มารีอังตัวเน็ต หรือ อีผีตายพราย?

เมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้ว พี่สาวของดิฉันกลับมาจาก
เที่ยวยุโรป เธอซื้อตุ๊กตาฝรั่งแอนติกตัวใหญ่มาด้วยตัวหนึ่ง
เป็นตุ๊กตาผู้หญิงแต่งกายแบบมารีอังตัวเน็ต สีชมพูตัวใหญ่
ผมเป็นลอลสีขาว ลืมตาและปิดตาได้ เป็นตุ๊กตาที่พี่สาว
ของดิฉันดิฉันรักมาก เธอได้เก็บหล่อนใส่ไว้ในตู้ไม้ติด
กระจกในห้องรับแขก ทุกคนในบ้านเมื่อจะเอ่ยถึงตุ๊กตา
ตัวดังกล่าว เราจะเรียกหล่อนว่า "มารีอังตัวเน็ต"
ชื่อของมงกุฏราชกุมารี ชาว ออสเตรียที่ถูกส่งไป
อภิเสกกับเจ้าชายฝรั่งเศษ ด้วยเหตุที่เราเรียกหล่อน
เช่นนี้ก็เพราะเครื่องแต่งกายและทรงผมของน้องตุ๊กตา
ที่ดูคล้ายพระนางมารีอังตัวเน็ตนั้นเอง






พี่สาวของดิฉันเมื่อครั้นได้มารีอังตัวเน็ตเข้ามาอยู่ใน
บ้านแรกๆ เธอก็ค่อนข้างเห่อ แต่เป็นไปได้แค่อาทิตย์
เดียวความรู้สึกที่เธอมีต่อตุ๊กตาตัวนี้ก็เปลี่ยนไป เธอเล่าว่า
รู้สึกเหมือน ยัยมารีอังตัวเน็ต สามารถหันหัวได้เอง





หลายครั้งดวงตากลมใหญ่แข็งทื่อกับริมฝีปากที่ยิ้มแบบ
เศร้าๆดูมีเลศนัยทำให้เธอรู้สึกเหมือนไม่ได้อยู่คนเดียว
และโดนใครจ้อง มีอยู่มาคืนหนึ่งดิฉันก็เลยอยากพิสูจน์
โดยการนำมารีอังตัวเน็ตมาวางไว้ที่เตียงในห้องนอนของ
ดิฉัน ขอเล่าย้อนหลังเล็กน้อยว่าบ้านที่พวกเราอาศัยอยู่
ในเรื่องราวที่เล่านี้ เป็นบ้านใหม่ที่เพิ่งซื้อมาได้ไม่ถึงสอง
ปี อยู่ทางชานเมืองย้านอิสลาม






ดิฉันได้ตกแต่งห้องใหม่ด้วย วอลเปเปอร์ ผ้าม่านและ
เตียงสี่เสา มีมุ้ง ด้วยเหตุนี้จึงเป็นธรรมดาที่เราจะยังเห่อ
บ้านหลังใหม่ ดิฉันจึงได้ใช้เวปแคมในคอมพิวเตอร์ถ่าย
ภาพมุมต่างๆในห้องโดยนำตุ๊กตามารีอังตัวเน็ตของพี่สาว
มา ตกแต่งในฉาก ตอนถ่ายก็ไม่มีอะไรหรอก แต่ครั้นพอ
ถ่ายเสร็จไปเปิดรูปดูในคอมพิวเตอร์ ก็ทำเอาดิฉันใจ
แทบวาย คือ มันมีภาพเป็นเค้าร่าง ผู้หญิงอายุน่าจะ
ประมาณ16-17 ตัวไม่สูง หน้าเห็นไม่ชัดแต่ดูเด็ก
เป็นคนรูปร่างเล็ก แบบคนสมัยก่อน ผมทรงสูงๆตั้งๆสีขาว
ใส่ชุดกระโปรงมีพันเย่ด้านในให้กระโปรง พองออกไป
ด้านข้างจากชุดที่ใส่......นั้นเหมือนชุดเต็มยศแบบที่
มารีอังตัวเน็ตใส่ในพระราชพิธี ราชาภิเสก เลย





แต่ไม่ชัดแบบรูปคนนะคะ จะโปรงใสเป็นแก้ว
เห็นแต่เป็นเค้าโครงเฉยๆ ดิฉันรีบวิ่งไปเคาะประตูห้องพี่สาว
เธอเห็นดิฉันหน้าตาตื่นก็ถาม ดิฉันก็เรียกเธอมาดูรูปใน
คอม เธอเองเห็นเข้าก็ตกใจ แต่แล้วในระหว่างที่ดูรูปกันอยู่จู่ๆ
คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คก็หน้าจอกลายเป็นสีดำ ดิฉันไม่สามารถ
เปิดคอมได้อีก หลังจากนั้นสองสามอาทิตย์จึงมีเวลาเอา
คอมไปซ่อมที่ เซียร์รังสิต










ช่างบอกว่าเป็นเพราะไอเท่มใส่เกมส์ซิมมัเยอะและฟายด์
เสียเยอะ ทำให้การ์ดจอเสีย ช่างได้ลบข้อมูลในคอมของ
เราออกไปพร้อมทั้งรูปผีที่เราเข้าใจว่า ใช่มารีอังตัวเน็ต หรือ
ใครสักคนที่มาจากยุคเดียวกันและแต่งตัวคล้ายกัน
หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้น ดิฉันได้นำมารีอังตัวเน็ตกลับมาใส่ตู้
ในห้องรับแขกคืนเหมือนเดิม และไขกุญแจล็อคไว้ ในขณะที่
พี่สาวของดิฉันก็เริ่มกลัวผีมากขึ้น จนถึงขนาดตอนกลางคืน
จะลงมาดื่มน้ำ เธอต้องชวนดิฉันลงมาด้วย มีอยู่คืนหนึ่งที่ดิฉัน
ลงมากับเธอ แต่เราไม่ได้เปิดไฟ ชั้นล่างเพราะลงมาแค่แป๊บ
เดียว จึงมีแสงจากทางเดินลงบันไดส่องลงมาได้






