สถานการล่าสุด"เกาหลีเหนือ" สั่งกองทัพเตรียมพร้อมโจมตีฐานที่มั่นสหรัฐ

เกาหลีเหนือไม่กล้าหรอกครับ....ขู่ๆ หาตังกินข้าวเฉยๆ หรือไม่ก็จะเป็นแผนการล่าอานานิคมยุคใหม่ของโลก

 

ตอนนี้ผมกลัวเรื่องเดียว คือจีนและรัสเซียจะเข้าร่วมกับเกาหลีเหนือ เพราะจีนไม่ถูกกับสหรัฐเป็นทุนเดิมอยู่แล้วทั้งการโจรกรรมข้อมูลทางการทหาร และเรื่องพิพาทอื่นๆ ส่วนรัสเซียรู้สึกว่าไม่ค่อยพอใจที่สหรัฐไปซ้อมรบกับเกาหลีใต้ทำให้คาบสมุทรเกิดความตึงเครียด ซึ่งถ้าสองประเทศนี้ร่วมมือกับเกาหลีเหนือ ผมว่า ก็คงสูสีกับ สหรัฐ+ญี่ปุ่น+เกาหลีใต้เลยทีเดียว

 

ทำไมมนุษย์เราถึงชอบทำสงครามกันจริงเลย

 

ระอุ!มะกันส่งเรือพิฆาตประชิดโสมแดง หลังถูกขู่โจมตีด้วยขีปนาวุธ

เอเอฟพี - สหรัฐฯในวันจันทร์(1) ส่งเรือพิฆาตซึ่งมีความสามารถด้านสอยขีปนาวุธเข้าประจำการใกล้เกาหลีเหนือ ความเคลื่อนไหวทางกองทัพล่าสุดท่ามกลางเหตุเผชิญหน้ากับเปียงยาง แม้ว่าในวันเดียวกัน ทำเนียบขาวยันยังไม่พบเห็นการเคลื่อนพลหรือความเคลื่อนไหวทางทหารใดๆที่สนับสนุนคำขู่ทำสงครามของเกาหลีเหนือ หลังชาติคอมมิวนิสต์แห่งนี้ใช้วาทกรรมเกี้ยวกราดมาหลายวัน

เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯเผยว่าเรือพิฆาตยูเอสเอส ฟิตซ์เจรัลด์ ซึ่งเพิ่งเข้าร่วมซ้อมรบกับกองทัพเกาหลีใต้เมื่อเร็วๆนี้ ได้ถูกส่งเข้าประจำการบริเวณชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของคาบสมุทรเกาหลี เปลี่ยนแผนจากเดิมที่มีกำหนดล่องกลับไปยังฐานทัพเรือในญี่ปุ่น

เอเอฟพีรายงานอ้างคำสัมภาษณ์ของเจ้าหน้าที่รายนี้ที่ไม่ประสงค์เอ่ยนามบอกด้วยว่าการเปลี่ยนแผนของเรือรบพิฆาตยูเอสเอส ฟิตซ์เจรัลด์ ครั้งนี้ เป็นความเคลื่อนไหวที่ผ่านการตัดสินใจอย่างรอบคอบแล้ว ด้วยมองว่ามีความจำเป็นที่ต้องเผื่อทางเลือกต่างๆสำหรับป้องกันการถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธ

คาบสมุทรเกาหลีอยู่ในภาวะตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ นับแต่เกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ต่อด้วยการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ใต้ดินในเดือนมกราคมปีนี้

จากนั้นในเดือนกุมภาพันธ์ สหประชาชาติก็มีมติเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรโสมแดง โดยที่เกาหลีเหนือตอบโต้ด้วยการข่มขู่เกาหลีใต้และสหรัฐฯอย่างไม่ขาดสาย ทั้งด้วยการประกาศฉีกข้อตกลงหยุดยิงระงับสงครามเกาหลีเมื่อกว่า 60 ปีก่อน และการคำรามที่จะใช้ขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์โจมตีใส่แผ่นดินใหญ่สหรัฐฯตลอดจนฐานทัพอเมริกันในที่ต่างๆ รวมทั้งการประกาศเข้าสู่ “ภาวะสงคราม” กับเกาหลีใต้ในวันเสาร์(30มี.ค.)ที่ผ่านมา

