เรียนถาม เรื่อง การปฏิบัติกายคตาสติ กรรมฐาน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Nuk036, 2 เมษายน 2013.

  1. ABT

    ABT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +1,524
    ขออนุญาตเจ้าของกระทู้ ผมเองก็ใช้พุทโธ ภาวนาอยู่แต่ก็รู้สึกว่ายังไปไม่ไกลเท่าไร วันนั้นอ่านหนังสือ กายคตานุสสติกรรมฐานของหลวงตามหาบัว แล้วก็พิจารณาตามโดยเ่ริ่มจากเส้นผม เส้นผมคือธาตุดิน เส้นผมไม่เที่ยง มีการเกิด คงอยู่และดับไป สิ่งทีทำให้เส้นผมเกิดคือรากผม รากผมประกอบไปด้วยเลือด ไขมัน ของเหลว งอกขึ้น เป็นเส้นสีดำ ต่อมาไม่นานก็เป็นสีขาว แล้วร่วงหล่นไป เส้นผมคนเป็นกับเส้นผมคนตายเหมือนกันไ่ม่่มีความน่ายินดี ที่เราเห็นผมสลวยสวยเก๋ เท่เหลือเกินหากไม่สระปล่อยไว้เป็นธรรมชาติโดยไม่ปรุงแต่งเสริมใด ๆ เส้นผมนั้นก็จะเริ่มหยิึก เป็นฝอย เพราะขาดการบำรง ที่สำคัญคือมีกลิ่น จากเหม็นน้อยเป็นเหม็นมาก ไม่เชื่อลองเดินไปใกล้คนที่ไม่ชอบสระผมดูซิ หรือลองไม่สระผมสักอาทิตย์หนึ่งจะรู้เลย เ้ส้นผมไม่ใช่ของของเรา บอกให้มันอย่าร่วงก็ไม่ได้ บอกให้มันอย่าขาวก็ไม่ได้ เราจะไม่ยึิดติดคิดว่าเส้นผมเป็นของเรา เส้นผมเป็นธาตุดิน เมื่องร่วงแล้วก็ย่อยสลายกลายเป็นดินไป ในที่สุด เส้นผมไม่ใช่ของซึ่งเราจะยึดติดว่าเป็นของของเรา เราไม่ยึดติด่ว่าเป็นของของเราต่อจากนี้ไปเราจะไม่ใยดีกับเส้นผมไม่ขึดติดกับเส้นผม แล้วเริ่มพิจารณาจากอากาศค่อยเริ่มประกอบเป็นเส้นผม เป็นหนึ่งรอบ เหมือนของท่านปราบฯ ผมพิจารณาอย่างนี้ถึงความไม่เที่ยงตั้งแต่ผมลงไปจนถึงเล็บเท้าสุดท้าย ขณะที่พิจาณาิ่จะเกิดปิติ ขนลุก ซู่ พิจาณาตรงไหนตรงนั้นก็จะรู้สึกเบาสบาย โดยเฉพาะตรงที่เราเจ็บพิจารณาไป แยกธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ ที่เจ็บอยู่ก็ยังเริ่มเบาลง ตอนนี้รู้สึกร่างกายเบา พิจารณาไปเรื่อยๆ สาว ๆ ผ่านมา ก็นึกให้เป็นเป็นภาพของอสุภะ โครงกระดูก ห่อสิ่งปฏิกูล ทำบ่อย ๆ แล้วจะเริ่มจับทางได้ เวลานั่งสมาธิ จิตไม่ไปไหน อยู่ในตัวเรานี่แหละ แนบแน่น และน่าจะก้าวหน้าทางสมาธิได้อย่างแน่นอน ขณะนี้เวลาที่นึกทำสมาธิ จิตจะรวมเร็ว ตั้งแต่พิจาราณาแยกธาตุร่างกายตนเอง อนุโมทนา
     
