ประสบการณ์เมื่อเรามีคนทักว่าเรามีองค์ (แนวให้ความรู้)

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย กาลีนะ, 13 มิถุนายน 2013.

  1. Kiai

    Kiai Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +36
    อ่านเรื่องนี้แล้วคาดเดาว่า อาจจะอยากทำให้มีผลทางโลกด้วยหรือเปล่าครับ ดังนั้นเรือ่งแบบนี้น่าจะมีสาเหตุว่ามีคนทำอะไรหรือเปล่ามากกว่าที่ว่าอยู่ดีๆเรื่องแย่จะเกิดขึ้นเอง ส่วนตัวแล้วคิดว่าเรื่องทางโลกก็น่าจะแก้ปัญหาที่ตรงนั้นด้วย แต่อาจเป็นเพราะคนที่คิดร้ายกับเหยื่อเขาไม่สามารถทำอะไรทางโลกไปได้มากกว่านั้นเขาก็เลยใช้วิธีนี้ หรือเปล่า สันนิษฐานเฉยๆนะครับ
     
  2. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    ... อันนี้มันก็ช่วยได้ยากคะ ... เพราะเจ้าตัวเขาต้องการแบบนั้นไปแล้ว ... ส่วนตัวเราถ้าเขาไปขวางเขาบางทีเราก็ต้องแลกด้วยสิ่งมีค่าในชีวิตเรา หรือ อะไรก็แล้วแต่เพราะ ภพภูมิ ที่เขามาแฝงเขาคงไม่ยอมปล่อยเราแน่นอนคะ ... แต่ถ้าทั้งครอบครัวเขาอยากจะจบปัญหานี้มันก็พอมีทาง .. แต่ก็ต้องดูความเข้มแข็ง และ ผลบุญของเขาว่าพอมีแค่ไหนด้วย และ เขาจะปฏิบัติตนได้หรือเปล่าด้วยคะ ....

    ... กาลีนะแนะนำคุณ dakjued อย่าเสี่ยงโดยไม่จำเป็น เพราะบางครั้งเขาอาจเป็นเจ้ากรรมนายเวรของกัน และ กันก็ได้ขอให้ดูทิศทางลมด้วยแล้วกันนะคะ ...
     
  3. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    *** เห็นข้อความที่เกริ่นไว้แล้วก็ต้องขอบคุณเป็นอย่างยิ่งครับเพราะบางเรื่องนั้นไม่ทราบมาก่อนเลย เลยทำให้เข้าใจเรือ่งพวกนี้ได้ดีขึ้น แต่ในฐานะผู้ที่ไม่ค่อยทราบเรือ่งก็เลยอยากจะทราบในส่วนของคำว่า เถรวาท นั้นจริงๆแล้วมันคล้ายๆกับคำว่า เทวา หรือ เทวะ อยู่ไม่น้อย (จริงๆแล้วในตำราหรือในข้อมูลอื่นๆความหมายหรือที่มาของเถรวาทมันก็ชัดเจนนะครับ เพียงแต่ต้นกำเนิดของคำนี้ในแบบฮินดี หรือ อื่นๆมันใกล้เคียง เทวะ หรือ เทวา มาก ซึ่งไม่แน่ใจเช่นกันว่าแผลงมาอีกทีหรือเปล่า) เท่าที่ทราบมาบ้างมันจะมีนิกายบางนิกายของพราหมณ์ และ บางนิกายของพุทธศาสนา ที่อยู่ก้ำกึ่งกัน นับถือพระพุทธเจ้าคนละองค์สิ่งที่สงสัยมากๆก็คือแท้จริงแล้วทั้งสองอย่างล้วนแต่เป็นสิ่งเดียวกันแต่แผลงกันไปกันมาและปรากฎให่้เราเห็นสัมผัสหรือศึกษากันตามเหตุปัจจัยหรือไม่


    ... อันนี้กาลีนะก้ไม่เก่งด้วยสิคะ ขอตอบตามความเข้าใจของตนเองละกันคะ ... กาลีนะว่าไม่เหมือนกันนะคะ ... เถรวาท มุ่งบรรลุนิพพาน คือ ไม่เกิดอีก ซึ่งต่างจากมหายาน ที่มุ่งจะเป็นพระโพธิ์สัตย์สร้างบารมีเพื่อช่วยเหลือสัตว์โลกต่อไป .. ส่วน เทวา หรือ เทวะ ก็เป็นผู้ที่เคยปฏิบัติมาก่อนมีคุณความดีมากมายแต่ยังไม่นิพพานได้ .. มันก็แตกต่างกันอยู่เยอะนะคะ ... กาลีนะ มองที่ " การกระทำ และ ผลที่ได้ " ของการกระทำในแต่ละอย่างคะ

    *** เมื่อมีความเชื่อในแบบใดมากกว่าสิ่งนั้นก็จะปรากฎให้เราเห็นหรือเรียนรู้เป็นวัฒนธรรมสืบต่อกันไป เหมือนสิ่งที่เจริญกว่าเรามากมาย เขาอยากปรากฎตัวให้เราเห้นสัมผัสหรือเรียนรู้อะไรยังไงก็ได้ตามเหตุปัจจัยที่เราเป้นอยู่ในปัจจุบัน ทำนองนั้นแหละครับ

    ... มีหลายคนเคยพูดกับกาลีนะว่า " ความบังเอิญ ในโลกนี้ไม่มี "
     
  4. dakjued

    dakjued เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    251
    ค่าพลัง:
    +851
    ผมคงไม่กล้าไปเสี่ยงคับ อีกอย่างกำลังผมมันไม่แข็งด้วยสิ ยังเป็นเด็กอนุบาลอยู่เลย อิอิ ถ้าจะช่วยคงได้แค่แนะนำให้ไปหาครูบาอาจารย์ที่ท่านช่วยได้ แต่ว่าทางโน้นกำลังใจไม่น่าจะเข็มแข็งพอแล้วไปยอมรับเขาแล้วด้วย คงต้องปล่อยไปตามกรรมของเขา
     
  5. naitiw

    naitiw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,611
    ค่าพลัง:
    +2,882
    แนะนำ dakjued

    แก้ไม่ได้นะ กรรมเค้ามาแบบนี้ คงต้องหมั่นทำบุญให้หมดกรรมกันเอง
     
  6. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    ... สาธุคะ .. เขาต้องดิ้นรนด้วยตนเองก่อนเพราะนั้นคือกำลังใจของเขาเองเป็นพลังพื้นฐานให้ตนเองคะ
     
  7. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297

    .. สาธุคะ ตามแต่จะคิดเห็นกันคะ
     
  8. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    .................. ลักษณะอาการร่างเปิดมาก .................................

