครับ
พรแต่ละข้อนี่สุดยอดมากเลยครับ บางข้อก็นึกไม่ถึงนะครับ
ด้วยความที่มีสติปัญญาอันน้อยนิดของผม
แต่จากตอนนี้ มันได้ความรู้เพิ่มเติมจากที่ได้อ่านเรื่องนางแก้ว ที่เป็นบทสนทนาระหว่าง พระแม่เจ้าพิมพาอรหันตเถรี
และพี่น้ำใสครับ รู้สึกว่าในพรทุกข้อ...มันเป็นส่วนที่เติมเต็มให้กับการบำเพ็ญพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณของพระโพธิสัตว์
นางแก้วถือเป็นกำลังเสริม ปัจจัยสำคัญในการทำพระโพธิญาณให้สำเร็จของพระโพธิสัตว์ทุกพระองค์ อ่านแล้วปลื้มใจมากครับ

ในที่นี้ขอตั้งจิตอธิษฐานระลึกถึงคุณพระศรีรัตนตรัย คุณบิดามารดา คุณครูบาอาจารย์ อันมีหลวงปู่ปาน และหลวงพ่อเป็นที่สุด
และคุณของเหล่าผู้มีพระคุณทุกท่าน ข้าพเจ้าจะขออุทิศบุญบารมีที่ได้ทำมาทั้งหมดทั้งสิ้นให้แก่พระแม่เจ้าของพระโพธิสัตว์ทุกท่าน
เพื่อเป็นการบูชาคุณความดีของพระแม่เจ้าทั้งหลาย ขอให้พระแม่เจ้าทุกท่านมีความสุขสมหวัง เจริญด้วยทานบารมี ปัญญาบารมี
วิริยะบารมีอันยิ่งใหญ่ ขอให้สามารถช่วยเหลือพระโพธิสัตว์ทุกท่านให้สำเร็จในทุกสิ่งที่ปรารถนา เพื่อเป็นปัจจัยให้พระโพธิสัตว์ทุกท่าน
สำเร็จพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้า ด้วยเทอญ สาธุ สาธุ

อีกทั้งข้าพเจ้าขออุทิศบุญบารมีทั้งหมดของข้าพเจ้านี้ให้กับนางแก้วอันเป็นที่รักยิ่งในทุกภพทุกชาติของข้าพเจ้า
ขอให้นางแก้วทั้งหลายของข้าพเจ้าจงมีความสุข ความเจริญยิ่งๆขึ้นไป และขอจงเป็นผู้ที่เจริญในพรทั้ง 8 ข้อตามที่กล่าวมาข้างต้น
ด้วยคุณของพระพุทธรัตนะ พระธรรมรัตนะ พระสังฆรัตนะ และอีกทั้งบารมีทั้งหลายที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญมาดีแล้วทั้งหมดทั้งสิ้นด้วยเทอญ สาธุ สาธุ

 

ช่วงนี้เงียบๆ อย่างงัยไม่รู้ อิอิ
พอดีไปอ่านเจอเรื่องราวดีๆ
เลยเก็บตก มาให้ชาวเมืองได้อ่านกัน

ยุคพระเขมมหาเถรอภิญญา ๒
14 ส.ค.2011
ให้ความเห็น
ยุคพระเขมมหาเถรอภิญญา ๑, หนังสือ

สมัยนั้น ปรากฏมีพระภิกษุสองรูปเป็นสหายกัน รูปหนึ่งมีนามว่า พระเขมภิกขุ กับอีกรูปหนึ่งมีนามว่า พระติรงคภิกขุ ตั้งแต่เข้ามาบวชในพระพุทธศาสนา เธอทั้งสองก็ตั้งใจศึกษาพระบาลีไตรปิฎกอรรถกถาตลอดจนนานาพระคัมภีร์

