เพื่อการกุศล เชิญบูชาพระกริ่งขวานฟ้าฯลพ.วิชัยที่วัดถ้ำผาจม,ขอเชิญร่วมงานอธิษฐานล็อกเก็ตหลวงพ่อวันที่20/9/58

​

พอดีได้ช่วงเวลาเพล และรอพิธีหล่อในช่วงบ่าย ได้นิมนต์หลวงพ่อไปฉันเพลก่อน ส่วนพวกเราก็ขอเบรคไปทานข้าว ด้วยอาหารรสเลิศครับ ขอขอบคุณเจ้าภาพสำหรับ อาหารมื้อนี้ มา ณที่นี้ด้วยครับ

 

​

และแล้วก็มาถึงพิธีหล่อในช่วงบ่ายครับ หลวงพ่อท่านฯเมตตาอธิษฐานจิตสิ่งมงคลให้อีกครั้งเพื่อนำไปหล่อฯ​

​

 

​

คุณหญิง ม.ร.ว.จีริสุดา วุฒิไกร(กิติยากร) เมตตาร่วมใส่แผ่นทอง​

​

ในพิธีครั้งนี้ อาจารย์ได้เมตตาทำ น้ำมนต์ปทุมจักร ให้เป็นการพิเศษ โดยท่านนำดอกบัวทุกดอกมาลงอักขระทีละกลีบๆ
เพื่อใช้ในการนี้โดยเฉพาะ​

​

ลงอักระบนใบบัวทีละดอกครับเข้มแข็งสุดๆ (แสงเกิดจากการแต่งภาพนะครับไม่ต้องตกใจ)​

​

 

ขอมาต่ออีกนิดครับ จากบันทึกยังไม่จบครับ
--------------------------------------------------------------

ขณะที่ท่านผู้ใหญ่ทั้งสามกำลังคุยกัน ท่านอาจารย์ธรรมนูญท่านเปรยขึ้นมาว่า รุ่นนี้น่าจะให้ชื่อว่า ”อุดมมงคล” หลวงพ่อก็สำทับขึ้นมาว่า ”มีแล้วไม่ตกต่ำมีแต่เจริญก้าวหน้ารุ่งเรืองขึ้นไปตลอด” ท่านผู้ใหญ่ทั้งสองท่านได้พูดขึ้นมาพร้อมกัน เวลาเดียวกันเช่นนี้ นับเป็นเรื่องที่แปลกมาก

แต่ก็คงไม่แปลกไปกว่า ที่ไปสอดคล้องกับชื่อรุ่นที่ทางคณะฯได้ตั้งไว้ก่อนหน้านี้ที่เราๆท่านๆทราบกันคือ ชื่อรุ่น “พระกริ่งขวานฟ้าวิชัยมงคลอุดมบรมจักรพรรดิ” เพี้ยนกันเพียงแค่สลับตัวเท่านั้นเองแต่ความหมายเดียวกัน ทั้งๆที่อาจารย์ธรรมนูญท่านไม่ทราบเลยว่ารุ่นนี้ชื่อรุ่นอะไร และพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านก็ทราบเพียงแค่ ว่าชื่อพระกริ่งจักรพรรดิ ซึ่งพวกเราเรียกติดปากเวลาคุยกันและเรียนท่านถึงความคืบหน้าของการจัดสร้างพระกริ่งทุกๆครั้ง แต่ท่านไม่ทราบชื่อรุ่นละเอียดแบบนี้เพราะชื่อยาวมาก

พระรุ่นนี้อาจารย์ธรรมนูญได้กรุณาจารอักขระเพิ่มเติมบนขวานฟ้าอีกด้วย เมื่อนำไปให้อาจารย์ธรรมนูญท่านดู ท่านเห็นบอกว่า ”นี่ขวานฟ้านี่อาจารย์เคยได้อยู่เล่มหนึ่งนะ เป็นหินแบบนี้สีขุ่นๆอยู่บนต้นไม้” ท่านยังพูดเพิ่มเติมอีกว่า “อาจารย์ว่า ชื่อเพิ่มชื่อรุ่นขวานฟ้าก็ดีนะ" ท่านได้บอกมาเช่นนี้ ก็ตรงกับที่คณะทำงานได้ตั้งเอาไว้ทุกประการ

ซึ่งมาคิดอีกทีว่า เบื้องบนคงทราบเจตนารมย์ของพวกเราจึงบันดาลให้เป็นไปตามที่ชื่อที่พวกเราตั้งใจโดยสื่อผ่านครูบาอาจารย์ให้พวกเราได้ทราบว่าเจตนารมย์ของเรานั้นบรรลุผลนั่นเอง

 

> jaetechno รูปสวยๆทั้งนั้นเลยนะครับ รอนานเลย
> ต่อบันทึกเลยนะครับ
--------------------------------------------------------------------

เมื่อได้ฤกษ์เททองหล่อพระกริ่งนั้นก็มีเหตุการณ์อันหนึ่งที่อดกล่าวไว้ไม่ได้คือ ขณะที่ท่านผู้ใหญ่ทั้งสามท่านกำลังนั่งคุย หลวงพ่อท่านได้พูดเปรยขึ้นมาว่า “นกมาอนุโมทนาบุญพวกเรา” พวกเราก็มองหน้ากันว่านกอะไร ที่ไหน ถามท่านย้ำว่านกที่ไหนครับ ท่านบอกว่าลองฟังเสียงดีๆนะ เขาคุยกัน จริงๆแล้วเสียงนกนี่พวกเราได้ยินแต่ไม่ได้สนใจอะไร รู้แค่ว่านกส่งเสียงร้องดังไปหน่อยให้รำคาญเล็กน้อยเท่านั้นเอง

