มันอยู่ใต้ถุนบ้าน

ก่อนอื่น ต้องขอบอกก่อนว่านี่เป็นเรื่องจริงนะครับ ไม่ได้เอาของใครมาเขียน และ ไม่ได้โม้ !

เรื่องนี้เกิดขึ้นกับน้องสาวของผม ตอนนั้นเธออายุ ประมาณ 10-11 ขวบ เมื่อวัยเด็ก บ้านผมอยู่ในซอยเล็กๆ และตัน ด้านท้ายซอยติดกับกำแพงวัด ซึ่งเป็นที่เก็บกระดูก สาเหตุนี้ละมั๊ง แถวนี้จึงมักมีคนเห็นผีบ่อย บ้านผมอยู่หลังที่ 2 จากปากซอย สภาพเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว ยกใต้ถุนสูงพอหัวคนลอดได้ ด้านหน้ามีบริเวณเล็กน้อย และปลูกต้นไม้ ต้นกล้วยรกครึ้ม มีรั้วสังกะสีล้อมรอบ สูงเลยหัว ใต้ถุนบ้านยังเป็นดินที่ชื้นแฉะเป็นส่วนมากจากน้ำล้างจาน น้ำอาบ และเศษอาหาร ที่ลงมาจากบนบ้าน และยังเป็นที่เก็บกองไม้ ทำให้ดูสกปรก และแทบจะไม่สามารถใช้ประโยชน์อะไรได้ ส่วนบนบ้านด้านหน้าเป็นชานสำหรับซักล้าง และ รับแขก ถัดไปเป็นห้องโถง และห้องนอน 2 ห้อง ถัดเข้าไปอีก เป็นโถงครัว ส่วนล้างจาน และห้องเก็บของเล็ก ถัดไป แต่ลดระดับลงเกือบถึงพื้นใต้ถุนเป็นห้องส้วม ซึ่ง ไม่มิดชิด เพราะตีด้วยไม้ระแนง ปูด้วยกระดานเป็นร่องห่างๆ ซึ่งใช้อาบน้ำด้วย แต่ก็พ้นจากสายตาของคนภายนอกเพราะ มีรั้ว นี่แหละครับคือปัญหา เพราะ ตอนกลางคืนมันเหมือนลงไปนั่งอยู่ที่ใต้ถุนบ้านเลย ล้อมรอบด้วยความมืด มีเพียงแสงไฟสีส้มจากห้องส้วมที่สาดลอดช่องห่างของไม้ออกไปเท่านั้นแต่ก็มองเห็น ใต้ถุนได้กว้างพอสมควร ซึ่งเรื่องมันเกิดตรงนี้เอง ปกติผมและคนในครอบครัวก็เคยเข้าห้องส้วมตอนกลางคืนเป็นปกติโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่สำหรับผมและน้องสาว เรายังไม่โตกันนัก ก็ยังมีความกลัวความมืดกันเป็นธรรมดา ที่อธิบายมานี่ก็เพื่อให้เห็นภาพว่า ตอนกลางคืนใต้ถุนบ้านผมมันน่ากลัวมากครับ มืดสนิทพื้นกระดานบ้านทั้งชานหน้าบ้าน ห้องครัว ก็เป็นร่องกว้าง มองลงไปใต้ถุนได้สบาย มืดตึ๊ดตื๋อ ทีนี้เรื่องมันเกิดเพราะคืนหนึ่งน้องสาวผม เกิดปวดหนักกลางดึก จึงลุกไปเข้าส้วม ขณะทำธุระอยู่ น้องผมเหลือบไปเห็นอะไรเคลื่อนไหวอยู่ บริเวณใต้ที่ล้างจาน ซึ่งเฉอะแฉะไปด้วยน้ำและเศษอาหาร ไม่ใช่หมาแน่ครับน้องยืนยัน เพราะมันรูปร่าง สูงใหญ่เหมือนคนตัวดำมืด แต่ตามันแดง และมีเชือกพันรอบคอ ที่เห็นได้ขนาดนี้น่าจะเป็นเพราะแสงไฟจากส้วมที่สาดลอดช่องห่างของไม้ออกไป น้องตกใจมากร้องลั่นบ้าน แล้วรีบวิ่งขึ้นมาพวกเราตกใจตื่นกันทั้งบ้าน เปิดไฟสว่างสอบถามน้องกันโกลาหล เมื่อน้องเล่าให้ฟัง แม่กับยายก็รีบเอาไฟฉายไปส่องดู ก็ไม่พบเห็นสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด หลังจากปลอบน้องจนสงบก็พากันเข้านอน โดยน้องนอนกับแม่ ผมนอนกับยาย แต่พอนอนไปสักพักน้องก็โวยวายออกมาอีก ว่าพอหลับตาก็เห็นไอ้ตัวเดิมปรากฏขึ้นอีก หลับตาไม่ได้ หลับตาเมื่อไหร่ก็เห็นมันทุกครั้ง สรุปว่าน้องนอนไม่ได้ แม่เลยต้อง จุดธูปไหว้พระ บอกกล่าวว่าจะทำบุญไปให้ จนกระทั้งน้องง่วงอีกคราวนี้จึงหลับลงได้ เล่นเอาทั้งบ้านอกสั่นขวัญหาย กันเลยทีเดียว แทบจะไม่ได้หลับนอน ผมเองแม้จะไม่เห็นก็กลัวมากไปเลยเหมือนกัน ทีนี้เวลาจะไปห้องน้ำต้องมีคนไปเฝ้าหน้าห้องด้วย ไม่งั้นไม่ไปเด็ดขาด ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร ใครรู้ตอบทีครับ

