เปิดจักระขั้นพื้นฐานผ่านหน้าเว๊บ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย มีแปปเดียว, 24 สิงหาคม 2010.

  1. aapinyah

    aapinyah เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2012
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +160
    บางทีแค่นึกถึงกระหม่อมตัวเอง ขนหัวก็ลุก ยิ่งตอนสวดมนต์บางทีขนลุกทั้งตัว แล้วไม่หายง่ายๆ ทำให้เบื่อกับร่างกายตัวเอง ไม่รู้ว่าเป็นโรคอะไรหรือไม่ หรือเป็นเพราะสวดมนต์ หรือเพราะฝึกหายใจ ก็ไม่รู้ โปรดแนะนำด้วยค่ะ
     
  2. ใส้เดือน

    ใส้เดือน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    508
    ค่าพลัง:
    +2,085
    เมื่อวานผมเดินทางไปปรึกษาพระครูชัย ที่ จังหวัดหนองบัวลำภู ระหว่างทางที่ผมจอดรถนั่งรอเพื่อนๆ อยู่ ไม่รู้ว่าแขกคนหนึ่งยืนอยู่ต่อหน้าตอนไหน แล้วทักว่า วาสนาชตาชีวิตดีนะ หน้าตาอิ่มเอิบ ใจบุญชอบช่วยเหลือผู้อื่น แต่ถูกผู้อื่นเอาเปรียบตลอดเวลา ผมก็มองหน้าท่าน ผมก็พูดกับท่านว่า สาธุดีแล้วครับ ที่เขาเอาเปรียบผม ผมขอแค่ผมไม่เอาเปรียบใครก็พอครับ แขกคนนั้นก็บอกว่า ปล่อยปลา 21 ตัวนะ แล้วก็เดินจากไปเฉยเลย พอมีคนทักก็เลยปล่อยปลา เต่า นก หอย และถวายพระพุทธรูปจองรอง พระพุทธชินราช พอไปที่วัดพระครูชัย ท่านก็พูดว่า จะหล่อพระพุทธชินราชพอดีมาร่วมเททองหล่อวันที่ 15 16 มี.ค. นี้นะ แล้วท่านก็ทักว่า อย่าไปตามหาในสิ่งที่ไม่มีเลยนะโยม มันไม่มีหรอก แต่จะว่ามันไม่มีมันก็มีอยู่ในสิ่งที่ไม่มีนั่นแหละ ทุกอย่างจะเป็นไปเองไม่ต้องเร่งรัดไม่ต้องรีบร้อน
    พอมาเข้ากระทู้ อัคนีวาต ก็ได้รับคำแนะนำที่กระจ่างขึ้น ขอบพระคุณอย่างยิ่งครับ
    หลักจากสนทนาธรรมผมก็เดิมทางกลับที่พัก ในคืนนี้ผมทบทวนคำแนะนำของท่าน อัคนีวาต แล้วอธิฐานจิต ไม่นานทุขเวทนาได้เข้ามาแทรก พลังที่หนักกดทับอีกครั้งครับไม่นานก็ปวดหัว ลมจากด้านล้างอัดขึ้นเช่นเคย แต่วันนี้อาการหนักมากๆ เพราะปวดแสบที่ท้องต้องนอนขดอยู่พักใหญ่ พอลุกได้ก็อาเจียนทันที ต่อมาท้องร่วงรุนแรง
    หลักจากนั้นสัก 10 นาทีพอประคองตัวได้จึงเริ่มกราบระลึงถึงคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ตามที่ท่าน อัคนีวาต แนะนำ แล้วอธิฐานจิตว่า จะนั่งตั้งสติกำหนดรู้จะไม่ลุกไปไหนขอถวายร่างกายเป็นพุทธบูชา แล้วแผ่เมตตาให้ทั้่วจักรวาล อาการปวดหายไป ต้องขอบพระคุณท่าน อัคนีวาต เป็นอย่างยิ่งครับผม
     