แต่พอตั้งใจฟังจริงๆ มีนกมาเกาะต้นไม้ที่หลวงพ่อท่านนั่งอยู่ ราว 4-5 ตัวส่งเสียงคล้ายคนคุยกัน เหตุนี้เกิดนานราวๆเกือบครึ่งชั่วโมง แต่ที่น่าแปลกคือ พอเริ่มต้นหล่อพระกริ่งนกเหล่านี้ก็มาเกาะและส่งเสียงดัง ซึ่งก่อนหน้านี้ มีเสียงนกแต่ไม่ดัง และไม่มาเกาะส่งเสียงดังเวลายาวนานขนาดนี้ ศิษย์อาจารย์ธรรมนูญท่านหนึ่งเดินไปดูท่านว่าน่าจะเป็นนกปรอท จะเรียกว่าเป็นเหตุบังเอิญหรือเหตุอัศจรรย์ก็แล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละท่านนะครับ

 

​

เตาหล่อพร้อมมมแว้ววว ลุยๆๆๆๆ​

​

นำสิ่งมงคลจากทั่วสารทิศและในประเทศ และต่างประเทศลงเตาหล่อเพื่อหลอมเป็นองค์พระกริ่งฯต่อไป​

​

เป่าเพื่อความเป็นสิริมงคล​

 

​

หลวงพ่อฯท่านเมตตามาประพรมน้ำมนต์เบ้า หล่อ และที่ขึ้นรูปพระกริ่งครับ ทางคณะศิษย์ซาบซึ้งในความเมตตาของท่านมาก เพราะเราไม่อยากให้ท่านเคลื่อนไหวมากเกรงจะกระทบกระเทือนดวงตาของท่าน แต่ท่านก็ยืนยันที่จะทำครับ สาธุ๊​

​

ไอ้เจ้าแท่งนี้หลอมไม่ลงครับ ต้องวิ่งไปบอกหลวงพ่อฯให้ท่านอนุญาตเสียก่อนจึงจะหลอมลงแปลกจริงๆ (ปัจจัตตัง)​

​

ช่วงเย็นก็ได้องค์พระมาครับ แต่ไม่ได้ขัดแต่งนะครับ แบบดิบๆ​

​

ตบท้ายด้วยองค์พระต้นแบบครับ อิอิ แค่องค์ตัวอย่างนะครับ ไม่ใช่องค์ที่จะส่งมอบแก่ผู้ร่วมบุญ​

จบการรายงานในส่วนของผมครับ ขออภัยท่าน nattachai ด้วยครับที่มาช้าช่วงนี้ผมงานยุ่งมากครับ​

 

จำนวนพระกริ่งเนื้อชนวนล้วนทั้งสิ้น 700 องค์ โดยจะคืนสู่ผู้ร่วมบุญ 850 บาท ราว 300 องค์ อีก 100 องค์ จะนำแจกจ่ายให้กับผู้ร่วมบริจาคพิเศษ และส่วนหนึ่งจะนำพระชุดชนวนล้วนนี้ทูลเกล้าฯ ถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และแจกจ่ายให้กับข้าราชบริพารในกองงานฯ ส่วนที่เหลือสามารถบูชาได้ที่วัด

พระกริ่งเนื้อทองเหลืองจำนวน 700 องค์ และ พระกริ่งเนื้อสัตตโลหะ จำนวน 700 องค์
รวมทั้งสิ้น 2,100 องค์

ซึ่งท่านที่พลาดการจองสามารถบูชาได้ที่วัดถ้ำผาจม ตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2556 เป็นต้นไป

--------------------------------------------------------
จบบันทึกแล้วครับผม

 

....ขออนุโมทนา...ในกุศลเจตนาอันบริสุทธ์....ครับ

..ขออนุญาตเรียนถามสักนิดหนึ่งว่า สำหรับกรณีที่ผู้จองเอาไว้แวังไม่ได้โอนปัจจัย มีแนวทางอย่างไร...
จะตัดสิทธิหรือไม่. แล้วจะให้สิทธิบุคคลอื่น จองต่อหรือได้หรืไม่อย่าไร ผมเห็นในตารางมีผู้จอง....แต่ยังไม่
ได้จ่ายอยู่หลายรายทีเดียว......ขอทราบแนวทางด้วยครับ.....ขอบคุณ

 

จากที่สอบถามทางผู้จัดสร้างมา คือ ตามที่แจ้งไว้ครับ หากไม่ได้โอนตามกำหนดเวลาถือเป็นการสละสิทธิ์ครับ

สำหรับผู้พลาดจองไปแล้ว สามารถรอเช่าบูชาได้ที่วัด ตั้งแต่วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๖ เป็นต้นไปครับ พร้อมกับพระกริ่งเนื้อทองเหลือง และสัตตโลหะ ที่จะนำไปถวายที่วัดพร้อมกันครับ วัตถุประสงค์เป็นไปตามหน้าแรกของกระทู้ครับ

 

ในส่วนของผม ในวันงานได้นำ

เหรียญขวานฟ้า หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ เนื้อทองแดง ปี ๓๑
และ ชนวนทองลอดเบ้า พระกริ่งรุ่นแรก ฉลองอายุครูบาสิทธิ อภิวัณโณ เมื่อปี ๔๘

ถวายหล่อไปในครั้งนี้ด้วยครับ

 

อัพเดตครับ....

