ประวัติ และอภินิหารย์หลวงปู่ตี๋ ฉันทธัมโม สุพรรณบุรี ศิษย์ 3 ต.

ขอบคุณมากครับ

 

เมื่อวันที่ 13 มกราคม ที่ผ่านมา ทางคณะศิษย์หลวงปู่ตี๋ ฉันทธัมโมได้เดินทางไปประกอบพิธีหล่อ "พระพุทธชาญปรีชญา" ขนาดหน้าตัก 45 นิ้ว เพื่อประดิษฐานยังศาลาทศพรรวมใจ ซึ่งเป็นศาลาที่หลวงปู่ตี๋ และคณะศิษย์ได้ร่วมสร้างไว้ ณ วัดศรีธาตุ บ้านสิงห์ ยโสธร โดยมี พลตรี กนิษฐ์ ชาญปรีชญา และครอบครัวเป็นประธาน ภาพด้านล่างคือศาลาดังกล่าว


สำนักสงฆ์ที่กำลังดำเนินการก่อสร้าง ตอนนี้ก็กำลังดำเนินการล้อมกำแพงโดยรอบทั้งหมด


และในการเดินทางไปครั้งนี้ ทางคณะศิษย์หลวงปู่ตี๋ก็ได้ไปกระทำพิธีจารตะกรุดดำน้ำตามตำราหลวงปู่ศุข หลวงปู่อิ่มด้วย ขอเล่าด้วยภาพยาวๆ แล้วกันครับ

กระทำพิธีไหว้ครู บวงสรวงบอกกล่าวครูบาอาจารย์กันก่อน


อาจารย์ผู้กระทำพิธีก็จะค่อยๆ ดำน้ำลงไปพร้อมแผ่นโลหะ เพื่อกระทำการจารยันต์อักขระตามตำราที่ได้ว่าไว้ ให้ได้ในชั่วขณะที่อยู่ใต้น้ำ โดยห้ามพ้นน้ำจนกว่าจะกระทำการจารแผ่นโลหะเสร็จจึงขึ้นมาได้




เหล่าคณะศิษย์ที่นั่งหลบร้อนบนศาลาอีกด้านหนึ่ง


ได้มาเป็นแผ่น ก่อนนำไปทำการม้วนและถักเชือกในภายหลัง


ตะกรุดดำน้ำที่ทำการม้วน และถักเชือกเรียบร้อยแล้ว ได้ทั้งสิ้น 117 ดอก และได้ทำการแจกจ่ายให้กับศิษย์ที่ยังเคารพรัก และศรัทธาต่อหลวงปู่ตี๋จนหมดสิ้น โดยมิได้มีราคาค่างวดใดๆ ทั้งสิ้น เรียกได้ว่าใครไปกราบรูปหล่อหลวงปู่ตี๋ ในช่วงนั้นก็จะได้รับแจกติดมือกันมาทุกคน ซึ่งหลายคนที่ได้รับไปแล้วก็อาจจะยังไม่ได้เห็นภาพขั้นตอนการกระทำพิธีจารซึ่งหาชมได้ยาก และเมื่อเร็วๆ นี้ตะกรุดชุดนี้ก็มีประสบการณ์จากผู้ที่ได้รับแจกไปแล้ว

 

ของดี ที่เเจกฟรี ยังมีในโลกครับ

 

ประสบการณ์ตะกรุดดำน้ำ จากผู้ที่ได้รับแจกไป
เรื่องนี้เป็นเรื่องของคุณบรรพต หารเสนาที่ได้รับแจกตะกรุดดำน้ำไป และด้วยความที่เห็นว่าฟรีจึงเอาไปถักเชือกขึ้นคอไม่ต้องเสียค่าเลี่ยม และยังดูเท่ไปอีกแบบ เรื่องเหล่านี้ผมถ่ายทอดมาจากคำบอกเล่าของพี่บรรพตอีกทีนึง อาจจะเล่าไม่มันเหมือนเจ้าตัว แต่ก็ฟังไว้เป็นประสบการณ์ว่าของฟรีย่อมดีเสมอ

