สงสัยเกี่ยวกับศีลครับ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย ปลาแมว, 18 เมษายน 2013.

  1. ปลาแมว

    ปลาแมว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +797
    จากที่ผมอ่านมา ฟังความเห็นคนอื่นมา ไม่ได้รู้ด้วยตัวเอง ผมเข้าใจว่าคนที่รักษาศีลได้แบบเบ็ดเสร็จจึงจะบรรลุธรรมได้ หรือ ได้รับผลที่ดีในชีวิต

    ทีนี้ผมสงสัยในฐานะที่ผมเป็นปุถุชนกิเลสหนาอยู่ สงสัยว่าถ้าคน ๆ นึงไม่ได้รักษาศีลแบบ 100% ครบทุกข้อ มีบางข้อ แหว่งบางข้อ บุคคลนั้นจะยังได้รับผลดีของศีลบ้างหรือไม่ครับ? หรือถ้าไม่รักษาให้ 100% หมดจดทุกข้อ ก็จะไม่ได้เลยครับ

    ตัวอย่างเช่นผม

    1. ผมไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ปรารถนาการฆ่าสัตว์ เลี้ยงอาหารสัตว์ เคยพาหมาแมวข้างถนนไปหาหมอเพื่อรักษาด้วยเงินตัวเอง แต่ก็ยังติดกินเนื้อสัตว์อยู่

    2. ผมไม่ขโมยของ ๆ ใคร ผมทำงานจับเงินคนอื่นเพื่อบริหารงานเป็นจำนวนหลายหมื่นจนถึงหลายแสนบาท ก็ไม่เคยคิดจะยักยอกแม้แต่บาทเดียว ทุกบาทมีที่มาที่ไปตรงไปตรงมา ไม่มีฮั้วในการจัดซื้อสินค้าและบริการเพื่อรับผลประโยชน์

    3. ผมไม่ผิดลูกเมียใคร แต่ยังมีความต้องการทางเพศเป็นปกติ

    4. ผมมีโกหกบ้าง ทั้งการโกหกที่จำเป็นต้องทำ ทั้งการโกหกที่ไม่จำเป็นต้องทำ แม้จะไม่มีการโกหกใหญ่หรือเสียหายหนัก ๆ แต่การโกหกก็คือการโกหก นอกจากนี้ผมยังมีความปากหมา พูดตรงไปตรงมา หรือไม่ก็คะนองปากเวลาอยู่กับเพื่อนสนิท แต่ไม่เคยใส่ร้ายป้ายสีใครให้ได้รับความเสียหาย และไม่เคยเผยความลับของคนรอบตัวหลายคนตลอดเวลาที่มีชีวิตมา

    5. เหล้าผมเคยกินสมัยเมื่อทำงานใหม่ ๆ ซัก 8 ปีที่แล้ว แต่ไม่ได้กินมาร่วม 5 ปีแล้วและจะไม่กินตลอดไป เพราะผมว่ามันไม่อร่อย กินชาเขียวอร่อยกว่า

    การทำความดีของผม ก็มักจะมีเงื่อนไขที่ตั้งไว้เอง เช่น

    - บริจาคให้กับมูลนิธิที่คิดว่าน่าเชื่อถือพอ เช่น มูลนิธิรามาธิบดี มูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เป็นต้น รวมถึงการบริจาคโลงศพที่วัดหัวลำโพง แต่พวกเรี่ยไรตามสถานที่ต่าง ๆ ผมจะมองว่าเป็นพวกหากิน หาประโยชน์เข้าตน เงินลงขวดเหล้า ฯลฯ จึงไม่ให้ครับ

    - ไม่ให้เงินขอทานที่มานั่งนอนขอเงินฟรี ๆ แต่จะให้กับคนที่มีความตั้งใจทำ เช่น ให้เงินกับนักศึกษาที่มาเล่นดนตรีข้างถนน ให้เงินกับคนตาบอดที่รับดูดวง (โดยไม่ให้ดูดวง) แต่จะไม่ให้เงินกับขอทานตาบอดที่เล่นดนตรีเป็นแก๊งข้างถนน บนสะพานลอย หรือพวกซ่อนแขนซ่อนขาตามสะพานลอย โดยเฉพาะแถวสยาม เป็นต้น