เราสองคนพี่น้องต่างได้ยินพร้อมกันว่ามีเสียง ผู้หญิงฮัม
เพลงเบาๆ พร้อมกับมีเสียงของดลตรีคล้ายเปียโนดังออก
มาจากห้องเก็บของใต้บันได


ยังไม่จบนะคะ เดี๋ยวจะเล่าต่อเรื่องนี้ค่อนข้าวยาวนิดหน่อย







[MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.2848996/[/MUSIC]






....

 

มารีอังตัวเน็ต หรือ อีผีตายพราย? ตอน 2



เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ของพี่สาวของดิฉันนี้ เป็นเรื่อง
ที่เกี่ยวข้องกับคุณไสย์ด้านมนต์ดำ
เป็นอุทาหรณ์อย่างดีแก่พวกชอบทำเสน่ห์
ซึ่งไม่ควรเอาอย่าง เพราะสิ่งที่ตามมานั้นมี
แต่ด้านร้ายมากกว่าด้านดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่
ไปรับมาหลายที่จนจำไม่ได้ว่าของสำนักไหนต่อสำนัก
ไหน จนมันตีกันไปหมด ครั้นพอของที่รับมาหายนี้แหละ
เรื่องจึงเกิดขึ้น





หลังเรื่องราวที่ดิฉันเห็นผีผู้หญิง
ที่เข้าใจว่ามารีอังตัวเน็ต ดิฉันได้ไปเล่าให้คุณแม่ฟัง
ซึ่งปกติท่านจะเชื่อเรื่องที่ดิฉันพูดอยู่แล้วเพราะเคยมีคน
ทั้งร่างทรง และ พระสงฆ์ ทักดิฉันกับพี่สาวเรื่อง ความ
สามารถเชื่อมโยงกับวิญญาณมากกว่าหนึ่งครั้ง และพวก
เราก็เคยถ่ายติดภาพวิญญาณอยู่บ่อยๆ แต่คราวนี้คุณแม่
กลับไม่คิดเช่นเดียวกันกับเรา เพราะมันค่อนข้างเหลือ
เชื่อว่าผี มารีอังตัวเน็ตจะมาทำอะไรที่บ้านของเราใน
ประเทศไทย






ท่านก็ถามดิฉันย้ำว่า
"แน่ใจหรือไม่ใช่แขกหรือพระ แม่อะไรสักอย่างหรือ?"
ดิฉันก็ตอบคุณแม่ไปว่า
"ดิฉันเหนกระโปรง ฮูปสเกิร์ต แบบที่มันมีพันเย่
แผ่ออกไปข้างๆ แบบชุดฝรั่งเศษเลย มีพู่ที่คอด้วย ....."

หลังจากหตุการณ์วันนั้น ไปหลายเดือน ดิฉันเริ่มสังเกต
เห็นว่าพี่สาวเริ่มให้ความสนอกสนใจซื้อหาของอาถรรพ์
ทำสเน่ห์ และตะเวณออกหาสำนักต่างๆในประเทศไทย
จนหลายสิบสำนักเห็นจะได้ โดยไปกับเพื่อนของเธอหรือ
ลูกพี่ลูกน้องอีกคนนึงที่สนใจเรื่องธรรมมะและเรื่องลี้ลับ

เธอมีของอาถรรพ์ชื่อประหลาดๆมากมาย และมีเยอะมาก
นับร้อยๆชิ้น โดยวันนึงดิฉันบังเอิญไปแอบเห็นเข้าในห้อง
นอน เธอได้บอกดิฉันว่าอย่าไปเล่าให้แม่ฟัง เพราะต้อง
จุดธูปขออนุญาตเจ้าที่ให้ผีเข้ามาในบ้าน






พี่สาวคนนี้เป็นคนที่สนใจประวัติของพระนางคลีโอพัตรา
กับ มารีอังตัวเน็ตมาก ตอนสมัยเด็กๆเธอจะเอาประวัติของ
สองท่านนี้มาอ่านให้คนนั้นคนนี้ฟังอยู่เสมอๆ เธอค่อนข้าง
จะชอบอะไรแตกต่างจากดิฉัน เธอเป็นคนชอบของหวาน
แว๋วน่ารัก แต่ดิฉันจะชอบแนวโบราณหวานแต่ครึ่ม มีกลิ่นไอน่ากลัวนิดๆ

ขอเท้าความจากกระทู้ประสบการณ์ตุ๊กตาผีเคยเล่าไปแล้ว
ว่าพี่คนนี้มีของอาถรรพ์มากมาย อาทิ เช่น ปั้นเหน่ง,
น้ำมันพราย และ สีผึ้งที่มีชิ้นเนื้อศพอยูข้างใน นางพลาย
ผีเสื้อนางรับ, ขุนแผน, ม้ากะทืบโรง, เสือคร่อมนาง, อื่นคู่,
แม่เป๋อ เดือยงูเหลือม น้ำตานางเงือก ฯลฯ เธอได้เลี้ยง
อาหารผีด้วยอาหารดิบคาวเลือด โดยให้แม่บ้านไปซื้อ
มาจากตลาดนัด