เมื่อวันที่ 4 พ.ค. 56 ที่ผ่านมา ช่วงเย็น คุณบรรพต หารเสนา ได้นั่งดื่มสุรากับพักพวกแถวโรงงาน ระหว่างที่ดื่มอยู่นั้นเกิดมีการเขม่นกันไปมาระหว่างกลุ่มที่ดื่มสุราใกล้ๆ กัน พอมึดก็แยกย้ายกันขึ้นรถกลับบ้านหมด คุณบรรพรตเห็นว่าทุกคนกลับบกันหมดแล้วก็ตายใจไม่คิดอะไร สักพักกลุ่มที่มีเรื่องกลับไปพาเพื่อนมาอีกเกลือบ 10 คน ในบริเวณนั้นเหลือเพียงคุณบรรพรตเพียงคนเดียว จึงคิดได้ว่ารู้ วันนี้ต้องโดนแน่ๆ ในใจจึงนึกอาราทนา ตระกรุดดำน้ำ ที่มีติดตัวไว้เพียงดอกเดียวเท่านั้น จะหาที่พึ่งอะไรไม่ได้เลยนอกจาก ตระกรุดดำน้ำ เพียงดอกเดียว คุณบรรพรต ได้เล่าให้ฟังว่า กลุ่มที่พาเพื่อนมา ต่างก็ตรงมาหาคุณบรรพรตทันที จึงได้ใช้มือกำตระดรุดแน่นนึกถึงแต่เพียง ขอให้แคล้วคลาดด้วยเทอญ คนแรกพุ่งมาถึงก็ต่อยคุณบรรพรตทันที แต่ได้หลบทัน เพราะระวังตัวไว้แล้ว เมื่อสบโอกาสจึงวิ่งหนีทันที ทั้ง 10 คนวิ่งไล่ คุณบรรพรต ไปติดๆ เมื่อเห็นท่าวิ่งไม่ไหวแน่จึงตรงไปที่ต้นไม้ ปากก็บอกดังๆ ว่า หลวงปู่ตี๋ อาจารย์ตู่ ช่วยลูกด้วย ลูกไม่ไหวแล้ว แล้วคุณบรรพรตก็นั่งลงตรงโคนต้นไม้นั้นทันทีแบบหมดสภาพยอมโดนกระทืบ แต่ด้วยอะไรก็มิทราบคนทั้ง 10 คนที่วิ่งตามมาติดๆ กับวิ่งเลยผ่านคุณบรรพรตไปเหมือนไม่เห็นคุณบรรพตอยู่ตรงนั้น วิ่งตามกันไปเหมือนกำลังไล่คุณบรรพตอยู่ ทั้งๆ ที่คุณบรรพตเองก็นั่งรอให้กระทืบอยู่โครต้นไม้ตรงนั้น จึงทำให้ คุณบรรพรต จึงรอดมาได้อย่างปฏิหาริย์ ด้วยตะกรุดดำน้ำในคิเพียงดอกเดียว

นี่เป็นประสบการณ์เล็กๆ ของตะกรุดดำน้ำที่แคล้วคลาดกำบังตาได้ เมื่อยามคับขัน

 

สำหรับยันต์ที่ใช้ลงในตะกรุดดำน้ำนั้น จะมียันต์บังคับเพียงสามตัว ซึ่งจะลงตัวไหนก็ได้ หรือจะลงครบทั้งสามยันต์ก็ได้แล้วแต่ผู้กระทำพิธี ที่พอจะเปิดเผยได้ก็เป็นยันต์ใบพัดลงด้วย มะอะอุ หรือ อิสวาสุ และจะมี นะ อีกตัวหนึ่งซึ่งใช้ลงในตะกรุดดำน้ำนี้เท่านั้น เมื่อจะกระทำพิธีต้องดูวัน ฤกษ์ยามให้ดี จึงกระทำพิธีจุดธูปเทียนบูชาครู บอกกล่าวพระแม่คงคา แล้วจึงลงไปทำพิธีในขณะจารต้องอยู่ในน้ำตลอดเวลา กำหนดจิตนิมิตแล้วทำการจาร โดยแหล่งน้ำที่จะกระทำพิธีจะให้ดีต้องเป็นที่น้ำไหล หรือบ่อน้ำที่มีความศักดิ์สิทธิ์นับถือกันมาแต่โบราณจึงจะดี