ส่วนโซลกับวอชิงตันข่มขู่กลับว่าถ้าเปียงยางยั่วยุก็จะถูกตอบโต้อย่างรุนแรง

แม้ความตึงเครียดบนคาบสมุทรกาหลีพุ่งถึงขีดสุดเท่าที่เคยมีมา และวอชิงตันก็ย้ำว่าจริงจังต่อคำขู่ทำสงครามของเปียงยาง แต่ในวันจันทร์(1) สหรัฐฯ เผยว่าจนถึงตอนนี้ยังไม่มีคำขู่หรือสัญญาณเตือนใหม่ๆมาจากชาติคอมมิวนิสต์ผู้โดดเดี่ยว

เจย์ คาร์นีย์ โฆษกทำเนียบขาวระบุว่า "แม้เราได้ยินวาทกรรมอันเกรี้ยวกราดจากฝั่งเปียงยาง แต่เราก็ไม่พบเห็นความเคลื่อนไหวทางทหารใดๆของเกาหลีเหลือ อย่างเช่นการเคลื่อนพลจำนวนมากๆหรือย้ายจุดประจำการของกำลังพล"

"ตอนนี้เรายังไม่เห็นความเคลื่อนไหวที่สนับสนุนวาทะกรรมของพวกเขา" คาร์นีย์กล่าว "ความไม่เชื่อมโยงกันระหว่างวาทกรรมกับแนวทางการปฏิบัติ ดังนั้นเราจำเป็นต้องวิเคราะห์เพื่อตัดสินอีกครั้ง"

วอชิงตันเตือนเกาหลีเหนือว่าพวกเขาจะพยายามอย่างที่สุดสำหรับปกป้องเหล่าชาติพันธมิตรในเอเชีย และบอกโสมแดงอีกรอบให้ยุติโครงการนิวเคลียร์และหยุดทำร้ายตนเองด้วยโวหารที่ไม่ก่อประโยชน์

ในวันจันทร์ กองทัพสหรัฐฯแถลงว่า ได้จัดส่ง เอฟ-22 แรปเตอร์ เครื่องบินขับไล่ที่มีเทคโนโลยีหลบหลีกเรดาร์ หรือ “สเตลธ์” (stealth) จากฐานทัพในญี่ปุ่นเข้าร่วมซ้อมรบในยุทธการ “โฟล อีเกิล” กับเกาหลีใต้

หลังจากก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน อเมริกาก็นำเอาเครื่องบินทิ้งระเบิดที่มีสมรรถนะในการบรรทุกอาวุธนิวเคลียร์ ทั้งแบบ บี-52 ซึ่งเป็นรุ่นเก๋า และแบบ บี-2 ที่เป็นรุ่นใหม่มีเทคโนโลยีสเตลธ์ เข้าร่วมการซ้อมรบประจำปีคราวนี้ ซึ่งจะมีไปจนถึงวันที่ 30 เมษายน จนทำให้เปียงยางเดือดดาลออกมาขู่โจมตีสหรัฐฯ

<iframe width="560" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/4MbuQAXQlbY" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 2 เมษายน 2556 เวลา 04:29 น.

 

คอยติดตามสถานการณ์ไป เรื่อยๆ ;20

 

คอยจับตาดูในประเทศอเมริกาดีกว่า ถ้าเกิดเหตุการณ์เกี่ยวกับพวกก่อการร้ายขึ้นมาช่วงนี้ คงเป็นเหตุให้อเมริกาโจมตีเกาหลีเหนือแน่นอน อย่างน้อยก็ยังอ้างต่อสหประชาชาติได้ ว่าเป็นฝ่ายที่โดนกระทำก่อน คราวนี้ล่ะได้เห็นพี่จีน กับพี่รัสเซีย ขยับตัวแน่นอน

 

ผู้นำโสมขาวลั่นตอบโต้ “เร็ว-แรง” มะกันส่ง F-22 มาขู่โสมแดงอีกรุ่น

<iframe width="560" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/chkwJS9iCqI" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 1 เมษายน 2556 22:01 น.