จนมีความรู้สูงสุดตามหลักสูตรการศึกษาในสมัยนั้น แล้วปรึกษากันว่า ต่อไปนี้ เราทั้งสองจะทำอะไรกันดี พระเขมภิกขุ ผู้มีบุพวาสนาก็ว่า เราทั้งสองควรจะตั้งหน้าบำเพ็ญวิปัสสนาธุระต่อไป เพื่อบรรลุมรรคผลนิพพานในชาตินี้ให้จงได้

พระติรงคภิกขุได้ฟังก็หัวเราะ แล้วค้านว่า อะไรกัน มรรคผลนิพพานสมัยนี้มีที่ไหนกัน มรรคผลนิพพานเป็นของไกลเกินฝัน หากจะมีอยู่ ก็เห็นมีแต่ในพระคัมภีร์ ปัจจุบันนี้ไม่มีใครเขาสนใจเรื่องวิปัสสนาหรือมรรคผลนิพพานกันแล้ว

เรามาเป็นพระอาจารย์ด้านคันถธุระบอกพระคัมภีร์กันดีกว่า ต่อไปภายหน้าจะได้เป็นใหญ่มีเกียรติยศชื่อเสียงเกรียงไกร

พระเขมภิกขุ หนุ่มผู้มีใจหนักแน่นประดุจผา ได้ฟังดังนั้นก็ส่ายหน้ากล่าวย้ำว่า มรรคผลนิพพานในสมัยนี้ จะมีหรือไม่มี ใครเล่าจะรู้ได้ หากว่าไม่มีการบำเพ็ญวิปัสสนากรรมฐาน กล่าวเท่านั้นแล้ว ท่านก็เดินทางออกจากมหาวิหารบ่ายหน้าเข้าป่าไป

ฝ่ายติรงคภิกขุสหายผู้ใฝ่ใจด้านคันถธุระ หวังจะเป็นผู้มีเกียรติยศชื่อเสียงในวันข้างหน้า ก็อุตสาหะทำหน้าที่เป็นพระอาจารย์บอกพระคัมภีร์ในมหาวิหาร ซึ่งมีพระสงฆ์นักศึกษานับจำนวนเป็นพันๆ

ทิวาวารผ่านไปหลายสิบปี ท่านก็ได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นมาเรื่อยๆ จนเป็นพระคณาจารย์ชั้นมหาเถระ บรรดาศิษย์พากันยกย่องว่าท่านเป็นผู้มีความรู้สูงเด่นหนักหนา เมื่อพระมหาเถระผู้เป็นคณะปาโมกข์ปกครองสงฆ์ในวิหาร ถึงมรณกาล

ล่วงลับดับสังขารไป พระติรงค มหาเถระก็ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นพระคณะปาโมกข์ ปกครองสงฆ์สืบแทนท่านคณะปาโมกข์องค์เก่า ที่ล่วงลับเข้าไปสู่ปากพญามุจจุราช[/COLOR]

กาลต่อมา ปรากฏว่าท่านเป็นผู้มีชื่อเสียงกว้างไกล เป็นพระคณาจารย์ใหญ่ที่มีศิษยานุศิษย์มากมายหลายรุ่นหลายสมัย เป็นที่เคารพสักการะของมหาชนทั่วไป จึงเป็นอันว่า บัดนี้พระติรงคมหาเถระได้ก้าวขึ้นถึงความสุดยอดด้านคันถธุระ

โดยเป็นพระคณาจารย์ใหญ่มีเกียรติยศชื่อเสียงเกรียงไกรสมใจปรารถนาแล้ว

สายัณห์สมัยนั้น วันหนึ่งพระติรงค มหาเถระผู้เป็นใหญ่ ซึ่งบัดนี้วัยเข้าเกณฑ์ชรา ๗๐ พรรษาเศษแล้ว ท่านได้มีโอกาสต้อนรับอาคันตุกภิกขุผู้มีพรรษาเสมอกันรูปหนึ่ง ซึ่งเป็นสหายจากกันไปนานหลายสิบปี อาคันตุกภิกขุรูปนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน

