ตามรอยพระพุทธบาท ท่าเท้าพระพุทธองค์

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย ธรรม-ชาติ, 16 สิงหาคม 2012.

  1. ยุ่งจริงๆ

    ยุ่งจริงๆ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +50
    ขอบคุณครับ

    คุณจิตวิญญาณจ๋า.. ทำฐานไม่ได้เลย กับไม่คล่องมันต่างกันเยอะ แถมไม่ใช่คล่องเดียวด้วย คล้อง คล่องๆ
    ตอนนี้ก็เร่ง..กันจนเริ่มเบลอแล้ว (5.5)
     
  2. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    เอ ว่าแต่คุณธีระพงศ์นี่ใช่ศิษย์รุ่นลายครามอ่ะเปล่าครับเนี่ย
     
  3. ยุ่งจริงๆ

    ยุ่งจริงๆ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +50
    ถามมาราวกับว่าผมเป็นวัตถุโบราณ(ฮา..)
    ตอบอย่างนี้แล้วกัน
    ถามว่าเป็นผลงานปั้นของคุณ ธรรม-ชาติ(อาจารย์)ไหม ตอบว่าใช่
    ถามว่าเป็นรุ่นลายครามไหม ตอบว่าไม่(รุ่นเดียวกับคุณหลงคิด เป๊ะ(อิอิ)) ยังมีเก่ากว่านี้อีกเยอะ
    ถามว่าเนื้องานเป็นยังไง ตอบได้ว่า ดิน(=ผม)ที่อาจารย์มาปั้นนั้นไม่ดีทำให้ ไม่สามารถดึงชิ้นงานออกมาดีได้

    สาเหตุจริงๆที่ได้เข้ามาโพสที่ #107
    เกิดจากผมได้เล่าเรื่องตามโพสนั้น ให้อาจารย์(คุณ ธรรม-ชาติ)ฟัง อาจารย์เห็นว่าน่าจะนำไปโพสเพื่อเป็นประโยชน์ต่อท่านอื่นบ้าง ขณะนั้นก็ไม่เข้าใจ เมื่อสั่งมาก็รับสนองตามระเบียบ(อิอิ) เพิ่งมาทราบว่า เป็นประโยชน์ต่อคุณwatjojojและคุณจิตวิญญาณ รวมถึงท่านอื่นๆ

    ส่วนที่เล่าเบื้องหลังการถ่ายทำนั้น ส่วนหนึ่งก็เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจว่า การทำฐาน (ความรู้ตัว และความรู้สึกตัวทั่วร่าง)นั้นสำคัญมาก อาจจะดูช้า ยากลำบาก หรืออื่นๆ แต่มันจะทำให้คุณก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วมาก ซึ่งเรื่องของผมน่าจะเป็นอุทาหรณ์ได้ หลังจากที่แยกจากอาจารย์เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ไม่สามารถพัฒนาต่อไปได้เลย สาเหตุหลักก็คือการที่ทำฐานไม่ได้ โชคดีที่ได้กลับมาเจออาจารย์(ที่เว็บพลังจิต เมื่อต้นปี 56)อีกครั้งหนึ่ง ปัญหาที่ทำให้ผมไม่สามารถไปต่อได้คือผมได้ละเลยฐาน(ความรู้ตัว และความรู้สึกตัวทั่วร่าง)ไป แรกๆมันอาจดูเหมือนก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว แต่หลังจากนั้นมันก็ไปต่อไม่ได้จริงๆ การที่เราต้องรื้อของเก่าทิ้ง แล้วกลับมาทำฐาน(ความรู้ตัว และความรู้สึกตัวทั่วร่าง)ใหม่นั้นมันเป็นอะไรที่ทรมานมาก จึงขอฝากน้องๆที่มีโอกาสที่ได้ฝึกกับอาจารย์ทั้งต่อหน้าและผ่านเว็บนี้ว่า มันอาจจะดูช้า และยากไปบ้าง แต่รับรองว่ามันรวดเร็วและจะไม่ไปตันเหมือนผมแน่นอนครับ


    ฝากถึงคุณอินทรบุตร
    -การสละพุทธภูมิเป็นเรื่องยาก เพราะว่าความปราถนานี้ส่วนมากมันฝังอยู่ในสันดานแล้ว คงต้องใช้เวลาและความพยายามสละอีกมากครับ อุปมา(ที่ไม่เข้าท่า แต่เข้าใจง่ายดี)เหมือนคราบบนเสื้อผ้า ถ้าคราบฝังไม่ลึกเราขยันซักมันก็ออก

    ฝากถึงคุณจิตวิญญาณ และคุณเขากระโดง
    -นี้ถ้าคุณ watjojojไม่ถามซอกแซก ตั้งใจว่าจะโพส(กวน ชวน กล่อม ตะล่อม ขู่(ฟังดูเจ้าเลห์ยังไงไม่รู้เรา อิ ิ)คุณจิตวิญญาณสัก5-6โพสก่อน
    สาเหตุที่มาของโพส#125 ก่อนหน้านั้นมานั่งนึกอยู่ว่าจะตะล่อมใครดีระหว่างคุณจิตวิญญาณ กับคุณเขากระโดง เท่าที่ทราบคุณwatjojojน่าจะสนิทอยู่กับคุณเขากระโดง คงหาโอกาสชักชวนได้ไม่ยาก อีกอย่างคุณเขากระโดงน่าจะมีลูกล่อลูกชนมากกว่า (คิดแล้ว..อย่าเสียงดีกว่าเรา..5) แต่เมื่อโดนคุณwatjojoj จับไต๋ได้ เลยต้องเล่าที่ไปที่มาให้ฟัง เลยถือโอกาสชวนกันซื่อๆ

    ความรู้สึกลึกๆในใจ อยากให้คุณทั้งสองมาฝึกกับอาจารย์(คุณธรรม-ชาติ)จริงๆ ครับ


    สำหรับคุณ wtjojoj ไม่มีอะไรจะฝาก(5..5)

    ส่วนตัวผมเองก็ต้องกลับไปนับ 1 ใหม่ (ฮา..ไม่ออกเลยเรา..อิอิ)
     
  4. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    ตอนนี้ผมเองก็ฝึกจิตเคลื่อนร่าง ซึ่งขยับได้แต่คอ ส่วนอื่นยังไม่ได้ครับ และการใช้งานตัวดู หรือกายเวทนา มันมีวูบๆทุกวัน แต่เนื่องจากความขี้เกียจ แฮ่ๆ เลยไม่ไปไหนซะที
     