 

นำภาพย่ากวักของหลวงปู่อิ่ม วัดหัวเขา ขนาดบูชามาให้ได้ชมกันครับ

 

เนื่องในวันคล้ายวันมรณภาพปีที่ 3 ของหลวงปู่ตี๋ ฉันทธัมโม
ซึ่งตรงกับ 17 พฤษภาคม 2556​

credit : chai@www.sittloungpormhui.com​

ทางคณะศิษย์จึงได้จัดพิธีบำเพ็ญกุศลเลี้ยงพระเพลขึ้น ในวันอาทิตย์ ที่ 19 พฤษภาคม 2556 ตั้งแต่เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป
ณ บ้านบุตรบุญธรรมของหลวงปู่(อาจารย์ปฐวี) หมู่บ้านอู่ทองเพลสโครงการ 2 คอลงสาม ปทุมธานี
จึงขอเรียนเชิญคณะศิษย์ทุกท่านร่วมกันบำเพ็ญกุศลถวายแด่หลวงปู่ ในวัน และเวลาดังกล่าว ติดต่อสอบถามที่ โทร. 087-7049592

ภายในงานก็จะมีศิษย์พี่ๆ รุ่นเก่าๆ ที่เคยอยู่ใกล้ชิดรับใช้หลวงปู่มารวมตัวกัน รวมทั้งศิษย์ใหม่ๆ มาพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ รวมถึงรับฟังเรื่องเล่าต่างๆ จกผู้ที่เคยรับใช้ใกล้ชิด หรือคอยติดตามหลวงปู่แบบปากต่อปากกันเลยทีเดียว และยังเปิดให้ได้ชมวัตถุมงคลเก่าๆ หายากที่อาจไม่เคยเห็นมาก่อน ภายในงานมีอาหารเลี้ยงสำหรับทุกท่าน มาแต่ตัวและศรัทธาครับ

 

พี่ครับตอนนี้หลวงปู่ตี๋ได้เผายังครับ

 

ตอนนี้สังขารหลวงปู่ตี๋ยังไม่เผาครับ แต่จะทำพิธีเปิดโลงในปีนี้

สำหรับสังขารยังอยู่ที่วัดท่ามะกรูด ในห้องกระจก(แต่ล็อคเอาไว้) สามารถเข้าไปกราบสังขารได้ครับ แต่เข้าด้านในห้องกระจกไม่ได้นะครับ(ถ้าเจอพระก็ลองขอกุญแจดูครับ) ปีนี้เป็นปีที่ 3 ของการมรณะภาพ และทางคณะศิษย์กำลังดำเนินการหารือที่จะทำการเปิดโลงหลวงปู่ในปีนี้ ถ้าเปิดโลงแล้วพบว่าสังขารท่านยังไม่เน่าก็จะปรึกษากันอีกทีว่าจะเผา หรือใส่โลงแก้ว ซึ่งก็ต้องดูความต้องการของทางวัดด้วยว่าจะเอาสังขารของหลวงปู่หรือไม่ ซึ่งตามพินัยกรรมที่หลวงปู่ได้กล่าวไว้ทางคณะศิษย์สามารถรับผิดชอบจัดการทุกอย่างได้ แต่ก็ต้องให้ทางวัดเป็นผู้พิจารณาอีกที และทางคณะศิษย์ก็ยินดีให้ผู้เลื่อมใสศรัทธาทุกท่านมีส่วนร่วมในครั้งนี้ แต่ก็ขึ้นกับทางวัด เมื่อได้ความคืบหน้าอย่างไรก็จะได้แจ้งให้ทราบอีกทีครับ

ในเรื่องสังขารนี้หลวงปู่ท่านเคยกล่าวถึงไว้ก่อนมรณะภาพ ว่าอย่าได้ไปยึดติดในสังขารของท่าน เมื่อหมดท่านแล้วท่านจะไปอยู่ในรูปหล่อของท่าน ที่ท่านมีความภาคภูมิใจมาก และชอบรูปหล่อนี้มาก