    - สวดมนต์เรื่อย ๆ บางทีก็ทำเป็นเดือน ๆ ติดกัน บางครั้งก็ห่างเป็นอาทิตย์แล้วทำใหม่ (เพราะเหนื่อยมาก) ทำสมาธิก็ทำเรื่อย ๆ แต่ไม่เคยเกิดมรรคผลหรือเห็นอะไรแบบที่คนอื่นเค้าเห็นกัน (แม่ผมทำยังเห็นเลย ฮา)

    - พยายามให้แม่ให้มากที่สุด เท่าที่จะให้ได้ อยากกินอะไร จัดไป อยากไปไหน จัดไป อยากให้ช่วยอะไร บอกมา อยากได้อะไร ซื้อให้ (แต่บางอันเงินไม่ถึงก็อิ๊บไว้ก่อน ฮา) แต่ก็มีบางครั้งที่ผมรำคาญ (ในใจ) บ้าง เวลาโดนเรียกบ่อย ๆ โดยเฉพาะตอนงานยุ่ง ๆ แม้จะไม่แสดงออกแต่ก็รู้นะครับว่าตัวเองนั้นบาป จิตขุ่นมัว

    - เป็นคนนอนดึกดื่นสาย เพราะทำงานส่วนตัว จึงไม่ค่อยได้ตักบาตร แต่จะใช้วิธีหาเวลาว่าง ๆ จัดเฉพาะของใช้ดี ๆ ลงถุงแล้วไปบริจาคสังฆทานตามวัดแบบไม่มีเป้าหมาย คือสุ่มโดยการขับรถไปตามทาง เจอวัดไหนที่เล็ก ๆ ดูยากจนก็เข้าไป แต่ถ้าเจอพระผิวขาวผ่องเหมือนทาครีม หรือไม่เจอหมาแมวเลย ผมจะออกจากวัดนั้นทันที แล้วไปวัดที่มีพระแก่ ๆ หรือพระเณรที่ดูปกติ มีหมาแมวปกติแทน (จากประสบการณ์ในอดีต มีหลายวัดดังที่เจ้าอาวาสใช้วิธีเอาเนื้อคลุกยาเบื่อให้หมาแมวกินเพื่อกำจัดหมาแมวในวัด ดังนั้นถ้าไม่เจอหมาแมวเลยซักตัว นั่นคือผิดปกติสำหรับผม)

    - เคยไปอยุธยา เจอพระขอติดรถไปลงอีกวัด แต่ระหว่างทางก็เยอะไม่สิ้นสุด แวะโน่นนี่กินเวลาหลายชั่วโมง สุดท้ายจะขอให้ผมไปนอนที่กุฏิสองต่อสอง โดยบอกว่าผมนั้นขาวดี ผมไม่ลังเลที่จะจอดแล้วไล่ลงจากรถ ไสส่งข้างทางเลย หรือง่าย ๆ คือจากจิตช่วยเหลือผมพร้อมจะเปลี่ยนเป็นมารได้ทันทีถ้าเจอพวกที่ผมคิดว่าเลว

    แบบนี้ผมจัดอยู่ในคนจำพวกไหนครับ

    คำถามผมน่าจะตอบคำถามในใจของหลาย ๆ คนทำนองนี้ เพราะตราบใดที่ยังเป็นมนุษย์ในสังคมอยู่ การรักษาให้ได้ 100% ตลอดเวลาเป็นเรื่องที่ทำได้แต่ยากมาก เช่น ตอนเช้าให้อาหารหมา เที่ยงมานั่งนินทาเพื่อนในวงกินข้าว บ่ายแอบม่อสาว เย็นกลับบ้านเจอตู้ก็บริจาคไปหน่อย กลับถึงบ้านเจอเมียบ่นก็ด่าเมียในใจ ฯลฯ เหมือนว่าคนเราทำดีสลับชั่วตลอดเวลาครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 เมษายน 2013
  2. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    โสดาบัน




    .
     