  5. จิตวิญญาณ

    จิตวิญญาณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +679
    +++ ปรากฏการณ์ของภาพ จัดว่าเป็นส่วนของ รูป ในที่นี้จัดว่าเป็นส่วนของ นิมิตในธาตุน้ำ สามารถนำมาใช้ในการศึกษา การทำงานของจิต และผลกระทบได้ ดังนี้

    +++ ยามใดที่ รูปนิมิตปรากฏ ให้ใช้ กายานุปัสสนามหาสติปัฏฐาน คือ รู้ตัว (ตรงนี้เป็นสติที่อยู่กับรูป) ไม่ใช่ รู้สึกตัว (เวทนา เป็นสติที่อยู่กับนาม) ให้ค่อย ๆ ปรับ อาการรู้ตัวมาทีละนิด แบบประมาณที่ละเปอร์เซนต์ หรือ ครึ่งเปอร์เซนต์ เท่านั้น และคอยสังเกตุ อาการแปรเปลี่ยน ในสภาพของนิมิตนั้น ว่าเป็นอย่างไร ใช้การ เพิ่ม หรือ ลด ความรู้ตัว ทีละนิดเดียวเท่านั้น

    +++ ในส่วนของ นาม เมื่อรูปนิมิตปรากฏ ย่อมได้อารมณ์ไปตามนิมิตนั้น ให้ใช้ เวทนานุปัสสนามหาสติปัฏฐาน คือ รู้สึกตัว (ตรงนี้เป็นฝ่ายนาม) ใช้ค่อย ๆ ปรับที่ "ความรู้สึกตัว" ที่ละนิดเช่นกัน และคอยสังเกตุ อาการของอารมณ์ที่ผันแปรไป

    เล่าสู่กันฟังนะคะ .. ครั้งแรกเลยที่เห็น(หลายเดือนผ่านมาแล้ว ตอนนั้นเดินหลับตาเข้าห้องน้ำน่ะค่ะ ) จะเห็นฟองน้ำที่กำลังผุดขึ้นจากใต้ท้องน้ำน่ะค่ะ น้ำที่เห็นจะเป็นสีน้ำทะเล ก็รู้สึกตกใจรีบลืมตาแล้วหลับตาอีกครั้ง ก็ยังเห็นเหมือนเดิมน่ะค่ะ พอเห็นแล้วหลังจากนั้นเลยเชื่อว่านิมิตรมีจริง ตั้งแต่นั้นมาก็จะเห็นมาเรื่อยๆ ช่วงหลังจะเห็นเป็นเม็ดฝน วิ่งลอยกระทบกันจนกลายเป็นฟองผุดเหมือนน้ำเดือด และช่วงนี้จะเห็นเป็นเม็ดฝนลอยกระทบกันแล้วก่อตัวขยายเป็นเส้นยาวๆใสเหมือนแก้วตามที่เล่ามานั่นแหล่ะค่ะ ถ้าเพิ่มความรู้ตัวยิ่งเห็นชัดมากขึ้น ถ้าถอนความรู้ตัวออกมาอยู่กับความรู้สึกตัว ภาพจะลืนลางและหายไปค่ะ แค่ส่วนมากที่หายไปเพราะลืมตาน่ะค่ะ และก็มีเพิ่มมาอีกภาพคือภาพท้องฟ้าน่ะค่ะ พอหลับตาปุ๊บเห็นเลย นิมิตรท้องฟ้ากว้าง ( เหมือนภาพตอนที่เรานั่งมองท้องฟ้าจริงๆด้วยตาเนื้อเลยค่ะ )มีเฆขเป็นก้อนๆลอยผ่านไปเรื่อยๆจากซ้ายไปขวา นิมิตท้องฟ้านี้จะรู้สึกเพลินและผ่อนคลายดีมาก แต่นิมิตหยดน้ำ จะรู้สึกสงบนิ่งน่ะค่ะ แต่บางทีถ้านั่งเล่นเงียบๆ (แค่ลองทำดูเฉยๆน่ะค่ะ) พอหลับตาอยู่นิ่งๆแล้วนึกถึงหยดน้ำ ก็จะปรากฏหยดน้ำมาจากไกลๆแล้วค่อยๆเคลื่อนใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามาและภาพก็ค่อยๆคมชัดขึ้นเรื่อยๆน่ะค่ะ แต่บางครั้งเคยสังเกตน่ะค่ะว่า ถ้าอยู่กับความรู้สึกตัวแล้วดูภาพนั้นแบบรู้เฉยๆ ภาพมันจะวิวัฒนาการของมันไปเรื่อยจนจบและหายไปเองน่ะค่ะ
     
  6. จิตวิญญาณ

    จิตวิญญาณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +679
    คุณ ธีระพงศ์

    คุณจิตวิญญาณจ๋า.. ทำฐานไม่ได้เลย กับไม่คล่องมันต่างกันเยอะ แถมไม่ใช่คล่องเดียวด้วย คล้อง คล่องๆ

    ตอนนี้ก็เร่ง..กันจนเริ่มเบลอแล้ว (5.5)

    # คล้อง คล่องอย่างนี้ต้องอยู่แถวหน้าเลยค่ะ

    ฝากถึงคุณจิตวิญญาณ และคุณเขากระโดง

    -นี้ถ้าคุณ watjojojไม่ถามซอกแซก ตั้งใจว่าจะโพส(กวน ชวน กล่อม ตะล่อม ขู่(ฟังดูเจ้าเลห์ยังไงไม่รู้เรา อิ ิ)คุณจิตวิญญาณสัก5-6โพสก่อน
    สาเหตุที่มาของโพส#125 ก่อนหน้านั้นมานั่งนึกอยู่ว่าจะตะล่อมใครดีระหว่างคุณจิตวิญญาณ กับคุณเขากระโดง เท่าที่ทราบคุณwatjojojน่าจะสนิทอยู่กับคุณเขากระโดง คงหาโอกาสชักชวนได้ไม่ยาก อีกอย่างคุณเขากระโดงน่าจะมีลูกล่อลูกชนมากกว่า (คิดแล้ว..อย่าเสียงดีกว่าเรา..5) แต่เมื่อโดนคุณwatjojoj จับไต๋ได้ เลยต้องเล่าที่ไปที่มาให้ฟัง เลยถือโอกาสชวนกันซื่อๆ

    # ก่อนนั้นเคยมีความรู้สึกค่ะว่า คุณธีระพงษ์ ต้องเป็นลูกศิษย์รุ่นไหนมาก่อนแน่เลย แต่ไม่เคยคิดว่าจะเป็นศิษย์รุ่นเดอะ ตอนนี้ก็รู้สึกว่าตัวเองมีกำลังใจขึ้นเยอะเลยค่ะ เพราะยังไงอย่างน้อยก็ยังตามทันศิษย์รุ่นเดอะ