 

รูปหล่อหลวงปู่ตี๋

เมื่อเอ่ยถึงรูปหล่อของหลวงปู่ก็ขอเล่าความเป็นมาสักเล็กน้อย คือในช่วงก่อนที่หลวงปู่ตี๋จะมรณะภาพนั้น ท่านได้ปรารภว่าอยากให้ดำเนินการสร้างรูปหล่อขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อใช้เป็นตัวแทนท่าน ทางคณะศิษย์ที่อยู่ในเหตุการณ์ขณะนั้นจึงลงความเห็นว่า จะได้ดำเนินการสร้างจึงได้ให้คุณกนก ขำสุวรรณ หรือพี่หนุ่ม สุพรรณเป็นผู้ดำเนินการปั้นแบบจากดินขึ้นมาก่อน จำนวน 2 องค์ องค์หนึ่งจะเอาไว้ที่บ้านของอาจารย์ปฐวี(บ้านของบุตรบุญธรรมที่หลวงปู่ท่านมาพักรักษาตัวในบั้นปลายชีวิต) และอีกองค์จะนำไปไว้ที่วัดท่ามะกรูด โดยก่อนทำการปั้นแบบได้มีการทำพิธีบวงสรวงต่อครูบาอาจารย์ พรหม เทวดาทั้งหลายให้รับทราบ ด้วยตัวของหลวงปู่เอง และหลวงปู่ก็มักมานั่งมองแบบรูปหล่อขนาดเท่าองค์จริงนี้ แล้วอมยิ้มด้วยความพอใจ ที่ปั้นออกมาได้เหมือนท่านมาก ซึ่งการสร้างรูปหล่อเท่าองค์จริงนี้หลวงปู่ได้เร่งรัดให้ดำเนินการให้เร็วที่สุด ซึ่งบรรดาศิษย์ก็เข้าใจว่าหลวงปู่อยากให้เสร็จเร็วๆ แต่แท้จริงแล้วที่หลวงปู่เร่งรัดเพราะท่านได้กำหนดวันมรณะภาพของท่านไว้แล้ว โดยที่ไม่มีใครเอะใจ และหลวงปู่ได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า อย่าได้ไปสนใจในร่างกายสังขารของท่าน มันจะเป็นอย่างไรก็อย่าได้สนใจ แต่ให้รักาาดูแลรูปหล่อนี้เอาไว้ เมื่อท่านตายไปแล้วก็จะมาอยู่ในรูปหล่อนี้ และจะอยู่ในทุกลมหายใจของไอ้ตู่(บุตรบุญธรรมท่าน) บรรดาศิษย์จึงรักและบูชารูปหล่อนี้อย่างที่สุด จะเดือนร้อนอะไรก็มักจะต้องเดินทางมากราบไว้บอกกล่าวหลวงปู่เสมอ ด้วยเชื่อในวาจาศักดิ์ศิษย์ที่ท่านได้กล่าวไว้ว่า เมื่อตายไปแล้วท่านก็จะมาอยู่ในรูปหล่อนี้

เมื่อได้ทำการหล่อรูปเหมือนเท่าองค์จริงเรียบร้อยแล้วองค์หนึ่งได้นำมาทาสีทองไว้ที่บ้านของอาจารย์ปฐวี อีกองค์ได้นำไปมอบให้ทางวัดท่ามะกรูด แต่ทางวัดท่ามะกรูดไม่ยอมรับไว้จึงได้นำกลับมาไว้ที่บ้านอาจารย์ปฐวี ใครที่เคยไปกราบรูปหล่อก็คงจะเห็นว่ามีรูปหล่ออยู่สององค์ ก็ด้วยเหตุนี้ แต่รูปหล่อที่อยู่ที่ัวัดท่ามะกรูดตอนนี้นั้น เป็นรูปหล่อที่มีผู้อื่นหล่อถวาย และมอบให้วัดในภายหลัง

 

