เรื่องเด่น " การอธิษฐานจิตและแผ่เมตตาลงในพระเครื่องของท่านเจ้าคุณนรฯ "

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย มุ่งเต็มใจ, 8 เมษายน 2013.

  1. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,468
    " การอธิษฐานจิตของท่านเจ้าคุณนรฯ "
    [​IMG]
    พระเถระผู้ทรงคุณธรรมเป็นพิเศษในอดีตเป็นอันมาก
    เมื่อจะถือกำเนิดในครรภ์โยมมารดานั้น
    มักจะสำแดงนิมิตให้ปรากฏแก่โยมบิดาและโยมมารดาต่างๆ กัน
    เป็นต้นว่า สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวโร)
    อดีตเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาสองค์สำคัญยิ่ง
    ซึ่งเป็นสมเด็จอุปัชฌาย์ของ “ท่านธมฺมวิตกฺโก”
    และเชื่อกันว่าท่านเป็นพระอริยบุคคลรูปหนึ่งนั้น
    เมื่อปีที่ท่านจะเกิดโยมบิดาก็ฝันไปว่ามีผู้นำช้างเผือกมาให้

    หรือเมื่อตอนที่ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)
    แต่ครั้งยังเป็นสามเณร จะย้ายเข้าไปอยู่วัดระฆังโฆสิตาราม
    เพื่อศึกษาพระปริยัติธรรมนั้น
    ก็เล่ากันว่าพระอาจารย์ของท่านฝันในคืนวันที่ท่านจะไปถึงว่า
    มีช้างเผือกเชือกหนึ่งเข้าไปกินคัมภีร์พระไตรปิฎกในตู้จนหมด ฯลฯ

    โดยเหตุที่เคยมีเรื่องราวเล่ากันมาดังกล่าวนี้
    จึงทำให้ผู้เขียนสนใจสืบถามนิมิต
    เมื่อตอนที่ ท่านธมฺมวิตกฺโก จะถือกำเนิดอยู่เหมือนกัน
    เพื่อจะได้ “เกร็ด” ประวัติตอนสำคัญของท่านมาเผยแพร่
    แต่ก็มิได้ความกระจ่างแต่อย่างไร

    เคยมีผู้สนใจซักถามโยมบิดาของท่าน
    (พระนรราชภักดี-ตรอง จินตยานนท์) ว่าประพฤติตนเช่นไร
    สวดมนต์อย่างไร ท่องคาถาบทไหน ฯลฯ
    จึงได้มีบุตรที่ดี (หมายถึงท่านธมฺมวิตกฺโก) เช่นนี้
    โยมบิดาของท่านก็ได้ตอบไปว่า
    เห็นจะเป็นด้วยเหตุที่ท่านได้ใส่ใจภาวนา
    สวดพระคาถามงคลสูตรอยู่เสมอนั่นเอง

    อันพระคาถามงคลสูตรนี้
    ตัวท่านธมฺมวิตกฺโกเองก็นิยมท่องบ่นเจริญภาวนาอยู่เสมอเช่นกัน
    ตลอดทั้งได้แนะนำผู้ใกล้ชิดบางคน เช่น คู่หมั้นของท่าน
    ให้หมั่นสวดภาวนาทุกวัน ทั้งเวลาเช้าตื่นนอน และเวลาค่ำก่อนเข้านอน

    โดยท่านได้ให้อรรถาธิบายว่า
    “มงคลคาถานี้ เป็นพระสูตรที่คัดมาจากพระไตรปิฎก
    ผู้ใดเล่าบ่นหรือสวดและปฏิบัติตาม
    ย่อมเป็นสิริมงคลอันประเสริฐ จึงเรียกว่าคาถามงคลสูตร”

    ในตอนปีท้ายๆ ก่อนที่จะถึงแก่มรณภาพนี้
    รู้สึกว่าท่านธมฺมวิตกฺโกได้ตั้งใจอธิษฐานจิต
    และแผ่เมตตาลงในพระเครื่องมากมายเป็นพิเศษ
    ยิ่งในปี พ.ศ. ๒๕๑๓ ด้วยแล้ว ถึงกับมีพิธีสวดอธิษฐานจิตครั้งใหญ่
    ในวัดเทพศิรินทราวาสถึงสองครั้งสองหน
    คือเมื่อเสาร์ห้า ตรงกับวันที่ ๒๕ เมษายน ครั้งหนึ่ง
    กับวันที่ ๕ ธันวาคม อีกครั้งหนึ่ง

    โดยเฉพาะวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๑๓
    ซึ่งเป็นพิธีสวดอธิษฐานจิตครั้งสุดท้ายของท่านนั้น
    ได้มีผู้นำพระเครื่องพระบูชา และวัตถุสิ่งของต่างๆ
    ไปให้ท่านอธิษฐานจิตให้อย่างมากมายเป็นประวัติการณ์
    มงคลวัตถุเหล่านั้นวางเต็มอาสนะสงฆ์ในพระอุโบสถ
    จนดูแทบจะทานน้ำหนักไม่ไหว
    มีผู้กล่าวกันว่าน้ำหนักสิ่งของทั้งหมดที่นำไปให้ท่าน
    อธิษฐานจิตในวันนั้น คะเนรวมแล้วเห็นจะไม่ต่ำกว่า ๓ ตัน !

    นอกจากนี้ยังมีการถวายให้อธิษฐานจิตและแผ่เมตตาย่อยครั้งละไม่กี่นาที
    ในพระอุโบสถบ้าง ข้างกุฏิท่านบ้างอีกนับครั้งไม่ถ้วน
    จนเกือบจะไม่มีการยกเว้นว่าบุคคลใดจะเป็นพระสงฆ์หรือฆราวาสก็แล้วแต่
    หากมีประสงค์จะสร้างพระเพื่อหารายได้ไปใช้ในการกุศลแล้ว
    ท่านก็จะอนุโลมตามความปรารถนา อธิษฐานจิตให้ทุกรายไป

    เป็นเรื่องที่บุคคลบางคนเห็นเป็นเรื่องแปลกประหลาด
    เพราะแต่ก่อนมานั้นท่านไม่ยอมอธิษฐานจิตสิ่งของให้แก่ใครได้ง่ายๆ
    เป็นเรื่องนอกลู่นอกทาง มิใช่แนวของพระพุทธศาสนาโดยตรง

    เชื่อกันว่าการที่ท่านยอมอธิษฐานจิตและแผ่เมตตา
    ลงในพระเครื่องอย่างมากมายในระยะหลังๆ นี้ ก็เพื่อเป็นสิ่งของที่ระลึก
    เป็นเครื่องหมายแทนตัวท่านสืบต่อไปในอนาคตอีกนานแสนนาน
    เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะดึงคนให้หันเข้ามาสู่ศาสนา
    เข้าสู่หลักธรรมคำสั่งสอนของสมเด็จพระบรมศาสดา
    เพราะคนที่นิยมสะสมพระ
    หรือที่ชอบเรียกกันติดปากว่า “เล่นพระ” นั้น
    ในที่สุดก็หันมาปฏิบัติธรรมด้วยกันทั้งสิ้น
    โดยมีพระเครื่องนั้นเป็นสื่อจูงใจในเบื้องต้น

    นอกจากนี้ท่านยังเคยกล่าวว่า
    “ให้เขาได้ทำบุญทำกุศลกันเสียบ้าง
    ดีกว่าเอาเงินไปสุรุ่ยสุร่าย เที่ยวตามบาร์ตามไนท์คลับกัน”

    เพราะเงินรายได้ที่ได้จากการจำหน่ายพระเครื่องเหล่านี้
    ท่านผู้สร้างก็นำไปใช้จ่ายในการกุศล สร้างโรงเรียน สร้างโบสถ์
    เป็นทุนการศึกษาของพระภิกษุสงฆ์สามเณร ฯลฯ
    อันเป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่การศึกษาและการศาสนาทั้งสิ้น

    อีกประการหนึ่ง สถานการณ์ทั้งภายในและภายนอกโดยรอบประเทศของเรา
    ในระยะนั้นก็มีแต่ความคับขันและอันตรายรอบด้าน
    ต้องส่งทหารไปร่วมรบในสมรภูมิสาธารณรัฐเวียดนาม
    สถานการณ์ในลาวและเขมร ประเทศเพื่อนบ้าน
    ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับประเทศเรา กำลังผจญกับสงครามอย่างหนัก
    อันจะส่งผลกระทบกระเทือนมาถึงประเทศชาติของเราด้วย
    และการคุกคามของผู้ก่อการร้าย ซึ่งกำลังแผ่ขยายไปทั่วประเทศ
    ทั้งภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ ฯลฯ
    บางครั้งก็รุนแรงน่าสะพึงกลัวเป็นอันมาก