เอเจนซีส์ - ประธานาธิบดีหญิงเกาหลีใต้ ให้คำมั่นที่จะตอบโต้ทางทหารอย่างเข้มข้นและทันทีทันควันต่อการยั่วยุใดๆ ก็ตามของเกาหลีเหนือ โดยที่รัฐมนตรีกลาโหมของเธอสำทับว่าโสมขาวพร้อมเปิดการโจมตีก่อนต่อสถานที่ตั้งทางนิวเคลียร์และขีปนาวุธของโสมแดงในเหตุการณ์ที่การสู้รบระเบิดขึ้นมา ส่วนทางด้านสหรัฐฯก็ส่งเครื่องบินขับไล่ “สเตลท์” อีกรุ่นเข้าร่วมการซ้อมรบกับเกาหลีใต้ ไม่กี่วันภายหลังจากที่เปียงยางประกาศเข้าสู่ “ภาวะสงคราม” กับโซล

ระหว่างการประชุมหารือกับพวกนายทหารอาวุโส และคิม ควานจิน รัฐมนตรีกลาโหม เมื่อวันจันทร์ (1) พัค กึน-ฮเย ประธานาธิบดีคนใหม่ของเกาหลีใต้ กล่าวว่า เธอให้ความสำคัญ “ด้วยความจริงจังเป็นอย่างยิ่ง” ต่อคำขู่ชวนต่อยตีของเกาหลีเหนือที่ระดมปล่อยออกมาเป็นรายวันตั้งแต่เดือนที่แล้ว โดยเธอเชื่อว่าเกาหลีใต้ควรต้องตอบโต้อย่างเข้มแข็งและทันทีทันควัน ชนิดไม่ต้องมีการไตร่ตรองทางการเมืองใดๆ ถ้าหากโสมแดงทำการยั่วยุต่อเกาหลีใต้และประชาชนของโสมขาว

พัค ผู้นำสายอนุรักษนิยมที่ในระหว่างการรณรงค์หาเสียงยังสนับสนุนนโยบายเข้ามีปฏิสัมพันธ์อย่างระมัดระวังกับเกาหลีเหนือ แต่หลังจากเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เธอก็ถูกบีบให้ใช้ท่าทีแข็งกร้าวกับโสมแดง ในเมื่อฝ่ายหลังท้าทายนานาชาติด้วยการทดลองทั้งขีปนาวุธพิสัยไกลและอาวุธนิวเคลียร์

เกาหลีใต้นั้นได้เปลี่ยนแปลงกฎการใช้กำลังปะทะ (rule of engagement) ของตน โดยอนุญาตให้หน่วยกำลังในท้องถิ่นสามารถทำการตอบโต้ได้ทันทีในกรณีถูกโจมตี แทนที่จะต้องรอให้ส่วนกลางอนุมัติก่อน ทั้งนี้หลังจากถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าตอบโต้อย่างเชื่องช้าและอ่อนแอมากในเหตุการณ์โสมแดงยิงปืนใหญ่ถล่มเกาะแห่งหนึ่งของโสมขาวเมื่อปี 2010 เวลานี้เกาหลีใต้ยังข่มขู่ด้วยว่าในกรณีที่เกิดการโจมตีขึ้นมาอีก ฝ่ายตนจะถือผู้นำโสมแดง คิม จองอึน เป็นเป้าหมาย รวมทั้งยังจะทำลายอนุสาวรีย์รูปปั้นของราชวงศ์คิมที่ปกครองเกาหลีเหนืออีกด้วย เรื่องนี้ดูจะสร้างความโกรธแค้นให้โสมแดงเป็นอย่างยิ่ง

ทางด้านรัฐมนตรีกลาโหมเกาหลีใต้ยังสำทับในวันจันทร์ว่า โสมขาวจะเปิดการโจมตีก่อนเข้าใส่พวกสถานที่ตั้งทางนิวเคลียร์และขีปนาวุธของโสมแดง ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ซึ่งแสดงความเป็นปรปักษ์ขึ้นมา

