จะเป็นเนื้อคู่กันต้องมี ทาน ศีล และปัญญา เสมอกัน

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย thitiwats, 18 มีนาคม 2013.

  1. thitiwats

    thitiwats เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    744
    ค่าพลัง:
    +4,414
    [​IMG]

    จะเป็นเนื้อคู่กันต้องมี ทาน ศีล และปัญญา เสมอกัน

    ถาม : คนหนึ่งเข้าวัด อีกคนหนึ่งไม่เข้าวัด ?

    ตอบ: อยู่กันยากจ้ะ พระพุทธเจ้าท่านบอกเอาไว้ชัดเลยว่าบุคคลที่เป็นเ...นื้อคู่กัน ต้องมีทานเสมอกัน มีศีลเสมอกัน มีปัญญาเสมอกัน อันใดอันหนึ่งบกพร่องก็รังแต่จะขัดกัน แล้วเกิดการทะเลาะเบาะแว้ง ถ้าขัดกันมากก็คงต้องเลิกรากันไป ทาน ศีล ภาวนา ต้องเสมอกัน คงจะยากนะ ตัดใจบวชชีเสียเถอะลูก เดี๋ยวนี้เขาส่งหาคู่ทางอินเตอร์เน็ตไม่ใช่เหรอ เฮ้อ...ไอ้การแต่งงานน่ะลูก มันเหมือนกะซื้อหวยแล้วหวังรางวัลที่ ๑ แต่ละงวดๆ มันพิมพ์มากี่สิบกี่ร้อยล้านก็ไม่รู้ แล้วมันก็มีรางวัลที่ ๑ อยู่รางวัลเดียวอย่างนี้ ลำบากจ้ะ

    เอกายโน อะยัง ภิกขเว มัคโค สัตตานัง วิสุทธิยา พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า เป็นหนทางของคนเดียว สามารถนำพาสัตว์เข้าถึงความบริสุทธิ์ สองคนก็ไม่ใช่ โสกะปริเทวานัง สมติกะมายะ สามารถล่วงพ้นความทุกข์โศกทั้งหลายได้ ทุกขโทมนัส สานัง อัตถังคะมายะ ล่วงพ้นความทุกข์ความเศร้าเสียใจได้ ยายัสสะ อธิคะมายะ ธรรมทั้งหลายก็เจริญ จัตตาโร สติปัฏฐานา อันนี้เรียกว่า สติปัฏฐานทั้ง ๔ กตะมาจัตตาโร ๔ อย่างมีอะไรบ้าง อิธะ ภิกขเว ดังนี้ ภิกษุทั้งหลาย กาเย กายานุปัสสี วิหรติ ท่านให้พิจารณากายในกาย ว่าต่อไม่ได้จ้ะ เดี๋ยวหนูบรรลุ

    ธรรมดาของการเกิดมา ราคะ โลภะ โทสะ โมหะ เป็นสมบัติประจำร่างกายนี่ เมื่อเราอาศัยอยู่ในร่างกายนี้ มันต้องมีเป็นปกติธรรมดา เพียงแต่ว่ามันอยากมี ก็ให้มันมีไป เราไม่ไปใส่ใจกับมันก็หมดเรื่อง รัก โลภ โกรธ หลง ถ้าหากว่าเราไปนึกคิดปรุงแต่งกับมัน มันก็จะสนุกสนานไปใหญ่โตเลย ถ้าเราไม่ไปนึกคิดปรุงแต่งกับมัน ก็เหมือนกับก๋วยเตี๋ยวปรุงใส่น้ำเปล่าๆ ไม่มีชูรส ไม่มีน้ำปลา ไม่มีน้ำส้ม ไม่มีพริกขึ้นมา มันไปไม่รอดหรอก จืดสนิท ตายแหงแก๋ สำคัญตรงที่ว่าเราอย่าเผลอไปร่วมมือกับมัน ถ้าเผลอไปร่วมมือกับมัน ตัวจิตสังขาร คือตัวปรุงแต่ง มันก็ปรุงไปเรื่อย ต้องหล่ออย่างนั้น ต้องสวยอย่างนี้ไปเรื่อยเปื่อย ก็ทำให้ราคะ โลภะ โทสะ โมหะกำเริบ