    ด้วยเหตุดังกล่าวมานี้ที่ทำให้ท่านธมฺมวิตกฺโก
    ยอมอธิษฐานจิตและแผ่เมตตา
    ลงในพระเครื่องให้แก่บุคคลต่างๆ เป็นอันมากในระยะหลังๆ นี้
    จึงเกิดอภินิหารเป็นที่ปรากฏประจักษ์แก่มหาชนอย่างกว้างขวาง
    จนพระเครื่องที่ท่านอธิษฐานจิตและแผ่เมตตาให้นั้น
    กลายเป็น “พระเครื่องยอดนิยม”
    เป็นที่กล่าวขวัญและแสวงหาของชาวพุทธทั่วเมืองไทยในยุคนี้

    มีคนเป็นอันมากเชื่อว่าการที่ท่านอธิษฐานจิตและแผ่เมตตา
    ลงในพระเครื่องเป็นการใหญ่ในระยะหลังๆ นี้
    แสดงว่าท่านจะต้อง “สำเร็จ” อย่างหนึ่งอย่างใดแล้วแน่นอน

    หากการอธิษฐานจิตลงในพระเครื่องเป็นเรื่องเหลวไหลไร้สาระ
    ไม่สามารถประจุพลังศักดิ์สิทธิ์ลงสถิตในองค์พระปฏิมาขนาดเล็กนั้นได้จริง
    ท่านก็จะไม่ยอมแผ่เมตตาให้โดยเด็ดขาด

    ท่านได้ทุ่มเทศึกษาทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติในเรื่องเกี่ยวกับอำนาจจิต
    การทำสมาธิทั้งวิชาฝ่ายโยคะและพระพุทธศาสนา
    มาตั้งแต่วัยหนุ่มและกระทำมาตลอดชีวิตของท่าน
    ท่านได้เคยใช้พลังจิตผจญกับโรคร้าย ความเจ็บไข้ ตลอดจนอสรพิษ
    ได้ผลจนเป็นที่อัศจรรย์ใจแก่ผู้ที่ได้พบเห็นหรือที่ทราบเรื่องมาแล้ว
    ฉะนั้น ท่านจึงยินยอมอธิษฐานจิตและแผ่เมตตาลงในพระเครื่องให้

    คราวหนึ่งเมื่อพิธีสวดอธิษฐานจิตในพระอุโบสถ
    วันเสาร์ห้า วันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๑๓ ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว
    ท่านได้หันไปหา พระมหาเสริม อนุจโย
    ซึ่งเป็นพระสวดพุทธาภิเษกในวันนั้นว่า

    “เรื่องของขลังนี้ ท่านมหาเชื่อไหม ?”

    “เกล้าเชื่อ” เป็นคำตอบจากพระมหาเสริม

    อีกคราวหนึ่ง ท่านได้บอกกับนายสุวัฒน์ ซึ่งเป็นเด็กหนุ่มเชื้อจีน
    อยู่ร้านตัดเสื้อแถวสี่แยกวัดตึกที่มีความเคารพท่านมาก
    เคยฝันเห็นท่านมาก่อนระหว่างเจ็บป่วย จึงได้เพียรพยายามมาดูตัวจริง
    จนได้พบท่านแล้วก็เกิดศรัทธาเคารพมั่นในองค์ท่านยิ่งขึ้น
    เมื่อทราบว่าเขามีการสร้างพระเครื่องถวาย
    ให้ท่านอธิษฐานจิต ก็พยายามหาเช่าไว้บูชาเป็นอันมาก
    วันหนึ่งเมื่อได้มีโอกาสพบท่าน ท่านก็ได้กล่าวเป็นเชิงสั่งสอนว่า

    “คุณ พระนี่ช่วยได้นะถ้าไม่จำเป็นอย่าไปปล่อย”

    ที่ท่านว่า “อย่าไปปล่อย” ก็เพราะท่านคาดว่าจะเอาพระเครื่องนั้น
    ไปให้คนอื่นเช่าต่อ หรือขายต่อให้คนอื่นไป

    การที่ท่านกล่าวดังนี้ แสดงว่าท่านเชื่อมั่น
    ท่านทราบได้อย่างแน่ชัดปราศจากข้อสงสัยใดๆ ว่า
    พระเครื่องต่างๆ ที่ท่านอธิษฐานจิตนั้น จะต้องมีความศักดิ์สิทธิ์จริง
    คุ้มครองให้แคล้วคลาดจากอุปัทวันตรายได้จริง
    สามารถเสริมส่งให้ผู้เคารพบูชาประสบความเจริญก้าวหน้าในชีวิตได้จริง
    แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้หมายความว่า ท่านสั่งสอนให้คนหันมาลุ่มหลงงมงาย
    อยู่กับเรื่องพระเครื่องของขลังต่างๆ