    คุณ watjojoj

    ตอนนี้ผมเองก็ฝึกจิตเคลื่อนร่าง ซึ่งขยับได้แต่คอ ส่วนอื่นยังไม่ได้ครับ

    # ความรู้สึกของอาการตอนขยับได้แต่คอ เป็นยังไงคะ?
     
  7. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    การฝึกจิตเคลื่อนร่างนี้ วิธีการก็คือปล่อยร่างกายสบายๆ แล้วใช้กายเวทนาลองหันไปที่ด้านขวา ขั้นตอนนี้ต้องอย่าเกร็งนะครับ สบายๆ ห้ามใช้กล้ามเนื้อขยับเอง จะรู้สึกได้ถึงแรงดึงไปทางด้านนั้น เมื่อได้แล้วก็เปลี่ยนข้าง ฝึกตรงนี้ให้ชำนาญ จะเป็นการฝึกกายเวทนา และเปลี่ยนส่วนไปเรื่อยๆครับ ลองทำดูเล่นๆก็ได้ครับ ผมยังไปไม่ถึงไหนซะที

    ส่วนความรู้สึกนั้นก็แปลกๆดีครับ จริงๆแล้วอาการนี้ผมเป้นมาแต่เด็กแล้ว แต่ไม่ทราบว่ามันคืออะไร พอมาได้ทราบจากครูธรรมชาติเลยพอเข้าใจครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 เมษายน 2013
  8. ยุ่งจริงๆ

    ยุ่งจริงๆ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +50
    Oo.มิต้องถล่มตัวครับ ล้ำหน้าผมไปเยอะแล้วจ๋า..แม่คู๊ณ...
    Oo.นั้นสิสงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมช่วงนี้บรรยากาศรอบตัวกดดันยังไงไม่รู้ ที่แท้ก็มาจากคุณจิตวิญญาณ .อิอิ.
    Oo.มาถึงตอนนี้เหตุปัจจัยความจำเป็นของผม ที่ต้องชวนคุณจิตวิญญาณมาฝึกนั้นไม่มีแล้ว ถึงเวลาที่ต้องตั้งเวลาระเบิดตัวเอง 5..4..3..2..1..ตูม.. (ฮา..)

    เอาเป็นวิชาการหน่อย
    ถ้าไม่นับอุปนิสัย วาสนา บารมีเดิม กรณีของคุณจิตวิญญาณเป็นตัวอย่างที่ดี สามารถยืนยันได้ถึงความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของการที่อยู่กับฐาน(ความรู้ตัวและความรู้สึกตัวทั่วร่าง)
    ครับ
     
  9. จิตวิญญาณ

    จิตวิญญาณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +679

    ขอบคุณค่ะ คุณ watjojoj

    พอจะเข้าใจวิธีการฝึกแล้วค่ะ จำได้ว่าเคยอ่านที่คุณ ธรรม-ชาติ โพสท์ไว้ที่กระทู้หนึ่ง น่าจะเป็นการฝึกจิตเคลื่อนร่าง ตอนนั้นอ่านแล้วไม่เข้าใจว่าคืออะไร ตอนนี้เข้าใจแล้วค่ะ ยังไงดิฉันขออนุญาต coppy วิธีการฝึกที่คุณ ธรรม-ชาติ ได้โพสท์ไว้ในกระทู้อื่น มาแปะไว้ที่กระทู้นี้นะคะ


    คุณ ธรรม-ชาติ 27-07-2012, 01:19 AM

    การนั่งสมาธิแล้วหน้าหันเอง เป็นผลลัพธ์จากอาการ "ดู"

    สามารถทดสอบได้ดังนี้
    1. เข้าสมาธิตามที่คุณถนัด จนจิตเริ่มอยู่ตัว
    2. ให้ทำความรู้สึกที่ใบหูข้างใดข้างหนึ่ง เพียงข้างเดียว
    3. ให้สังเกตุแรงดึงที่เกิดขึ้น และปล่อยให้แรงดึงคงอยู่เช่นนั้น
    4. ห้ามใช้แรงจากร่างกาย โดยเด็ดขาด
    5. กระตุ้น โดยการดู (เพ่ง) อย่างแรงไปที่ความรู้สึกของใบหูข้างนั้น ๆ
    6. ผลลัพธ์ คือใบหน้าจะสามารถค่อย ๆ ขยับไปได้เอง

    เมื่อชำนาญพอสมควรแล้ว ให้ทดสอบโดยการใช้การ "ดู" และเพ่ง ไปยัง ซ้าย ขวา หน้า หลัง บน ล่าง หรือทิศทางต่าง ๆ ตามต้องการ เพื่อเป็นการทดสอบและประเมินผลของความสัมพันธ์ระหว่าง กายและจิต รวมถึงกฏเกณท์การทำงานของมัน

    การฝึกเพื่อทดสอบประเมินผลนี้ เป็นส่วนหนึ่งของ การตั้งสติไปในกาย (กายคตาสติปัฏฐาน) ส่วนการทดสอบการใช้จิตให้ทำงาน เป็นส่วนหนึ่งของ จิตานุสติปัฏฐาน การทดสอบที่เกิดแรงดึง เป็นส่วนหนึ่งของ ธรรมานุสติปัฏฐาน ส่วนความรู้สึกที่ใบหูหรือส่วนหนึ่งใดของร่างกายเป็น เวทนานุสติปัฏฐาน

    การตรวจสอบนี้ เพื่อเป็นการเรียนรู้ กระบวนการของการทำงานทางจิต และผลลัพธ์ของมันในระดับเบื้องต้น ระหว่าง กายกรรมและมโนกรรม
    เมื่อชำนาญไปเรื่อย ๆ ก็จะลึกและละเอียดไปเรื่อย ๆ และอาจนำพาไปสู่กระบวนการของความเข้าใจในกฏแห่งกรรม (มโนกรรม) ได้

    หมั่นสังเกตุการทำงานของจิต และผลกระทบไปเรื่อย ๆ ก็จะแตกฉานได้ด้วยตนเองนะครับ
     
  10. จิตวิญญาณ

    จิตวิญญาณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +679
    สู้ๆค่ะ คุณ ธีระพงศ์ เอ ที่จริงน่าจะเป็นแบบว่า 1..2..3..4..5 เดินหน้าขึ้นเรื่อยๆนะคะ ไม่ใช่ถอยหลังลงมา 0 (สูญ) น่ะค่ะ อิอิ