  3. ดวงเดือนโอ

    ดวงเดือนโอ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    447
    ค่าพลัง:
    +846
    คุณอัคนีวาตคะ ดิฉันพยายามหาคำตอบในเรื่องพลัง แต่หาคำตอบที่มาที่ไปไม่ชัดเจน พอมาอ่านในกระทู้ของคุณก็คิดว่าคุณคงมีคำอธิบายและคำแนะนำให้ดิฉันได้ ตัวดิฉันเองก็ได้เคยฝึกพลังลมปราณมา ฝึกสมาธิมานาน และชอบศึกษาเรื่องพลัง มาในช่วง 10 ปีนี้มีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับพลัง ซึ่งมันมีมากจนรบกวนชีวิตประจำวันทำให้ทำงานไม่ได้ เพราะพลังมักจะหมุนวนไปจุกอยู่ที่กลาง กระหม่อม บางครั้งเหมือนเป็นก้อนหินก้อนใหญ่หนักมากกดทับอยู่ ไปพบแพทย์ก็ตรวจทุกอย่างแต่ไม่พบความผิดปกติ สังเกตุได้ว่าทุกครั้งที่ไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะมีอาการรับพลังเกินเข้ามาเสมอจนกายเนื้อรับไม่ไหว อยากทราบว่า
    1.พลังนี้มาจากไหน ทำไมมามากเหลือเกิน
    2.จะควบคุมพลังไม่ให้เข้ามามากเกินไปได้อย่างไร
    3.จะปลดปล่อยพลังที่เกินนี้ได้อย่างไร
    ตอนนี้ป่วยอยู่เกือบ 3 อาทิตย์หลังจากไปไหว้หลวงพ่อโสธรมา รักษากับอาจารย์ท่านหนึ่งซึ่งท่านบอกว่าเป็น 1 ในล้านที่มีอาการแบบนี้คือไปที่ไหนเทพหรือเจ้าที่หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆจะเสริมพลังให้ ซึ่งกายเนื้อเรารับไม่ไหว ต้องให้ท่านช่วยปลดปล่อยพลังออกไปทุกวัน บางวันนานถึง 6 ชั่วโมงจะมีอาการอาเจียนออกมาเป็นลมตลอด 6 ชั่วโมงช่วงหลังก็น้อยลงเป็นแค่ 3 ชั่วโมง จน2 วันนี้ไม่มีอาการอาเจียนแล้ว แต่อาการเรอทั้งวันยังมีอยู่ตลอด แต่ตลอดเวลานี้พลังจะออกจากปลายนิ้วมือ นิ้วเท้า สะดือ กลางสันหลังช่วงเอว และกลางกระหม่อม สัมผัสได้ถึงอาการปวดตามข้อนิ้วเมื่อพลังเดินผ่านแล้วพุ่งออกปลายนิ้ว ส่วนทางศรีษะก็จะมีเส้นผมตั้งชัน เหมือนมีเข็มเล็กๆจิ้มเหนือศรีษะ เหมือนมีคนดึงผมขึ้นทีละเส้นทั้งหัวแล้วพลังก็วืดออกไป ตอนนี้ขอคำแนะนำเพราะอยากจะป้องกันและควบคุมพลังนี้ด้วยตัวเองค่ะจะได้ไม่ต้องไปรบกวนใครให้ช่วยเอาพลังออก และจะได้กลับไปใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิมค่ะ
     