    คราวหนึ่งท่านได้เคยพูดกับ นายอธึก สวัสดิมงคล
    นายกยุวพุทธิกสมาคมชลบุรี
    ภายหลังจากถวายของให้ท่านอธิษฐานจิตแล้ว เป็นคติน่าฟังมาก

    “ทั้งหมดนี่” ท่านกล่าวขึ้นพร้อมกับชี้มือ
    ไปยังหีบพระเครื่องต่างๆ ที่ท่านอธิษฐานจิตแล้ว
    “สู้ธรรมะไม่ได้”

    แสดงว่า ท่านยกย่องการประพฤติปฏิบัติตามหลักธรรม
    ของสมเด็จพระบรมศาสดานั้น ว่ามีความสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด
    สำคัญยิ่งกว่าการมีพระเครื่องไว้ประจำตัว

    อีกคราวหนึ่งในปี ๒๕๑๓ หลังจากพิธีสวดอธิษฐานจิต
    เมื่อวันเสาร์ห้าผ่านไปเพียงเล็กน้อย
    นายแพทย์สุพจน์ ศิริรัตน์ ได้นำพระเครื่องพิมพ์นาคปรกเนื้อนวโลหะ
    ที่ท่านเจ้าคุณอุดมฯ สร้างเพื่อจำหน่ายหารายได้สมทบทุน
    สร้างโรงเรียนนวมราชานุสรณ์ นครนายกนั้น
    ราว ๔-๕ องค์ไปถวายให้ท่านอธิษฐานจิตซ้ำอีก
    ก่อนที่ท่านจะยินยอมอธิษฐานจิตให้
    ได้ถูกท่านเทศนาสั่งสอนอย่างเจ็บๆ อยู่นานร่วม ๑ ชั่วโมง

    “หมอนี่เรียนมาเสียเปล่า มาหลงงมงายอะไรกับเรื่องพรรค์นี้ !”

    ท่านได้ว่ากล่าวสั่งสอน มิให้ลุ่มหลงมัวเมา
    อยู่กับเรื่องของขลังและอภินิหาร เพราะอภินิหารต่างๆ นั้น
    มิได้ช่วยให้ทุกคนรอดพ้นจากภัยอันตรายได้ทุกครั้งอยู่เสมอไป

    ตลอดเวลาที่ท่านเทศนาว่ากล่าวอยู่นานโขนั้น
    นายแพทย์สุพจน์ได้โต้แย้งท่านอยู่ไม่หยุดเช่นกัน
    โดยปกตินั้นท่านชอบคนโต้เถียงด้วยเหตุผลอยู่เหมือนกัน

    การที่นายแพทย์สุพจน์โต้เถียงท่านในเรื่องอภินิหารนั้น
    ก็เป็นด้วยนายแพทย์ผู้นี้ได้เคยเอาพระเครื่องกรุเก่า
    มาทดลองยิงด้วยปืนพกด้วยมือของตนเองมาหลายครั้งหลายหน
    จนกระสุนหมดไปหลายกล่อง ปรากฏผลเป็นที่น่าทึ่งมาก
    โดยใช้วิธีอาราธนาพระไว้ที่ตัวปลาหมอ
    ในระยะที่ยิงได้แม่นยำอย่างสบาย แล้วก็ระเบิดกระสุนใส่เข้าไป !

    ผลของการทดลอง ปรากฏว่าจากการยิงพระนางพญากรุพิษณุโลก
    ราว ๗-๘ องค์ ส่วนใหญ่ยิงถูกแต่ไม่เข้า (คงกระพัน)
    บางองค์ยิงไม่ถูก (แคล้วคลาด) มีอยู่องค์หนึ่งยิงไม่ออก (มหาอุด)
    และพระปิดทวารของหลวงปู่เอี่ยมวัดหนัง พิมพ์ใหญ่ชนิดสองหน้า
    ที่เรียกกันว่าพิมพ์พระประกับนั้น ยิงไม่ออก เป็นยอดมหาอุดจริงๆ

    จากประสบการณ์ดังกล่าวนี้เองทำให้นายแพทย์สุพจน์ ศิริรัตน์
    เชื่อมั่นในอภินิหารของพระเครื่องเป็นยิ่งนัก
    และเอาเรื่องนี้มาโต้แย้งกับท่านธมฺมวิตกฺโก
    ที่ท่านกล่าวหาว่ามาหลงงมงายอยู่กับอภินิหารไม่เข้าเรื่อง !