​

เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2556 คณะกรรมการได้นำพระกริ่งไปทำพิธีดับพิษไฟที่สำนักบัวแปดกลีบ ชลบุรี ผู้ประกอบพิธีคือท่านอาจารย์ธรรมนูญ บุญธรรม ซึ่งท่านได้เมตตานำพระกริ่งทุกเนื้อนำมาแช่ลงในน้ำมนต์ที่ได้มาจากที่ต่างๆ

​

โดยเฉพาะน้ำมนต์ที่นำมาจากเศียรหลวงพ่อวัดตูม ที่พระนครศรีอยุธยา และนอกจากนี้ท่านยังได้เมตตาอธิษฐานจิตน้ำมนต์ด้วยพระคาถาพระโมคคัลลานะดับพิษไฟ ซึ่งท่านว่าดับพิษไฟซึ่งเป้นความร้อนแรงและเพื่อเสริมธาตุทั้งสี่ให้มาประชุมพร้อมกันในองค์พระกริ่งขวานฟ้าฯนี้และพร้อมกันนี้ในวันที่ 15 สิงหาคมนี้ ได้เข้าร่วมพิธีอธิษฐานจิตเหรียญรูปเหมือนรุ่นแรกของท่านอาจารย์ธรรมนูญ ซึ่งอธิษฐานจิตเป็นพิเศษในรอบหลายปีที่ผ่านมา

​

เพราะท่านไม่เคยอนุญาตให้ทำเหรียญรูปเหมือนท่านแม้แต่ครั้งเดียว ในวาระนี้นับเป็นโอกาสอันดีที่ท่านได้อธิษฐานพระกริ่งชุดนี้พร้อมกันกับเหรียญของท่าน จึงเชื่อได้โดยไม่ต้องสงสัยว่า พระกริ่งชุดนี้จะมีครูบาอาจารย์ที่มองไม่เห็นมาประสิทธิ์ประสาท พลังวิเศษมากมายเพียงใด....

 

มวลสารที่ใช้ในวันหล่อครับเก็บภาพมาฝากเพิ่มเติม....​

​

กรอบทองคำที่มีผู้ส่งมาร่วมหล่อน้ำหนักรวมแล้วเกือบสองบาท และยังมีแผ่นทองคำอธิษฐาน หลวงพ่อวิชัยอีก หนึ่งสลึงใส่ลงไปด้วยครับ​

​

ทองล้นเบ้าในพิธีหล่อหลวงปู่ทิม อิสริโก องค์ใหญ่ที่สุดในโลก​

​

ชนวนพระกริ่งชินบัญชรมหาปราบ และพระนาคปรกใบมะขาม

หลวงพ่อเปลี่ยน ปัญญาปทีโป​

สององค์​

​

พระกริ่งหลวงพ่อเปลี่ยน ปัญญาปทีโป เนื้อนวโลหะ​

​

แผ่นอธิษฐานหลวงปู่ชม วัดป่าท่าสุด เชียงใหม่​

​

แผ่นอธิษฐาน

ครูบาดวงดี ยติโก วัดบ้านฟ่อนเชียงใหม่​

​

​

ขออนุโมทนาบุญ และขอบคุณ คุณต้น แทนคณะกรรมการทุกคน มา ณ ที่นี้ครับ​

 

มาอัพเดตการอธิษฐานจิตพระกริ่งขวานฟ้าฯ ของหลวงพ่อวิชัยฯ โดยพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบทางสุพรรณบุรีครับ​

​

๑.พระครูสุวรรณพัฒนโกศล (หลวงพ่อทองเหมาะ ธัมมทีโป) วัดชีปะขาว ต.ตะค่า อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี​

​

๒. หลวงปู่สิริ อคฺคสิริ วัดละหาร อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี​

​

๓. พระครูสุวรรณศาสนคุณ (หลวงปู่นาม ศาสนปโชโต ) วัดน้อยชมภู่ ต.บ้านกร่าง อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี​

​

๔. พระครูสุนันทโชติ (หลวงปู่นิ่ม โชติธัมโม) วัดพุทธมงคล (หนองปรือ) ต.สระแก้ว อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี​

​

๕. หลวงพ่อสมคิด ปโยคจิตโต วัดเขาวงศ์ ต.พลับพลาไชย อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี​

​

๖. พระครูสุภัทรกาญจนกิจ (หลวงพ่อสนองชาติ ฐิตจิตฺโต) วัดเย็นสนิทธรรมาราม ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี​