พอรู้ความจริงว่าตลอดมาพี่สาวของดิฉันนั้นได้เลี้ยงผี
มาตลอด เราก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่เริ่มสังเกตเห็นผีรูปร่างแบบ
มารีอังตัวเน็ตบ่อยขึ้นตอนครึ่งหลับครึ่งตื่น บางทีก็เสียง
แววผู้หญิงเสียงหวานเบากระซิบพูดภาษาฝรั่งเศษ
อยู่ที่หน้าประตุห้อง






วันเวลาผ่านไป ทุกคนในบ้านต่างรู้กันหมดว่า พี่สาวนั้น
เลี้ยงผี เพื่อจะทำเสน่ห์ให้สามีของเธอที่ไปเลี้ยงผู้หญิง
หากินชั้นสูงที่ฮ่องกงกลับมาหาเธอ เธอได้นัดกับเพื่อน
และอาจารย์คุณไสยท่านหนึ่ง ไปติดต่อ หมอทำเสน่ห์
อายุเกือบร้อยปีอาศัยอยู่ ทางจังหวัดแถบอีสานใต้
ให้ช่วยทำพิธีเรียกสามีของเธอคืน เธอเป็นคนกรุงเทพฯ
แต่ค่อนข้างงมงาย......คุณพ่อท่านได้ยิน
ก็รู้สึกเป็ห่วงจึง อาสาจะขับรถไปเป็นเพื่อนที่ หมู่บ้านดังกล่าว
ดิฉันเองเลยได้โอกาสนั่งรถไปเที่ยวด้วย ที่บ้านของหมอ
เสน่ห์สองผัวเมียเฒ่า เราได้พบอาจารย์ของพี่สาวและ
ผู้หญิงวัยรุ่นจากกรุงเทพฯอีกสองสามคนที่มาทำพิธีด้วย





อาจารย์ปู่ที่ทำพิธีนั้น ได้บอกพี่สาวของดิฉันและพวกคนที่
ไปทำพิธีเอารูปของผู้ชาย และของใช้และเส้นผมไปฝังใน
สุสานหลังเที่ยงคืน อาจารย์ได้ย้ำพวกผู้หญิงทั้งหมดนั้นว่า
ถ้าทำพิธีไปแล้วจะให้พรายไปตัวนึง ดูแล้วรูปร่างคล้ายขิง
ที่มีหุ่นเหมือนคน ห่อด้วยผ้าแดง ถ้าเอาไปแล้วแต่ไป
ทำไม่ดี เอาไปใช้กับคนหลายคนก็จะกลายเป็นบ้า
มีคนที่มาถอนออก เพราะจะเจอผีนางสาลิกา
รูปร่างเหมือนตุ๊กแก ลิ้นยาว ฟันแหลม หัวกะเซิง
เกาะอยู่บนขื่อบ้านกระโดดลงมากัดไส้พุง





ดิฉันไปเป็นเพื่อนเฉยๆแต่ยอมรับว่าสัมผัสกับวิญญาณ
ได้ตลอดทาง คือได้กลิ่นหอมตลอดแม้แต่เวลานั่งรถกลับมาถึงบ้าน
แต่สิ่งที่เริ่มผิดสังเกตคือ ดิฉันเริ่มกลัวพี่สาวของตัวเอง บ่อยครั้ง
โดยเฉพาะตอนกลางคืน แม้เวลาที่ธอมาคุยด้วยปกติก็ตาม
แต่ตาดำของเธอนั้นดูน่ากลัวเป็นสีดำดวงใหญ่ เกินเม็ดตาดำคนปกติ
ไม่มีแววสะท้อน และผิวหน้าก็ออกเขียวๆ ซึ่งไม่ใช่ดิฉัน
ที่เห็นคนเดียว จู่ๆสามีของพี่สาวก็มานอนค้างที่บ้าน จะมารับภรรยา
กลับบ้านเสียเฉยๆ และดูเหมือนเขาจะดีและเกิดหึงหวงภรรยา
ขึ้นมาอย่างน่าประหลาด...... ในคืนหนึ่งระหว่างที่เขามาค้างกับ
ภรรยาที่บ้านพ่อตาแม่ยาย สามีของพี่สาวก็เห็นพี่สาวเดินลง
บันไดมาข้างล่าง และมานั่งดูทีวีกับเขา เขาบอกว่าหน้าของ
เธอเป็นสีเขียวพอถาม เอาอะไรพอกหน้าไว้หรือ
เธอก็ยิ้มไม่พูดอะไรและไปเอาเบียร์มา
ให้เขาดื่ม แต่ครั้นพอเดินขึ้นไปชั้นบนก็พบภรรยาของตัวเอง
กำลังนั่งหวีผมอยู่หน้ากระจก ทำให้เขางงเป็นอย่างยิ่งว่า
ผู้หญิงหน้าสีเขียวนั้นคือใคร








ยังไม่จบ

...

 

มารีอังตัวเน็ต หรือ อีผีตายพราย? ตอน 3




แม้ทั้งพี่สาวและสามีจะกลับมาคืนดีกันเหมือนเดิมอย่างรวดเร็วหลังจากการที่เธอไปลงนะ
ครอบเศียรมาทั่วราชอาณาจักร แต่เธอ ก็ยังไม่ได้ตาม
ไปบ้านของเธอในทันที แม้เขาจะมาตาม พี่สาวได้แวะ
เวียนไปหาสำนักเดิมๆเพื่อให้ย้ำลงพิธีกรรมเพิ่มความขลังยิ่งขึ้น