    “เรื่องอภินิหาร พระเดชพระคุณว่ามีจริงไหม ?”
    นายแพทย์สุพจน์ เอ่ยขึ้นตอนหนึ่ง

    “จริง” ท่านตอบ จากนั้นท่านกล่าวสืบต่อไปว่า

    “หมอเคยเห็นเคยได้ยินข่าว
    เรื่องโจรผู้ร้ายที่แขวนพระไว้เต็มคอ
    แต่แล้วก็กลับถูกตำรวจยิงตาย
    หรือไม่ก็ถูกจับได้ ต้องติดคุกไปบ้างไหม ?
    ถึงแม้จะมีพระอยู่เต็มคอก็ช่วยอะไรไม่ได้ใช่ไหม ?”

    แล้วท่านกล่าวสำทับในที่สุดว่า
    “อภินิหารนั้นหนีกฎแห่งกรรมไม่พ้น”

    เมื่อถูกท่านขนาบด้วย “ไม้ตาย” เช่นนี้
    ก็ทำเอานายแพทย์สุพจน์ต้องนิ่งงันสงบปาก
    ไม่อาจจะกล่าวโต้แย้งในเรื่องอภินิหารใดๆ กับท่านได้อีกต่อไป

    ตามที่กล่าวมานี้ จะเป็นที่เห็นได้ชัดว่า
    แม้ท่านธมฺมวิตกฺโกจะตั้งใจ “อธิษฐานจิต” และ “แผ่เมตตา”
    ลงในพระเครื่อง ด้วยความเชื่อมั่นว่า
    มีความศักดิ์สิทธิ์สามารถปกป้องคุ้มครองผู้สักการบูชาได้ก็จริง
    แต่ผู้มีพระเครื่องไว้คุ้มครองนั้น
    ก็จะต้องประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอน
    ของสมเด็จพระบรมศาสดา เจ้าของที่มาแห่งองค์พระปฏิมานั้นด้วย

    https://www.facebook.com/photo.php?...650.1073741830.222085381235218&type=1&theater

    http://palungjit.org/threads/ติดตามกิจกรรมพระกรรมฐาน.69773/page-29#post7719995
     
  2. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,468
    จะเป็นที่เห็นได้ชัดว่า
    แม้ท่านธมฺมวิตกฺโกจะตั้งใจ “อธิษฐานจิต” และ “แผ่เมตตา”
    ลงในพระเครื่อง ด้วยความเชื่อมั่นว่า
    มีความศักดิ์สิทธิ์สามารถปกป้องคุ้มครองผู้สักการบูชาได้ก็จริง
    แต่ผู้มีพระเครื่องไว้คุ้มครองนั้น
    ก็จะต้องประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอน
    ของสมเด็จพระบรมศาสดา เจ้าของที่มาแห่งองค์พระปฏิมานั้นด้วย
     
  3. buakwun

    buakwun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    2,830
    ค่าพลัง:
    +16,613
    ขอกราบบารมีท่านเจ้าคุณนรรัตน์ และขออนุโมทนาบุญกับ จขกท ด้วยค่ะ
     
  4. lowprofile

    lowprofile เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,391
    ค่าพลัง:
    +6,023
    "ทำดี ดีกว่าขอพร"
    ท่านธมฺมวิตกฺโก
     
  5. รชฏ

    รชฏ ไปนิพพานตามหลวงพ่อ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +427
    กราบอนุโมทนาบุญกุศลแห่งความรู้ครั้งนี้ด้วยครับ สาธุ
     
  6. chuchart_11

    chuchart_11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    764
    ค่าพลัง:
    +2,932
    ขออนุโมทนาสาธุ ธรรมใดที่ท่านสำเร็จแล้ว ขอข้าพเจ้าสำเร็จด้วยเทอญ สาธุๆๆ
     
  7. น้องจุ๊บ

    น้องจุ๊บ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    603
    ค่าพลัง:
    +1,303
    กราบอนุโมทนาค่ะ เครื่องรางของขลังก็สู้พระธรรมของสมเด็จพระบรมศาสดา ไม่ได้
     
  8. thexjeab

    thexjeab เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    904
    ค่าพลัง:
    +685
    ขอบคุณสำหรับเรื่องเล่าครับ