    ก็มิได้ถล่มตัวนะคะ สังเกตุจะเป็นแบบนั้นจริงๆค่ะ คือการปฏิบัติจะเป็นแบบว่า จิตมันค่อยๆพัฒนาการไปเรื่อยๆน่ะค่ะ แต่สังเกตุบางครั้งเหมือนจะหยุดอยู่กับที่ เหมือนเราติดอะไรสักอย่างนี่ล่ะค่ะ แต่พอพิจารณาดูดีๆอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว เลยเข้าใจค่ะว่า ที่ว่า ทำไมบางครั้งมันรู้สึกว่าง ไม่เป็นสมาธิ เดินจงกรมก็แล้ว สวดอิติปิโสฯ 108 จบก็แล้ว สวดพระคาถามงกุฎพระพุทธเจ้า 108 จบก็แล้ว อาจเป็นเพราะจิตมันว่างน่ะค่ะ พอสติพาไปจับอยู่กับเสียงวี้ๆๆๆ จิตเลยเป็นสมาธิ .. ตรงนี้ไม่รู้ว่าตัวเองเข้าใจถูกต้องไหม แต่ก็เข้าใจอย่างที่เป็นน่ะค่ะ
     
  11. เขากระโดง

    เขากระโดง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2013
    โพสต์:
    125
    ค่าพลัง:
    +1,015
    มาเป็นกำลังใจให้เหมือนเดิมค่ะ...รออ่านเรื่องราวการฝึกของแต่ละท่าน...ท่าทางเข้มข้น... ตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆนะค่ะ...
     
  12. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    ผมเองช่วงนี้ก็ยังไม่ได้ฝึกไปถึงไหน เนื่องจากความขี้เกียจครับ อิๆๆๆๆ

    ฝึดจิตเคลื่อนร่างยากมากครับ ช่วงนี้ว่าจะนัดกับน้องอีกคนที่ไปฝึกด้วยกัน ไปหาท่านแม่ชีที่เจอที่วัดจังหวัดลพบุรี ไปคอยสังเกตุท่านอีกซักรอบ ดูว่าเมื่อท่านเดินมาตัวผมยังจะรู้สึกอึดอัดอยู่ไหม เมื่อได้ฝึกมาระยะหนึ่งครับ
     
  13. torelax9

    torelax9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +527
    น้องใหม่มาแนะนำตัวครับ

    กราบ _/\_ _/\_ _/\_ กราบสวัสดี อาจารย์ ธรรม-ชาติ
    และ สวัสดี รุ่นพี่ ทุกๆ กัลยาณ จิต ครับ
    ผม ชื่อ Wat ครับ บ้านอยู่ย่านปริมณฑลฝั่งตะวันตกครับ ได้แอบฝึกเงียบๆตามแนวทางอาจารย์ ธรรม-ชาติ สติครองฐานกาย มาเป็นเวลา2 เดือน แล้วครับ
    ฝึกในชีวิตประจำวัน และมักชอบไปฝึกที่วัดป่ามณีกาญจน์ ,บ้านจิตสบายสถานที่เจริญสติ ,
    ,ปากช่อง ,วังน้ำเขียว ,เขาใหญ่ ผมยังเด็กน้อย เห็นกระทู้นี้กำลังฝึกกันเข้มข้นเลย ขอฝากเนื้อ ฝากตัว เมตตาแนะนำ เด็กน้อย ด้วยนะคร้าบ ^_^
    ผลการฝึกยังเดินจงกรมตามรอยพระพุทธองค์ ไม่ค่อยถูกครับ ยังไม่เคยเห็นของจริง
    วันนี้ นอนฝึกท่านอนหงายประมาณ 2 ชั่วโมง ใช้สติรู้ลมอ่อนๆ ที่ลิ้นปี่ พร้อมกับ กำหนดสติทั้งกายคร่าวๆ
    หลวมๆ เบาๆ ลมอ่อนๆ กำหนด แค่รู้ว่ามีลมอยู่ เข้าออกๆ ก็รู้สึกดีมีสนามแม่เหล็กที่ศีรษะมากหน่อย คล้ายๆเส้นสนามพลังแม่เหล็กสั้นๆเส้นๆ ตามตัวก็มี ตามเท้าก็มี หนาแน่นบ้าง เบาบางบ้าง ไม่เท่ากันตลอด ยุบยับๆ เหมือนเกิดดับๆ ไปเรื่อยๆ บางช่วงเวลาก็ชาอ่อนๆ บางช่วงเวลาก็ชามากขึ้นหนาแน่นขึ้น ไม่ได้เพ่งลมแล้วก็ไม่ได้มองลมด้วยตาใจ อยู่ๆท้องชักกระตุกเอง
    เมื่อก่อน ไม่เคยมีลมอ่อนๆ. ในอก ในท้อง ตอนนี้อยู่ๆก็มีเอง ตอนแรกนึกว่าอุปาทานคิดไปเอง หลังๆเกิดเองเกือบทุกครั้ง เลยใช้สติ รู้ๆ ๆ รู้ว่ามีลมอ่อนๆอยู่ แต่ไม่เพ่ง

    เดือนก่อน เคยมือชักกระตุก เด้งหลุดออกมาจากที่เอานิ้วหัวแม่โป้งชนกันเด้งหลุดเอง และอีกครั้งเคยนอนภาวนาไป เท้าขวา ชักกระตุก ยกขึ้นมาเองสูงเหมือนกัน เหมือนกะ จะถีบใคร แต่ใจไม่ได้จะถีบใครนะ อีกครั้งเคยนอนภาวนาในรถอยู่ท่ากึ่งนอนกึ่งนั่งเบาะเอียงๆ35องศา อยู่ๆมือขวาก็ยกขึ้นมาสุดแขน มือซ้ายก็ขึ้นมาพร้อมกันด้วยความเร็วราบเรียบ ไม่ได้เป็นแบบกระตุกเหมือน 3 ครั้งหลัง มาเล่าประสบการณ์ และเรียกพี่ๆในกระทู้กลับมาเลี้ยงกระทู้ดีๆกัน และขอคำแนะนำด้วยคร้าบ^^

