ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    คำทำนายดวงเมืองประเทศไทย ปี พ.ศ.2556 !!!

    [​IMG]

    ท่านใดที่สนใจ สามารถเข้าไปอ่านได้ที่ลิ้งค์ข้างล่างนี้ครับ

    ที่มา คำทำนายดวงเมืองปี 2556 มาพิสูจน์กันว่าหมอดูคนไหนแม่น คนไหนเป็นหมอเดาบ้าง ไม่นานรู้ความจริงแน่
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • songkran1.jpg
      songkran1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      50.4 KB
      เปิดดู:
      710
  2. chunhapong

    chunhapong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +731
    พระอาจารย์กล่าวว่า "มีใครเคยได้ยินหลวงพ่อฤๅษีพูดบ้างไหม ? ที่ท่านบอกว่าหลังน้ำท่วมใหญ่ ๓ ปี ต่างประเทศจะตีกัน ต่างประเทศจะรบราฆ่าฟันกัน เรื่องนี้ท่านน่าจะไม่ได้บอกเป็นสาธารณะ บังเอิญว่าอาตมาได้ยิน

    รออยู่ว่าเมื่อไรน้ำจะท่วมใหญ่ ปีนี้น่าจะใหญ่ได้แล้วนะ ถ้ายังมีใหญ่กว่านี้ก็โชคดีไป เหตุการณ์จะได้เกิดช้าหน่อย ถ้าใหญ่แค่นี้ก็แสดงว่าเดี๋ยวต่างประเทศก็จะฟัดกันแล้ว"




    พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๔
    ttp://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=3088&page=4

    ที่มา http://palungjit.org/threads/เป็นห่...ว่าจะเป็นชนวนจุดสงครามโลกครั้งที่-3-a.473622/
     
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ปี พ.ศ.2553 น้ำท่วมโคราช อย่างไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน !!!

    [​IMG]

    รูปเตือนความทรงจำ น้ำท่วมโคราช ปึ พ.ศ.2553

    ชาวโคราชยังจำกันได้ไม่ลืมเลือน...18-19-20 ตุลาคม 2553 น้ำท่วมในจุดที่ไม่เคยท่วมมาก่อน...คนเฒ่าคนแก่ต่างพึมพำว่า...ตั้งแต่เกิดมาเพิ่งเคยเห็นน้ำท่วมแถวนี้...

    เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นตอนเช้ามืดของวันที่ 18 "ตุลาคม" 2553 มีข่าวลือและการเตือนกันว่า...น้ำจะท่วมเมืองโคราช!? หลายๆ คน ไม่เข้าใจ ไม่แน่ใจ และไม่ตกใจ เพราะ...ก็คงแค่น้ำท่วม..แต่เมื่อเวลาผ่านไป...น้ำค่อยๆ เพิ่มระดับความสูง...ความแตกตื่นจึงเริ่มเกิดขึ้น ทุกอย่างเปลี่ยนไป...สี่แยกจอหอ...ไม่เหมือนเดิม...ภาพที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์...ก็ได้เกิดขึ้น...

    และเมื่อน้ำท่วม...สิ่งที่หลายคนทำเหมือนๆ กันก็คือ พยายามป้องกันไม่ให้น้ำท่วมที่พักอย่างสุดชีวิต...และก็ รอ...รอ...ให้น้ำลด...เมื่อน้ำท่วม...วงจรชีวิตและกลไกการปรับตัวก็เริ่มเกิดขึ้น...การสัญจรและการเดินทางก็ถูกปรับเปลี่ยนไปหมด...ความช่วยเหลือ และเจ้าหน้าที่จากทุกฝ่าย เริ่มหลั่งไหลกันเข้ามา...ความสะดวก...ต้องถูกอำนวยให้กับประชาชนทุกคน อย่างเท่าเทียม...

    ภาพประทับใจ หลายๆ ภาพ เริ่มเกิดขึ้น...ทุกคนได้รับผลกระทบอย่างเท่าเทียม...การติดต่อสื่อสาร...เป็นไปด้วยความยากลำบาก มิตรภาพ...ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น...ในยามทุกข์ยาก...หลายๆ ครั้ง แม้น้ำจะท่วมสูงแค่ไหน...ผมก็เห็นหลายๆ คนพยายามที่จะ..."เสี่ยง" ขับรถผ่านจุดที่น้ำลึกมากๆ ให้ได้คันแล้วคันเล่า ที่จอดเสียอยู่ข้างทาง...

    ชีวิตบริเวณรถประจำทาง ป้ายรถเมล์ต้องเปลี่ยนไป ไม่ว่าน้ำจะท่วมแค่ไหน...แต่ละคน ก็มีเหตุผลและความจำเป็นที่จะต้องเดินทาง จำเป็นที่จะต้องออกมาลุยน้ำ จำเป็นที่จะต้องหาอาหาร...เพื่อยังชีพ จำเป็นที่จะต้องออกไปช่วยเหลือผู้อื่น...ญาติพี่น้อง ที่ได้รับความลำบากมากกว่า

    เกิดอาชีพใหม่ๆ ขึ้น...หาปลากลางถนน!? ถนนที่ปกติการจราจรคับคั่ง ถนนที่เรารู้กันดี...ถนนมิตรภาพ รอ...รอ...และ...รอ ไม่ใช่แค่ผมคนเดียว ที่พยายามจะเก็บภาพแห่งความทรงจำในครั้งนี้ ตากล้องท่านนี้สวมวิญญาณ "โปร" จริงๆ ถ่ายรูปน้ำท่วม ในจุดเสี่ยงมากมาย คำว่า...ไม่เคย...ใช่ว่า...จะไม่เกิด น้ำไม่เคยท่วมตรงจุดนี้มาก่อนเลย เพราะแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะท่วม แต่...มันก็ท่วมไปแล้ว

    และ...เมื่อวันเวลาพ้นผ่าน...สถานการณ์ก็เริ่มคลี่คลาย ทิ้งเอาไว้เพียงคำถามที่ค้างคาว่า...น้ำท่วมจุดนี้ได้ยังไง และปีต่อไปจะท่วมอีกไหม...มาถึงเดือนตุลาแล้ว 2554 แล้ว หลายๆ คนยังเชื่อว่าน้ำจะไม่ท่วมอีก ผมเองก็ภาวนา...ให้เป็นอย่างนั้น...แต่...น้ำจะไม่ท่วมอีกครั้งได้ยังไง ถนนจะแห้งและโล่งแบบนี้อีกครั้งได้นานแค่ไหน...การเตรียมป้องกันมีอย่างไร

    Posted by Icy , 9 ต.ค.54, 11:17:29 น.

    ที่มา รูปเตือนความทรงจำ น้ำท่วมโคราช 2553
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 เมษายน 2013
  4. kb 2500

    kb 2500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +873
    เพราะเชื่อมั่นว่าถ้าเราชาวพุทธเคารพสักการะพระรัตนตรัย ยึดพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่ง ศึกษาให้รู้ให้เข้าใจศาสนา ปฏิบัติตามคำสอนอย่างจริงจังแล้ว จะไม่มีสิ่งใดมาทำลายสถาบันที่เราเคารพได้เลย ปัญหาเฉพาะหน้าจึงอยู่ที่ว่า ทำอย่างไรคนจึงจะรู้และปฏิบัติธรรมในพุทธศาสนาได้อย่างถูกต้องและจริงจัง เมื่อแก้ปัญหานี้ได้ ความหวาดกลัวภัยพิบัติต่าง ๆ ก็จะหมดไป
     
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    คำสอนสมเด็จพระสังฆราช : คน !!!

    [​IMG]

    ๑๐๐ คำสอน สมเด็จพระสังฆราช เนื่องในวโรกาสที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก ทรงเจริญพระชันษาครบ ๑๐๐ ปี

    คน

    ๑๐

    มารดา บิดา เป็นทิศเบื้องหน้า ครู อาจารย์ เป็นทิศเบื้องขวา บุตรภรรยา เป็นทิศเบื้องหลัง มิตรสหาย เป็นทิศเบื้องซ้าย คนรับใช้หรือผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นทิศเบื้องต่ำ สมณพราหมณ์เป็นทิศเบื้องบน ถ้าทิศทั้งหลายดังกล่าวไม่ดีเสียโดยมาก ก็ยากที่จะให้ใครๆ ที่อยู่ระหว่างกลางดีอยู่ฝ่ายเดียว

    ๑๑

    เมื่อมองไปเบื้องหน้า ไม่มีบิดา-มารดาเป็นที่ยึดเหนี่ยว มองไปเบื้องขวาก็ไม่พบครู-อาจารย์ที่จะอบรมแนะนำ มองไปเบื้องหลังก็ไม่พบญาติพี่น้องผู้หวังดี มองไปเบื้องซ้ายก็ไม่มีสหายที่เป็นกัลยาณมิตร มองไปเบื้องล่างก็ไม่พบผู้ที่รับใช้ให้ความช่วยเหลือ มองไปเบื้องบนก็ไม่พบสมณพราหมณ์ผู้ประพฤติดี ซึ่งจะเป็นผู้ชี้ทางที่ถูกให้ ตรงกันข้าม มองไปทางทิศไหนก็พบแต่โรงหนัง โรงละคร สถานอบายมุขต่างๆ และบุคคลต่างๆ ที่ชักนำไปทางเดียวกัน เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จะเป็นเหตุชักจูงกันไปในทางเสื่อมเสียต่างๆ แต่ถ้าทิศทั้งหลายดีอยู่โดยมากก็ยากจะเสื่อมเสียได้

    ๑๒

    การเลี้ยงดูเด็กให้เติบโต ควรทำความเข้าใจว่ามี ๒ อย่าง คือเลี้ยงร่างกาย เลี้ยงดูจิตใจ เพราะความเติบโตของเด็กทั้งทางร่างกายและทางจิตใจ จะมุ่งเลี้ยงร่างกายทอดทิ้งทางจิตใจ ย่อมเป็นความบกพร่องอย่างสำคัญ ไม่ควรถือตามคำปัดว่าเลี้ยงกันได้แต่กาย ใจเลี้ยงไม่ได้ ใจที่อาจเลี้ยงไม่ได้ คือใจที่แข็งหรือเติบโตเป็นตัวของตัวเองในทางที่ถูกหรือผิดเสียแล้ว แต่จิตใจที่ยังอ่อน ยังจะเติบโตต่อไป ถ้าผู้ปกครองบำรุงเลี้ยงให้อาหารใจที่ดีอยู่เสมอแล้ว ภาวะทางจิตใจของเด็กก็จะเติบโตขึ้นในทางที่ดี ทั้งนี้เกี่ยวแก่การอบรมดี ให้เด็กได้เสวนา คือซ่องเสพคบหา คุ้นเคยกับบุคคล และสิ่งแวดล้อมที่ดี ที่ชอบ ถูกต้อง เมื่อเด็กได้รับการเลี้ยงดูให้มีร่างกายจิตใจเติบโตขึ้นสมดุลกันก็จะเติบโตดีขึ้นเรื่อยๆ

    ๑๓

    ในการแก้ปัญหาเยาวชน บุคคลที่เป็นทิศสำคัญๆ ทุกฝ่ายของเยาชน แต่ละคนจึงจำเป็นต้องร่วมมือกันตั้งตนของตนเองไว้โดยชอบ ให้เป็นทิศที่ดีตามฐานะที่เกี่ยวข้อง และอันที่จริง ไม่ใช่แต่เยาวชนเท่านั้น ทุกๆ คนทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เมื่อทิศต่างๆ โดยรอบตนดีอยู่ก็ย่อมจะชักนำกันไปในทางที่ดีได้ แต่มีข้อแตกต่างต่างกันอยู่ว่า สำหรับเด็กหรือเยาวชนนั้น ยังเป็นผู้เยาว์สติปัญญาจำต้องอาศัยทิศรอบตนที่ดี ซึ่งผู้ใหญ่จำต้องทำตนให้เป็นทิศของเด็ก และช่วยสร้างทิศที่ดีให้แก่เด็ก

    ๑๔

    คนวัยรุ่น กำลังเจริญด้วยพลัง กำลังทะยานกายทะยานใจ เหมือนน้ำตกแรง เมื่อไม่สมหวัง มักจะทำอะไรแรง จึงมักพลาดได้ง่าย และเมื่อพลาดลงไปในห้วงอะไรที่แรงๆ แล้ว ก็อันตรายมาก เหมือนอย่างไปเล่นสนุกกันที่น้ำตก อาจเผลอพลาดตกลงไปกับน้ำตกที่โจนลงไปจากหน้าผาสูงชัน ข้อสำคัญ ควรป้องกันไว้ก่อนดีกว่าแก้ หรือถ้าต้องแก้ ก็ต้องแก้เมื่อยังเล็ก ง่ายกว่าแก้เมื่อโตใหญ่เหมือนอย่างดับไฟกองเล็กง่ายกว่าดับไฟกองโต

    ๑๕

    ไม่ควรเชื่อใจตนเองเกินไป เพราะอาจไม่มีเหตุผล ถ้าใจนั้นถูกบังคับหรือท่วมทับเสียแล้ว ควรหารือกับท่านผู้สามารถให้เหตุผลที่ถูกต้องได้ ทั้งเมื่อสนใจในพระธรรมอยู่ พระธรรมอาจให้เหตุผลแก่ตนได้กระจ่างพร้อมทั้งชี้ทางปฏิบัติได้ถูกต้อง

    ๑๖

    ผู้ที่มีความคิดน้อย ย่อมนิยมชมชื่นในปัญญาแห่งมนุษย์ในปัจจุบัน และเหยียดดูถูกบรรพชนของตนเอง แต่ผู้ที่มีวิจารณญาณย่อมพินิจ นับถือบูรพชนหรือโบราณชนเป็นอย่างดี โดยฐานะที่เป็นผู้ร่วมก่อกำเนิดศิลปวิทยาและประดิษฐ์วัตถุหรือในศิลปวิทยานั้นๆ ได้ มนุษย์อีกคนหนึ่งไม่สามารถคิดเช่นนั้นได้ เมื่อเห็นว่าเหมาะดีแล้วก็นำเอาไปใช้ศึกษาและปฏิบัติตาม กล่าวโดยเฉพาะศิลปวิทยา หมู่หรือคณะ หรือว่าบุคคลที่บรรลุความเจริญจำต้องนับถือความรู้ของกันและกัน จำต้องศึกษาแลกเปลี่ยนความรู้ของกันและกัน เพราะเหตุนี้ ผู้มุ่งความเจริญจึงพากันพยายามศึกษาทั้งในประเทศและต่างประเทศตามกำลังความสามารถ เหล่านี้เป็นข้อแสดงถึงความเอาอย่างหรือความตามกันในความรู้ แม้ในทางความประพฤติก็เช่นเดียวกัน

    ๑๗

    คนเราทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ต้องทำต้องพูดอยู่ทุกๆ วัน เด็กหรือผู้ใหญ่ที่มีสติ เมื่อทำอะไรพูดอะไรไปแล้ว ก็ระลึกได้ว่าได้ทำอะไรหรือพูดอะไรผิดหรือถูกเรียบร้อยหรือไม่เรียบร้อย เป็นต้น จะทำจะพูดอะไรก็มีความระลึกนึกคิดก่อนว่าดีหรือไม่ดี อย่างโบราณสอนให้นับสิบก่อน คือ ให้นึกให้รอบคอบก่อนนั่นเอง ในขณะที่กำลังทำกำลังพูดก็รู้ตัวอยู่เสมอ ไม่หลงลืมตัวไม่เผลอตัว บางคนมีปัญญาความรู้ดีแต่ขาดสติ ทำพูดอะไรผิดพลาดได้ อย่างที่พูดกันฉลาดแต่ไม่เฉลียว จึงสมควรหัดให้มี สติรอบคอบ

    ๑๘

    คนที่เมา ประมาทขาดสติ ขาดสัมปชัญญะ อาจผิดศีลได้ทุกข้อ อาจทำชั่วทำผิดได้ทุกอย่าง และเมื่อประมาทเสียแล้วก็เป็นคนหลงอย่างเต็มที่ ไม่รู้จักเหตุผลความควรไม่ควร ไม่รู้จักดีชั่ว ผิดถูก จะพูดชี้แจงอะไรกับคนเมาหาได้ไม่ คนเมาประมาทจึงเป็นผู้ที่ควรเมตตากรุณาหรือสงสาร เหมือนคนตกน้ำที่ทิ้งตัวเองลงไปช่วยตัวเองก็ไม่ได้ หรือเหมือนดื่มยาพิษฆ่าตัวเอง

    ๑๙

    คนที่ถือกำเนิดเป็นคนนั้น ยังไม่จัดเป็นคนโดยสมบูรณ์ เพราะเหตุเพียงเกิดมามีรูปร่างเป็นคน ต่อเมื่อมีการปฏิบัติ ประกอบด้วยความรู้สึกผิดชอบชั่วดีสมกับความเป็นคน จึงเรียกว่าเป็น คนโดยธรรม เมื่อมีธรรมของคนสมบูรณ์ จึงจะเชื่อว่าเป็นคนโดยสมบูรณ์ แม้คำในหิโตประเทศก็กล่าวว่าการกิน การนอน ความกลัวและการสืบพันธ์ของคนและดิรัจฉานเสมอกัน แต่ธรรมของคนและดิรัจฉานเหล่านั้นแปลกกว่ากัน เว้นจากธรรมเสีย คนก็เสมอกับดิรัจฉาน

    ๒๐

    คนเราโดยมาก มีภายนอกและภายในไม่ตรงกัน เช่นภายนอกรักษามารยาทอันดีต่อกัน แต่ภายในคิดไม่ดีต่อกัน เช่นคิดทำร้ายประหัตประหารกัน หรือบางทีภายในใจไม่มีวัฒนธรรมเลย ทั้งที่ภายนอกแสดงว่ามีวัฒนธรรมต่อกัน เป็นการตีหน้าซื่อแต่ใจคด เรื่องเช่นนี้มีมานานแล้ว จนมีคำกล่าวมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ว่า สัตว์ดิรัจฉานอ่านง่าย ส่วนมนุษย์อ่านยาก เพราะมีชั้นเชิงมากนักเหมือนอย่างป่ารกชัฏ ไม่รู้ว่าสิงสาราสัตว์ซ่อนอยู่ที่ไหนบ้าง

    ๒๑

    คนที่มุ่งประโยชน์เฉพาะตน เท่านั้น ไม่เกื้อกูลใคร เป็นจำพวกเห็นแก่ตนโดยส่วนเดียว เป็นคนคับแคบ ไม่ประพฤติการเป็นคุณประโยชน์แก่ใคร อาจเจริญด้วยประโยชน์ปัจจุบัน มีทรัพย์เฉพาะตน แต่เป็นคนไม่มีประโยชน์แก่คนอื่นหรือแก่หมู่คณะ เรียกว่าเป็นคนมีความคิดแคบสั้น เพราะหลักของการอยู่ร่วมกัน เมื่อคนอื่นพากันเป็นทุกข์เดือดร้อนจะเป็นสุขอยู่ได้อย่างไร ฉะนั้น คนฉลาดจึงมีความคิดยาวและกว้างออกไป เมื่อตนเองได้ประโยชน์มีความสุข ความเจริญ ก็ทำการที่เป็นประโยชน์แผ่ความสุขให้แก่ผู้อื่น ตามที่เกี่ยวข้องและตามสามารถ อันจะเป็นประโยชน์ในภายหน้า