    ถ้าเราหยุดอยู่กับการภาวนา หยุดอยู่กับลมหายใจเข้าออก ไม่ปล่อยให้จิตเคลื่อนไปในอดีต แล้วก็ไม่ให้ไปในอนาคต หยุดอยู่เฉพาะหน้า เป็นอันว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ทำอันตรายเราไม่ได้ เพราะงั้นอย่าเผลอไปร่วมมือกับมัน ร่วมมือกับมันเมื่อไร ก็มีแต่จะพาให้เราทุกข์ แค่รักเขาก็ทุกข์แล้วเห็นเขาว่า ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์ เริ่มรักก็เริ่มหลง พอหลงแล้วก็หวาดระแวง พอหวาดระแวง คราวนี้ก็ชักจะกินไม่ได้ นอนไม่หลับ มันไปของมันเรื่อยแหละ เพราะงั้นต้องระวังให้ดี รักษาไว้ให้ดี ไม่มีใครรักเราเท่ากับตัวเราเอง คนไหนมันบอกว่ามันรักเรามาก ขาดเราไม่ได้ ให้มายืนคู่กัน แล้วเราเอาถ่านร้อนๆ แดงๆ วางบนหัวมันพร้อมกันดูสิ จะปัดของใครก่อน ถ้ารักคนอื่นมาก ต้องปัดให้คนอื่นก่อน เห็นปัดให้ตัวเองทุกทีเลย ลองดูมั้ย ? มาถึงก็ถ่านแดงๆ คนละก้อน หย่อนใส่หัวมัน เธอรักฉันมาก เธอต้องปัดให้ฉันก่อน ไม่มีซะหรอก ปัดของมันเองก่อน

    ในเมื่อเรารักตัวของเราเอง ก็ให้รักในทางที่ถูก เมตตา...ตัวของเราเอง ก็อย่าทำชั่ว เพราะว่าการทำชั่ว พาให้เราตกสู่อบายภูมิ ต้องเกิดเป็นสัตว์นรก เป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉาน ทนทุกข์ทรมานนับชาติไม่ถ้วน ถ้าหากว่ารักตัวเอง ให้ตั้งใจปฏิบัติ ทาน ศีล ภาวนา ให้มากไว้ ถึงเวลาตัวเองจะได้รับแต่ผลดี หลวงปู่มหาอำพันท่านว่า รักษาตัวกลัวกรรมอย่าทำชั่ว จะหมองมัวหม่นไหม้ไปเมืองผี จงเลือกทำแต่กรรมที่ดีดี จะได้มีความสุขพ้นทุกข์ภัย

    อยู่ใกล้พ่อก็ดีขึ้นมาจึ๋ง ห่างอีกก็ไปยาว เอาเหอะอย่างน้อยๆ มันก็ยังมีอยู่บ้าง อย่าให้ตลอดชีวิต ๓๐ กว่าปีมันเลวซะหมดละกัน

    การที่คนเราจะรักกัน จะแต่งงานแต่งการอยู่กินเป็นคู่ครองกัน พระพุทธเจ้าบอกว่าเกิดจากสาเหตุ ๒ ประเภทด้วยกัน ประการที่หนึ่งเรียกว่า บุพเพสันนิวาส บุพพะ บุพเพแต่ปางก่อน สันนิวาสการอยู่ร่วม การอยู่ร่วมกันมาแต่ปางก่อน แสดงว่าเคยเป็นคู่กันมา ท่านทั้งหลายเหล่านี้ถ้าเกิดเป็นคู่กันมาหลายชาติหลายภพ ถ้าเจอหน้ากันมันหลีกไม่พ้น ประเภทเห็นปุ๊บ ปิ๊งเลย ที่วัยรุ่นสมัยนี้เขาว่าอะไร ใช่เลย ไม่ของมันน่ะ ใช่แล้วเลย ส่วนใหญ่มันใช่ไม่จริง เพราะว่าคนเราไม่ได้เกิดชาติเดียว แต่ละชาติแต่ละภพเกิดมาก็ไม่ใช่หมายความว่าจะเจอคนเดิมตลอดไป เพราะฉะนั้นมันก็จะมีใช่เลย ใช่เลยๆ ไปเรื่อยๆ ระวังเอาไว้ให้ดี คนเราถ้าไม่มีศีลควบคุมก็จะใช่ไปเรื่อย ยิ่งใช่มากเท่าไรก็ลงนรกไปมากเท่านั้น