โดยที่แท้คือ พระเขมภิกขุ ที่บอกว่าจะบำเพ็ญวิปัสสนาแล้วหายหน้าเข้าป่าไปนั่นเอง เมื่อได้พบปะสนทนากัน ณ ที่ รโหฐานโดยลำพังตัวต่อตัวแล้ว แทนที่จะสนทนากันให้สนุกสนานด้วยเรื่องเก่าๆสมัยยังหนุ่มอยู่

แต่เจ้าคุณพระเขมภิกขุ ผู้มาจากป่ากลับชักชวนให้เข้าปฏิบัติวิปัสสนาท่าเดียว โดยอ้างว่าตัวท่านจะเป็นพระอาจารย์บอกพระกรรมฐานให้เอง

พระติรงคมหาเถระคณาจารย์ใหญ่จะเลื่อมใสเชื่อฟังคำก็หาไม่ ครั้นจะปฏิเสธไปตรงๆก็เกรงจะเสียน้ำใจกัน จึงกล่าวอ้างว่า ตนแก่แล้ว เกิดมาชาตินี้ได้มีเกียรติยศชื่อเสียงเท่านี้ ก็เป็นที่พอใจแล้วจะเอาอะไรกันอีก

เมื่อเห็นว่าสุดที่จะเคี่ยวเข็ญให้สหายกันเข้าปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานได้แล้ว พระเขมมหาเถระจึงกล่าวว่า ถ้าเช่นนั้นไม่เป็นไร แต่ขอร้องให้จดจำวิธีการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานไว้ จะได้เป็นประโยชน์แก่พระพุทธศาสนาต่อไป

จะเอาไว้ใช้ประกอบการสอนด้านคันถธุระก็ได้ หรือว่าเผื่อไว้ในวันข้างหน้า หากมีผู้มีวาสนามาขอเรียนวิธีการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน จะได้บอกเขาได้อย่างถูกต้อง โดยบอกเขาไปทำนองนี้ว่า

“เราพระเขมาภิกขุ เรียนเอาวิธีปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานมาจากวิปัสสนาวงศ์พระอรหันตะ ซึ่งสืบเชื้อสายมาจากพระโสณะอรหันต์และพระอุตตระอรหันต์ กับทั้งพระธรรมทัสสีอรหันต์ แต่ครั้งบุรพกาล

วิธีปฏิบัติวิปัสสนาวงศ์พระอรหันตะ คือ การตั้งสติกำหนดอย่างแรงกล้าในอนุปัสสนาทั้ง ๔ มีกายานุปัสสนาเป็นต้น ตามที่สมเด็จพระทศพลเจ้า ทรงพระกรุณาประทานไว้ในพระสูตรต่างๆ โดยเฉพาะพระมหาสติปัฏฐานสูตร

เมื่ออินทรีย์ทั้ง ๕ มีลัทธินทรีย์เป็นอาทิ เสมอกันเป็นอันดีแล้ว พระวิปัสสนาญาณอันประเสริฐจักเกิดขึ้นในสันดานของผู้ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานที่มีวาสนาบารมี ตั้งแต่พระวิปัสสนาญาณขั้นต้น จนถึงมรรคผลญาณ และปัจจเวกขณญาณเป็นที่สุด”

พระเขมมหาเถระพุทธบุตรผู้ชำนาญในพระวิปัสสนาญาณ บอกวิธีการบำเพ็ญวิปัสสนากรรมฐานอย่างย่อๆ ฉะนี้ แล้วก็อธิบายวิธีปฏิบัติตลอดจนสภาวะพระวิปัสสนาญาณโดยพิศดารพอสมควร