    ......... ร่างกายของคนเราประกอบด้วย ธาตุ 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ เมื่อร่างกายของคนเราเปิดออก ส่วนใหญ่จะเปิดที่รูทวารทั้งห้า แต่ที่นี้เราจะพูดถึงร่างส่วนใหญ่จะเปิดออกระหว่างหน้าผาก และระหว่างกลางศีรษะผู้ปฏิบัติจะสามารถมองเห็นว่าร่างเปิดมากหรือเปิด น้อย หรือสิ่งที่เป็นพลังงานในอีกมิติหนึ่ง เช่น เทพ ,สิ่งศักดิ์สิทธิ์,วิญญาณ เมื่อท่านเหล่านี้เห็นเข้าในบางองค์และบางวิญญาณก็อยาก จะจับจองเป็นร่างของตนเอง ก็พยายามจะเข้าร่างอยู่เสมอตลอดเวลา

    ....... เพราะท่านเหล่านี้ไม่มีกายขันธ์ เป็นเพียงธาตุอากาศ (เทพ ,สิ่งศักดิ์สิทธ์ เป็นธาตุอากาศชั้นสูง ส่วนวิญญาณเป็นธาตุ อากาศไม่บริสุทธิ์ หรือเรียกอีกอย่างว่า อยู่ในระดับชั้นที่ต่ำกว่าองค์เทพ เราจึงควรรู้ว่าลักษณะอาการองค์เทพเวลาสื่อผ่านร่างเป็น ลักษณะอาการแบบใด, วิญญาณเข้าร่างเป็นแบบใด เพราะวิญญาณป่วยหรือตายด้วยโรคใดมาสื่อเข้าร่างเปิด จะมีอาการตาม วิญญาณเหล่านั้นไปด้วยตลอดจนอุปนิสัย คงเคยได้ยินคำโบราณที่กล่าวไว้ว่า (ผีห้ามอยู่กับคนเป็นเดี๋ยวจะเป็นป่วย) เราจำเป็นต้องศึกษาปฏิบัติตัวให้ถูกต้อง เพื่อจะได้ทราบวิธีปกป้องร่างได้อย่างถูกต้องให้มากที่สุด ไม่หลงเชื่อในจิต วิญญาณเกเรมาโกหก หลอกลวงเอาร่างของท่านไปใช้ในทางไม่เกิดกุศลใดๆ เลย เป็นผลเสียต่อร่างได้ แต่ถ้าเป็นอาการเทพมาสื่อประทับผ่านร่างควรจะปฏิบัติตัวอย่างไร ถึงจะถูกต้องให้เกิดความเจริญก้าวหน้าต่อไป
     
  9. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    มีผีหรือผู้อยู่ในภพภูมิต่างๆที่จะเข้าสิงร่าง เพื่อมาช่วยทำงานทำการบ้างไหมนะ...
    คือว่า สิงแล้ว วิ่งไปหยิบไม้กวาดมากวาดพื้น ถูบ้าน ซักผ้า ขัดส้วม ฯลฯ(ถ้ามีจะหามาสิงลูกๆสัก2-3ตน)

    พวกที่ถูกสิงนี่กลางวันจะไม่ค่อยมีแรง กลางคืนมีแรงเยอะ ทำไมกลางคืนไม่ไปช่วยจับกบ จับอึ่ง หรือไถนา ขุดดิน ปลูกต้นไม้บ้างนะ....แรงเยอะไม่ใช่เหรอ...:boo: ทำงานกลางคืนดีด้วย ไม่ร้อน ไม่ต้องกลัวผีด้วยเพราะเป็นผีอยู่แล้ว...

    ผมเคยกลับมาบ้านไม่ทัน ผ้าที่ตากไว้โดนฝนเปียกหมด...เลยนึกด่าผีอยู่ในใจ ตอนหลังนี่ชี้นิ้วด่าก็มีนิ...เป็นผีที่ใช้การไม่ได้จริงๆ เห็นว่าฝนจะตกก็ไม่ช่วยเราเก็บผ้าให้...ทำให้เราโดนแม่ด่า:mad:

    แล้วจะว่าไปเนี่ย ... พอมาเข้าสิง แล้วเที่ยวทำท่าทำทางแปลกๆ ส่งเสียงประหลาดๆ จะทำไปเพื่ออะไรกัน ถ้าจะให้คนเคารพนับถือมว๊ากนะ... ก็ให้หวยแม่นๆ ติดกันสัก 10 งวดสิ... เอาแบบ 3 ตัวตรงเลยไม่ต้องกลับ...ได้อย่างนี้ ไม่ว่าจะเทพ จะผี จะภพภูมิไหน... ก็คงมีหลายคนยอมให้เป็นร่าง...ว่าปะ...ร่างก็รอกินหัวคิวรายละ 10 เปอร์เซนต์นี่ก็อ้วนแล้วนะ...