พระครูสุภัทรกาญจนกิจ (หลวงพ่อสนองชาติ ฐิตจิตฺโต) วัดเย็นสนิทธรรมาราม ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี พระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบแห่งเมืองกาญจน์ คณะที่นำพระไปขอเมตตาจิตจากหลวงพ่อท่านขอให้อธิษฐานพระกริ่งนี้ ในตอนแรกเมื่อนำเข้าไปกราบขอความเมตตาจากท่าน ท่านได้วางสายสิญจน์ลง จนทุกคนคิดว่าท่านคงไม่อธิษฐานให้คงทำอะไรผิดเป็นแน่ ปรากฎว่าท่านได้สอนหลายๆเรื่อง เกี่ยวกับการอธิษฐานจิตพระทำอย่างไรให้เกิดผล รวมถึงการดูจิตผู้รู้อีกด้วย ในที่นี้จะขอกล่าวถึงว่าท่านได้กล่าวถึงการอธิษฐานจิตวัตถุมงคลไว้ว่า ต้องรวมจิตให้เป็นหนึ่งแล้วพุ่งออกไป จึงจะได้ผล พระบางรูปเวลาไปอธิษฐานลองวิชากัน เพ่งพลังใส่กันทำให้จากพระที่น่าจะออกเมตตากลับกลายเป็นคงกระพันไป นอกจากนี้ท่านยังเล่าถึงสถานการณ์ชายแดนภาคใต้อีกด้วยว่า" อีกฝ่ายเขาก็มีดีของเขา เขาคัดของเราออกได้ด้วยวิธี..... ดังนั้นเราต้องทำของให้ดีกว่าเขา จะเห็นได้ว่าตายกันรายวันเลยทั้งๆที่มีพระไปแจกเป็นลังๆ เราต้องเอาบทพุทธคุณซึ่งสูงที่สุดมาช่วย และทำจิตให้หนักแน่นมากๆจึงทำให้เขาไม่สามารถคัดของเราออกได้ การอธิษฐานพระในวันนี้ เราจะทำให้เป้นแก้วสารพัดนึกเลยนะ เอาละเราจะทำให้" แล้วท่านก็เข้าสมาธิด้วยการลืมตาอธิษฐาน ซึ่งรวมแล้วนานเป้นเวลากว่าสิบนาที​

​

๗. พระครูประภัศรญาณสุนทร (นิพนธ์ ญาณสังวโร) วัดกล้วย จ.พระนครศรีอยุธยา​

​

๘. พระครูสมุห์อวยพร ฐิติญาโน วัดดอนยายหอม ต.สนามจันทร์ อ.เมือง จ.นครปฐม​

พระกริ่งอยู่ในกล่องสีเขียวครับ​

 

​

พระสุนทรธรรมานุวัตร (หลวงพ่อเอียด อินทวังโส) วัดไผ่ล้อม ต.สะพานไทย อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา​

 

ช่วงเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาทางคณะผู้จัดสร้างพระกริ่ง...ได้มีโอกาสนำพระกริ่งฯ ไปให้พระปฎิบัติดีปฎิบัติชอบทางอ่างทองได้อธิษฐานจิตให้ครับ...

​

หลวงปู่สม สุชีโว วัดโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง ​

คณะกรรมการได้นำวัตถุมงคลไปให้ท่านอธิษฐานจิต แต่ได้ทราบว่าท่านป่วย แต่ท่านก้มีเมตตาอธิษฐานจิตให้ ซึ่ง ทางคณะฯได้กราบเรียนวัตถุประสงค์ในการจัดสร้าง เมื่อท่านทราบแล้วท่านได้เมตตาอธิษฐานจิตให้ยาวนานเป้นพิเศษคือ หนึ่งชั่วโมงเต็ม จนคณะต้องลุกออกไปเดินเพื่อยืดแข้งยืดขา คือพูดง่ายๆคือ ต้องยอมแพ้หลวงปู่ท่าน ซึ่งตลอดการอธิษฐาน ท่านได้เมตตาอธิษฐานแล้วเป่าวัตถุมงคลนี้ตลอด นับเป็นความเมตตาของท่านเหลือประมาณจริงๆ มีผู้มีจิตสัมผัสในคณะของเราสัมผัสได้ว่า หลวงปู่ท่านส่งกระแสเมตตาออกมาตลอดการอธิษฐานจิตซึ่งเป็นพลังที่สามารถสัมผัสได้และท่านได้ถ่ายทอดพลังออกมาอย่างหนาแน่นสม่ำเสมอตลอดเวลาหนึ่งชั่วโมงนี้ท่านเป็นพระปฏิบัติดีปฎิบัติชอบ วัตถุมงคลที่ขึ้นชื่อของท่านคือ ธูปมงคล มีศิษย์หลายรายนำไปใช้กันได้ผลเป็นอันมากในเรื่องการทำมาค้าขาย​

​

หลวงพ่อบุญลือ ฐานะโชโต วัดคำหยาด จ.อ่างทอง ​

ทางคณะฯได้เข้าไปกราบและเรียนขอความเมตตาให้ท่านอธิษฐานจิตวัตถุมงคลนี้ ท่านได้อัญเชิญครูบาอาจารย์ท่านมาอธิษฐานใช้เวลานานกว่าสิบนาที ซึ่งหลังจากอธิษฐานเสร็จท่านว่า ท่านอธิษฐานจิตให้นานไปหน่อย เพราะท่านสัมผัสได้ว่าวัตถุมงคลนี้มีน้ำมันอยู่ พี่ในคณะที่ไปด้วยได้รับว่า ได้นำน้ำมันชาตรีหลวงพ่อฤาษีติดไปด้วย ท่านว่า "เลยต้องอธิษฐานนาน เพราะมีน้ำมันอยู่ด้วย ต้องทำกันคนละแบบกัน ในส่วนที่เป็นพระท่านได้อธิษฐานให้คงกระพันชาตรี และเพียบพร้อมไปด้วยเมตตานะ ส่วนน้ำมันต้องมาเริ่มกันใหม่คนละอย่างกันเลยนาน "​