    ปล. ลมอ่อนๆ นี้ หากใช้ตาในดู จะเห็นเป็นเส้นแสงขาวขุ่นสว่าง สั้นๆ. ประมาณ 1-2 เซ็นมั่ง เส้นแสงนี้ ทำให้ซาบซ่านไปทั้งกายได้ ตั้งแต่หัวจรดเท้า บางครั้งผมก็ได้เกือบทั้งกาย บางครั้งก็ซ่านบางส่วน บางครั้งก็ซ่านครึ่งซีก แล้วแต่ ยังกำหนดเท่ากันไม่ได้ทุกครั้ง เห็นเป็นเส้นแสง แต่เวลาใช้สติกำหนด ผมใช้แค่สติกำหนดว่า มีลมอ่อนๆอยู่ ไม่ได้ใช้ตาในไปกำหนดให้เห็นเป็นเส้นแสง เพราะกลัวว่าจะไปเพ่ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2013
  14. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    กราบ _/\_ _/\_ _/\_ กราบสวัสดี อาจารย์ ธรรม-ชาติ
    และ สวัสดี รุ่นพี่ ทุกๆ กัลยาณ จิต ครับ
    ผม ชื่อ Wat ครับ บ้านอยู่ย่านปริมณฑลฝั่งตะวันตกครับ ได้แอบฝึกเงียบๆตามแนวทางอาจารย์ ธรรม-ชาติ สติครองฐานกาย มาเป็นเวลา2 เดือน แล้วครับ
    ฝึกในชีวิตประจำวัน และมักชอบไปฝึกที่วัดป่ามณีกาญจน์ ,บ้านจิตสบายสถานที่เจริญสติ ,ปากช่อง ,วังน้ำเขียว ,เขาใหญ่ ผมยังเด็กน้อย เห็นกระทู้นี้กำลังฝึกกันเข้มข้นเลย ขอฝากเนื้อ ฝากตัว เมตตาแนะนำ เด็กน้อย ด้วยนะคร้าบ ^_^

    +++ สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับกับ นักปฏิบัติและผู้ที่สนใจในการปฏิบัติตัวจริง ทุกท่านครับ บางท่านยังคุยกันหลังไมค์ และบางท่านไม่สามารถติดต่อได้เลย หลังจากที่เปลี่ยนไปเป็น dot org แล้ว แต่คาดว่าไม่นานคงหาทางกลับเข้ามาได้เองครับ

    ผลการฝึกยังเดินจงกรมตามรอยพระพุทธองค์ ไม่ค่อยถูกครับ ยังไม่เคยเห็นของจริง

    +++ ลองอ่านทวนอีกทีนะครับ เน้นตรงที่ 1. การวางฝ่าเท้า ให้พร้อมกันทั้งฝ่าเท้า 2. การทิ้งน้ำหนัก ให้เท่ากันทั้งฝ่าเท้า
    +++ ลองเทียบกับการเดินแบบปกติดู จะพบว่า บางที ส้น หรือขอบเท้า ปลายเท้า ต่าง ๆ ลงก่อน ไม่พร้อมกันทั้งฝ่าเท้า และเวลาเดิน การทิ้งน้ำหนักมีเหลื่อมล้ำ ไม่เท่าเทียมกันตลอดทั้งฝ่าเท้า ลอง ๆ สังเกตุดูนะครับ

    วันนี้ นอนฝึกท่านอนหงายประมาณ 2 ชั่วโมง ใช้สติรู้ลมอ่อนๆ ที่ลิ้นปี่ พร้อมกับ กำหนดสติทั้งกายคร่าวๆ หลวมๆ เบาๆ ลมอ่อนๆ กำหนด แค่รู้ว่ามีลมอยู่ เข้าออกๆ ก็รู้สึกดีมีสนามแม่เหล็กที่ศีรษะมากหน่อย คล้ายๆเส้นสนามพลังแม่เหล็กสั้นๆเส้นๆ ตามตัวก็มี ตามเท้าก็มี หนาแน่นบ้าง เบาบางบ้าง ไม่เท่ากันตลอด ยุบยับๆ เหมือนเกิดดับๆ ไปเรื่อยๆ บางช่วงเวลาก็ชาอ่อนๆ บางช่วงเวลาก็ชามากขึ้นหนาแน่นขึ้น

    +++ ตรงนี้ต้องพยายามปรับให้เท่ากันทั้งกาย เพราะจะมีผลลัพธ์ในภายภาคหน้าอย่างใหญ่หลวง

    ไม่ได้เพ่งลมแล้วก็ไม่ได้มองลมด้วยตาใจ อยู่ๆท้องชักกระตุกเอง เมื่อก่อน ไม่เคยมีลมอ่อนๆ. ในอก ในท้อง ตอนนี้อยู่ๆก็มีเอง ตอนแรกนึกว่าอุปาทานคิดไปเอง หลังๆเกิดเองเกือบทุกครั้ง เลยใช้สติ รู้ๆ ๆ รู้ว่ามีลมอ่อนๆอยู่ แต่ไม่เพ่ง

    เดือนก่อน เคยมือชักกระตุก เด้งหลุดออกมาจากที่เอานิ้วหัวแม่โป้งชนกันเด้งหลุดเอง และอีกครั้งเคยนอนภาวนาไป เท้าขวา ชักกระตุก ยกขึ้นมาเองสูงเหมือนกัน เหมือนกะ จะถีบใคร แต่ใจไม่ได้จะถีบใครนะ อีกครั้งเคยนอนภาวนาในรถอยู่ท่ากึ่งนอนกึ่งนั่งเบาะเอียงๆ35องศา อยู่ๆมือขวาก็ยกขึ้นมาสุดแขน มือซ้ายก็ขึ้นมาพร้อมกันด้วยความเร็วราบเรียบ ไม่ได้เป็นแบบกระตุกเหมือน 3 ครั้งหลัง มาเล่าประสบการณ์ และเรียกพี่ๆในกระทู้กลับมาเลี้ยงกระทู้ดีๆกัน และขอคำแนะนำด้วยคร้าบ^^

    +++ ตรงนี้หากสังเกตุให้ดี ๆ จะพบว่า มันมีการสั่งงานของจิตเพียง วูปเดียว แล้วจึงเกิดการกระตุกในเวลาแทบจะทันที และบางครั้ง รุนแรงมาก ไม่มีอาการของ เจตนาเป็นองค์ประกอบ อาจกล่าวได้ว่าเป็นการทำงานของสิ่งที่เรียกว่า "สัญชาติญาณ" น่าจะตรงกับอาการมากที่สุด ตรงนี้จะต้องใช้อาการที่คล้ายคลึงกันเป็นแนวทางในการศึกษาคือ เรื่องของ "จิตเคลื่อนร่าง" โดยการใช้ จิตเคลื่อนที่กายเวทนา โดยไม่มีการ ถอดกาย แต่อย่างใด ผลลัพธ์คือ กายเนื้อเคลื่อนได้ โดยไม่มีการใช้กำลังจากกายเนื้อเลย ผลลัพธ์อีกประการหนึ่งคือ จะได้ เจโตปริยะญาณ จากการฝึกตรงนี้ด้วย