  4. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    การฝึกพลังต้องประสานจักรวาลน้อยคือตัวเรากับจักรวาลใหญ่คือธรรมชาติโดยปล่อยวางตัวเองทิ้งไป
    การฝึกด้วยความโลภเที่ยวขอรับพลังแล้วเกิดกระหยื่มยิ้มย่องว่าตนเองรับพลังมาเต็มๆมีแต่จะทำให้เกิดโทษเป็นอันมาก
    เพราะธรรมชาตินั้นสุดจะหยั่งถึงได้อันตัวเราเป็นแค่เศษธุลีจึงไม่สามารถบรรจุพลังจากธรรมชาติให้เช้ามาอยู่ในร่างกายอันสกปรกและปราศจากสาระแก่นสารใดให้ยึดถือได้
    หากจะทำการรักษาตนเองหรือผู้ใดเราก็แค่ให้ธรรมชาติแลสิ่งศักดฺ์สิทธิ์แลคุณพระศรีรัตนตรัยนั้นเป็นผู้จัดสรรโดยเราเป็นแค่ท่อพลังเมื่อผ่านมาแล้วก็ผ่านไปหมดทั้งสิ้นหาได้เก็บกักไว้ประการใดไม่
    อันท่อน้ำแลหัวดับเพลิงนั้นไม่อาจเก็บกักน้ำได้ด้วยตัวของมันเองฉันใดก็ฉันนั้น
    การฝึกสมถะกรรมฐานแลพลังทั้งหลายหากมิได้ฝึกด้วยใจมารที่อยากดี อยากได้ อยากเด่น อยากดัง อยากเก่ง อยากแลอยากไม่มีที่สิ้นสุดนั้นย่อมฝึกด้วยวัตถุประสงค์อย่างเลวที่สุดก็คือยังประโยชน์ท่านผู้อื่นทั้งหลายด้วยการรักษาโรคภัยที่อาจจะพอรักษาได้ด้วยพลัง ซึ่งทำได้ด้วยการเชิญพลังจากสิ่งศักดิ์สิทธื์ที่ผู้ป่วยนั้นๆศรัทธาให้รักษาโดยเราเป็นผู้ผ่านพลังไปเหมือนเป็นหัวก๊อกน้ำเท่านั้น
    อย่างดีรองลงมาก็เพื่อเป็นบาทฐานให้กับการฝึกสมถะสมาธิคือใช้เป็นวิตก วิจาร
    เพื่อให้จิตมีความสงบและกำลังพอที่จะพิจารณาธรรมเพื่อความละวางไม่ยึดติดต่อไป
    อย่างดีที่สุดก็เพื่อความเข้าถึงธรรมชาติและเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงความไม่มีสาระใดให้ยึดมั่นถือมั่นเพราะไม่มีรูปและนามใดสามารถพ้นไปจากกฏไตรลักษณ์ได้ การฝึกจิตนั้นจึงจำต้องมอบกายถวายชีวิตให้กับธรรม โดยปราศจากความกลัว ลังเลสงสัยใดใด คอยสังเกตปรากฏการณ์ธรรมชาติทางจิตที่บังเกิดขึ้น ด้วยความรู้ตัวตนด้วยสติว่ามันเป็นแค่มายาการของจิตที่ดิ้นรน ซ่ายซัดไม่ยอมให้ควบคุม ข้อผิดพลาดของผู้ฝึกที่งหลายคือพยายามไปควบคุมแทนที่จะดูมันพยศจนสิ้นแรง
    เมื่อสำเหนียกถึงความกระจอกไม่มีอะไรของตัวเราแล้ว อาการทั้งหลายก็จะหายไปเองเพราะมันไม่มีสาระอะไร เมื่อปราศจากกระบี่เสียแล้วก็ไร้ซึ่งการปะทะใดใด
     
  5. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    นั่งดูอาการที่เกิดขึ้นเหมือนดูหนังดูละคร ไม่ต้องไปทุกข์ร้อนกะมัน
    มอบกายถวายชีวิตให้กับธรรม
    ถ้าตายในระหว่างทำสมาธิก็ได้ไปเกิดเป็นพรหม
    แต่เชื่อเถอะถ้าเตรียมใจรับความตายแล้ว ความกลัวตายที่มันซ่อนอยู่ลึกๆในกมลสันดานของสัตว์ทุกตนมันจะไม่ยอมให้เราตายเอง
    เคยเห็นคนอาการอย่างคุณมานักต่อนัก ส่วนใหญ่เป็นพวกเชื่อว่าไปรับองค์โน้นองค์นี้มา บางตนพูดเป็นกุมารทองก็มี
    อัตตาตัวตนของเราเมื่อมันใหญ่มันก็แผลงฤทธิ์แบบนี้แหละ
    ถ้าวางอัตตาลงแล้วคิดว่าเราเป็นแค่ดินๆๆๆๆๆๆๆๆมันก็สงบเอง
    อย่าไปจินตนาการไรให้มันเยอะเลย
    ทุกคนต้องตายหมดแหละไม่วันไหนก็วันนึง
    จักรวาลแลเอกภพก็ต้องดับไปเหมือนกัน
    จะหาสาระแลอัตตาใดไปทำไม
    ทุกสิ่งเป็นอนัตตาทั้งสิ้น
     
  6. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    มันเป็นแค่อาการของจิต เป็นปิติชนิดหนึ่งจะไปทุกช์ร้อนใจไปทำไม
    หัดมองหัดคิดให้ทุกสิ่งเป็นธรรมดา
    ชึวิตจะมีความสุขสงบเป็นธรรมดา
    อย่าลืมมรณะสติฝึกไว้ให้เป็นเครื่องระลึกอยู่เสมอ
    ดีใจก็จะได้ไม่ดีใจมากเกินไป
    เสียใจก็ไม่เดือดร้อนจนเกินไป
    รู้จักสงบระงับได้ ใจจะเป็นสุข
     
  7. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    ปีติ ความซาบซ่าน, ความอิ่มเอิบ, ความดื่มด่ำในใจ อันยังผลให้รู้สึกสุขสบายทั้งต่อกายและจิต จัดแบ่งออกตามอาการที่ปรากฎมี ๕ คือ