    แต่นี่มันยังไง...ไปเอาเขามาเป็นร่าง นอกจากไม่ช่วยทำงานทำการแล้ว ยังไปทำให้คนในครอบครัวของร่างทำมาหากินไม่ขึ้นอีก...อย่างนี้มันก็ไม่น่าคบ...จิงๆนะ..ว่าปะ..
     
  10. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    ... อิ อิ อิ .. หนูก็ไม่ทราบแน่ชัดเหมือนกันคะ เพราะยังไม่ได้ตายกลายเป็นภพภูมิ .. คริ คริ คริ

    ... เพราะแถว ๆ นี้ ก็พอใช้งานได้อยู่คะในบางเรื่อง อิ อิ ...

    ... ความเห็นส่วนตัวคิดว่า .. แม้แต่คนเรายังรักสบายแล้วนับประสาอะไรกับภพภูมิ .. แล้วการที่ภพภูมิจะ ไปช่วยเหลือผู้อื่น หรือ ทำอะไรก็ตามต้องใช้พลังงานเยอะ เขาก็คงไม่อยากเสียไปพร่ำเพรือมั้งคะ ... คิดเล่น ๆ นะคะ
     
  11. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    ... เราควรทราบกันก่อนว่าร่างเปิดมากๆ แล้วจะต้องทำอย่างไรบ้าง เช่น

    ...... (1) ถ้าเกิดเป็นองค์เทพมาสื่อประทับผ่านร่างหรืออยู่ใกล้ ๆ บริเวณรอบ ๆ ตัวเราและ อาจ อยู่ในสถานที่เราอยู่ขณะนั่น ท่านไม่มีกายขันธ์เหมือนมนุษย์เราท่านจึงเป็นธาตุอากาศชั้นสูง ตามบารมี (เป็นพลังงานที่มีพลังจิตสูง) ผู้ที่มีร่างเปิดมาก ๆ จะ สามารถรับสื่อพลังงานจากภายนอกได้ดีกว่าบุคคลธรรมดาหรือถ้าเกิดเป็นองค์เทพและรวมถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย สามารถมอง เห็นและล่วงรู้ได้ว่าบุคคลนี้เป็นร่างเปิดที่มีบุญบารมีพอที่จะมีดวงตาเบาบางจากกิเลส (เป็นผู้สมควรฝึกได้ในทางปฏิบัติดีปฏิบัติ ชอบในทางธรรม มีความเมตตาหรือพรหมวิหาร 4 ) ขัดเกลาอีกไม่นานก็สามารถเป็นผู้เจริญด้วยธรรม เกิดประโยชน์ทั้งต่อตน เองและบุคคลอื่น สรรพสัตว์ อื่น ๆ

    ...... สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะสามารถมองเห็นแสงบารมีธรรม ความมีน้ำใจ พอที่จะฝึกต่อไปได้ในพุทธศาสนา จากด้านหน้าของ หน้าผากของท่าน เมื่อเห็นแล้วเหล่าองค์เทพ ต่างต้องการอยากจะมาสร้างบารมีด้วยเพื่อเผยแผ่ธรรมให้เกิดกุศลผลบุญไปพร้อม กับผู้ที่เป็นร่างเปิดให้เป็นหนึ่งอันเดียวกันแต่ถ้าไม่ใช่บารมีคู่กันมาอาจจะไม่สามารถจับจองสื่อผ่านร่างเปิดได้ตลอด อาจสามารถ สื่อผ่านเข้าร่างเราได้ไม่นาน ช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่ร่างเปิดใหม่ ๆ ต้องมีน้ำอดน้ำทนให้มาก เพราะกายขันธ์ของเราจะมีอาการในแต่ ละครั้งเมื่อมีองค์เทพมาสื่อเพื่อจะลงผ่านร่าง

    ..... เมื่อหลังจากร่างเปิดแล้วเมื่อไปสถานที่ใด ๆ ก็ตามควรอ่อนน้อมถ่อมตน (เคารพสถานที่บอกกล่าว ฝากตัวให้สิ่งศักดิ์ สิทธิ์ในสถานที่นั้น ๆ เมตตาคุ้มครองช่วยเหลือ ให้ถือว่าเป็นลูกเป็นหลานคนหนึ่ง ไม่ได้มาถ้าท้ายเอาแต่ใจใด ๆ เลย) ทุกๆ สถานที่ ที่ผู้เป็นร่างเปิดเดินทางไปสถานที่ใด ๆ ก็ตาม เช่น บ้าน ศาล ตลาด ถนนหนทาง แม่น้ำ หมู่บ้านต่าง ๆ องค์เทพจะมาสื่อลงเราตลอด ทางที่องค์เทพพบเห็นเรา หรือมีอาการเกิดเกือบทั้งวัน เป็นเพราะว่าองค์เทพจะเที่ยวมาสื่อลงผ่านร่างเพื่อทักทาย พูดคุยด้วยใน หลาย ๆ เรื่อง ตลอดเวลาในช่วงร่างเปิดใหม่ค่ะ