 

ดวงวิญญาณที่ฆ่าตัวตายด้วยการผูกคอตายหรือเปล่าคะ เพราะมีเชือกพันรอบคอด้วย

 

ตอบไม่ได้เหมือนกันครับ แต่ที่บ้านอยู่มานานไม่เคยมี แต่ซอยนี้น่าจะเป็นทางผ่านเข้าออกของผีที่กำแพงวัดท้ายซอยครับ

 

ภาพที่นำมาลงเป็นบ้านจริงจากเรื่องที่เล่าหรือคะ น่าวังเวงพิลึก แต่ก็ดูสงบเงียบดี

 

วันตาสเปรต ?

 

ตื่นเต้นดีครับ....และอยากรู้เหมือนกันว่าสิ่งนั้นคืออะไร ท่านผู้รู้ช่วยหน่อยครับ

 

ทางเหนือเขาเรียกว่าผีโพงครับ(ไม่รู้สะกดถูกหรือปล่าว) เพื่อนผมเคยเห็นสมัยเป็นเด็กเหมือนกัน เขามักจะมากินของโสโครกแและเศษอาหารเน่าๆเหม็นๆน่ะ ของชอบของเขาคือ น้ำลายหรือเสมหะของมนุษย์่น่ะครับคนโบราณเขาเลยไม่อยากให้ถ่มน้ำลายเรี่ยราดเพราะมันจะมาเก็บกินทีหลังครับ

 

ตั้งชื่อเรื่องได้ตื่นเต้นเร้าใจดีแท้

น่ากลัว ๆ

:z3

 

อ่านมานะครับ ผีเค้าอยากได้บุญ ผีบางคน ก็สามารถทําเป็นเสียง หรือกลิ่น หรือเป็นเงาไรพวกนี้(คือเค้าอยากได้บุญแต่ทําได้แค่นี้อะเราเป็นมนุษย์มีกําไรมาก ทําบุญเท่าไหร่ก็ได้ แล้วมนุษย์สามารถบรรลุธรรมได้ ถือว่าดีมากๆ)

 

ไม่ใช่บ้านจริงครับ ของจริงเตี้ยกว่านี้ เก่าโทรมกว่านี้ และน่ากลัวกว่านี้ บ้านเก่าได้ขายไปนานแล้ว ปัจจุบันกลายเป็นตึก

 

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน และ แสดงความเห็นนะครับ ผมก็ไม่ทราบหรอกครับ ว่าเขาเรียกว่า อย่างไร ที่รู้คือ น่าจะเป็นผี หรือ เปตร ชนิดหนึ่ง มีตาแดง น่าจะชอบกินของสกปรก เพราะ ใต้ถุนบ้านสกปรกครับ แถมส้วมก็ไม่สะอาดด้วย เฉอะแฉะไปหมดครับ แหมบอกขนาดนี้ อายจัง (ตอนนั้นเด็ก ยังอยู่บ้านเก่าของยาย)

 