    ๒๒

    โดยปกติคนเรา ย่อมมีหมู่คณะและถ้อยทีถ้อยอาศัยซึ่งกันและกัน จึงต้องมีการปลูกไมตรี ผูกมิตรไว้ในคนดีๆ ด้วยกันทั้งหลาย เมื่อมีไมตรี มีมิตรก็เชื่อว่ามีผู้สนับสนุน ทำให้ได้รับความสะดวกในกิจที่พึงทำ ผู้ขาดไมตรี ขาดมิตร ก็เท่ากับขาดผู้สนับสนุน แม้จะมีทรัพย์ มีความรู้ความสามารถ แต่ก็คับแคบเหมือนอย่างมีแต่ตนผู้เดียว ยากที่จะได้รับความสะดวกในกิจการ อย่าว่าแต่บุคคลต่อบุคคลเลย แม้แต่ประเทศต่อประเทศก็จำต้องมีไมตรีต่อกัน

    ๒๓

    คนที่ฉลาด ย่อมมีความคิดยาวออกไปถึงกาลข้างหน้า ทำในสิ่งที่ให้ประโยชน์สำหรับเด็กๆ โดยปกติ ย่อมมีอนาคตของชีวิตอยู่อีกมาก การศึกษาเล่าเรียนในบัดนี้ก็เพื่อสร้างอนาคตของชีวิตให้มีความสุขความเจริญ ถ้าทุกคนไม่มีอนาคตภายหน้า ก็ไม่จำเป็นต้องศึกษาเล่าเรียน แต่เพราะทุกคนต่างมีอนาคตจึงต้องพากันศึกษาเล่าเรียนและทำให้กิจการต่างๆ เพื่อมีความสุขความเจริญในอนาคต

    ๒๔

    คนหนึ่งๆ มีหน้าที่หลายอย่าง เมื่อเรารู้จักหน้าที่ของตนดีอยู่และปฏิบัติให้เหมาะแก่หน้าที่ ก็จะรักษาไว้ได้ ทั้งบ้าน ทั้งเมือง ทั้งศาสนา ทั้งตนเอง ทั้งผู้อื่น สามารถรักษาปกติภาพซึ่งเป็นศีลตามวัตถุประสงค์และรักษาปกติสุขซึ่งเป็นอานิสงส์ของศีล โดยสรุป ศีลนี้แหละเป็นมนุษยธรรม เพราะทำให้ผู้มีศีลได้ชื่อว่าเป็นมนุษย์โดยธรรม คิดดูว่าคนไม่มีหิริโอตัปปะ ไม่รู้จักผิดชอบ ประพฤติต่ำทราม จะควรเรียกว่ามนุษย์ได้อย่างไร

    ๒๕

    ไม่ควรมองออกไปแต่ภายนอก แต่ควรมองเข้ามาดูภายในด้วย คือภายในครอบครัว เพราะเด็กต้องจำเจอยู่ในครอบครัว จึงเสวนากับบุคคลและสิ่งแวดล้อมในครอบครัวเป็นส่วนมาก ถ้ามีพี่เลี้ยงก็ควรเลือกพี่เลี้ยงที่ดี โดยเฉพาะพวกผู้ใหญ่ของเด็ก เช่น บิดามารดาต้องประพฤติตนให้เป็นตัวอย่างที่ดีของเด็ก เด็กย่อมเฝ้าผูกปัญหาสงสัยและคิดแก้ปัญหาในบุคคลและสิ่งรอบๆ ตัวอยู่เสมอ และคอยลอกเลียนดำเนินตามสิ่งที่ตนได้เห็นและผู้ใหญ่นั่นเองเป็นตัวอย่าง เมื่อประสงค์จะให้เด็กดีจึงจำต้องทำตนเป็นแบบอย่างที่ดีของเด็กด้วย

    ๒๖

    คนโดยมาก มักเข้าใจผิดในผลของความดี คือมักไปเข้าใจผลพลอยได้ว่าเป็นผลโดยตรง และมักมุ่งผลพลอยได้เป็นสำคัญ เมื่อไม่ได้ผลเป็นวัตถุจากการทำความดีก็จะบ่นว่าทำดีไม่เห็นจะได้อะไร รักษาศีลไม่เห็นร่ำรวยอะไร เป็นเพราะไม่เข้าใจว่า ผลของความดีคืออะไร ผลของความดี คือความหลุดพ้น
    ผู้ทำความดี ย่อมแสดงถึงว่าเป็นผู้ที่มีจิตหลุดพ้นจากความเห็นแก่ตัว มีจิตกว้างขวางออกไปโดยลำดับและเห็นว่าการให้สำคัญกว่าการรับ และย่อมบำเพ็ญความดีเพื่อความดี มิใช่เพื่อผลตอบแทนใดๆ เป็นสำคัญ

    ๒๗

    ผู้ให้อภัยง่าย ก็คือ ไม่โกรธง่ายนั่นเอง ดังนั้น ผู้ที่ปรารถนาจะฝึกจิตให้ไม่โกรธง่าย จึงควรต้องฝึกตนให้เป็นผู้มีเหตุผล เคารพเหตุผล นั่นคือให้คิดหาเหตุผลเพื่อให้เกิดความเห็นอกเห็นใจผู้ที่ตนอยากจะโกรธ เมื่อเห็นอกเห็นใจด้วยเหตุผลแล้วจะได้ไม่โกรธ จะได้อภัยให้ในความผิดพลาดหรือบกพร่องของเขา กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือ ให้คิดหาเหตุผลเพื่อให้เกิดเมตตาในผู้ที่ตนอยากจะโกรธนั่นเอง

    --------------------------------------------------------------
    คัดลอกจาก หนังสือ ๑๐๐ คำสอน สมเด็จพระสังฆราช ของ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก จัดทำโดย มูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กรุงเทพ ๒๕๔๔ พิมพ์ที่ บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน)

    หมายเหตุ ผู้สนใจในเนื้อหาคำสอนนี้ กรุณาสนับสนุน หนังสือ ๑๐๐ คำสอน สมเด็จพระสังฆราช ได้ที่ บมจ.ธนาคารกสิกรไทย ทุกสาขา โดยรายได้จากการจำหน่ายหนังสือจะนำไปจัดซื้ออุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์ โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา จังหวัดกาญจนบุรี

    ที่มา BlogGang.com : : sirivajj -
     
  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    “สัมปจิตฉามิ” คาถาอภิญญา !!!

    [​IMG]

    อภิญญา แปลว่ารู้ยิ่งกว่า มาจากคำว่า “อภิ” แปลว่ายิ่งกว่า กับ “อัญญา” แปลว่ารู้ คำว่าอภิญญาเป็นสิ่งที่นักปฏิบัติทั้งหลายต้องการเป็นที่ยิ่ง อย่าไปดูคนอื่นเลย ตัวของอาตมานี่แหละ ปฏิบัติภาวนามาเพราะต้องการฤทธิ์อภิญญา หาได้เริ่มเพราะต้องการรู้แจ้งเห็นธรรมไม่ (เปิดเผยความเลวตัวเองซะเลย) ศึกษาประวัติหลวงปู่ – หลวงพ่อสมัยก่อน แต่ละองค์ล้วนแล้วแต่มากด้วยอิทธิฤทธิ์ ก็ยิ่งคิดอยากมีฤทธิ์มากขึ้น ดังนั้น...กรรมฐานหมวดแรกที่ฝึกจึงเป็นกสิณ กสิณกองอื่น ๆ หาอุปกรณ์ยาก สู้กสิณไฟไม่ได้ แค่ตะเกียงดวงเดียวก็ทำได้แล้ว...

    ปกติแล้วอาตมาเป็นคนขี้เกียจอ่านหนังสือ อาศัยจำจากครูบาอาจารย์สอนในห้องเรียนก็เหลือจะพอแล้ว สู้พี่สาวเขาไม่ได้ พี่มุกดาเขาขยันอ่านเป็นบ้าเป็นหลัง ก่อนหลับก็เห็นอ่านอยู่ ตื่นขึ้นเช้าก็เห็นเขาอ่านอยู่อย่างนั้น ยอมแพ้แล้วจ้า...! ทีนี้จะฝึกกสิณต้องอาศัยตะเกียง ถ้าจุดโดยไม่ได้ทำอะไรนอกจากนั่งมอง ก็มีหวังนอกจากถูกหาว่าบ้าแล้ว ก็อาจถูกไม้เรียวจนหายบ้าแน่ ๆ เพราะมันสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ ของพรรค์นี้มันก็ต้องมีเทคนิคเฉพาะหน้ากันบ้าง...

    ทำเป็นขยันอ่านหนังสือบ้างนะซิ...จุดตะเกียงกระป๋องแล้วกางหนังสือตรงหน้า ตาดูดวงไฟแล้วจำภาพไว้ หลับตาภาวนา “เตโชกสิณัง ๆ ๆ ๆ ๆ” พอภาพเลือนจากใจก็ลืมตาดูใหม่ เล่นนั่งทำในมุ้ง ไม่มีใครรู้หรอกว่าหลับตาหรือลืมตา เห็นกางหนังสือนั่งตัวตรงแหน็ว ใคร ๆ ก็คิดว่าอ่านหนังสือกันทั้งนั้น...

    เช้ามืดตื่นขึ้นมาติดไฟหุงข้าว (สมัยนั้นยังไม่มีแก๊ส ไม่มีหม้อไฟฟ้า ป่วยการจะไปพูดถึงเตาไมโครเวฟ) เอาไฟทั้งเตานั่นแหละเป็นนิมิตกสิณ ก็ไม่เห็นแปลกอะไร กองใหญ่ดีจำภาพง่าย ตกเย็นกลับจากโรงเรียน ยังจุดตะเกียงไม่ได้ก็ไม่เป็นไร พักกสิณไฟไว้ชั่วคราว ตักน้ำมา ๑ ขัน หลบเข้าดงมะม่วง แอบหลังต้นไม้ไม่มีใครเห็น ทีนี้ก็ “อาโปกสิณัง ๆ ๆ ๆ ๆ” ฮ่า...ยิ่งทำยิ่งสนุก...

    มัวแต่สนุกอยู่นั่นแหละ และทำกสิณหลายกองในเวลาเดียวกัน ผลคือเจ๊งไม่เป็นท่า พอเข้ามาทำงานกรุงเทพฯ ไปฝึกมโนมยิทธิที่บ้านสายลม อาศัยพื้นฐานคอนกรีตเสริมเหล็กเพราะเล่นกสิณมาก่อน พอฝึกปุ๊บก็ได้ปั๊บเลย ไม่เสียแรงเปล่านิ...

    หันไปสนุกกับมโนมยิทธิเกือบสามปี คืนหนึ่งที่บ้านสายลม “หลวงพ่อ” เทศน์เหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจว่า “วิชชาสอง...อภิญญาห้า...สมาบัติแปด...กรรมฐาน ๔๐...ต่อให้คล่องแค่ไหน ก็ยังแช่อยู่ในนรกทั้งตัว...!” ตายละวา...ที่ท่านเทศน์มาเราไม่มีซักอย่าง แบบนี้คงมิดหัวไม่ต้องผุดต้องเกิดซะละมั้ง...!? กำลังคิดว่าทำอย่างไรถึงจะพ้นนรกได้ “หลวงพ่อ” ท่านก็เทศน์ต่อว่า

    “...บุคคลที่จะพ้นอบายภูมิได้ อย่างน้อยต้องเป็นพระโสดาบัน การจะเป็นพระโสดาบันก็ไม่ยาก ให้ทรงอารมณ์ดังนี้...

    ๑. เคารพในพระพุทธเจ้า
    ๒. เคารพในพระธรรม
    ๓. เคารพในพระสงฆ์
    ๔. รักษาศีล ๕ ให้บริสุทธิ์
    ๕. คิดว่าตายเมื่อไร เราต้องการไปที่เดียวคือนิพพาน

    ถ้าอารมณ์เหล่านี้ทรงใจได้แน่นอน ท่านก็เป็นพระโสดาบัน คนที่เป็นพระโสดาบัน อบายภูมิจะปิดสำหรับท่าน...”

    อาตมาเหมือนคนร้ายเห็นประตูคุกเปิดรออยู่แน่ ๆ แล้ว มีคนมาชี้ทางหนีให้ก็เผ่นสุดชีวิต ฤทธิ์เดชอะไรก็ไม่เอาแล้วทั้งนั้น ยิ่งคิดยิ่งสยองขวัญ อีตอนกำลังสนุกเพลิน ๆ อยู่นั้น เกิดปุ๊บปั๊บตายขึ้นมาก็เรียบร้อย ประดาความเลวทั้งหลายที่ทำมา คงเชิญเสด็จไปนรกแน่ ๆ โธ่...มาหลงโง่อยู่ซะเป็นนาน...! (ตอนนี้ก็ยังไม่ฉลาดขึ้นเลย...) หันมารักษาศีลอย่างจริงจังบ้าง จากศีล ๕ ไม่เคยครบก็เริ่มครบ ค่อย ๆ ก้าวไปเรื่อยถึงศีลแปด พอรักษาศีลแปดได้ไม่นานก็บวชพอดี เรื่องอภิญญาสมาบัติหายไปจากความคิดชั่วคราว จนกระทั่งพรรษาที่สอง ขณะหลวงพ่อให้โอวาทพระใหม่อยู่นั่นเอง...

    “หลวงพ่อ” ขอให้พระทุกองค์สละเวลา ๑ ชั่วโมง ภาวนา “คาถาอภิญญา” ให้ทำติดต่อกันทุกวัน ท่านบอกว่าคาถานี้ “พระ” มาบอกให้ภาวนา ถ้าทำได้จะมีผลคล้ายอภิญญา คือไม่ต้องเสียเวลาไปฝึกกสิณ ๑๐ ภาวนาคาถานี้แล้วจะใช้ผลของกสิณได้เลย...

    “กาลต่อไปข้างหน้า บรรดานักบวชที่บิดเบือนคำสอนของพระพุทธเจ้าจะคุกคามหนักขึ้น ถึงขนาดโจมตีเรื่องอภิญญาสมาบัติว่าเป็นเรื่องเพ้อเจ้อเหลวไหล เมื่อถึงเวลานั้นพวกคุณจะต้องแสดงออกให้ชาวบ้านได้เห็น เขาจะได้รู้ว่า ใครกันแน่ที่ปฏิบัติตรงตามคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า...”

    ศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก ถึงขนาดเดิมพันกันด้วยอนาคตของพระศาสนาเชียวหรือ...? ในเมื่อเป็นคำสั่งของ “หลวงพ่อ” อาตมาก็น้อมรับใส่เกล้า นำไปยึดถือปฏิบัติทันที วิธีการมีดังนี้...

    ๑. นะโมฯ. ๓ จบ
    ๒. พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ทุติยัมปิฯ. ตติยัมปิฯ.
    ๓. อิติปิโสฯ. สวากขาโตฯ. สุปฏิปันโนฯ.
    ๔. แล้วทำใจสบาย ๆ ภาวนาว่า “สัมปจิตฉามิ” อ่านว่า สำ – ปะ – จิต – ฉา – มิ ไปเรื่อย ๆ

    ถ้าเห็นประกายแสงสีทอง ให้ดึงมารวมเป็นก้อนกลมเอาเข้าไว้ในอก ตัวจะลอยพ้นพื้น ถ้าทรงสติให้ดีจะบังคับให้เหาะไปไหนก็ได้ ถ้าคล่องตัวเมื่อไร อภิญญาใหญ่จะเข้าจับ สามารถใช้ผลของกสิณ ๑๐ ได้ดังใจทุกอย่าง...

    อาตมาทดลองทำดู พอเริ่มภาวนาก็เห็นประกายสีทองพร่างพราวไปหมด จิตดิ่งลึกควบแน่นอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน เหมือนมีพลังลึกลับบีบอัดเข้ามาทุกทิศทุกทาง แน่นเปรี๊ยะไปหมด ภาวนาไปไม่นาน รู้สึกมีอะไรหมุน ๆ อยู่ข้างเอว... ลืมตาขึ้นดู... “เหวอ – อ...!” “โครม – ม – ม...!” ตึกสะท้านไปทั้งหลัง ไอ้ที่หมุน ๆ น่ะพัดลมเพดานที่เปิดไว้ ตัวเราดันลอยขึ้นมาตอนไหนไม่รู้ ห่างพัดลมนิดเดียว พอเห็นเข้าก็ตกใจ เลยหล่นจากท่าขัดสมาธิ ตะครุบกบดังสนั่นไปเลย...!

    ปิดพัดลมภาวนาใหม่ เอ๊ะ...มันลอยจริง ๆ แฮะ จะเป็นอุเพ็งคาปิติหรือเปล่าหนอ...? “ป้าบ – บ” อูย...ย แบนเป็นกล้วยปิ้งเลย มันลอยวืดขึ้นไปอัดติดกับเพดานทั้งแรงทั้งเร็ว แล้วหมุนติ้วไปรอบห้อง เร็วจี๋จนดูแทบไม่ทัน... รู้สึกกลัวนิด ๆ มันเลยค่อย ๆ ลอยลงมาที่เดิมตรงจุดเดิมเป๊ะเลย พอภาวนาใหม่ก็ได้เรื่อง มันพุ่งตูมทะลุหลังคา พุ่งปร๊าดไปในอากาศ เร็วยิ่งกว่าเอฟ. ๑๖ ผิวหนังเสียดสีกับอากาศจนแสบชาไปทั้งตัว แบบนี้ตายแน่ ๆ... “โครม-ม...!” หล่นลงที่เดิมเป๊ะ ไม่มีเคลื่อนแม้แต่นิดเดียว ฝ้าเพดานกับหลังคาก็ปกติทุกอย่าง แล้วเราออกไปทางรูไหนกันแน่...? จะว่าฝันก็ไม่ใช่ เพราะตื่นอยู่สติสมบูรณ์พร้อมทุกประการ หล่นก็เจ็บ สูงก็กลัว มันอะไรกันแน่...?

    ออกไปรับเวรตามปกติ ฝากเวรกับเทวดาแล้วเอาจีวรคลุมโปง ภาวนาไปเรื่อย ๆ อาการชาควบแน่นเข้า – แน่นเข้า พอดีหลวงพี่โอ (พระครูสมุห์พิชิต ฐิตวีโร) เดินเข้ามาในห้องยาม เสียงแว่ว ๆ พูดว่า “ท่านนี่เอาแต่ภาวนาจังเลยนิ...” รู้สึกว่าหลวงพี่ท่านแกล้งเอานิ้วจิ้มที่ศีรษะ คุณพระช่วย...! ตัวมันลอยวืดขึ้นมาทันที “เดี๋ยวเขาก็รู้กันหมดทั้งวัดเท่านั้น...” พอคิดวิตกมันก็ค้างกลางอากาศ สูงจากเตียงแค่มือลอดได้ พอดีจีวรคลุมอยู่ หลวงพี่ท่านเลยไม่ทันสังเกต...! แต่หัวเรานะซิ...มันเหมือนลูกโป่งถูกเจาะ มีอะไรจากข้างในไม่รู้พุ่งฟู่ออกมาเป็นสายเลย แรก ๆ ก็ออกตรงถูกจิ้มแค่รูเดียว หนัก ๆ เข้าตัวมันพรุนเป็นฝักบัว พุ่งออกทุกทิศทุกทาง เป็นอยู่นานหลายสิบนาทีทีเดียว...

