เรื่องเล่า ตื่นนอน ตอนสายๆ

เรื่องของมนต์ อาลัมพายน์
ชื่อนี้ปรากฎใน "ภูริทัตชาดก" (อยากรู้รายละเอียดก็ถาม อากู๋เกิลเอาเองนะ)
เป็นชื่อมนต์ที่ใช้จับนาค หรืออสรพิษขนาดใหญ่
มีพระยาครุฑเป็นเจ้าของมนต์บทนี้

ปัจจุบันห่างจากสมัยพระภููริทัต น่าจะหลายๆล้านปี(หรือน่าจะเป็นอสงไขย์ปี)
มนต์บทนี้ยังยังมีสืบทอดถึงปัจจุบันหรือ

ก็ในเมื่อพระยาครุฑเป็นเจ้าของมนต์บทนี้
ปัจจุบันพระยาครุฑ(ท้าวสุบรรณ)ยังมีชีวิตอยู่
ใครติดต่อท่านได้ ใครตีซี้กับท่านได้ ใครทำให้ท่านเมตตาได้
ผู้นั้นก็มีสิทธิ์ ขอเรียนมนต์บทนี้จากท่านได้เช่นกัน

 

เคยได้ยินว่า มีหลวงปู่หลวงพ่อสำเร็จวิชา ตะกรุตกันงู หรือปลัดกันงู
ถึงขนาดเอาไปแหย่ๆไกล้ๆแล้วงูหมดแรง หรืออ้าปากไม่ขึ้นเลย
ไม่รู้ว่าเสกด้วย มนต์อาลัมพายน์ ด้วยเหมือนกันหรือไม่ครับ

ตกลงคณะทัวร์ยังไม่ไปอาทิตย์นี้ใช่ไหมครับ

 

วันนี้ได้โอนเงินเข้าบัญชี คุณพัชรินทร์ วงศ์เอนกอนันต์ จำนวน 700 บาท เพื่อร่วมทำบุญ ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยค่ะ

 

เรื่อง คาถา ป้องกันสัตว์ร้าย หรือ เครื่องรางป้องกัน นี้
ในสมัยก่อน ครูบาอาจารย์ สมัยเก่า ท่านมีทำไว้จริง
เช่น ปลัดขิก ของหลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม ( ท่านเรียกว่า คุณปลัด)
ลูกอม หลวงพ่อไล้ วัดเขายี่สาร สมุทรสงคราม( คนเรียกเพี้ยนไป เป็นหลวงพ่อร้าย ) ท่านใจดี ออก ...55
ท่านทำลูกอม แจกชาวบ้าน กันงู กันสัตว์ร้าย ได้ ยอดเยี่ยม
ที่สำคัญ ด้านเมตต ก็ เป็นเลิศ
จนมีหนุ่ม ๆ นำไปใช้ ขูดให้ สาวกิน จนรักจนหลง งงงวย
เรื่องรู้ ถึงหู หลวงพ่อ ท่าน จึง นำลูกอม ที่ เหลือ ไป ทิ้งทะเล หมด

ปัจจุบัน เป็นของหายาก เพราะ เวลา ล่วงเลยมานานมากแล้ว
ผม เอง ก็ มี แค่ เม็ดเดียว
แต่ ก็ เก่า แก่ จน กร่อนไป บ้าง มองเห็น ตะกุด ที่ท่านสอดใส้ไว้ ข้างในลูกอม



เรื่องคาถา กันสัตว์ร้าย เคยได้ยิน มา หลายบท
แต่ละสำนัก ต่างกันไป
ที่ เป็นคาถา ที่แพร่หลาย ระดับชาวบ้าน เช่น
1. หัวใจ พระพุทธเจ้าห้าพระองค์ นะโมพุทธายะ
ส่วนจะท่องให้ขลัง อย่างไร ก็ ต้อง แล้ว แต่ วาสนา ของแต่ละคน บอกทาง อินเตอร์ เน็ท ไม่ได้ จะกลายเป็น เอา เพชรพลอยไป ถมถนน
2. คาถามงกุฏพระพุทธเจ้า ก็ ใช้ได้ ดี เช่นกัน ฯลฯ

ส่วนคาถา เฉพาะ ที่ผม ชอบใช้ เป็นคาถา สำนักเขาอ้อ
แต่ ผมได้มาจาก ตำรา ของอาจารย์ชุม ไชยคีรี เป็นอักขระ แค่ สองคำ จำง่าย
มี ทั้ง ผูก คือ ท่องก่อน และ ขณะ เดินเข้าป่ารก กันสัตว์ร้าย ไม่ให้ กัดเราได้ คือ หากมันจะกัด ก็กัด ได้ แต่ อ้าปากไม่ขึ้น
ดังนั้น เมื่อ เดินทางผ่านเขต อันตราย ไป ได้แล้ว ให้ คลายมนต์
เพื่อไม่ ทำร้ายสัตว์ เหล่านั้น ไม่เช่นนั้น บรรดา สัตว์ อาจ ถึงตาย เพราะ อ้าปาก กินอาหารไม่ได้ หรือ ได้ ก็ ลำบาก