รูปหล่อหลวงปู่ตี๋ 2

เป็นที่ทราบกันดีว่าหลวงปู่ท่านรัก และชอบในรูปหล้อเท่าจริงนี้มาก ท่านเฝ้ามองติดตามจนต้นแบบหุ่นดินปั้นสำเร็จ แต่ด้วยท่านถึงวาระสุดท้ายแล้ว จึงมิอาจอยู่ได้ทันเห็นการหล่อเป็นโลหะ และอยู่ทำการหล่อด้วยตัวท่านเอง แต่ถึงกระนั้นหลวงปู่ก็ได้ทิ้งแผ่นยันต์ที่ท่านจารจำนวนมากไว้ให้ทำการหล่อรูปเหมือนท่านจนสำเร็จ หลวงปู่ท่านอาการทรุดหนักจนต้องนำตัวเข้าโรงพยาบาลกระทันหัน แต่ด้วยท่านได้กำหนดการมรณะของท่านไว้แล้ว อะไรก็มิอาจรั้งไว้ได้ ท่านได้มรณะลงในอ้อมกอดสุดท้ายของบุตรชายอันเป็นที่รัก ที่ป้อนข้าว ป้อนน้ำแทนคุณหลวงปู่ผู้เป็นเสมือนบิดาที่เคยป้อนข้าวป้อนน้ำในวัยเยาว์ หลวงปู่มรณะภาพลงในวันจันทร์ ที่ 17 พฤษภาคม 2553 หลังจากหลวงปู่มรณะภาพแล้วจึงได้ทำพิธีเททองหล่อรูปเหมือนเท่าองค์จริง พร้อมทั้งขนาดบูชา และห้อยคอในวันเสาร์ ที่ 24 กรกฎาดาคม 2553 โดยมีหลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว อยุธยา เป็นประธานจุดเทียนชัย นั่งปรกพร้อมด้วย หลวงพ่อสุวรรณ วัดยาง อ่างทอง หลวงพ่อดุ๋ย วัดหนองผักนาก สุพรรณบุรี พระอาจารย์ ศักดิ์สิทธิ์ วัดลำกระดาน จึงนับได้ว่ารูปหล่อขนาดเท่าจริง ขนาดบูชาหน้าตัก 5 นิ้ว และห้อยคอ ได้สร้างเสร็จสิ้นตามดำหริของหลวงปู่ แม้ไม่ทันท่านเสกด้วยกายเนื้อ แต่ก็มีความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ไม่แพ้กันกับตอนที่หลวงปู่ท่านยังอยู่ จากประสบการณ์มากมาย

 

รูปหล่อบูชาหน้าตัก 5 นิ้ว จำนวนการจัดสร้าง 633 องค์







ใต้ฐานอุดด้วย สังฆาฏิ เหรียญแจกทาน ทรายเสก แท่งผงรวมมวลสาร เกศา

 

รูปหล่อโบราณขนาดห้อยคอ จำนวนการจัดสร้าง 611 องค์

 

หลวงปู่หายตัวได้

วันนี้อยากจะขอเล่าเรื่องหลวงปู่สามารถหายตัวได้ให้ฟัง ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เห็นกันต่อหน้าศิษย์หลายสิบคน เมื่อคราวเดินทางไปเยี่ยมหลวงปู่ที่วัดเขาเขียว แต่การหายตัวของหลวงปู่จะทำได้เพียงอึดใจเดียว แต่ก็เรียกรอยยิ้มจากศิษย์ในเวลานั้นได้ดีทีเดียว ถึงความขี้เล่น แกล้งอำของหลวงปู่