    อาตมาทบทวนความรู้จาก “หลวงพ่อ” ที่สอนไว้ ไอ้อาการลอยกับเหาะต้องเป็นอุเพ็งคาปิติแน่ ๆ ส่วนไอ้ตัวรั่วเป็นรูคงเป็นผรณาปิติ เป็นอันว่านับเวลาปฏิบัติมาเข้าปีที่สิบสาม เพิ่งจะพบปิติครบทั้ง ๕ ตัวในวันนี้เอง...! การภาวนาหลังจากนั้นซิ...วิสัยเดิมที่เลวชักนำไป ภาวนาทีไรอยากเหาะทุกที มัวแต่ตามจับอาการทางกายอยู่นั่นแหละว่าใกล้จะลอยหรือยัง ผลคือจิตไม่รวมตัว กรรมฐานเลยพังไปเป็นเดือน แค่อารมณ์สมาธิธรรมดายังทรงไม่ได้เลย...

    ขืนปล่อยให้พญามารจูงจมูกแบบนี้คงแย่แน่ ๆ อาตมาเลยอธิษฐานตัดทิ้งไปเลย...“ลูกจะภาวนาทุกวัน แต่ผลใด ๆ อย่าเพิ่งเกิดขึ้นเลย ไม่อย่างนั้นลูกหลงเดินผิดทางเป็นแน่ ขอแค่เวลาลูกจำเป็นต้องใช้ แล้วขอให้ผลเกิดกับลูกตอนนั้นเถิด” คราวนี้สบาย...ภาวนาได้ใจสงบดี อาการประหลาด ๆ ไม่เกิดขึ้นอีก เพียงแต่ไม่ทราบว่าผลที่ภาวนาทุกวันได้เท่าไรแล้ว และไม่คิดว่าจำเป็นต้องทราบด้วย จนกระทั่งไปเยี่ยมสถานีวิจัยเพื่อรักษาต้นน้ำแม่กลอง มันก็เกิดเหตุจำเป็นจนได้...

    คุณประเดิมชัย แสงคู่วงษ์ หัวหน้าสถานี นำคณะเดินขึ้นเขาไปเรื่อย ๆ ชมงานของทางสถานี ไม่ว่าจะเป็นการเก็บตะกอน วัดน้ำ วัดอากาศ การทดลองพืชคลุมดิน พืชยึดน้ำ ฯลฯ เพลินไปถึงสถานีย่อยนิคุฮุ เป็นเวลา ๑๑.๑๐ น. แล้ว เราพร้อมที่จะอด แต่ทางสถานีใหญ่เตรียมอาหารไว้ถวายเพล... ต้องฉลองศรัทธาเขาหน่อย แต่มันอยู่ห่างตั้งสี่กิโลเมตร และเป็นทางขึ้นเขาลงห้วยด้วย จำเป็นขึ้นมาแล้ว ขอให้ลูกใช้อำนาจคาถาอภิญญาด้วยเถิด...สำรวมจิตขอบารมี ภาวนาคาถาพลางเดินไปเรื่อย ๆ ทันเพลก็ฉัน ไม่ทันก็อดเอา...

    ห่างจากสถานีครึ่งกิโลเมตร รถของสถานีวิ่งสวนออกมา เหลียวดูข้างหลังไม่เห็นคณะญาติโยมเลยซักคน เลยบอกรถเขาเลยไปรับโยม เราเองเข้าหน่วยไปฉันเพล เหลือบดูนาฬิกาแล้วงง มันเสียละมั้ง...? ทำไมเวลาผ่านไปแค่ ๒๐ นาที... พักใหญ่รถที่ไปรับโยมก็มาถึง แม่ถามปนหอบว่า “ท่าน...ทำไมเดินเร็วอย่างนี้...? ข้างหลังวิ่งไล่ยังไม่ทัน จุ๊บ (เบญจพร) วิ่งซะเลือดกำเดาไหลเลย...!” อันนี้อาตมาตอบไม่ได้ เพราะรู้สึกว่าทางมันก็ไกลเท่าเดิม แต่ทำไมใช้เวลาน้อยจัง...!

    อำนาจคาถาอภิญญาแสดงผลอีกครั้งตอนที่บุกไปเมืองลับแลแม่สาน ระยะทางนั้นหลวงลุงสุนทรเดินจนปรุ ยืนยันว่าใช้เวลาเดินหกชั่วโมง แต่อาตมาภาวนาคาถาอภิญญา ใช้เวลาเดินแค่สองชั่วโมงครึ่ง มันเป็นไปได้เหมือนกัน...! ตอนเดินอยู่รู้สึกว่าหนทางมันช่างยาวไกลไม่สิ้นสุด มีหลายวาระที่ยอมรับว่าท้อใจ เพราะเดินเท่าไรไม่ถึงจุดหมายซักที พอไปถึงดูเวลาเข้า ได้กำไรตั้งสามชั่วโมงครึ่ง ขากลับขนาดเดินชมนกชมไม้มาตลอดทาง ใช้เวลาแค่สองชั่วโมงยี่สิบห้านาที...เอากับเขาซิ...

    ท่านผู้อ่านท่านใดสนใจก็ขอเชิญภาวนาดูได้ ผลเป็นประการใดขอให้เล่าสู่กันฟังบ้าง วงการศาสนาระยะนี้มีแต่ข่าวนักบวชเลวปรากฏอยู่เสมอ เมื่อชาวบ้านพึ่งเขาไม่ได้ ก็พยายามทำให้อภิญญาเกิดแก่ตัวเอง เผื่อนักบวชเหล่านั้นมาเป็นศิษย์ของฆราวาสกันบ้าง คงสนุกดีพิลึก...!

    ๕ พฤษภาคม ๒๕๓๓
    พระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

    หมายเหตุ : เมื่อไปอยู่ที่เกาะพระฤๅษีใหม่ ๆ อาตมาต้องเดินขึ้นเขาไปบิณฑบาต เป็นระยะทาง ๕ ก.ม.เศษ รวมไปกลับสิบก.ม.ครึ่ง ทีแรกก็มีคนงานป่าไม้เดินตามไปช่วยหิ้วปิ่นโตให้ พอผ่านไปไม่ถึงครึ่งเดือน คนงานหายหัวกันไปหมด... อาตมาเลยต้องหิ้วปิ่นโตเอง

    วันหนึ่ง... สมบัติ ซึ่งเป็นหัวหน้าคนงานมากราบแล้วกราบอีก บอกว่า “ผมเชื่อแล้วครับว่าพระอาจารย์เดินเร็วจริง ๆ ...ทีแรกผมสงสัยว่าทำไมคนงานมันไม่ไปช่วยหิ้วปิ่นโต ถามมันแล้วมันบอกว่า พระอาจารย์เดินเร็วจนมันตามไม่ทัน... คนงานพวกนี้เวลามันเดินผมต้องวิ่งตามนะครับ...! แต่มันบอกว่ามันต้องวิ่งตามพระอาจารย์ ผมเลยขี่มอเตอร์ไซค์ตามไป พระอาจารย์เดินเร็วจริง ๆ ครับ...ขนาดมอเตอร์ไซค์ยังกวดไม่ทันเลย...!”

    เรื่องนี้ท่านผู้อ่านต้องไปถามคุณสมบัติ คุ้มท้วม เอาเองว่ามีความจริงแค่ไหน เพราะว่าอาตมาเองก็รู้สึกว่าเดินไปตามปกติ เพียงแต่ว่าหาคนถือปิ่นโตตามหลังไม่ได้เท่านั้นเอง

    ๑๐ สิงหาคม ๒๕๔๙
    พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

    ที่มา อดีตที่ผ่านพ้นตอนที่ ๖๐ : คาถาอภิญญา - กระดานสนทนาวัดท่าขนุน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 เมษายน 2013
  7. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัวฉบับคัดสรร : ภัยพิบัติ !!!
    โดยคุณ ดังตฤณ

    [​IMG]

    ถาม – โลกกำลังจะมีภัยพิบัติครั้งใหญ่จริงหรือไม่?

    ตอบ - ตั้งแต่เกิดเหตุสึนามิถล่มหลายประเทศ ขบวนการพยากรณ์ก็กลับมาฮิตใหม่อีกครั้ง หลังจากซบเซาไปนาน ทั้งการไม่มาตามนัดของสงครามนิวเคลียร์ในปี ๑๙๙๙ และทั้งการลบแผนที่หลายๆประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่มีหมู่เกาะซึ่งเสี่ยงต่อการจมน้ำทั้งหลาย

    ผมมองว่าขบวนการพยากรณ์ภัยพิบัติส่วนใหญ่ คือการใช้ประโยชน์จากความกลัวของผู้คน คำทำนายมักหนีไม่พ้นแผ่นดินไหว น้ำท่วม ไฟไหม้ พายุซัด เพราะเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นบ่อยในระยะหลัง แต่เพื่อให้น่าสนใจ คำพยากรณ์ช่วงนี้จะออกแนวหายนะระดับล้างโลกที่น่าขนพองสยองเกล้า เช่นประเทศนั้นประเทศนี้จะหายวับไปกับตา อะไรทำนองนั้น

    นอกจากภัยทางธรรมชาติ ยังมีคำพยากรณ์เกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรค ซึ่งอันนี้ก็เป็นจริงและควรมองว่าน่าหวั่นวิตกกว่ากันเสียอีก เพราะมีข่าวไวรัสสายพันธุ์ใหม่ให้ได้ยินเป็นรายวัน ชนิดที่ต่อไปคนอาจไม่ประหลาดใจถ้ามีข่าวว่าอยู่ดีๆมีคนกลุ่มหนึ่งบนฟุตบาทลงไปชักดิ้นชักงอพราดๆเหมือนในหนังเขย่าขวัญ โดยทีมแพทย์ตรวจเบื้องต้นไม่ทราบว่าโดนเชื้อโรคสายพันธุ์ใดเล่นงาน

    เสียงลือเกี่ยวกับการเอาอาวุธนิวเคลียร์มาเป็นเครื่องมือข่มขู่กันระหว่างประเทศ ก็ทำให้เกิดการพยากรณ์อันน่าเชื่อถือได้อีก ว่าวันหนึ่งโลกคงไม่แคล้วต้องประสบกับโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่สุด คนตายเรือนล้านทันทีจากอาวุธนิวเคลียร์ และอีกหลายล้านต้องตายแบบผ่อนส่งจากพิษกัมมันตภาพรังสี

    สรุปคือ ปัจจัยที่จะทำให้เกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่นั้นมีอยู่จริง!

    อย่างไรก็ตาม สิ่งที่มีอยู่จริงก็ไม่จำเป็นต้องแผลงฤทธิ์เสมอไป ทำนองเดียวกับที่เราเดินผ่านหมามีเขี้ยวเล็บทุกวัน มันมีสิทธิ์กัดเราเนื้อขาดได้ตอนทีเผลอ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่กัด ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราเดินผ่านไปสบายๆโดยไม่คิดอะไร จนกว่าจะมีข่าวหมาเป็นพิษสุนัขบ้า หรือได้ยินใครในตลาดเล่าให้ฟังว่าหมู่นี้หมาชอบกัดคนเดินเท้าประจำ คุณถึงค่อยเกิดอาการเหลียวซ้ายแลขวาลอกแลก แตกต่างไปจากเดิม

    ลองหลบมุมจากเสียงลือเสียงเล่าอ้าง แล้วมาดูกันในมุมมองของกรรมวิบากกันบ้างนะครับ ผมจะไม่พูดแบบหมอดู คือไม่ฟันธงลงไปว่าอะไรจะเกิดขึ้นที่ไหน เมื่อไหร่ ตอนดาวทำมุมอย่างไร แต่จะลองวาดภาพให้คุณเห็นอย่างชัดเจน ว่าตามหลักแล้ววิบากกรรมจะเล่นงานคนเรือนล้านพร้อมกันได้เพราะมีเหตุปัจจัยดังนี้

    ๑) มีสัตว์ต้องตาย ‘พร้อมกัน’ นับอสงไขย คืออย่าไปคิดเฉพาะมนุษย์ซึ่งเป็นเผ่าพันธุ์ที่กำลังเสวยบุญขั้นสูงสุด แต่ต้องคิดถึงสัตว์น้อยใหญ่อีกไม่รู้กี่แสนล้านตัวด้วย เพราะสมมุติว่าคนตายเพียงหนึ่งล้าน แปลว่าต้องกินอาณาบริเวณกว้างไกลไม่ใช่เล่นๆ อาจจะทั้งจังหวัดเล็กๆ ลองคิดดูสิครับว่าหมาแมว นกหนู มดปลวก และอะไรจิปาถะอื่นๆจะมีอยู่ประมาณไหนในหนึ่งจังหวัด ใช้ตัวเลขมั่วๆว่า ‘นับไม่ถ้วน’ ไปพลางๆดีกว่า

    ๒) วิบากกรรมที่ทำให้ตายกะทันหันนั้น ควรจะเป็นประเภทตัดรอนภาวะดีๆ เปลี่ยนเอาภาวะร้ายๆมาแทนที่แบบปุบปับฉับพลัน ไม่ให้ทันได้ตั้งเนื้อตั้งตัว พูดง่ายๆว่าต้องตกต่ำลงจากสภาพเคยอยู่ดีมีสุขในสภาพเนื้อตัวแห้งสะอาดนุ่มนิ่มแบบมนุษย์ไปเป็นอื่นที่ลำบากกว่ากัน ทั้งนี้ก็เพราะคนและสัตว์ส่วนใหญ่ไม่ได้เตรียมใจตายไว้ล่วงหน้า เมื่อไม่ได้เตรียมก็แปลว่าใช้ชีวิตตามสบาย ซึ่งตามสบายของคนส่วนใหญ่ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ ถ้าไม่คิดเรื่องเซ็กซ์ก็คิดเรื่องล้างแค้น ถ้าไม่คิดเรื่องล้างแค้นก็คิดเรื่องความสำคัญของตัวตน ล้วนแต่เรื่องปรุงแต่งจิตให้เศร้าหมอง เมื่อตายขณะจิตเศร้าหมองย่อมเอียงลงต่ำ เว้นแต่จะสั่งสมบุญใหญ่ไว้ช้อนได้ทัน

    อีกประการหนึ่ง ภัยพิบัติระดับทำคนตายเป็นล้านนั้น มักมาในรูปแบบของความน่าสะพรึงกลัวไม่มีอะไรเกิน ความกลัวเป็นโทสะชนิดแรงกล้า ถ้าครอบงำจิตสุดท้ายไว้ทั้งดวงได้ ก็มักตรึงจิตให้ติดอยู่กับความกลัวนั้นๆ พูดง่ายๆเป็นเปรตที่ต้องวนเวียนอยู่กับภพแห่งความน่ากลัวไปอีกนาน จนกว่าจะมีบุญใดมาเลื่อนชั้นให้ น้อยคนครับที่เปลี่ยนจากภาวะมนุษย์ด้วยอุบัติเหตุกะทันหันแล้วไปสูงขึ้น ต้องสั่งสม ต้องย้อมจิตย้อมใจเป็นกุศลกันจนอยู่ตัวพอประมาณ

    เอาแค่ปัจจัยที่เอื้อให้เกิดมหาหายนะสองข้อข้างต้น ก็คงพอจะพิจารณาได้ว่าการตายเกลี้ยงฉาดแบบเทกระจาดทิ้งทั้งหมดโลกในคราวเดียวนั้น เกิดขึ้นได้ยากเต็มทีครับ เพราะแปลว่าผู้มีบุญถึงขั้นได้เป็นมนุษย์กว่า ๖,๐๐๐ ล้านรายจะต้องตายร้ายพร้อมกันหมด อัตราความเป็นไปได้คงเป็นศูนย์ คือต่อให้มีดาวหางใหญ่เท่าดวงจันทร์จะวิ่งมาชนโลกแตกดับ ก็ต้องได้พระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยเหมือนในหนังจนได้

    อย่างไรก็ตาม แม้โอกาสตายเกลี้ยงพร้อมกันจะเป็นศูนย์ แต่โอกาสทยอยตายเป็นกระจุกๆนั้นชักเริ่มมีมาก ทั้งนี้เพราะมีผู้สมควรตายแบบปัจจุบันทันด่วนเพิ่มขึ้นนั่นเอง

    ผู้สมควรตายแบบปัจจุบันทันด่วนนั้นคือใครบ้าง?