เรื่องนี้ มี บันทึกไว้ ในตำราของอาจารย์ชุม ไชคีรี
ว่า เมื่อ สมัย อ.ชุม ยังเล็กๆ สัก 7-8 ขวบ สมัยนั้น บ้านเขาไชยสน พัทลุง โดย รอบก็ ยังเป็นบ้านป่า
ด.ช.ชุม วิ่งเล่น กับเพื่อนๆ หน้าลานบ้าน อยู่ จน มีเด็กคนหนึ่ง ร้องขึ้นว่า งุ งู
เห็นงู เห่า หรือ งู อะไร ผมจำได้ ไม่ชัด
ด.ช.ชุม เห็นดังนั้น จึงเข้าไปหวังจะจับ งู ไป ทิ้ง
ด้วยความที่เป็นเด็ก ไร้เดียงสา ก็ ว่าคาถา เข้าไปจับ คว้าได้ที่คองู จับมันขึ้นมา
เจ้างู โดนจับที่คอ ก็ พยายาม ฉก กัด อยูหลายที

จน เพื่อนๆ วิ่งไป บอกพ่อ อ.ชุม
พ่อ อ.ชุม ออกมาเห็น เข้า จึง ตะโกน ออกมา ให้ จับ ที่หัว ซิ
(จับที่คอ งู มัน ก็ ยัง ฉก ได้)

ด.ช.ชุม โดน งู ฉกไป หลายที ที่ ไม่เป็นไร เพราะงู มัน อ้าปากไม่ขึ้น ได้ แต่ ฉก เอาหัว ชน ชน เท่านั้น

อาจารย์ ท่านนำเรื่องนี้ มาสอนศิษย์

อ.ชุม ไชยคีรี ท่าน เปิดสำนัก สอนวิชาอาคม และ ธรรมะ ไปพร้อมๆกัน
ใช้ชื่อว่า "สำนักกุญแจไสยศาสตร์"
ด้วยท่าน บอกว่า ที่เป็นไสยศาสตร์ เพราะ ความไม่รู้ ไขกุญแจ เปิดออกมา มันก็ สว่าง
ความรู้ ความเห็น เปิดออกมา ให้แจ้ง มันก็ ไม่มึด ไม่น่ากลัว ไม่รังเร สงสัย

 

แม้นผม จะได้ สนใจ ศาสตร์ โบราณ ตามแบบคนไทยรุุ่น ปู่ย่าตายาย
กับทั้งโหราศาสตร์ ไสยศาสตร์ และธรรมะ แบบไทย
กับพลังยูเรอัส มาก็ตาม
แต่ อะไร อะไร หากคนที่รู้จัก ผม หรือสนิทสนมากัน หน่อย ก็ จะสังเกตได้ว่า

ผมมักจะ อธิบาย เป็นวิทยาศาสตร์
เพราะเป็นภาษา ที่ คนทั่วไป ฟังเข้าใจได้ หน่อย

แม้น เรื่องไสยศาสตร์ ที่เป็นจริง ก็ คือ วิทยาศาสตร์ ในอนาคต ไง ละ

ไม่ได้ ดูหนังกำลังภายในมากไปหรอก

เราลองคิด ปัจจุบัน เรามี นักค้นคว้าทดลอง ทางวิทยาศาตร์ หลายแขนง
ชีวะ เคมี ฟิสิกซ์ เครื่องกล ไฟฟ้า อีเลคฯ

สมัยก่อน เค้า เห็นพวกนี้ เป็น อะไร

นักเคมี อาจถูกมอง เป็น พวกแม่มด หมอผี ที่ ชอบผสมนั่นทำนี่ ให้มีอะไรแปลกออกไป

นักวิทยาศาสตร์ ตัวเอ้ อย่าง ดาวินชี ถูก มองว่า บ้า บล๊อง หนักเข้า เป็นพ่อมด ไปเลย ฉลาด เกินคนอื่น ก็ โดน คนโง่ๆ กล่าวหา อย่างนี้ แหละ...55


พวกเรา อยู่ ในยุค ปัจจุบัน
เรียนหนังสือ มาก็ เยอะ แต่ อย่า ให้ ความรู้ มันถอยหลังไป

รู้จักคิด รู้จัก นำความรุ้ ที่ มี ทั้ง ของใหม่ ของเก่า
มาประยุกต์ จะ เกิดประโยชน์