    ..... ให้กล่าวระลึกในใจว่า ขอบพระทัยที่มาสื่อประทับผ่านร่างคอยดูแล ลูกขอให้ร่างของลูกมีอาการเป็นปกติ แล้วกล่าว อวยพรให้องค์เทพเจริญบารมีในทางธรรมสำเร็จมรรคผลนิพพาน อายุมั่นขวัญยื่นยิ่ง ๆ ขึ้นไป อาการก็จะเป็นปกติ แต่อาการก็จะ เป็นปกติอยู่ได้ไม่นานนัก คือ อาการจะเป็นปกติไม่เกิน 10 นาที บ้างก็ 20 -30 นาที บ้างก็ 1 ชม. บ้างก็เพียงแค่ 5 นาที เท่านั้น ก็จะกลับมาเป็นอาการอย่างเดิมอีก คือ อาการเหมือนจะเป็นลมเซซ้ายเซขวา แต่ไม่มาก จนคิดว่าจะล้มลงไปจะไม่สามารถ พยุงตัวได้ แต่ก็สามารถพยุงตัวเองได้เหมือนเดิม และมีอาการเหมือนจะมึน ๆ ลอย ๆ ที่เก๋จะชอบเรียกว่า หน้ามืดเหมือนจะเป็นลม และมีอาการเบลอ ๆ การเดินก็เหมือนเราเดินบนคลื่นน้ำแต่จริง ๆ แล้วเราก็เดินบนพื้นตามปกติเรานั้นแหละค่ะ แต่ผู้เป็นร่างจะรู้สึก ได้ในตัวเองว่ามีอาการแบบนี้อยู่ในขณะนั้น ก็จะมีองค์เทพตามสถานที่ต่าง ๆ ลงมาสื่อด้วยอีก อาการก็จะกลับมาเป็นอีกเพราะเป็น อาการที่เทพสื่อมายังร่างนะคะ เพราะร่างเปิดใหม่ ๆ อาจจะยังควบคุมสติ และสมาธิจิต หรือ พลังจิตไว้ได้ไม่มากพอ แต่หากยังมีอาการอีก เมื่อกล่าวจบในใจแล้วอาการยังไม่ดีขึ้นเลย ให้ใช้คำบริกรรมว่า พุธ โธ หรือ ตามจริตที่ชอบ บริกรรมภาวนาในใจอยู่สักครู่ อาการก็จะเป็นปกติตามเดิม จะหายจากอาการที่สื่อมาจากองค์เทพ เพราะท่านได้รับรู้จากการระลึก จิตในการอวยพรนั้นแล้ว หรือการได้ปฏิบัติบริกรรมภาวนา พุท โธ หรือ ตามจริตตนที่ชอบ ด้วยในชั่วครู่นั้นแล้ว ก็จะกลับออกไป ยังที่อยู่ของพระองค์ตามเดิมค่ะ

    ..... หากอาการยังเกิดเป็นมาอีก ก็ให้ระลึกจิตอวยพรให้องค์เทพ สลับกับการระลึกบริกรรมภาวนาตามจริตตนเองได้เลยค่ะ ให้ฝึกสลับไปมา หากชำนาญแล้วอาการก็จะหายเป็นปกติได้ไม่นานเกิน 1 เดือนหรือ 3 เดือน ที่เป็นค่ะ หากเรารู้วิธีแล้วก็ไม่น่า กลัวเลยค่ะ

    ...... ด้วยเหตุที่ว่า เก๋ได้เคยแนะนำบอกกล่าว คนที่เป็นในลักษณะอาการเช่นนี้มาก่อน แล้วนำไปฝึกใช้แล้วเกิดผลได้ดีที เดียวค่ะ เพราะเก๋เคยมีอาการเช่นนี้มาก่อน และ หาวิธีแก้ไขก็พบว่าใช้ได้ผลดีค่ะ เพราะว่า องค์เทพท่านอยากจะปฏิบัติทันทีเมื่อสื่อเข้าร่างเราได้ จะเป็นแบบนี้ทุกที่ ที่เดินทางไปก็ให้ทำแบบนี้ตลอดไป เมื่อท่านมาสื่อจนกว่าผู้เป็นร่างเปิดใหม่จะชำนาญด้านกระแสจิตก็สามารถสื่อด้วยกระแสจิตได้เลยทันที อาการก็จะดีขึ้นเป็นปกติ หรือ แทบไม่เกิดเพราะท่านจะมาสื่อพูดคุยด้วย ผ่านทางกระแสจิตแทนค่ะ เลยไม่ต้องมาสื่อลงร่าง เพื่อให้รู้ว่าท่านมาสื่อด้วยผ่านร่าง หากร่างใหม่ ๆ ยังไม่สามารถติดต่อสื่อสารได้ชำนาญในเรื่องกระแสจิตก็จะมีอาการเกิดขึ้นทางกายขันธ์ เพราะเป็นสื่อมา เพื่อให้ร่าง รับทราบรับรู้ว่า ท่านมาสื่อด้วยในขณะนี้ เป็นต้น

    .... พลังจิต ที่เกิดความบริสุทธิ์ภายในจิตใจ ดำเนินชีวิตได้ในทางสายกลางอย่างชัดเจนต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ ฝึกสมาธิ สวดมนต์ ทำทาน เมตตาทาน เป็นประจำ ให้เกิดศีล สมาธิปัญญา เข้าใจในหลักสัจธรรมความเป็นจริงมากขึ้น ไม่ยึดติดกายขันธ์ ข้าวของเงินทอง รู้จักเสียสละ มีน้ำใจ ละตัณหา รัก โลภ โกรธ หลง เป็นผู้ที่มีดวงตาเห็นธรรมเกิดขึ้น ดวงตาเบาบางจากกิเลส ถึงมองเห็นก็ได้แต่มองดูรู้ ว่าเห็น แต่ไม่ได้นำมายึดติดหมายมั่นทำให้เป็นทุกข์ กลับนำเอาสิ่งที่มองดูรู้เห็นมาปรับปรุงตนเองดูกิเลสตนเองเป็นหลัก ..
     
  12. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    ..... ข้อมูลครั้งนี้ กาลีนะเอามาจากเว็ปหนึ่งนะคะ ไม่ใช่คิดเองคะ ..
     