    ๓.๑ ขุททกาปีติ ปีติเล็กน้อยพอขนลุก ขนชัน น้ำตาไหล นํ้าตาคลอ หรือนํ้าตาซึม ด้วยความอิ่มเอิบ ด้วยความยินดี

    ๓.๒ ขณิกาปีติ ปีติชั่วขณะรู้สึกแปลบๆ ดุจฟ้าแลบ หรือดั่งยุงกัด มดไต่ ไรตอม หรือคล้ายมีประจุอ่อนๆ ยุบยิบหรือแปลบๆตามบางส่วนของกายหรือใบหน้า

    ๓.๓ โอกกันติกาปีติ ปีติเป็นระลอก รู้สึกไหลซู่เป็นระยะๆ ดุจดั่งคลื่นที่ซัดฝั่งเป็นระลอกๆ เช่น ดั่งรู้สึกขนหัวลุกชันเป็นระลอกๆซู่ หรือความรู้สึกซู่ซ่ากายเช่นขนลุกขนชันเป็นระลอกๆ (คล้ายดั่งอาการเวลาปวดท้องถ่าย)

    ๓.๔ อุพเพคาปีติ ปีติโลดลอย ใจฟู รู้สึกตัวเบา หรือ(รู้สึกราวกับว่า)ตัวลอย เปล่งอุทานเป็นคำพูดต่างๆนาๆออกมาด้วยความอิ่มเอิบ ร้องไห้โฮ สะอึกสะอื้น หรือตัวโยก ตัวคลอน กายสั่นเทิ้ม แหงนคอหงาย คู้กายควํ่า หรือรู้สึกว่าตามร่างกายหรือศีรษะมีอาการยืด หด ขยาย...พอง ยุบ ฯลฯ. เรียกปีติแบบนี้ว่า ปีติแบบโลดโผน

    ๓.๕ ผรณาปีติ ปีติซาบซ่าน อิ่มเอิบ ซาบซ่านอาบไปทั่วร่าง เย็นซาบซ่าน หรือคล้ายมีมวลประจุอ่อนๆ ลูบไล้ซาบซ่านไปทั่วร่าง เป็นองค์ประกอบของสมาธิโดยทั่วๆไป

    บางคนมีปีติที่รุนแรงโลดโผนแบบอุพเพคาปีติ เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็เกิดความตกใจหรือกลัว จนเกิดวิจิกิจฉาหรือต้องหยุดปฏิบัติไปก็มี หรือด้วยอวิชชาความไม่รู้ตามความเป็นจริง จึงฟุ้งซ่านหรือปรุงแต่งไปต่างๆนาๆทั้งจากเจ้าตัวเอง และผู้พบเห็น หรือผู้สั่งสอน ดังเช่น ปีติจนกายสั่นเทิ้ม หรืออุทานคำพูดออกมาแบบต่างๆนาๆ ก็มักเกิดการเข้าใจผิด, สอนกันผิดๆ, อ้างกันไปผิดๆว่า เป็นเจตภูตหรือกายทิพย์กำลังออกจากร่างไปเสียก็มี เป็นผีเข้า เป็นเจ้าทรง เป็นองค์ประทับ ยิ่งถ้าผู้ปฏิบัติและผู้พบเห็นหรือผู้สอนไปประกอบน้อมเชื่อด้วยอธิโมกข์ ในที่สุดก็จะรู้สึกและเข้าใจว่าเป็นไปดังนั้นจริงๆอย่างเหนียวแน่นด้วยมายาของจิต ด้วยไม่รู้หรืออวิชชา ว่าเป็นเพียงอาการของปีติ อันเป็นฌานวิสัย อันเป็นอจินไตย จึงเกิดได้นานารูปแบบตามจริต, การสั่งสม, วิสัยการปฏิบัติของนักปฏิบัติเอง ฯลฯ. เป็นสภาวธรรมหรือธรรมชาติอย่างหนึ่งของปีติเองเป็นธรรมดาๆ
     
  8. ดวงเดือนโอ

    ดวงเดือนโอ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    447
    ค่าพลัง:
    +846
     