เอาความรู้ เก่า ที่มี มาอธิบาย ทฤษฏี ใหม่ ๆ ที่ ยังหาคำตอบไม่ได้

ดีกว่า ให้ เค้า กล่าวหาว่า เป็น คนรุ่นใหม่ แต่ สมอง ยุคหิน



ที่บ่นมานี้ ก็ เพราะ อยู่ๆ ก็ นึกขึ้นมา ถึง เรื่องราว ที่ผ่านมา
อยากรู้ ก็ หาผู้รู้ เรียน นั่น เรียนนี่ ไป ตามความอยากรู้

ผม ก็ เป็น ท่าน ก็ เป็น เป็น เหมือนๆ กัน นั่นแหละ

แต่ จะมี สักกี่ คน

ที่ เรียนแล้ว ค้นคว้า ต่อ หาคำตอบ ให้ ได้

ส่วนมาก อยากรู้ ก็ ถาม
มีที่ไหนสอน ก็ มาเรียน
แต่ เรียน แล้ว ไม่ค่อย ฉลาด ขึ้น

เพราะ ขาด การ เอาใจใส่
ขาดการ ทำวิจัย
ความรู้ ที่ได้ มา มันจึง เป็น ความรู้ ในตำรา เท่านั้น

ไม่ได้ ถูกนำมา ทดลอง ทอสอบ จน สรุป เป็นกฏเกณฑ์ ที่ใช่ได้จริง

มันจึง เป็น คำตอบที่คลุม เครือ เป็นความเชื่อ ที่รอข้อพิสูจน์


ก็ รอ ให้ คนอื่น เค้าพิสูจน์ ละมั้ง......55
​

 

เรื่องทัวร์ ยังไม่ได้กำหนดวัน นัดหมาย ครับ
ด้วยว่า อาจารย์สุวิ ในช่วงนี้ ยังติดภาระกิจ อยู่

รอให้ อาจารย์ ว่างๆ กว่านี้ สักหน่อย ก่อน ค่อยนัดหมาย กันอีกที​

 

เมื่อวันก่อน...หนูลืมบอกคุณสุวิไปว่า เมื่อวันที่ 3 มี.ค.
ลต.ม้า ท่านเป็นประธานหล่อสมเด็จองค์ปฐมฯ 108 นิ้ว ที่ จ.ปทุมฯ

หนูเขียนชื่อคุณสุวิ และครอบครัว ในแผ่นทองไปร่วมหล่อองค์พระด้วยนะคะ

_/|\_

 

ขอบคุณอาหมอสุวิ ที่ไปตอบให้ในห้องนู้นค่ะ...

หนูเต่า...ไม่เคยไปฝึกวิชาอะไรที่ไหนอ่ะ มันเป็นเอง เริ่มตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว ไอ้อาการที่ นอน แล้วฝันว่าจะหมุน จะหมุน เวลานอนอ่ะ ได้แต่เก็บความสงสัยไว้ แต่อีเที่ยวนี้ ฝันว่ามันหมุนแรง เหวี่ยงแรง จนหลุดออกมา...

ที่ไปเรียนนอกเหนือจากนี้ คือ
1. เค้าเน้นจับภาพพระพุทธรูป หรือ ภาพพระสงฆ์ (ซึ่งจริงๆ ก็ทำอยู่แล้วบ่อยๆ คือนึกถึง บ่นให้หลวงพ่อของหนูฟังบ่อยๆ ว่าหลวงพ่อขา...หนูยังงั้น...ยังงี้... หลวงพ่อท่านคงระอาอยู่ละ 555) แต่ที่เพิ่มมา คือ
2. เน้น สติ
แล้วไอ้คนไม่เอาอ่าวอย่างหนูก็ทำมั่ง ไม่ทำมั่ง ตามประสาคนขี้เกียจ ถึงไม่ได้เรื่องสักที ไม่ว่าแบบไหน วิธีไหน

แต่ไอ้อาการที่ว่า หมุน...มาไงก็ไม่รู้ค่ะ

รู้ก็ดี...ไม่รู้ก็ดี ช่างมันก็ดี 555

ยังไงก็ขอบคุณนะคะ ที่อุตส่าห์เมตตา...

 

ถ้าได้แหวกม่านกับปรกโพธิ์ หลวงพ่อกวย ปี39 หรือปี 53-55
ให้พี่ดาวก้อปพลังงานรุ่นทันหลวงพ่อให้ก็แหล่มเลยครับ

 

เมื่อสักครู่นี้ผมได้โอนเงินร่วมทำบุญสร้างพระใหญ่ วัดป่ากังวาลไพร จ.ชัยภูมิ จำนวน 1,000 บาทครับ

ข้าพเจ้าขอน้อมบุญนี้ถวายแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระธรรม พระอรหันต์และพระอริยะเจ้าทั้งหมด