  13. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    อยากทราบว่าการรับขันธ์นี้เราสามารถเลือกวิญญาณที่เราจะรับได้ไหมคะ โดยารบอกครูที่ทำพิธีให้นะคะ ดัชเชสอยากรับขันธ์แฟนที่เสียไปนะคะเพราะมีกิจกรรมหลายอย่างที่อยากทำแต่ทำไม่ได้เพราะไม่มีความรู้ด้านดังกล่าว แต่แฟนเขาเชี่ยวชาญ เลยคิดว่าถ้ารับขันธ์เขา เวลาเขาลงเราจะได้ให้เขาช่วยเรื่องที่เราทำไม่ได้นะคะ
     
  14. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    .. ขอบอกคุณ DuchessFidgette ว่า มิสมควรอย่างยิ่งในการจะกระทำ เช่นนั้น เพราะเราที่เป็นคนไม่สามารถจะเลือกว่าจะให้ใครใช้ร่างกายเราได้ถ้าภพภูมินั้นมีพลังจิต หรือ อำนาจเหนือจิตของเรา .. เพราะสิ่งเหล่านี้มันต้องมีปัจจัยหลายอย่างประกอบด้วย และ ถ้าคุณไปรับขันธ์เปิดร่างแล้วละก้คุณต้องวุ่นวายกับการปกป้องร่าง และ จิตของตนเองไม่ให้พวกมิฉาทิฐิเอาไปใช้ได้ซึ่งมันยากมากคะ แถมต้องยอมรับกับการเปลี่ยนเวียนของภพภูมิที่จะมาใช้ร่างเราไปเรื่อย ๆ ตามบุญบารมีที่สะสมไว้นั้นเอง .. เพราะเราเองก็เคยคิดเช่นนั้นเหมือนกัน แต่พอคำนวณทุกอย่างแล้วมันอันตรายเกินไป .. แล้วที่สำคัญถ้าแฟนคุณเข้าร่างคุณได้จริง คุณก็ไม่สามารถพูดคุยกับเขาได้เพราะเมื่อเขามาใช้ร่างคุณแล้วคุณจะเหมือนคนนอนหลับพอตื่น หรือ รู้สึกตัวก็จะจำอะไรไม่ได้เลย .. หากเมื่อไหร่ที่คุณบารมีสูงขึ้น หรือ กระทำผิดครูแล้วนั้น คุณ และ แฟนอาจต้องเจอกับมหันตภัยร้ายแรงจนคุณคาดไม่ถึง .. เพราะอย่าลืมว่า " คุณใช้ชีวิตอยู่กับของอาถรรพ์ ที่มีวิญญาณร้ายแฝงอยู่มิใช่น้อยเลย เมื่อท่านพลาดพวกเขาก็คงไม่ปล่อยให้โอกาสที่จะเอาร่างของท่านไปใช้เอง .. " เราจำเป็นต้องพูดตรงแบบนี้ อาจทำให้รู้สึกแย่นะคะ แต่มันคือเรื่องจริงที่เราต้องบอกไว้

    .... ทางที่ดีนะคะ คุณ DuchessFidgette ควรฝึกสมาธิให้ได้ จักษุทิพย์ หรือ อภิญญา จะดีเสียกว่า เพราะนั้นยังปลอดภัยดีเสียกว่าวิธีนี้คะ เพราะคุณจะได้เจอกัน และ สามารถพูดคุยกันได้ หากคุณฝึกจนได้กายทิพย์คุณ DuchessFidgette ก็สามารถเจอเขาได้อยู่แล้ว .. ถ้าเขายังไม่ไปเกิดมีกายหยาบนะคะ ( เราเองก็ใช้วิธีนี้เหมือนกันคะ เพียงแต่ว่ามันต้องอาศัยพลังของเรา และ แฟนของเราด้วย ) แนะไปแค่นี้คิดว่าคุณ DuchessFidgette น่าจะพอมองออกนะคะว่าจะเดินต่อไปอย่างไร และ ใครที่พอจะนำทางคุณได้ความจริงคุณก็รู้จัก และ เคยพูดคุยกับท่านเหล่านี้บ่อย ๆ นะคะ

     
  15. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    .... (2) ถ้าเกิดเป็นวิญญาณมาสื่อเข้าร่างหรืออยู่ใกล้ๆ บริเวณรอบ ๆ ตัวเราและอาจอยู่ในสถานที่เราอยู่ขณะนั่น ท่านเหล่า วิญญาณทั้งหลายไม่มีกายขันธ์เหมือนมนุษย์เราวิญญาณจึงถือว่าเป็นธาตุอากาศไม่บริสุทธิ์ หรือเรียกอีกอย่างว่า อยู่ในระดับชั้นที่ต่ำ กว่าองค์เทพ (เป็นพลังงานที่มีพลังไม่บริสุทธิ์เพราะถือว่ายังมีกิเลสฝ่ายต่ำ)

    ..... ผู้ที่มีร่างเปิดน้อยจนถึงเปิดมาก จะสามารถรับสื่อพลังงานจากภายนอกได้ดีกว่าบุคคลธรรมดาหรือถ้าเกิดเป็นท่านเหล่า วิญญาณทั้งหลาย ก็จะสามารถมองเห็นแสงบารมีกระแสแห่งบุญที่เปล่งแสงรอบ ๆ ตัว หรือแถวบริเวณหน้าผากเราและล่วงรู้ได้ว่า บุคคลนี้เป็นร่างเปิดที่มีบุญบารมีพอที่จะเป็นผู้สามารถช่วยเหลือให้ได้หลุดพ้นทุกข์ เพื่อจับกระแสบุญได้ไปในภพภูมิที่ดีกว่า เพื่อต้อง การรับการแผ่อุทิศผลบุญทาน การปฏิบัติให้ได้หลุดพ้นทุกข์ในสถานที่นั้น เวลานั้น ภพภูมิที่เป็นอยู่นี้