หลวงพ่อบุญลือ แม้ว่าสุขภาพท่านก็ไม่ดีเท่าไรแล้วตอนนี้แต่ท่านก็เมตตาอธิษฐานให้นับเป็นความกรุณาและความเมตตาของท่านจริงๆครับ​

​

พระราชญาณดิลก (หลวงปู่ทองย้อย วิสสุวัณโณ) วัดปลดสัตว์ จ.อ่างทอง​

ท่านได้พิจารณา พระกริ่งขวานฟ้าฯแล้วชมว่าสวยงามมาก ท่านยังได้เมตตาอธิษฐานพระกริ่งขวานฟ้าฯให้ด้วยครับ หลวงปู่ทองนี้ท่านเป็นศิษย์ของพระวินัยมุนี(แปลก) วัดปลดสัตว์ ซึ่งท่านพระวินัยมุนีนี้ท่านเป็นศิษย์ของสมเด็จกรมพระยาปวเรศน์วริยาลงกรณ์ ผู้สร้างพระกริ่งปวเรศน์อันเลื่องชื่อนั่นเอง หลวงปู่ทองนี้ จากคำบอกเล่าของญาติโยมที่มาทำบุญให้กับญาติที่ล่วงลับไปแล้ว ปรากฎว่า ผุ้ล่วงลับนั้นได้มาหาญาติโยมเหล่านั้นมาบอกว่า ตนได้รับความสุขสบายดีแล้วเพราะญาติของตนไปถวายสังฆทานกับพระแท้ที่ชื่อ หลวงพ่อทองนี้เองจึงนับเป็นโอกาสอันดีที่พระกริ่งชุดนี้ได้รับความเมตตาอธิษฐานจากหลวงปู่ทองด้วยครับ​

 

มาอัพเดตการอธิษฐานจิตโดยพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบครับ


พระครูพิพิธชลธรรม (หลวงปู่หลาย อาพลโน) วัดนาจอมเทียน สัตหีบ ชลบุรี



ท่านพระอาจารย์ อนันต์ อกิญจโน วัดมาบจันทร์ จ.ระยอง (สาขาวัดหนองป่าพงที่ ๗๓) ลูกศิษย์หลวงปู่ชา สุภัทโท เมตตาอธิษฐานจิต

 

อัพเดตการอธิษฐานจิตพระกริ่งฯ1/9/56



ได้รับเมตตาจากหลวงพ่อสุวรรณ ธีรสัทโธ วัดยาง เทพเจ้าของชาวอำเภอแสวงหา จังหวัดอ่างทอง ท่านเก่งด้านตะกรุดและด้านเมตตา ท่านเมตตาอธิษฐานจิตให้ ก่อนอธิษฐานท่านได้ถามว่า เจตนาผุ้สร้างเป้นอย่างไร คณะฯจึงเรียนท่านว่า เจตนาดีครับหลวงพ่อต้องการไปช่วยสร้างโบสถ์ที่วัดถ้ำผาจม ที่เชียงรายครับ ท่านจึงบอกว่า เอาละจะอธิษฐานให้นะ ขณะที่ท่านอธิษฐานท่านได้อัญเชิญเทวดา 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน พระแม่ธรณี พระแม่คงคา นางมณีเมขลา และอื่นๆอีกมากมาย ท่านเชิญมามากจนจำไม่ได้หมดว่าท่านเชิญใครบ้าง สุดท้ายท่านได้ลงท้ายว่า"มาประสิทธิประสาทให้พระชุดนี้มีความเมตตา ด้วยนะชาลิติ" ซึ่งท่านได้เมตตาอธิษฐานเป็นเวลาร่วมสิบห้านาที ก่อนกลับทางคณะได้ถวายของกับท่าน ท่านได้เมตตาบอกว่า" ฉันไม่รับหรอก ฉันทำให้เพราะเห็นว่าพวกเธอมีความบริสุทธ์ใจ ฉันไม่ต้องการสิ่งของตอบแทนให้เอาของนี้ไปถวายหลวงพ่อเกลื่อนวัดรางฉนวนนะ" นับเป็นความเมตตาของท่านมากครับ ทางคณะฯจึงขอกราบหลวงพ่อไว้ ณ ที่นี้ครับ



หลวงปู่เกลื่อน คุตธัมโม วัดรางฉนวน อำเภอแสวงหา จังหวัด อ่างทอง ได้เมตตาอธิษฐานจิตพระกริ่งขวานฟ้าฯนี้ ได้กราบเรียนท่านว่าจะนำไปช่วยหลวงพ่อวิชัย สร้างโบสถ์ ท่านได้พูดคุยซักถามว่าคณะพวกเรานี่มาจากไหน แล้วมาจากส่วนไหนของกรุงเทพฯ เพราะกว้างมาก ฝั่งพระนคร หรือ ฝั่งธนบุรี ท่านได้ซักถามสักพัก แล้วท่านก็ตัดบทเองเลยว่า "เอ้าได้เวลาอธิษฐานพระแล้ว เดี๋ยวจะหมดฤกษ์เสียก่อน" ท่านได้อธิษฐานนานกว่า สิบห้านาที แล้วท่านได้บอกกับพวกเราว่า "นี่วัตถุมงคลนี้อาจารย์เขาทำมาดีแล้ว ขึ้นอยู่กับผู้ใช้แล้วละ ว่าจะเอาไปใช้ในทางใด" วัตถุมงคลท่านที่เลื่องชื่อได้แก่ตระกรุดที่ท่านจารเอง โดยท่านจะเป็นผู้กำกับซ้ำอีกครั้ง โดยเด่นในด้านแคล้วคลาดและป้องกันตัว ท่านได้รับอาราธนาไปอธิษฐานจิตพระร่วมกับพระกรรมฐานในพิธีอธิษฐานจิตพระประจำศาลปกครอง ในพิธีมีพระกรรมฐานมากมายเช่น หลวงปู่บุญฤทธิ์ ที่พักสงฆ์สวนทิพย์เป็นต้น