    ๑) ผู้ถึงวาระสุดท้าย อาจถึงเวลาตายด้วยกรรมเก่าจากอดีตชาติ หรือเพราะกรรมใหม่ในชีวิตปัจจุบัน บันดาลให้ต้องตกตาย ณ จุดของเวลานั้นๆ โดยไม่คำนึงถึงว่าจิตกำลังเป็นกุศลหรืออกุศลในขณะเผชิญความตาย โดยมากพวกนี้จะมีโอกาสตั้งสติระลึกถึงสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ซึ่งสิ่งมนุษย์มักยึดเหนี่ยวกันก็คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของตน แต่ถ้าระหว่างมีชีวิตไม่ทำสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้อยู่ในใจ ก็มักกังวลโน่นนี่สารพัด

    ๒) ผู้ถึงวาระสุดท้ายเช่นเดียวกับข้อแรก แต่กรรมในอดีตชาติหรือในชาติปัจจุบันบังคับไว้เลยว่าต้องตายด้วยจิตที่เป็นกุศลหรืออกุศล เช่นถ้าอดีตชาติเคยฆ่าผู้อื่นด้วยวิธีทำให้กลัวก่อนตาย หากชาติปัจจุบันไม่สร้างกระแสกรรมใหม่ไว้แรงพอจะส่งให้จิตมีกำลังและสว่างไสวพอ ก็จะต้องตายด้วยเหตุการณ์ที่ก่อให้เกิดความกลัวอย่างท่วมท้น แม้พยายามระลึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในนาทีสุดท้าย อย่างไรก็แก้ไม่ทัน

    ๓) ผู้มีบาปหนัก ถึงเวลาตายในจังหวะที่จิตกำลังดำมืด ขาดกำลังส่งให้ไปดี เขามีบาปหนักสมควรจะต้องชดใช้ ขนาดที่ว่าถ้ายังมีชีวิตต่อ ก็จะขาดเหตุปัจจัยในโลกนี้มาลงโทษอย่างสาสม อันนี้หาได้ยาก ที่เคยมีเป็นเยี่ยงอย่างแก่มนุษยชาติก็ได้แก่พระเทวทัตซึ่งทำร้ายพระพุทธองค์สารพัดวิธีแบบกะปลงพระชนม์ อยู่ๆพื้นแผ่นดินที่ยืนอยู่ก็แยกออกแล้วกลืนหายลงไปเฉยๆ (ไม่ได้สูบฮวบเดียวจมมิด เพราะหลักฐานมีอยู่ว่าพระเทวทัตสำนึกผิดได้ตอนโดนดูดลงไปเหลือแค่ส่วนหัว ตำแหน่งที่พระเทวทัตโดนในปัจจุบันก็ยังมีปักป้ายแสดงที่อินเดีย ใครอยากดูก็ลองไปสัมผัสเอาเองว่ามีความน่าขนลุกอยู่จริงไหม)

    ๔) ผู้มีบุญมาก ถึงเวลาตายในจังหวะที่จิตกำลังผ่องใส หรือมีกำลังของกุศลอุ้มชูมากพอจะประกันภพใหม่ว่าต้องดีกว่าที่กำลังเป็นอยู่ เขามีบุญญาธิการที่ควรได้เป็นผู้เสวยสุขมาก ขนาดที่ว่าถ้ายังมีชีวิตต่อ ก็ขาดเหตุปัจจัยที่จะตกรางวัลอย่างสมน้ำสมเนื้อกับบุญญาบารมีเสียแล้ว พวกนี้กุศลจะคุ้มตัว ต่อให้เกิดเรื่องน่ากลัวขนาดไหนก็ไม่ตระหนก จิตส่วนลึกมีความเชื่อมั่นกับกระแสกุศล อบอุ่นใจมากพอ ตัวอย่างที่เคยเกิดขึ้นคือหญิงชาวนาคนหนึ่ง ตื่นเช้าใส่บาตรพระอรหันต์ซึ่งเพิ่งออกจากนิโรธสมาบัติ ซึ่งผลกรรมด้านดีจะแรงมาก ต้องเห็นผลใน ๗ วัน แต่ด้วยวิถีชีวิตของนางไม่มีปัจจัยในโลกสนองตอบได้ไหว เลยตายแบบปัจจุบันทันด่วนด้วยสัตว์ร้าย ไปเสวยสวรรค์ระหว่างทางทำบุญนั่นเอง (ปัจจุบันข่าวทัวร์บุญที่รถเทกระจาดก็มีให้เห็นบ่อยจนบางคนตั้งข้อสังเกตนะครับ อย่าตีความว่าทำบุญแล้วตายหมายถึงทำบุญแล้วได้อัปมงคลเป็นอันขาด)

    ขอยกตัวอย่างเหตุการณ์สึนามิที่ผ่านมา คนมักถามกันว่าผู้เคราะห์ร้ายเคยทำกรรมใดร่วมกันมาจึงร่วมตายเกือบพร้อมเพรียงอย่างนั้นถึงสามแสนคน อันนี้ขอให้ทราบนะครับ การตายหมู่ไม่ใช่เครื่องหมายบอกเสมอไปว่านั่นเป็นวิบากกรรมที่พวกเขาทำมาร่วมกัน ขอให้สังเกตว่ากรณีสึนามินั้น แต่ละคนกระจายกันรับเคราะห์กรรมซึ่งมีแรงหนักเบาไม่เท่ากัน สถานการณ์ที่ส่งผลให้เจ็บตายไม่เหมือนกัน และที่สำคัญไม่ได้รู้จักมักจี่ ไม่ได้จูงมือไปรวมตัวกันตามข้อตกลงแต่อย่างใด

    นอกจากนั้นขอให้สังเกตอีกประการหนึ่ง คือหลายรายไม่ใช่คนในพื้นที่ แต่เมื่อถึงเวลาเปลี่ยนภพของพวกเขา ก็มีเหตุให้พวกเขาต้องไปอยู่ที่นั่นพอดี ตำแหน่งที่จะถูกน้ำซัดตายพอดี ส่วนคนที่ยังไม่ถึงฆาต แม้ห่างกันแค่ไม่กี่ก้าว ก็กลับรอดและไม่บาดเจ็บเท่าแมวข่วน บางคนถูกน้ำซัดเข้าปะทะผนัง น่าจะตายแน่แล้ว ผนังส่วนนั้นกลับพังราบ เลยรอดจากการถูกอัดก๊อปปี้! นี่แหละการแสดงความมหัศจรรย์ในการ ‘คัดคนออก’ ของกฎแห่งกรรมวิบาก ใครยังคิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญ ก็สมควรทบทวนดูใหม่จากเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้น ว่าทำไมความบังเอิญจึงเล่นตลกได้ขนาดนี้?

    การประสบเคราะห์กรรมร่วมกัน ชนิดที่ส่อถึงอดีตกรรมที่เคยทำมาด้วยกันนั้น จะเป็นประเภทกลุ่มคนที่รู้จักกัน ร่วมทางหรือลงเรือลำเดียวกัน ประสบกับรูปแบบเคราะห์กรรมเดียวร่วมกัน เช่นในคัมภีร์มีเรื่องของเหล่าภิกษุไปติดในถ้ำด้วยกัน อดอยากปากแห้งร่วมกันอยู่หลายวัน ก็เพราะกรรมหมู่ในอดีตชาติที่เคยร่วมกันกักขังสัตว์ให้ได้รับความทรมาน เป็นต้น

    โลกนี้แบ่งออกเป็นเขตพื้นที่ปลอดภัยกับเขตพื้นที่สุ่มเสี่ยง และเป็นอย่างนี้มาทุกยุคทุกสมัย ไม่มีสมัยใดที่โลกปูตลอดด้วยพื้นที่ปลอดภัยหรือสุ่มเสี่ยงอย่างเดียว ต้องมีกระจายเขตดีเขตร้ายไว้ให้บริการส่ำสัตว์ผู้มีบุญมีบาปอย่างทั่วหน้าอยู่เสมอ ฉะนั้นขอให้ลืมเรื่องภัยล้างโลกแบบกวาดทีเดียวหายเรียบไปได้ วันหนึ่งโลกอาจถึงกาลแตกดับจริง แต่ป่านนั้นต้องไม่มีสัตว์บุญมากอย่างมนุษย์หลงเหลืออยู่อีกต่อไปแล้ว

    โลกยังไม่แตกวันนี้ แต่ก็อย่าประมาทเลยครับ เพราะเราอาจยืน เดิน นั่ง นอนอยู่ในเขตประหาร และเราก็ไม่อาจทราบเสียด้วยว่าถึงเวลาของเราหรือยัง ขอให้คำนึงถึงการเตรียมเสบียงไว้เพื่อความไม่ประมาทแหละดีที่สุด เราจะได้ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องถามหาคำทำนาย ว่าที่กำลังหายใจได้ กำลังรู้สึกและนึกคิดได้เหมือนอย่างนี้ วาระสุดท้ายจะต้องตายเดี่ยวหรือตายหมู่ ตายดีหรือตายทรมาน ตายในขณะที่จิตเป็นกุศลหรืออกุศล เพราะธรรมดาผู้สั่งสมบุญ ตุนเสบียงไว้มากๆ ย่อมอุ่นใจอยู่เสมอว่ากรรมขาวทั้งปวงจะตามไปช่วยอุดหนุนค้ำจุนมิให้หลงตายตกร่วงลงต่ำอย่างแน่นอน

    ถาม – เขาว่าเมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ ๓ ขึ้น จะมีนิวเคลียร์ลง ผู้คนจะตายเป็นร้อยล้านพันล้าน ถ้าใครทำดีมากๆแล้วจะรอดได้ อยากถามคุณดังตฤณว่าคำทำนายนี้เป็นจริงหรือไม่?

    ตอบ - สิบกว่าปีก่อนผมเคยอ่านคำทำนายที่ว่าในปี พ.ศ. ๒๕๔๒ หรือ ค.ศ. ๑๙๙๙ จะมีมหาสงครามนิวเคลียร์ ผู้คนล้มตายกันทั่วโลก แต่คนดีๆจะมีสิทธิ์อยู่ต่อ บางแหล่งถึงกับระบุทีเดียวว่าจะมีกรวยสีรุ้งพุ่งจากฟากฟ้าลงมาปกป้องอภิบาลคนดีมีศีลสัตย์ให้อยู่รอดปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายจากระเบิดล้างโลก

    ครั้งนั้นผมก็ขมวดคิ้วสงสัยแล้วว่าเอ๊! คนเลวตายหมด แต่คนดีผีคุ้ม ไม่ตายง่ายๆ มิแปลว่าผลของการเป็นคนดีคืออยู่ทรมานต่อจากพิษกัมมันตภาพรังสีหรอกหรือ? คิดดูซิครับ โลกหลังมหาสงครามนิวเคลียร์น่ะมันจะไปเหลืออะไรนอกจากฝุ่นพิษ อาหารการกิน น้ำไฟและความเป็นอยู่ต่างๆคงย่ำแย่เหลือรับประทาน

    คำทำนายทำนองนี้เหมือนจะเอาใจคนทั่วไปที่ไม่อยากตาย หรือเป็นกุศโลบายให้คนเร่งขวนขวายทำความดีกัน ส่วนดีก็ดีแหละครับ แต่ส่วนไม่ดี ที่เป็นผลกระทบข้างเคียง คือความเข้าใจผิด สำคัญผิด และเชื่อมโยงเรื่องกรรมวิบากกันผิดๆ เป็นเหตุให้เสื่อมศรัทธาได้ง่ายๆถ้าผลออกมาไม่ตรงกับคำทำนาย ยกตัวอย่างเช่นยังไม่ทันเกิดสงครามนิวเคลียร์ คนดีมีศีลสัตย์ถูกไฟดูดตายโดยไม่มีปาฏิหาริย์ที่ไหนช่วย คนรู้ข่าวก็จะมองกันว่าไหนบอกคนดีผีคุ้มไง ทำไมงอก่องอขิง ไหม้เกรียมเป็นที่น่าสลดสังเวชขนาดนี้?

    ถ้ามองแบบคนกลัวตาย ยังยึดติดกับสุขขี้ปะติ๋วในโลก คุณก็ต้องอยากฟังคำทำนายประเภทตัวเองดีพอ มีบุญพอจะอยู่ต่อ แต่หากคุณมีศรัทธาในบุญอย่างแท้จริง และตระหนักว่าบุญจะเป็นที่พึ่งให้คุณสบายกว่านี้ ก็คงคิดไปอีกอย่างหนึ่งครับ คือถึงตายโหงก็ตายโหงอย่างคนมีบุญ ร้องจ๊ากใหญ่ๆสักนาทีหนึ่งแล้วได้ไปหัวเราะร่าหรรษาบนสวรรค์อีกครึ่งกัปครึ่งกัลป์ อย่างนี้จะต้องไปกลัวอะไร?

    ทำดีมากๆในชาตินี้ ไม่เกี่ยวกับตายเร็วหรือตายช้าหรอกครับ ไม่เกี่ยวกับตายสงบหรือตายน่าสังเวชด้วย แต่จะเกี่ยวกับตายแล้วไปไหนมากกว่า อย่างไรทุกคนก็ต้องทยอยจากกันไปหมดอยู่แล้ว ถ้าคุณกำลังอ่านบรรทัดนี้อยู่ ก็แปลว่าเหลือเวลาให้ทำใจเชื่อเรื่องบุญกรรมกันอย่างถูกต้องพอสมควร ก่อนตายไม่ควรหวาดผวา แต่ควรเตรียมเนื้อเตรียมตัว เตรียมใจใช้ชีวิตที่เหลือเพื่อความไปสู่สุคติ หรือเพื่อความสิ้นสุดทุกข์ร้อนถาวรต่อไป

    อีกประการหนึ่ง เรื่องตื่นข่าวหายนะระดับประเทศหรือระดับโลกนั้น ไม่ถือว่าเป็นเรื่องงมงายเสียทีเดียว เพราะช่วงที่ผ่านมาเกิดเรื่องเลวร้ายมากมายเสียจนคนหายประมาทกันเยอะ แต่อย่างไรก็ตาม ขอให้พิจารณาตามจริงด้วยว่าคำทำนายเกี่ยวกับหายนะระดับช้างนั้น ผิดมากกว่าถูก ถ้าเหมารวมได้ทั้งหมดคุณอาจตาค้างด้วยความประหลาดใจ คือร้อยคำทำนายจะมีสักหนึ่งหรือน้อยกว่านั้นที่เกิดเรื่องเกิดราวขึ้นจริงๆ ชนิดตรงเผงทั้งเวลา สถานที่ และบุคคลผู้ก่อการ

    เมื่อข้อเท็จจริงตามสถิติคือ ‘เป็นไปได้ต่ำที่จะทายถูก’ พวกเราก็ควรกำหนดใจเชื่อไว้น้อยๆด้วยเหมือนกัน เหตุการณ์ระดับโลกที่เกี่ยวข้องกับวิบากกรรมของคนเรือนล้านนั้น ไม่ใช่รู้กันง่ายๆหรอกครับ บางคนฟังคำทำนายแล้วก็วิ่งเต้นเข้าพิธีไสยศาสตร์บ้าง ตระหนกตกตื่นจนท้อแท้ไม่อยากทำอะไรเลยบ้าง หรือกระทั่งสิ้นหวังขนาดอยากฆ่าตัวตายไปล่วงหน้าบ้าง (เพราะคิดๆอยู่ก่อนหน้าแล้วจากเรื่องรันทดในชีวิตตน) เหล่านี้ล้วนแล้วแต่ใช้ชีวิตที่เหลือไม่คุ้มค่า เป็นไปเพื่อถูกอุปาทานครอบงำให้จิตเป็นอกุศลเปล่าโดยแท้

    ผมว่าเรามาเตรียมตัวกันแบบชาวพุทธจริงๆกันดีกว่าครับ ชาวพุทธเป็นอย่างไร? เป็นคนที่พยายาม ‘รู้ตามจริง’ ด้วยเหตุผล ไม่ใช่ ‘เชื่อตามกัน’ โดยปราศจากการพิจารณา และด้วยท่าทีของชาวพุทธ ผมอยากตั้งข้อสังเกตดังนี้

    ๑) ยอมรับตามจริงว่าปัจจุบันโลกตกอยู่ในเงื้อมเงาของอันตรายหลายประเภท อย่าดึงดันปฏิเสธแบบหัวดื้อตาใส ว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ พวกเชื่อเรื่องภัยพิบัติคือกลุ่มคนที่งมงายเท่านั้น

    ๒) เมื่อเกิดคำทำนายใดๆ ทั้งจากฝั่งหมอดูและจากฝั่งนักวิทยาศาสตร์ ขอให้ตั้งสติฟังอย่างรอบคอบว่าจะเกิดอะไรขึ้น เช่นเร็วๆนี้มีข่าวว่าอุกกาบาตจะตกในอ่าวไทย ลือกันแพร่สะพัดต่างๆนานา ถือเอาจังหวะที่ผู้คนกำลังขวัญเสียจากสึนามิ โดยไม่คำนึงถึงหลักความจริงทางวิทยาศาสตร์ประกอบ หากพิจารณาคำทำนายดีๆแล้ว จะเห็นได้ตั้งแต่เมื่ออ่านหรือรับฟังในครั้งแรกนั่นเองว่าเป็นของเก๊ เป็นเรื่องของคนชอบเล่นสนุกกับความกลัวของมวลชน

    ๓) เมื่อใจกลัวก็อย่าทำปากแข็งว่ากล้า ขอให้ถือเป็นโอกาสศึกษาพุทธพจน์ ว่าท่าทีเกี่ยวกับการเตรียมตัวตายเป็นเช่นใด ตายด้วยจิตแบบไหนถึงจะคุ้ม ซึ่งขอสรุปรวบรัดโดยง่าย คือพระพุทธเจ้าท่านให้ระลึกถึงความตายเสมอๆ และความตายแบบมนุษย์สามัญก็ปราศจากร่องรอยนิมิตบอกเหตุเหมือนเทวดา เพราะฉะนั้นอย่าได้ประมาท ชะล้างสิ่งโสโครกใดได้ก็ชะล้างเสีย เตรียมเสบียงไว้เดินทางต่ออย่างใดได้ก็เตรียมเสีย ซึ่งเสบียงที่ดีที่สุดก็คงหนีไม่พ้นการมีปัญญาเห็นชอบ เรื่องทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว และสิ่งทั้งหลายไม่ควรยึดมั่นว่าเป็นสมบัติถาวรของเราหรือของใคร เมื่อใจไม่เปื้อนมลทินบาป สะอาดเอี่ยมด้วยบุญกุศล และเลิกห่วงหวงดิน น้ำ ไฟ ลมทั้งหลายในโลกหล้าที่ต้องมีอันแปรปรวนไปเป็นธรรมดา เห็นอิสระทางใจอันเกิดจากความปล่อยวางเป็นสิ่งมีค่าสูงสุด นั่นแหละครับ ท่าทีการเตรียมตัวตายแบบพุทธของแท้

    หากจำที่กล่าวมาข้างต้นไม่ได้ ก็ขอให้ระลึกสั้นๆว่า อย่ากลัวตายร้าย แต่ขอให้กลัวจะอยู่อย่างไม่ได้เตรียมตัวไปดี ก็แล้วกัน ถ้าเปลี่ยนค่านิยมใหม่เสียได้ ไม่เอาแต่กลัวตายโหง ไม่เจาะจงอยากแก่ตายอย่างสงบ คุณจะไม่ตื่นเต้นกับคำทำนายหายนะโลกเก๊ๆอีกต่อไปครับ เฮ้อ - ข่าวว่าน้ำจะท่วมโลกแน่ ไม่มีใครรู้ว่าอีกเมื่อไร อาจจะ ๕ ปีหรือ ๑๐ ปีก็ได้ทั้งนั้น ข่าวโลกแตกมีมานานครับ ผู้คนฟังแล้วก็ตื่นกลัวบ้าง หัวเราะเยาะบ้าง สุดแท้แต่ว่าใครเป็นคนประกาศข่าวโลกแตก

    ช่วงนี้เสียงหัวเราะเยาะอาจจะแผ่วลงหน่อย แล้วความตื่นกลัวก็เกิดขึ้นอย่างยาวนานกระทั่งด้านชาและกลายเป็นความชินไปเสียแล้ว เพราะดินฟ้าวิปริตปรวนแปรเหลือเกิน ในวันเดียวกันธรรมชาติอาจมี ‘อารมณ์แปรปรวน’ ได้สารพัด เดี๋ยวฝนตก เดี๋ยวแดดออก เดี๋ยวร้อนแสบผิว เดี๋ยวหนาวถึงไขกระดูก นี่เป็นเรื่องใกล้ตัว ไม่ต้องไปดูภูเขาน้ำแข็งถล่มที่ไหน ก็รู้สึกได้ว่าโลกทำตัวเกเรขึ้นทุกวัน แถมข่าวโลกแตกรอบนี้ ก็ไม่ใช่เด็กเลี้ยงแกะในหมู่บ้านเล็กๆเสียด้วย แต่เป็นถึงนักวิทยาศาสตร์ ผู้มีหน้าที่สอดส่องดูแลความเป็นไปของประเทศและของโลกโดยตรง!