เสร็จแล้วจึงถามขึ้นว่า จำได้หรือไม่เล่า ที่เราบอกมานี่ เมื่อเห็นสหายเก่ารับคำด้วยดี ก็ลุกขึ้นจัดแจงห่มจีวรอันเก่าคร่ำคร่าพร้อมกับบอกว่า จะขอลากจากไปแล้ว ต่อไปคงไม่ได้พบกันอีก เพราะฉะนั้น จึงขอให้เดินไปส่งที่ชายป่าใกล้มหาวิหารด้วย

พระติรงคมหาเถรคณาจารย์ใหญ่ผู้มีวัยชราตกกระ ซึ่งมีสรีระอ้วนพีสีกายและเกสาขาวงามสง่า ตามปกติชอบนั่งบนอาสนะบอกพระคัมภีร์ ไม่ชอบเดินเหิรไปไหน ทั้งถือตนเป็นผู้มีเกียรติยศใหญ่ ไม่เคยเดินออกไปส่งอาคันตุกะผู้ใดมาก่อน

เมื่อได้ฟังสหายเก่ามาอ้างว่า ต่อไปภายหน้าคงจะไม่ได้พบกันเช่นนั้น ก็จำต้องพยุงสังขารอันชราเดินตามมาส่งถึงบริเวณชายป่า แล้วพระเขมมหาเถระก็หยุดเดิน หันหลังกลับมามองหน้าจ้องๆแล้วถามขึ้นอีกว่า

จำได้แน่นอนแล้วหรือ วิธีการปฏิบัติวิปัสสนาที่เราบอกไว้นั่นน่ะ พระติรงคมหาเถระก็รับรองว่า จำได้สิ เอาเถอะน่าไม่ต้องเป็นห่วง ขอให้เดินทางโดยสวัสดีเถิด

พระเขมมหาเถระผู้มาจากแดนไกล จึงกล่าวเป็นครั้งสุดท้ายว่า จำได้ก็ดีแล้ว นั่นเป็นวิธีปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน เพื่อให้ได้บรรลุมรรคผลนิพพานอันประเสริฐ เอาเถิดต่อจากนี้ เราจะแสดงผลดีผลพลอยได้เล็กน้อย

ของผู้ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานจนบรรลุมรรคผลนิพพานว่าจะเป็นประการใด ขอจงตั้งใจดูให้ดีๆ ว่าเท่านี้แล้ว พระเขมมหาเถระผู้เชี่ยวชาญในอภิญญาญาณ ก็อธิษฐานให้เกิดอิทธิวิธอภิญญา เหาะทะยานขึ้นฟ้าหายวับไปต่อหน้า

พระคณจารย์ใหญ่ได้เห็นอิทธิฤทธิ์ปฏิหารย์นั้น ก็ให้มีอันพลันผงะหงายดวงตาโตเกือบเท่าไข่ห่าน เพ่งมองอยู่ด้วยอาการตกตะลึง นึกไม่ถึงว่าจะเป็นไปได้เช่นนั้น

เมื่อกลับมาถึงมหาวิหารแล้ว ก็มีบัญชาให้มีการประชุมใหญ่โดยพลัน มอบหมายหน้าที่การงานให้แก่ท่านผู้สมควรหมดสิ้น ก็บอกว่า เราจะเข้าปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานจนกว่าจะถึงวันตายในมหาวิหารแห่งนี้ หากไม่มีกิจจำเป็นจริงๆแล้วไซร้

ขออย่าให้ใครจงอย่าได้มารบกวน แล้วท่านก็เริ่มต้นบำเพ็ญวิปัสสนากรรมฐาน ตามวิธีการวิเศษในวิปัสสนาวงศ์พระอรหันตะ ที่ท่านพระเขมมหาเถระกรุณาบอกไว้นั้น ส่วนผลของการปฏิบัติจะเป็นประการใด ใครเล่าจะกล้าไปถามท่านได้

จากหนังสือ วิปัสสนาทีปนีฎีกา หลวงพ่อภัททันตะ อาสภมหาเถระ

สาธุ สาธุ สาธุ

 

