บทพิสูจน์จริง เรื่องจริงของ "ร่างทรงเจ้าแม่กวนอิมกำมะลอ"

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย piyaa, 17 กุมภาพันธ์ 2013.

  1. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    ร่างทรงเจ้าแม่กวนอิมกำมะลอ

    ในความคิดส่วนตัวผู้เขียนไม่ชอบเรื่องเข้าเจ้าทรงผี หรือนับถือร่างทรงใดๆทั้งสิ้น และเคยตั้งจิตตั้งใจไว้ว่าสิบนิ้วพนมมือขอก้มลงกราบไหว้พระรัตนตรัย จะไม่ยอมกราบไหว้เดียรถีย์ทุกหมู่เหล่า เป็นการเพาะเชื้อให้คนพวกนั้นเจริญงอกงาม พากันทำร้ายย่ำยีพระพุทธศาสนาและพระธรรม ในส่วนตัวแล้วจะนับถือ ทั้งพระจีน พระไทย พระแขก พระฝรั่ง เรียกว่าให้ความนับถือไปหมด ไม่เคยตำหนิติเตียนว่ากล่าวพระเจ้าของศาสนาอื่นๆ เลย เพราะถือว่าพระเจ้าของศาสนาไหนใดก็แล้วแต่ กว่าจะบำเพ็ญมาเป็นผู้นำหรือศาสดาของศาสนานั้นๆ ย่อมเป็นผู้มีบุญบารมีเป็นเลิศ จึงมีสาวกที่ให้ความเคารพนับถือสืบต่อกันมาหลายศตวรรษจนถึงยุคสมัยนี้ ก็ย่อมแสดงให้เห็นว่า ศาสดาของแต่ละศาสนาย่อมเป็นผู้ล้ำเลิศเต็มเปี่ยมไปด้วยบุญบารมี ยิ่งกว่าคนธรรมดาทั่วๆไป และผู้นำศาสนานั้นๆ ต่างก็สอนให้มนุษย์ทุกหมู่เหล่า ให้ประพฤติปฏิบัติตนเป็นคนดีมีเมตตา เหมือนกับพุทธศาสนาที่ผู้เขียนนับถืออยู่ จึงไม่มีความคิดต่อต้านใดๆ ทั้งสิ้น นี่คือความคิดเห็นส่วนตัวเกี่ยวกับศาสดาของศาสนาอื่นๆ
    สิ่งที่ผู้เขียนต่อต้านและไม่ชอบเลย ไม่อยากแม้แต่จะเหลือบตามอง คือการเข้าเจ้าทรงผี แต่แล้ววันหนึ่งก็ต้องวนเวียนมาพบ แล้วสัมผัสกับสิ่งที่ตนเองไม่ชอบจนได้ เมื่อมีเหตุได้พบและสนทนากับผู้ที่อ้างตนว่า เป็นร่างทรงของพระแม่กวนอิม และต้องการให้ผู้เขียนทำความเคารพนับถือ อันนี้ทำไม่ได้ เพราะเคยตั้งปฏิญาณไว้แล้วว่าจะไม่นอบน้อมกราบไหว้ให้กับร่างทรง จึงต้องมีการพิสูจน์กันระหว่างผู้เขียนกับร่างทรง เพื่อเป็นการป้องกันตนเองจากผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย ว่าผู้เขียนไม่ใช่ผู้มีจิตที่ ยโส โอหัง บังอาจ ลบหลู่ แม้แต่พระแม่กวนอิม ที่อยู่ในร่างทรงของบุคคลนั้น ทั้งไม่ชอบและไม่เชื่อว่า พระแม่กวมอิม ซึ่งได้ชื่อว่า เป็นถึงพระโพธิสัตว์ จะลงมาประทับในร่างของมนุษย์ที่ยังเต็มไปด้วยกิเลสตัณหา จึงไม่อาจทำความเคารพร่างทรงนั้นได้ เพราะต้องการความเป็นจริงและความถูกต้อง
    ดังนั้นเรื่องนี้ จึงเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จะเป็นอุทาหรณ์ ให้ผู้ที่กำลังหลงผิดได้รู้สึกตัว และมีสติสัมปชัญญะพิจารณาให้รอบคอบ ในกรณีของร่างทรงต่างๆ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ที่บุคคลทั่วๆไปให้ความเคารพบูชา โปรดอย่าดึงสิ่งเหล่านั้นลงมาย่ำยีเล่นตามอำเภอใจ ขอให้รู้สึกสะดุ้งกลัวต่ออาเพทที่จะเกิดขึ้นกับชีวิตของตนเองและผู้ที่เป็นบริวาร เช่น ครอบครัว เป็นต้น เนื่องจากบังอาจลบหลู่นำของสูงที่มีไว้สำหรับกราบไหว้บูชาลงมาย่ำยีเล่น เพียงแค่สนองกิเลสตัณหา ความบ้า และความหลงผิดของตนเอง ดังนั้นผู้เขียนได้พิจารณาแล้วเห็นว่า เรื่องที่จะเล่าสู่กันฟังเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่มีสาระสมควรที่จะนำมาเล่าสู่กันฟังอีกเรื่องหนึ่ง