“เราจะ … ดำเนินสิ่งที่เรียกกันว่า “การป้องปรามในเชิงรุก” (active deterrence) ด้วยจุดมุ่งหมายที่จะสลายภัยคุกคามทางนิวเคลียร์และทางขีปนาวุธของฝ่ายเหนือให้หมดไปอย่างรวดเร็ว” คิมระบุ

ประธานาธิบดีหญิงเกาหลีใต้ ให้คำมั่นที่จะตอบโต้ทางทหารอย่างเข้มข้นและทันทีทันควันต่อการยั่วยุใดๆ ก็ตามของเกาหลีเหนือ​

คาบสมุทรเกาหลีอยู่ในภาวะตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ นับแต่เกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ต่อด้วยการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ใต้ดินในเดือนมกราคมปีนี้ จากนั้นในเดือนกุมภาพันธ์ สหประชาชาติก็มีมติเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรโสมแดง โดยที่เกาหลีเหนือตอบโต้ด้วยการข่มขู่เกาหลีใต้และสหรัฐฯ อย่างไม่ขาดสาย ทั้งด้วยการประกาศฉีกข้อตกลงหยุดยิงระงับสงครามเกาหลีเมื่อกว่า 60 ปีก่อน และการคำรามที่จะใช้ขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์โจมตีใส่แผ่นดินใหญ่สหรัฐฯ ตลอดจนฐานทัพอเมริกันในที่ต่างๆ รวมทั้งการประกาศเข้าสู่ “ภาวะสงคราม” กับเกาหลีใต้ในวันเสาร์ (30 มี.ค.)ที่ผ่านมา

พวกผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า เกาหลีเหนือเวลานี้น่าจะยังไม่มีสมรรถนะที่จะทำการโจมตีได้อย่างที่ข่มขู่ ขณะเดียวกัน โซลกับวอชิงตันข่มขู่กลับว่าถ้าเปียงยางยั่วยุก็จะถูกตอบโต้อย่างรุนแรง อีกทั้งจัดการซ้อมรบใหญ่ประจำปี

ในวันจันทร์ กองทัพสหรัฐฯ แถลงว่า ได้จัดส่ง เอฟ-22 แรปเตอร์ เครื่องบินขับไล่ที่มีเทคโนโลยีหลบหลีกเรดาร์ หรือ “สเตลท์” (stealth) จากฐานทัพในญี่ปุ่นเข้าร่วมซ้อมรบในยุทธการ “โฟล อีเกิล” กับเกาหลีใต้ โดยที่ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน อเมริกาก็นำเอาเครื่องบินทิ้งระเบิดที่มีสมรรถนะในการบรรทุกอาวุธนิวเคลียร์ ทั้งแบบ บี-52 ซึ่งเป็นรุ่นเก๋า และแบบ บี-2 ที่เป็นรุ่นใหม่มีเทคโนโลยีสเตลท์ เข้าร่วมการซ้อมรบประจำปีคราวนี้มาแล้ว จนทำให้เปียงยางเดือดดาลออกมาขู่โจมตีสหรัฐฯ

คำเตือนของประธานาธิบดีหญิงแดนโสมขาวคราวนี้ ยังบังเกิดขึ้นในวันเดียวกับที่เกาหลีเหนือเปิดประชุมสมัชชาประชาชนสูงสุดประจำปี ซึ่งปรากฏว่ามีการแต่งตั้งให้ ปัก ปองจู ผู้อยู่ในวัย 74 ปีและได้ชื่อว่าเป็นผู้สนับสนุนนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจ กลับเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง

ปัก เคยดำรงตำแหน่งนี้ในระหว่างปี 2003-2007 เมื่อเขาเป็นหัวหอกในการปฏิรูปพวกรัฐวิสาหกิจของเกาหลีเหนือในระดับพอประมาณ แต่ดูเหมือนจะเกิดปฏิกิริยาต่อต้านทั้งภายในพรรคคอมมิวนิสต์และในกองทัพ จนทำให้เขาถูกพักงานในเดือนมิถุนายน 2006 และถูกปลดในปีต่อมา