  3. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    มีศีล ๕ บริสุทธิ์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 เมษายน 2013
  4. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    ศีล คือความไม่ล่วงละเมิดของผู้มีเจตนาความตั้งใจงดเว้นจากความชั่วทางกาย วาจาและอาจตลอดไปถึงใจด้วย

    บางคนอาจจะไม่ล่วงละเมิดเพราะตั้งใจไว้ก่อน เช่นตั้งใจว่าจะไม่ฆ่าสัตว์ ก็ไม่ฆ่า ตามที่ตั้งใจไว้

    แต่บางคนก็ไม่ล่วงละเมิดโดยที่มิได้ตั้งใจไว้ก่อน ต่อเมื่อมีเหตุที่จะให้ล่วงละเมิดเกิดขึ้นเฉพาะหน้า ก็คิดงดเว้นไม่ล่วงละเมิดได้เอง เช่นเห็นงูพิษเลื้อยเข้ามาในบ้าน รู้ว่าเป็นงูพิษ ถ้ากัดใครเข้าอาจถึงตายได้ จึงหยิบไม้ขึ้นมาหมายจะตีงูให้ตาย แต่แล้วเกิดเมตตาสงสารว่า งูมันก็มีชีวิตเช่นเดียวกับเรา มัน
    คงกลัวเจ็บกลัวตายเหมือนเรา อย่าทำมันเลย แล้วก็โยนไม้ทิ้ง ไล่งูให้ออกไปเสียจากบ้าน การกระทำเช่นนี้ก็เป็นศีล แต่เป็นศีลที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า โดยมิได้มีเจตนาคิดจะงดเว้นมาก่อน


    อ่านรายละเอียดเรื่องศีลที่นี่

    http://www.84000.org/tipitaka/book/bookpn02.html

    ..

    การอยู่เฉยๆ แม้ไม่ได้ฆ่า ลักขโมย ประพฤติผิดกาเม โกหกหรือไม่ดื่มเหล้า ไม่ได้หมายถึง"การมีศีล"อะไร..เพราะไม่มีเจตนางดเว้นจากบาปกรรมเหล่านั้นเลย ต่อเมื่อมีเจตนาตั้งไว้แล้วงดเว้นได้จึงชื่อว่ามีศีล..

    เพราะบุญและบาป เกิดได้ด้วย"เจตนา" ขณะใดมีเจตนาบุญผลบุญย่อมตามมา และขณะใดมีเจตนาบาป ผลบาปย่อมปรากฏได้ ต่างขณะต่างวาระกัน ผลจึงแยกแยะไปตามเจตนา ของตน..เราจึงมีทั้งสุขทุกข์สลับคละเคล้ากันตลอดเวลา..

    เคยใหม ไปกินอาหารในภัตตาคารหรู ดันกัดลิ้นตัวเองเลือดสาด..

    หรือซื้อรถมาด้วยราคาแพงลิ่ว ไม่กี่นาทีต่อมาพบว่ามันมีข้อบกพร่อง จะส่งคืนบริษัทเขาก็ไม่รับ จนมีปัญหาถึงกับทุบรถประท้วงกลางถนน..

    หรือเด็กถูกนักเลงช่างกลตัดนิ้วกุดหมด ผู้คนบริจาคทรัพย์ช่วย ทั้งยังได้รับอุปถัมภ์จากแพทย์ส่วนพระองค์..ฯ

    สรุปว่ากรรมดีกรรมชั่ว ต่างทำหน้าที่ของตนๆอย่างซื่อตรง ไม่มีเกี่ยงงอนอะไร..ใครอยากได้ไม่อยากได้ กรรมก็ไม่ได้ใส่ใจตรงนั้น เมื่อเหตุปัจจัยประชุมพร้อม ผลจึงมาส่งให้เสวย เท่านั้น..