    จนสามารถหลุดพ้นทุกข์ ในสถานที่นั้น เวลาขณะนั้น แค่ช่วงเวลาหนึ่ง หรือไปเกิดใหม่ได้ก็ถือว่าเป็นการช่วยให้หลุดพ้น ทุกข์ไปได้ในระดับหนึ่ง ไม่ยากเลย เราก็สามารถทำบุญหรือแผ่เมตตาอุทิศผลบุญบอกกล่าวให้เขารับทราบแล้ว ระลึกบอกกล่าวให้ ออกจากร่างเราไป เราจะทำบุญส่งแผ่เมตตาเป็นกระแสแห่งเมตตาจิตไปให้ เมื่อเขาได้รับกระแสเมตตาจิต ด้วยเพียงการระลึกจิต แผ่เมตตาไปให้ทันทีในช่วงเวลานั้น ที่มาสื่อเข้าร่างเราหรือวิญญาณที่อยู่ในบริเวณสถานที่นั้นๆ ที่เราสื่อมองเห็นก็ดี หรือวิญญาณมา ทำให้เห็นก็ดี เพียงได้ยินเสียงก็ดี

    .... เราสามารถใช้การแผ่เมตตาออกมาจากใจจริงที่คิดช่วยให้เขาพ้นทุกข์ด้วยเมตตาอันบริสุทธิ์ ก็จะสามารถช่วยให้วิญญาณ ท่านนั้นพ้นทุกข์ไปได้ช่วงหนึ่ง..ด้วยการกล่าวแผ่เมตตาระลึกในใจว่าขอให้วิญญาณท่านที่มาสื่อลงร่างนี้หรือเหล่าวิญญาณที่อยู่ ณ บริเวณ นี้ทั้งหลาย ให้ได้รับกระแสแห่งผลบุญ ทาน รักษาศีล ปฏิบัติ ด้วยบารมีทั้งหลายที่ข้าพเจ้าได้สร้างสมปฏิบัติมาในทุกภพทุกชาติ ส่งหนุน ให้ท่านวิญญาณหายเจ็บหายปวด หายโรคหายภัย ทุกข์ทรมานในสิ่งที่ประสบอยู่นี้ ให้หายดี ไปเกิดในภพที่เจริญมีกินมีใช้ไม่ลำบากขัดสน ไปเกิดในแดนที่เจริญด้วยธรรม สามารถปฏิบัติสำเร็จมรรคผลต่อไปด้วยเถิด เจริญสาธุ

    .... เมื่อวิญญาณท่านนั้นที่เข้าร่างเราอยู่หรืออยู่ในบริเวณนั้นๆ เมื่อได้รับกระแสบุญบารมีกระแสเมตตาจากใจที่คิดให้เขาพ้นทุกข์ ด้วยใจจริงแล้ว เขาก็จะค่อยๆ ออกจากร่างเราไป ถือว่าเป็นทางออกและวิธีที่ง่ายสำหรับทุกคนสามารถทำได้ค่ะ แล้วเราและท่านเหล่า วิญญาณก็จะปลาบปลื้มดีใจที่เราได้รับรู้ช่วยเหลือและเป็นการไม่สร้างกรรมต่อกัน ช่วยเหลือด้วยเอาความเมตตาจริงใจที่ต้องการให้เขา หลุดพ้นทุกข์จริงๆ

    .... สามารถใช้วิธีแผ่เมตตาจิตให้เหล่าท่านวิญญาณทั้งหลายที่มาสื่อเข้าร่างเวลาหลับได้เช่นกันที่เขา เรียกว่า ผีทับเวลานอน หลับหรือผีอำ ในขณะนอนครึ่งหลับครึ่งตื่น มีอาการที่รู้สึกแน่นหน้าอก เจ็บหน้าอก หรือขยับตัวไม่ได้ในเวลานั้น ส่วนใหญ่วิญญาณเหล่านี้ ต้องการให้ผู้ที่สามารถรับสื่อได้บ้างทั้งที่รู้ตัวเองบ้างและยังไม่รู้ตัวเองบ้าง เพราะบางคนมีกระแสแห่งการทำบุญมามาก ก็สามารถที่จะมี แรงบุญช่วยเหล่าวิญญาณได้

    .... เหล่าวิญญาณที่เห็นก็จะรู้ถึงกระแสแห่งบุญในตัวของบุคคลนั้นได้ จึงพยายามมาทำให้รู้ว่าเขาทุกข์ทรมานอยู่ตรงนี้มาเป็น เวลานานแล้วอยากจะให้ช่วยเหลือ เพื่อออกไปจากที่นี้ หรือไปเกิดใหม่ อยากกินอาหาร หิวบ้าง ทรมานทั้งกายทั้งใจ อยู่ในสถานที่นี้ทำ เป็นเสียงให้ได้ยินบ้าง ทำเป็นประตูเปิดปิดบ้าง ทำให้มีของตกหล่นลงมาบ้าง พยายามทำแล้วก็แล้วก็ไม่มีคนเห็น คนไหนที่สามารถพอจะสื่อได้ หรือเพียงมีกระแสจิตเมตตามีบุญทั้งที่ไม่มีสื่อมาเลย ก็จะทำการแทรกเข้าคนนั้นในเวลานอน หลับอยู่เพราะเป็นช่วงที่สื่อได้ดีเช่นกันหรือเข้าร่างคนที่สามารถพอจะลงได้และมีกระแสบุญเปิดทางบ้างเพื่อให้คนๆ นั้น รับทราบรับรู้ว่ามี วิญญาณทนทุกข์ทรมานอยู่ในที่นี้ ก็เหมือนที่บอกให้แผ่เมตตาก่อนเลยขั้นแรก เพราะถือว่าเป็นวิธีแรก(วิธีที่ 1) ที่ดีที่สุดสำหรับวิญญาณ และตัวเราเพื่อไม่สร้างกรรมต่อกันไป