    พระแม่กวนอิม ก็เป็นพระโพธิสัตว์อีกองค์หนึ่งของสายพุทธศาสนา ที่ผู้เขียนให้ความเคารพนับถือในความมีพระเมตตา และเปี่ยมไปด้วยบุญบารมีของท่านเป็นอย่างมาก ความนับถือของผู้เขียนที่มีต่อองค์พระแม่กวนอิมนั้น มีเพียงแค่เคารพในคำสอนให้เป็นผู้มีความกตัญญู ประพฤติตนเป็นคนดี มีเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย และเคารพบทสวดขององค์พระแม่ ส่วนรูปลักษณ์ของพระแม่นั้นที่ผู้เขียนให้ความนับถือ ก็มีเพียงรูปปั้นหรือภาพวาดที่เป็นสัญลักษณ์แทนองค์พระแม่เพียงแค่นั้นเอง
    เหตุผลที่ไม่เคารพร่างทรงที่อ้างพระนามของท่านก็เพราะว่า ในความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ มีเหตุผลดังนี้ พระแม่กวนอิมนั้นท่านได้ชื่อว่าเป็นพระโพธิสัตว์องค์หนึ่ง ความหมายนั้นยิ่งใหญ่แค่ไหน ผู้ปฏิบัติธรรมย่อมจะเข้าใจความหมายของคำว่า พระโพธิสัตว์นั้นได้ดี คนธรรมดาผู้ที่ยังมิได้แจ้งชัดในธรรมจนถึงระดับสูงไม่อาจได้รับการขนานนามได้ว่าเป็นพระโพธิสัตว์นั้น เพราะคำๆนี้มิใช่ได้มาง่ายๆ ผู้ไม่บรรลุธรรมจึงไม่บังอาจใช้คำๆ นี้ เพราะไม่ได้มาด้วยเวลาเพียงสั้นๆ คำว่าพระโพธิสัตว์ต้องใช้เวลาบำเพ็ญหลายภพหลายชาติจึงจะมีผู้สำเร็จในทางธรรม และได้การขนานนามว่า พระโพธิสัตว์ สักคนอย่างที่พระแม่กวนอิมได้รับ ดวงจิตของพระโพธิสัตว์นั้นย่อมพิสุทธิ์สูงสุดผิดจากมนุษย์ธรรมดา ที่ยังพอกพูนไปด้วย กาม กิเลส ตัณหา ราคะ โลภะ โทสะ โมหะ ในรูปแบบต่างๆ
    มนุษย์เรานั้นได้ชื่อว่า เป็นผู้มีกลิ่นกายสกปรกโสโครกอย่างรุนแรง แม้แต่เทวดาชั้นต่ำก็ยังรังเกียจกลิ่นเหม็นเน่าอย่างกับอาจมที่อยู่ในกายมนุษย์ ยกตัวอย่างให้เห็นเฉพาะแค่ กาม กิเลส ตัณหา ราคะต่างๆ อาจจะยังมองไม่เห็นชัดเจนสำหรับผู้ที่ยังไม่เคยปฏิบัติธรรม จึงอาจจะยังไม่เข้าใจมากนัก แต่สำหรับผู้ปฏิบัติธรรมจะเข้าใจได้มากกว่า สำหรับบุคคลที่ไม่ได้ปฏิบัติธรรมย่อมสงสัยว่า มันเหม็นได้อย่างไร ชี้ให้เห็นง่ายๆ คนเราเมื่อไม่อาบน้ำแปรงฟัน สักสี่ห้าวัน มีขี้ตา ขี้ฟัน ขี้หู ขี้เต่า กลิ่นเหม็นคลุ้งออกมาให้บุคคลรอบข้างได้กลิ่น แล้วยังจะกระเพาะลำไส้ ที่บรรจุเต็มไปด้วยซากสัตว์ที่แปรสภาพมาเป็นอาหาร ที่เรากลืนกินลงไปในกระเพาะนั้นล่ะ คิดดูซิมันเหม็นแค่ไหน