  2. Nuk036

    Nuk036 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +99
    สำหรับตัวผมเอง ยังสับสน กับ ไม่เข้าใจคำว่า "พิจารณา" รู้สึกเหมือนว่าการที่บอกให้พิจารณา คือการที่ให้เราคิด คิดไปเรื่อยๆ ทีนี้ ก็ขึ้นอยู่กับว่า เราจะคิดไปอย่างไร
    เรื่อง พิจารณาเส้นผม ถ้าได้อ่าน และจำได้ว่า ท่านบรรยายความไม่เที่ยงของเส้นผมว่าอย่างไร ก็พอจะนึกคิดไปตามนั้นได้ สรุป(ในความคิดของผม) ก็เหมือนกับ ให้เรานั่งนึกภาพเส้นผม งอก --ดำ -ขาว สกปรก -ร่วง แบบนี้หรือครับ??
    กับ ถ้าผมอยากพิจารณา ฟัน หรือ ลำไส้ หรือ อาหารเก่า อาหารใหม่ ขึ้นมา ผมต้องนึกยังไงครับ

    ขอบคุณครับ

    ปล.ผมถามเยอะหน่อยนะครับ เพราะยังไม่กระจ่างใจครับ
     
  3. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    เรื่อง พิจารณาเส้นผม
    ให้เรานั่งนึกภาพเส้นผม งอก --ดำ -ขาว สกปรก -ร่วง แบบนี้
    แล้ว จาก ขาว ดำ สกปรก กลับมาด้วยอีกทีนึง

    ทำแบบที่ว่ามานี้ก็ได้ ทำไปก่อน จนชำนาญในการนึก อย่าเพิ่งไปทำอย่างอื่น

    นับไปเลยอย่างน้อย สิบเดือน สำหรับ การภาวนาของฆราวาส

    แล้วค่อยตั้งกระทู้สนทนาต่อ หลักจากที่ผ่านสิบเดือนไป
    จะมีอะไรที่ตอบตัวเองจากการโดนสะกิดจากกัลยาณมิตรได้
     
  4. Nuk036

    Nuk036 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +99
    ขอบคุณครับ

    ถามอีกนิดครับ ถ้าสมมติว่าเรามีช่วงเวลาสั้นๆ 10-15 นาที แบบพักเที่ยงหลังทานอาหาร หรือเวลาเพลียและเครียดจากการทำงาน อยากจะทำกรรมฐานกองนี้ ก็สามารถทำได้โดยการคิดพิจารณาตามที่ว่าไว้ใช่มั๊ยครับ

    ปกติผมจะกำหนด ลมหายใจเข้าออก ปล่อยใจสบายๆ ซัก 10-15 นาที ก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่า สามารถไปทำงานต่อได้ แต่พอลองคิดว่าจะทำกรรมฐานกองนี้ ที่เป็นกรรมฐานที่ต้องใช้ความนึกคิดเป็นหลัก เกรงว่าจะ เป็นไม่ได้พักสมอง ครับ

    ขอคำชี้แนะด้วยครับ
     
  5. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    สังเกตเข้ามาที่ ตรงนี้เลย

    ตรงที่ เวลาเราว่างจากภารกิจ จิตเราฉวยอะไรขึ้นมาเป็น งานภาวนา

    อะไรก็ตาม ที่จิตฉวยขึ้นมา แล้วเป็น กิจในกรรมฐาน40 ตรงนี้แหละ
    กายคตาสติ

    แล้ว กรรมฐานที่เกิดโดยเราไม่ได้เจตนา กรรมฐานนั้นนั่นแหละ ที่จะ
    นำพาไป " ปฏิบัติสบาย และ รู้เร็ว " พูดอีกแง่คือ ถูกจริต

    ดังนั้น

    อย่าให้ ใครหน้าไหนมาหลอก ให้ " ตัณหากลับ "

    เราสังเกตุตัวนี้ด้วย ตรงที่คุณ ปรารภออกมาว่า "เกรงว่าจะ เป็นไม่ได้
    พักสมอง " ตรงนี้ต้อง สำรวจเข้ามาให้ทันว่า ขณะที่กล่าวประโยคนี้

    จริงหรือที่ คุณ เห็น สมองคือตัวคุณ มีคุณในสมอง มีสองมเป็นคุณ

    คนที่ยังโง่ ตัณหาจัด เท่านั้น ที่อาจจะอุปทานอยู่ว่า สมองคือตัวตน
    สมองคืจิต สมองคือนิพพาน สมองคือบรมสุข สมองคือสิ่งที่จะเป็นอมตะ

    ซึ่ง ก็ถ้า จิตคุณ เห็น สมองเป็นตัวเป็นตน ตัณหาจัดอยู่ ก็ คงต้อง
    ไปพิจารณา ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก ให้หายโง่ คลาย
    ตัณหาลงไปก่อน