เมื่อประมาณปี 2542 ลูกศิษย์หลวงพ่อหลายๆ ท่านได้หารือกันว่าน่าจะหาโอกาสเดินทางไปเยี่ยมหลวงปู่ตี๋ ที่วัดเขาเขียวบ้าง จึงรวมตัวกันได้ร่วมๆ 30 คน เดินทางไปยังสุพรรณบุรี เมื่อไปถึงที่วัดมองไปที่กุฏิจากด้านล่างเข้าไปเห็นว่าลูกกรงปิดอยู่(กุฏิหลวงปู่จะเป็นห้องโล่งๆ ไม่ยกพื้น ไม่มีฉากกั้นนอกจากห้องกระจก และจะมีลูกกรงขนาดใหญ่อยู่ด้านหน้าด้านเดียวเป็นทางเข้าออก ด้านอื่นๆ จะเป็นกำแพงทึบ) จึงเดินเข้าไปมองใกล้ๆ พร้อมกับตะโกนเรียกหลวงปู่ แต่ภายในกลับเงียบ ไม่มีเสียงตอบรับ และมองไม่เห็นใครเลย ทั้งที่เป็นห้องโล่งๆ หลายคนก็ งง และสงสัยว่าหลวงปู่หายไปไหน มีศิษย์ท่านหนึ่งจึงอาสาทำหน้าที่ตะโกนเรียกอย่างเสียงดัง พร้อมทั้งไปยืนเกาะลูกกรงเหล็กมองหา แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่ากุญแจถูกล๊อคไว้จากด้านใน เพราะโดยปกติแล้วถ้าหลวงปู่ไปไหนจะต้องล๊อคจากด้านนอก แสดงว่าหลวงปู่ต้องอยู่ด้านในแน่ๆ มองไปมองมา ก็ได้ยินเสียงกระแอมออกมาเบาๆ หลายครั้ง พี่ท่านนั้นจึงโพล่งออกไปว่า หลวงปู่อย่ามาอำกันเล่นนะ ผมรู้นะว่าหลวงปู่อยู่ด้านใน ออกมาเถอะ จากนั้น ภาพหลวงปู่ก็ปรากฏตรงหน้าศิษย์ท่านนั้นที่เกาะลูกกรงอยู่ หลายคนถึงกับผงะด้วยความตกใจ ภาพที่เห็นตรงหน้าคือ หลวงปู่ยืนเกาะลูกกรงอยู่ตรงหน้าศิษย์ท่านนั้น พร้อมกับหัวเราะปนไอ จึงเป็นที่รู้กันว่าหลวงปู่สามารถหายตัวได้ บรรดาศิษย์จึงสอบถามหลวงปู่ว่าทำไมไม่ออกมา ให้รออยู่ตั้งนาน ท่านก็บอกไปแต่เพียงว่า กูมายืนมองพวกมึงตั้งนานแล้ว ก็ไม่รู้ว่าใครมานี่หว่า เผื่อเป็นโจรจะมาทำร้ายกูอีก ศิษย์หลายคนที่นั่งฟังถึงกับขำออกมาเบาๆ ก็เป็นอันว่า หลวงปู่โดนจับได้เพราะเสียงกระแอมด้วยความที่ปอดหลวงปู่ไม่ค่อยดี เนื่องจากสูบบุหรี่จัด จึงกลั้นหายใจได้ไม่นานนัก ก็ต้องกระแอมออกมา ถ้าไม่ได้ยินเสียงกระแอมก็คงหาตัวไม่เจอแน่ๆ

หลายคนบอกว่าหลวงปู่เป็นคนดุ ก็อาจมาจากการที่หลวงปู่พูดจาโผงผาง พูดไม่เพราะ แต่ก็มีอีกแง่มุมที่หลวงปู่มักหยอกล้อศิษย์เป็นประจำเสมอมา เรียกว่าเจอหลวงปู่ทีไรเป็นได้ขำกันเลยทีเดียว

 

เสกทั้งกุฏิ

ความผูกพันธ์กันระหว่างศิษย์กับอาจารย์ตัดกันไม่ขาดจริงๆ อย่างที่ทราบกันดีว่าหลวงปู่ตี๋เป็นศิษย์ที่ฝากตัวเรียนวิชากับหลวงพ่อกวยมาแบบเต็มๆ และยังเป็นศิษย์หลวงพ่อมุ่ยอีกด้วย ดังนั้นไม่ว่าศิษย์จะทำอะไร อาจารย์ก็มักเมตตาเสมอ