  9. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    ตอนนี้ขอคำแนะนำเพราะอยากจะป้องกันและควบคุมพลังนี้ด้วยตัวเองค่ะจะได้ไม่ต้องไปรบกวนใครให้ช่วยเอาพลังออก และจะได้กลับไปใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิมค่ะ
    ป้องกันไม่ได้ เป็นเพราะตัวท่านมีสัมผัสที่ไวกับพลัง
    ลองฝึกอรูปฌาน โดยกำหนดอากาศเป็นอารมณ์ ว่าอากาศไม่มีที่สิ้นสุด เอาความรู้สึกให้แผ่ขยายกระจายออกไปไม่มีที่สิ้นสุด
    เมื่อกำหนดว่าตนไร้รูปเป็นเพียงอากาศ พลังที่มาก็จะไร้ที่สุด
    ใช้ความไร้ที่สุดแห่งพลังนี้ให้เป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น
    ถ้าคิดว่าได้รับความเมตตาจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประทานพลังมาให้มากเช่นนี้ก็อาจหมายถึง
    1) ตัวท่านเองกำลังป่วย จึงได้รับพลังเพื่อปรับธาตุในกายให้สมดุล
    2) ท่านมีภาระหน้าที่ที่จะต้องยังประโยชน์ให้กับชนหมู่มาก
    อาการที่ท่านเป็นนี้ ข้าพเจ้าก็เคยเป็นเมื่อฝึกพลังจักรวาลกับอาจารย์ใหม่ๆ ได้เดินทางไปสถานที่ต่างๆกับอาจารย์เพื่อรับพลัง บางสถานที่ถึงกับทรงกายแทบไม่อยู่ด้วยกระแสแห่งพลัง และเคยพบกับผู้ที่เรอตลอดเวลาเมื่อข้าพเจ้าได้อัญเชิญพลังเพื่อปรับธาตุให้ คนผู้นั่นพร่ำรำพันเป็นภาษาที่ไม่เข้าใจ
    ในปัจจุบันนี้ข้าพเจ้าและศิษย์บางคนก็ถึงกับปวดศีรษะเพราะสัมผัสได้ถึงพลังงานที่ถั่งถ้นเข้ามาอันเกิดจากการระเบิดพลังงานจากดวงอาทิตย์
    ทั้งนี้ให้คิดเสียว่ามันเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติหนึ่งๆ อันเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป
    วิธีที่ข้าพเจ้าใช้บรรเทาก็คือหมุนจักระทั่วร่าง มิเพียงแต่จักระทั้ง7 แต่หมุนฝ่ามือแลฝ่าเท้า จินตนาการว่าพลังผ่านเข้าสู่กระหม่อนและสองมือผ่านลงฝ่าเท้าลงพื้นดินไป พลังที่มาจึงแค่ผ่านตัวข้าพเจ้าไปเท่านั้น
    เมื่อออกจากสมาธิก็กราบพระรัตนตรัย พระปัจเจกพุทธเจ้า พระมหาโพธิสัตว์และพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย บิดามารดาทั้งผู้ให้กำเนิดและผู้เลี้ยงดูอุปการะ ครูบาอาจารย์ อุปปัชยฌาอาจารย์ ครูตำหรับคำราทั้งครูพักลักจำ พรหมเทพยดาทั้งหลายทั้ง16ชั้นฟ้า15ชั้นดินในโลกธาตุนี้แลอีกหมื่นโลกธาตุแสนโกฎิจักรวาล ธรรมชาติอันประกอบด้วยน้ำ ดิน ไฟ ลม อากาศ และนิพพาน กำหนดอารมณ์แผ่เมตตาให้กับตนเองแลสัตว์ทั้งหลายซึ่งเป็นเพื่อนทุกข์ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้นในโลกธาตุนี้แลอีกหมื่นโลกธาตุแสนโกฏิจักวาล และสวดมนต์กรวดน้ำอิมินา
    ขอจงโปรดมนสิการไว้เป็นนิจว่า
    เมื่อเกิดอะไรขึ้นกับเรา
    สิ่งนั้นไม่คงอยู่ไปตลอด
    ย่อมดับไปด้วยหมดเหตุและปัจจัย
    เมื่อคิดเช่นนี้สิ่งที่เกิด มันก็สักแต่ว่าเกิดขึ้นแต่เหตุเช่นนั้น
    มันก็ย่อมดับไปเช่นกัน
    อย่าลังเล สงสัย หวาดกลัว
    มอบศรัทธาทั้งหัวใจไว้กับพระรัตนตรัย
    ใช้สติ กำกับ
    มีปัญญาเป็นเครื่องตัด
    ในอดีตเคยฝึกพลังอย่างมีเราเป็นผู้ฝึก
    ค่อนี้เป็นต้นไปฝึกพลังอย่างไม่มีเราดูบ้าง
    จะเห็นความแตกต่าง
     