    ไม่มีใคร(ปุถุชนคนหนา)ทำดีหรือชั่วอย่างใดอย่างเดียวตลอดเวลา ต่างทำมาทั้งสองอย่างนั่นแหละ ไม่งั้นโลกคงมีคนที่มีแต่สุขหรือทุกข์อย่างเดียวตลอดเวลา แต่ในความจริงหามีเรื่องเช่นว่านี้ไม่เลย..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 เมษายน 2013
  5. Fabreguz

    Fabreguz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +1,911
    ทุกอย่างอยู่ที่่ จิต ครับ เราจะรู้เองว่า วาระจิต เราอยู่ระดับไหน..
    .
    อย่างเราคุยกับคนในสังคม เราก็จะรู้ละว่า ใครจิตนรก ใครจิตเปรต ใครจิตเดรัจฉาน ใครจิตเทวดา เป็นต้นครับ

    ส่วนจิตหลุดพ้น คือไม่ยึดไม่ถือมั่นครับ ไม่ว่าบุญหรือบาป กาย ไม่ยึดมั่นในตัวกูของกู หรือเปรียบเทียบเราเขา ดีกว่า ด้อยกว่า ไม่มี ศีล5 เป็นปกติทุกขณะกาย วาจา ใจ ครับ
     
  6. พูน

    พูน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    595
    ค่าพลัง:
    +2,479
    เป็นคนดีครับ ถ้าอยากเป็นพระอริยบุคคล แค่ศีลอย่างเดียวไม่พอ ต้องละเอียดกว่านั้น สีลพรตปรามาส เวลาทำจริงละเอียดมากต้องค่อยๆเก็บไปเรื่อยๆ ลองหาๆ ที่ท่านสมาชิกท่านอื่น เอามาดู ถ้าถึงนี่ลองเพิ่ม พรหมวิหาร 4 เข้าไปอีกหน่อยดูครับ จิตจะละเอียดกว่าเดิม ที่ทำอยู่จะเห็นหน้าเห็นหลังมากขึ้น
    อาจารย์สอนไว้ว่า "เราเป็นอะไร ถึงไหนตัวของเราจะรู้ตัวเองดีเสมอ" ตรงนี้ในตำราใหญ่มีกล่าวไว้ถึง ญาณวิมุตติทัศนะ เราจะรู้เองเมื่อถึง, "การพยากรณ์มรรคผลเป็นหน้าที่ของพระพุทธเจ้า พระสาวกไม่มีสิทธิพยากรณ์มรรคผล ถ้าทำก็ผิด"
    โชคดีครับ
     
  7. tuta868248

    tuta868248 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    563
    ค่าพลัง:
    +1,116
    ถ้าเราผิดศิลเราก็อาราธนาศิลใหม่ ศิลเราก็ครบคะ แต่ที่สำคัญที่สุดคือจิต ของเราคะเรารูด้วยจิต จิตมันรับอารมณ์คะ จิตควบคุมด้วยสติคะ ส่วน จิตหลุดพ้นคือ หลุดพ้นจากกิเลส โลภ โกรธ หลง คะ อาจจะทำได้ หลุดๆ ได้ๆ คะ บุญรักษานะคะ
     
  8. markdee

    markdee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    745
    ค่าพลัง:
    +1,911
    ทำดีไม่ต้องมีเงื่อนไข..ทำไปเรื่อยๆทำบ่อยๆสักวันหนึ่งก็คงถึงฝั่ง
     
  9. ญี่ปุ่น

    ญี่ปุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    153
    ค่าพลัง:
    +564
    บุคคลใดก็ตามทำได้ทุกข้อครบ 5ข้อ อย่างสม่ำเสมอเละเป็นปกติโดยไม่ต้องไปบังคับตัวเองหรือฝืนให้ทำ นั้นแหละครับบุคคลนั้นบรรลุธรรมแล้ว พึงรู้ได้ด้วยบุคคลนั้นเอง

    คนดี ความหมาย การเอาใจเค้่ามาใส่ใจเรา


    ขออนุโมทนาสาธุนะครับท่าน ท่านถือว่า เป็นคนดีคนหนึ่งครับพูดจาตรงไปตรงมาดี
     
  10. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    บางวันเราอาจจะทำแต่ความดี ศีลเราก็ขาวสะอาดบริบูรณ์ กาย วาจา ใจเราก็สุจริตดีงาม
    วันนี้เราก็เป็นเทวดา เป้นโสดาบันบุคคล

    บางวันความดีเรามีไม่มาก มีทำบาบบ้าง เล็กน้อย ศีลเราก็บกพร่องบ้างเล็กน้อยไม่เจตนา วันนี้เราเป็นได้แค่ตนธรรมดา