    .... ให้พยายามแผ่เมตตาให้วิญญาณท่านนั้นไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้รับกระแสบุญได้เพียงพอดีแล้วก็จะค่อยๆ ออกไปเอง ด้วย การจับกระแสจิตของผู้แผ่เมตตาให้ด้วยความจริงใจ ก็จะยิ่งออกไปเร็วมากขึ้นจะได้รับกระแสบุญได้เต็มที่ สำหรับคนที่แผ่เมตตาเมตตา ด้วยความเต็มใจไม่โกรธท่านเหล่าวิญญาณนั้นๆ ที่มาเข้าทำให้เราไม่เป็นปกติเกิดอาการลุกไม่ได้ ตื่นขึ้นมาไม่ได้ เกิดอาการเจ็บ หายใจ ลำบาก อื่นๆ เป็นการไม่สร้างกรรมต่อกันเพราะเราเป็นผู้ให้ ความเมตตาต่อผู้ตกทุกข์ได้ยาก

    หากวิญญาณไม่ยอมรับกระแสเมตตาจากเรา ก็ยังมีวิธีอีก เป็นวิธีที่ 2 ไม่อยากจะแนะนำเท่าไหร่ เพราะจะเกิดกรรมขึ้นมา เป็นสัญญากรรมเกิดขึ้นทางจิตใจ วิญญาณอาจจะโกรธแค้นเราได้เพราะวิญญาณจะคิดว่าเราจะทำร้ายวิญญาณนั้น เพื่อขับไล่ให้ออกไป จากร่างนี้ เพราะเป็นพระคาถาแห่งความศักดิ์สิทธิ์ เหล่าวิญญาณจึงเกรงกลัวแต่ละบทสวดมากทำให้เกิดอาการเจ็บปวดทรมานเกิดขึ้นมา แต่ถือว่าแนะนำเพื่อใช้ในการป้องกันตนเอง ด้วยการสวดมนต์เพื่อป้องกั้นตนเอง ด้วยบทสวด พุทโธ หรือสวดว่า นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ ให้สวดไปเรื่อยๆ จนกว่าวิญญาณที่เข้าร่างจะออก เพราะถือว่าเป็นคำสวดที่สูง เหล่าวิญญาณจะ กลัวและรีบหาทางออกไป

    ..... แต่วิธีนี้จะเป็นการทำให้วิญญาณเจ็บทรมานไปอีก ทำไมต้องกล่าวอย่างนี้ คือว่าเมื่อวิญญาณเจอบทสวดมนต์ก็จะเกิดความ กลัวและเจ็บปวดทรมานและรีบหาทางออกแทบไม่ทัน จนทำให้หาทางออกไปไม่เจอ เลยพยายามดิ้นรนหาทางออก เกิดบีบรัดทรมานอยู่ ในตัวเจ้าของร่าง เลยทำให้ร่างกายที่ดวงจิตวิญญาณสื่อผ่านกายขันธ์ ยิ่งทำให้เจ้าของร่างทรมานเจ็บปวดเหมือนวิญญาณได้ ก่อนจะพบ ทางออกไป

    .... วิธีที่ 2 นี้จึงไม่แนะนำมาก หากทำหลังจากวิธีแรก(วิธีที่1)ได้จะเป็นการดีกว่า วิธีที่ 2 นี้ ถือว่าเป็นการป้องกันตนเองค่ะ อยากจะแนะนำวิธีแรกมากกว่า การแผ่เมตตาเป็นวิธีที่ดีที่สุด เพื่อให้ท่านวิญญาณได้จับกระแสแห่งบุญค่อยๆ ทำการออกมาเอง จะไม่มี กรรมต่อกันเป็นการสร้างบุญไปด้วยอีกทาง

    .... การไปที่ไหนก็ดี สถานที่ใดก็ดี หากผู้เป็นร่างเปิดใหม่ ร่างทรงก็ดี หรือคนธรรมดาทั่วไปก็ดี ผู้ฝึกปฏิบัติก็ดี หากไม่แน่ใจ ว่าจะมีสิ่งใดมากระทำต่อเรา หรือคิดร้ายต่อเราแอบแทรกลงร่างก็ดี ผู้เป็นร่างหรือคนธรรมดาทั่วไปก็ดี ก็น่าจะบอกกล่าวระลึกในสิ่งดีๆ เพื่อเป็นการเปิดทางให้แก่ตนเอง ระลึกบอกกล่าวด้วยความเคารพ ถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในสถานที่นั่น ช่วยเปิดทางและเมตตาต่อเรา

    ตัวอย่าง เช่น เราควรจะไหว้พระสวดมนต์ก่อนนอน และระลึกบอกกล่าวถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในสถานที่นั่น ขอให้ท่านเมตตา ดูแลให้ถือว่าเป็นลูกเป็นหลานคนหนึ่ง ที่มาอาศัยอยู่ด้วยในช่วงระยะหนึ่ง และทำการแผ่เมตตาถวายผลบุญให้ท่านแล้วจะได้อยู่อย่างสบาย ใจ สงบสุขได้
     
  16. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    ..... สำหรับหลาย ๆ ท่านนะคะที่คิดว่าตัวเองนั้นมีองค์ในอยู่ เราก็ขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่า " พวกท่านอย่าคิดรับขันธ์เลย " หากท่านอ่านบทความที่เราเอามาลงแล้วพิจารณาให้ถี่ถ้วน รอบคอบ จะรู้ว่าเราไม่จำเป็นต้องรับขันธ์ให้ยุ่งยากแต่ประการใด .. ขอเพียงท่านมีใจรัก แล ศัทธา ในองค์ของตัวเองแลท่านเหล่านั้นจากใจจริง ท่านสามารถหารูปท่านมาบูชาได้เพื่อความระลึกถึงเสมือนท่านเหล่านั้นเป้นผู้มีพระคุณ เป็นครูบาอาจารย์ ( แต่กาลีนะนับถือองค์ท่านเสมือนเป็นแม่คนที่สองที่ให้ชีวิตแก่กาลีนะเพราะท่านเมตตาช่วยกาลีนะมานับครั้งไม่ถ้วน ) หรือ แม้แต่เจ้ากรรมนายเวร แล้วตั้งใจทำความดีทุกอย่างสนองคุณท่าน แผ่เมตตาอุทิศส่วนบุญกุศลให้ท่านเหล่านั้นบ่อย ๆ พร้อมขอพรจากท่านเหล่านั้น .. แต่แนะนำว่าอย่าขอในสิ่งที่เป้นไปไม่ได้ หรือ ท้าทายอำนาจท่านเหล่านั้นนะคะ .. จงเป็นผู้มีความอ่อนน้อม และ ถ่อมตนเข้าไว้

    ... คนดี มีเมตตา คนน่ารัก คนมีความน้อบน้อม ไปที่ไหนใคร ๆ ก็รัก ก็เอ็นดูคะ ..
     