นอกจากนั้น รัฐสภาตรายางของเกาหลีเหนือยังรับรองกฤษฎีกาว่าด้วย “การรวมศูนย์ฐานะของความเป็นรัฐผู้มีอาวุธนิวเคลียร์เพื่อการป้องกันตนเอง” ทั้งนี้ตามรายงานของสำนักข่าวเคซีเอ็นเอ ของทางการโสมแดง ความเคลื่อนไหวเช่นนี้นับเป็นการปฏิบัติตามเสียงเรียกร้องเมื่อ 1 วันก่อนหน้านี้ ของที่ประชุมคณะกรรมการกลางของพรรคคอมมิวนิสต์เกาหลีเหนือ ที่มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า พรรคผู้ใช้แรงงานเกาหลี ซึ่งมีมติให้ยืนยันสิทธิ์ในการครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือลงในกฎหมาย รวมทั้งเสริมกำลังรบนิวเคลียร์ทั้งในทางปริมาณและคุณภาพ

ถึงแม้โสมแดงประกาศเข้าสู่ภาวะสงครามกับโสมขาวในวันเสาร์ อีกทั้งเตือนว่าการยั่วยุใดๆ จะพัฒนาเป็นความขัดแย้งด้านนิวเคลียร์เต็มรูปแบบอย่างรวดเร็ว พร้อมกันนั้นก็ข่มขู่ปิดนิคมอุตสาหกรรมเกซอง ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชายแดนติดกับเกาหลีใต้ และมีบริษัทโสมขาวเข้าไปตั้งโรงงานจ้างชาวเกาหลีเหนือทำงานเป็นจำนวนมาก จนกลายเป็นแหล่งรายได้สำคัญของเปียงยาง ทว่าจนกระทั่งถึงวันจันทร์ นิคมแห่งนี้ยังดำเนินงานตามปกติ

พวกผู้สังเกตการณ์มองว่า ถ้าหากมีการปิดแกซองจริงๆ จะเป็นการส่งสัญญาณอันชัดเจนว่า ความขัดแย้งได้ลุกลามไปไกลกว่าเป็นเพียงโวหารขู่คำรามทางการทหารเท่านั้น





Around the World - Manager Online - ผู้นำโสมขาวลั่นตอบโต้ “เร็ว-แรง” มะกันส่ง F-22 มาขู่โสมแดงอีกรุ่น

 

ล่าสุดสหรัฐฯ เคลื่อนเรือติดเรด้าเข้าใกล้ฝั่งเกาหลีเหนือขึ้น เพื่อตรวจจับจรวดที่อาจยิงออกมาจากหลีเหนือ และจับตาการเคลื่อนไหวทางทหารของเกาหลีเหนือ!

U.S. moves warship, sea-based radar to watch North Korea - CNN.com

 

เรือพิฆาตยูเอสเอส ฟิตซ์เจรัลด์ ซึ่งเพิ่งเข้าร่วมซ้อมรบกับกองทัพเกาหลีใต้เมื่อเร็วๆนี้ ได้ถูกส่งเข้าประจำการบริเวณชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของคาบสมุทรเกาหลี เปลี่ยนแผนจากเดิมที่มีกำหนดล่องกลับไปยังฐานทัพเรือในญี่ปุ่น

Around the World - Manager Online - ผู้นำโสมขาวลั่นตอบโต้ “เร็ว-แรง” มะกันส่ง F-22 มาขู่โสมแดงอีกรุ่น

 

จะขู่หรือเอาจริง USก็หมดค่าเชื้อเพลิงขนย้ายทั้งเรือทั้งเครื่องบินไปเยอะเเล้ว!!?!
เเล้วถ้าไม่รบจริงUSก็ขาดทุนบานซิคราวนี้.....ถ้าไม่รบเเล้วใครจ่ายค่าน้ำมันเรือ-เครื่องบิน
ระยะทาง2-3หมื่นกิโลเมตร!?!ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ

 

หรือว่า จะเป็นเค้ารางของสงครามโลกครั้งที่สามครับ น่ากลัวจริงๆ

 