    บางวันเรามันบาบหนาจริงๆ จิตมันเจตนในการทำบาบลงไป ฆ่าสัตว์ หรือลักขโมย หรือเมาสุรา เคล้านารี กาย วาจา ใจ มันหมดไม่เหลือความดี วันนี้เราก็ไม่ต่างอะไรกับสัตว์เดียรฉานอสุรกายและสัตว์ในนรกภูมิ

    เมื่อพิจารณาได้เช่นนี้ ลองเอาปากกาทำเครื่องหมายในปฏิทินดุว่าในหนึ่งเดือน เราเป็นอะไรกี่วัน หนึ่งปีเราเป็นอะไรได้กี่วัน ลองตรวจตนเองดูครับ


    สำหรับท่านที่ปฏิบัติมาดี ท่านดูวันต่อวัน ชม.ต่อชม. วินาทีต่อวินาทีครับ ก็ลองเทียบเคียงแบบง่ายๆแบบนี้ดูครับ
    ยังไม่ต้องเอา สังโยชน์มาดูเอาแค่นี้ก่อน พอความดีมันทรงตัวก้าวถึงโสดาบันแน่นอนแล้วจะก้าวไปข้างหน้า ต่อไปก็ค่อยเอาสังโยชน์มาเทียบดูครับ สาธู
     
  11. สีลสิกขา

    สีลสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    1,271
    ค่าพลัง:
    +7,137
    คุณสมบัติของการเป็นมนุษย์นั้น คือ การรักษาศีล ดังที่มีคำกล่าวว่า "ศีล" เป็นธรรมที่จำแนกคนออกจากสัตว์ได้ เพราะสัตว์เดรัจฉานนั้นทำทุกอย่างไปตามสัญชาติญาณ หิวก็กิน ง่วงก็นอน เกิดกำหนัดก็ผสมพันธุ์ทันที ไม่สนใจว่าจะเป็นที่ไหน แต่คนเรานั้นมีสามัญสำนึก รู้จักพัฒนาจิตใจไม่ให้ไหลไปตามสัญชาตญาณความอยาก

    ความเป็นคนทำให้รู้จักนำเอาศีลธรรมมากำกับจิตใจตนเอง ไม่ให้ทำอะไรไปตามสัญชาตญาณ ถ้าใครที่เกิดความกำหนัดแล้วไปไล่ฉุดคนอื่น ข่มขืนสนองความอยากของตนทันที ก็ถือว่ามีพฤติกรรมเยี่ยงสัตว์ จิตใจไม่สามารถนำศีลธรรมมาฉุดรั้งเอาไว้ได้ รวมไปถึงผู้ชายที่เห็นหญิงสาวเป็นไม่ได้ สายตาหื่นกระหายเกิดตัณหาหน้ามืด ผู้ชายบางคนถึงขนาดกวาดเรียบทั้งคนใช้ที่บ้าน ทั้งพนักงานที่บริษัท จนถึงขั้นที่เรียกได้ว่า คลำดูไม่หางเป็นเอาได้หมด ก็เข้าข่ายพฤติกรรมสัตว์เดรัจฉานเช่นกัน เพราะทำไปตามสัญชาตญาณความอยากโดยไม่สนใจศีลธรรม ความถูกต้องตามธรรมนองคลองธรรม

    มีคำกล่าวเอาไว้ว่า..ช่วงใด :-

    ที่คนเรามีศีลครบ 5 ข้อ ถือว่าช่วงนั้นมีความเป็นคนเต็มบริบูรณ์ 100%
    ถ้ารักษาศีลได้ 4 ข้อ ความเป็นคนมีอยู่ 80%
    ถ้ารักษาศีลได้ 3 ข้อ ความเป็นคนมีอยู่ 60%
    ถ้ารักษาศีลได้ 2 ข้อ ความเป็นคนมีอยู่ 40%
    ถ้ารักษาศีลได้ 1 ข้อ ความเป็นคนมีอยู่ 20%