    แต่ถ้า การปรารภนั้น เป็นเพียง ไม่รู้จะหยิบคำอะไรออกมาสื่อสาร
    ว่า มันเป็นภาระ ที่เขามาแทรกแทรงกรรมฐาน ที่ จิตคุณฉวยได้อัตโนมัติ
    อยู่แล้ว จิตเดินกรรมฐานเองได้แล้ว แต่ ทะลึ่งให้ ใคร ที่โง่ มาลากออก
    ไปในเรื่องไม่เป็นเรื่อง แทนที่จะ ต่อยอดจากสิ่งที่ เป็นกุศลสูงอยู่แล้ว

    คุณก็พิจารณาเอาละกันว่า จะต้องให้ ใครหลอกไปตายอีกสักกี่ชาติ !!

    แต่ถ้า มั่นใจ เห็น จิตมันรักในสิกขาได้โดยไม่ต้องจงใจ ก็ขอให้เพียง
    แต่อดทน แล้วทำกรรมฐานนั้นๆ ให้มากๆ อย่พึ่งฟังธรรมจาก หน้าสัตว์
    หน้าไหนเด็ดขาด จนกว่า คุณจะมองไม่ออกว่า

    อานาปานสติ ที่ใช้อยู่ มันเป็นกายคตาสติ ที่ทำให้สติปัฏฐานสี่ บริบูรณ์
    ได้อย่างไร อานาปานสติมันเป็นกรรมฐานที่ทำให้สำเร็จ อภิญญา5/6
    ไดอย่างไร ถ้าไม่เห็น อานิสงค์ของอานาปานสติ ก็ เอาจมูกยื่นให้
    เขาสนตพายแล้วลากไปฆ่าเสีย !
     
  6. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    ทีนี้ ต้องทำความเข้าใจ เข้ามาอีกนิดเดียว ว่า ความกระปี้กระเป่า
    นั้น จัดเป็น พละ5 หรือ อินทรีย์5 ที่ได้จาก สิกขาบท ตามพระพุทธ
    ศาสนาไหม

    วิธีตรวจสอบ ก็ต้องดูว่า พละ มันได้มาจากการ สงัดจากราคะ สงัด
    จากปิติ สงัดจากสุข หรือเปล่า ถ้าใช่ ก็จัดว่า เป็นการเปลี่ยนอารมณ์
    ในการระลึกรู้ จัดว่าเป็น การทำสมถะ ธรรมดาๆ อย่างที่ ข้างบนนั่น
    กล่าวให้เปลี่ยบนฐานอารมณ์ อันนั้น ก็ สมถะกิ๊กก๊อก เป็น กรรมฐาน
    หรือ สมถะ ของคนขี้เกียจ แค่บิดตัว เอนกาย ไขว้อารมณ์ ก็สำคัญว่า
    พ้นทุกข์

    ทีนี้ อย่างไรเป็น พละ อย่างไรเป็น อินทรีย์ เราต้อง หมายเอาที่
    อินทรีย์ด้วย เพราะ อินทรียนี่แหละ ที่ทำให้ จิตฉวยกรรมฐานอัตโนมัต

    อินทรีย์นั้น ให้ดูที่ สงัดจากกาม สงัดจากราคะ มีปิติ(สงัดจากปฏิฆะ)
    มีปัสสัทธิ(สงัดจากวิหิงสาวิตก) ซึ่ง การสงัดแบบนี้ จะเห็นเลยว่า
    จะเกิด ภูมิปัญญาธรรมเล็กๆน้อยๆ เป็นอานิสงค์ เรียกว่า เกิดธรรมวิจัยยะ
    หากเราไม่ กระเดิด สำคัญว่า แจ้งธรรมะ แต่ เห็น ธรรมวิจัยยก็เป็น
    สภาพธรรมเกิดแล้วก็ดับ จมโลก แล้วก็โผล่ สลบัไปสลับมา ตรงนี้
    แหละที่เรียกว่า เราเจริญอินทรีย์อยู่

    หาก พละ5เกิด อินทรีย์5 เกิด ด้วยเหตุเพียงแค่นี้ ก็ บรรลุธรรมได้
    ไม่ต้องมากกว่านี้ ไม่น้อยกว่านี้