    ส่วนอีกอย่างหนึ่งท่านว่าเกิดจากการเกื้อกูลกันในปัจจุบัน จนเห็นอกเห็นใจกัน ดังนั้นไม่ใช่หมายความว่า ถ้าไม่ใช่เนื้อคู่ คือไม่ใช่บุพเพสันนิวาสแต่ปางก่อน แล้วจะแต่งกันไม่ได้ เสร็จแล้วการแต่งงานกันไปมันก็ต้องลดทิฐิมานะลง ต่างคนต่างต้องฟังอีกฝ่ายหนึ่ง เพราะตอนนี้มันเป็นสภาพครอบครัวแล้ว ไม่ใช่ตัวคนเดียว เราจะเคยทำอะไรก็ทำอย่างนั้นไม่ได้ ตอนนี้มันแบกขันธ์ ๕ ขึ้นมาเป็นขันธ์ ๑๐ แล้วนี่ ขันธ์ ๕ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ของตัวเอง คนเดียวมันก็แย่แล้ว ไปหาเข้ามาขันธ์ ๑๐ คราวนี่แย่ตรงที่ว่าก่อนนี้ ถึงเวลากิน เราไม่กินก็ได้ คราวนี้ถึงเวลากินขึ้นมา นี่เราไม่กิน มันได้อยู่ แต่เขาไม่กินไม่ได้เพราะเขาหิวแล้ว มันก็ต้องทุกข์ในการหามาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องเขาเพิ่มอีกคนหนึ่ง มีลูกขึ้นมาก็เป็นขันธ์ ๑๕ มี ๒ ลูกก็ขันธ์ ๒๐ มีแต่จะทุกข์หนักขึ้นไปเรื่อยๆ บรรดาเทวดาจ้อย นางฟ้าจิ๋ว นี่มันเจ้านายใหญ่ ถึงเวลาพ่อเจ้าประคุณ แม่เจ้าประคุณจะเอายังไงก็แหกปากจ๊ากจึ้นมา ก็ต้องตามใจ ไม่ตามใจก็เสร็จ เพราะว่าเขามีการร้องไห้เป็นกำลัง ผู้หญิงมีน้ำตาเป็นกำลังใช่มั้ย ? ถ้าหากว่าถึงเวลาความทุกข์ทั้งหลายเหล่านี้มันมีแต่จะพอกพูนเพิ่มขึ้นๆ แต่ก็อย่างว่านั่นแหละ

    พระพุทธเจ้าท่านตรัสเอาไว้ว่า การกินหนึ่ง การนอนหนึ่ง การเสพกามหนึ่ง การเสวยอำนาจหนึ่ง บุคคลจะไม่มีวันเบื่อเด็ดขาด ยกเว้นผู้เห็นภัยในวัฏฏสงสาร พยายามหลีกหนีมันให้ได้เท่านั้น การมีเนื้อคู่ถือว่าเป็นการเสพกามใช่มั้ย ? เพราะฉะนั้นการกิน การนอน การเสพกาม การเสวยอำนาจอยู่ คนจะไม่เบื่อ มีอยู่อย่างเดียวก็คือว่า พยายามหลีกหนีมัน เพราะเห็นโทษเห็นภัย ก็ลองคิดดูว่าเราอยู่คนเดียวสบายละ เหนื่อยจากงานมานอนแผ่หลาไม่อาบน้ำก็ได้ ไม่กินข้าวก็ได้

    คราวนี้กลับมาบ้าน เจ้านายใหญ่นั่งรอยอยู่ ต่างคนต่างเหนื่อยมา แทนที่จะช่วยเราไม่มีหรอก รอเราช่วยอย่างเดียว มันแทนที่จะทุกข์คนเดียวก็เลยทุกข์หนักขึ้น แล้วอะไรจะเกิดขึ้น ถ้าหากว่าวันไหนเหนื่อยมากๆ แล้ว สติแตกกลับมาแทนที่เราจะช่วยกัน เปล่าหรอก นั่งเต๊ะจุ๊ยอ่านหนังสือพิมพ์รอเราทำกับข้าว โอ๊ยแทบจะขาดใจ มาจากที่โน่น มาถึงจะสลบเหมือด ก็ต้องมาเจอเจ้านายใหญ่อีก ไม่เป็นไรจ้ะ ค่อยๆ ดูไป อนุญาตให้ลอง ทดลองแล้วไปไม่รอดแล้วค่อยว่ากัน