    ถ้ารักษาศีลไม่ได้เลยแม้แต่ข้อเดียวก็หมดความเป็นคนทันที เมื่อความเป็นคนวัดกันที่ศีล ฉะนั้น หากต้องการที่จะเกิดชาติใหม่ในโลกมนุษย์อีกครั้ง ก็ต้องสะสมคุณสมบัติของความเป็นคนให้ได้มากที่สุด นั่นก็คือรักษาศีลห้าให้ได้มากที่สุด ยิ่งรักษาได้มากกว่าศีลห้าได้ยิ่งดี เช่น คนที่รักษาศีล 8 ได้บริสุทธิ์ ก็จะสามารถยกระดับเป็น มนุษย์ผู้ประเสริฐ

    โดยเฉพาะการรักษาศีลนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำให้สมกับสถานภาพของตนได้แก่
    - เป็นฆราวาสก็ต้องรักษาศีล 5 เป็นอย่างน้อย
    - เป็นแม่ชีก็ต้องรักษาศีล 8 ไม่ให้ด่างพร้อย
    - เป็นสามเณร ก็ต้องรักษาศีล 10 ไม่ให้ด่างพร้อย
    - เป็นพระภิกษุ ก็ต้องรักษาศีลปาฎิโมกข์ 227 ข้อให้บริบูรณ์ ไม่ให้ด่างพร้อย


    และยิ่งหากท่านจะเป็นผู้ทรงศีลหรือนักปฎิบัติธรรมแล้วละก็ ขอกล่าวว่า หากศีลไม่มั่นคง ก็ยากที่จะทำให้การเจริญฌานนั้นเกิดขึ้นได้ เพราะศีลเป็นบาทฐาน (กำลัง) ที่ทำให้เกิดสมาธิ และอานิสงส์ของสมาธินั้น เหนือกว่าการรักษาศีลชนิดที่เทียบกันไม่ได้เลย และเมื่อกำลังสมาธิดีแล้วก็จะใช้เป็นฐานในการเข้าสู่วิปัสสนาเพื่อการพิจารณาธรรมต่อไปจ้าวค่ะ..

    สาธุธรรมค่ะ ^^
     
  12. นาย วิชิต

    นาย วิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2012
    โพสต์:
    64
    ค่าพลัง:
    +101
    ขออนุโมทนาในกุศลเจตนาของทุกท่านด้วยเป็นอย่างยิ่ง ขอคุณพระศรีรัตนตรัยได้โปรดดล

    บันดาลประทานพรแก่ทุกท่าน และขอกุศลผลบุญที่ท่านได้บำเพ็ญไปด้วยดีแล้วนี้ จงเป็นพล

    วปัจจัยให้ท่านเจริญรุ่งเรือง ในพระธรรมของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และในกิจการงาน

    โดยชอบ ปราศจากความทุกข์ โศก โรค ภัย และสรรพอันตรายทั้งปวง ขอจงมีอายุมั่นขวัญยืน

    ขอจงมีแต่ความสันติสุข สมบูรณ์ บริบูรณ์ ด้วยมนุษย์สมบัติ ได้แก่ ทรัพย์สมบัติ รูปสมบัติ

    คุณสมบัติ และบริวารสมบัติ ให้ถึงสวรรค์สมบัติ และพระนิพพานสมบัติ มีมรรค 4 ผล 4 นิพพาน

    1 ที่สิ้นสุดแห่งทุกข์ และที่เป็นบรมสุขอย่างถาวร ตลอดกาลนาน เทอญ
     
  13. lionking2512

    lionking2512 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,525
    ค่าพลัง:
    +7,632
    คุณปลาแมวทำในสิ่งที่ถูกที่ควรแล้วครับ ขอให้รักษาไว้และทำให้เจริญยิ่งๆขึ้นไป คนเราตราบเท่าที่ยังไม่บรรลุอรหัตถผล ก็จะยังมีกิเลสบ้าง แต่ลดน้อยลงกว่าปกติ ขอให้คุณพระรักษา เทวดาคุ้มครองครับ อนุโมทนา สาธุ
     
  14. siwatcha

    siwatcha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    219
    ค่าพลัง:
    +1,242
    ขออย่าได้สงสัยเลยนะคะ? ท่านเจ้าของกระทู้ก็เป็นคนที่ดีงามคนหนึ่งในสังคมนี้ละคะ