ในณะที่ ณ ปัจจุบันการปรากฏตัวของผีได้เพิ่มจำนวน
มากยิ่งขึ้น ซึ่งดิฉันได้เคยเล่าไปในกระทู้ก่อนว่า
เจอผีแบบไหนบ้าง มาต่างงกันอย่างไรบ้าง และเคยมี
ที่หนักสุดถึงขนาดเขย่าเตียงของพี่สาวจนเธอนอนไม่ได้
พอย้ายมาห้องดิฉันก็หายไป แต่ในกระทู้นี้เราจะโฟกัส
เกี่ยวกับที่มาที่ไปของผีมารีอังตัวเน็ตเท่านั้นว่ามาจากไหน
กระทั้งมีอยู่คืนนึงดิฉันได้ฝันไปว่า ได้ยินเสียงผ้าสุ่มยาวๆ
ส่ายกระทบพื้น และมีคนมาเคาะที่ประตูห้องนอน
ครั้นพอไปเปิดก็พบกับ




ผู้หญิงสาวฝรั่ง ร่างเล็กไม่สูง แต่งตัวแบบมารีอังตัวเน็ต
ผิวขาวซีดหน้าตา น่ารัก เรียบๆ ยิ้มห้อย่างเยือกเย็น
และพูดกับดิฉันว่า หิว โดนขังอยู่ข้างล่างนี้ ช่วยไปบอก
พี่สาวให้หาของกินให้หน่อยเธอกล่าวเสร็จแล้วก็เดินนลง
กะไดไป พอดื่นเช้าดิฉันก็ไปเล่าให้พี่สาวฟัง เธอก็กึ่งยิ้มๆ
และพูดว่า "เธอหมายถึงพวกผีพรายที่ฉันเลี้ยงนะหรอ"
ฉันก็เลี้ยงให้กินทุกวันแล้วนะ และผีพวกนี้ก็มีแต่
พวกเขมร พวกลาว ที่ อาจารย์เขาไปสั่งให้ขุดขึ้นมาทั้งนั้น
เพราะตามกฏหมายไทย ยังไปเอาชิ้นส่วนศพตายมาทำแบบนี้
ยังไม่ได้เลย..... แล้วนี้มันจะเป็นไปได้ยังไงว่ามีพรายฝรั่ง
รวมอยู่ด้วย





จนกระทั้งวันหนึ่ง ดิฉันได้ยืมโทรศัพท์มือถือของพี่สาว
โทรไปเช่าพระ และจะเปลี่ยนรุ่น ขึ้เกียจไปดูเบอร์ที่จด
ไว้ ก็เลยกดเอาจากเบอร์ค้างในโทรศพท์ โดยที่ไม่รู้ว่า
เป็นเบอร์ของหนึ่งในสำนึกที่พี่สาวไปติดต่อเช่าของอาถรรพ์มา
สักครู่คนที่สำนักดังกล่าวจึงได้โทร
กลับมา และพยามสอบถามว่า เราเป็นใครและโทรไป
ทำไม.....จึงได้เรื่องราวว่า พี่สาวเขาเคยไปสั่งทำนางโหง
พรายสด ฝังขี้ผึ้ง ซึ่งราคาแพงมาก


โดยกรรมวิธีคือ พอสั่งปุ้บ อาจารย์ที่ทําคุณไสยจะไปหาศพที่
เพิ่งตายมาทำ.....โดยจะคัดเอาศพคนที่เพิ่งตายไม่เกินหนึ่งถึงสาม
วัน และมีรูปลักษณะสวยงาม ตาม ลูกค้าสั่ง




เช่นลูกค้าบางคนบอกจะเอา นางโหงพรายอายุน้อย หรือ
นางโหงพรายที่ตายทั้งกลม ซึ่งอาจารย์จะมีทีมงานฝั่งลาว
เขมร ไปเอาศพที่เพิ่งตายและมีลักษณะตรงตามลูกค้าสั่ง
ซึ่งพี่สาวดิฉันได้สั่ง อาจารย์ว่า ให้เอาสาวๆ
แบบ เอาแบบ ทันสมัยแนวที่คนเดี๋ยวนี้เขานิยมกัน
หรือไม่ก็ลูกครึ่ง ฝรั่ง.....แต่อาจารย์บอกว่าอย่างหลังหาไม่ได้ ต้องฟรุคจริงๆ.......
แต่สามารถกำกับนางพรายให้เวลาใช้งานให้มาแบบที่
ลูกค้าสั่ง......ดิฉันได้ยินดังนั้นก็ ไปถามพี่สาวว่า
เป็นความจริงหรือ? เมื่อนั้นเอง เธอจึงนึกขึ้นมา
ได้ และบอกกะดิฉันว่า เธอเคยเอาสีผึ้ง นางพรายของสำนักนี้ไปใช้บูชา
โดยเปิดและบูชาที่บ้านของเธอกับสามี แต่มีอยู่วันหนึ่ง ลูกของเธอเห็น
เข้าจึงวิ่งเข้ามาและเอามือควักเอาชิ้นเนื้อผีตายโหงในกระปุก
ออกมา และทำตกพื้น เธอจึงเข้าใจว่ามันคงเสื่อมไปแล้ว
และก็ไม่ได้บูชาอีก เธอได้เก็บเข้าตลับคืน และตอนนี้ก็
ไม่รู้แล้วว่า มันอยู่ที่ไหน





เธออยู่อาศัยที่บ้านต่อไปสักระยะก็ตามสามีกลับไปอยู่ที่ญี่ปุ่น
โดยทิ้งตุ๊กตามารีอังตัวเน็ตไว้ที่บ้าน ในระหว่างนั้นดิฉันก็โดน
ผีหลอกปละปายเป็นครั้งคราว จนกระทั้งหลายเดือนต่อมา
พี่สาวได้พาลูกเล็กๆของเธอมาเยี่ยมที่บ้านคุณพ่อคุณแม่
เมื่อนั้นเองที่ เราสังเกตเห็นได้ว่าลูกของเธอกลัวตุ๊กตา
มารีอังตัวเน็ตมาก ทั้งที่เด็กคนนี้ปกติชอบเล่นตุ๊กตามาก
และเรียกตุ๊กตามารีอังตัวเน็ตว่าผี......เราจึงหยิบมารีอังตัวเน็ต
ออกมาจากตู้กระจก และเอามาให้ลูกสาวของพี่สาว
ซึ่งยัยหนูก็หยิบขึ้นมาดูเล่นและสักพักก็ทำตกพื้น
ผลคือส่วนหัวของตุ๊กตาแตกออกมา พี่สาวจึงโมโหลูก
ของเธอมาก เมื่อหยิบตุ๊กตาส่วนหัวที่แตกจะเอามาประกอบ
คืน เราได้พบว่า ในปากของน้องตุ๊กตามี ชิ้นเนื้อแห้งๆ
เหมือนอวัยวะภายในของคนชิ้นเล็กติดอยู่