    หลายคนเขาบอกว่า แต่งงานเพราะถึงเวลาแก่ตัวไปจะได้มีคนดูแล ฝันไปเถอะ แก่ตัวไปแล้วล้วนแล้วแต่มีคนให้เราดูแล ฟังให้ดีๆ ไม่ใช่แก่ตัวไปจะได้มีคนดูแล แก่ตัวไปจะได้มีคนให้เราดูแล แต่งไปไม่ต้องฝันหรอกว่ามันจะดูแลเรา รับรองได้รายไหนรายนั้น แล้วต้องไปดูแลเขาทั้งนั้น

    สมัยก่อนหมวยนี้ไปกับหลวงพ่อบ่อยๆ เขาก็ซึมซับเอาสิ่งต่างๆ ที่หลวงพ่อพาไป ไม่ว่าจะเป็นทาน ศีล ภาวนา รับเข้าไปๆ บวกกับการปฏิบัติของตัวเอง เขาตั้งใจว่าไม่แต่งงาน ทางบ้านพ่อเอย แม่เอย อากู๋ อากิ๋มอะไรให้ยุ่งไปหมด พยายามจะแงะให้แต่งให้ได้ แกก็ฝืนมาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้ มีแต่คนเปลี่ยนความคิดละ พูดว่าเป็นหมวยนี้ก็สบายจังเลยเนอะ มันชักเห็นทุกข์แล้วตอนก่อนนี้ล้วนแต่ว่าทุกข์น่ะดี มีครอบครัวไหนบ้างที่ไม่ทะเลาะกัน ถามจริงๆ หนูเคยเห็นมั้ย ? ดีแสนดีมันต้องมีวันผีเข้าซักวันหนึ่ง

    อยู่คนเดียวเปลี่ยวกายแสนสบายแต่ไม่สนุก อยู่สองครองทุกข์ถึงสนุกก็ไม่สบาย เลือกเอาก็แล้วกัน

    พระเจ้าฑีฆีติโกศล ตรัสกับฑีฆาวุกุมารว่ารักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ เพราะฉะนั้นถ้าเห็นแก่อนาคตอันยืดยาวเบื้องหน้า อยากจะไปดี รักในการปฏิบัติธรรม เพื่อความหลุดพ้นจริงๆ ก็รีบๆ ตัดกรรมซะ รักยาวให้บั่น ถ้าเห็นแก่ความสุขเฉพาะหน้าในระยะสั้นๆ รักสั้นให้ต่อ สร้างกรรมต่อไปไม่มีใครว่า พระเจ้าฑีฆีติโกศลโดนพระเจ้าอชาตศัตรูบุกแคว้นโกศลน่ะ จับได้ไปประหารชีวิต เพื่อยึดเอาแว่นแคว้นมาเป็นของตัว ฑีฆาวุกุมารซึ่งเป็นลูกชายหลบไปได้ ถึงเวลาเขาประหารชีวิตก็ย่องมาดู พ่อก็รู้ว่าลูกชายต้องอยู่แถวๆ นั้นก็เลยตะโกนบอก รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ คนอื่นฟังไม่เข้าใจ แต่ฑีฆาวุกุมารฟังแล้วเข้าใจเลย