และขอผลบุญนี้จงเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าและภรรยามีความสุข หายจากโรคภัยไข้เจ็บทั้งปวง ปลอดจากการเบียดเบียนของมนุษย์และอมนุษย์ เป็นที่รักเมตตาของมนุษย์และอมุษย์ทั้งหลาย มีความเจริญคล่องตัวทุกๆด้านตลอดจนเข้าสู่กระแสธรรมของพระพุทธองค์ และขอบุญนี้จงถึงแก่บิดามารดาของข้าพเจ้า และท่านหมอสุวิ และครอบครัวท่านหมอ

และขออุทิศบุญนี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวร เชื้อโรคของข้าพเจ้าและภรรยา เมื่อเจ้ากรรมนายเวรใด ได้รับบุญนี้ขอให้ได้โปรดอโหสิกรรมต่อตัวข้าพเจ้าและภรรยาด้วยเถิด

 

ซ่าง คิด ดี นักนะ....55
เรื่องก๊อปปี้พลัง สมัยก่อน พวกเรา ก็ ทำกันได้ แทบทุกคน
แต่ ก็ ทำกันเค่เล่นๆ ไม่ค่อยมี ใคร ค้นควาต่อไป ถึงเหต และผล

จึงทำได้ แค่ เล่น ปาหี่
คือ กีอปพลังมา ก็ มา มาระดับ ตรวจวัด ได้ ว่า มา
มีคุณสมบัติ คล้าย ต้นฉบับ
แต่ อยู่ได้ ไม่นานเท่า ของจริง ได้ในระดับ เพื่อการศึกษา ประมาณนั้น


แต่ไม่รู้ ว่า เหมือนต้นฉบับ กี่ เปอร์เซ็นต์

เปรียบง่ายๆ เรา เอารูปภาพ มา ภาพหนึ่ง
ใส่เครื่องสแกน สแกน ระดับ 600 จุด ต่อตารางนิ้ว ก็ ได้ภาพมาแบบหนึ่ง มีความคมชัดดี

หาก สแกน ระดับ300 ก็ ยังดี แต่ได้ความคมชัด ลดลงมาหน่อย

แล้วหาก เป็น 150 ก็ ยังใช้งานได้ แต่เมื่อเทียบกับต้นฉบับ มันก็ หยาบกว่า ไม่คมชัดเท่า

อธิบายอย่างนี้ คงพอนึกภาพออก

แล้ว คุณภาพ ละ เหมือนกันไหม ..... ตรงนี้ น่าคิดนะ

เครื่องจักร ชั้นดี นำเข้าจากเยอรมัน
ญี่ปุ่น เอาไป ก๊อปปี้ ออกมา ก็ พอใช้ได้ หรือไม่ซีเรียส ก็ เรียกว่าใช้ได้ เลยละ
จึนแดง ก๊อปปี้ออกมาเหมือนกัน แถมขายถูกกว่า หลายเท่า คุณภาพก็ ใช้งานได้ แต่ ไม่ทนทานเท่าไหร่


จากตัวอย่าง ที่ยกมา ให้ดูกัน
คงพอ เข้าใจ ในเรื่องการก๊อปปี้พลัง ได้ ระดับหนึ่ง

ที่สมัยก่อน ฮือฮา กัน ก็ เพราะ เข้าใจกัน วา ก๊อปปี้ มาก็ เหมือนเป๊ะ ไม่ผิดเพี้ยน

แต่หลังจาก ติดตาม ดู กัน จึงพบว่า เป็นอย่างที่ผม เล่ามาแหละ

คือ ใช้ได้ระดับหนึ่ง ( ก็ดีกว่า ไม่ดี แหละ )
ความคงทน ตรงนี้ ไม่เหมือน คือ ไม่ทนทานได้นาน
ในส่วนนี้ น่าจะมาจาก ค่าพลังงาน จิต ของพวกเรา มันยัง จิ๊บจ๊อย
ความเข้มข้น อาจทำได้ ถึงขั้นระดับสูง แต่ ดำรง สถานะอยู่ได้ไม่นาน
เมื่อนำมา ชาร์ทพลัง ให้วัตถุ จนเต็ม แต่ มันไม่ได้ เต็มจริงๆ

ผมจึง ยังต้อง สะสมพระเครื่อง ดี ดี ราคาแพงๆ อยู่ ดี แหละ ครับ....