    ปล. ลมอ่อนๆ นี้ หากใช้ตาในดู จะเห็นเป็นเส้นแสงขาวขุ่นสว่าง สั้นๆ. ประมาณ 1-2 เซ็นมั่ง เส้นแสงนี้ ทำให้ซาบซ่านไปทั้งกายได้ ตั้งแต่หัวจรดเท้า บางครั้งผมก็ได้เกือบทั้งกาย บางครั้งก็ซ่านบางส่วน บางครั้งก็ซ่านครึ่งซีก แล้วแต่ ยังกำหนดเท่ากันไม่ได้ทุกครั้ง เห็นเป็นเส้นแสง แต่เวลาใช้สติกำหนด ผมใช้แค่สติกำหนดว่า มีลมอ่อนๆอยู่ ไม่ได้ใช้ตาในไปกำหนดให้เห็นเป็นเส้นแสง เพราะกลัวว่าจะไปเพ่ง

    +++ ลองอ่านตรงนี้ประกอบไปด้วย น่าจะเป็นประโยชน์ได้มากทีเดียว นะครับ

    http://palungjit.org/posts/6998833
     
  15. torelax9

    torelax9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +527
    จะลองอ่านทำความเข้าใจการปรับ %หลายๆหน และฝึกดูครับ ความรู้ปรับ%นี้เพิ่งจะทราบจาก อาจารย์ ธรรม-ชาติ ตามที่โพสต์ไว้ตามกระทู้ในเว็บพลังจิต ที่เคยทราบมา2สิ่ง2ฝั่ง รู้-อารมณ์กรรมฐาน (ผู้รู้-สิ่งที่ถูกรู้) ทั่วไปมักฝึกแบบ เข้าไปอยู่ในฝั่งที่ถูกรู้ บางอาจารย์ก็มีสอนมาอยู่ฝั่งผู้รู้ แล้วจะเห็นทั้งผู้รู้ พร้อมทั้งเห็นฝั่งที่ถูกรู้ได้พร้อมกันไปด้วย แต่แบบของอาจารย์ ธรรม-ชาตินี้ปรับเลื่อนได้ กราบขอบพระคุณ อาจารย์ครับ

    เมื่อวาน หลังจากโพสต์ ได้ไปฝึกนั่ง 2 รอบ หน้าก็หลังไปทางขวาเอง 2 ครั้ง เวลาเกิดอย่างนี้อีก จะพยายามทำตามที่ในกระทู้ที่แนะนำ คือ กำหนดรู้ทั้งตัว พร้อมกับสังเกตุอาการทุกอย่างแบบไม่ตั้งใจ

    น้ำตาจะไหลยามเลื่อนสติขึ้นมาสูง

    ลิ้นปี่มีแรงดัน ออกมาอยากสะเอื้นร้องโฮ ออกมา ก่อนเกิดแว๊บไปนึกถึงศีลของตัวเอง คงเป็นอารมณ์อะไรกุศลอะไรก็ได้ อาจจะขึ้นกับการปรับ% จะลองดูครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กันยายน 2013
  16. เขากระโดง

    เขากระโดง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2013
    โพสต์:
    125
    ค่าพลัง:
    +1,015
    กระทู้กลับมาและมีเพื่อนสนใจปฏิบัติมาซักถามเพิ่มขึ้น. ดีใจมากๆค่ะ. แต่ขออ่านไปพลางก่อนค่ะ. ช่วงนี้ห่างหายการปฏิบัติไปนาน. ขอทบทวนซักระยะจะกลับมาขอคำแนะนำท่านธรรมชาติอีกครั้งค่ะ
     
  17. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    จะลองอ่านทำความเข้าใจการปรับ %หลายๆหน และฝึกดูครับ ความรู้ปรับ%นี้เพิ่งจะทราบจาก อาจารย์ ธรรม-ชาติ ตามที่โพสต์ไว้ตามกระทู้ในเว็บพลังจิต ที่เคยทราบมา2สิ่ง2ฝั่ง รู้-อารมณ์กรรมฐาน (ผู้รู้-สิ่งที่ถูกรู้)

    +++ คำศัพท์คำหนึ่งที่ผมพยายามหลีกเลี่ยง ไม่นำเอามาใช้คือคำว่า "ผู้รู้" เพราะคำศัพท์คำนี้ มีได้ 2 นัยตามความเป็นจริง คือ

    +++ 1. ทางโลกียะ เป็น "ตัวดู" หรือ "อัตตาจิต" ที่มี อายตนะ เป็น "วิญญาณขันธ์" และคำว่า "ผู้รู้" จะตรงตามความหมายนี้คือ "อัตตา+รู้" อันมีความหมายทาง โลกียะ ซึ่งเป็นอาการของ "จิตนึก จิตคิด จิตเห็น" รวมเป็นอาการของ "จิตรู้"

    +++ 2. ทางโลกุตระ "ตัวดู" เป็นสิ่งถูกรู้ และในยามที่มันถูกรู้ มันจะจางคลายตัวลง คล้ายเป็นหย่อมความกด (depression) ชนิดหนึ่ง ตรงนี้คือ depression แห่ง ธรรมารมณ์ หากผู้ใดสามารถฝึก มหาสติปัฏฐาน 4 ผ่าน ธรรมานุปัสสนามหาสติปัฏฐาน มาถึงจุดกำเหนิดของธรรมารมณ์ได้แล้ว จะเห็นอาการนี้ได้เอง เพราะอาการนี้จะเห็นได้โดย "สภาวะของ มหาสติ" เท่านั้น

    +++ ภาษาของ พระป่า เรียกการเห็นชนิดนี้ว่า "ตาสติ ตาปัญญา" หรือเรียกสั้น ๆ ว่า "สติเห็น" ภาษาในพระไตรปิฏกเรียกตรงนี้ว่า "ญาณทัศนะวิสุทธิ" คือเป็นสภาวะของ "รู้ + เห็น + บริสุทธิ์" (รู้ = ญาณ เห็น = ทัศนะ บริสุทธิ์ = บริสุทธิ์จากสภาวะธาตุทั้งปวง) หรือตามหมวดของอายตนะ เรียกได้ว่า "อายตนะนิพพาน" สำหรับผมเอง ผมเรียกตรงนี้ว่า "สภาวะรู้"

    ทั่วไปมักฝึกแบบ เข้าไปอยู่ในฝั่งที่ถูกรู้ บางอาจารย์ก็มีสอนมาอยู่ฝั่งผู้รู้ แล้วจะเห็นทั้งผู้รู้ พร้อมทั้งเห็นฝั่งที่ถูกรู้ได้พร้อมกันไปด้วย แต่แบบของอาจารย์ ธรรม-ชาตินี้ปรับเลื่อนได้ กราบขอบพระคุณ อาจารย์ครับ