    คราวนี้ก็พยายามไปร่ำเรียนวิชาศิลปะศาสตร์อะไรต่างๆ นานา จนกระทั่งเติบใหญ่ขึ้นมาก็ไปสมัครเป็นข้าราชบริพารในสำนักพระเจ้าอชาตศัตรู จะได้หาโอกาสฆ่าพระเจ้าอชาตศัตรูเพื่อล้างแค้นให้พ่อ มีอยู่วันหนึ่งพระเจ้าอชาตศัตรูออกเสด็จประพาสป่าพร้อมด้วยข้าราชบริพาร ฑีฆาวุกุมารตอนนั้นเป็นมหาดเล็กตัวโปรด ก็ทำหน้าที่สารถีขับรถให้ ฑีฆาวุกุมารก็แกล้งให้ม้ามันตกใจ วิ่งเตลิดเปิดเปิงจะได้ทิ้งพวกข้าราชบริพารให้ไกลๆ จนกระทั่งเตลิดเข้าไปในป่าลึก พระเจ้าอชาตศัตรูเหนื่อยเต็มที่ ก็บอกพักก่อนเถอะ เราไม่ไหวแล้ว ฑีฆาวุกุมารก็พัก พระเจ้าอชาตศัตรูก็หนุนตักฑีฆาวุกุมารก็หลับเหนื่อย พระเจ้าแผ่นดินไม่ใช่ว่าประเภทได้มาออกกำลังหนักหนาอย่างเรา ฑีฆาวุกุมารเห็นได้โอกาสก็เลยชักมีดสั้นที่ซ่อนไว้ จะจ้วงซะให้เต็มๆ ก็นึกถึงคำพูดของพ่อว่า รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ ก็ลดมีดลง พอขยับจะแทงอีก นึกได้ก็ลดมีดลง ๓ ครั้งด้วยกัน พระเจ้าอชาตศัตรูลืมตาขึ้นมาจ๊ะเอ๋เข้าพอดีก็ตกใจ ร้องขอชีวิต ถามฑีฆาวุกุมารว่าเป็นใคร ฑีฆาวุกุมารก็เล่าให้ฟังว่าเป็นลูกของพระเจ้าฑีฆีติโกศล พระเจ้าอชาตศัตรูก็สำนึกได้ว่า ตัวเองไม่ควรที่จะไปแย่งบ้านชิงเมืองคนอื่นเขาถึงขนาดนั้น ทำให้เดือดร้อนกันไปหมด ฑีฆาวุกุมารก็บอกว่าไม่ต้องกลัวหรอก ตอนนี้เชื่อในสิ่งที่พ่อบอก ก็ให้อภัยพระเจ้าอชาตศัตรูแล้วแต่ว่าต่อไปจะไม่อยู่รับราชการ เพราะการอยู่ใกล้พระราชาเหมือนกับการอยู่ใกล้เสือหรือไฟ จะโดนเสือกัด โดนไฟไหม้เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ จะขอลาออก พระเจ้าอชาตศัตรูก็ได้สำนึกเห็นในความมีน้ำใจ แล้วก็เห็นแก่บุญคุณที่ไว้ชีวิต ก็เลยบอกไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวจะยกแคว้นโกศลคืนให้ เธอกลับไปครองแว่นแคว้นของเธอตามเดิมก็แล้วกัน เรื่องก็เลยแฮปปี้เอ็นดิ้ง ไอ้คำว่าเวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวรก็มาจากเรื่องนี้แหละ



    สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนธันวาคม ๒๕๔๕(ต่อ)
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ
    ที่มา http://palungjit.org/threads/จะเป็นเนื้อคู่กันต้องมี-ทาน-ศีล-และปัญญา-เสมอกัน.194127/ดูเพิ่มเติม
     
  2. สีลสิกขา

    สีลสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    1,271
    ค่าพลัง:
    +7,137
    ทำอย่างไรจะอยู่ด้วยกันตลอดไป? การจะไปด้วยกันได้ตลอดสายนั้น ใจของคน 2 คนต้องมีพื้นฐานของความสามารถร่วมทางกัน ไม่อยากแยกทางกัน มีคุณสมบัติใหญ่ๆ 4 ประการดังนี้

    1) มุ่งไปในทางเดียวกัน คือการมีศรัทธาแบบเดียวกัน อย่างน้อยถ้าเราและคนรักนับถือความรัก ราวกับความรักเป็นศาสนาหนึ่งศาสนาของเรา 2 คน เราก็จะยึดหลักเดียวกัน เช่น จะรักเดียวใจเดียวไปจนกว่าจะหาไม่ ชาติหน้ามีจริงก็จะจองรัก จองฤกษ์เกิดร่วมชาติอย่างนี้อีก เป็นต้น