    เอาล่ะ! สมมุติว่าคราวนี้โลกจะแตกจริงๆเสียที ด้วยการมีน้ำท่วมไปทุกหนทุกแห่ง แล้วเป็นยังไง เราจะทำอะไรได้? มาตั้งต้นกันแบบที่ทำให้ไม่ตื่นกลัวและไม่ประมาทดีกว่า วิธีก็ง่ายๆคือถ้ายังไม่มีโจทย์ให้ชีวิตในอนาคต ก็ตั้งโจทย์สมมุติให้กับวันนี้แล้วกัน ถามตัวเองหรือยังว่าถ้าต้องพลัดพรากกระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง ไม่มีเครื่องมือสื่อสารที่ดีที่สุดในโลก อย่างมือถือและอินเตอร์เน็ตดังเช่นปัจจุบัน คุณจะเลือกไปอยู่กับใคร? แน่นอนว่าคุณคงเลือกอยู่กับคนที่รักไม่ได้ครบทุกคน เพราะในวันน้ำท่วมฉับพลัน คนที่คุณรักอาจอยู่ไกลสุดขอบฟ้า คุณจะรู้สึกว่าเขาอยู่ไกลคุณจริงๆก็ตอนไม่มีมือถือและอินเตอร์เน็ตนี่แหละ

    สรุปคือในที่สุดอันเป็นสุดท้ายแล้ว คุณเลือกอยู่กับใครไม่ได้ตามปรารถนาหรอก ซึ่งนั่นก็ไม่แตกต่างจากที่กำลังเป็นอยู่สักเท่าไรเลย แม้คุณสมใจได้อยู่กับบุคคลอันเป็นที่รักในวันนี้ คุณก็ไม่รู้เลยว่าวันไหนจะมีเงื่อนไขหรือปัจจัยใดมาพรากเขาไป และวันใดบุคคลอันเป็นที่รักถูกพรากไปโดยไม่อาจหลีกเลี่ยง วันนั้นเองที่ต้องตระหนักด้วยความตระหนกว่า คุณไม่เคยมีสิทธิ์อยู่กับใครจริง คุณต้องอยู่กับตัวเองตลอดไป ตราบเท่าที่ยังต้องเวียนว่ายตายเกิด ฉะนั้นถ้าเตรียมสร้างตัวเองให้น่ารัก น่าอบอุ่น และน่าอยู่ด้วย คุณก็จะมีความสุขอยู่กับตัวเองในทุกวาระสุดท้าย ไม่ว่าจะต้องตายโหงในชาตินี้หรือตายดีในชาติไหน

    อีกสักคำถามหนึ่ง คุณถามตัวเองหรือยังว่าถ้าจะต้องเป็นหนึ่งในผู้จมน้ำตาย หรือกระหายน้ำจนขาดใจเพราะหนีขึ้นที่สูงเกินไป คุณจะเอาอะไรเป็นทุนรอนสำหรับเกิดใหม่ ให้ดีกว่าต้องมาอยู่ในโลกที่จมน้ำได้? แน่นอนว่าตอนยังดีๆทุกคนจะบอกว่าช่างเถอะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ทำวันนี้ให้ดีที่สุด... แต่ขอโทษที คนพูดอย่างนี้ส่วนใหญ่จำๆเขามานะครับ ดีที่สุดที่จะทำวันนี้ของคนพูด ก็มักไม่ต่างจากเมื่อวานและวันก่อนๆ นั่นคือขอให้ผ่านไปอีกวัน กินให้อร่อยที่สุด นอนให้นานที่สุด และขับถ่ายอุจจาระปัสสาวะให้โล่งที่สุด!

    พอถึงคราวหายนะขึ้นมาจริงๆ มีสักกี่คนทำใจได้ เราต้องการความมั่นคงทางใจในวาระสุดท้ายเป็นสำคัญ ความมั่นคงทางใจเท่านั้น ที่จะทำให้เราพร้อมตายโดยไม่ต้องทำใจใดๆ ทุกอย่างจะสบายในตัวเอง ความมั่นคงทางใจเกิดขึ้นจาก ๒ สิ่ง

    ๑) กรรมดีที่สั่งสมมา ไม่ใช่กรรมดีที่รีบตาลีตาเหลือกนึกถึงพระอรหันต์ก่อนตายนะครับ ผมหมายถึงความดีที่บำเพ็ญมาทั้งชีวิต ความดีจะปรากฏเป็นความขาว ความสว่าง และความรู้สึกงดงามทางใจ ก่อให้เกิดความสุข ความตั้งมั่น โดยไม่ต้องวิงวอนขอการคุ้มครองจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆ

    ๒) ความเข้าใจ คนเราจะกลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังความตาย นั่นเพราะความไม่รู้ว่าอนาคตเป็นอย่างไรแน่ ต่อเมื่อทำความเข้าใจว่าอนาคตก็คือผลของปัจจุบัน คุณก็จะเห็นอนาคตจากสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วในปัจจุบันนั่นเอง หากใจคุณสว่าง อนาคตก็ย่อมสว่าง หากใจคุณมืด อนาคตก็ย่อมมืด! ความสว่างคือธรรมะ ความมืดคืออธรรม ยิ่งใจคุณผูกอยู่กับธรรมะมากขึ้นเท่าไร ใจคุณก็ยิ่งสว่างขึ้นเท่านั้น ตรงข้าม หากใจคุณเอาแต่ผูกอยู่กับอธรรม พอทำความรู้สึกเข้ามาในใจ ก็จะเห็นแต่ความมืดคลุ้มไม่มีดี

    ธรรมะที่ดีที่สุดคือการมีสติระลึกถึงความจริงเฉพาะหน้า เช่น เห็นให้ได้ว่าประโยชน์สูงสุดยามตาย ก็คือความเข้าใจว่าร่างที่จะตายไม่ใช่เรา เป็นเลือดเนื้ออันเกิดจากข้าวปลาที่เอามาจากโลก และต้องคืนให้กับโลก นอกจากนั้นก็ทำความเข้าใจเตรียมไว้ว่า แม้ดวงจิตที่จะดับก็ไม่ใช่เรา เป็นแค่ธรรมชาติที่เกิดด้วยเหตุ และดับไปเรื่อยๆอยู่แล้ว เอาแค่ตื่นนอนตอนเช้าก็ถือว่าจิตเกิดใหม่แล้ว และแค่หลับไปก็ถือว่าจิตดับไปแล้ว จะต่างอะไรจากจิตดับยามตาย และเกิดอีกในยามปฏิสนธิในภพใหม่เล่า?

    สรุปคือถ้าเข้าใจถูกและดีพอ คุณก็จะยิ้มรอโลกแตกได้ ไม่ต่างจากที่เคยรอวันพรุ่งนี้ที่แสนธรรมดาจริงๆครับ

    ที่มา เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัวฉบับคัดสรร : ภัยพิบัติ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 เมษายน 2013
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ยอดผู้ติดเชื้อไวรัส H7N9 ในจีน เพิ่มเป็น 43 คน !!!

    [​IMG]

    โตเกียว 13 เม.ย. - บรรษัทกระจายเสียงญี่ปุ่น (เอ็นเอชเค) รายงานอ้างหน่วยงานสาธารณสุขจีนว่า เชื้อไวรัสไข้หวัดนก H7N9 กำลังระบาดในภาคตะวันออกของจีน โดยล่าสุดวานนี้พบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 5 คน ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็น 43 คน และยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 11 คน เหยื่อรายล่าสุดเป็นชายวัย 74 ปี ในนครเซี่ยงไฮ้

    รายงานระบุว่า ในจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ 5 คน เป็นชาย 2 คนในนครเซี่ยงไฮ้ ชาย 2 คน และหญิงอีก 1 คนในมณฑลเจ้อเจียง จำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตทั้งหมดที่มีการยืนยันอาศัยอยู่ในเซี่ยงไฮ้ มณฑลเจียงซู มณฑลเจ้อเจียง และมณฑลอานฮุย อย่างไรก็ตาม ทางการจีนยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นการติดเชื้อจากคนสู่คนหรือไม่ แต่เจ้าหน้าที่ตรวจพบเชื้อไวรัส H7N9 ในไก่ที่ขายในตลาด ทางการกำลังพยายามหาทางป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาด

    ขณะที่กรุงปักกิ่งของจีนพบผู้ติดเชื้อไข้หวัดนกสายพันธุ์ H9N9 คนใหม่ โดยเป็นผู้ป่วยคนแรกที่พบนอกภาคตะวันออกของจีน สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานว่า ผู้ป่วยคนดังกล่าวเป็นเด็กอายุ 7 ขวบ รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลปักกิ่ง อาการทรงตัว แต่ผู้ใกล้ชิดกับเด็กอีก 2 คน ไม่แสดงสัญญาณการติดเชื้อใดๆ

    สำนักข่าวไทย | 13 เม.ย. 2556 09:29 |

    ที่มา ยอดผู้ติดเชื้อไวรัส H7N9 ในจีน เพิ่มเป็น 43 คน | MCOT.net | MCOT.net
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ดาวหางนิบิรุ..จะเคลื่อนตัวออกห่างจากโลกในปี ค.ศ.2014 !!!

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=NLuUIR4wQXk]2012 : ตอนที่ 1 - นิบิรุ ดาวเคราะห์มรณะ - YouTube[/ame]​
    การเดินทางมาใกล้โลกของ ดาว Nibiru หรือ Planet Xในทุกรอบ 3,657 ปี

    อย่างที่รู้ๆกันว่า ดาวฤกษ์ที่ชื่อว่า นิบิรุ จะโคจรผ่านทะลุ Ecliptic ของโลกและดวงอาทิตย์ที่เป็นข่าวทั่วไปในวันเวลา 21/12/2012 ซึ่งจะมีผลกระทบต่อดาวโลกในทุกด้านอย่างที่มนุษย์ยุคนี้ไม่เคยพบเห็นมาก่อน ดาวนิบิรุ (Planet X Nibiru) สันนิฐานว่าถูกดวงอาทิตย์จับไว้เมื่อ 500,000 ปีก่อน เป็นดาวบริวารพระอาทิตย์ดวงที่ 12 และมีหลักฐานชนชาติโบราณสุเมเรียลของโลกว่า ดาวดวงนี้มีวงโคจรควบดวงอาทิตย์ 2 ดวง จึงมีวงโคจรรี ที่ใช้เวลา 3,657 ปี ต่อ 1 รอบ

    ส่วนผลกระทบต่อโลกทุกคราวที่เดินทางมาใกล้โลก แทบไม่มีหลักฐานของผลกระทบเหลือร่องรอยให้ติดตาม...ในเรื่องกำหนดระยะเวลา คุณ Zeta กล่าวไว้ในหลายๆแห่งใน zetatalk.com ว่า ช่วงที่ Planet X อยู่ใกล้โลกเพียง 14 ล้านไมล์ และก่อนผละจากดวงอาทิตย์ออกไปในรอบขากลับ จะลากจูงให้โลกย้ายขั้วไป 90 องศา จะเกิดขึ้นก่อนวันเวลาที่กล่าวกันทั่วไป

    แต่ละคราวโลกที่ใช้เวลาฟื้นตัวค่อนข้างยาวนาน เช่นคราวที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้จะทำให้สภาวะความเป็นอยู่บนโลกถอยหลังไปอีก 100 ปี และก่อนจะเกิดความเสียหายแต่ละครั้ง มนุษย์ในช่วงนั้นๆก็ไม่อาจคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดความสูญเสียที่แน่ชัดอย่างไรบ้าง เพียงมีการคาดคะเนล่วงหน้าเท่านั้น ขาดหลักฐานเก่าๆที่ชัดเจน นอกจากชาวต่างดาวที่มาอยู่เห็นเหตุการณ์คราวก่อนๆมาหลายครั้ง

    เช่นชาว Density ที่ 4-5 ที่อาศัยอยู่ใต้ทะเล และชาวต่างดาวต่างๆอีกเป็นพันที่มาช่วยชาวโลก ระหว่างที่โลกกำลังมี Transformation ไป่ 4th Density แม้ในช่วงเวลาของชาวแอ๊ดแลนตีส และอียิปต์โบราณ และในปัจจุบัน แต่ก็ยังมีพลโลกอีกจำนวนมาก ที่ไม่อยากใส่ใจด้วยซ้ำไปว่าอะไรจะเกิดขึ้น ยังมุ่งกับเรื่องกินอยู่ประจำวัน และการหาเลี้ยงตัวเอง สะสมเงินทองสร้างครอบครัว โดยไม่ได้เฉลียวใจว่า ทรัพย์สินเงินทองทั้งหมดที่โลกสมมุติขึ้นมาจะไร้ค่าไร้ความหมายลงไปอย่างรวดเร็ว ชนิดตั้งหลักไม่ทัน ถึงแม้กำลังได้รับฟังอยู่นี้ก็สุดแสนจะยอมรับได้ ว่ามันกำลังจะเกิดขึ้นในช่วงชีวิตของคนยุคนี้

    กล่าวคือยังตั้งอยู่ในความประมาท พูดเพียงว่าเมื่อคนอื่นๆเขาตายแล้ว เราจะอยู่ไปทำไม แต่ไม่เคยฉุกคิดเลยว่า ชีวิตหลังความตายของตนจะไปผจญกับอะไรอีกบ้าง ไม่เคยคิดเตรียมตัวตายก่อนตาย อย่างที่ผู้ไม่ประมาทเขาเตรียมตัวกัน หากได้เตรียมตัวเตรียมใจพร้อมก่อนความตายมาถึง ทำให้ไม่กลัวความตาย หรือหากยังมีความกลัวเหลืออยู่ก็ไม่ถึงกับลนลาน อันเป็นเหตุให้ไปสู่อบายภูมิถ่ายเดียว ซึ่งกว่าจะรู้สึกตัวอีกทีก็สายเกินแก้เสียแล้ว น่าสงสาร

    เพลนวงโคจรของ Nibiru อยู่ในเพลนที่ทะแยงกับเพลนของดาวเคราะห์อื่นๆและดวงอาทิตย์ 30 องศา ในช่วงที่ดาวดวงนี้โคจรมาใกล้ดวงอาทิตย์ และเฉียดใกล้วงโคจรของโลก อาจมีผลกระทบต่อโลกเช่น สนามแม่เหล็กโลกที่จะถูกกระทบ

    ผลกระทบ (เท่าที่มีผู้คาดการณ์)

    เนื่องจากมันเป็นดาวฤกษ์ขนาดใหญ่กว่าโลก 4 เท่า และหนักกว่าโลก 23 เท่าอุดมไปด้วยธาตุเหล็กจึงมีสนามแม่เหล็กที่ทรงพลัง ระหว่างที่เดินทางมายังอยู่ห่างขอบสุริยจักรวาลหลายเท่าตัวของระยะทางระหว่างดวงอาทิตย์ถึงดาวพลูโตเมื่อหลายสิบปีก่อน ก็เริ่มส่งผลต่อภาวะอากาศของโลกเรื่อยมา สร้างความปั่นป่วนแปรปรวนต่อสิ่งแวดล้อมโลกมาโดยตลอด แต่การปกปิดข้อมูลที่แท้จริง พร้อมกับเบี่ยงเบนไปที่โลกร้อน และความผิดปกติของดวงอาทิตย์ว่าเกิดจุดดับบ่อยและรุนแรง

    แต่คนส่วนหนึ่งที่ได้รู้ความจริงว่าต้นเหตุมาจาก Planet X ส่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ามารบกวนแกนในของโลกที่โตเท่ากับขนาดของดวงจันทร์ ยังผลให้โลกร้อนขึ้นมาจากใต้ผิวโลก น้ำทะเลอุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้น เกิดพายุรุนแรงมากขึ้น ถี่ขึ้นตลอดเวลา (ปัจจุบันดาวยูเรนัสกับเนปจูน ซึ่งโคจรห่างจากดวงอาทิตย์ก็โดนเป็นประจำและดาวพลูโต ได้เปลี่ยนวงโคจร เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสนามแม่เหล็กของ PX ปัจจุบันดาวศุกร์กำลังถูกผลกระทบอย่างหนัก จนผู้สังเกตดวงดาวถามหาว่าดาวศุกร์หรือดาวเหนือหายหน้าไปไหน) และวิถีโคจรของมันโดยองค์การนาซ่าบอกว่า...

    จะโคจรเข้ามาใกล้มากๆ คุณ Zeta รายงานว่าเหลือระยะห่างโลกเพียง 14 ล้านไมล์เท่านั้น อยู่ระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์บน Ecliptic ปกติโลกอยู่ห่างดวงอาทิตย์ประมาณ 93 ล้านไมล์ และมันจะโคจรเข้าแถวเรียงกันอยู่ระหว่างโลกและดวงอาทิตย์ ในช่วงที่สุริยจักรวาลเดินทางรอบดาวหลุมดำของกาแลกซี่ทางช้างเผือก มาคาบเกี่ยวกับขอบจักรวาลไตรแองกุลัม สุริยจักวาลจะส่งพลังประจุบวกมากมายยิงตรงไปยังกาแลกซี่อันโดรเมดาก่อนโลกย้ายขั้ว และอันโดรเมดาซึ่งเป็นกาแลกซี่ใหญ่ครอบกาแลกซี่ทางช้างเผือกและไตรแองกุลัม จะส่งประจุลบ ออกมาต่อต้าน เกิดประกายไฟโชติช่วงสว่างไปทั่วจักรวาลต่างๆ

    มีผู้พบด้วยญาณทัศนะล่วงหน้าว่า แม้ซีกโลกที่ประเทศไทยตั้งอยู่อยู่ในซีกมืดระหว่างที่โลกหยุดหมุนรอบบตนเองไปประมาณ 6 วันนั้น แนะนำว่าไม่ควรมองตามเส้นแสงย้อนไปตาจะบอด

    เป็นการเปลี่ยนแปลงของระบบสุริยจักรวาล และโลกซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ทวีปแอ๊ดแลนติกได้ทรุดจมลงไปใต้ทะเลเมื่อหมื่นกว่าปีที่ผ่านมา และคราวนี้ระหว่างโลกย้ายขั้ว แรงบิดระหว่างแรงดึงของสนามแม่เหล็กของ PX ในบริเวณรอยแยกกลางมหาสมุทรแอตแลนติค และการหมุนรอบตนเองของแกนพลังงานแมกม่าเหลวในโลก ยื้อยุดกันในทิศตรงกันข้าม แรงบิดที่เกิดขึ้นทำให้รอยแยกกลางมหาสมุทรแอตแลนติคแยกตัวออก เปิดโอกาสให้แผ่นเปลือกโลกที่ซ้อนอยู่เหนือแมกม่าลอยตัวขึ้นมาอีกวาระหนึ่ง ขนาดใหญ่เป็นทวีปเลยทีเดียว ระหว่างปลายแหลมทวีปอาฟริกาและประเทศบราซิล เป็นพยากรณ์ล่วงหน้าจากคุณ Zeta

    ผลจากเปลือกโลกบิดตัวที่กล่าวแล้ว ยังส่งผลให้แผ่นยูเรเชี่ยนที่ทวีปยุโรป ประเทศรัสเซียและยุโรปตะวันออกตั้งอยู่ เคลื่อนตัวมาทางทิศตะวันออก ทำให้ฮิมมาลาย่ากดทับประเทศอินเดีย ที่ตั้งอยู่บนปลายแผ่นด้านเหนือของ แผ่นอินโด-ออสเตรเลีย จมหายไปทั้งประเทศในเวลาชั่วพริบตา วันนั้นจะเป็นวันที่นำความหายนะมาสู่ชาวอินเดียทั้งประเทศ และชาวโลกเกือบทั้งหมดบนแหลมอินโดจีน ยาวไปสุดประเทศอินโดนีเซีย ชาวเกาะมาเรียน่า ประเทศบรูไนล์ ฟิลิบปินส์ และพื้นที่ 2 ใน 3 ส่วนทางฝั่งตะวันตกของประเทศออสเตรเลีย จะจมลงในกระแสคลื่นยักษ์สูง 600-700 ฟุต ที่มีพลังงาน Tidal Bore ช่วยให้แนวคลื่นส่วนหน้าเดือดเป็นฟองไต่ข้ามเขาสูงได้หลายพันฟุต น้ำพัดพาทุกสิ่งที่ขวางหน้าเชี่ยวกรากตรงมายังบริเวณที่ประเทศอินเดียจมหายไปลึกหลายร้อยเมตร ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง น้ำลดลงไปแล้วทิ้งไว้แต่ผืนแผ่นดินที่ว่างเปล่