    พระแม่กวนอิม ท่านบริสุทธิ์ผ่องใสไม่อาจจะเทียบได้กับสิ่งใด ท่านจะมาอยู่ในกายในจิตของบุคคลที่ยังพอกพูนไปด้วยกิเลสตัณหา และกลิ่นเหม็นเน่าของบุคคลที่อ้างพระนามของท่าน ได้อย่างไรกัน เอาเพียงแค่เทวดาชั้นต่ำยังไม่อยากเข้าใกล้เลย ร่างทรงนั้นก็ยังมีทั้ง คนรักคนเกลียดอยู่ทุกวัน ย่อมแสดงให้เห็นว่าผู้นั้นไม่ใช่ผู้ที่วิสุทธิ์ แล้วพระแม่กวนอิมจะเข้ามาอยู่ในจุดที่เรียกว่าเหม็นเน่านั้นหรือ? ขอให้พิจารณากันให้ดี อาจจะเป็นพวกวิญญาณเร่ร่อนหรือที่เรียกว่า สัมภเวสี ที่มาอาศัยร่างกายคนที่มีจิตใจอ่อนไหว ทางการแพทย์เรียกว่า พวกจิตหลอนหรือโรคประสาท แล้วแอบอ้างว่าเป็นเจ้าพ่อเจ้าแม่ต่างๆ แม้บางครั้งร่างทรงนั้นๆจะสามารถพูดจาทายทักได้ถูกต้อง เฉพาะอดีตที่ผ่านมาแล้วกับปัจจุบันเท่านั้น แต่อนาคตก็ไม่สามารถทำนายทายทักได้ถูกต้อง ถ้าหากได้รับการพิสูจน์อย่างจริงจัง
    วันหนึ่งผู้เขียนได้รับโทรศัพท์จากพี่ที่นับถือท่านหนึ่ง สั่งเด็กในบ้านที่เป็นผู้รับโทรศัพท์ให้บอกกับผู้เขียนว่า ให้ไปพบที่บ้านด่วนมีธุระสำคัญ จากนั้นก็วางสายโทรศัพท์ไปไม่ทราบว่าเรื่องอะไร ผู้เขียนจึงขับรถไปบ้านพี่ท่านนั้น พอไปถึงได้พบว่ามีบุคคลที่รู้จักอยู่หลายคน และมีหญิงชายสามีภรรยาแปลกหน้าสองคนนั่งอยู่ในที่นั้นด้วย เจ้าของบ้านได้แนะนำให้รู้จักหญิงชายคู่นั้น จึงได้ทราบว่าสามีนั้นทำงานที่เดียวกันกับพี่เจ้าของบ้านและสามีของผู้เขียน แต่เขาไม่รู้จักสามีของผู้เขียน ส่วนภรรยาเป็นอาจารย์สอนหนังสือในโรงเรียนของรัฐแห่งหนึ่ง อายุคงแก่กว่าผู้เขียนไม่มากนัก
    ผู้เขียนได้ถามพี่เจ้าของบ้านว่า มีธุระรีบด่วนอะไรถึงได้เรียกให้รีบมา พี่เจ้าของบ้านได้เล่าให้ฟังว่า ผู้ชายคนที่เป็นสามี เขามีปัญหาเกี่ยวกับภรรยา พี่บอกเขาว่าเธอคงจะช่วยเขาได้ จึงได้เรียกให้มา เนื่องจากว่าพี่เจ้าของบ้านได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับตัวผู้เขียนให้คนทั้งสองฟังหมดแล้ว เป็นเหตุให้สองสามีภรรยาต้องการพบเพื่อให้ผู้เขียนได้สัมผัสดูว่า ร่างทรงที่ประทับอยู่ในร่างของภรรยาเขานั้นเป็นพระแม่กวนอิมใช่หรือไม่ พอได้ฟังผู้เขียนก็รู้สึกอึดอัดใจขึ้นมาทันทีนึกในใจว่าเจอจนได้นะเรา พี่เจ้าของบ้านรู้จักผู้เขียนมานานและรู้ด้วยว่าผู้เขียนคงไม่เล่นด้วยจึงได้พูดขอร้อง ให้ช่วยสงเคราะห์สองสามีภรรยาสักครั้ง เพราะว่าสามีเขาเป็นทำงานที่เดียวกันกับพี่เจ้าของบ้าน ผู้เขียนจึงลังเลใจเมื่อพี่เจ้าของบ้านได้ขอร้องและมีเหตุผลดังกล่าว สามีของร่างทรงได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับภรรยาให้ผู้เขียนฟังว่า ตั้งแต่มีการประทับทรง มีบางเรื่องที่ทำให้เขากลุ้มใจคือ เมื่อมีคนตายแล้วญาติผู้ตายมาหาร่างทรง ร่างทรงได้บอกให้ญาติผู้ตายนำศพมาที่บ้าน เพื่อที่ร่างทรงจะทำพิธีชุบชีวิตผู้ตายให้ฟื้นขึ้นมาใหม่ ข้อนี้เขาเองไม่กล้าที่จะทำตามใจภรรยา เพราะถ้าหากนำศพมาชุบชีวิตเกิดไม่ฟื้นขึ้นมาจะเป็นเรื่องใหญ่โต มีผลกระทบทั้งในหน้าที่การงาน ทั้งเขาเองและภรรยา ถ้าหากทำอย่างนั้น แน่นอนหนังสือพิมพ์คงต้องลงข่าวกันเกรียวกราว ทำให้เขาเกิดความกลุ้มใจ พอเขาได้พบและพูดคุยกับพี่เจ้าของบ้านเกี่ยวกับตัวผู้เขียนแล้ว เขาได้ตัดสินใจพาภรรยามาหา ซึ่งก่อนหน้านี้เขาก็พาไปที่อื่นมาแล้วหลายแห่ง ทุกแห่งจะบอกว่าภรรยาเขานั้นเป็นร่างทรงจริง