  10. ดวงเดือนโอ

    ดวงเดือนโอ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    447
    ค่าพลัง:
    +846
    ขอบพระคุณมาก ดิฉันได้รับคำตอบแล้วค่ะ ดิฉันเองก็เข้าใจจากพระอาจารย์ของดิฉันว่า ตัวดิฉันมีหน้าที่อย่างหนึ่งที่ได้ัรับมอบหมายมาว่าจะต้องทำประโยชน์แก่ชนหมู่มากอย่างที่คุณบอกในข้อ2จริง สมเด็จพระพุฒาจารย์โตพรหมรังษีท่านให้ดิฉันเริ่มช่วยผู้คนได้มา 2 ปีแล้วค่ะ แต่ดิฉันติดขัดเรื่องพลังดังที่กล่าวมา เคยทำงานเป็นผู้บริหารระดับสูงทั้งในต่างประเทศและในประเทศ แต่ก็มีเหตุจากพลังทำให้ป่วยโดยไม่ได้ป่วย ไม่สามารถทำงานได้มากว่า 10 ปีแล้ว ดิฉันจึงหันมาศึกษาด้านแพทย์ทางเลือกเพราะใจอยากเป็นแพทย์ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์มาตลอด และปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวันเป็นประจำทุกปีและวัดวารินทร์บุญญาวาสที่ลพบุรีทุกครั้งเมื่อมีโอกาส ดิฉันจะพยายามปฏิบัติตามที่คุณแนะนำ หากคุมสถานะการณ์ได้ดิฉันจะได้ทำหน้าที่ๆได้รับมอบหมายมา บุญกุศลใดๆที่ดิฉันจะได้รับในอนาคตจากการได้ทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาโดยสมบูรณ์ ขอให้คุณได้รับบุญกุศลนั้นด้วยนะคะ ขอให้คุณเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปค่ะ
     
  11. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    บอร์ดเงียบเป็นป่าช้าเลย
    เอ้า มาคุยกะคุณดวงเดือน ก็แล้วกัน
    ไม่ซีเรียสเน้อ คุยกันสบายๆ
     
  12. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    อย่างแรก เรื่อง "เสถียรภาพของพลังงานในร่างกาย"


    แต่ละคนไม่เท่ากัน กรณีคุณ ดวงเดือน เสถียรภาพน้อย แต่พลวัตรมาก
    หมายความว่า พลังงานในร่างกาย ถ่ายเทเข้าออกได้ง่าย แต่ไม่ค่อยนิ่ง
    จะมีทั้งข้อดีและข้อเสียครับ ข้อดีคือ ปรับตัวได้ง่าย แก้ไขอะไร เปลี่ยน
    ได้เร็ว ไม่ค่อยยึดติดสภาวะธรรม


    ข้อเสียคือ มันไม่นิ่ง ทำให้แปรปรวนได้ง่ายๆ และกระทบร่างกายหรือจิต
    ใจได้ เช่น อาจทำให้รู้สึกเหมือนมีอาการป่วย (อาจด้วยพลังงานโดยรอบ)


    ทีนี้ ถ้าเราจะเลือก มีสองทาง
    ๑. ลดพลวัตรของพลังงานลง หรือ
    ๒. เพิ่มเสถียรภาพของพลังงานขึ้น


    ซึ่งการฝึกจิต เพื่อลดพลวัตรทางพลังงานและเพิ่มเสถียรภาพนั้น
    อาจจะต่างกันครับ อันนี้ เมื่อคุณเลือกแล้ว ก็ค่อยว่ากันว่าทำยังไง
     
  13. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    อย่างที่สอง เรื่อง ชนิดของพลังงานที่เข้าสู่ร่างกาย


    อย่างที่่คุณดวงเดือน บอกว่านั้น แสดงว่าพลังงานที่ไม่ดีนัก เข้าสู่ร่างกาย
    ครับ ทำให้ป่วยได้ หรือพลังงานนั้นอาจไม่เข้ากับสภาวะของร่างกาย ทำให้
    รู้สึกเหมือนป่วยได้เช่นกัน (แต่ไม่ได้เป็นโรคอะไรนะครับ เป็นแค่อาการเฉยๆ)
    เมื่อร่างกายของคุณดวงเดือน มีพลวัตรมาก พลังงานจรเข้าออกได้ง่าย ทำให้
    พลังงานที่ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง เข้ามารบกวนระบบภายในได้มาก ดังนั้น จึงมีทาง
    เลือกอย่างนี้ครับ


