การสวดมนต์เป็นการสร้างบุญ หรือ กุศล

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย lionking2512, 20 เมษายน 2013.

  1. lionking2512

    lionking2512 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,525
    ค่าพลัง:
    +7,632
    ถามว่า วิธีบูชาด้วยดอกไม้ธูปเทียน และไหว้พระสวดมนต์ เช่น ทำวัตรเช้าค่ำ และสวดมนต์แบบอื่น ๆ ที่เป็นพระสูตรพุทธสุภาษิต จะมิเป็นอามิสบูชาไปหมดหรือ เพราะไม่ใช่ ศีล สมาธิ ปัญญา

    ตอบว่า อย่าเข้าใจให้ผิดว่าไม่ใช่สิกขา ๓ เช่น เวลาไหว้พระและกราบพระ นั่นเป็น สมฺมากมฺมนฺโต ที่พรรณาพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ นั่นเป็น สมฺมาวาจา ควรสงเคราะห์เข้าไปในกองศีล ส่วนใจที่ระลึกถึงพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ควรสงเคราะห์เข้าในกองสมาธิ ส่วนทำวัตรเช้าที่พรรณนาด้วยเรื่องขันธ์ ๕ ว่าเป็น อนิจจํ หรือ อนตฺตา และสวดมนต์พระสูตรอื่น ๆ ที่มีไตรลักษณ์อยู่ในสูตรนั้น เวลาที่สวดไปใจก็กำหนดตาม เกิดความเห็นชัดว่า ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ หรือเป็นอนัตตา ในเวลาที่สวดอยู่นั้น ควรสงเคราะห์เข้าไปในกองปัญญา ก็พอครบสิกขา ๓ ตามแบบปฏิบัติบูชาส่วนดอกไม้ ธูปเทียน และภาชนะที่ใส่ดอกไม้วางอยู่หน้าพระพุทธรูป ก็เป็นอามิสบูชา ข้าพเจ้าแยกเป็น ๒ ส่วนให้ท่านฟังนี้ ขอท่านจงจำไว้ จะได้ไม่เห็นผิดว่า การไหว้พระสวดมนต์เป็นอามิสบูชา

    ที่มา : ปฏิปัตตินิเทศ โดย พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถร จากหนังสือ จิตตภาวนา มรดกล้ำค่าทางพุทธศาสนา
     
  2. NARKA

    NARKA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,572
    ค่าพลัง:
    +4,560
    ตามความเข้าใจของผม...
    ..สมมุติเรากราบพระสงฆ์ จิตเรานึกคิดถึงผู้ทรงศีลที่ควรกราบไหว้ เราก็รักษาศีลด้วย ตอนนั้นจิตเกิดสมาธิแล้ว และพอท่านให้สัจจธรรม จิตเราก็สามารถยกเป็นวิปัสสนา เป็นปัญญาขบคิดธรรม ที่เกิดขึ้นในขณะนั้นๆได้
    หรือกรณีเราไหว้พระพุทธรูป ที่บ้านหรือที่ไหน จิตเราก็ตั้งมั่นในศีล และพอเกิดสมาธิขึ้นในจิต เราก็โน้มนำมาเป็นวิปัสสนาขบคิดธรรมโดยปัญญาการเรียนรู้ท่องจำ พิเคราะห์ธรรมในขณะนั้นๆ...แนวทางนี้ น่าจะเหมือนแนวทางสวดมนต์ตามที่พระอาจารย์มั่นฯอธิบาย โดยส่วนใหญ่ ผมใช้แนวทางแบบนี้เป็นประจำ
     