    ฝ่ายภรรยาขณะที่สามีกำลังพูดให้ผู้เขียนช่วยสงเคราะห์ และอยากทราบความจริงอีกครั้งจากผู้เขียนเป็นการตัดสินใจครั้งสุดท้ายว่า ภรรยาของเขาเป็นร่างทรงจริงหรือไม่ ระหว่างที่กำลังพูดคุยกันอยู่ ภรรยาเขาก็เกิดอาการสั่นสะท้านขึ้นเป็นการบอกให้รู้ว่า บัดนี้เขาเริ่มมีอาการทรงแล้ว สังเกตเห็นกริยาของเขาว่าไม่พอใจ ที่ผู้เขียนไม่ให้ความสำคัญหรือสนใจ ว่าเขาเป็นถึงร่างทรงของเจ้าแม่กวนอิม กริยาของเขาเริ่มโกรธ พออาการสั่นเต็มที่ ใบหน้าชักกระยุกกระยิก เขาก็ตบเตียงที่นั่งเอะอะโวยขึ้นมาทันที และพูดว่า
    “มึงเป็นใคร.? จึงทำยโสโอหัง ไม่ให้ความเคารพนอบน้อมข้า ที่เป็นถึงร่างทรงของพระแม่กวนอิม มึงต้องเจอดีแน่ๆ” และพูดไม่ดีอีกหลายคำ
    ผู้เขียนเองปรกติก็เป็นคนอารมณ์ร้อนอยู่แล้ว ไม่ค่อยยอมง่ายๆ โดยเฉพาะเรื่องที่ไม่ถูกต้อง อารมณ์เริ่มจะมาเย็นขึ้นก็ตอนฝึกสมาธินี่แหละ แต่ก็ยังต้องคอยระวังเผลอเมื่อไรหลุดทุกที เมื่อถูกร่างทรงแสดงกริยาวาจาเข้าใส่แบบนั้น ก็เริ่มมีอารมณ์และคิดว่าอยู่ดีๆ ก็ถูกเรียกมาให้คนบ้าที่ไหนก็ไม่รู้ด่าว่าเอา และเริ่มมีความอายคนที่นั่งอยู่ในที่นั้นด้วย โดยความจริงแล้วผู้เขียนไม่ได้ว่าอะไรร่างทรงเลย แต่กลับคิดว่ามันเรื่องของเขาเราไม่เกี่ยว ก็อย่างที่บอกจะไม่ช่วยเพาะเชื้อให้คนประเภทนี้เพิ่มขึ้น เพราะจะเป็นการส่งเสริมให้คนพวกนี้พากันมาย่ำยีศาสนา และพระธรรมสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เราเคารพนับถือ โดยการนำสิ่งเหล่านี้ลงมาเล่น ถ้าเราให้ความศรัทธาร่างทรงไม่ว่าในรูปแบบใด
    เมื่อถูกด่าโดยไร้เหตุผลก็ต้องปกป้องตนเอง จากความรู้สึกของผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ อย่างน้อยก็ทำให้เขาเข้าใจว่าผู้เขียนไม่ได้หยาบกระด้างและอวดดี หรือคิดว่าตนเองแน่กว่าใครจึงไม่มีความเคารพย่ำเกรง แม้แต่พระแม่กวนอิมที่ประทับทรงอยู่ในร่างของอาจารย์สอนหนังสือท่านนี้ จึงตัดสินใจว่า จะพิสูจน์วัดกันให้รู้เรื่องไปข้างหนึ่งเลย จึงได้ถามร่างทรงว่า
    “เรามาพิสูจน์กันไหม”
    ร่างทรงนั่งตัวตรงตบพื้นเสียงดังโครมครามน่าเกรงขามทีเดียว เมื่อถูกผู้เขียนท้าพิสูจน์ ก็เกิดอาการโกรธหน้าตาถมึงทึง ทำให้ผู้อยู่เหตุการณ์นั้นหวาดวิตก ที่เห็นผู้เขียนโต้ตอบกับร่างทรงเช่นนั้น ผู้เขียนได้หันหน้าไปถามสามีของร่างทรงว่า ถ้าหากพิสูจน์กันแล้ว อาจารย์สอนหนังสือเป็นร่างทรงของพระแม่กวนอิมจริง ผู้เขียนจะนอนกับพื้นให้เอาเท้าของร่างทรงวางบนหัว และจะยอมเป็นข้าทาสรับใช้ในทุกสิ่งทุกอย่าง ที่ร่างทรงของพระแม่สั่งให้ทำ แต่ถ้าหากพิสูจน์แล้วไม่ใช่พระแม่กวนอิมจริง ขอแค่เลิกกล่าวนามของพระแม่กวนอิมในลักษณะเช่นนี้อีกต่อไปและขอให้สามีภรรยาไปรักษาที่รพ.