    เป็นที่น่าสังเกตว่าดาว Nibiru โคจรตามเข็มนาฬิกา ส่วนดาวต่างๆในระบบสุริยะของเราหมุนทวนเข็มนาฬิกา จึงยิ่งเพิ่มเรื่องน่าตื่นเต้นระหว่างที่โคจรมาใกล้โลก และเข้ามาเกาะเกี่ยวกับวงโคจรในระนาบของโลกและดวงอาทิตย์ ถ้าจะเปรียบเทียบว่าโลกและดาวอื่นๆที่อยู่ในระบบสุริยะอยู่บนเพลนเรียบๆเหมือนอยู่ท้องมหาสมุทรเดียวกัน ส่วนดาวนิบิรุโคจรลงมาในมุมทะแยง 32 องศา ลงสู่มหาสมุทรแรง กระทบต่อผืนน้ำที่จะส่งแรงกระเพื่อมมายังโลกและดาวอื่นๆทั้งระบบจะมีความรุนแรงเพียงใด เราก็จะพอมองเห็นภาพของผลกระทบได้อย่างชัดเจน

    ส่วนเรื่องอื่นๆทางด้านพลังความร้อน คลื่นพลังงานสนามแม่เหล็ก รังสีอันตรายต่างๆยังไม่ได้พูดถึง รถเล็กวิ่งสวนทางกับรถใหญ่ใกล้ๆกัน รถเล็กยังแทบถูกลมอัดตกถนน ส่วนนิบิรุใหญ่กว่าโลก 4 เท่ามีมวลมากกว่า 23 เท่า รวมทั้งแรงโมเมนตั้มที่เกิดจากน้ำหนักมวลดาวและความเร็วยกกำลังสองแล้วคูณกัน และยังมีบริวารดวงจันทร์อีกหลายโหลควงสว่านอยู่อีก 2 ปีก เศษขยะต่างๆตั้งแต่ขนาดเม็ดทรายจนถึงรถบรรทุกขนาดใหญ่ และฝุ่นพิษสีแดง ผนวกกับทิศทางโคจรสวนทางกัน โดยนิบิรุ Retrograde หลบเลี่ยงความเข้มของสนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์อีกด้วย เดินๆหยุดๆ หรือหยุดลอยตัวอยู่เฉยๆ จึงยากแก่การคาดเดาวงโคจรที่แท้จริง

    NASA ลงทุนโครงการอวกาศมากมายมหาศาล ทั้งนี้เพื่อจะตรวจจับให้ได้ว่า Planet X มีพฤติกรรมที่เป็นอันตรายต่อโลกมากเพียงใด ก็ไม่สำเร็จ เมื่อจวนตัวมากเข้าจึงจำเป็นต้องตัดสินใจ นำนักบินอวกาศที่ประจำอยู่บนยาน ISS กลับลงมาสู่โลกทั้งหมด หลายๆท่านอาจจินตนาการผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยรอบ ส่งมายังโลกและดวงดาวดวงอื่นๆในระบบสุริยะนี้ได้ง่ายเข้า แรงเหวี่ยงหรือโมเมนตั้มของนิบิรุ ลากดึงให้เปลือกโลกลื่นหลุดกับแกนในของโลกได้ 90 องศาคราวนี้

    โลกย้ายขั้วเหนือและใต้ใหม่ ตามที่คุณ Zeta เปิดเผยแผนที่โลกใหม่ ประเทศอินเดีย และส่วนหนึ่งของออสเตรเลียจมน้ำถาวร ส่วนพื้นที่ประเทศไทยที่เหลืออยู่ทางภาคเหนือบางส่วน จะย้ายลงไปอยู่ในระดับขั้วโลกใต้ ห่างจากจุดขั้วใตประมาณ 4,000 กิโลกเมตรมีอากาศหนาวเย็นคล้ายๆเมืองคุณหมิงในปัจจุบัน

    พระอาทิตย์จะลดแสงส่ว่างลง ใน Density ที่ 4 วงโคจรของโลกจะใหญ่ขึ้น และโลกจะปรับยกทางกายภาพบางส่วนเป็น Density ที่ 4 ส่วนทางจิตวิญญาน คนที่เหลือรอดจะปรับยกไปสู 4

    จะเป็นอย่างไรก็ตาม อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน ผู้ที่เกิดมาในยุคนี้ สามารถทราบข่าวสารล่วงหน้าได้ตลอดเวลา หากใส่ใจติดตาม และหากมีความไม่ประมาทในการมีชีวิตอยู่ ก็ควรมีการเตรียมการล่วงหน้า ไม่ว่าจะรอดชีวิตจากวิกฤตครั้งนี้หรือไม่ก็ตาม หากได้เตรียมพร้อมทั้ง 2 อย่าง ทั้งทางกายภาพและมโนวิญญาณ ก็จะทำให้เราพร้อมเผชิญเหตุการณ์ ที่ทุกคนตั้งใจมาเกิดในช่วงระยะนี้ จะอยู่หรือจะตายก็ได้ทั้งสิ้น ให้เป็นประโยชน์แก่ตนเองทั้ง 2 อย่าง เตรียมตัวพร้อมรับสิ่งแวดล้อมใหม่อย่างผู้ที่ไม่ประมาท

    เมื่อวิเคราะห์ลงไปอีกนิด คนเรามีสังขารร่างกายและจิตใจ ที่จำเป็นต้องเตรียมการต่างกัน ลองมาเริ่มที่ส่วนของร่างกายก่อน ก็ต้องเตรียมการเรื่องทำเลที่อยู่อาศัย และการหาเลี้ยงชีพที่สอดคล้องกับภาวะแวดล้อม และเทคโนโลยี่ในปัจจุบัน แวะศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมที่ลิงค์นี้

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 เมษายน 2013
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เช้าตรู่ ที่ทุ่งหัวช้าง 7 ธ.ค. 2555 !!!

    จากการติดตามความคืบหน้าของกลุ่มดาวหาง Planet X ของนักดูดาวและถ่ายภาพทั่วโลก โดยเฉพาะกับ อัลเบิร์ตโต้ ชาวอิตาลี่ นั้น ได้พบภาพปรากฏการณ์ต่างๆของกลุ่มดาวหางขนาดใหญ่กว่าโลก ประมาณ 4 เท่าตัว และมีมวลมากกว่าโลกประมาณ 23 เท่า คืบหน้าเข้ามาใกล้โลกมากขึ้นตามลำดับ พร้อมๆกับเกิดภัยภิบัติต่างๆก็ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นทั่วโลก ในช่วง7/10 scenarios ไปพร้อมๆกันด้วย

    ซึ่งข่าวความผิดปกติของธรรมชาติทั่วโลก จะไม่ค่อยเป็นข่าวในภาคสื่อสาธารณะทางหนังสือพิมพ์และทีฟรีทีวีทั่วไปนัก ทั้งๆที่ความผิดปกติของภัยภิบัติทางธรรมชาติในรูปแบบต่างๆเกิดขึ้นอย่างผิดปกติ และไม่ปรากฏในระบบของนักธรณีวิทยา หรือนักวิทยาศาสตร์ทั่วไป ทฤษฎีโลกร้อนไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมน้ำในแม่น้ำใหญ่ๆ หรือในทะเลกลายเป็นสีแดงอมสนิมเกิดขึ้นเป็นระยะๆ อย่างที่นักวิทยาศาสตร์หาสาเหตุที่มาของสีแดงไม่พบ หรือดวงดาวหรือพระจันทร์จะมีสีแดงหรือกลุ่มเมฆสีแดงเคลื่อนมาบดบังก็ตาม ต่างก็นิ่งเฉยปล่อยให้เหตุการณ์ที่อาจไม่มีผู้คนมากนัก มาเอาใจใส่ต่อสิ่งผิดปกติธรรมชาติเหล่านี้

    โลกเป็นสมาชิกดวงหนึ่งในระบบสุริยจักรวาล ที่มีดวงอาทิตย์เป็นแกนกลาง ควบคุมสภาวะต่างๆและแรงโน้มถ่วงของดาวบริวารทุกดวง ทำให้วัตถุสิ่งของและชาวโลกมีน้ำหนักตัว และหากมนุษย์ขึ้นไปในอวกาศที่พ้นแรงดึงดูดของโลกก็จะพบกับภาวะไร้น้ำหนักนั่นเอง ในทางตรงกันข้าม เมื่อโลกมีกลุ่มดาวเคราะห์เดินทางเข้ามาใกล้โลกมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่มีระยะใกล้โลกเพียง 30 ล้านไมล์ และดึงโลกเข้าไปใกล้เหลือระยะประชิดเพียง 14 ล้านไมล์นั้น ซึ่งจะกินระยะเวลาประมาณ 45 วัน

    ตามหลักการที่มนุษย์ได้ทราบกันมา การเปลี่ยนแปลงของระยะทางของวัตถุขนาดใหญ่ที่เข้ามาใกล้กันมีทั้งแรงโน้มถ่วงจะเพิ่มมากขึ้น และแรงผลักกัน เพื่อรักษาระยะห่างต่อกันไปด้วยพร้อมๆกัน

    เมื่อพอทราบหลักการของวัตถุในระบบของจักรวาลมีต่อกันแล้ว ยังมีอีกประเด็นหนึ่งที่ท่านผู้รู้ที่เหนือไปกว่าระบบของจักรวาล ไปถึงความสัมพันธ์กันของดวงดาว ก็คือกาแลกซี่ต่างๆที่มีความเกี่ยวข้องกับโลกมนุษย์ใบนี้ ที่ดวงอาทิตย์พากลุ่มดาวบริวารและโลกโคจรอยู่รอบๆดาวหลุมดำ ซึ่งเป็นแกนกลางของ Milky way หรือกาแลกซี่ทางช้างเผือก และข้างกาแลกซี่นี้ทางด้านทิศตะวันออกยังมีกาแลกซี่ขนาดย่อมกว่าทางช้างเผือกอยู่ด้วย คือกาแลกซี่ Triangulum พลังงานที่กาแลกซี่นี้ส่งออกมา อยู่ในแถบคลื่นสีเหลืองที่เบา เย็นสบาย แตกต่างจากพลังงานของทางช้างเผือกที่หนักและร้อน ที่ระบบสุริยจักวาลวนรอบกาแลกซี่ทางช้างเผือกตลอดมาจะครบ 12,000 ปีในอีกไม่นานนี้

    ในช่วงเวลานี้ โลกและสุริยจักรวาลกำลังจะเข้าไปอยู่ใต้อิทธิพลของกาแลกซี่ไตรแองกุลัม และท่านผู้รู้ทางจิตศาสตร์ยังพบมาก่อนอีกว่า กาแลกซี่ที่ใหญ่กว่าทั้งสองกาแลกซี่ที่กล่าวถึงแล้ว ยังมีกาแลกซี่ที่ใหญ่กว่า ครอบคลุมกาแลกซี่ทั้งสองที่กล่าวมาข้างต้นอีกด้วย และกำลังมีการเปลี่ยนแปลงพลังงาน ที่จะส่งผลต่อโลกมนุษย์ในช่วงระยะการปรับเปลี่ยนตำแหน่งการโคจรของโลกและสุริยจักรวาลด้วยเช่นกัน

    ที่นำกล่าวข้างต้น เป็นหลักการคร่าวๆที่เกี่ยวเนื่องกับสภาวะของโลกในด้านแรงโน้มถ่วง ที่โลกจะได้รับมากขึ้นนอกจากอิทธิพลจากดวงอาทิตย์ที่มนุษย์ทราบๆกันมา ส่วนจะเพิ่มขึ้นเท่าไร ในเรื่องนี้ก็มีพระพุทธทำนาย ที่พบในศิลาจารึก พยากรณ์เอาไว้ว่า หลังพุทธกาลในราวปี พ.ศ. 2555 มนุษย์จะเปลี่ยนจากเดินเป็นคลาน ในหลัการทางวิทยาศาสตร์นุษย์จะต้องเปลี่ยนเป็นคลานนั้น น่าจะเนื่องมาจากน้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้นหรือไม่ ซึ่งทางชาว Zetas ก็ได้กล่าวถึงเรื่องเหล่านี้เอาไว้ในหลายๆตอนทีเดียวมานานแล้ว

    เมื่อคืนวันที่ 4 ธ.ค. 2555 ที่ผ่านมาพระอาจารย์ท่านพากลุ่มลูกศิษย์ประมาณ 20 ท่าน ร่วมกันสวดมนตร์เย็นและทำกรรมฐาน แต่คราวนี้ท่านมาแปลกกว่าทุกคราว ให้ทุกคนนอนหงายทำกรรมฐาน เพื่อทดลองรับสัมผัสสภาพแรงโน้มถ่วงบนโลกในเวลาอนาคตที่ใกล้จะมาถึง

    ในการฝึกกรรมฐานคราวนี้พบว่า การพลิกตัวก็ทำได้ยากลำบากอย่าว่าแต่ลุกขึ้นนั่งเลย น้ำหนักตัวของผู้ที่สัมผัสพลังแรงโน้มถ่วงของโลกในอนาคตได้จะเพิ่มขึ้นอีก 3 เท่าตัว ซึ่งพระอาจารย์ค้นหาเหตุและผลต่อไปพบว่า สภาพการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นกับชาวโลก เริ่มตั้งแต่ 3 มกราคม 2556 เป็นต้นไปจนครบ 45 วันที่ยากลำบากต่อการดำรงค์ชีวิตประจำวันของมนุษย์โลก การดื่มกินต้องนอนตะแคง การเคลื่อนไหวสิ่งของแสนยากลำบาก เมื่อสิ่งแวดล้อมเฉพาะและคนเปลี่ยนไปในรูปการณ์ดังกล่าวแล้ว ในเรื่องอื่นๆในชีวิตประจำวันของแต่ละคน ก็ลองพิจารณากันเอาเองก็พอจะทราบได้เป็นเรื่องๆไป

    สำหรับกลุ่มผู้ที่ไม่ประมาทที่ทราบเรื่องเหล่านี้แล้ว ก็คงจะมีภารกิจเร่งด่วนเพิ่มเข้ามาอีกไม่น้อยทีเดียว แต่ให้ตั้งสติทำใจให้สบายไม่ต้องเครียดกับการแก้ไขปัญหา ที่ทุกคนไม่เคยพานพบมาก่อนก็ตาม ทุกปัญหามีทางแก้ แม้การเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติของโลกในรอบนี้ จะหนักหนาเอาการก็ตามก็ยังจะมีมนุษย์รอดชีวิตอยู่ 10 เปอร์เซ็น ส่วนกลุ่มคนไทยคาดว่าจะมีชีวิตรอดถึง 25 % ตามความเห็นของครูบาอาจารย์หลายๆท่าน โลกจะคัดแยกกลุ่มคนทั้งสองกลุ่มออกจากกัน โดยบางท่านกล่าวว่าผู้ที่มีเซลล์ดำ หรือภูมิต้านทานน้อยจะไม่สามารถผ่านวิกฤติในรอบนี้ไปสู่โลกยุคใหม่ได้ เม็ดเลือดแดงอาจแตกเสียก่อน และยิ่งกว่านั้นชาว Zetas ยังกล่าวไว้ว่า หลายๆคนเปลี่ยนที่อยู่ไปจากโลกนี้ในขณะที่ยังมีชีวิตเลยทีเดียว ส่วนอีกเป็นจำนวนมากเปลี่ยนมิติหลังสิ้นชีวิตแล้วไปเป็นลูกปลาหมึกที่ใต้ทะเลลึกในสถานที่กักกัน เพื่อบำเพ็ญบารมีให้แก่กล้าเพิ่มขึ้นในชาติต่อๆไป

    ท่านผู้ใดต้องการทราบวงจรที่ครบรอบในแต่ละเรื่อง ก็ต้องหาทางปฏิบัติด้วยตนเอง จะเชื่อตามที่มีผู้นำมาเล่าให้ฟังไปเสียทุกเรื่องก็คงไม่กระจ่างชัด เรื่องพลังงานที่จะมากระทบชีวิตผู้คนนั้นค่อนข้างละเอียดละออ ก็ยังไม่ทราบว่าจะเกิดผลแก่สาธารณะชนทั่วโลกสักเพียงใด

    ที่มา http://ainews1.com/article909.html

    หมายเหตุ

    ณ.เวลานี้ เหตุการณ์ต่างๆที่ได้คาดการณ์เอาไว้ เช่นการเห็นพระอาทิตย์สองดาว คนบนโลกจะเปลี่ยนสภาพเดินเป็นคลาน เพราะความผันแปรของแรงดึงดูดของโลก แกนแม่เหล็กโลกเปลี่ยนขั้วไป 90 องศา ก็ยังไม่ได้เกิดขึ้นตามคำทำนายแต่อย่างใด ทั้งนี้ก็เพราะดาวหางนิบิรุ ได้ถูกมนุษย์ต่างดาวตรึงเอาไว้ให้หยุดนิ่งอยู่กับที่ จึงไม่ได้เดินทางมาใกล้โลกในขณะนี้ ทำให้ไม่เกิดเหตุการณ์ต่างๆ ดังที่ได้ทำนายกันเอาไว้ แต่ก็ยังประมาทไม่ได้ เพราะดาวหางนิบิรุ ยังไม่ได้เคลื่อนย้ายออกไปนอกระบบสุริยะจักรวาลของเรา จึงต้องเฝ้าระวังเจ้าดาวหางมรณะดวงนี้กันต่อไปครับ -เกษม-
     
  11. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    พระธาตุเจดีย์แสงแก้ว !!!