    +++ ยามใดที่ต้องการเห็นสภาวะธรรมตามความเป็นจริง ต้อง "อยู่กับรู้" ยามใดที่ต้องการศึกษาลงไปในสภาวะนั้น ๆ (ธรรมะวิจัยยะ) ต้องเข้าไปใน "สภาวะที่ถูกรู้" เช่น "การถอดกายต่าง ๆ" เป็นต้น ทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของการ "เข้า ออก เร่ง ผ่อน และ แช่อยู่" (วสี 5) ทั้งข้างในและข้างนอก ของสิ่งที่ถูกรู้

    เมื่อวาน หลังจากโพสต์ ได้ไปฝึกนั่ง 2 รอบ หน้าก็หลังไปทางขวาเอง 2 ครั้ง เวลาเกิดอย่างนี้อีก จะพยายามทำตามที่ในกระทู้ที่แนะนำ คือ กำหนดรู้ทั้งตัว พร้อมกับสังเกตุอาการทุกอย่างแบบไม่ตั้งใจ

    +++ การที่หน้าหันไปได้เองนั้น เป็นการทำงานของ "ตัวดู" ยามใดที่ผ่านเรื่อง "การฝึกจิตเคลื่อนร่าง" แล้วจะเข้าใจได้เอง

    น้ำตาจะไหลยามเลื่อนสติขึ้นมาสูง

    +++ ให้ใช้คำว่า หยาบ-ละเอียด จะเหมาะสมกว่า เพราะจะสามารถเทียบกับ ฐาน ได้สอดคล้องกว่า

    ลิ้นปี่มีแรงดัน ออกมาอยากสะเอื้นร้องโฮ ออกมา ก่อนเกิดแว๊บไปนึกถึงศีลของตัวเอง คงเป็นอารมณ์อะไรกุศลอะไรก็ได้ อาจจะขึ้นกับการปรับ% จะลองดูครับ

    +++ นั่นแล สิ่งที่เรียกว่า "ธรรมะที่ผุดขึ้น" นั้น มันไม่ได้ผุดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ผู้ที่ได้ ฐานกายา กับ ฐาน เวทนา ย่อมรู้ได้ว่า "มันมาจากไหน" จึงพึงระวังป้องกัน ตน ได้จากภาวะที่ปลอมปนเข้ามาก่อนที่จะเกิดอาการ "ยึด หรือ Teleport หรือ จุติ" ของตัวดูต่อ "ภูมิ หรือ ภพ" ที่ปรากฏขึ้น ให้หมั่นสังเกตุในเรื่องของ "สุคติ และ ทุคติ" จากการผุดโผล่ของอาการนี้ด้วย
     
  18. torelax9

    torelax9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +527
    ครับ เรื่องภาษาพระป่า ตอนนี้ยังไม่สามารถเข้าใจได้ทั้งหมด จะปฏิบัติไปก่อนครับ

    ผมสื่อความไม่ชัดเจนเองครับ จะไปฝึกความชำนาญ วสี การปรับ % ครับ

    ครับ คราวหน้าจะสังเกตุแบบไม่ตั้งใจ กำหนดรู้สึกทั้งตัวครับ

    มาส่งบันทึกการฝึก เมื่อวานได้เจริญหลายช่วงติดต่อกัน บ่ายๆถึงเย็น
    ช่วงหัวค่ำ ช่วง4ทุ่มถึงเกือบตี 1, ช่วงตี 3 ถึงเกือบเช้า รู้สึกตื่นตลอด ไม่ค่อยหลับ ตั้งแต่ได้ปิติดุจเต็มไปด้วยเม็ดฝนแต่ละวันหลับนอน คือนอนแต่ก็ไม่หลับรู้สึกตื่นมีสติตลอด หลับจริงๆประมาณ 2ชั่วโมง 3ชั่วโมง 4ชั่วโมงมั่งก็อิ่ม แล้วแต่แต่ละวัน ผลการฝึกเกิดกระตุกหลายครั้ง หัวแม่โป้งมั้ง หน้ากระตุกหลายครั้ง หูวู๊บจะดับมั่งเป็นบางช่วง ปิติดุจเต็มด้วยเม็ดฝนชัดจนเหมือนความเย็นแต่ละเม็ดต่อกันเป็นบริเวณกว้าง แต่ความเย็นนี้บางทีนึกว่าร้อนก็จะร้อนแบบกรุ่นๆมีพลัง คล้ายๆคิดอย่างไรจะเป็นอย่างนั้นดั่งใจ แล้วเหมือนรู้อะไรหลายๆอย่างในกายที่เกิดได้พร้อมๆกัน แต่เรื่องวสีปรับ % ลองปรับดูยังไม่เป็น ไว้อ่านเรื่องการฝึกวสี % ให้เข้าใจมากกว่านี้ก่อน ตอนนี้ขอแค่ อยู่แช่ใน อาการดุจเต็มไปด้วยเม็ดฝนครับ อาการชาอ่อนๆก็มี แต่ไม่มาบ่อยเท่าดุจเต็มไปด้วยเม็ดฝน

    เดินจงกรมตามรอยพระพุทธบาทเมื่อวานฝึกเดินประมาณ 40 นาที เน้นลงเท้าพร้อมกัน กับ เน้นจังหวะถ่ายน้ำหนัก ฝึกแล้วรู้สึกทำให้การนั่งสงบเร็วขึ้น นั่งต่อนี้ประมาณเกือบชั่วโมง ไม่เมื่อย รู้สึกไม่ได้ขยับก้นเลย ถึงเวลาปิดสถานที่ซะก่อน คิดว่าน่าจะนั่งโดยไม่ขยับก้นได้นานกว่านี้

    ลองฝึกในสภาวะที่อุณภูมิต่างๆกัน ตอนที่ฝึกที่อุณหภมิห้องที่เหงื่อไม่ออก จะรู้สึกถึงดุจเต็มไปด้วยเม็ดฝนชัดเจนมาก ลองเปิดแอร์ค่อยๆลดอุณหภูมิทีละหน่อย ปิติดุจเต็มไปด้วยเต็มฝนสติเริ่มจับไม่ได้เริ่มจางๆลง พอหรี่แอร์ลงมา ปิติดุจเต็มไปด้วยเม็ดฝนก็มาชัดเลย คิดว่าพออุณหภูมิเย็นขึ้น ปิติก็ยังอยู่เพียงแต่ความเย็นแอร์มากลบ อุณหภมิที่เหมาะที่สุดตอนนี้ของผมอยู่ที่อุณหภูมิห้องที่เหงื่อไม่ออก ต่อไปจะฝึกที่อุณหภูมิเย็นขึ้นแล้วสติยังจับอาการดุจเต็มไปด้วยเม็ดฝนให้ชัด อันนี้เป็นประสบการณ์ลองเองครับ