พี่สาวของดิฉันทราบในทันทีว่าชิ้นเนื้อศพนั้นมาจากสีผึ้ง
ผีนางพรายตายโหงที่ลูกของเธอควักออกไปเล่นจนหาย
ไปเมื่อนานมาแล้วนั้นเอง เมื่อเธอสอบถามจากลูกของ
เธอจึงพบว่า หนูน้อยสารภาพว่า เขาหยิบชิ้นส่วนนาง
พรายนั้นยัดใส่เข้าไปในปากตุ๊กตามารีอังตัวเน็ตเมื่อนาน
มาแล้วหลังจากนั้นพี่สาวของดิฉันจึงนำชิ้นส่วนนางพราย
และของอาถรรพ์จำนวนนึงที่ดิฉันเล่าให้ฟังว่าเจอ มาหา
นำไปยกให้สำนักหนึ่ง และเธอก็ไม่ได้ซื้อของพวกนี้เข้า
บ้านมาอีกเลย



...

 

คุณคงชอบและสะสมตุ๊กตาไว้มากมาย และเมื่ออยู่คนเดียวตามลำพัง คุณคงคุยกับตุ๊กตา ไว้แทนเพื่อน หรือเปล่าครับ

 

บ้านของดิฉันเนี้ยถ้าใครเข้ามาจะเห็นเลยคะว่า มีคนแค่คนเดี๋ยวแต่เหมือนมี สายตาจ้องอยู่มากมายเพราะมีตุ๊กตาแปลกๆ หน้าตาลึกลับเยอะมากนั่งเต็มทุกที่ บนโซฟา ขอบหน้าต่าง หลังทีวี บนฝาผนัง บางตัวก็ห้อยอยู่........คนตายได้ สัตว์ก็ตายได้แต่ตุ๊กตามันไม่เคยตาย สวย สะอาด บริสุทธิ์ ตลอด ดิฉันเคยฝันว่าเจอปีศาจผมแดง หน้าตาแบบนี้ๆ มาขออยู่ด้วย......กระทั้งพอหลังเพื่อนตาย ดิฉันก็ได้ตุ๊กตา ชื่อ ดัชเชส ฟิตเจ็ต มาโดยบังเอิญ หน้าเหมือนอสูรกายที่เจอในฝันเป๊

ดัชเชส ฟิตเจ็ต ราคา พันยูโร เป็นตุ๊กตาที่แพงมากและสวยมาก นอกจากนั้นก็มี ลิตเติ้ล แพรี่ พรีมาดอนน่า และ ก็ไดสโฟเรีย เป็นตุ๊กตาอัลบิโน่/หรือผู้หญิงผิวเผือก ตาสีแดง ผมขาว และก็มี ตุ๊กตาที่ส่วนหัวทำจากกะโหลกสัตว์แต่งชุดโบราณ มีผม อย่างสวย ก็มีหลายตัวคะ บางตัวก็ทำจากสัตว์สตาร์ฟ ใส่ชุดเสื้อผ้าแบบตุ๊กตา และก็ ตุ๊กตาพอร์สเลนน์ แบบโบราณที่ฝรั่งโบราณเคยเล่น เวลาจับหันแขนขา ก็มีเสียงหลอนๆเมือนหุ่นกระบอก ไม่รู้ทำไม ตัวเองชอบอะไรน่ารักแบบโบราณๆแต่ผสมน่ากลัวด้วยคะ ถ้าน่ารักเกินก็น่าเบื่อ ต้องลึกลับ และ น่ากลัวนิดๆด้วย

ปีหน้าถ้าได้เงินก็วางแผนว่าจะซื้อตุ๊กตาเอาแบบราคา 1500ยูโรขึ้น บ้าง แบบกระเบื้องเยอรมัน German porcelain doll หรือ เนื้อ ดินเผาฝรั่งเศส French bisque dollปกติเป็นคนชอบตุ๊กตามาตั้งแต่เด็ก สมัย มหาลัยก็สะสมบาบี้ ซื้อเดือนละตัว พอเรียนจบมีเงินจากเพื่อนที่ตายก็มาซื้อตุ๊กตาเอาแบบตามความฝันเลยคะ แบบออกมาจากจินตนาการอะไรแบบนั้น

 

ดิฉันได้ติดตามโพสต์ของคุณในแทบจะทุกเรื่อง ขอพยากรณ์เกียวกับนิสัยส่วนตัวได้มั้ยคะ ดิฉันรู้สึกได้ว่าคุณเป็นคนค่อนข้างลึกลับ ไม่ค่อยพูดหรือสุงสิงกับใครเท่าไหร่นัก แต่ชอบที่จะเขียนเรื่องราวและบันทึกต่างๆ ออกมาเป็นตัวอักษร เพื่อสื่อสารกับคนทั่วไปมากกว่าการพูดกันแบบตัวต่อตัว เป็นคนที่ค่อนข้างเข้าใจยาก และมีโลกส่วนตัวสูง เชื่อมั่นในตัวเองสูงและยากที่จะเปลี่ยนแปลงความคิดเมื่อหาสิ่งใดมาหักล้างจากความเชื่อเดิมๆ ของคุณได้ ไม่ทราบว่าตรงหรือเปล่าคะ แต่ดิฉันรู้สึกได้จากตัวหนังสือที่คุณโพสต์ลงคะ ผิดถูกอย่างไรขออภัยนะคะ