ศรีธัญญา ตกลงไหม? เท่าที่สังเกตสามีของร่างทรงก่อนที่จะมีการท้าพิสูจน์กัน รู้สึกว่าเขาเองก็ไม่พอใจอยู่เหมือนกัน ที่ผู้เขียนไม่เชื่อ ไม่ให้ความสำคัญว่าภรรยาของเขาเป็นร่างทรงจริง ลึกๆแล้วในความรู้สึกของเขาก็มีส่วนเชื่ออยู่บ้างว่า ภรรยาของเขาเป็นร่างทรงจริง เมื่อบอกให้เขาเป็นพยานในการพิสูจน์ครั้งนี้ เขาจึงพยักหน้าตอบตกลง ตอนนั้นผู้เขียนยังไม่มีสมาธิ จึงได้ถามร่างที่กำลังสั่นสะท้านแล้วถามว่า ใครคือคนที่อยู่ในร่างทรงนี้ ร่างทรงตอบทันทีว่า
    “ข้านี่แหละ.! พระแม่กวนอิมพระโพธิสัตว์”
    ผู้เขียนจึงหยั่งเชิงไปว่า ถ้าเป็นพระแม่กวนอิมจริงจะฟังภาษาจีนรู้เรื่องไหม เพราะหน้าตาของร่างทรงออกไปทางคนอีสานมากกว่า ไม่น่าจะฟังภาษาจีนรู้เรื่อง จึงได้ถามร่างทรงเป็นภาษาจีนแต้จิ๋วว่า
    “อั๊ว ต่า แต้ จิ๋ว ลื้อ จาย บ่อ” (ฉันพูดภาษาแต้จิ๋วเธอเข้าใจหรือเปล่า)
    ทันทีทันควันร่างทรง ตอบเป็นภาษาจีนขึ้นมาทันทียาวเหยียดเร็วปรือ ฟังแทบไม่ทันเลยสำเนียงก็ใช่ด้วย พร้อมกับพูดภาษาเทพที่เขาเรียกว่า ภาษากูโบท ที่พวกร่างทรงชอบพูดกัน ลักษณะท่าทางน่าเชื่อถือมาก ทำเอาผู้ที่นั่งอยู่ด้วยกลัวไปตามๆกัน
    ผู้เขียนจึงสำรวมจิตใจให้เป็นสมาธิพร้อมกับระลึกถึง องค์พระแม่กวนอิม ขอพรจากองค์พระแม่ขอให้จิตผู้เขียนเกิดความรู้เห็นตามความเป็นจริงว่า ร่างนี้ที่ประทับทรงอยู่และกล่าวนามพระแม่นั้น เป็นพระแม่กวนอิมหรือเปล่า ถ้าหากใช่จะขอขมาลาโทษขออภัยที่ได้บังอาจลบหลู่องค์พระแม่กวนอิม เมื่อจิตเป็นสมาธิและได้สัมผัสรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างทรงนั้นไม่ใช่พระแม่กวนอิม เป็นอาการของอุปทานหลอกจิตที่ทำให้เชื่อว่า ตนนั้นเป็นพระแม่กวนอิม อาการเช่นนี้เรียกว่า
    “จิตหลอกจิต จิตหลงทาง”
    เมื่อลืมตาขึ้นจึงได้ขอกระดาษและปากกาจากพี่เจ้าของบ้าน จากนั้นก็เขียนข้อความลงบนกระดาษแผ่นเล็กๆม้วนเป็นแท่งแล้วกำไว้ในมือ โดยไม่มีผู้ใดรู้ข้อความที่เขียนในกระดาษแผ่นนั้น จากนั้นได้ถามร่างทรงว่า
    “ตอนนี้ใช่พระแม่กวนอิมอยู่หรือเปล่า”
    ร่างทรงตอบแบบทนงองอาจยืดตัวตรงว่า
    “ข้านี่แหละ.! พระแม่กวนอิมพระโพธิสัตว์”
    ผู้เขียนจึงพูดกับร่างทรงว่า
    “พระแม่กวนอิมเจ้าคะ! พระแม่เป็นถึงพระโพธิสัตว์องค์หนึ่ง ย่อมไม่มีสิ่งใดสามารถปิดบังพระเนตรพระกรรณของพระแม่ได้ใช่ไหมเจ้าคะ! ไม่ว่าสิ่งนั้นจะอยู่บนฟ้าใต้แผ่นดิน หรือแม้กระทั้งสุดจักรวาล ก็ไม่มีสิ่งใดสามารถปิดบังพระเนตรพระกรรณได้จริงไหมคะ”
    ร่างทรงตอบแบบอกผายไหล่ผึ่งขึ้นมาทันทีว่า
    “ใช่แล้วไม่มีอะไรปิดบังพระเนตรพระกรรณเราได้”
    เมื่อร่างทรงตอบอย่างนั้น ผู้เขียนจึงชูกระดาษที่กำไว้ในมือแล้วถามว่า