  17. dakjued

    dakjued เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    251
    ค่าพลัง:
    +851
    เข้าพรรษานี้ไปทำบุญที่ไหนกันครับ :cool::cool:
     
  18. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    .. พอดีเพื่อนจะบวชวันที่ 21 คะ คงไปงานบวชเพื่อน กับ ไปทำบุญที่วัดแถวบ้านนี้แหละคะ เพราะต้องเฝ้าร้านตอนเย็น .. ใครได้ไปทำบุญยังไงก้ขออนุโมทนาด้วยล่วงหน้าเลยนะคะ สาธุคะ
     
  19. dakjued

    dakjued เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    251
    ค่าพลัง:
    +851
    ใครว่างๆก็เชิญทำไปบุญด้วยกันนะคับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. ทิกเกอร์_ทิกเกอร์

    ทิกเกอร์_ทิกเกอร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    544
    ค่าพลัง:
    +914
    พึ่งโพสไปเมื่อ เดือนที่แล้ว เองว่าชอบอ่าน ชอบไปดู เกี่ยวกับศาสตร์คนทรง เจ้าแม่ เจ้าพ่อทั้งหลาย...

    ไม่คิดเลย ถัดจากนั้นมาไม่กี่วัน ก็ได้เจอะ อภิมหาร่างทรง องค์ปู่??? องค์พ่อ????
    จากคนใกล้ชิต ที่มาทักเราซะตะลึง งึงงัน อุแม่เจ้า........ ราวกับตาเห็น ด้วยความที่อยากรู้ อยากเห็น .. ค่อนไปทางอยากลอง ...

    อยากลอง ณ.ที่นี้ คือ อยากพิสูจน์ ให้ชัดไปเลยว่าจริง หรือไม่จริง พยายาม ตั้งสติ ใช้ปัญญา((อันน้อยนิด)) นำศรัทธา ไม่ได้ หลบหลู่ในสิ่งที่ คนใกล้ชิดเค้าศรัทธานะเอย นะเอย

    เกริ่นนำก่อนว่า เค้าเป็นนายจ้าง และเคยทำงานกับนายจ้างคนนี้ ไม่นาน .. 5-6 เดือน ก็พอรู้จัก พี่น้อง ลูกหลาน พอสมควรว่าคนนี้เป็นลูก คนนี้เป็นญาติ คนนี้เป็นหลาน แต่ไม่สนิท ไม่รู้จักนิสัยใจคอของวงศาคณาญาติ ของนายจ้างเท่าไหร่

    ตัวนายจ้างเองก็ ศรัทธาองค์เทพ เทวา ทางฮินดู ((พระพิฆเนศวร พระหรหม พระแม่ลักษมี ฯลฯ)) นับถือพญานาค กุมารทอง และสิ่งศักสิทธิ์ทั้งหลายในโลก ที่เจ้านายคนนี้จะหาได้ ก็จะมีอยู่ในบ้าน....

    ทำงานกับเจ้านาย ระยะเวลาสั้นๆ ก็มีเหตุให้เรา ต้องออกจากงานเพราะต้องมาดูแลที่บ้าน ก็ห่างกันไปนานหลายเดือน จนวันนึง พี่ที่รู้จัก มาชวนไปนั่งเล่นที่ร้านเสริมสวย ของเจ้านายคนนี้ แต่ให้หลานเค้าดูแล ก็เลยไปเม้าท์มอยตามประสา และจากนั้นมาก็ไปเรื่อยๆ ก็จะเป็นหลานของเจ้านายที่ จะมีบางวันชวนไป กินข้าว ไปนั่งเล่นนั่่งคุย

    และวันนั้นก็มาถึง หลานเจ้านายบอกที่บ้านมีพิธี ... อะไรซักอย่างให้มาร่วมด้วย ได้ความว่า เจ้านายจะเชิญเทพหรือพญานาค หรืออะไรซักอย่างเข้าบ้าน เราเลยไปเพราะไม่ได้เจอ เจ้านายนานแล้ว อยากไปสวัสดี ไปถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ ... ไม่ได้คิดอะไร...


    นั่งเล่นกันพักใหญ่ๆ เจ้านายก็ทำพิธีไป สวดมนต์ โน่น นี่ นั่น .. ใช้เวลาไม่นาน แล้วอยู่ๆ ก็มีองค์ปู่???? ((เป็นองค์ปู่ที่หลานเค้าไปเปิดจิตทำพิธีมาแล้ว)) มาเข้าร่างหลานของเจ้านาย.... เสียดายถ่ายคลิปภาษาเทพไม่ทัน..

    แล้วองค์พ่อ???????? มาเข้าร่างน้องสาวของเจ้านาย แล้วปู่กับพ่อ ก็คุยกัน ตามประสาเทพๆ

    องค์พ่อ ในร่างน้องสาวเจ้านาย ก็มาทักเรา.... บอกว่า

    "มีกุมาร ตามมาด้วยเค้าเข้าบ้านไม่ได้"


    อั๊ยย่ะ!!!! ทราบได้อย่างไรค๊าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ
     

แชร์หน้านี้

Loading...