    ขออนุโมทนา สา..................ธุ ครับ
     
  9. iamprateep

    iamprateep เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    448
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,685
    ขอกราบแทบเท้าหลวงพ่อครับ

    ^_^
    _/\_
     
  10. schiller

    schiller เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +265
    ผมใช้พระเครื่องของท่านเจ้าคุณนรฯ จับอาการได้คือ รู้สึกใจเย็น นิ่งเฉย ไม่ทุกข์ไม่ร้อน ลองสังเกตุดูสิครับ
     
  11. แม่ขมิ้น

    แม่ขมิ้น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +115
    ของเรามีอยู่หนึ่งองค์ อธิฐานจิตโดยท่านเจ้าคุณนรฯ



    พระแก้วมรกต ปี 2513.JPG
     
  12. ผู้ที่_

    ผู้ที่_ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2008
    โพสต์:
    148
    ค่าพลัง:
    +83
    ผมมีเหรียญท่านในรถ 1 เหรียญ ห้อยไว้ที่กระจกมองหลัง เคยไปจอดอยู่ใต้เขาลูกนึงมีลิงมากมาย ลิงเหล่านั้นขึ้นไปเล่นบนบนหลังคารถคันอื่นทุกคัน เว้นแต่หลังคารถของผมที่ไม่มีลิงตัวใดขึ้นไปบนหลังคาเลย
     
  13. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,468
    เมื่อประมาณ20ปีก่อน ผมกำเหรียญของท่านไว้ในมือ และภาวนาฉายา ธมฺมวิตกฺโก ของท่าน เป็นอารมณ์กรรมฐาน รู้สึกมีพลังอุ่นเบาสบายเกิดขึ้นไปทั่วตัว ได็ศึกษาความอัศจรรย์ของสภาวะที่เกิดขึ้นกับจิตใจและร่างกายต่างๆ อันเกี่ยวเนื่องกับ สังฆานุสสติภาวนานี้

    จนสามารถจดจำเป็นสัญญาหมายรู้ในสภาวะอารมณ์กรรมฐานนี้ได้ระดับหนึ่ง แล้วได้วางเหรียญของท่านไว้ในที่สมควร แต่ยังคงภาวนาต่อไป ก็สามารถเกิดสภาวะนั้นต่อไปได้ เมื่อสภาพแวดล้อมและจิตใจอำนวย ตามปัจจัยมากบ้างน้อยบ้าง

    ความรู้นี้ ทำให้ผมอัศจรรย์และเพิ่มความอยากรู้อยากเห็น จึงได้ลองภาวนาฉายา(นาม ประกอบด้วยขันธ์4 เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ?)ของพระภิกษุเถระต่างๆ โดยอาศัยนำความรู้จากประสบการณ์ภาวนาฉายาธมฺมวิตกฺโกของท่านมาสังเกดุศึกษาสำเหนียก ก็ได้ความรู้ภายในตนเอง ถึง พระภิกษุสงฆ์ปัจจุบัน พระเถระ พระอสีติสาวก พระอัครสาวก หยาบละเอียดของตนระดับหนึ่ง เมื่อทำให้มากเจริญให้มากก็จะรู้จักสภาวะเหล่านั้นได้มากขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องเห็นภาพนิมิตของท่าน

    และได้เกิดความคิดภาวนา พระคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต่อไป (เช่นบทภาวนา อิติปิโสภควาฯ) ซึ่งก็ได้ความรู้สภาวะที่ส่งเสริมความร่าเริงยินดีในสมัยนั้นได้ระดับหนึ่ง

    เพราะเหรียญของท่านธมฺมวิตกฺโกเป็นเสมือนหนังสือตำราจากนามพระภิกษุผู้ทรงคุณ ทำให้ผมได้มีโอกาสศึกษาด้วยตนเองท่องไปใน พระพุทธานุสสติ พระธัมมานุสสติ พระสังฆานุสสติ ได้ในระดับหนึ่งครับ

    ถึงตอนนี้ก็นึกถึงคำที่ว่่า พระธรรม8หมื่น4พันพระธรรมขันธ์ ก็(สามารถศึกษา)อยู่ในกายยาววาหนาคืบ(รูปและนาม หรือขันธ์5) ของเรานี่เอง

    ผิดพลาดพลั้งไปขออภัยขมาด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 เมษายน 2013
  14. ไผ่มรกต