พระสุวรรณศีลาจารย์ (หลวงปู่เสงี่ยม ปัญญาปทีโป) วัดสุวรรณเจดีย์ อายุ 86 ปี อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา พระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบแห่งอำเภอมหาราช ประวัติของท่านโดยย่อคือ ท่าร่ำเรียนวิชามาจากหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ และเป็นศิษย์รุ่นเดียวกันกับ หลวงพ่อสาย วัดท้องคุ้ง และอาจารย์โทน วัดเชิงหวาย ว่ากันว่า สารพัดสรรพวิชาที่ครูบาอาจารยืสมัยดบราณทำได้ท่านทำได้มาหมดแล้ว และยิ่งได้ทดลองวิชากันด้วยกับหลวงพ่อสายและอาจารย์โทนด้วยแล้ว คงไม่ต้องกังวลว่าพลังจิตของหลวงปู่ท่านจะอัศจรรย์เพียงใด ซึ่งความอัศจรรยืนี้จะขอเล่าต่อในช่วงของพุทธาภิเษกในวันนี้นะครับ ท่านยังเล่าเรียนวิชากับสืบทอดวิชาจาก ครูอาจารย์หลายรูปสายตรงหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงพ่อเดิม วัดหนอง โพธิ์ หลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน พระอุปัชฌาย์กิ่ม วัดกลาง หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม หลวงพ่อมุย วัดดอนไร่หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม หลวงพ่อลาภ วัดท้ายย่าน หลวงพ่อกล่อม วัดโพธิ์ประสิทธิ์ หลวงปู่วัน วัดกลางทุ่ง หลวงปู่จ่าย วัดรุ้ง หลวงตาแป้น วัดท่า เป็นต้น
หลวงปู่เป็นพระที่มีวิชาและยิ่งกว่านั้นท่านยังเป็นพระที่ปฏิบัติเพื่อทางพ้นทุกข์อีกรูปหนึ่งอีกด้วย จนครุบาอาจารย์หลายๆรูปกล่าวถึงท่านไว้ดังนี้
"ใครมีโอกาศได้ไปกราบ จะเป็นบุญมหาศาลนั่นแหละนาบุญโดยแท้ " โดยเจ้าคุณทอง วัดโปรดสัตว์

พระอรหันต์ องค์นี้แหละอาจารย์ของเรา " เจ้าคุณหล่อ วัดพนัสนิคม "

รู้ทุกอย่าง เห็นทุกสิ่ง คิดอะไร หนีท่านไม่พ้น " หลวงตาชัด วัดบ้านปูน "

ฉันทำพระแล้ว ต้องนำไปให้ท่านเสกทุกครั้ง ขอบารมีท่านเจ้าคุณ " หลวงพ่อ วัดกลางทุ่ง "

หลวงตาเงี่ยมข้า เก่งไม่เป็นรองใครในมหาราช " เจ้าคุณไวทย์ วัดบรมวงศ์ "

พระธรรม เสียงธรรมของหลวงพ่อเสงี่ยม ถูกใจอาตมามาก หาฟังที่ไพเราะแบบนี้ไม่มีอีกแล้ว " หลวงพ่อล้วน วัดพิกุลโสคันธ์ "