 

ขอบคุณพี่ดาวมากคร้าบ ยุคใหม่ๆแบบที่ยังมีธาตุขันธ์ให้ไปกราบได้นี่
พี่ดาวเก็บของท่านใดบ้างครับ รบกวนเเนะนำผมบ้างครับ

 

หลวงพ่อ หลวงปู่ ในยุคปัจจุบัน ที่ ดี ดี เก่งๆ ผมเอง ก็ หาอยู่เหมือนกัน

พระดี พอหาได้ คือ ท่านปฏิบัติ ดี ยังมีอยุ่ ไม่น้อย
พระดี ด้วย เก่ง ด้วย เป็นที่พึ่งพิง แก่ญาติโยม ลูกศิษย์ ลูกหา ได้ด้วย นี่ สิ ผมก็ หาอยู่ เหมือนกัน.....55

​

 

เรื่องการก๊อปปี้ พลังพระ
สมัยก่อน พวกเราชมรมคนตาทิพย์ เป็นกันแทบทุกคุณ
ก๊อปออกมาลักษณะพลังเหมือเปะ จะมีแตกต่างกันบ้างที่ระดับพลังงานสูงสุดที่แต่ละคนทำได้ไม่ค่อยจะเท่ากันเท่าใด
พวกเราก็เล่นกันเพียงเพื่อสนุก ว่ากูเก่ง กูทำได้ ก็เท่านั้น

ตอนหลังก็มีคนจะเอาไปออกศึกจริงๆ ก็เริ่มถามถึงความมั่นใจว่าเต็มร้อยหรือไม่
เพราะไอ้มีดไม้กระสุนปืนนี่มันไม่เข้าใครออกใคร
พวกเราไม่มีใครกล้าตอบข้อนี้

พอเป็นงานมากขึ้นศึกษาในรายละเอียดมากเข้า ก็เริ่มพบความแตกต่างในพลังงานของพระต่างๆ ที่สร้างขึ้น พอจะจำแนกได้ดังนี้
คำศัพท์ที่จะใช้นี้เป็นคำศัพท์ที่หมอสุวิ บันหยัดขึ้นเอง เพื่อใช้ในการอธิบายนะ

๑ พลังงานศักดิ์ (พลัง static)
เป็นพลังงานที่ตัวพระเปล่งออกมาเป็นปกติ เป็นออร่าประจำองค์พระ สมัยก่อน อ.ตาที่สามวัดเป็นเมตร ว่าพระองค์นี้มีพลัง เท่านั้นเท่านี้เมตร
พลังพระสมเด็จนี่มีพลังปกติอยู่ที่ ๒๑-๒๓ (ละหน่วยไว้ไม่พูดถึง)
พระสมเด็จรุ่นพิเศษ ที่คงกระพันชาตรีนี่ จะมีพลังอยู่ที่ ๒๕-๒๘
สมัยก่อนเราก๊อปปี้พลัง แล้วเราก็ตรวขเช็คกันที่พลังงาน static ตัวนี้ตัวเดียวเท่านั้น ว่าใครสามารถทำได้ใกล้เคียงของจริงกว่ากัน

๒ พลังงานจลน์ (พลัง dynamic) พวกเราพบพลังนี้ในตอนหลัง(ก่อน อ.เสียไม่นาน-คนรู้เรื่องนี้มีไมมาก)
พลังนี้เหมือนเป็นพลังซ่อนเร้น ที่แฝงอยู่ในองค์พระ พร้อมที่จะระเบิดเปล่งพลังออกมาในเสียวขณะจิต ปริมาณมหาศาล
พระสมเด็จ แท้ๆ ทั่วไป จะเปล่งพลังงานนี้ออกมาจำนวนเป็น อสงไข สุดคนานับ
พวกที่เป็นเมตตามหานิยมนี่ อย่างน้อย ก็ต้องมีปริมาณสัก ๑-๓ อสงไข (static=19-23 ;dynamic=1-3 อสงไข)
ส่วนรุ่นพิเศษ ที่เริ่มเป็นแคล้วคลาด คงกระพันชาตรีนี่ อย่างน้อยต้องมี สัก ๔-๘ อสงไข (static=25-28; dynamic=4-8 อสงไข)
ส่วนรุ่นที่กันกระสุนปืนได้นี่ต้องมี พลังงานจลน์ตัวนี้ตั้งแต่ ๖ อสงไขขึ้นไป
อย่างพระร่วงรางปืน แท้ๆนี่ static=34-38; dynamic= 8 อสงไข

ส่วนของก๊อปปี้นะ สร้างกันได้แต่อำนาจ static เท่านั้น ที่เหมือนและเท่ากัน
ส่วนอำนาจ dynamic นี่เห็นได้กันแค่ ๕๐๐๐-๑๐,๐๐๐ นี่ก็ค่อนข้างหรูแล้ว
เคยเจอของที่สร้างในสมัยหลังๆนี่ อำนาจ static นี่ใช้ได้เลย แต่อำนาจ dynamic เขาก็ทำได้สูงระดับหลักหลายๆแสน
ดูตัวเลขแล้วอาจรู้สึกว่ามากนะ ไอ้ระดับแสนหรือล้านนี่ มันแค่ สิบยกกำลังห้า กำลังหกนะ
แต่ อสงไขนี่ มัน สิบยกกำลัง หนึ่งร้อยสี่สิบนะ มันยังห่างกันอีกสุดกู