    หากวันไหน พละ5 เกิดมากกว่า อินทรีย์5 เวลาคนมาถามว่า วันนี้
    ท่านภาวนาเจริญอะไร ก็ตอบไปว่า เราเจริญแต่ " กายคตาสติ "

    แต่ถ้าวันไหน อินทรีย์5 เจริญเด่นขึ้นมา แม้จะ นานๆ ครั้ง วันนั้น
    ให้ภูมิใจหน่อยได้เลยว่า ใกล้ฝั่งเต็มทน แต่ต้องเพียรต่อ จนกระ
    ทั่งไม่เห็นว่า อินทรีย์5ใด จะเกิดขึ้นอีก ไม่มีกิจต้องเจริญ ก็แล้ว
    แต่จะ พิจารณาว่า เห็นอะไร รู้อะไร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 เมษายน 2013
  7. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ทำได้อยู่แล้วครับ

    ทีนี้ ขอให้ทำความเข้าใจว่า

    การคิดพิจารณา ก็ทำให้แช่มชื่นเบิกบานได้เหมือนกัน
    เพียงแต่ ว่า เรายังไม่เข้าใจในการเรียนกรรมฐานเฉยๆ


    คิดอยู่ใน ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เมื่อคล่อง ชำนาญ
    การที่จิตจดจ่ออยู่ ในอารมณ์ ผม ขน เล็บ ฟันหนัง

    องค์ประกอบของสมาธิ อันมีปิติ สุขก็บังเกิดได้เสมอ

    ไม่ต่างจากการ รู้แต่เพียง ลมเข้า ลมออก

    จะลองดูแล้วก็ลองแยกแยะอารมณ์ในองค์ประกอบ
    เหตุที่ทำให้เรามีปิติ มีสุข เกิดจากการประกอบด้วยเหตุใดได้บ้าง
    สังเกตุตัวเองไปก่อนก็ได้
     
  8. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    อย่าง โพสนี้ คุณ จขกท ลองพิจารณา

    สัตว์เดรัจฉาน เนี่ยะ มันคันมันก็เกา มันปวดฉี่มันก็ฉี่ อะไรแบบนี้ เนี่ยะ
    ใช่พฤติกรรม สัตว์ตัวเป็นขน ไหม

    ถ้าใช่ เวลา สนทนาธรรม ก็เพียงแต่ ทำใจร่มๆ วางจิตเมตตาต่อ เดรัจฉาน
    เอาไว้ ระหว่างสนทนาไปด้วย ก็จะไม่ลำบาก ไม่เสียหาย

    แต่ถ้าเราเผลอ อนุมโทนา เดรัจฉานกถา เพียงนิดเดียว กรรมเวรนั้นจะทำ
    ให้เราต้อง หาทางเริ่มต้นใหม่ 500 ชาติ ได้เลยนะ อุตสาห์เกิดมาเป็น
    มนุษย์ก็ควรรู้วิธีรักษาไว้นิดหน่อยๆ อย่าให้ จม ได้หละ
     
  9. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    อันนี้ ให้ข้อคิด จขกท. (ย่อมาจากเจ้าของกระทู้) ไว้เป็นหนามตำใจ
    นึกถึงเมื่อไรก็กดรอยหนาม เจ็บแบบมันส์ๆ หนุกๆ

    เราจะ บริกรรมก็ดี จะพิจารณาก็ดี จะทำอะไรที่เรียกว่า การทำสมาธิ

    จุดมุ่งคือสร้าง สติสัมโพชฌงค์ แล้วที่เหลืออีก 6 ข้อ
    จะตามมาเองอย่างหลีกไม่ได้
     
  10. ได้คับ

    ได้คับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    110
    ค่าพลัง:
    +106
    สวัสดีครับคุณNuk036 ถ้าสนใจการปฏิบัติโดยการฝึกกายคตาสติ ลองเข้าfacebook กลุ่ม หลวงพ่อสมบูรณ์ ที่นั้นเน้นการปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์ครับ ขอให้เจริญในธรรมนะครับ
     
  11. Nuk036

    Nuk036 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +99
  12. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ถ้าผมบอกว่าเป็น ท่านจะเชื่อหรือเปล่า

    ถ้าผมบอกไม่เป็นท่านจะเชื่อหรือเปล่า


    คำตอบง่ายนิดเดียว
     

แชร์หน้านี้

Loading...