  3. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    ที่ ๒๐/๔ /๒๕๕๖ กรรมติดจรวจ มีมีเรื่องเล่า ให้พวกพี่น้องได้ฟังกันครับ ผมไปโคราช ยังไม่ทันถึงไปแค่เลยลพบุรีเท่านั้น น้องผมจะบวช แต่ผมไม่ไปไม่ได้ เพราะไม่ทันแล้ว จึงไปถึงโคราช เพื่อไปกราบแม่ พอถึงปักธงชัย น้องนครปฐมโทรมาอีก บอก น้องจะบวชวันที่ ๑๙ / ๔ / ๒๕๕๖ เมื่อวานเอง เออถ้างั้นพอไปได้ผมตอบไป เมื่อผมไปกราบแม่เสร็จ ซื้อของฝาก ไปถวายท่าน แล้ว เมื่อสนธนาจบ ท่านให้ดูวันพรุ่งนี้ ร่างกายท่านไหว ท่านจะมาสงเคราะ ปรก ติท่านจะไม่รับแขก ผมนอนค้าง ๑ คืน รอเวลา ท่านแม่เกริ่นไว้ แล้วบุญ และท่านจะสงเคราะ เมื่อถึงเวลาท่านมาสงเคราะ จึงเล่าเหตุการณ์ให้ท่านฟัง ท่านบอก ให่ไป ช่วยจัดแจง และให้กลับ ด่านช้างทันทีครับ


    ผมมาแวะที่อุทัย แล้ว ขับรถตีเข้าด่านช้างใกล้ห้วยขาแข้งครับ ขอเล่าลัดๆสักนิด น้องจะบวช เพราะกรรม ร่วมกับเขา เพียงแค่กินเก้ง ไม่ได้ฆ่ากับเขา กรรมมันติดจรวจ ก่อน สงกรานต์ ๒ วัน คือว่า อย่างนี้ เก้งมาจากไหน ไม่ทราบ วิ่งผ่านกลางหมู่บ้าน หมาไล่กัด วิ่งผ่านเข้มา บ้านผม ชนรถปิ๊กอับ ของน้อง และผ้า ตะข่ายเขียว ที่กันไว้บ้านผม ซึ่งน้องเอารถมาอาศัย แล้วหมามันวิ่งกวดไป แล้วคนมาช่วยฆ่า ตายก่อนจะฆ่ามีตะโกรธ ห้ามไปฆ่าเขา คนไทย ส่วนใหญ่ เขาถือกันนัก มันมีเหตุอาเพศ ไม่ใครฆ่า หรือกินกัน



    แต่ไม่มีใครฟัง ผลที่สุดฆ่าตาย เขาเอามาทำ ในที่ผม หลังบ้าน ที่น้อง ผมมาอาศัยอยู่ เขาให้เนื้อเก้ง มาหนึ่งขา ใส่ตู้เย็นไว้ แล้วน้องผมไปแต่งงาน กับมาบ้าน ทำเก้งกินกัน ผ่านไปหนึ่งวัน เหตุการณ์ ก็เกิด ทะเลาะ กับแฟนถึงเกือบเลิกกัน แล้วพัฒนามาเป็น เบอ ประสาทหลอน มีคนจะมาฆ่า ทำร้ายบ้าง จะเอาชีวิตบ้าง เพ้อไปทั่ว ที่น้องๆเล่าให้ฟังครับ ผลสุดท้าย เขามาทวง ถ้าไม่บวชให้ จะเอาชีวิต ให้ถึงตาย เขาจึงตัดสินใจ บวชให้ แต่ก็ไม่วายประสาท เบอหลายอย่าง

    น้องผมคนนี้ จะว่ามีบุญก็มี กรรมเล็กน้อย ที่ไม่ได้ฆ่า ให้ผลเพียงนี้ ถ้าฆ่า จะขนาดไหนหนอ ที่เขามีบุญ เมื่อก่อน เขาไม่เคยฆ่าสัตว์ ยังเด็กไม่เข้าโรงเรียน ผมเคยพามาวัดท่าซุง หลังจากพ่อตาย เขาอยู่กับพี่ๆ มาตอนหลัง เขาอยู่ คนเดียว กลัวตาย นอนภาวนา พุทโธ อยู่หลายปี จนกระทั่ง อายุเกือบ ๑๗-๒๐ ปี และตอนหลัง เกิน ๒๐ ปี มาอยู่ กับกระเหรี่ยงไม่เคย ทำงานหนัก ไม่เคยฆ่าสัตว์ ก็ทำเป็นทุกอย่าง งานหนักทุกอย่าง และไปนั่งห้าง คอยยิงสัตว์ ทุกประเภท ผมเคยไปเตือน เมื่อปีก่อน กับ ปีที่แล้ว ให้เลิกเสีย แต่เขาไม่ยอมฟัง