    ๑. ปิดระบบเชื่อมโยงภายนอก หรือควบคุมประตูรับพลังงาน (จักระ) ให้แคบลง
    ๒. คัดเลือกพลังงานที่จะไหลเข้ามาในร่าง ซึ่งก็คือ เทคนิคการจูนพลังงาน นั่นเอง


    เมื่อคุณ ดวงเดือน เลือกแล้ว จึงจะแนะนำวิธีการต่อไป เพราะสองแนวทาง ต่างวิถีกันครับ
     
  14. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    อย่างที่สาม "การเปิดจักระที่ต่างกัน"


    ปกติพื้นฐานการเปิดจักระ จะมีอยู่ ๗ ใช่ไหมครับ
    ทว่า จะมีอีกแบบหนึ่ง เขาเรียกว่าการเปิดจักระ
    ทั่วทุกรูขุมขน ส่งผลให้ สามารถเปิดรับพลังงาน
    ได้ดีมาก เร็ว และเยอะ แต่ข้่อเสียคือ ถ้าพลังงาน
    ไม่ดี อยู่รอบตัวเยอะ ก็จะกลายเป็น "ถังขยะ" รับ
    พลังงานเสียๆ ได้ครับ


    อันนี้ ก็สุดแท้แต่จะพิจารณา อย่างอื่นที่ลึกซึ้งกว่านี้
    เชิญท่านอื่นดีกว่าครับ รู้สึกว่ายุ่งเรื่องชาวบ้านมากเกินไปละ
     
  15. ดวงเดือนโอ

    ดวงเดือนโอ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    447
    ค่าพลัง:
    +846
    ขอบคุณคุณ Angry bird ที่กรุณาเข้ามาให้คำแนะนำ พลังงานที่ได้รับมาทั้งหมดนั้นเป็นพลังงานที่ดีทั้งสิ้นค่ะ เพราะพลังงานที่ไม่ดีไม่สามารถเข้าร่างดิฉันได้ แต่ไม่ว่าจะเข้าบ้านใครหรือผ่านองค์เทพหรือเทพารักษ์ที่ใด แม้กระทั่งไหว้พระหรือสวดมนตร์นั่งสมาธิก็จะได้รับพลังนี้ไม่มีที่สิ้นสุดค่ะ ตอนนี้ก็มีอาจารย์ท่านหนึ่งช่วยถ่ายพลังให้ทุกวัน แต่ละวันก็จะนานประมาณ 1-6 ชั่วโมง และจะมีอาการเรอ อาเจียรออกมาตลอดเวลาจนเหนื่อยซึ่งก็จะมีแต่ลมทั้งที่เพิ่งทานอาหารมาใหม่ๆ เมื่อถ่ายพลังออกแล้ว ไม่ถึง 3 ชั่วโมงพลังก็กลับมาเพิ่มเติมเข้ามาให้อีก จักระเปิดตั้งแต่เกิดแล้วค่ะ สัมผัสกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ตลอด มักจะมีพระสงฆ์หรือผู้มีตาทิพย์ทักเสมอว่าแบกเจ้ามาเกิดหรือมีครูบาอาจารย์มากเกินไป แต่ครูบาอาจารย์หลักก็คือปู่โตและหลวงปู่ทวดที่สัมผัสได้มานานแล้ว เทพที่มีก็ล้วนองค์ใหญ่ปางปราบมารทั้งสิ้น ไม่ได้ยึดติดนะคะแม้ในอดีตชาติก็ไม่เคยยึดติด อยู่กับปัจจุบันเสมอ พยายามทำมาหลายอย่างก็ป้องกันตัวเองไม่ได้ แต่มีmission ที่รับปากปู่โตไว้แล้วต้องทำให้ได้ และก็โชคดีที่ได้พบอาจารย์ที่ช่วยถ่ายพลังออกท่านเป็นอิสลามค่ะช่วยคนโดยไม่เรียกร้องและท่านก็มีอาจารย์คือปู่โตด้วย มั่นใจว่าคงถึงเวลาที่จะเรื่มงานได้แล้วปู่จึงดลใจให้มาพบท่านอาจารย์ท่านนี้ และก็รู้สึกขอบคุณคุณอัคนีวาตเป็นล้นพ้นเพราะเชื่อมั่นว่าคำแนะนำนั้นเหมาะสมที่จะนำไปปฏิบัติมากที่สุดค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กุมภาพันธ์ 2013
  16. seawyean