สาธุ อนุโมทนาบุญในธรรมท่านที่''พี่จันทรกาล''ผู้ใจดีนำมาฝากคะ
เงียบๆจังเลย รออ่านธรรมทานของพี่น้ำใสอยู่นะคะ ไปไหนเอ่ย
คิดถึงแล้วนะคะ
หนูดี

 

ข้าพเจ้าขอน้อมระลึกถึงบุญบารมีทั้งหมดที่ได้ทำมาแล้ว
จงแปรสภาพปรากฎเป็นพวงมาลัยมะลิแก้ว เพื่อบูชาคุณความดีที่ท่านเกษรีฤาษี
ในการที่ท่านได้อยู่สงเคราะห์ข่วยเหลือผู้ที่เคยเนื่องในอดีต เพื่อให้มีความมั่นคงในการปรารถนาพระสัมมาสัมโพธิญาณ
หรือพระปัจเจกโพธิญาณต่อไป เพื่อเวไนยสัตว์ทั้งหลายที่ยังเวียนว่ายตายเกิด

เมื่อได้อ่านข้อความในตอนนี้รู้สึกถึงน้ำใจและมหาเมตตาบารมีของพระโพธิสัตว์บารมีเต็มอย่างท่านเกษรีฤาษีมากครับ

 

สวัสดีค่ะทุกๆท่าน

หนูดี มาชวนทุกๆท่านมาร่วมกันตั้งจิตอุทิศบุญให้กับบรรพบุรษไทยที่เสียชีวิต
ในพม่าที่ดวงวิญญาณท่านยังไม่ได้กับแผ่นดินไทยหรือไปไหน หลังจากที่ทุกท่าน
ได้สวดมนต์ไหว้พระนั่งสมาธิ ก็ขอให้ท่านน้อมจิตถวายบุญพระมหามัยมุนี ที่ทำจาก
ทองคำทั้งองค์ที่อยู่พม่าซึ่ง พระมหามัยมุนี เป็นที่เคารพของชาวพม่ามากๆและขอให้
ท่านช่วยแผ่เมตตาให้ดวงวิญญาณชาวไทยที่อยู่ในประเทศพม่าทุกดวงวิญญาณได้
โมทนาบุญด้วยเทอญ
สาธุ สาธุ สาธุ
หนูดีขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยนะค่ะ

 

สาธุ สาธุ สาธุ
ขออนุโมทนาบุญกับท่านด้วยครับ คุณหนูดี
แล้วคุณน้ำใส ไปไหนหนอ เงียบจังครับ

 

ได้โอนเงินประมูลพระขรรค์สีเหลืองแล้ว 17/2/2555 เวลา 16.05น. สถานที่ K00842 จำนวน 3,950 บาท
กรุณาจัดส่งที่อยู่แจ้งทาง PM
ขอโมทนาบุญครับ

 

อนุโมทนาบุญทั้งหมดทั้งมวล กับทุกๆท่านนะคะ ที่ไม่ทำให้บอร์ดเงียบเหงา
วันนี้เวลาบ่ายสามโมงเป็นต้นไปพี่น้ำใส ฝากบอกมาว่าจะเข้ามาเล่าเรื่องต่อค่ะ

 

นำบุญมาให้อนุโมทนาค่ะ วันที่ 17 กุมพาพันธ์ ได้ร่วมบุญถวายแท่งทองเหลืองและถวายปัจจัย
- หล่อพระพุทธเจ้า 28 พระองค์ หน้าตัก 29 นิ้ว 28 องค์
- หล่อหลวงปู่โต พรหมรังสี ปางกรรมดี กรรมชั่ว หน้าตัก 129 นิ้ว
- หล่อพระคันธราฐ ขนาดเท่าคนจริง
ณ โรงหล่อพระยงค์เจริญ
ขอให้ผลบุญนี้ทำให้สมาชิกในกระทู้ พบแต่ความดี ห่างไกลความชั่วทั้งปวง