    [​IMG]

    ก่อนจะมีการก่อสร้างพระธาตุแสงแก้ว ศิษย์ที่ใกล้ชิดกับท่านครูบาวงศ์ ที่เป็นผู้ชี้จุดใช้ทำการก่อสร้าง ได้กล่าวเอาไว้ว่าเมื่อได้สร้างพระธาตุเจดีย์แสงแก้วเสร็จแล้ว พระธาตุองค์นี้จะอยู่ยั่งยืนไปถึงสมัยพระศรีอริยะเมตไตรย์มาตรัส นั่นท่านพูดถึงผลในอนาคต ส่วนเหตุที่จะเป็นเช่นนั้นย่อมจะต้องมีเหตุ ที่เหมาะสมด้วยที่หลวงปู่ครูบาวงศ์ท่านยังไม่ได้บอกเอาไว้

    การที่ข้าพเจ้าได้รับฟัง เรื่องความเสถียรคงทนของพระธาตุเจดีย์แสงแก้วนี้ ก็เก็บเอาไว้ในใจ อีกไม่กี่เดือนต่อมาได้ไปกราบพระอริยะเจ้าองค์สำคัญที่วัดสันป่ายางหลวง ในเวียงลำพูน ก็ได้นำเรื่องนี้ไปปรารภกับท่าน ถึงสิ่งที่หลวงปู่ครูบาวงศ์ได้กล่าวเอาไว้ ซึ่งก็ไม่ต้องรอช้า ท่านครูบาอินทร ท่านเจ้าอาวาสของวัดนี้ตอบให้ทราบทันทีเลยทีเดียว ท่านบอกให้ทราบว่าทั่วทั้งเขตจังหวัดลำพูนนั้น ตั้งอยู่ในแดน ที่เป็น Neutral โดยรอบทั้งสองด้านเป็นแดน Proton และ Electron ซึ่งสองตัวหลังนี้ เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา นั่นคือเหตุของความเสถียร ของพื้นที่สร้างพระธาตุแสงแก้วและพื้นที่ปลอดภัยของชาวลำพูน

    สิ่งที่ท่านครูบาอินทร ได้บอกให้ทราบถึงเหตุแห่งความเสถียรของพื้นที่จังหวัดลำพูนนั้น ปรากฏว่าตรงกันกับข้อมูล ของผู้เชี่ยวชาญทางธรณีวิทยา ดร.ปัญญาในปลายปี 2554 ได้มีโอกาสไปร่วมงานสัมมนาที่ มหาวิทยาลัยรามคำแหง พร้อมกับนายหัวพงศ์สันต์ ได้เห็นสไลซ์แสดงพื้นที่ ที่มีรอยเลื่อนของแผ่นดินในจังหวัดต่างๆ โดยเฉพาะทางภาคเหนือ ส่วนในเขตของจังหวัดลำพูน ขาวสะอาดไม่ปรากฏรอยเลื่อนของเปลือกโลกแต่อย่างใด นอกจากรอยเลื่อนแม่ทา ที่เฉียดเข้ามาทางด้านทิศตะวันออกเท่านั้น ซึ่งเป็นข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่ตรงกับสิ่งที่ท่านครูบาอินทร ท่านทราบทางจิตของท่านมาก่อน

    และท่านครูบาฯยังได้เล่าให้ฟังเรื่องเกี่ยวกับพื้นที่ต่างๆ ของประเทศไทยในอนาคตอีกหลายเรื่อง ที่กำลังเกิดขึ้น และจะปรากฏให้คนทั่วไปได้เห็นชัดเจนในอนาคตใกล้ๆนี้ ท่านบอกให้ทราบว่าต่อไปสึนามิจากอ่าวไทยจะข้ามไปทางอันดามัน และสึนามิจากฝั่งอันดามันจะข้ามมาฝั่งอ่าวไทยเป็นต้น ท่านที่เพิ่งจะทราบก็ลองเก็บเอาข้อมูลนี้เอาไว้ในใจก่อนก็แล้วกัน รอดูกันไป หรือหากไม่ต้องการรอนานเช่นอำเภอทุ่งหัวช้างด้วยแล้ว จะเอาอะไรกินกันไป อยากทราบแผนภูมิความเป็นไปของโลกอนาคต ก็สามารถแวะศึกษาได้ที่ zetatalk.com ที่นี่เหมือนกัน ท่านทราบแล้วเสมือนได้ดูหนังตัวอย่างล่วงหน้า ดูแล้วก็ค่อยติดตามเหตุการณ์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นเป็นฉากๆต่อไป รุนแรงมากขึ้นโดยลำดับ

    ทำไมเอาเรื่องที่หลายๆคนอาจจะบอกว่ายังไกลตัว เอามาพูดให้ฟังทำไม อันที่จริงเป็นเรื่องใกล้ตัว ที่กำลังเกิดขึ้นโดยเฉพาะกับพื้นที่ของประเทศไทย และประเทศอื่นๆที่ตั้งอยู่บนแผ่น Sunda Plate ที่ปัจจุบันทาง อินโดนีเซีย เริ่มออกมายอมรับแล้วว่า แผ่นดินของตนเกิดการทรุดตัว น้ำทะเลเข้ามาท่วมพื้นที่ของกรุงจาการ์ต้าไปแล้ว 50 % แล้วกำลังเรียกผู้เชี่ยวชาญจากเนเธอร์แลนด์มานด์มาช่วยแก้ปัญหาโดยด่วน และเริ่มมีการพูดถึงจะย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่ใหม่ที่มีระดับสูงกว่ากันแล้ว

    ปัญหาโลกแตกที่หาคำตอบได้ยากทีเดียว หากถูกถามว่า เมื่อได้ย้ายถิ่นฐานและต้องทิ้งงานอาชีพที่มีรายได้อยู่แต่เดิม แล้วย้ายไปอยูในที่ห่างไกลความเจริญ โดยเฉพาะที่อำเภอทุ่งหัวช้างด้วยแล้ว......เมื่อโดนคำถามดังกล่าวก็หาคำตอบให้ไม่ได้มาร่วมปีเหมือนกัน มองไม่เห็นโอกาสที่จะเอาอาชีพหรือธุรกิจแบบไหน ที่ไม่ต้องการทำเล และโอกาสยังเปิดกว้างไปทั่วประเทศอีก ยิ่งกว่านั้นยังสามารถเลือกโปรแกรม การมีรายได้ในอนาคตได้หลากหลายระดับ เท่าที่แต่ละรายมีความต้องการได้อีกด้วย .......จะต้องใช้อุปกรณ์ตัวช่วยชนิดใด แถมทางกูเกิลยังนำไปขึ้นหน้าหนึ่งในลำดับแรก จากทั้งหมดมีตามมาอีกร่วมเจ็ดล้านรายการทีเดียว หากถามคนทำเว็บดูจะได้รับคำตอบว่าไม่ง่าย หากเว็บเพจนั้นไม่มีอะไรน่าสนใจจริงๆ

    ที่มา http://ainews1.com/article911.html
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 เมษายน 2013
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    มาสร้างคลื่นความถี่สูงกันเถอะ !!!

    [​IMG]

    เพราะเหตุไรจึงชวนมาสร้างคลื่นความถี่สูงเอาไว้ให้แก่ตนเอง มันจะเกิดประโยชน์อะไร สำคัญกับชีวิตเราอย่างไร ลองศึกษาต้นเหตุต่างๆดังต่อไปนี้

    ZetaTalk: Groaning Note: written on Feb 15, 1999.

    เมื่อท่านได้ศึกษาบทความในรายงานในเรื่อง groaning ของโลกแล้ว จะมีผลต่อสรรพชีวิตรวมทั้งมนุษษย์ ที่อาจมีพลังความถี่ในร่างกายไม่เพียงพอ อาจเจ็บป่วยก่อนและระหว่างโลกกำลังจะย้ายขั้ว และจะไม่สามารถผ่านเหตุการณ์ในช่วงนี้ไปได้ หรืออีกนัยหนึ่งที่บางท่านใช้คำพูดว่า ผู้ที่มีเซลล์ดำไม่สามารถผ่านช่วงนี้ไปได้ หากความถี่ในร่างกายของคนเราไม่มากพอ ความถี่พิเศษที่นานๆโลกจะประสบซักที เป็นคลื่นความถี่ที่จะมีผลต่อเซลล์ในร่างกายของสรรพสัตว์บนโลกนี้ ตามในรายงานของคุณ Zetas นั่นเอง

    ทีนี้เมื่อท่านเข้าใจแล้ว ก็มาพิจารณาหาวิธีการทางลัด ในการเพิ่มคลื่นความถี่สูงให้แก่เซิร์บเวอร์ของเรา โดยการนำเซิร์บเวอร์ของเราไปต่อเชื่อมกับเซิร์บเวอร์ที่มีพลังมากมหาศาลจนมิอาจประมาณได้ โดยจะเลือกเอาของพระบรมธรรมบิดา หรือสมเด็จพระพุทธกัสสป ก็ได้ เป็นทางลัดในยุคอภิญญาใหญ่ ไม่ใช่เรื่องยาก ทำความเข้าใจ และน้อมกายใจเข้าไปหาท่านด้วยสุจริตใจ ด้วยความรักความเคารพในพระเมตตาคุณที่ทรงมีต่อลูกๆทุกคน ที่ได้มีโอกาสมาพบทางลัดของพ่อ

    เมื่อพบทางลัดแล้วเราสามารถฝากดวงจิตของเราทั้ง 100 % เอาไว้กับพระองค์ท่านได้เลย และตั้งใจเดินมรรคให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว สำหรับหลายๆท่านที่ไม่ต้องการกลับมาเกิดอีกแล้ว ส่วนที่ฝากดวงจิตเอาไว้เฉยๆไม่เดินมรรคต่อ หากตายไปก็จะไปอยู่แค่สวรรค์ก่อน หลังจากได้ฟังบางท่านกล่าวถึงการผ่านแดนได้ไม่ได้ โดยบางท่านบอกว่าหากแสงออร่าประจำตัวไม่สว่างพอ ก็จะผ่านแดนไปสู่โลกยุคใหม่ไม่ได้ เพิ่งมาทราบความจริงจากรายงานของคุณ Zetas ที่กล่าวถึงทางกายภาพของโลกและจะมีผลกระทบมาที่สิ่งมีชีวิตต่างๆด้วยนั่นเอง

    ในกรณีของการเจ็บป่วยไม่สบายจากคลื่นความถี่ของชั้นหินที่สะท้อนขึ้นมายังร่างกายของสรรพสัตว์นั้น ผู้ที่มีความรู้เกี่ยวกับพีระมิดโดมของพระอาจารย์รัตน์ ที่เป็นผู้ค้นพบล่าสุดนั้น จะช่วยสร้างเสถียรภาพให้แก่ผู้ที่กำลังอาศัยอยู่ภายใต้โดมชนิดนี้ โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่นอกพื้นที่ที่มีสภาพ Neutral ที่หลวงปู่ครูบาวงศ์กล่าวถึงเรื่องนี้เอาไว้ ก่อนที่ท่านจะเสียชีวิต และต่อมาได้ทราบรายละเอียดเพิ่มเติมจากท่านครูบาอินทร เจ้าอาวาสวัดสันป่ายางหลวง ถึงอาณาเขตของ Neutral Zone ของพื้นที่จังหวัดลำพูน ผู้มีโอกาสลองแวะนมัสการสอบถามเรื่องนี้จากพระคุณเจ้าได้เองโดยตรง

    ที่มา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 531210p9.jpg
      531210p9.jpg
      ขนาดไฟล์:
      52.8 KB
      เปิดดู:
      1,079
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 เมษายน 2013
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    จีนพบผู้ติดเชื้อ H7N9 อีก 4 คน ในมณฑลเจ้อเจียง !!!

    [​IMG]

    ปักกิ่ง 14 เม.ย.- จีนพบผู้ติดเชื้อไข้หวัดนกสายพันธุ์ H7N9 รายใหม่อีก 4 คน ในมณฑลเจ้อเจียง ทางตะวันออกของประเทศ ที่เคยพบผู้ติดเชื้อมาก่อน ทำให้ขณะนี้จีนมีผู้ติดเชื้อรวม 55 ราย ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อที่เสียชีวิตยังคงอยู่ที่ 11 ราย

    หนังสือพิมพ์เจ้อเจียงเดลี แจ้งผ่านเวยปั๋ว ซึ่งเป็นบล็อกขนาดเล็กของจีนในวันนี้ว่า พบผู้ติดเชื้อใหม่ 4 ราย เป็นเกษตรกรหญิงวัย 64 ปี และชาวบ้านวัยเกษียณ 3 คน อายุ 62 ปี 75 ปี และ 79 ปี ตามลำดับ ทั้งหมดอาการหนัก

    ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกันสำนักข่าวซินหัวเพิ่งรายงานว่าพบผู้ติดเชื้อนอกพื้นที่ตะวันออกเป็นครั้งแรก เป็นผู้ป่วย 2 คน ในมณฑลเหอหนาน ทางตอนกลางของประเทศ ส่วนเมื่อวันเสาร์พบผู้ป่วยในกรุงปักกิ่งเป็นครั้งแรก เป็นเด็กวัย 7 ขวบ ครอบครัวประกอบอาชีพเกี่ยวกับการค้าสัตว์ปีก ที่ผ่านมาจีนพบผู้ป่วยแต่ในพื้นที่ทางตะวันออกประกอบด้วยนครเซี่ยงไฮ้ มณฑลเจ้อเจียง มณฑลเจียงซู และมณฑลอันฮุย โดยพบรายแรกเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน จีนคาดว่าจะสามารถผลิตวัคซีนป้องกันไวรัสสายพันธุ์นี้ได้ภายใน 7 เดือน ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญในสหรัฐระบุว่า ต้องใช้เวลาหลายเดือน

    สำนักข่าวไทย TNA News | 14 เม.ย. 2556

    ที่มา จีนพบผู้ติดเชื้อ H7N9 อีก 4 คน ในมณฑลเจ้อเจียง | MCOT.net | MCOT.net
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 เมษายน 2013
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    อัฟเดทข้อมูลข่าวสารจากเพื่อนต่างดาว !!!

    [​IMG]

    monkeyclub สมาชิก

    ขอความกรุณา ช่วยแปลให้อ่านหรือสรุปก็ได้ครับ ขอบคุณมากๆ ครับ
    99 - ANSWERS OF AN ALIEN FROM ANDROMEDA - Nibiru and Events - YouTube

    Chayutt สมาชิก

    สรุปคร่าวๆ สั้นๆ ก็ประมาณว่า เขาพูดถึงเรื่องความวุ่นวายต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในโลกขณะนี้ ทั้งทางด้านการทหาร การขู่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์ของประเทศบางประเทศ การล่มสลายทางเศรษฐกิจและการเงิน และอื่นๆ แต่เขาบอก เหมือนอย่างที่รูปธรรมอื่นๆบอกมาตลอดนั่นแหละครับว่า เรื่องการใช้นิวเคลียร์ อย่าฝันไปเลย

    เพราะว่าจะไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ใช้อย่างแน่นอน เพราะว่า "ข้างบน"(มนุษย์ต่างดาวบนยานอวกาศ) นั่น พวกเขาคอยติดตามดูอยู่ และก็จะลงมือขัดขวางเมื่อถึงเวลาจำเป็น(ขัดขวางเฉพาะอาวุธนิวเคลียร์เท่านั้น) ซึ่งพวกเขาก็ทำมาแล้ว และก็ทำมาตลอด อย่างที่รูปธรรมอื่นๆ เคยเล่าให้เราฟังแล้วบ่อยๆ

    เรื่อง "ผู้มีอิทธิพล" บนโลก ที่อยากจะกำจัด หรือลดจำนวนประชากร ของโลกลงนั้น ก็มีอยู่จริง แต่ก็จะทำไม่สำเร็จหรอก เพราะว่า "เบื้องบน" พวกเขาคอยปกป้องพวกเราอยู่ แ้ล้วก็มีพูดถึงเรื่องแผ่นดินไหวบ้างนิดหน่อย ที่จะเกิดขึ้นอีกแล้ว ซึ่งก็เหมือนกับครั้งอื่นๆที่ผ่านๆมากระมังครับ ที่มันต้องเกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ เพราะปรับสมดุลด้านพลังงานของโลก

    waterydis สมาชิก

    สาส์นประจำสัปดาห์จากฮิลาริออน ปี 2556
    วันที่ 14-21 เมษายน 2556


    ถึงเธอทั้งหลายอันเป็นที่รัก,

    พวกเธอแต่ละคนสามารถรับและนำเอาพลังงานจักรวาล เข้าสู่แกนคริสตัล (crystalline core) ของโลกได้อย่างเต็มที่อีกครั้ง การรับและนำเอาพลังที่ว่านี้ ณ ตอนนี้ เธอได้ชินกับมันไปแล้วและการที่เธอทำเช่นนี้ ก็ถือว่าเธอได้รับใช้พระเจ้า ขณะที่พวกเธอแต่ละคนรับและปล่อยให้พลังงานไหลผ่านตัวเธอเข้าสู่แกนคริสตัล เธอกำลังเติมพลังงานอันประณีตนี้ให้แก่โลก และนี้แหละคือวิธีการเลื่อนระดับของโลก แสงสว่างขยายตัวภายในจุดศูนย์กลางของโลกและยกระดับเข้าสู่มิติที่สูงกว่า

    อาณาจักรต่างๆ ที่ได้เลื่อนระดับไปแล้วนั้น ต่างก็ทำงานอย่างไม่หยุดนิ่งที่จะนำเอาแสงสว่าง ส่งให้ผู้ร่วมงานที่อยู่บนโลกมากกว่าเดิม ให้แสงของผู้ร่วมงานสว่างสดใสมากกว่าแต่ก่อน กลุ่มคนที่ได้เลือกมาทำหน้าที่นี้ ได้ไปอยู่ตามจุดต่างๆ ทั่วโลกตามแผนการณ์ และกำลังทำหน้าที่อย่างดียิ่งด้วยความเต็มใจ ที่จะประสบกับกระบวนการชำระล้างที่ยากลำบาก พวกเรารู้ว่ากระบวนการชำระล้างนี้บางครั้งก็เป็นดาบสองคม ยิ่งเธอปล่อยให้แสงสว่างเข้ากายหยาบของเธอมากเท่าไหร่ เธอก็จะประสบกับการชำระล้างของเซลล์ทั้งร่างกาย ในระดับที่ลึกยิ่งขึ้น ประสบการณ์ที่เกิดในระบบร่างกายนี้ ไม่ใช่ประสบการณ์ที่น่ารื่นรมย์เสมอไปหรอกนะ

    ขณะที่เธอก้าวหน้าในการเลื่อนระดับมากขึ้น เธอก็ยังมีส่วนในพลังงานที่ถูกปลดปล่อยออกมาเพื่อการเปลี่ยนแปลง และนี้ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่เธอได้ช่วยเหลือมนุษยชาติและโลกอย่างมาก พวกเธอแต่ละคนมีความสามารถที่จะทำงานนี้และได้ทำมันอย่างน่าชมเชย เราอยากจะบอกให้รู้ว่า ตัวตนของเธอในมิติที่สูงกว่านั้นเข้าใจหน้าที่ของเธออย่างสมบูรณ์ และเข้าร่วมทำหน้าที่นี้อย่างกระตือรือร้น การอุทิศตนอย่างไม่ย่อท้อจากผู้ร่วมงานทุกๆ คนที่อยู่บนโลกเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับหน้าที่ที่ว่านี้ และมันติดต่อประสานงานกันกับเธอทุกๆ คนในช่วงเวลาพักผ่อนหรือนอนหลับ มีสิ่งต่างๆ เกิดขึ้นมากมายขณะที่นอนหลับและเธอก็พกเอาความรู้นี้ไว้อยู่

    พวกเธอหลายๆ คนพร้อมแล้วที่จะเข้าสู่ร่างกายที่มีพลังงานละเอียดกว่า ซึ่งเป็นร่างที่เธอได้สร้างขึ้นมาเอง และเธอได้เลือกที่จะรับและนำเอาแสงสว่างเข้ามาสู่โลกด้วยความพยายามอย่างไม่หยุดยั้ง นี้แหละคือส่วนหนึ่งของเหตุผลและจุดประสงค์ว่าทำไมเธอถึงมาอยู่ตรงนี้ ณ ช่วงเวลานี้ มันจะชัดเจนมากขึ้นเมื่อมีคนตื่นรู้มากขึ้นและแสงสว่างขยายไปกว้างขึ้น เธอได้เริ่มเข้าสู่ความสงบที่คงที่ และเธอก็รู้ว่าสิ่งทั้งหลายที่ปรากฏเป็นไปกับผู้คนบนโลกรอบตัวเธอนั้น คือกระบวนการ ที่เธอได้มาถึงจุดสุดท้ายของมันแล้ว มันคือกระบวนการกลั่นกรองและชำระล้างตัวตน เธอพร้อมแล้วที่จะก้าวต่อไปและการเริ่มต้นใหม่ก็อยู่ตรงหน้า

    การเริ่มต้นใหม่ให้โอกาสแก่เธอแต่ละคน ได้เป็นผู้ร่วมสร้างโลกใหม่อย่างมีสติตื่นรู้ มันจะมีช่วงเวลาประณีประนอมอยู่ช่วงหนึ่ง ซึ่งจะให้เธอฝึกใช้ความสามารถใหม่นี้ โดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายแก่ตัวเองและผู้อื่น เธอกำลังเรียนรู้ที่จะควบคุมความคิดของตัวเอง และรักษาความคิดทั้งหลายให้เป็นกลางอย่างสมดุล ในโลกใหม่นั้น ความมีวินัยในตนเอง (การควบคุมความคิด)เป็นสิ่งที่จำเป็น เพื่อให้สิ่งที่เธอได้สร้างนั้น เป็นแต่สิ่งที่ดีงามและไม่เป็นอันตราย มันเป็นการผจญภัยอันแสนจะตื่นเต้นที่อยู่ต่อหน้าเธอ ณ ตอนนี้ และเราขอเน้นอีกครั้งว่านี้คือช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้ ดังนั้นของให้เธอระมัดระวังในสิ่งที่เธอสร้างขึ้นด้วย

    เจอกันสัปดาห์หน้า…
    เราคือฮิลาริออน

    ที่มา http://palungjit.org/threads/ข้อควา...-ไปสู่มิติที่-5-a.246190/page-355#post7747376
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • metatron.jpg
      metatron.jpg
      ขนาดไฟล์:
      74.6 KB
      เปิดดู:
      821
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 เมษายน 2013
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    นักบินสหรัฐฯ ยืนยัน“มนุษย์ต่างดาว”เยือนโลก-บุกคลังแสงอาวุธนิวเคลียร์ !!!