ยังมีค่าตัวเลขอีกสองตัวที่ต้องคำนึงถึง

๓. ความหนาแน่น ของพลังงาน ที่เปล่งออกจากตัวองค์พระ หนาแน่นมากเพียงไร (กำลังสร้างหน่วนนันอยู่ ยังอธิบายไม่ค่อยถูก)

๔. ความคงที่ของพลังงานทั้งหมดเมื่อเทียบกับเวลา เช่น ก๊อปปี้พลังพระออกมาได้เหมือนเป๊ะ แต่อำนาจนั้นจะคงอยู่ได้นานเท่าใดกัน
แม้แต่พระแท้ๆก็ยังมีอายุความนี้ เช่นพระสมเด็จรุ่นแรกๆที่ท่านสร้างขึ้น มีอายุความ ๔๐๐ ปี
ของก๊อปปี้นี่ไม่ต้องพูดถึง บางท่านทำได้เหมือน แต่อำนาจคงอยู่ได้ไม่กี่วัน บางท่านเป็นอาทิตย์ บางท่านได้เป็นเดือน เป็นปี จนหลายๆร้อยปี จนเป็นพันๆปี
อายุความนี้ขึ้นกับ ตะบะบารมีและบุญที่บำเพ็ญเพียรกันมา

 

ยุคนี้ที่ผมไปกราบมาหลายท่าน ผมดูๆท่านก็ปฏิบัติดีเมตตาลูกศิษย์ลูกหาพอสมควร แต่เรื่องพระเครื่องวัตถุมงคล ตาในยังไม่ดีเลยไม่รู้ว่าเป็นเช่นไรบ้าง
สงสัยต้องรบกวนพี่ดาวฯ เป็นธุระให้ ถ้าได้ร่วมทัวร์จะติดไปรบกวนพี่ดาวสัก2-3องค์นะครับ อิอิ
(deejai)

 

ขอบพระคุณครับ ในตอนอาจารย์สามตายังอยู่ อาจารย์เคยเชิญพลังให้
วัตถุมงคลชิ้นนึงโดยบอกกับผมว่าพลังหายไป เดี๋ยวเชิญให้ใหม่
โดยหักบุญของผมไปเป็นสังฆทานสองถัง พูดเสร็จอาจารย์ก็จัดอย่างรวดเร็ว
ตอนนั้นงงๆว่าอ้าวบุญหายไปแล้วสองถังสังฆทาน (deejai)
ที่เล่านี่ไม่ได้ปรามาทหรือไม่ศรัทธานะครับ ยังคิดถึงอาจารย์อยู่เสมอครับ

 

เห็นข้อความ ของ อ.สุวิ แล้ว ก็ พอเป็นกำลังใจ ว่า
อย่างน้อย ในปัจจุบัน ก็ ยังมีคน ที่ คิดเห็นในทำนองเดียวกัน
เรื่องพลัง
ในสมัยที่ อ.สามตา ยังอยู่ ท่านนำเรื่องราว เรื่องพลัง ทั้งพลังจักรวาล และการใช้ตามที่สาม ออกมาอย่างแพร่หลาย
ในยุคแรกๆ ของ ท่าน มีการทำอุปกรณ์ เพื่อให้คนทั่วไป เห็นแล้วพอเข้าใจได้
เช่น วัด ออร่า รัศมีรอบตัว ว่า ออกไป ไกลแค่ไหน
ก็ ทำ ราว แล้ว เอากำไรสี ตามออร่า เลื่อนมาไว้ตามตำแหน่งขอบออร่า แต่ละสี
พอให้คนเข้าไปยืน พิงราวเหล็ก นี้ แล้ว ก็ มองว่า ออร่าแต่ละสี อยุ่ตรงไหน
แล้ว เลื่อนกำไรสีสี ตามออร่า ออกมา
คนทั่วไป แม้นมองไม่เห็นออร่า ก็ พอจะ เข้าใจตามได้

เรื่องการวัดพลังพระเครื่อง
ในยุคแรกๆ ก็ ใช้มือ นี่แหละ วัดว่าพลังพระ ออกมาไกลแค่ไหน
1 เมตร สองเมตร สามเมตร ก็ ถอยมือ ห่างออกมา จนสุด แนวเขตพลัง
ก็ จะรู้ได้
ปกติ จะวัด ระยะในแนวดิ่ง พระยิ่งมีพลังมาก ก็ ต้องยกมือ สูงขึ้น สูงขึ้น
จนบางที ต้อง นำบันได มาต่อ ปืนขึ้นไป เพื่อ วัดพลัง กันเลยละ

ในยุคต่อๆมา เนื่องจาก การวัดพลัง เริ่มชำนาญมาขึ้น
วัดกันได้ ละเอียดขึ้นอีก จนรู้ แล้ว ว่า หน่วยวัดที่ใช้ มันไม่พอ
ต้องปรับ สเกล ให้ ใหญ่ขึ้น จนเป็นระยะ ดังที่พวกเรา เคยเห็นกันนั่นแหละ
คือ ระดับ ยี่สิบเมตร ย่อ มาเหลือ ระดับ ยกเกือบสุดแขน