 

ขออภัยทุก ๆ ท่านเป็นอย่างยิ่งค่ะ ช่วงนี้มีเหตุต้องห่างจากเว็บ เนื่องจากเพื่อนสมัยเรียนแม่โจ้ เข้าห้องไอซียูค่ะ

ช่วงเช้าต้องนั่งสมาธิ เพื่อช่วยให้เพื่อนมีจิตสว่างไสว จะได้ไปดี ขณะนี้ก็ไม่มีอะไรน่าห่วงแล้วค่ะ

ดิฉันเองรู้สึกตื้นตันใจแทนเพื่อนที่ป่วย เพื่อน ๆ ทุกคนให้ความช่วยเหลือ บางท่านช่วยเรื่องทรัพย์ บางท่านก็ช่วยทำบุญให้ ส่วนดิฉัน มีหน้าที่ช่วยไม่ให้ตกสู่อบายภูมิ

(สำหรับเรื่องนี้ มีวิธีการค่ะ หวังว่า ในอนาคตเบื้องหน้า พระท่านจะอนุญาตนำเสนอให้เป็นธรรมทานแด่ทุก ๆ ท่านค่ะ เนื่องจากช่วยมาหลาย case แล้วค่ะ)

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านที่ยังติดตามเรื่องราวในกระทู้นี้อย่างต่อเนื่อง และขอบคุณที่อดทนรอคอยค่ะ

ขอให้ธรรมคุ้มครองทุก ๆ ท่านให้รอดภัยจากวิบากกรรมหนักทั้งหลายค่ะ

Numsai

ปล. เนื่องจากเวลาน้อย วันนี้จะนำเสนอประวัติจักรชมพูต่อค่ะ แล้วจะมาตอบกระทู้เพื่อนสมาชิกภายหลังค่ะ

 

ประวัติจักรชมพู “เบญจรัตนประทีป” ตอน ๑๖ กำเนิดจักรชมพูทั้ง ๓

​

___________________________________________

กาลนั้นครบเวลา ๕๑ กัปพอดี พระดาบสินีทั้ง ๓ ได้ออกจากการเข้าสมาบัติ พระโพธิราชฤาษีได้ให้เจ้าชายทั้ง ๒ ฝึกตนอยู่ในถ้ำก่อน ยังไม่ให้พบกับดาบสินีทั้ง ๓ โดยให้ทหารคนสนิทคอยดูแลรับใช้

ส่วนท่านกลับมายังถ้ำแก้ว เพื่อทำหน้าที่สอนการอธิษฐานจักรชมพู เบญจรัตน์ดาบสินี ได้เป็นผู้อธิษฐานจิตคนแรก พระโพธิราชฤาษีได้ให้นามแก่จักรสีชมพูว่า “เบญจรัตนประทีป” หมายถึง แก้วแห่งแสงสว่าง ๕ ประการ ตามนามของผู้อธิษฐานจิต

ส่วนพุทธาราดาบสินีนั้น ได้ตั้งจิตอธิษฐานให้จักรนี้ยังความสำเร็จแก่ชาวชมพูทวีปทั้งหลาย ด้วยนางนั้นมีจิตปรารถนาพุทธภูมิเป็นชาติแรก พระโพธิราชฤาษี ได้ให้นามจักรนี้ว่า “ชมพูทวีปมณีรัตน์” หมายถึงแก้วมณีแห่งชมพูทวีป

และพิมพมาลีนั้น ปรารถนาให้จักรนี้เป็นตัวแทนแห่งรัตนทั้ง ๗ แห่งพระเจ้าจักรพรรดิ พระโพธิราชฤาษี จึงให้นามว่า “สัตตรัตนมาลี” หมายถึงดอกไม้แห่งรัตนะ ๗ ประการ ซึ่งนัยหนึ่งแทนตัวผู้อธิษฐานจิตด้วย

