ทอดผ้าป่าจังไร

วันนี้ได้ขึ้นรถเมล์ไปทำธุระ บังเอิญได้ยินคุณป้าสองคนที่เป็นเพื่อนคุยกันว่า
เมื่อวานเขาทอดผ้าป่ากันแล้วพอตอนเย็น มีเลี้ยงโต๊ะจีนสามสิบโต๊ะ
คุณป้าอีกคนก็ถามว่า แล้วเธอไม่ไปกินโต๊ะจีนกับเขาเหรอ?
คุณป้าที่เล่าเรื่อง ก็ตอบว่า "ฉันไม่ได้ไปหรอก
ฉันรับไม่ได้ เอาเงินที่พวกนักเรียนเค้าทำบุญกันมากินโต๊ะจีน ดูแล้วทุเรศ"

ในฐานะคนแอบได้ยิน รู้สึกตกใจที่สังคมไทย ขาดความเข้าใจในพระพุทธศาสนา ไม่รู้จักบาปบุญคุณโทษ

เรื่องนี้มีข้อที่น่าสังเกต คือ

ข้อแรก วัดที่ทอดผ้าป่านั้น เป็นวัดในกรุงเทพหรือปริมณฑล และมีโรงเรียนวัดด้วย

ข้อสอง มีการเรี่ยไรเงินทอดผ้าป่ากับนักเรียน นั่นหมายถึงว่า มีการเรี่ยไรผ่านไปยังผู้ปกครองเด็กนักเรียน

ข้อสาม น่าจะเป็นไปได้ว่า มีการจัดสรรเงินส่วนหนึ่งให้แก่วัด และจัดสรรเงินอีกจำนวนหนึ่ง ให้แก่คณะกรรมการวัดและอาจจะเป็นญาติโยมที่บ้านอยู่แถววัดได้รับประทานเลี้ยงโต๊ะจีน จำนวนสามสิบโต๊ะ ซึ่งนั่นเป็นจำนวนเงินที่ไม่น้อยเลยทีเดียว

เงินที่ผู้ใจบุญปรารถนาในผลบุญนั้นได้ถูกนำไปจัดเลี้ยงโต๊ะจีนส่วนหนึ่ง ไม่ทราบเหมือนกันว่าในที่สุดแล้วผลกรรมนั้นจะเป็นเช่นใด ที่น่าแปลกพระภิกษุสงฆ์เอง ก็ทำเป็นทองไม่รู้ร้อนหรืออย่างไร? จึงยอมให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น

ผมตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา ไม่ได้ตั้งใจจะไปเอาผิดกับผู้ใด เพราะผมไม่ได้ถามป้าทั้งสองคนว่าวัดที่ว่านั้นคือวัดอะไร เพียงแต่อยากเตือนท่านที่ได้อ่านว่า ท่านจะทำบุญอะไร จะทำบุญกับใคร ต้องดูให้ดี ขอย้ำว่าต้องดูให้ดีจริงๆ เพราะไม่เช่นนั้นเงินทำบุญของท่านจะไปลงท้องใครก็ไม่รู้ เดี๋ยวนี้วงการพระพุทธศาสนา มีพวกแสวงหาผลประโยชน์เต็มไปหมด ขอให้ทำบุญอย่างมีสติรู้จักพิจารณาให้รอบคอบครับ

 

พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญการ"ใคร่ครวญด้วยดีก่อนแล้วจึงทำบุญ"นะครับ..ดังนั้น การพิจารณาจึงจำเป็นและมีประโยชน์มากเมื่อคิดจะทำบุญแต่ละครั้ง....แต่เมื่อทำไปแล้ว ก็รักษาใจให้ดี ถ้าคิดว่ารักษาไม่ได้ ไปนึกเสียดายภายหลัง อาจไม่คุ้มกันก็งดเสีย รอนาบุญที่ควร..