    2) มีความสะอาดเสมอกัน คือการมีศีลมีธรรมระดับเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งศีลในข้อที่ว่าด้วยการประพฤติผิดทางกาม หากเราและคนรักทำบุญเก่าด้วยกันมาดี มีวาสนาได้พบรักแท้ เพราะจะเป็นปัจจัยสำคัญให้คิดซื่อกับคู่ครองของตนอยู่แล้วโดยพื้นฐาน การถือศีลเพียงข้อเดียวก็อาจมีพลังลากจูงศีลข้ออื่นๆ ให้ตามมา และธรรมดาของผู้รักษาศีล 5 ด้วยกันนั้น ย่อมไว้ใจกัน และอบอุ่นใจว่าจะซื่อสัตย์ต่อกัน ไม่เป็นภัยต่อกัน คือการสร้างความสบายใจขั้นพื้นฐานให้ชีวิตคู่นั่นเอง

    3) เปี่ยมน้ำใจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน คือใจที่รู้จักเสียสละ ผู้ที่อยู่ร่วมกันโดยต่างฝ่ายต่างมีน้ำใจมาก ย่อมไม่มีวันหิวกระหายตลอดเส้นทาง ส่วนการที่จะเดินร่วมทางไปกับผู้มีความตระะหนี่ถี่เหนียวไร้น้ำใจ ย่อมทำให้เรารู้สึกฝืดคอ เหมือนรอบตัวแห้งแล้งน่าหน่ายหนีเสียเหลือเกิน เมื่อมีน้ำใจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เป็นที่พึ่งให้แก่กันและกันได้จนอาจกระตือรือร้นมากพอจะเผื่อแผ่เจือจานไปถึงสังคมรอบข้าง และการร่วมมือเพื่อช่วยเหลือคนแปลกหน้า จะบอกได้ระดับหนึ่ง ว่ามีลูกแล้วเราจะมีแก่ใจช่วยกันเลี้ยงแค่ไหน สังเกตเถอะว่าคนใจแคบจะไปด้วยกันกับคนใจกว้างไม่ได้ แม้ว่าจะจับพลัดจับผลูต้องทนอยู่ร่วมกันก็จะไม่มีความสุขเลย

    4) คิดอ่านได้ไม่น้อยหน้ากัน ข้อนี้หมายถึงใจที่เข้าถึงคำตอบ หรือ เห็นทางออกได้ทัน ๆ กันช่วยเป็นกำลังทางความคิดเพื่อเสริมส่งกันและกัน ปัญญาเชิงพุทธจะออกไปในทางคิดเป็น เห็นตามจริง แสวงหาเหตุผลต้นปลาย ระบบความคิดที่ถูกฝึกมาให้แก้ปัญหาร่วมกัน จะทำให้ปัญญาของคน 2 คนเขยิบเข้าใก้ลกันมากขึ้นทุกทีตามวันเวลาที่ผ่านไป ส่วนในทางธรรมนั้น ปัญญาจะมุ่งเอาความสามารถในการเห็นว่าสิ่งใดเป็นประโยชน์ สิ่งใดเป็นโทษ ดังนั้นปัญญาที่เสมอกันย่อมสร้างความร่าเริงในการสนทนาและการอยู่ร่วม


    เราจะเห็นได้ว่าถ้า ศรัทธา ศีล จาคะ และปัญญาเสมอกัน จะทำให้คน 2 คนนั่งรถไปในคันเดียวกันตลอดรอดฝั่งได้ท่าไหน คู่ที่เสมอกันทุกด้าน จะอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนเสมือนเป็นคนเดียวที่แบ่งภาคชายและภาคหญิง
     
  3. มณีเมขลา20

    มณีเมขลา20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    216
    ค่าพลัง:
    +446
    ขอบคุณนะคะ พยายามอย่างที่สุดในตอนนี้ ขอพระรัตนตรัยเป็นที่ตั้งให้ลูกผ่านวังวนนี้ได้ได้นะคะ
     
  4. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    ในเมื่อเขาไม่ใช่เรา และเราก็ไม่ใช่เขา จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้หรือเป็นไปได้ยาก ที่ จะมีคู่มนุษย์ผู้มีศีล มีธรรม มีบุญวาสนาบารมี สติ ปัญญา เสมอกัน