งั่งรึเปล่า มีเชือกผูกด้วย
เพราะปกติ เขาจะเก็บงั่งไว้ในที่โสโครก (ผูกเชือกไว้แล้วหย่อนลงไป เวลาจะใช้ก็ดึงขึ้นมา) เช่นหลังห้องน้ำ, ตีนบันได
มันชอบนักหล่ะ หญิงสาวบริสุทธิ์ หรือใครก็ได้ที่เป็นสาวไม่เว้นแม่แต่เมียของคนเลี้ยง

เดาจากที่เคยเรียนรู้มานะครับ หรืออาจจะเป็นอย่างอื่น ก็ลงเล่าสู่กันฟังได้

 

อสุรกายหรือเปล่าครับ ลองเทียบเคียงดูนะครับ (ส่วนตัวผมคิดว่าเป็นอสุรกายครับ)

อสุรกาย แปลว่า ผู้มีรูปร่างหน้าตาไม่สวยงาม บางท่านแปลว่า ผู้ยินดีในของไม่สะอาด คือชอบกินของดิบ ของคาว เลือดสดๆ คนที่ชอบทานอาหารประเภทลู่ ลาบเลือด หรืออาหารประเภทเปิบพิสดาร เช่น กินสมองลิงเป็นๆ เนื้อสดๆ ท่านว่าชาติก่อนเคยเกิดเป็นอสุรกาย เพราะยังมีอุปนิสัยเดิมติดมาจึงทำให้ชอบกินอาหารประเภทนี้

อสุรกาย ถ้ายกตัวอย่างแบบใกล้ตัวคนไทยก็ได้แก่พวกผีต่างๆ เช่น ผีกระสือ ผีกระหัง ผีปอบ ผีตานี ผีพราย ผีบรรพบุรุษ หรือพวกสัมภเวสีทั้งหลาย
อสุรกาย ถ้ายกตัวอย่างท่านแบ่งเป็น ๒ จำพวก คือ พวกที่มีกรรมหนัก ร่างกายจะทรุดโทรม หน้าตาซีดเซียว น่าเกลียดน่ากลัว เที่ยวหากินของสกปรก เช่น ซากศพคนและสัตว์ หรือเศษอาหารที่เขาทิ้งตามขยะ หรือที่เขาจัดใส่กระทางทิ้งไว้ตามสี่แยก พวกนี้จะคอยหลบหน้าผู้คนอยู่เสมอ

จำพวกที่๒ ได้แก่ พวกที่มีกรรมเบาบาง กำลังจะพ้นจากความเป็นอสุรกาย รูปร่างกายจะอ้วนท้วนสมบูรณ์ แต่ผิวกายจะเป็นสีดำ มีฤทธิ์สามารถบันดาลให้สมหวังในบางสิ่งบางอย่างได้ มักชอบรับสินบนชาวบ้าน อยู่ประจำตามศาลต่างๆ ใครบูชาดีเลี้ยงดีก็บันดาลให้สมหวัง ใครลบหลู่ไม่ให้ความเคารพก็มักจะทำร้ายทำอันตรายให้ หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ กล่าวไว้ในหนังสือไตรภูมิว่า
“อสุรกายประเภทนี้มักจะปลอมตัวเป็นเจ้าเข้าทรงคนนั้นคนนี้ ทำท่าเป็นเทพองค์นั้นองค์นี้ เพื่อรับสินบานจากชาวบ้าน”

ที่มาของอสุรกายนี้ก็มี ๒ ทาง คือ ทางที่ ๑ มาจากเปรต กล่าวคือ เมื่อบุคคลทำกรรมชั่วไปเกิดในนรกชดใช้กรรรมหมดแล้ว แต่ถ้าเศษกรรรมยังเหลือก็จะมาเกิดเป็นเปรต เมื่อชดใช้กรรรมในความเป็นเปรตหมดแล้วแต่กรรมยังเหลืออีก ก็ต้องมาเกิดเป็นอสุรกายชดใช้กรรม จากนั้นถ้ากรรมยังเหลืออีกค่อยไปเกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉานเป็นลำดับไป