ทีนี้จะขอเล่าเกี่ยวกับการนำพระไปให้หลวงปู่ท่านอธิษฐานจิตวันนี้นะครับ คณะกรรมการจัดสร้างได้นำพระไปขอความเมตตาจากหลวงปู่อันเนื่องมาจากครั้งที่แล้วที่นำพระไปให้หลวงปู่ทอง วัดโปรดสัตว์ท่านอธิษฐาน ท่านได้ถามขึ้นมาว่า เอาไปให้ท่านเจ้าคุณเสงี่ยมอธิษฐานมาแล้วหรือยัง ถ้ายังให้นำไปถวายท่านอธิษฐานให้นะ วันนี้พวกเราจึงตั้งใจไปขอความเมตตาจากท่าน เมื่อนำวัตถุมงคลขึ้นไปหลวงพี่ท่านอนุเคราะห์ความสะดวกอย่างดีคือ จัดสายสิญจน์โยงวัตถุมงคลให้เสร็จสรรพ ก็ขอขอบพระคุณท่านมาไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ หลวงปู่ท่านได้ไต่ถามถึงว่า พระกริ่งนี้เป็นของใครทำเพื่ออะไร จึงเรียนท่านว่า ทำถวายหลวงพ่อวิชัย วัดถ้ำผาจม เพื่อสมทบทุนในการสร้างพระอุโบสถ ท่านก็บอกว่า ท่านรู้จักหลวงพ่อ คุ้นเคยกันดี เคยร่วมงานพิธีกันอยู่ หลังจากนั้นท่านทำวัตรเสร็จสิ้นแล้วท่านได้อัญเชิญเทวดาด้วยการสวดชุมนุมเทวดา ตามด้วยหลายๆบทซึ่งที่จำกันได้มี บทพระคาถาชินบัญชร พระคาถาพาหุงมหาการุณิโกฯ และอีกหลายๆบท ซึ่งยาวนานร่วมหนึ่งชั่วโมง ซึ่งตอนแรกพวกเราคิดว่าหลังทำวัตรท่านคงจับพอเป็นพิธีปรากฎว่า ท่านได้เมตตาสวดพระคาถา โดยให้พระที่ลงทำวัตรร่วมกันสวด นับเป็นเมตตาของท่านจริงๆ ซึ่งรวมพระที่ร่วมทำการสวดและรวมองคืหลวงปุ่แล้วนับได้เลข 9 พอดี นอกจากนี้มีสมาชิกในคณะที่ไปด้วย ยังสังเกตว่ามีเสียงนกร้องจิบๆเสียงดังมากันหลายตัว มาส่งเสียงแข่งกับพระสวดมนต์ ตอนแรกน้องๆนึกว่าเสียงโทรศัพทืใครดังน่ารำคาญจริง พอตั้งใจฟังปรากฎว่าเป็นเสียงนกร้องนั่นเองอีกด้วย นับเป็นเรื่องที่แปลกมาก ซึ่งนี่เป็นหนที่สอง หลังจากวันพิธีที่เททองพระกริ่ง ที่มีเหตุการณ์อัศจรรย์เช่นนี้เกิดขึ้น สมกับที่มีผู้เขียนถึงหลวงปุ่ท่านไว้ว่า "หลวงปู่คุยกับนกได้" โดยทำให้มันเชื่องแล้วให้มาเกาะแขนท่านได้ ซึ่งศิษย์ท่านได้เข้าไปถาม ท่านได้ตอบว่า "ไม่มีอะไรหรอก" นับเป็นสิ่งที่เป็นมงคลและเหตุอัศจรรย์จริงๆที่ได้พบวันนี้ครับ



หลวงพ่อมี จิตตธโม หรือ พระครูสิริบุญเขต เมตตาอธิษฐานจิตให้ วัตถุมงคลของหลวงพ่อมี นั้นจะเน้นด้านเมตตาเป็นหลัก ที่มีชื่อเสียงได้แก่เบี้ยแก้ และพระผงมนต์พระสังข์ ทางคณะฯเดินทางไปขอความเมตตาจากท่านและได้เรียนถึงวัตถุประสงค์ หลวงพ่อท่านได้เมตตาอธิษฐานจิตให้เป็นระยะเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมง อธิษฐานจิตแน่วแน่ไม่ไหวติงตลอดเวลาเกือบชั่วโมงนั้น ซึ่งเป็นความเมตตาของท่านอย่างสูงที่อธิษฐานจิตให้นี้

 

​

ว่างๆ ก็เรียนเชิญทุกท่านนะครับ ^^​

 

วันนี้มา UPDATE วันพุทธาภิเษกเมื่อวันที่ 14/9/56 ครับ ^^​

เป็นเรื่อง "เรื่องจริงอิงนิยาย" โปรดใช้วิจารญาณในการอ่าน​

​

พิธีอธิษฐานจิตพระกริ่งขวานฟ้าวิชัยมงคลอุดมบรมจักรพรรดิ์ มีขึ้นที่วัดพระเมรุราชิการาม ซึ่งเป็นวัดที่มีความสำคัญดังปรากฎในพระราชพงศาวดารหลายๆตอน เช่น เป็นสถานที่สำคัญในการเจรจาสงบศึกระหว่าง
สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ราชาและสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบุเรงนองฝ่ายพม่า ซึ่งได้ปลูกพลับพลาขึ้นระหว่างวัดพระเมรุราชิการามและวัดหัสดาวาส ​

​

เหตุการณ์ที่สำคัญปรากฎชัดเจนอีกตอนคือ เมื่อคราวพระเจ้าอลองพญายกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยาในสมัยของพระเจ้าอยู่หัวสุริยาศน์อัมรินทร์หรือพระเจ้าเอกทัศน์
และหันกระบอกปืนใหญ่มายังวัดพระเมรุราชิการาม ปืนใหญ่ได้แตกต้องพระวรกายจนเป็นสาเหตุให้สวรรคต ​

​

ต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์ได้ทำการบุรณะในสมัยพระยาไชยวิชิต(เผือก) เสนาบดีผู้ดูแลพระนครศรีอยุธยาสมัยรัชกาลสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ในการบูรณะครั้งนี้ พระยาไชยวิชิตฯ
ได้จารึกไว้ยังแผ่นศิลาในพระอุโบสถ เกี่ยวกับการ)กิสังขรณ์ ความปรารถนาที่จะบรรลุพระนิพพาน และคำสาปแช่งสำหรับผู้ที่จะมาหาสมบัติขุดเจาะทำลายสิ่งก่อสร้าง​

​

ดังนั้นวัดพระเมรุฯนี้จึงมีความสำคัญและมีความศักสิทธิ์อย่างมากซึ่งเป็นวัดเพียงไม่กี่วัดในอยุธยาที่รอดจากการทำลายของทัพพม่า นอกจากนี้แล้วเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ได้ทำการปฏิสังขรณ์มิให้ปล่อยร้างตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน​