    [​IMG]

    แม้จะฟังดูเหมือนภาพยนตร์แนววิทยาศาสตร์ของ สตีเวน สปิลเบิร์ก แต่นักบินอาวุโสของสหรัฐฯ หลายคนยืนยันว่าเคยเห็นจานบินของมนุษย์ต่างดาวมาลอยลำอยู่เหนือคลังแสงอาวุธนิวเคลียร์ของอังกฤษและสหรัฐฯ ทำให้อาวุธดังกล่าวใช้การไม่ได้ และถึงกับเคยลงจอดที่ฐานทัพแห่งหนึ่งในอังกฤษ

    พวกเขายังเตือนว่า รัฐบาลทั้งสองประเทศกำลังปกปิดเรื่องของมนุษย์ต่างดาวไม่ให้ชาวโลกรับรู้ กัปตันโรเบิร์ต ซาลาส หนึ่งในผู้ที่ออกมาเปิดเผยเรื่องดังกล่าวระบุว่า “เรากำลังพูดถึงวัตถุบินได้ซึ่งไม่ทราบที่มา หรือที่เรียกกันว่ายูเอฟโอ “กองทัพอากาศสหรัฐฯ กำลังโกหกเรื่องยูเอฟโอที่ปรากฏตัวตามคลังแสงนิวเคลียร์ และพวกเราสามารถพิสูจน์ได้”

    อดีตทหารอากาศผู้นี้อ้างว่า เคยเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวด้วยตาตนเองเมื่อวันที่ 16 มีนาคม ปี 1967 ที่ฐานทัพอากาศมาล์มสตรอมในมลรัฐมอนทานา

    “ตอนที่ผมเข้าเวรอยู่ ผมเห็นวัตถุประหลาดลอยเข้ามาเหนือฐานทัพ จากนั้นขีปนาวุธกว่า 10 ลูกก็ไม่ทำงานขึ้นมาเฉยๆ และเหตุการณ์อย่างนี้ก็เกิดขึ้นในอีก 1 สัปดาห์ต่อมา แสดงว่าพวกมันสนใจอาวุธนิวเคลียร์ของเรามาก ไม่ว่ามันจะมาจากไหนก็ตาม แต่ส่วนตัวผมเชื่อว่าพวกมันไม่ได้มาจากโลกของเราแน่”

    น.อ.ชาร์ลส ฮอลต์ กล่าวว่า เมื่อ 30 ปีที่แล้วตนเคยเห็นยูเอฟโอที่ฐานทัพอากาศเบนวอเตอร์ส ซึ่งเป็นหนึ่งในฐานทัพไม่กี่แห่งของอังกฤษซึ่งเก็บอาวุธนิวเคลียร์ ตอนแรกเขาเห็นแสงสว่างจ้าส่องลงมาที่ฐานทัพ จากนั้นจึงได้ยินวิทยุทหารรายงานว่า มนุษย์ต่างดาวลงจอดภายในคลังแสงนิวเคลียร์

    “ผมเชื่อว่ากระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ และอังกฤษพยายามหันเหความสำคัญของสิ่งที่เกิดขึ้นที่ฐานทัพอากาศเบนวอเตอร์สมาโดยตลอด โดยการปกปิดข้อมูลทุกวิถีทาง” ฮอลต์กล่าว

    อดีตทหารอากาศสหรัฐฯ 6 คน และอดีตทหารเกณฑ์อีก 1 คน เตรียมเปิดเผยข้อมูลที่สนับสนุนการพบเห็นมนุษย์ต่างดาวของพวกเขา รวมถึงคำให้การของทหารวัยเกษียณกว่า 120 นายที่ยืนยันตรงกันว่ามนุษย์ต่างดาวเคยมายังสถานที่เก็บอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ เมื่อปี 2003

    ในงานแถลงข่าวที่มลรัฐวอชิงตันวันนี้(27) จะมีการเสนอคำบอกเล่าของ น.อ.บรูซ เฟนสเตอเมเกอร์ ซึ่งเพื่อนร่วมทีมของเขาเคยเห็นยูเอฟโอรูปร่างคล้ายซิการ์ลอยอยู่เหนือฐานทัพอากาศ ฟรานซิล อี วอร์เรน ในมลรัฐไวโอมิง เมื่อปี 1976

    ด้าน โรเบิร์ต เฮสติงส์ นักวิจัยผู้ศึกษาด้านยูเอฟโอกล่าวว่า “ในที่สุด พยานเหล่านี้ก็ออกมายืนยันว่า แม้จะฟังดูเหลือเชื่อสำหรับบางคน แต่มนุษย์ต่างดาวได้จับตาดูพวกเรามานาน และบางครั้งยังมาทำลายอาวุธนิวเคลียร์ของเราอีกด้วย”

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2553

    ที่มา Around the World - Manager Online - นักบินสหรัฐฯ ยืนยัน “มนุษย์ต่างดาว” เยือนโลก-บุกคลังแสงอาวุธนิวเคลียร์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • ufo 1.jpg
      ufo 1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      44.8 KB
      เปิดดู:
      931
    • ufo 2.jpg
      ufo 2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      70.2 KB
      เปิดดู:
      45
    • ufo 3.jpg
      ufo 3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      81.1 KB
      เปิดดู:
      38
  16. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,468
    [​IMG]

    ด่วน !! ขอรับบริจาคเลือดช่วยชีวิตสามเณร
    ใครที่อยู่สิงห์บุรีหรือใกล้เคียง...ช่วยกันด้วยนะครับ....
    ...เมื่อเย็นที่ผ่านมาได้เกิดฝนตกหนัก พายุหมุนกระหน่ำ พัดถล่มศาลาปฏิบัติธรรมวัดกลางธนรินทร์ ต.บ้านแป้ง อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี พังยับทับสามเณรน้อยที่มาบวชภาคฤดูร้อนขณะกำลังปฏิบัติธรรม บาดเจ็บสาหัสถึง 13 รูป มรณภาพ 1 รูป ทราบชื่อ สามเณร อรรถพล พันธุ์ขน อายุ 11 ปี บ้านอยู่ อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี
    ขณะนี้ สามเณรธนวัฒน์ เอดาสัย บาดเจ็บสาหัส อยู่ห้องไอซียูโรงพยาบาลสิงห์บุรี ยังไม่ได้สติ ทางโรงพยาบาลต้องการเลือดกรุ๊ป เอ ด่วน ขอเชิญชวนมาร่วมบริจาคเลือดเพื่อช่วยชีวิตน้องเณรด้วยค่ะ

    ขอบคุณข้อมูล : พิราบขาว สิงห์บุรี
    ขอบคุณภาพ : Job Parinya
    ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โทร 036-511060 ต่อ 155 หรือ กด 0 งานประชาสัมพันธ์โรงพยาบาลสิงห์บุรี

    https://www.facebook.com/photo.php?...42164290.14170.112023992235095&type=1&theater
     
  17. A+O

    A+O เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2007
    โพสต์:
    100
    ค่าพลัง:
    +120
    เหตุระเบิดที่เมืองบอสตัน ของสหรัฐฯ // สุดท้ายสหรัฐก็เจอดีจนได้ หลังโจมตีจีนด้วยไข้หวัดนก ในขณะที่สถานการณ์คาบสมุทรเกาหลีกำลังตึงเครียด จีน เกาหลีเหนือจัดเต็ม
     
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    Mythi กลับมาประจำการที่โลกมนุษย์อย่างเิดิม !!!

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=1OEMOorlyQs&feature=em-uploademail-ctrl]99 - ANSWERS OF AN ALIEN FROM ANDROMEDA - Nibiru and Events - YouTube[/ame]

    Nirvana สมาชิก

    มิตรรักแฟนเพลงของน้า Mythi รอการกลับมานานพอสมควร

    คุณน้าติดราชการของ CG ที่ดาว Epsilon Böotes ในอีกจักรวาลหนึ่ง
    หลังจากนี้แล้ว คุณน้าก็มาประจำการอยู่กับโลกมนุษย์อย่างเดิม.....อิอิอิอิอิ

    คอมเม้นท์ของคุณน้าแรงขึ้นตามลำดับ เหตุการณ์ที่เคยบอกกล่าวไว้แล้ว โดยเฉพาะเรื่องสงครามนิวเคลียร์ ที่จะใช้ขีปนาวุธถล่มกันตามข่าว คุณน้ายังยืนยันว่าชาว Pleiadeans จะคอยสอดส่องดูแลไม่ให้เกิดขึ้น

    แต่ปัจจุบันผู้นำของชาติมหาอำนาจส่วนใหญ่ทราบถึงมาตราการอันนี้แล้ว จึงใช้การขนส่งอาวุธนิวเคลียร์ทางรถเทรลเลอร์และทางใต้ดิน ถึงกระนั้นชาว Pleiadeans ก็ทราบอยู่ดีโดยยิงลำแสงยกรถบรรทุกให้ลอยขึ้น ในประเทศเยอรมันดังปรากฏในคลิป เป็นการเตือนเบาะๆ

    สรุปก็คือ นโยบายลดพลเมืองโลกของเหล่าผู้นำ ก็ยังมีอยู่และดำเนินการต่อไป โดยใช้เหตุการณ์ตึงเครียดในโลกเป็นตัวจุดชนวนและเป็นเหตุการณ์บังหน้า ซึ่งบางประเทศอาจจะถูกใช้เป็นชนวนให้เกิดสงคราม(เช่นเดียวกับ อิรัคและอัฟกานิสถาน แต่วันนี้ทุกคนคงรู้ว่าเป็นประเทศตี๋อ้วนนั่นแหละ...แฮ่ๆๆๆ)

    แต่ก็ไม่เป็นไร คุณน้ารับประกันจะดูแลผู้คนจำนวนหนึ่งที่คัดสรรไว้แล้ว อย่างเช่นที่เคยบอกไปในหลายคลิปที่ผ่านมา โดยมีพวกพ้องน้องพี่สมาชิกของ CG แบ่งกันดูแลทั่วโลก

    แต่ก็ไม่ลืมว่าภัยพิบัติทางธรรมชาติก็จะทวีความรุนแรงมากขึ้นเช่น แผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิด ซึ่งคาดว่าปีนี้คงจะเพิ่มดีกรีขึ้นอีกมาก ผู้คนที่อาศัยอยู่บริเวณที่มีความเสี่ยง ควรจะโยกย้ายออกมาได้แล้ว

    อีกภัยหนึ่งที่ยากจะหลีกเลี่ยงก็คือ ภัยจากอุกาบาตถล่ม เพราะจักรวาลของเรากำลังโคจรผ่านกลุ่มเมฆคอสมิคที่มีอานุภาพสูง ซึ่งจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในเซลของมนุษย์ ทำให้ยกระดับสูงขึ้นเป็นระดับหนึ่ง (แต่บางส่วนก็อาจต้องล้มหายตายจากเพราะ ทนสภาวะที่ว่านี้ไม่ได้)

    สุดท้ายซึ่งคุณน้าแกบอกว่าเป็นเรื่องของมนุษย์โดยตรง และจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยคือการพังทลายของเศรษฐกิจทั่วโลก ลัทธิทางการทหารจะผงาดขึ้นมาใหม่ ซึ่งเรามาคิดดูว่าถ้าระบบเงินตราใช้การไม่ได้จะเกิดอะไรขึ้นในโลกใบนี้

    คำตอบน่าจะเกิดการจราจลแย่งชิงทรัพยากรกัน โดยผู้แข็งแรงจะไล่ทุบผู้อ่อนแอ คุณน้าจะช่วยได้ก็แค่ให้ความช่วยเหลือทางอาหาร และพลังงานกับประชาชนที่อาศัยอยู่ในชนบทห่างไกล

    น้า Mythi ก็ยังบอกให้เตรียมตัวเฝ้าระวังเหตุการณ์ให้ดี และคิดขวนขวายหาทางแก้ไขในชีวิตไว้ด้วยเช่นเดียวกับที่เคยเตือนมาในคลิปก่อนๆ

    ขอพลังและอำนาจจงอยู่กับท่าน....ตลอดกาล.....555555555555


    ที่มา http://palungjit.org/threads/ดาวหาง-elenin-nibiru-planet-x-elenin-events.281795/page-82
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 เมษายน 2013
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    แผ่นดินไหวอิหร่าน 7.8 ริกเตอร์ มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 40 คน !!!

    [​IMG]

    อิหร่าน 16 เม.ย. - เกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.8 ริกเตอร์ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของอิหร่าน ใกล้พรมแดนที่ติดต่อกับปากีสถานเมื่อเวลา 17.44 น.ตามเวลาในไทย เป็นเหตุแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดของอิหร่านในรอบกว่า 40 ปี

    แรงสั่นสะเทือนรู้สึกได้ทั่วภูมิภาคอ่าวเปอร์เชีย ปากีสถาน และกรุงนิวเดลีของอินเดีย สถานีโทรทัศน์ของอิหร่านรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 40 คน อาคารบ้านเรือนหลายหลังพังเสียหาย อย่างไรก็ดี สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานอ้างเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ว่า อาจมีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคน ขณะที่มีรายงานผู้เสียชีวิตในปากีสถาน 5 คน

    แรงสั่นสะเทือนยังทำให้ตึกสูงในกรุงนิวเดลี ของอินเดียสั่นไหว ประชาชนพากันวิ่งหนีออกจากอาคารมาที่ถนน เช่นเดียวกับประชาชนในกาตาร์และเมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ก็อพยพออกมาจากอาคารด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม บริษัทของรัสเซียยืนยันไม่มีความเสียหายที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์บูเชห์ของอิหร่านแต่อย่างใด

    สำนักข่าวไทย TNA News | 16 เม.ย. 2556 20:21 |

    ที่มา แผ่นดินไหวอิหร่าน มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 40 คน | MCOT.net | MCOT.net
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ไข้หวัดนก H7N9 ทำธุรกิจสัตว์ปีกจีนเสียหายกว่า 50,000 หมื่นล้านบาท !!!

    [​IMG]

    ปักกิ่ง 16 เม.ย.- เจ้าหน้าที่สมาคมอุตสาหกรรมสัตว์ปีกแห่งชาติของจีนเผยว่า อุตสาหกรรมนี้เสียหายแล้วกว่า 10,000 ล้านหยวน (กว่า 50,000 ล้านบาท) นับตั้งแต่พบผู้ป่วยไข้หวัดนกสายพันธุ์ H7N9 เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน

    เจ้าหน้าที่สมาคมเผยกับหนังสือพิมพ์ไชนาเดลีว่า ราคาสัตว์ปีกลดลงฮวบฮาบตามความต้องการบริโภคที่ลดลง ไก่คุณภาพดีที่เคยจำหน่ายกิโลกรัมละ 16 หยวน (ราว 80 บาท) ขณะนี้ลดลงเหลือกิโลกรัมละ 4 หยวน (ราว 20 บาท)

    ด้านประธานนิวโฮปกรุ๊ป ผู้ผลิตอาหารสัตว์รายใหญ่ที่สุดของจีนกล่าวว่า การบริโภคสัตว์ปีกในฝั่งตะวันออกลดลงกว่าครึ่งหนึ่ง เป็นพื้นที่ที่พบผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ ราคาสัตว์ปีกลดลงจะทำให้ผู้เลี้ยงขาดทุน มีผู้เลี้ยงไก่กว่า 100 ล้านคนที่จะต้องการความช่วยเหลือ

    สมาคมผู้ส่งออกไก่และไข่สหรัฐ สาขาฮ่องกงเผยว่า เดิมคิดว่าไข้หวัดนกจะทำให้คนหันมาบริโภคสัตว์ปีกนำเข้าเพิ่มขึ้น แต่กลายเป็นว่าคนระมัดระวังการบริโภคสัตว์ปีกทั้งหมด ลูกค้าของสมาคมเผยว่ายอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไก่ทั้งนำเข้าและในประเทศลดลงถึงร้อยละ 80

    อย่างไรก็ดี สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนเผยแพร่ข้อมูลเมื่อวันจันทร์ว่า ราคาไก่ขายส่งเฉลี่ยทั่วประเทศช่วง 10 วันแรกของเดือนนี้อยู่ที่กิโลกรัมละ 18.8 หยวน (ราว 94 บาท) ลดลงเพียงร้อยละ 1.5 เทียบกับช่วง 10 วันก่อนหน้านั้น จีนเป็นตลาดสัตว์ปีกใหญ่อันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐ แต่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลงเพราะพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นทุกวัน แม้ว่าทางการได้กำจัดสัตว์ปีกจำนวนมากและปิดตลาดค้าสัตว์ปีกมีชีวิตในหลายเมือง ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตแล้ว 14 ราย และมีผู้ติดเชื้อทั้งหมด 63 ราย

    สำนักข่าวไทย | 16 เม.ย. 2556 14:44 |

    ที่มา ไข้หวัดนกเอช7เอ็น9 ทำธุรกิจสัตว์ปีกจีนเสียหายกว่า 50,000 หมื่นล้านบาท | MCOT.net | MCOT.net
     

แชร์หน้านี้

Loading...