เหตุการณ์เช่นนี้หรือยิ่งกว่านี้ก็คงมีมากและมีมานานแล้ว เพราะสัตว์ทั้งหลายย่อมพล่านกันอยู่ด้วยกำลังของกิเลส..บุคคลใดทำกรรมใดไว้ ดีหรือชั่วย่อมได้รับผลอันสอดคล้อง ต้องกันแน่..

นี่เป็นเรื่องดีที่เตือนให้เราทราบภัยของวัฏฏะ ว่าถ้าเกิดตนเองมีโอกาสมียศอำนาจสามารถทำการชั่วเช่นนี้ได้ คงจะฉิบหายจนสิ้นพุทธันดรทีเดียว ขอเราอย่าได้ทำชั่วเห็นปานนี้เลย ด้วยบุญที่ทำไว้แล้วจงปกปักรักษาเราให้มีหิริโอตตัปปะแรงกล้าสามารถต้านทานกิเลสตัณหาทั้งปวงตลอดกาลเทอญ..

 

มันมีมานานแล้วครับ เหตุการณ์ลักษณะนี้ ผู้นำบุญ สายบุญหาเงินทำบุญเลือดตาแทบกระเด็น ไปถวายวัด คณะกรรมการวัดกลับเอาเงินบางส่วนมาจัดเลี้ยงกันเอิกเกริก

ผู้นำบุญที่วางกำลังใจไม่ถูกเห็นแล้วจะเกิดอกุศลจิต จิตหม่นหมองทันที ต้องวางกำลังใจให้ถูก คิดซะว่าถวายให้เป็นพุทธบูชาไป ใครเอาไปทำไรก็ช่าง รับกรรมกันไปเอง

ส่วนตัวผมในฐานะผู้นำบุญ จะไม่นำเงินสดไปถวายวัด บอกบุญได้เงินมาเท่าไหร่ วัดอยากได้อะไร ต้องการใช้อะไร อิฐหินปูนทราย อะไร ผมซื้อให้เองทั้งหมด ถ้าซื้อที่ดินถวายวัด ผมก็เป็นคนไปซื้อจากเจ้าของที่ให้เอง ก็เพื่อตัดปัญหานี้ละครับ

 

อย่างนี้ไม่ใช่วัดครึ่ง กรรมการครึ่ง กลายเป็นวัด ๓๐ กรรมการ ๗๐ ผู้ที่เขาร่วมทำบุญด้วยจิตศรัทธาเขาก็อธิษฐานบุญนั้นไปให้บรรพบุรุษผู้ล่วงลับ หรือเจ้ากรรมนายเวร ใครเอาเงินนั้นไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้องเขาก็บรรลัยบุญกันเอง ทำบุญแล้วเราก็ได้รับอานิสงส์จากการสร้างบุญของเรา อย่าไปคิดมากเลย อโหสิกรรมกันไป บุญใครบุญมัน บาปใครบาปมัน

 

มันเป็นอย่างจริง ไม่อยากพูดเลย

 

บางทีไม่อยากทำหรอกครับ แต่เหมือนโดนบังคับกลายๆ ก็ทำไปอย่างนั้นแหละ แต่ก็โมทนาทุกครั้ง ใครทำไม่ดีก็


















แ

 

เกิดมาเพิ่งจะเคยได้รู้นะเนี่ย ว่ามีแบบนี้ด้วย

ใครไม่เกรงกลัวต่อบาป ก็แล้วแต่เน้อ
ปล่อยเขา กรรมใครกรรมมัน สาธุค่ะ

 

เงินทอง คือ อสรพิษ ไม่ใช่ของเราอย่าไปเอา ถ้าเอาไปจะต้องเป็นพิษเป็นภัยอย่างแน่นอน และถ้าได้มาโดยไม่ชอบธรรม มันจะทำร้ายทีหลัง ฯ

 