หลายครั้งที่ทั้งหลวงพ่อมุ่ย และหลวงพ่อกวย เดินทางไปกิจนิมนต์ เมื่อผ่านทางเขาเขียวก็จะต้องแวะมาหาหลวงปู่ตี๋อยู่บ่อยครั้ง และทุกครั้งที่มาก็จะเมตตานั่งปลุกเสกวัตถุมงคล
ให้กับศิษย์เสมอ และเมื่ออาจารย์มาหาศิษย์ผู้นี้เมื่อไร หลวงปู่ตี๋ก็ไม่ให้เป็นการเสียเที่ยว จัดแจงโยงสายสิญจน์รอบทั้งกุฏิ และโยงมายังวัตถุมงคล เพื่อให้อาจารย์ของห่านปลุกเสกอย่างเต็มที่ เรียกได้ว่าปลุกเสกกันยกกุฏิเลยทีเดียว ดังนั้น วัตถุมงคลของหลวงปู่ตี๋ในยุคเก่าๆ จึงมักได้รับการปลุกเสกจากทั้งหลวงพ่อมุ่ย หลวงพ่อกวย หรือแม้กระทั่งหลวงปู่เย็นอยู่เสมอมิได้ขาด ซึ่งบางครั้งองค์อาจารย์ก็ตั้งใจไปหาเป็นการเฉพาะก็มี ยังไม่รวมการจัดพิธีพุทธาภิเษกแบบเรียบง่ายภายในวัดอีกต่างหาก องค์อาจารย์ก็เมตตามานั่งปรกปลุกเสกให้โดยไม่ขัดข้อง ฉะนั้นท่านใดที่มีวัตถุมงคลในยุคแรกๆ ของหลวงปู่รับรองได้เลยว่าได้รับการเสกเดี่ยว เสกหมู่จากหลวงพ่อมุ่ย หลวงพ่อกวยอย่างแน่นอน ขอให้เก็บไว้ให้ดีๆ โดยเฉพาะของในช่วงปี 251กว่าๆ ทันแน่นอน แต่อาจจะหายากสักหน่อย เพราะไม่ได้สร้างเพื่อขายเอากำไร แต่สร้างเอาไว้แจกศิษย์ที่มากราบท่าน จะได้มีของติดไม้ติดมือกลับไปเป็นมงคลบ้าง

 

อาจารย์ท่านเก่งยังไง ท่านก็เก่งอย่างนั้นครับ ปลัดขิกท่าน แรงมากๆๆๆๆๆๆๆ ตั้งแต่ผมบูชา ฝากตัวเป็นศิษย์ในสายหลวงปู่ ชีวิตราบรื่น การเรียนดีขึ้น มากครับ

 

เครื่องรางที่หลวงปู่ตี๋ ท่านชอบมากที่สุดก็ปลัดนี่แหละครับ ท่านว่าครบเครื่องดี เมื่อก่อนไม่รู้จะทำอะไรแจกคนที่มากราบก็เอาไม้ตาลปัดนี่แหละครับมาเหล่าเป็นปลัด เสกกันจนวิ่ง จนกระโดดเป็นปกติ ท่านว่าไม้ตาลปัดดีปัดทุกข์ ปัดโศก ปัดสิ่งไม่ดีได้

 

เมื่อสองสามวันที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปกราบรูปหล่อหลวงปู่ตี๋ ก็เลยได้มีโอกาสชมเกศาหลวงปู่ตี๋ ที่ถูกเก็บรักษาไว้เคียงคู่กับรูปหล่อแบบใกล้ชิด ซึ่งยังไม่เคยได้เปิด ผอบ ออกมาเลยตั้งแต่หลวงปู่มรณะไปเป็นเวลา 3 ปีแล้ว แต่พอเปิดดูถึงกับเป็นปลื้ม และปีติ พบว่า มีพระธาตุเสด็จมามากมาย และบางส่วนของเกศาก็กำลังแปรเป็นพระธาตุ เลยถ่ายภาพมาให้ได้ชมกัน

ภาพแรกนี้เป็นเกศาที่เก็บไว้ในผอบใหญ่ จะมีพระธาตุเกาะอยู่ตามเส้นเกศา

 

พอยกเอาเกศาขึ้นก็พบอย่างที่เห็น

 

ผอบเล็ก มีเกศาไม่มาก แต่สิ่งที่มีเพิ่มเข้ามาคือ พระธาตุ สีออกแดงใสอย่างที่เห็น