    ไผ่มรกต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +1,896
    ผู้ที่ทำจิตให้บริสุทธิ์แล้ว ก็ควรแก่การงานคือทำให้สำเร็จประโยชน์ เพราะจิตเดิมนี้เป็นของศักดิ์สิทธิ์ เป็นของทิพย์ ก็ย่อมทำให้เกิดประโยชน์คืออิทธิฤธิ์ปาฎิหารย์ มีฤธิ์เดชต่างๆได้ เกิดญาณต่างๆเป็นต้นว่าละลึกชาติได้ รู้การปฎิสนธิของสัตว์ทั้งหลาย โดยเฉพาะการยังอาสวะกิเลสให้หมดสิ้นไป ครั้งเมื่อพระพุทธองค์ได้นั่งอยู่ใต้ต้นโพธิ์ ก่อนที่จะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ทรงทำสมาธิ ทำสมาธิด้วยประการอันควรแล้ว จึงทำจิตให้บริสุทธิ์ เมื่อถึงจิตบริสุทธิ์แล้วพระองค์ก็ทรงทำการงานให้สำเร็จประโยชน์ โดยที่ทำจิตน้อมจิต ดูที่จิตของตัวนี้ ดูอดีตชาติด้วยบุเพนิวาสานุสติญาณ น้อมจิตดูข้างหลัง ที่ผ่านพ้นมาแล้วก็ได้เห็นการเกิดดับของตนว่า อ่อ..!เคยเกิดมาแล้วนี่ เคยเกิดมาแล้วตั้งหลายชาติ ชาติหนึ่งเคยเป็นพระเวชสันดร เคยเป็นพระโพธิสัตว์ ชาตินั้นชาตินี้ ร้อยชาติพันชาติหมื่นชาติแสนชาติ ถอยไปจนกัปป์ จนโกฎจนหลายอสงไขย์ จนนับไม่ถ้วน อ่อ...การเวียนว่ายตายเกิดมันก็มาจากจิตเดิมนั่นเอง จิตเดิมแท้ผ่องใสขาวรอบ[​IMG]
     
  15. mathaple

    mathaple Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +41
    มีพระเครื่องของเจ้าคุณนรฯอยู่องค์หนึ่ง ใส่แล้วร้อน สงสัยจะไม่ค่อยถูกจริต เลยให้แฟนคล้อง เย็น ไม่ร้อนเหมือนผมใส่ สงสัยจะกิเลสเยอะพระไม่รับ TT
     
  16. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,468
    [​IMG] [​IMG]
    พระภิกษุพระยานรรัตนราชมานิต ผู้บวชถวายราชกุศล ร.6 ถ่ายภาพร่วมกับ พระภิกษุพระยาสีหราชฤทธิไกร ผู้บวชถวายพระราชกุศล ร.5 ณ วัดราชบพิตรเมื่อพ.ศ.2469
    ��

    เป็นการเริ่มต้นแห่งการภาวนาที่ดีได้เลยครับ เพราะว่าสามารถสัมผัสนามธรรมพลังของพระเครื่องได้แล้ว ก็จะสามารถพยายามพัฒนาตนเองไปสู่สภาวะความพ้นทุกข์ที่พึงประสงค์ตามหลักพระพุทธศาสนาได้โดยดีงามครับ

    [​IMG]
    การอธิษฐานจิตพระเครื่อง มีการอธิษฐานได้หลายวิธี ตามความถนัด ความรู้ของครูบาอาจารย์ท่านนั้นๆ ดังเช่นอุบายกรรมฐานในพระพุทธศาสนาที่มีอยู่มากมาย เพื่อผลที่ได้(ทั้งทางตรงทางอ้อม)นำไปสู่พระนิพพาน จึงมีหลากหลาย อาจสามารถจัดหมวดหมู่ให้ศึกษาได้ง่ายขึ้นผ่านหมวดมรรค8 ก็ได้


    [​IMG]
    ถ้ามีฉันทะจะคล้องไว้บูชาเอง ลองชำระศีล ข้อปฏิบัติ และหาอุบายภาวนาที่เหมาะสมกับองค์พระดู ด้วยการสังเกตอุบายประคองจิตใจอารมณ์ที่เป็นกุศลเมื่อสัมผัสพระที่บูชาเป็นระยะๆ ดูจนเชี่ยวชาญถึงภาวะที่สมควร ระหว่างนั้นก็ฝากไว้กับแฟน จนถึงเวลาที่เหมาะสมครับ บางครั้งทำง่ายมากแค่ตั้งเจตนาอาราธนารักษาศีลได้ พระเครื่องก็เย็นแล้ว ก็มีครับ