ผู้ที่ทำบุญไปแล้วด้วยจิตใจศรัทธา ด้วยเงินที่บริสุทธิ์ จิตใจผ่องใส ก็รับบุญไปแล้วโดยไม่ต้องสงสัยครับ
ส่วนผู้ใดนำไปใช้ผิดจุดประสงค์ ก็ย่อมได้รับผลของการกระทำนั้นๆ
ยังไงก็พยายามโมทนาบุญกับผู้ที่ตั้งใจดีกว่าครับ ส่วนบุคคลเหล่าใดทำผิดจุดประสงค์ก็ปล่อยเขาไปครับ วางกำลังใจให้ผ่องใสดีกว่าครับ อย่าให้จิตเศร้าหมอง

 

บอกว่าควรมีสติรู้จักพิจารณา แต่ไม่รุ้ว่าป้าทั้งสองเป็นใคร ไม่รู้ว่าพูดถึงวัดอะไร อะไรก็ไม่รู้ทั้งนั้น แต่กลับรู้ว่าวงการพระพุทธศาสนามันมีแต่พวกแสวงหาผลประโยชน์ คำพูดมันขัดกันเองตั้งแต่ต้นจนจบ ก็ในเมื่อไม่ทราบว่าต้นสายปลายเหตุเป็นอย่างไร มีการทุจริตจริงหรือไม่ แต่สรุปเอาตามใจตัวเอง แล้วยกเอามาโจมตีพระพุทธศาสนาได้หน้าตา่เฉย มันจะเป็นธรรมได้อย่างไร ก็อยากถามว่าเจตนาที่แท้จริงเป้นอย่างไร จริงอยุ่มีพวกเหลือบศาสนามากมายในปัจจุบันแต่ก็มีพวกจ้องโจมตีพระพุทธศาสนาเต็มไปหมดเช่นกัน

 

ดีใจน่ะ ที่มีผู้รักหวงแหนพระพุทธศาสนา
ดีครับที่ตั้งข้อสังเกตในเรื่องที่ผมได้เล่ามา

สิ่งที่ผมได้เล่ามานั้น ผมได้ฟังมากะหู เป็นเรื่องที่คนบ้านๆเค้าพูดคุยกัน
เมื่อก่อนผมเองก็ไม่ทราบว่ามีเรื่องอย่างนี้ด้วย เพราะปกติผมจะทำบุญเกือบทุกอาทิตย์ พอได้มาฟังเรื่องอย่างนี้ก็ค่อนข้างตกใจ หลังจากที่มีหลายท่านคอมเมนท์ ผมก็ค่อยเข้าใจว่า พฤติการอย่างนี้ มีทั่วไปในสังคมไทย
ถ้ามีเรื่องราวในลักษณะไม่ชอบมาพากลในวัดในวา ก็ควรมีการนำมาพูดคุย เพื่อเป็นการเตือนสติพุทธศาสนิกชนให้รู้กัน

ภัยใหญ่ที่สุดของพระพุทธศาสนา เกิดจากคนในพระพุทธศาสนานี่เอง ก็ด้วยความไม่รู้ ก็ความมักมาก ก็ด้วยความไม่ใฝ่ใจปฏิบัติธรรมนั่นเอง

ความไม่รู้จักบาป ไม่รู้จักบุญ ของชาวพุทธ นับว่าเป็นภัยใหญ่ต่อพระศาสนา
ความไม่สนใจศึกษาพระธรรม ไม่ปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอน เป็นภัยใหญ่ในพระศาสนา

คุณถิ่นธรรม ค่อยๆตามอ่านเรื่องที่ผมโพสท์ไปเรื่อยๆก็จะรู้ได้เองว่าผมเป็นยังไง ขอบคุณครับ

 

พระสาวกต้อง ทำธุระตรงนี้ให้ถูกต้องไม่ผิดต่อวินัย และไม่เป็นบาบกล่าวคือ

ปัจจัยจากการถวายผ้าป่าก็ส่วนของผ่าป่า ซึ่งปัจจัยตรงนี้ก็ต้องนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ของการทอดผ้าป่า เช่นหากกำหนดว่านำไปสร้างโบถส์ก็ต้องนำไปสร้างโบสถ์ได้เท่านั้น
หรือที่เกี่ยวกับการสร้างโบสถ์ถือว่าาได้ไม่ผิด