    ชีวิตใครๆก็รักหวงแหน เพราะผมทำมาก่อน จึงไปเตือน แต่เหตุครั้งนี้ มันเร็วมาก ติดจรวจ จริงๆครับ ปรกติ สัตว์ทุกชนิด ถ้าเข้ามาในหมู่ บ้าน คนไทย เขาถือกันนัก มันจะมีเหตุอาเพศ บางที่เขาจัดทำบุญกัน เป็นอาทิตย์เลยนะครับ ผมคุยกับกระเหรี่ยงเมื่อวาน กระเรี่ยง เขาส่วนใหญ่ ก็ถือกันครับ เมื่อวาน บวชเสร็แล้ว ก็ยังเบอๆอยู่ครับ ผมบอก ให่ท่าน ภาวนา ให้มาก แล้วอุทิศ บุญให้เข้า เขา ตอนผมไปถึงโคราช ผมโทร ให้คน ไปถวายสังฆทานชุด ๕๐๐ ที่วัดท่าซุง ให้ทันที แล้วอุทิศบุญไปให้เก้ง ที่โดนฆ่าตาย น้องสาวโทรมา บอกว่า เขาเบาลง และให้ฟังธรรมะ ปรกติจะนอนไม่ได้ครับ นี่ พวกท่านอ่านแล้วยังไงครับผม
     
  4. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ดอกไม้ ธูป เทียน มือสองข้างสิบนิ้วพนมกราบ เป็นอามิสบูชา
    สวดมนต์กล่าวพรรณา เจริญสมาธิ ภาวนา เป็นปฏิบัติบูชา
    การไหว้พระ สวดมนต์ จึงได้บุญกุศลมาก เพราะเหตุสนับสนุนมาก
    บุญ ในทางโลกทิพย์ มีกำลังดุจดังพระจันทร์ฉาย หรือมณีแก้วสว่างไสว[ บท ยถา : จนฺโท ปณฺณรโส ยถา มณิ โชติรโส ยถา]
    กำลังบุญอันเป็นแสงสว่างอันเป็นทิพย์นี้ แม้เราปราถนาอุทิศให้แก่ผู้ใด แม้ผู้นั้นอนุโมทนาในบุญและแสงสว่างอันเป็นทิพย์นั้น จิตของเขาเหล่านั้น ย่อมปลื้มปิติอิ่มเอมจิต เป็นที่สุด เช่นนี้จิตเขาเหล่านั้นจึงกลับมาผ่องใส งดงามยิ่งขึ้น ปราศจากความเศร้าหมอง ไปชั่ววาระหนึ่งนั่นเอง

    อันกำลังบุญ ที่เกิดจากอามิสบูชา และภาวนาบูชานั้นก็มีความแตกต่างกัน ผู้ใดที่ปฏิบัติภาวนาบูชาสามารถชำระกิเลส จิตเข้าสู่ฌาณสมาธิได้แล้ว ย่อมมีกำลังบุญมากและมีแสงสว่างอันเป็นทิพย์มีความสว่างมากเช่นกัน

    ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าการปฏิบิตภาวนาบูชา การสวดมนต์ภาวนานั้นมีอานิสงค์มากครับ สาธุ ทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น ตลอดจนผู้ที่เราอุทิศให้ครับ สาธุ
     
  5. noom8a

    noom8a เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    157
    ค่าพลัง:
    +226
    ผมก็สวดมนต์นั่งสมาธิมา5-6ปีแล้วครับวันละ2-3ชม.อะครับ
    ยังไม่ค่อยมั่นใจในอานิสงค์เลยครับยังรู้สึดหงุดหงิดฟุ้งซ่านมากกว่าเดิมอีกครับ
     
  6. chuchart_11

    chuchart_11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    764
    ค่าพลัง:
    +2,932
    ขออนุโมทนาสาธุ ธรรมใดที่ท่านสำเร็จแล้ว ขอข้าพเจ้าสำเร็จด้วยเทอญ สาธุๆๆ
     