    ยังมีต่อครับ
     
  2. คณโฑ

    คณโฑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    295
    ค่าพลัง:
    +1,625
    รออ่านต่ออยู่นะครับ
    ขอบคุณครับผม
     
  3. al-Zarnahedeen

    al-Zarnahedeen Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +50
    อ๊ากกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!
    0-0
    กะลังเข้าด้ายเข้าเข็ม เล่นเรือล่มปากอ่าวงี้เลยเหรอ -*-

    :':)':)'(
     
  4. gajanandana

    gajanandana สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2013
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +6
    ถึงยังไม่เขียนเล่าต่อแต่ก็ชัดแล้วว่าเรื่องจะเป็นอย่างไรต่อ
    แต่ยังไงหลังจากนั้นพอลับหลังคุณ เจ้าตัวเขาก็คงหลอกตัวเองต่ออยู่ดีไม่มีหรอกที่จะยอมรับ
     
  5. nicegeka

    nicegeka สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +3
    ดีแล้วคัฟ ที่ทำให้คนหลายคนณ.ตอนนั้นได้เห็นของจริง ได้รับรู้ความจริงที่ควรจะรู้ไม่ใช่งมงายเหมื่อนที่ใครหลายๆคน เชื่ออยู่ณ.ตรงนี้ ยังมีอีกเยอะคนประเภทนี้ ขอภาวนาอยู่ในใจให้พวกเขาตาสว่างเสียที่ จาก คนนึ่งที่รู้ว่าสิ่งศักสิทธิ์มีจริง
    ((ไม่ใช่ของล้อเล่น ที่จะเอามาแอบอ้าง))
     