 

ก็ค่อนข้างถูกคะ ปกติดิฉันเป็นคนที่ค่อนข้าง self center แต่จะมีคนที่สนิทๆอยู่ไม่กี่คน ที่ดิฉันชอบก็จะติดหนึบแบบติดแจเลยคะ และจะพูดเฉพาะกับคนนั้นคนเดียว.....ไม่ทราบท่านได้อ่านที่ดิฉันเคยเล่าในกระทู้ต่างๆมาก่อนหรือไม่ว่า เพื่อนชายที่ดิฉันสนิทมาก เสียชีวิตไปปีที่แล้ว นอกจากเขาดิฉันก็มีแค่ไม่กี่คนที่ชอบคุยด้วย เช่นคุณตา แต่ท่านก็เสียก่อนเขาปีนึงคะ สรุปก็คือคนที่ดิฉันอยากคุยด้วย ล้วนเสียชีวิตไปหมด แต่แม่ดิฉันท่านสอนว่า เรามาคนเดียว เราต้องอยู่คนเดียวได้ ดิฉันไม่ชอบคบคนมากเพราะมันจะนำพาแต่ความวุ่นวาย แต่ให้คบหรือพูดประเดี๋ยวประด๋าวไม่สนิทนี้ได้ อย่างสมัยเรียนมหาลัย เพื่อนจะชอบดิฉันทุกคนเพราะดิฉันเข้ากับคนง่าย ตามใจเพื่อน แต่ไม่ค่อยชอบคุยกับคนที่ไม่สนิท คนต้องสนิทจริงๆด้วยเท่านั้นดิฉันจึงจะคุยด้วย

ที่ดิฉันไม่คบใครสนิทเพราะรู้แก่นแท้มนุษย์ธรรมดา จะต้องการ แค่ 3 อย่าง คือ เงิน, กับ เพศตรงข้าม, ข้อผูกพันธ์ทางเลือดเนื้อเชื้อไข เช่นพ่อแม่ลู พี่น้อง .......อย่างลองถามตัวคุณเองจะมาดี มาเห็นใจดิฉันอย่างสุดจิตสุดใจไหมถ้า ไม่มี 3 อย่างนี้ให้? ด้วยเหตุนี้เอง คนที่ดิฉันจะเลือกที่จะสนิทด้วย จะต้องเป็นคนที่ดีจริงๆ และ ไม่ได้อยู่เบื้องหลัง 3อย่างนี้....... ด้วยเหตุนี้เอง ถ้าไม่ใช่คนดีจริง ไม่มีวันจะเป็นเพื่อนสนิทของดิฉันได้หรอกคะ เพราะดิฉันจะทดสอบ คนที่จะมาเป็นเพื่อนสนิทของดิฉันมากๆ ด้วยเหตุนี้เอง ดิฉันจึงมีเพื่อนทีดีมาก ขนาดที่ว่า เคยทำให้เขาเกือบตาย แต่เขาไม่โกรธและให้อภัย คนแบบนี้ ดิฉันยอมตามไปเป็นทาสทุกชาติเลยคะ

 

ขอบคุณนะคะ ตอนนี้กำลังฝึกอ่านจิตคนจากการกระทำ กิริยาท่าทาง ถ้าไม่รู้จัก ก็จะอาศัยดูจากสิ่งที่เขาพูดคิดและเขียนคะ มันเป็นสิ่งที่ท้าทายดีนะคะ แต่ไม่ได้เป็นคำทำานายว่าเขาผู้นั้นจะเป็นอย่างไรในอนาคต เน้นไปทางเรื่องจิตวิทยามากกว่าคะ เคยดูให้เพื่อนของเพื่อนอีกที ไม่ได้รู้จักเขาเป็นการส่วนตัวเพียงแต่เคยเห็นหน้าตอนเรียนอยู่ที่เดียวกันเท่านั้น เขามักจะเข้ามาเล่นเฟสบุ๊คบ่อย จึงทำให้เราเห็นวิธีการคิดการเขียนของเขาและสามารถทำนายได้ถูกประมาณแปดสิบเปอร์เซนต์คะ

 

เคยเขียนแชร์เรื่องของตัวเองเอาไว้ว่าไปทำกรรมอะไรบ้างปัจจุบันจึงมีชิวิตแปลกๆ ในบอร์ด กฏแห่งกรรม ที่ก็มีเรื่องของสมาชิคหลายคนเขามาแชร์กันเอาไว้ แต่ดิฉันคิดว่าเรื่องของตัวเองต้องเขียน เวลาเจอใครก็เล่าให้เขาฟัง ที่เล่ามายังน้อยไปเพราะดิฉันเคยเจออะไรที่มันพิศดารมาเยอมากยิ่งกว่าคุณพ่อคุณแม่ของดิฉันซึ่งอายุมากกว่าเรารอบนึงเสียอีก เลยคิดว่าต้องเขียน ไม่แน่ในอนาคตอาจจะเขียนหนังสือด้วยก็ได้คะ เพราะที่ดิฉันเล่าอะไรต่างๆในเวปนี้มันยังน้อยเกินไป ไม่ถึงครึ่งของเรื่องราวแปลกๆที่เคยเจอมา ทั้งเรื่อง ผี และเรื่อง ในต่างแดน แม้แต่วัฒนธรรมแปลกๆที่ได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่ง


http://palungjit.org/threads/บอร์ดแชร์วิบากกรรมเป็นธรรมทานเพื่อเป็นบุญกุศล.508439/