ผลละกลัวใจพี่กันเค้าจริงๆ และกลัวว่าตื่นเช้าขึ้นมาวันนึงจะเห็นข่าวสงครามเกาหลี ไม่ใช่เรื่องเล็กเลย สาธุ ขออย่าให้เกิดเรื่องเลย

 

ไม่เกิดขึ้นจะดีมาก ถ้าเกิดอย่ามาถึงไทยเลยพวกผมไม่เกี่ยว แค่นักการเมืองแข่งกันกินก็เหนื่อยแล้ว

 

สัญญาณร้าย! โสมแดงยังไม่อนุญาตให้คนงานเกาหลีใต้ข้ามแดนไป “นิคมอุตสาหกรรมแกซอง”

เอเอฟพี - เกาหลีเหนือยังไม่อนุญาตให้คนงานเกาหลีใต้ข้ามแดนเข้าไปทำงานที่นิคมอุตสาหกรรมแกซองบริเวณชายแดนตามปกติในวันนี้(3) ซึ่งเป็นท่าทีที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน ท่ามกลางวิกฤตการณ์ความขัดแย้งบนคาบสมุทรเกาหลีที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ กระทรวงการรวมชาติเกาหลีใต้แถลง

โฆษกหญิงของกระทรวงฯ ระบุว่า “เกาหลีเหนือยังไม่อนุญาตให้คนงานเกาหลีใต้ 484 คน เดินทางเข้าไปที่แกซองในวันนี้”

โดยปกติแล้ว คนงานชาวโสมขาวจะสามารถข้ามแดนได้ในเวลา 8.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น (6.30 น. ตามเวลาในไทย) แต่วันนี้(3) กลับไม่มีการตอบรับจากเจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือ ทั้งที่ผ่านมานานถึง 2 ชั่วโมงแล้ว

ความล่าช้าในการปล่อยคนงานข้ามแดนทำให้หลายฝ่ายเกรงว่า เกาหลีเหนือจะสั่งปิดนิคมอุตสาหกรรมที่โซลเข้าไปร่วมลงทุน ตามคำขู่ก่อนหน้านี้

การดำเนินงานของนิคมอุตสาหกรรมแกซองไม่เคยได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างเกาหลีเหนือและใต้ครั้งที่ผ่านๆมา

ก่อนหน้านี้ คนงานเกาหลีใต้ยังสามารถข้ามไปทำงานที่นิคมอุตสาหกรรมซึ่งตั้งอยู่ห่างจากแนวชายแดนประมาณ 10 กิโลเมตรได้ตามปกติ แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจะทรุดหนักในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมาก็ตาม

เสถียรภาพของนิคมอุตสาหกรรมแกซองถูกมองว่าเป็นดัชนีชี้วัดความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีเหนือและใต้ และการปิดตัวของมันย่อมจะบ่งบอกได้ดียิ่งกว่าถ้อยคำขู่ใดๆว่า สถานการณ์ความขัดแย้งกำลังเข้าขั้นรุนแรงถึงขีดสุดแล้ว


นิคมอุตสาหกรรมแกซอง ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลเกาหลีเหนือและใต้ ตั้งอยู่ห่างจากชายแดนเข้าไปในฝั่งเกาหลีเหนือเพียงไม่กี่ไมล์ และเป็นแหล่งดึงดูดสกุลเงินแข็งเข้าสู่รัฐบาลเปียงยาง

ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 3 เมษายน 2556 08:32 น.

 

อเมริกา...น่าจะตามน้ำ...ครับ

ใช้เกาหลีเหนือเป็นข้ออ้าง...แต่จีนคงไม่ยอม...แน่

โปรดติดตามสถานะการณ์...ครับ


.