    seawyean สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +12
    เพิ่งอ่านจบ[1-14] ขออนุโมทนาสาธุกับคุณอัคนีวาตด้วยครับที่ได้เผยแพร่ความรู้ที่แท้จริงสู่สาธารณะเพี่อก่อประโยชน์ให้กับผู้ใฝ่ในธรรมที่แท้จริง....ผมขออนุญาติแสดงความเห็นเรื่องของคุณดวงเดือนโอสักเล็กน้อยตามความรู้อันน้อยนิดของผมนะครับในกรณีนี้มีสองวิธีที่น่าจะลองทำดูนะครับ หนึ่ง ให้ผู้ที่มีฐานพล้งที่สมบูรณ์ปร้บพลังให้พลังของคุณเกิดความสมดุลย์กัน[พลังเดิม+พลังใหม่]ไม่ใช่ให้เขาขับออกนะครับ....สองคุณต้องต่อสู้ด้วยตัวคุณเองโดยคุณต้องปล่อยวางด้วยตัวคุณเองต้องวางให้ว่างจริงๆปล่อยให้เป็นเรี่องของระบบธรรมชาติจัดการตามสภาวะของเขาเอง ผมก็ขอแสดงความเห็นตามสภาวะอันน้อยนิดของผม ผิดถูกไม่ว่ากันนะครับ......ปุถุชนคนธรรมดา
     
  17. ดวงเดือนโอ

    ดวงเดือนโอ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    447
    ค่าพลัง:
    +846
    ขอบคุณค่ะคุณSeawyean ที่ขับออกนี่ก็เพราะพลังเข้ามาในร่างตลอดเวลาเกินกว่าร่างจะรับไหว ตอนนี้ลดพลังลงคงที่แล้ว รอให้ร่างกายปิดจุดรับพลังที่ยังโหว่อยู่ก่อนคือให้ร่างกายปรับสมดุลย์ก่อน ปกติเป็นคนที่ปฏิบัติธรรมอยูแล้วและค่อนข้างสันโดษสมถะ ไม่ยึดติดกับสิ่งที่มี และไม่ยึดติดกับอดีตชาติด้วยค่ะ ขอบคุณในคำแนะนำจากใจด้วยนะคะ
     
  18. แมวจรจัด

    แมวจรจัด สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +13
    ถ้าต้องการจะเปิดจักระ ต้องมีพื้นฐานอะไรมาก่อนครับ
     
  19. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    ขอความกรุณากลับไปอ่านตั้งแต่หน้าแรกครับ
     
  20. seawyean

    seawyean สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +12
    คุณดวงเดือนโอ ที่คุณกล่าวถูกทุกอย่างมีข้อความเดียวที่ว่าปิดจุดรับพลังยังมีช่องโหว่อยู่ พลังนั้นมีได้สองช่องทางคีอรับจากภายนอก และพลังที่เกิดขึ้นจากภายใน ถ้าปฏิบัติเข้าที่แล้วพลังส่วนมากจะเกิดขึ้นจากภายใน เพราะพลังงานที่เกิดขึ้นนั้นก็เป็นสัจจธรรมตามธรรมชาติคือเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป ผมก็พิมพ์ไม่ค่อยเก่งและไม่ค่อยได้โพสต์ แต่กรณีของคุณดวงเดือนโอที่ผมต้องโพสต์เพราะคุณเกี่ยวข้องกับหลวงปู่โตจริง เลยอยากแสดงความเห็นจากประสบการณ์ที่ผมสัมผัสมา โดยเฉพาะเรื่องพลังงานจากสมาธิ [ผมปฎิบัติด้วยตัวเอง ไม่เคยบวช ไม่เคยอ่าน ไม่เคยฟัง แต่ช่วงแรกๆมีหลวงปู่สมเด็จโตคอยเตือนเรื่องการเดินพลัง ภายในสมาธิ เพราะหากเดินพลังผิดพลาดมันอันตรายถึงชีวิตทีเดียว] ส่วนเรื่องการเปิดจักรกระและพลังน้นมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก ผมมีเรื่องที่อยากจะเล่าประการณ์เยอะมาก ซึ่งผลที่สุดของการปฎิบัติแล้วมันไม่มีอะไรเลย ทุกรูปทุกนามล้วนอยู่ภายใต้กฎของธรรมชาติ อย่าฝืนกฎธรรมชาติ อนิจจัง ทุกข์ขัง อนัตตา ทุกสิ่งล้วนเกิดขึ้นเพราะปรุงแต่ง แค่นี้ก่อนนะครับถ้ามีโอกาสจะมาเล่าเรื่องการนั่งสมาธิครั้งแรกในชีวิตของผมให้ฟัง ปุถุชนคนธรรมดา....
     

แชร์หน้านี้

Loading...