    เหมือนมาส่งรายงานความคืบหน้าครับ เกรงใจเวลาอาจารย์
    ผมไม่รีบ รออาจารย์ได้ ก็ฝึกไปเรื่อยๆครับ _/\_ _/\_ _/\_
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กันยายน 2013
  19. torelax9

    torelax9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +527
    ^^ ดีใจที่กลับมา

    สวัสดีครับ คุณ ขากระโดง ผมอ่า น การปฏิบัติของคุณเขากระโดงอัศจรรย์ใจมาก และดีใจที่กลับมาในกระทู้ ^^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กันยายน 2013
  20. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    มาส่งบันทึกการฝึก เมื่อวานได้เจริญหลายช่วงติดต่อกัน บ่ายๆถึงเย็น
    ช่วงหัวค่ำ ช่วง4ทุ่มถึงเกือบตี 1, ช่วงตี 3 ถึงเกือบเช้า รู้สึกตื่นตลอด ไม่ค่อยหลับ ตั้งแต่ได้ปิติดุจเต็มไปด้วยเม็ดฝนแต่ละวันหลับนอน คือนอนแต่ก็ไม่หลับรู้สึกตื่นมีสติตลอด หลับจริงๆประมาณ 2ชั่วโมง 3ชั่วโมง 4ชั่วโมงมั่งก็อิ่ม แล้วแต่แต่ละวัน

    +++ ในระหว่างที่อยู่ใน "อิริยาบทนอน" (ตื่นอยู่) หากทำความรู้สึกได้ทั่วทั้งตัว แล้วแช่อยู่อย่างนั้น อาจได้ประสพการณ์ของการแบ่งชั้นระหว่าง หลับกับตื่นที่อยู่ร่วมกัน ที่เรียกว่าา "หลับอยู่ส่วนหลับ และ ตื่นอยู่ส่วนตื่น" ก็ได้

    ผลการฝึกเกิดกระตุกหลายครั้ง หัวแม่โป้งมั้ง หน้ากระตุกหลายครั้ง หูวู๊บจะดับมั่งเป็นบางช่วง

    +++ เหตุแห่งการกระตุกนั้น ละเอียดมาก หากต้องการเห็น ต้องเข้าฐานกายเวทนาให้เต็มแล้วแช่อยู่กับ สัมปชัญญะ (มี รู้ เป็นลักษณะเด่น และชัดเจน) ปล่อยให้กายเวทนาค่อย ๆ จางคลายไปเองอย่างช้า ๆ แต่ถ้าหากเดินวสีได้ ให้ลดอัตราความเข้มข้นของกายเวทนาให้เหลือประมาณ 5% แล้วแช่อยู่ตรงนี้ เพราะเป็นรอยต่อระหว่าง กายเวทนากับกายจิต หากจิตมีอาการกระตุก โดยมีกายกระตุกตาม ก็จะเข้าใจได้เอง

    ปิติดุจเต็มด้วยเม็ดฝนชัดจนเหมือนความเย็นแต่ละเม็ดต่อกันเป็นบริเวณกว้าง แต่ความเย็นนี้บางทีนึกว่าร้อนก็จะร้อนแบบกรุ่นๆมีพลัง คล้ายๆคิดอย่างไรจะเป็นอย่างนั้นดั่งใจ แล้วเหมือนรู้อะไรหลายๆอย่างในกายที่เกิดได้พร้อมๆกัน

    +++ เรื่องปิติดุจเต็มด้วยเม็ดฝนนั้น ให้สังเกตุด้วยว่า เป็นลักษณะของการรับเม็ดฝนเข้ามา หรือ เป็นตัวเราเอง สาดเม็ดฝนออกไป ให้สังเกตุให้ชัดเจนด้วย

    แต่เรื่องวสีปรับ % ลองปรับดูยังไม่เป็น ไว้อ่านเรื่องการฝึกวสี % ให้เข้าใจมากกว่านี้ก่อน ตอนนี้ขอแค่ อยู่แช่ใน อาการดุจเต็มไปด้วยเม็ดฝนครับ อาการชาอ่อนๆก็มี แต่ไม่มาบ่อยเท่าดุจเต็มไปด้วยเม็ดฝน

    เดินจงกรมตามรอยพระพุทธบาทเมื่อวานฝึกเดินประมาณ 40 นาที เน้นลงเท้าพร้อมกัน กับ เน้นจังหวะถ่ายน้ำหนัก ฝึกแล้วรู้สึกทำให้การนั่งสงบเร็วขึ้น นั่งต่อนี้ประมาณเกือบชั่วโมง ไม่เมื่อย รู้สึกไม่ได้ขยับก้นเลย ถึงเวลาปิดสถานที่ซะก่อน คิดว่าน่าจะนั่งโดยไม่ขยับก้นได้นานกว่านี้

    ลองฝึกในสภาวะที่อุณภูมิต่างๆกัน ตอนที่ฝึกที่อุณหภมิห้องที่เหงื่อไม่ออก จะรู้สึกถึงดุจเต็มไปด้วยเม็ดฝนชัดเจนมาก ลองเปิดแอร์ค่อยๆลดอุณหภูมิทีละหน่อย ปิติดุจเต็มไปด้วยเต็มฝนสติเริ่มจับไม่ได้เริ่มจางๆลง พอหรี่แอร์ลงมา ปิติดุจเต็มไปด้วยเม็ดฝนก็มาชัดเลย คิดว่าพออุณหภูมิเย็นขึ้น ปิติก็ยังอยู่เพียงแต่ความเย็นแอร์มากลบ อุณหภมิที่เหมาะที่สุดตอนนี้ของผมอยู่ที่อุณหภูมิห้องที่เหงื่อไม่ออก ต่อไปจะฝึกที่อุณหภูมิเย็นขึ้นแล้วสติยังจับอาการดุจเต็มไปด้วยเม็ดฝนให้ชัด อันนี้เป็นประสบการณ์ลองเองครับ

    +++ หากจะให้ชัดเจน สัมปชัญญะ ต้องเต็มร่างก่อน จากนั้นจึงค่อย ๆ ทดลองต่าง ๆ ในเรื่องของ "การกำหนดจิต และ ผลลัพธ์จากการกำหนด" ต่อไป นะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...