  7. Mabuchaa

    Mabuchaa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2013
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +57
    ผมก็สวดมนต์นั่งสมาธิทุกวัน อนุโมทนาท่านผู้ปฏิบัติด้วยครับ สาธุ
     
  8. firstini

    firstini เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,213
    ค่าพลัง:
    +3,770
    บุญกุศลอย่าประมาทว่าน้อย
     
  9. สีลสิกขา

    สีลสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    1,271
    ค่าพลัง:
    +7,137
    การสวดมนต์ เป็นวิธีทำความเจริญแก่ตนอย่างหนึ่ง ทั้งในด้านให้เกิดสติปัญญา พัฒนาใจให้งดงาม และสั่งสมศรัทธาให้ยึดมั่นทำความดี การสวดมนต์นั้น ถ้าเป็นเพียงสวดตามที่เขาว่ามา แต่ไม่พิจารณาถึงความหมาย รวมถึงไม่นำความรู้ที่ได้จากความมุ่งหมายนั้นไปปฎิบัติ ผู้สวดย่อมได้รับผลไม่เต็มที่

    ฉะนั้น ในฐานะเป็นพุทธศาสนิกชนแล้ว เมื่อตั้งใจสวดมนต์ก้มกราบไห้วพระพุทธ ต้องให้รู้ถึงพระธรรม คือ พยายามศึกษาความหมายของบทสวด และเมื่อรู้แล้วต้องปฎิบัติตาม ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินชีวิตเป็นไปอย่างราบรื่น

    ประการสำคัญ ถ้าผู้สวดสวดด้วยจิตเป็นสมาธิจนดื่มด่ำในรสแห่งพระธรรม อาจบรรลุจุดหมายสูงสุดของพุทธศาสนาคือความพ้นทุกข์ ดังมีพุทธดำรัสรับรองผล ในวิมุตตายตนสูตรว่า "บุคคลบางคน หมั่นไหว้พระสวดมนต์ หรือสาธยายข้อธรรมที่ได้เรียนมา และขณะที่สวดด้วยจิตเป็นสมาธินั้น เขาน้อมข้อธรรมมาปฎิบัติ ก็จักบรรลุถึงความพ้นทุกข์ได้"

    สวด หมายถึง การว่าเป็นทำนอง, การท่องคำสอนทางพระพุทธศาสนา โดยมีวัตถุประสงค์ ๒ อย่าง คือ
    ๑) สวดธรรม เพื่อรักษาพระศาสนา ๒) สวดพระปริตร เพื่อเป็นเครื่องคุ้มครองป้องกัน
    มนต์ หมายถึง คำศักดิ์สิทธิ์, คำที่นำมงคลมาให้ซึ่งต้องอาศัยการสวด หรือบริกรรมจึงจะทำให้เกิดอานุภาพ
    รวมความแล้ว สวดมนต์ หมายถึง การสวดเป็นจังหวะซึ่งคำอันศักดิ์สิทธิ์ที่มีฤทธิ์นำความเจริญมาสู่ตน

    ปัจจุบันส่วนนึงนั้น คนสวดมนต์เพราะต้องการผลป้องกันจากพระปริตร โบราณบัณฑิตแนะเคล็ดว่า หากประสงค์ผลด้านนี้ผู้สวดต้องมีจิตเมตตา และทำสัจกิริยาในขณะสวด ซึ่งหากไม่มุ่งในแง่อิทธิปาฎิหาริย์ อาจตีความได้ว่า คนมีเมตตา ไม่ว่าใครก็รักเมื่อพบเห็น ที่ท่านแนะให้ทำสัจกิริยาเพราะว่า ให้ยึดมั่นอยู่ในความสัตย์จริงคือ ความดี