เมื่อสำเร็จแล้ว พระโพธิราชฤาษีได้สอนวิธีการใช้อภิญญาเหาะขึ้นไปยังสวรรค์ชั้นดาวดีงส์ เพื่อน้อมถวายจักรชมพูแก่ท้าวสักกเทวราช ตามธรรมเนียมปฏิบัติที่ผ่านมา
ณ.สวรรค์ชั้นดาวดึงส์นั้น เกิดการโกลาหล เนื่องจากไม่เคยมีมนุษย์คนใดขึ้นมาบนสวรรค์ได้ เทวดาและเทพธิดาต่างหลีกทางให้ ท่านปิยสิกขเทพบุตรได้ไปกราบเรียนท้าวสักกเทวราช ให้ทราบว่า ขณะนี้มีมนุษย์มาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ด้วยกายเนื้อ เทวดานางฟ้าต่างโกลาหลไปทั่ว

ท้าวสักกเทวราช(คุณ sun2555X)ได้เข้าสมาบัติอยู่ ทราบด้วยทิพยเนตร จึงกล่าวว่า “ไม่เป็นไร เป็นหน้าที่ของเราจะต้องให้พรแก่ดาบสินีทั้ง ๓ ขอเชิญท่านทั้ง ๗ มายังวิมานของเราเถิด”

ครั้นมาถึงแล้ว พระฤาษีทั้ง ๓ โกลียพราหมณ์ และดาบสินีทั้ง ๓ ได้มายังนิยตวิมานของท้าวสักกเทวราช

_________________________​

ปล. เหตุที่นำตอนเดิมมานำเสนอ เนื่องจากจะได้มีความต่อเนื่องจากตอนเดิม สำหรับท่านที่เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ

ขออนุโมทนาบุญค่ะ

Numsai

 

..ประวัติจักรชมพู”เบญจรัตนประทีป ตอน ๑๗ พร ๘ ประการจากท้าวสักกเทวราช..

เมื่อพระฤาษีทั้ง ๓ ,ท่านโกลียพราหมณ์ และดาบสินีได้ไปยังนิยตวิมานของท้าวสักกเทวราช พระโพธิราชฤาษีได้กล่าวแก่ท้าวสักกเทวราชว่า..

“ข้าแต่ฯ จอมเทพผู้เป็นใหญ่แห่งสวรรค์ทั้งปวง ตามธรรมเนียมแห่งการอธิษฐานจิตจักรชมพู อันเป็นจักรคู่บารมีของผู้บำเพ็ญบารมีเป็นคู่บารมีแห่งพระโพธิสัตว์เจ้า ขอท่านโปรดประทานพร ๘ ประการแก่นางทั้ง ๓ เถิด”

เมื่อท้าวสักกเทวราชได้ฟังเช่นนั้น จึงให้พร ๘ ประการดังนี้..

พรข้อที่ ๑ ขอให้ท่านทั้งหลายจงดำรงตนไว้ ซึ่งความบริสุทธิ์แห่งโพธิจิตทั้งปวง เพื่อประคับประคองพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย ให้บำเพ็ญบารมีไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยากทั้งปวง
๒. ขอให้ท่านทั้งหลาย จงเป็นผู้มีปัญญาล้ำเลิศ มีไหวพริบปฏิภาณ เพื่อแก้ไขปัญหาแก่พระโพธิสัตว์คู่บารมี อันปัญญานั้น นับประมาณมิได้
๓. ขอให้จงเป็นผู้ที่มีขันติบารมีเป็นที่ตั้ง อดทนต่อความยากลำบากโดยไม่คิดท้อถอยต่อการบำเพ็ญบารมี ต้องผ่านอุปสรรคนับครั้งไม่ถ้วน
๔. ขอให้เป็นผู้มีจิตตั้งมั่นต่อพระโพธิสัตว์องค์นั้นแต่เพียงผู้เดียว
๕. ขอให้เป็นผู้ยังประโยชน์แก่ส่วนรวม มากกว่าประโยชน์ส่วนตนทุกภพชาติ
๖. ขอให้เป็นผู้ที่มีความเจริญถึงพร้อมแล้วด้วยหิริโอตัปปะทุกภพชาติ
๗. ขอให้เป็นผู้ที่มีทั้งโภคทรัพย์ และอริยทรัพย์ เพื่อช่วยเหลือพระโพธิสัตว์คู่บารมีจนกว่าจะสำเร็จพระสัมมาสัมโพธิญาณ
๘. ขอให้เป็นผู้ที่คิดสิ่งใด เกี่ยวกับการสร้างบารมีแห่งพระโพธิสัตว์นั้น จงมีความสำเร็จทุกเมื่อ"