 

ขอให้พระพุทธศาสนาอยู่ครบ 5,000 ปี ด้วยเถอะ

 

สหรัฐฯ เรียกร้องจีน-รัสเซีย ช่วยยับยั้งเกาหลีเหนือ

นายเจย์ คาร์นีย์ โฆษกทำเนียบขาวสหรัฐฯ แถลงเมื่อวานนี้ว่า เรียกร้องให้จีนและรัสเซียดำเนินการมากขึ้นเพื่อยับยั้งเกาหลีเหนือ หลังเกาหลีเหนือประกาศจะเริ่มเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์อีกครั้ง ซึ่งเป็นอีกการกระทำหนึ่งของเกาหลีเหนือที่ถือว่า เป็นการละเมิดมติของสหประชาชาติ

ขณะที่ก่อนหน้านี้ จีนได้ออกมาแสดงความเสียใจที่เกาหลีเหนือประกาศดังกล่าว พร้อมเรียกร้องความสงบบนคาบสมุทรเกาหลี



ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 3 เมษายน 2556 10:36 น.

 

ทุกทีที่มีค่าใช้จ่าย อเมริกันมักจะขอจากญี่ปุ่น เช่นคราวโจมตีอิรัก และอัฟกานิสถาน ครั้งนี้กลุ่มจ่าย คงเป็นญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ แต่คิดว่ายังไงอเมริกันคงไม่โจมตีเกาหลี N เพราะจะทำให้มีแต่ขาดทุน ไม่เหมือนการโจมตีอิรักและแถบตะวันออกกลางมีแต่ได้กับได้

 

กระทรวงกลาโหมสหรัฐ แถลงว่า สหรัฐเตรียมพร้อมประจำการ ขีปนาวุธนำวิถีแห่งที่สอง ในมหาสมุทรแปซิฟิก หลังจากที่เกาหลีเหนือเพิ่มการคุกคามความมั่นคงในภูมิภาคมากขึ้น

กระทรวงกลาโหมสหรัฐ แถลงว่า ยูเอสเอส จอห์น แมคเคน ที่มีการติดตั้งขีปนาวุธนำวิถี เพื่อใช้ยิงสกัดกั้นขีปนาวุธที่โจมตีมายังสหรัฐ ได้ถูกนำมาประจำการ พร้อมรับสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีแล้ว แถลงการณ์ล่าสุดของกระทรวงกลาโหมสหรัฐ เท่ากับเป็นการยืนยันท่าทีของกองทัพสหรัฐ ในการยืนเคียงข้างเพื่อปกป้องพันธมิตรสำคัญของสหรัฐ ซึ่งได้แก่ เกาหลีใต้และญี่ปุ่น เพื่อสร้างความสงบสุขในภูมิภาค หลังเกาหลีเหนือประกาศแผนจะเริ่มเปิดใช้งานนิคมนิวเคลียร์ เพื่อท้าทายประชาคมโลก

โฆษกกระทรวงกลาโหม ยังกล่าวด้วยว่า นอกจากการประจำการเรือ ยูเอสเอส จอห์น แมคเคน แล้ว สหรัฐ ยังเตรียมที่จะประจำการเรือพิฆาต ยูเอส เอส ดีคารเตอร์ ในแปซิฟิกตะวันตกเพิ่มเติมอีกลำ หากเกาหลีเหนือมีท่าทีว่า จะคุกคามพันธมิตร และดินแดนของสหรัฐ ด้วยขีปนาวุธครั้งใหม่

ที่มา /news.springnewstv.tv

 

กองทัพสหรัฐติดตั้งระบบเรดาร์ จับวิถีขีปนาวุธเกาหลีเหนือ

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เปิดเผยว่า กองทัพสหรัฐฯ ติดตั้งระบบเรดาร์ SVX นอกชายฝั่งญี่ปุ่น ซึ่งสามารถตรวจจับแนววิถีของขีปนาวุธเกาหลีเหนือได้
ระบบเรดาร์ดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของระบบป้องกันขีปนาวุธ ซึ่งใช้ในการแกะรอยขีปนาวุธของศัตรู

พร้อมกันนี้ สหรัฐฯ ได้ส่งเรือพิฆาตติดตั้งระบบต่อต้านขีปนาวุธขั้นสูงลำที่ 2 เข้าประจำการในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกด้วย ท่ามกลางความหวั่นเกรงต่อคำขู่ทำสงครามของเกาหลีเหนือ

ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 3 เมษายน 2556 11:20 น