​

ในการสร้างพระกริ่งนี้ดังที่ได้เคยเล่ามาแล้วเมื่อกระทู้ต้นๆคือ พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯได้เดินทางมาสักการะพระพุทธนิมิตรวิชิตมารฯแล้วท่านได้เมตตาเล่าให้ศิษย์ใกล้ชิดฟังว่า "ที่นี่เทวดามาก" การจัดสร้างพระกริ่งขวานฟ้าฯคณะศิษย์ได้นำพุทธลักษณะของพระประธานในพระอุโบสถวัดพระเมรุราชิการามแห่งนี้เป็นหลัก และดัดแปลงส่วนประกอบอื่นๆให้เหมาะสม ​

​

ในการจัดพิธีอธิษฐานจิตทางคณะฯได้จัดตั้งเครื่องบวงสรวงพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าแห่งกรุงศรีอยุธยาในอดีตเพื่อให้พิธีสมบูรณ์ ทางคณะฯได้ขอยืมเครื่องถ้วยจีนสมัยราชวงศืหมิง-ชิงและเบญจรงค์จากศิษย์ของหลวงพ่อท่านหนึ่ง ซึ่งท่านได้อนุเคราะห์ชุดเครื่องถ้วยจีนราชวงศ์หมิง-ชิงซึ่งทันสมัยอยุธยา และเบญจรงค์สมัยราชวงศ์บ้านพลูหลวง ราชวงศ์สุดท้ายของกรุงศรีอยุธยา ​

​

มาจัดในชุดพิธีทั้งหมด เพราะเครื่องถ้วยเหล่านี้เป็นสิ่งที่ใช้ในพิธีทางศาสนาและเป็นเครื่องใช้ที่ใช้เฉพาะเจ้านายและชนชั้นสูงสมัยอยุธยาเท่านั้น สามัญชนคนธรรมดาไม่สามารถนำมาใช้ได้
ซึ่งการจะอัญเชิญบูรพกษัตริย์นั้นต้องคำนึงถึงความละเอียดอ่อนเรื่องภาชนะที่ใส่ของบวงสรวง ซึ่งเป็นสิ่งหนึ่งที่คณะกรรมการให้ความใส่ใจมาก ​

​

เพราะ การจะอัญเชิญบูรพกษัตริย์ในอดีตมาภาชนะที่ใช้ต้องคู่ควรกับพระอิสริยยศอิสริยศักดิ์ ภาชนะเหล่านั้นได้แก่เครื่องเบญจรงค์และเครื่องถ้วยจีนสมัยราชวงศ์หมิงและชิง ในจดหมายเหตุหลายฉบับระบุไว้ว่า คนสมัยอยุธยา โดยเฉพาะคนกลุ่มชนชั้นสูง นิยมการสะสมและนิยมใช้เครื่องถ้วยจีนมาบริโภคเป็นจำนวนมากในชีวิตประจำวัน ​

​

ในบันทึกของชาวต่างชาติระบุว่ากลุ่มชนชั้นสูงจะเป็นผู้มีสิทธิพิเศษในการเลือกซื้อเครื่องลายครามจากจีน ที่มีลายพิเศษประณีตจะถูกเลือกซื้อจากคนกลุ่มนี้ก่อน และขุนนาง เสนาบดีจะมีสิทธิลดหลั่นกันลงมาตามลำดับ ยิ่งถ้าเป็นจำพวกเบญจรงค์แล้วเป็นที่แน่นอนว่า ชนชั้นสูงเท่านั้นที่สามารถใช้ได้โดยเฉพาะลวดลายที่เป็นเทพพนม ซึ่งในทางพุทธ​

​

ศาสนาถือว่าเป็นสิ่งที่มีความศักสิทธิ์ ดังนั้นสามัญชนจึงไม่มีสิทธิที่จะได้ใช้บริโภค เหล่าเจ้านายเท่านั้นที่ถือว่าเป็นสมมติเทพและบริวารแห่งสมมติเทพจึงจะควรคู่กัน เบญจรงค์นั้นนอกจากใช้ในชีวิตประจำวันแล้วยังถูกนำมาใช้ในพิธีบวงสรวงเทพยดา งานบูชาครู และใช้รับรองพระเถระชั้นผู้ใหญ่อีกด้วย นับเนื่องมาแต่สมัยอยุธยาตอนปลายและความนิยมดังกล่าวยังปรากฎให้เห็นในครั้งกรุงรัตนโกสินทร์อีกด้วย
จากหลักฐานบนฐานไพทีของปรางค์ประธานวัดพุทไธสวรรค์ ทำให้ทราบว่าสมัยอยุธยานั้นใช้เบญจรงค์และเครื่องถ้วยจีนอะไรบ้าง ลวดลายอะไร ซึ่งแม้กระทั่งเศษชามกระเบื้องที่แตกยังมีค่าสามารถนำมาประดับตกแต่งศาสนสถานได้ หรือ การถวายเครื่องถ้วยจีนประเภทต่างๆไว้เป็นพุทธบูชาในกรุสำคัญๆของประเทศ อาทิ กรุวัดพระศรีสรรเพ็ชญ วัดมหาธาตุที่อยุธยา ใส่บูชาพระธาตุร่วมกับเครื่องทอง ทำให้นึกสันนิษฐานไปว่า เครื่องถ้วยจีนและเบญจรงค์ในสมัยอยุธยานั้นหายากและ มีค่าควรเมืองไม่แพ้ภาชนะที่ทำจากทองคำเลย
​