 

ขอบพระคุณสำหรับ เนื้อหาประสบการณ์ที่ทำให้กระผมอินได้สุดๆครับ
รักและเคารพ คุณดัซเซซ มากครับ

 

เล่าเรื่องได้สนุกมากเลย ภาพก็สวยแปลกประหลาด ดูลึกลับน่ากลัว

จะรออ่านเรื่องต่อไปนะคะ

 

ตามมาอ่านอีกแล้วค่ะ

 

ประสบการณ์และสัมผัสพิเศษแบบนี้ น่ากลัวจัง ค่ะ

แล้วตอนนี้พี่สาวเลิกแสวงหาและสะสมของอาถรรพ์ทางไสยศาสตร์ รึยังคะ แล้วชีวิตคู่เป็นอย่างไร ???

เพราะวิธีนี้ มันไม่น่าจะใช่วิธีที่ทำให้การใช้ชีวิตคู่มีความสุขอย่างยาวนานหรอก พอหมดอำนาจหรือคุณไสยมันคลาย ก็ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้น

เค้าว่ามันเป็นการสร้างเวรสร้างกรรมเหมือนกัน เพราะของพวกนี้มันเป็นของต่ำ ของสกปรก

คุณ DuchessFidgette เคยเตือนพี่สาวมั้ยคะ ???

 

ปกติก็ค่อนข้างกลัวตุ๊กตาแต่พอมาอ่านแล้วยิ่งกลัวกว่าเดิมค่ะ

 

ชอบตุ๊กตาและภาพวาดของคุณดัซเซซค่ะ

 

เตือนไปแล้วคะ พี่สาวเขาไปถอนออกหมดและผีเขาก็ปล่อยไปแล้วคะ เช่นเอาของอีกสำนักไปปล่อยอีกตำหนัก..... เพราะเขามาเมืองไทยทีไร คือ ทุกคนงงมากว่า ทำไม หน้าเขาถึงคร้ำดำ และสิวเยอะมาก ขนาดอยู่เมืองนอก มันน่าจะขาว...... แต่พี่สาวที่อยู่ญี่ปุ่น กลับหน้ำคล้ำและมีสิว และผื่นแพ้..... อาจารย์ที่เขาทำพิธีคนนึงให้พี่สาวเขาบอกมันเป็นมาจากผีมันดูดปราณ และเอาแต่บาปมาพอก


และการทำของพวกนี้บาปมันพอกหางหมูมากกว่าปกติ กรรมที่คนเราทำๆกันในชีวิตประจำวันอีก พี่เขาเลยเอาไปปล่อยหมดเลยคะ แต่บางตัวเขาก็ยังมีอยู่ แต่หน้าพี่เค้าก็ทุเลาขึ้น และผีมันก็ตามเขาตลอด เจอมาหัวยุ่งๆ ผีบางชนิดของพี่เค้า ดิฉันก็เคยสื่อสารด้วยคะ เป็นยายแก่กะหลาน เป็นเด็กผู้หญิงถักเปีย ใส่ชุกระโปรงสีบานเย็นลายดอกไม้ กับยายผมสั้นดอกกะทุ่ม ใส่ผ้าถุง เคี้ยวหมาก แต่ตัวยายนี้เอาเรื่องเอาการ


ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพี่สาวกับสามีของเธอหลังจากที่เธอเลี้ยงผีนั้น ขอบอกว่าดีมากอย่างเหลือเชื่อคะ ด้วยเหตุนี้เธอจึงเชื่อเรื่องนี้เป็นอย่างมาก

 

อ่านตามแล้วรู้สึกสยิวๆ.ขนลุก.ตื่นเต้นบอกไม่ถูก.แต่ปัจจุบันปล่อยๆไปก็เป็น
วิธีแก้ที่ดีทางหนึ่งคล้ายๆกับการย้ายถิ่นฐาน.
.ส่วนจะไปตกอยู่กับใครคงเป็นเรื่องคนนั้น.
อย่างว่าหละครับ.ระดับนี้ถ้าทำกันจริงๆถ้าพูดถึงการปล่อยจริงๆก็คือการดึงวิญญาน
เค้ามาจากวัตถุที่เค้าสถิตย์อยู่ด้วยการตัดสายใยเชื่อมคล้ายๆเป็นภาคบังคับ
และปรับภพภูมิให้เค้าร่วมด้วยจากกำลังของครูบาร์อาจารย์.
ถึงจะพัฒนาระดับความเป็นทิพย์
และยกระดับจิตเค้าได้ด้วยครับเล่าให้ฟังเฉยๆนะครับเพื่ออนาคตจะสนใจและลองทำดู​

..

 

ขอถามท่านพฯเป็นความรู้คะ ว่าการที่อาจารย์หมอไสย์ ตรึงผีไว้ให้ทำงาน ดิฉันอยากทราบว่า แล้วเหตุใดยมบาลไม่สามาถมารับตัวผีไปชดใช้กรรมได้ตามปกติคะ และพวกที่ตรึงผีไว้บบนี้บาปมากไหมคะและต้องโดนลงทัณหลังตายยังไงบ้าง

 