ส่วนเรื่องการเลี้ยงอาหารให้ญาติโยม คือเดี่ยวนี้มีตรงนี้เกิดขึ้นมาก ทั้งการละคร การแสดง การจัดงานต่างๆในวัด ตรงนี้พระสาวกต้องทำความเข้าใจกับกรรมการวัดให้ดี ห้าแยกปัจจัยออกมาอีกส่วนหนึ่ง จากการที่โยมเขาศรัทธา เพื่อการนั้นโดยจำเพาะ คือไม่เกี่ยวกับที่ทอดผ้าป่า แต่มีโยมสมัครใจมา ถวายให้เองเช่น โยมหาลิเกมาเอง โยมหาอาหารมาเลี้ยงให้ในวันงานเป็นต้น ผมทำบุญที่วัดแห่งหนึ่งที่ลพบุรี ตรงนี้หลวงตาท่านเคร่งครัดมาก ท่านกล่าวว่า โยมบางส่วนเขาฉลาดในการทำบุญคือ นอกจากเขาจะได้บุญจากการทอดผ้าป่าแล้ว เขายังได้บุญเพิ่มจากการที่เขาร่วมเป้นเจ้าภาพ เลี้ยงอาหาร ร่วมโรงทานด้วยเป็นต้นครับ

ดังนั้นตรงนี้ก็ไม่ควรไปคิดอะไรมาก เราทำบุญเราได้แน่นอน ส่วนพระท่านนำไปทำประโยชน์เราก็ได้บุญแน่นอนครับ อานิสงค์มันมีแน่นอน แต่หากไปใช้ผิดประเภท แถมเป็นการไปใช้ในทางที่ไม่เกิดประโยชน์ไปใช้ส่วนตัวกันอย่างนี้ก็เป็นบาบครับ
อย่างกรณีค่าจ้างค่าแรงที่ทางวัดต้องจ้างคนมาช่วยงาน อันนี้ก็พูดยาก เดี๋ยวนี้ก็หาคนไปช่วยยากมากๆ พระท่านทำทุกอย่างไม่ไหว ครับ กรรมการวัดก็ทำไม่ไหว ก็ต้องมี จ้างคนมาช่วยจัดงานทุกอย่าง การจัดเตรียมตลอดจนเสร็จงานครับ

ดังนั้นถึงตอนนี้ผมก็เห็นใจและเข้าใจทางวัดเหมือนกัน ก็คงต้องมีใช้ในการบริหารเตรียมการบ้างตามเหตุผลอันสมควรครับ
หรือบางรายไม่มั่นใจ ขอไปสร้างให้เองเลยก็มีก็ดีครับ ตรงนี้ก็ดีครับสะดวกและชัดเจนดี พระท่านก็ไม่เหนื่อยด้วยครับ

ยังมีทางออกอีกหลายวิธีที่ทำแล้วดีไม่ผิดไม่บาบครับ สาธุครับ

 