  6. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    “พระแม่กวนอิม ช่วยตอบด้วย ข้อความในกระดาษที่ถืออยู่ในมือนี้ เขียนว่าอย่างไร?”
    เท่านั้นเองเจ้าแม่จอมปลอมในร่างทรง ได้แสดงอาการโกรธกริ้วผู้เขียนอย่างรุนแรง ส่งเสียงแช่งด่าเอะอะไปหมดพร้อมกับพูดว่า
    “มึงเป็นใครอวดดียังไงมาว่ากูบ้า มึงบังอาจมาลองดีกับกู มึงต้องมีอันเป็นไปภายในเจ็ดวันทั้งครอบครัว”
    จากนั้นก็ลุกขึ้นวิ่งเข้าไปในครัวยกมือไหว้คำนับ แล้วก็เดินออกมายืนกลางบ้านคำนับซ้ายคำนับขวา เดินมาที่หน้าบ้านคำนับหน้าบ้านอีก เรียกว่า คำนับไหว้ทั้งสี่ทิศแล้วก็เดินมานั่งที่เดิม แปรเปลี่ยนกริยาเป็นเทพอีก พร้อมกับบอกว่า ตัวเองเป็นร่างทรงของพระนางอุมาเทวีเทพเจ้าของแขก ผู้เขียนจึงหันไปถามสามีซึ่งนั่งตกใจหน้าซีดรู้สึกจะอายอีกด้วย ที่ภรรยาไม่อาจตอบคำถามได้ว่า ในกระดาษแผ่นนั้นเขียนข้อความว่าอะไร ผู้เขียนจึงพูดกับสามีร่างทรงว่า
    “คุณเชื่อ!หรือยัง!ว่า ภรรยาของคุณไม่ใช่ร่างทรงของเจ้าแม่กวนอิม”
    สามีร่างทรงตอบว่า
    “ทีแรกก็บอกว่าเป็นเจ้าแม่กวนอิม พอตอนหลังก็บอกเป็นพระนางอุมาเทวี ผมก็ชักสับสนสงสัยจะไม่ใช่แล้ว”
    ผู้เขียนจึงคลี่กระดาษแผ่นนั้นให้สามีเขาดูข้อความที่เขียนไว้ว่า
    “ตัวของฉัน” (หมายถึงตัวของผู้เขียนเอง)
    สามีของร่างทรงเมื่อเห็นข้อความก็รู้สึกอาย ผู้เขียนไม่ได้ตอกย้ำความรู้สึกของสองสามีภรรยาให้เจ็บให้อาย เพียงแต่กระซิบบอกกับเขาว่า พาเขาไปรักษาเสียเถอะยังไม่สาย ถ้าหากปล่อยไว้จะทำให้มีปัญหากับหน้าที่การงาน จากนั้นก็กลับบ้านไม่รอให้ร่างทรงออกจากอาการทรง ข้อความในกระดาษแผ่นนั้นก็รู้กันเพียงแค่ สามีเขากับตัวผู้เขียนและพี่ผู้เป็นเจ้าของบ้านเพียงแค่นั้น เรื่องเกี่ยวกับการพิสูจน์ร่างทรงจึงจบลงด้วยเพียงแค่นั้น
    หลายวันต่อมา พี่เจ้าของบ้านได้เดินไปทานข้าวกลางวันกับสามีของผู้เขียนที่ร้านอาหารภายในที่ทำงาน ได้พบกับสามีของร่างทรง พี่เจ้าของบ้านได้แนะนำให้สามีของผู้เขียนรู้จักกันสามีของร่างทรง เขาได้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับภรรยาของเขาให้สามีผู้เขียนฟัง จากนั้นสามีผู้เขียนและพี่เจ้าของบ้านก็ไม่เคยได้พบสามีของร่างทรงอีกเลย ทั้งที่ทำงานอยู่ที่เดียวกัน
    เวลาผ่านไปหลายปี จนเมื่อไม่นานมานี้ วันหนึ่งสามีของผู้เขียนได้บังเอิญพบกับสามีของร่างทรง ในการพบกันครั้งนี้เป็นการพบที่ต่างจากที่เคยพบกัน เพราะสามีของร่างทรงได้บวชเป็นพระภิกษุสงฆ์ และได้เล่าให้สามีของผู้เขียนฟังว่า หลังจากที่พบกับผู้เขียนแล้ว เขาก็ไม่มีความเชื่ออีกเลยว่าภรรยาของเขาเป็นร่างทรงจริง เขาพยายามพาไปรักษาภรรยาก็ไม่ยอมไป เคยมีเหมือนกันที่ยอมไปแต่ก็อยู่ไม่นาน ระยะหลังๆจะเข้าทรงถี่ขึ้น แม้ขณะตอนที่ยังสอนหนังสือเด็ก จนตอนหลังต้องลาออกจากการสอนและประทับทรงเป็นอาชีพ ส่วนตัวของเขาได้ลาออกจากที่ทำงานและได้ไปบวชเป็นพระ โดยพาลูกชายสองคนไปอยู่ด้วยโดยให้บวชเป็นเณร ปัจจุบันนี้ไม่ทราบว่าเด็กทั้งสองคนนั้นยังบวชอยู่หรือเปล่า ได้เรียนหนังสือเหมือนเด็กทั่วไปหรือไม่ หรือว่าบวชไปแล้วก็เรียนไปด้วย ผู้เขียนได้ฟังเรื่องราวที่สามีเล่าให้ฟังรู้สึกสลดหดหู่ และเศร้าใจต่อครอบครัวของบุคคลผู้นี้มาก
    ที่จริงแล้วชีวิตของครอบครัวนี้น่าที่จะอยู่เย็นเป็นสุข เพราะคนทั้งสองมีหน้าที่การงานที่ดีมาก โดยเฉพาะสามีของร่างทรงนั้นสถานที่ทำงานเป็นสถานที่ดีมาก ใครๆก็ปรารถนาอยากจะเข้าไปทำงานที่นั่น แต่เขาต้องลาออกมาใช้ชีวิตทางธรรม ทั้งๆที่ลูกยังเล็กอยู่ เป็นที่น่าเสียดายและน่าห่วงใยต่ออนาคตของเด็กทั้งสอง ที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำของมารดา
    ท้ายเรื่องผู้เขียนอยากฝากข้อคิดไว้สักนิด พระพุทธ พระธรรม พระอริยบุคคล พระโพธิสัตว์ เป็นของสูงมีไว้สำหรับบูชา และเป็นสิ่งที่ต้องห้ามนำมาย่ำยี เพื่อสนองกิเลสตัณหาของตน หากผู้ใดละเมิด ไม่มีผู้ใดพ้นจากอาเพศและภัยพิบัติ ที่จะเกิดกับครอบครัวไปได้ไม่ช้าก็เร็ว
    แต่นั่นแหละสิ่งเหล่านี้ไม่สามารถห้ามได้ เป็นความพอใจและความชอบของแต่ละคน ทั้งๆที่รู้บางครั้งก็ยังทำ ก็ต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของสามัญสำนึกของแต่ละคน เรียกว่าจะเลือกหาบบุญ หรือจะเลือกหาบบาป ตนเองเป็นผู้ที่เลือกเอง
    ถ้าหากคิดว่าเลือกผิด ก็เลือกใหม่ได้นะยังไม่สายเกินไป