    มนุษย์ผู้ชาญฉลาด พึงเข้าใจในวิบากกรรมและบุพเพสันนิวาส เมื่อวิบากกรรมให้ผล อายุไข กาลเวลาเวียนมาบรรจบ ย่อมได้พบคู่ครองที่เคยร่วมบุพกรรมกันมา แต่บุญวาสนาย่อมไม่เท่ากันไม่ได้ทำบุญปฏิบัติมาเหมือนกันทุกอย่าง ผู้มีปัญญาพึงตรวจดูว่า
    1 หากเรามีวาสนาดีกว่าเขา มีศีลธรรม สติปัญญาดีกว่าเขา เราก็ควรเมตตาเขาอนุเคราะห์เขาอย่างไร ให้ดีให้เกื้อกูลเขา เพื่อให้เขาได้เร่งทำความดีเพิ่มพูนบารมีครับ
    2 หากเรามีวาสนาด้อย หรือน้อยกว่าเขา เราเองควรพิจารณาตน เร่งความเพียรแห่งตน ให้มีศีลธรรม บารมีวาสนางอกงามไพบูลย์ ยิ่งๆขึ้นไปครับ

    แต่หากว่าบังเอิญมากที่อาจจะมีท่านใดท่านหนึ่งที่เคยร่วมกันสร้างบารมีกันมาทุกๆชาติ ทำมาด้วยกันทุกๆชาติ ทำเหมือนกันทำด้วยกันมาตลอดมากมายนับไม่ถ้วนจนมีปัญญา วาสนาบารมีเสมอกัน หากเป็นเช่นนี้ เมื่อมาชาตินี้ ก็ต้องฉลาดพอที่เจริญสติปัญญาให้มาก ปฏิบัติให้มากเพื่อความห่างไกลกิเลส จนในที่สุดเมื่อเป็นอริยะบุคคล พระอนาคามีเมื่อไหร่ ความไคร่ใดๆไม่มีแล้ว ความเป็คู่ครองไม่มีแล้ว มีเพียงสหายธรรมผู้ไม่ครองเรือน เป็นผู้พร้อมแล้วและกำลังก้าวไปสู่ความหลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวง ที่สุดก็มีแค่นี้ครับ สาธุ
     
  5. UlTrAmAn_26

    UlTrAmAn_26 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +66
    ได้ความรู้มากลยคะ ^^
     
  6. itemnoi

    itemnoi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2013
    โพสต์:
    440
    ค่าพลัง:
    +323
    ขอบคุณค่ะ ได้ความรู้เพิ่มเติมมากขึ้นค่ะ
     
  7. กิ่งสน

    กิ่งสน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +2,327
    มีคู่บุญนี่ดีนะ อยากได้มาก เพราะจะไม่ต้องทุกข์มาก แต่ก็ทุกข์อยู่ดี มีคู่กรรมนี่ทำให้อยากหลุดพ้นมาก ทำทุกทางให้พ้นกรรม อาจทำให้พบธรรมะเร็วขึ้นเพราะเบื่อหน่ายในวัฏฏะสงสาร เห็นคนอื่นเอามือแหย่ไฟกับเอามือตัวเองไปแหย่ไฟให้ผลต่างกันมาก คนที่จะเป็นเจ้ากรรมนายเวรเราได้มากก็คือคู่ครองนี่แหละ คนที่มาจากไหนก็ไม่รู้แต่สามารถทดสอบคำว่าขันติของเราได้ตลอดเวลา
     
  8. สีลสิกขา

    สีลสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    1,271
    ค่าพลัง:
    +7,137
    ใช่เป็นที่สุด...คู่ครองนี่ละค่ะ เจ้ากรรมนายเวรแท้ ๆ (บางคน) บางครั้งเราอาจไม่มีความสุข ทั้ง ๆ ที่เขาก็เป็นคนดี อยากเลิกกะเลิกไม่ได้ อีกอย่างก็คือ คุณตาคุณยาย ท่านเคยพูดว่า ผู้หญิงที่ผ่านการมีครอบครัว จะมีความอดทนสูง..ใช่เลยค่ะ (ความเชื่อส่วนตัว)
     
  9. Jt Odyssey

    Jt Odyssey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +12,591
    ยังอยากได้คู่บุญอยู่อีกหรอครับ 55 ผมขอ confirm เลยครับ ว่าทุกข์เหมือนกัน ตัวคนเดียวดีกว่าเยอะ ถ้าปรารถนาจะหลุดพ้น(จริงๆ)
     
  10. UlTrAmAn_26

    UlTrAmAn_26 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +66
    ทำไมมาอ่านกระทู้รอบนี้เหมือนน้ำตาจะไหลเลยคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...