ดวงจิตที่ระดับหมอไสย์ดึงมาใช้งานนั้น มี ๒ กลุ่มหลักๆนะครับทั่วไป.คือ
กลุ่มที่ ๑ คือดวงจิตอยู่ในช่วงรอที่จะไปสำนักพยายม.อาจเป็นดวงจิตที่ตายธรรมชาติ(น้อย)และ
ตายด้วยเหตุก่อนวัยอันควรโดยส่วนมากจะเป็นอย่างหลังเพราะว่ามีเวลาอยู่บน
โลกนานจนกว่าจะสิ้นอายุไขร่างกายจริงๆ.และหาง่ายกว่า.ส่วนที่ตายตามธรรมชาติ
ค่อนข้างหายากและนำมาได้ยากครับเพราะมีเวลาก่อนเปลี่ยนภพภูมิตามเวลา
บนโลกไม่นานปกติจะ ๗ วันไม่เหมือนกลุ่มแรกอาจถึงร้อยปีเวลาบนโลก..
กลุ่มที่ ๒ คือกลุ่มที่ผ่านสำนักพยายมมาแล้วลงไปนรกภูมิมาแล้วรวมกระทั้งที่ตาย
แล้วผุดและขึ้นมาจากนรกภูมิแล้วเปลี่ยนภพภูมิเพราะยังมีส่วนของเศษกรรมทำให้
ไปกำเนิดเป็นเดรัชฉานด้วยมีโมหะเป็นทุนในสันดานและอสรูกายภูมิที่มีโลภะเป็นทุน
ในสันดานและมีขอบเขตพื้นที่อาศัยอยู่ในมิติระดับใกล้เคียงกันกับโลกเรา.ส่วนพวกที่กรรม
หนักหรือมีโทสะมักจะลงไปยังนรกภูมิก่อนแต่ว่าระดับมิติต่ำกว่าโลกเรามาก..
นอกเหนือจากการไม่ประพฤติตนอยู่ในศีลในธรรมของกลุ่มนี้และโดยปาบกรรมหลายๆอย่างที่ตนได้ทำมา
การที่หมอผีจะตรึงวิญญานเหล่านี้ด้วยอำนาจจิตกำกับด้วยมนต์คาถา
ตามด้วยการหนุนมนต์คาถาเฉพาะทางเพื่อส่งเสริมในด้านความต้องการในการใช้งานที่เป็นอกุศกรรมต่างๆ
..ที่ทางพุทธเราถือว่าเป็นเดรัชวิฉานวิชาไว้เพื่อ
ประโยชน์แห่งลาภแห่งสักการะของตน.ก็จะไปนำหรือดึงวิญญานใน
กลุ่มที่ ๑ แต่เป็นประเภทตายก่อนวัยอันควรที่ไม่มีญาติหรือใครสนใจจะทำบุญให้..
แม้ว่าได้รับน้อยนิดก็ยังพอเพิ่มความเป็นทิพย์ป้องกันการถูกตรึงได้.
กลุ่มนี้มาตรึงไว้.เป็นเหตุที่ทำให้ต้องผิดศีลในข้อลักทรัพย์
พวกนี้ยังรวมทั้งวิญญานสัมพะเวสีเร่ร่อนต่างๆอีกด้วยนะครับทำให้บางครั้งเรา
จะเห็นรูปร่างหน้าตาเค้าคล้ายคลึงกับคนมาก..
และกลุ่มที่ ๒ เป็นอสูรกายที่มีรูปร่างคล้ายคนที่ดูน่าเกลียดหรือครึ่งคนครึ่งสัตว์
.บางคนอาจเรียก ภูตหรือพราย.ก็สุดแล้ว
แต่ให้ดูที่การกำเนิดและที่ไปที่มา และลักษณะนิสัยก็คือกลุ่มเดียวกัน.
และกลุ่มนี้ยังรวมทั้งพวกที่ตายจากการเป็นสัตว์
และมาเป็นอสูรกายร่วมด้วยเนื่องจากได้รับการอุทิศส่วนกุศลแต่จิตใจยังไม่
เป็นกลางร่วมด้วยเอาไว้
อืม...อะนะ..ประมาณนี้ก่อนเนาะ..ถ้าสงสัยเรื่องการปรับภพภูมิของกลุ่มนี้ค่อยว่ากัน
..ยังไงลองเอาไปคิดเองเล่นๆก่อนดูแล้วกัน...
เป็นไงครับ.ก็เพราะครูอาจารย์ท่านทราบถึงภูมิหลังการกำเนิดมาอย่างนี้ส่วนหนึ่ง
ท่านจึงเน้นการปราบปรามด้วยวิธีการสันติแม้ว่าท่านจะมีฤิทธิ์มาก
.บางคนอาจไม่เค้าใจไปนำเข้ามาใช้งาน..ก็เหมือนกับการไปส่งเสริมเรื่องพวก
นี้โดยเพียงแค่สนองความต้องการของตนเอง.ส่วนคนทำก็พอๆกัน
โดยขาดความเข้าใจที่แท้จริง.มันก็เหมือนกับว่าเราไปซ้ำเติมเค้านั้นหละ
ใครจะไปรู้ว่าในนั้นอาจมีญาติพี่น้อง หรือบิดา มารดาเราในอดีตชาติใดอดีตชาติชาติหนึ่งเป็นหนึ่งในนั้นก็ได้.
บางคนหนักไปใหญ่ เอะอะก็ใช้ฤิทธิ์ใช้คาถาไว้ก่อน
แล้วยังมีการมาเสนอพระพักตร์.คุยอวดความเก่งของตัวเองนี่ก็หนักไปใหญ่..
ทั้งที่พุทธศาสนาสอนให้มีเมตตาเป็นทุนแต่ก็ไม่เป็นไร.ไม่ว่ากัน
.ความเข้าใจและพื้นฐานของแต่ละคนแตกต่างกันได้เป็นเรื่องปกติครับ
ปล. แค่เพียงแต่เล่าให้ฟัง...​

 

อยากตั้ง สมญานามให้กับคุณ DuchessFidgette ว่า

สตรีที่โลกลืม (ชื่อเหมือนหนังไทย)

ทำดีแล้วไม่มีใครรู้