    ผิดพลาดพลั้งไปขออภัยขมาด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 เมษายน 2013
  17. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,468
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 เมษายน 2013
  18. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,468
    ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านครับ ธรรมใดที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงพบแล้ว ขอธรรมนั้น จงสำเร็จแก่ท่านทั้งหลายและสรรพชีวิตโดยดีงามด้วยเถิด สาธุ สาธุ สาธุ

    อิทัง ปุญญะผะลัง ผลบุญกุศลใด ที่ข้าพเจ้า ได้บำเพ็ญแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนบุญกุศลนี้ ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ที่เคยล่วงเกินมาแล้ว แต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ขอเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย จงอนุโมทนา ส่วนบุญกุศลนี้ แล้ว ขอจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า ตั้งแต่บัดนี้ ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน พุทธภูมิ อภิเษกพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ และได้ช่วยให้ผู้อื่นได้ด้วย

    และขออุทิศส่วนบุญกุศลนี้ ให้แก่เทพเจ้าทั้งหลาย ที่ปกปักรักษาข้าพเจ้า และเทพเจ้าทั้งหลาย ทั่วสากลพิภพ และพระยายมราช และสัมพันธชน ขอเทพเจ้าทั้งหลาย และพระยายมราช และสัมพันธชน จงอนุโมทนาส่วนบุญกุศลนี้ ขอจงเป็นสักขีพยาน ในการบำเพ็ญบุญกุศล ของข้าพเจ้าในครั้งนี้ด้วยเถิด และขออุทิศส่วนบุญกุศลนี้ ให้แก่ท่านทั้งหลาย ที่ล่วงลับไปแล้ว ที่เสวยความสุขอยู่ก็ดี เสวยความทุกข์อยู่ก็ดี เป็นญาติก็ดี มิใช่ญาติก็ดี ขอท่านทั้งหลาย จงโมทนาส่วนบุญกุศลนี้ พึงได้รับประโยชน์ ความสุข ที่จะพึงได้รับ โดยดีงาม ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด

    หากท่านทั้งหลายยังไม่มีโอกาสได้อนุโมทนาบุญกุศลเพียงใด ขอเทพเจ้าทั้งหลายและพระยายมราช และสัมพันธชน จงเป็นสักขีพยานบุกุศลญ ให้แก่ข้าพเจ้าด้วย เจอท่านทั้งหลายเมื่อใด ขอให้ท่านทั้งหลายได้อนุโมทนาส่วนบุญกุศลนี้ด้วยเถิด ผลบุญกุศลบารมีใด ที่ข้าพเจ้า ได้บำเพ็ญแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาตินี้ ขอผลบุญกุศลบารมีนี้ จงเป็นสรรพพลวปัจจัย ให้ข้าพเจ้า เจริญในพระพุทธการกธรรม ได้เข้าถึง ซึ่งพระนิพพาน พุทธภูมิ อภิเษกพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณอันประเสริฐ และได้ช่วยให้ผู้อื่นได้ด้วยด้วยเถิด หากแม้นยังไม่ถึงพระนิพพาน พุทธภูมิ อภิเษกพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณเพียงใด ขอคำว่าไม่รู้ ไม่มี ในสิ่งที่ดี จงอย่าได้บังเกิดแก่ข้าพเจ้าเลย ขอผลบุญกุศลทั้งหลาย ที่ข้าพเจ้า ได้กระทำแล้ว จงบังเกิดผล ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้ โดยดีงามด้วยเทอญเถิด

    "พุทโธ โพเธยยัง มุตโต โมเจยยัง ติณโณ ตาเรยยัง"
    "เมื่อรู้แล้ว จักช่วยผู้อื่นรู้ด้วย เมื่อพ้นทุกข์แล้ว จักช่วยผู้อื่นพ้นทุกข์ด้วย เมื่อข้ามโอฆะแล้ว จักช่วยผู้อื่นข้ามโอฆะด้วย"

    "เมื่อได้พุทธภูมิแล้ว จักช่วยให้ผู้อื่นได้พุทธภูมิด้วย"


    พุทโธ ธัมโม สังโฆ อัปมาโณ สิทธมัตถุ ๆ ๆ
    สะอาด สว่าง สงบสมดุลย์ เลิศ ประเสริฐ ปราณีต ละเอียด ยิ่งๆๆขึ้นไปเทอญ สัมปะติจฉามิ ๆ ๆ (i)
     

แชร์หน้านี้

Loading...