แต่อย่างไราก็ดี
การวัด ในยุคนั้น ผมเอง ก็ ยังมี ทั้งที่เห็นด้วย ความรู้สึกค้านๆ ในใจ บ้าง
เพราะสังเกตพบว่า ยังมีข้อผิดพลาด อยู่บ้าง
( ผมเอง สะสมพระเครื่องและของขลัง มาตั้งแต่เด็ก เรียกว่าดูพระเป็น แหละ โดยเฉพาะ ของเก่า และพระกรุ เก่าๆ)
สังเกตได้ว่า พระแท้ๆ เก่าๆ รวมถึงพระที่มีประวัติ ประสบการด้านคุ้มภัย ผ่านสงคราม สมรภูมิ มาจนมีราคาแพงมากๆ
หลายองค์ วัดได้ 16-18 เท่านั้น
ในขณะที่ พระเก๊ๆ (ผมเห็นก็รู้แล้ว) ที่วัดได้ 20++ มีให้เห็นบ่อยๆ

ได้แต่คิด ว่า มันอาไร กัน นี่

ความที่เรารู้ ทั้งสองด้าน ทำให้ มีความเห็นแตกต่างจากคนอื่น
ก็ แต่รู้ อยู่ในใจ บอกไป ก็ คง ต้องไปค้านกับคนมากมาย ได้แต่ นิ่งไว้


จนกระทั่ง ไม่กี่ปี มานี้ ได้คุย กับ อ.สุวิ เรื่องนี้ แหละ

จึงเริ่ม เอา ผลการทดลอง ที่ผมเคย ทำไว้ ตั้งแต่สมัยหนุ่มๆ ออกมาเปิดเผย
ว่า พระแบบไหน ป้องกันอะไรได้ แค่ไหน
แบบไหน กันมีด ได้
แบบกันมีดหมอผ่าตัดได้ ก็ ยังเคยเจอ
แต่ ที่กันเข็มฉีดยาได้ นี่ หายากหน่อย แต่ก็พอมี
แบบไหน กันปืนได้ แบบไหน กันสัตว์มีพิษ เขี้ยวงา ได้ ฯลฯ

การใช้ของขลัง หลายอย่าง รวมๆกัน ก็อาจ ไม่ได้ผล แบบ 1+1 = 2 เสมอไป

พูดมาถึง ส่วนนี้ ยิ่ง ซับซ้อน มีเงื่อนไข ที่ยากจะอธิบาย

เรื่องราว มันถึง ได้ เริ่มจะเข้มข้นขึ้น
ทำให้รู้ ว่า มันไม่ได้ ง่ายๆ เหมือนในละคร ทีวี .....55

ที่เห็นในละคร ทีวี แล้ว พอจะเข้าท่า ก็ จะมี เรื่องอาไร น้า ที่ฉายทางช่อง3 นั่นแหละ
ที่ ถูก ห้ามฉายไม่ไม่นานนี้ แหละ

ในฉากที่ นกฉัตรชัย ( รับบทเป็นหมอผี ผุ้มีอาคมขลัง) โดนตำรวจ รุม ยิงด้วยปืน
ลูกกระสุน วิ่งไป ไม่ถึงตัว ไปติดอยู่ที่ ม่านพลัง แล้วก็ ร่วงหล่น

ดูเหมือน โอเวอร์ เกินจริง

ในทางปฏิบัติ ผมเคยพบเคยเห็น พลัง ลักษณะนี้ ในพระเครื่อง หลายองค์
เช่น พระเครื่อง ของหลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม จ.ชัยนาท ท่าน ประจุพลังคุ้มครอง ไว้ในพระของท่าน
เมื่อ โดนอาวุธ ทำร้าย อาวุธเหล่านั้น มิอาจ ผ่านสนามพลังป้องกัน เข้าไป ถึงตัว ได้
เช่น กระสุน ก็ จะวิ่งไปชน สนามพลัง จน หยุด ไม่สามารถวิ่งไป ถึงตัวได้ หยุด และร่วงหล่น

เคยนำหัวกระสุน เหล่านี้ มา ตรวจดู

ปรากฎว่า หัวกระสุน บี้ แบน ทุกนัด

เหมือน วิ่งไป กระทบ ของแข็งหนาๆ จน หัวกระสุน บี้แบบไป จนหมดแรง และ ล่วงหล่น อยู่ใกล้ๆ นั้นเอง

พลังลักษณะนี้ ไม่ได้แข็ง เหมือนเหล็ก หรือหิน แต่ เหนียว หนา และมีความหนาแน่นสูงมาก จนหัวกระสุน ไม่อาจวิ่งผ่านไปได้ คล้ายเสื้อเกราะกันกระสุนสมัยใหม่ แต่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า