    จากหนังสือมิติซ้อนมิติเล่ม1
    ได้รับอนุญาตจาก http://www.facebook.com/varunee.sawasdeepak

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กุมภาพันธ์ 2013
  7. interpoo

    interpoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    2,970
    ค่าพลัง:
    +19,781
    เราก็เป็นคนนึง ที่บอกได้เลยว่า ไม่เพ่งจิตดูของสูงเด็ดขาด... ดูแต่วิญญาณ หรือเจ้ากรรมนายเวร เท่านั้น... แต่ก็ไม่อยากจะลบลู่เค้า... เพราะบอกเลยว่า เชื่อเรื่องพลังจิต (เพราะพิสูจน์ตัวเองมาล่ะ) หรือการมองอนาคตได้ (อันนี้ก็เห็นได้จริงๆ) ผี วิญญาณก็ล้วนแต่มีจริง... แต่บอกหลายๆ คนเลยว่า "แล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละบุคคล" จงเชื่อ แต่อย่า งมงาย บางคนงมงายเกินไป กะ การดูร่างทรง (เช่นอาที่บ้านดิฉัน)
     
  8. jibakun

    jibakun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2011
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +204
    บางคนก็มีหลายบุคลิก เคยมีนับได้ถึง 50 บุคลิกในคนเพียงคนเดียว
    :boo:
     
  9. โฮดี้โจนส์

    โฮดี้โจนส์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,152
    ค่าพลัง:
    +1,487
    มันเป็นโรคโรคหนึ่ง นิ คนแบบนี้จะไม่รู้ตัวเองเลยบางคนกลายเป็นคนอื่นไปเลยและจำอะไรไม่ได้เลย แบบว่ามีหลายคนในคนเดียวกัน
    รู้สิจะเก่ยวกับสมองและความกระทบกระเทือนทางจิตใจ
     

แชร์หน้านี้

Loading...