เมื่อท้าวสักกเทวราช กล่าวจบเทพยดา และพรหมทั้งหลายในที่นั้น ต่างโมทนาสาธุการ
.. ยังมีต่อ..

 

ประวัติจักรชมพู”เบญจรัตนประทีป ตอน ๑๘ การบำเพ็ญบารมีนางแก้ว

พุทธาราดาบสินีนั้น เกิดความสงสัยในเหตุที่พระโพธิสัตว์คู่บารมีได้ลาพุทธภูมิไป นางจึงกราบเรียนถามท้าวสักกเทวราชว่า...

“ข้าฯแต่ท่านจอมเทพผู้เป็นใหญ่ เหตุแห่งพระโพธิสัตว์คู่บารมีของหม่อมฉันได้ลาพุทธภูมิแล้ว หม่อมฉันปรารถนาจะบำเพ็ญบารมีเป็นพุทธภูมิต่อจากนี้ไป พรที่ท่านให้มาจะมีผลในอนาคตหรือไม่ พระเจ้าข้าฯ”

ท้าวสักกเทวราชทรงตรัสว่า “พระดาบสินี ผุ้มีศีลจาริยาวัตรอันงดงาม แม้ท่านปรารถนาพุทธภูมิแล้ว หากไม่มีการลาจากการเป็นคู่บารมีแห่งพระโพธิสัตว์ทั้งปวง ท่านย่อมดำรงตำแหน่งเดิมมิเปลี่ยน บุญกุศลอันบริสุทธิ์จะดึงดูดท่านให้ไปพบคู่บารมีแต่อดีตในอนาคตกาล”

ดาบสินีนั้น ยังมีความน้อยใจในพระโพธิสัตว์ แม้จะได้ยินท้าวสักกเทวราชกล่าวเช่นนั้น นางยังยืนยันจะปรารถนาพุทธภูมิต่อไป โดยตั้งจิตอธิษฐานว่า...

“ในอนาคตกาลแม้ชาตินี้ หรือชาติหน้า ข้าพเจ้าจะไม่ขอครองคู่กับผู้ใด มีเพียงอย่างเดียวที่จะครองคู่คือ การชดใช้กรรมแก่ผู้นั้น ขอให้ข้าพเจ้าให้มีความมั่นคงในการรักษาพรหมจรรย์ต่อไป ด้วยเถิด สาธุ...”พระโพธิราชฤาษีได้ยินดังนั้น จึงกล่าวว่า

“พุทธาราเอ๋ย ถึงแม้ความปรารถนาเจ้าจะมีก็ตาม แต่กุศลอันบริสุทธิ์ที่เคยปรารถนาเป็นคู่บารมีพระโพธิสัตว์แต่กาลก่อน จะดึงดูดให้เจ้าได้พบคู่บารมีในที่สุด”

พุทธาราดาบสินีนั้น ได้นิ่งไม่ได้กล่าวอย่างไรต่อไป

 

รอติดตามต่อคะ ตื่นเต้นๆๆ ไปหาเสื่อมาปูก่อนนะคะ