วัดตามบ้านนอกส่วนมาก ที่ผมไปสัมผัส ในด้านการทำบุญพบว่า
1. ชาวบ้านส่วนหนึ่งจำนวนมากเต็มใจ ในการอุทิศตนมาช่วยงานวัดแบบไม่ต้องมีค่าจ้างหรืออะไร แต่อาจจะมีข้าวปลาอาหารให้เขาบ้างพอสมควร
2 การทำบุญทอดกฐิน ผ้าป่าก็ดี กรรมการวัดเห็นว่าไหนๆเราก็มีทำบุญใหญ๋ปีละครั้ง ก็เลยพยายามจัดการตรงนี้ให้ดีที่สุด วัดบ้านนอกที่ทั้งพระ กรรมการและชาวบ้านสามัคคีกัน จะส่งผลให้ทำอะไรก็ดีสมบุรณ์ บริบูรณ์
3 คนบ้านนอกจิตใจงาม ผมถามว่าทำไม่ต้องมีเลี้ยงอาหาร มีจัดงาน กรรมการวัดตอบว่า เราคนบ้านนอก เรื่องอาหารนี่เราก็ช่วยกันคนละไม้คนละมือ อาหารที่จัดเลี้ยงถือว่าเป็นการขอบคุณทุกๆท่านที่มาทำบุญให้กับวัดจนๆได้เจริญก้าวหน้า บางปีมีเจ้านาย เจ้าองธุระกิจ เชื้อพระวงค์มาทอดกฐิน ทอดผ้าป่า พอมีผู้ใหญ่มาทำบุญ ทางวัดเองก็ควรจัดเตรียมสิ่งต่างๆให้ดีไว้คอยต้อนรับ เขาเหล่านั้น ชาวบ้านจะยกย่องและให้เกียรติมาก
ที่บ้านนอก ทอดกฐินผ้าป่า ครั้งหนึ่งๆ ได้เงินเพียงไม่กี่หมื่นบาท หากมีคนเมืองคนใหญ่คนโตจิตใจดี มาเป็นเจ้าภาพ แน่นอนก็ทำให้ได้เงินมามากพอ ผมจำได้ว่าที่วัดที่ผมไปทำ บุญทอดกฐิน ล่าสุด เมื่อปลายปีที่แล้ว ตระกูลล่ำซำ และนายธนาคาร และบริษัทเมืองไทยประกันชีวิต มาร่วมทอดกฐินให้กับทางวัด เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่วัดบ้านนอกแห่งนี้มียอดเงินทุลุหลักล้านบาท แน่นอน ดังนั้นทางพระที่วัดและกรรมการวัดรวมทั้งชาวบ้าน เขาดีใจเขาพร้อมใจกันจัดเตรียมต้อนรับ แขกผู้มีจิตใจดีงานเหล่านั้น

สุดท้าย ในสังคมบ้านเรา การเห็นอะไรผิดแผกไปจากปกติ เราก็อย่าเพิ่งคิดว่า มันผิดอย่างนั้นอย่างนี้ ให้พิจารณาก่อนว่า สิ่งนั้นเกิดขึ้นด้วยเหตุใด วิธีการเป็นอย่างไร ผลที่ได้รับเป็นอย่างไร หากทุกอย่างดีงามสมเหตุและผลแล้ว แน่นอน ก็ย่อมเชื่อได้ว่า เป็นบุญเป็นกุศลครับ สุดท้ายก็ขอให้รักษาดูแลจิตใจเรานี่แหละให้ดีที่สุด ไม่คิดชั่ว ไม่คิดว่าคนอื่นไม่ดี คิดแต่สิ่งดีๆ มันก็ย่อมดีแก่จิตใจเราครับ ตรงนี้แหละเป็นมหากุศลครับ สาธุ

 

เห็นด้วยกับคุณ tjs นะ เพราะมีเพื่อนก็จัดผ้าป่าเหมือนกัน ค่าใช้จ่ายในการพิมพ์ซอง ค่าเดินทาง เจ้าภาพก็ออกกันเองไม่ได้หักจากกองผ้าป่า ส่วนอาหารการจัดเลี้ยงก็เ็ป็นชาวบ้านนำมาร่วมทำบุญ บ้างก็ทำโรงทานมาก็มี ไม่ได้หักค่าใช้จ่ายจากกองผ้าป่า

ส่วนที่จัดเลี้ยงโต๊ะจีนในกรณีนี้ก็อาจจะมีการเก็็บค่าใช้จ่ายของคนที่เข้าร่วมงานเพื่อนำรายได้เข้าวัดมากขึ้นก็ได้ เราไม่ได้รู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่ต้น การด่วนสรุปก็อาจจะไม่ยุติธรรมกับกับหลายๆฝ่ายนะ