    ขอเพิ่มเติมอีกนิดค่ะ :-

    การสวดมนต์ เป็นการทำบุญความดีอย่างหนึ่ง ซึ่งถือว่ามีอานิสงส์มาก เป็นการทำบุญในข้อ ภาวนามัย บุญสำเร็จได้ด้วยการภาวนา เฉพาะคำว่า ภาวนา หมายถึง ทำให้มีขึ้น เป็นขึ้นในตน โดยมุ่งผล ๒ อย่างคือ การทำใจให้สงบ เรียก สมถภาวนา, การมีปัญญารู้แจ้ง เรียก วิปัสสนาภาวนา ซึ่งบทสวดมนต์ทุกบท มีผลทำให้เกิดความสงบใจในขณะสวด จึงเป็นบุญทางใจ ยิ่งถ้ารู้ความหมายในบทสวด ก็ทำให้เป็นบุญทางปัญญา

    แต่สวดอย่างไรถึงจะเป็นบุญทางใจหรือทำให้เกิดปัญญา เจ้าประคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานคำแนะนำว่า การทำบุญด้วยการสวดมนต์ จะสัมฤทธิผลดังตนมุ่งหวังจำต้องทำด้วยความจริงใจและจริงจัง มิใช่้สักแต่เป็นกิริยา หรือทำด้วยจำใจ นอกจากนั้น การไห้วพระสวดมนต์ ถือได้ว่าเป็นการปฏิบัติตามหลักของ ไตรสิกขา คือ
    ขณะสวดมนต์ ผู้สวดสำรวมความคึำกคะนองทางกาย วาจากล่าวแต่คำสวดที่เป็นวาจาสุภาษิต เรียกว่า ศีล
    ขณะกล่าวคำสวดมนต์ ใจของผู้สวดจดจ่อกับบทสวด มิเช่นนั้นจะทำให้สวดผิดสวดถูก จึงทำให้เป็นผู้มีจิตตั้งมั่นอยู่ในอารมณ์เดียวคือการสวดมนต์ เรียกว่า สมาธิ
    ในการสวดมนต์ ผู้สวดมีความเพียรที่จะละสิ่งเป็นอกุศล(อาตาปี) นึกถึงแต่สิ่งดีงาม(สติมา) รู้ตัวว่ากำลังทำความดี(สัมปชาโน) ทำให้เกิดความรู้ว่า กุศลความดีเป็นสิ่งที่ควรทำ อกุศลกรรมเป็นสิ่งที่ควรละ เรียกว่า ปัญญา

    ดังนั้น การสวดมนต์ หากทำด้วยความจริงจัง ตั้งใจเรียนรู้ความหมายตามคำที่สวด นำความรู้ที่ได้ไปปฎิบัติแล้ว ย่อมสามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมทางจิตใจให้เป็นผู้มีความสะอาด (ศีล) สงบ (สมาธิ) สว่าง (ปัญญา) ได้


    ขอพระสัทธรรมดำรงในจิตท่านตลอดกาลนานเถิด..สาธุธรรมค่ะ ^^
     
  10. นาย วิชิต

    นาย วิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2012
    โพสต์:
    64
    ค่าพลัง:
    +101
    ขออนุโมทนาในกุศลเจตนาของทุกท่านด้วยเป็นอย่างยิ่ง ขอคุณพระศรีรัตนตรัยได้โปรดดล

    บันดาลประทานพรแก่ทุกท่าน และขอกุศลผลบุญที่ท่านได้บำเพ็ญไปด้วยดีแล้วนี้ จงเป็นพล

    วปัจจัยให้ท่านเจริญรุ่งเรือง ในพระธรรมของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และในกิจการงาน

    โดยชอบ ปราศจากความทุกข์ โศก โรค ภัย และสรรพอันตรายทั้งปวง ขอจงมีอายุมั่นขวัญยืน

    ขอจงมีแต่ความสันติสุข สมบูรณ์ บริบูรณ์ ด้วยมนุษย์สมบัติ ได้แก่ ทรัพย์สมบัติ รูปสมบัติ

    คุณสมบัติ และบริวารสมบัติ ให้ถึงสวรรค์สมบัติ และพระนิพพานสมบัติ มีมรรค 4 ผล 4 นิพพาน

    1 ที่สิ้นสุดแห่งทุกข์ และที่เป็นบรมสุขอย่างถาวร ตลอดกาลนาน เทอญ
     

แชร์หน้านี้

Loading...