    หากแต่การจะรักษาศีล ทั้ง 5 ข้อ นั้นให้ขาวบริสุทธิ์ผุดผ่อง และยังตัองปฏิบัติหน้าที่การ

    งานในสังคมก็อาจมี ด่าง ๆ หม่น ๆ หมอง ๆ กันไปบ้างโดยเฉพาะศีลข้อ 4 ที่แม้ตัว

    ดิฉันเองต้องพยายามอย่างมากถึงมากที่สุดในอันที่จะไม่พูดปดแม้ว่าการพูดความจริงมันจะ

    ดูไม่ดีก็ตาม หากเลี่ยงได้ยิ่งทุกวันนี้ขอเงียบไปพูดจะดีทีีสุดเพราะ บอกตรง ๆ นะคะ

    (กลัวศีลขาดที่สุด) และไม่ครบ 5 ข้อนี่ ยอมไม่ได้ อาจเป็นโรคจิตไปแล้วก็ได้ดิฉัน

    มักทวนศีล ประจำในใจ ในแต่ละวัน จากข้อ 1-5 ว่า วัน ๆ เราได้ละเมิดข้อไหนไป

    บ้างหรือไม่ ขอท่านเจ้าของกระทู้หมั่นปฏิบัติ สวดมนต์แม้บทสั้น ๆ แบบไตร

    สรณคมน์ไปก่อนพร้อมแผ่เมตตานะคะ เชื่อว่า ท่านจะพบทางที่ถูกจริตกับท่านและจะหาย

    สงสัยอย่างเด็ดขาด เพราะธรรมมะของพระพุทธเจ้าเป็นของจริงที่พิสูจน์ได้หากแต่เป็น

    ปัจจัตตัง (รู้ได้เฉพาะตน) นะค่ะ!

    เจริญในธรรม กำหนดมีพระพุทธเจ้าเป็นพุทธานุสติ
     
  15. อภิมาร

    อภิมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    711
    ค่าพลัง:
    +2,154
    อนุโมทนาครับ

    เริ่มด้วยศึกษา..และปฎิบัติ..หมั่นเจริญสติ

    ไปด้วยก็จะดีมากครับ..เมื่อถึงเหตุการณ์ที่ล่อแหลม

    หรือไม่แน่ใจ..สติก็จะช่วยระลึกและทบทวน

    หากรู้แล้วว่าไม่ถูก..และยับยั้งไม่ทำผิดในศีล

    ข้อนั้นๆ..เขาเรียกว่าเป็นผู้มี..หิริ..โอตัปปะ

    หมายมั่นได้หากชาตินี้ยังไม่นิพพาน..ชาติ

    ต่อไป..ไม่มนุษย์ก็สวรรค์..แน่นอนครับ

    หากยังรักษาในบางข้อไม่ได้..ก็รักษาข้อที่เรา

    ทำได้ไปก่อนครับ.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 สิงหาคม 2013
  16. มะบอม

    มะบอม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,255
    ค่าพลัง:
    +5,352
    เมื่อไม่ได้มี "เจตนาร้าย" คุณจึงมีศีลค่อนข้างดี
    และยังมีการใช้สติคิด-พิจารณาว่าอะไรสมเหตุสมผลหรือไม่สมเหตุสมผล แบบนี้เรียกว่าการใช้ "ปัญญา"
    น่ายินดีครับ
     
  17. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    สำหรับปุถุชนธรรมดานั้นอาจจะพอดี แต่สำหรับผู้มีบารมีมาแต่เกิด ยังถือว่าความละอายระดับจะเป็นพรหม นั้นยังมีค่อนข้างน้อยไป ผู้จะเป็นพรหมจะมีความละอายต่อการประพฤติเยี่ยงมนุษย์ และไม่สามารถทำเยี่ยงมนุษย์ได้ ตั้งแต่ การรู้สึกไม่ชอบรสของเนื้อสัตว์ ไม่ชอบการครองเรือน กลัวการทำเลวทุกรูปแบบ
     
  18. ญี่ปุ่น

    ญี่ปุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    153
    ค่าพลัง:
    +564

    ท่าน tjs กล่าวมาสมเหตุสมผลครับในการใช้ชีวิตประจำวันของมนุษย์
     

แชร์หน้านี้

Loading...