อย่างนี้ เป็นต้น

 

วันนี้ได้โอนเงินมา 500 บาท ร่วมสร้างพระประธานขนาดความสูง 14 เมตร ณ วัดป่ากังวาลไพร จ.ชัยภูมิ เข้า บัญชี ธ.กรุงเทพ 865 0 39663 6 คุณ พัชรินทร์ วงศ์เอนกอนันต์ ค่ะ
โมทนากับทุกๆท่านทั้งหมดทั้งมวลค่ะ

 

ได้อ่านเรื่องพระเครื่อง ของท่านอาจารย์สุวิ และอาจารย์ดาวทะเลทราย ได้ความรู้ในเชิงมิติ พิศดารล้ำลึกจริงๆครับ

พระอริยะเจ้าและครูบาอาจารย์สมัยโบราณจนถึงพระอริยะเจ้าและครูบาอาจารย์สมัยปัจจุบัน ยังคงเมตตาให้ลูกหลานชาวพุทธที่ยังต้องพึ่งวัตถุมงคลได้มีวัตถุมงคลที่มีพลังงานจริง สามารถพึ่งพาได้ในหลายๆด้านทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย จนถึงโภคทรัพย์

แต่อย่างที่ท่านอาจารย์ดาวทะเลทรายบอกของทำเลียนแบบก็มีเยอะ ต้องคอยระวัง ขอให้ทุกท่านที่ยังติดวัตถุมงคลอยู่ (เช่นเดียวกันกับผม)ได้พบแต่วัตถุมงคลที่มีพลังงานจากครูบาอาจารย์จริงๆกันนะครับ

อย่างน้อยพระเครื่องที่เป็นรูปพระพุทธเจ้า พระธรรมคำสอน หรือรูปพระสงฆ์ ก็ยังสามารถน้อมนำไปเป็นอนุสติได้ ก่อนสวมใส่สร้อยพระก็ยังได้อาราธนาบารมีท่านสงเคราะห์


สาธุๆกับอาจารย์ทั้งสองท่านครับ

 

ควมสัมพันธ์ระหว่างออราของมนุษย์และออร่าจากพลังพระ

ในสมัย อ.สามตายังอยู่ พวกเรานอกจากวัดพลังพระแล้ว
เรายังวัดพลัง(ออร่า)ที่เปล่งออกจากกายมนุษย์ด้วย และใช้หน่วยเดียวกันในการวัด
พวกเราพบว่า ในมนุษย์ปกติทั่วไปนี่ ออร่าที่กายมนุษย์เปล่งรัศมีออกมามีรัศมีประมาณ ๙๐-๑๕๐ หน่วยอาชวิน
(ปกติเรื่องหน่วยนี่ ตัวอาจารย์บอกเป็นเมตรนะ แต่เราขอเอาชื่ออาจารย์มาตั้งเป็นหน่วยวัด ให้เกียรติท่านตามแบบฝรั่งซะหน่อย)

แต่ก็มีมนุษย์ที่มาใช้กรรมนี่ จะมีออร่าเลี้ยงตัวปกติประมาณ ๖๕-๘๕ หน่วยเท่านั้น
เขาก็อยู่ได้สบายๆนะ อาจจะไม่สบายบ่อยไปหน่อยเท่านั้น
แต่พวกที่มีออร่าเป็น ๑๐๐ แล้วอยู่ๆก็ลดเหลือ ๕๐-๖๐ นี่
บอกได้เลยว่า ท่านโดนถูกเบียดเบียนแล้ว อาจต้องลมเพลมพัด หรือ ฯลฯ
และหากออร่าลดลงต่ำกว่า ๕๐ นี่ บอกได้เลยว่า อาการเริ่มหนักนะ
พวกที่อยูในห้อง ICU นะ จะมีออร่าไม่มากเลยซัก ๒๕-๕๐ เท่านั้น
หากต่ำกว่า ๒๐ นี่ก็เตรียม บ้ายบาบ ได้

แต่ยังมีมนุษย์ประหลาดบางพวกนะ มีพลังออร่าเลี้ยงตัว มากว่า ๑๕๐ หน่วยอาชวินขึ้นไป
เคยเจอ เป็นปกตินี่ ๑๘๐ หน่วยขึ้นไปอาจจะถึง ๒๔๐ หน่วย
พวกนี้เป็นพวกมีพรสวรรค์ อาจเป็นพวก พระ เทพ พรหม มาเกิด ฯ

และยังเคยเจอถึง ๓-๔๐๐ หน่วย พวกนี้นะเป็นพวกต่างดาวมาเกิด
ก็ฐานพลัง ของพวกต่างดาวจะสูงกว่ามนุย์โลก ประมาณ ๓เท่าขึ้นไปอาจสูงกว่าเป็นร้อยๆเท่า