ทางที่ ๒ มาจากมนุษย์โดยตรง คือมนุษย์ประกอบกรรมชั่วเอาไว้ แต่ไม่หนักพอที่จะไปเกิดในนรกหรือเปรต ก็จะไปเกิดเป็นอสุรกายเลย ดังเรื่องที่หลวงพ่อจรัญเล่าไว้ในหนังสือพุทธวิธีเตรียมตัวตายว่าผู้ที่ตายไปพร้อมกับจิตที่มีโทสะจะไปเกิดเป็นอสุรกาย ท่านได้ยกตัวอย่างของผัวเมียคู่หนึ่งที่ทะเลาะกันขณะขับรถ เรื่องสามีมีชู้ ตกลงกันไม่ได้ ด้วยความโมโห สามีจึงขับแหกโค้งตายทั้งคู่ กลายเป็นอสุรกายประจำอยู่ที่โค้งนั้น ซึ่งปัจจุบันก็ยังอยู่

 

น่าจะเป็น ผีโขมด

 

พออ่านข้อความ ของคุณ วีรชาติ 1805 ผมว่า เข้าเค้า. เรื่องของผมนะ
เคยมีร่างทรง องค์หนึ่ง เขาบอก ว่าเป็น พระพุทธเจ้า ชื่อกัสสะปะ เป็นพระพุทธเจ้าองค์แรกๆ
ผมก็นึกถึง พระมหากัสสะปะ และ พระพุทธเจ้า องค์แรกๆ แต่ไม่ปักใจเชื่อมากนัก
เรียกว่าท่าน ทำนายได้แม่นยำ มาก ระดับนึง เพราะร่างทรง เป็นเพื่อน ของเพื่อนอีกที
แต่ที่ผมแปลกใจ คือ เมื่อ เขาอยู่ต่อหน้าผม และดูดวงให้ผม เขาจะมีอาการปวดหัวมาก หน้าแดง หูแดงเหมือนคน คนที่ปวดหัวมากๆ น้ำตาคลอๆ และไม่มีทางออก เหมือนอึดอัด จนต้องเลิกดูดวงให้ผม ไม่ถึงสิบนาที. แล้วบอกว่าปวดหัว ทุกทีเจอผม เพราะองค์เขา จะมาพร้อมกับ เขา บ่อยมากๆ นอกจากวันไหนที่ องค์เขาไม่มา กับผมและเพื่อนๆก็ปกติ คุยกันแบบสบายๆ ครับ ที่ผมไม่เชื่อ เพราะ พระพุทธเจ้า ท่านสูงกว่าผม เป็นร้อยๆชาติ มีบารมี มากกว่าตัวผมมหาศาล เหตุใดท่าน ต้องกลัว มนุษย์ กากๆ อย่างตัวผม
และยังบอกว่า ผมมี องค์ ประจำตัว สูงกว่าองค์ของเขา. ซึ่งก็ไม่รู้ว่าผมมีองค์ หรือไม่ อย่างไร ผมกลัวการโกหก มากกว่า ผมเข้าใจว่า เขาเป็น โอปาติกะ ประเภทหนึ่ง จริงๆหรือไม่

 

เขาเรียกร่างผีคับ เพราะพวกนี้อยู่ใกล้กับเทพพรหมมันมักจะไช่นิสัยของเทพมาหลอกชาวบ้านเอาบุญ ร่างดีๆก็มีที่เป็นร่างจริงๆทีพร้อมจะช่วยคนโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ถ้าร่างทรงหวังสิ่งตอบแทนถ้าเราเชื่อต้องเอาเงินมาไห้นะถ้าเขาขอล้านหนึงไม่มีไม่ช่วยแล้วคนที่เขาเดือดร้อนไม่มีจิงๆจะทำไง การที่เขาไห้คนๆหนึ่งมาเป็นร่างเพื่อช่วยเหลือคน ไม่ไช่มาเอาเปรียบคนร่างนั้นแทนที่จะได้บุญแต่ได้บาปมากกว่าคนธรรมดาหลานเท่า การที่เราจะเรียกเงินเขาต้องเรียกตามความเหมาะสมเพราะร่างทุกร่างก็คือคนต้องกินต้องไช้ เมื่อได้ร่างนั้นๆต้องนำเงินอีกส่วนไปทำบุญเพื่อไห้กบคนที่ทำมากับเราได้ด้วยและร่างทรงก็ได้ด้วย นี่เขาถึงเรียกว่ามาเพื่อช่วยคน

 

น่ากลัวมากค่ะ ขนลุกซู่เลย

 

เคยได้ยินมาเหมือนกันครับ คุณ Than_2012 แต่ที่บ้านไม่ได้เลี้ยง

 

น่าสนใจมากครับ คุณWeerachart1805 ขอบคุณที่ให้ข้อมูล