เมื่อพระยามัจจุราชมาทวงชีวิตข้าพเจ้า

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย tjs, 14 มิถุนายน 2013.

  1. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กันยายน 2013
  2. dokapon

    dokapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2005
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +720
     
  3. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    เราท่านทั้งหลาย เมื่อเจอกับปัญหา ต่างๆมากมาย มักมีวิตกและวิจารณ์

    การมีวิตกและวิจารณ์นั้นเป็นสิ่งดี แต่ต้องใช้ในทางบวก ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ที่ดีงาม

    หากเรามีวิตก วิจารณ์มากๆแต่ใช้ในทางลบ ก็อาจทำให้เกิดผลเสียได้ จนโบราณท่านบอกว่า ระวังจะกลายเป็นวิตกจริต เมื่อวิตกจริตมากๆ อาจทำให้กลายเป็น คนวิกลจริต และมีจิตวิปริตได้ในที่สุดครับ ดังนั้นตรงนี้ พึงใช้ปัญญาพิจารณาให้ดีและรอบคอบครับ สาธุ

    อนึ่งบุคคลผู้มีวิตกวิจารณ์ไปในทางที่ไม่ดี ติดลบนั้นเวลาใกล้ดับกายสังขาร ด้วยความเคยชิน จิตจะถูกปรุงแต่งวิตกวิจารณ์ไปในทางไม่ดี เพราะความเคยชิน ขาดสติปัญญา จนทำให้่จิตไหลไปตามอำนาจกิเลสที่ปรุงแต่ง ไหลไปสู่ความชั่ว ทำให้ไปเกิดยังที่ไม่ดี เป็นทุกข์คติ ได้ครับ สาธุ
     
  4. อุตสาหะ

    อุตสาหะ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2008
    โพสต์:
    278
    ค่าพลัง:
    +89
    โมทนาบุญกับทุกท่าน และ ท่านเจ้าของกระทู้ด้วยค่ะ

    ดิฉันฝากคำถามไปที่ PM หาคุณ tjs มีเวลากรุณาตอบด้วยนะค่ะ

    ขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ
     
  5. therd2499

    therd2499 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    388
    ค่าพลัง:
    +3,209
    พี่ครับผมมีคำถามอีกแล้วครับเนื่องด้วยจริตผมเป็นคนชอบพิสูจน์ชอบทดลองและสงสัยจึงต้องจับภาพพระตลอดเวลาเป็นการลงโทษตัวเอง^^

    แต่ผมไม่ได้สงสัยในคุณพระรัตนตรัยนะครับผมมีข้อสงสัยดังนี้

    1.แม่ย่านางไม่ว่าจะอยู่หน้ารถมอเตอร์ไซด์หรือรถเก๋งนี่มีจริงหรือเปล่าครับ
    เป็นรุกขเทวดาหรืออย่างไร

    2.แม่นางกวักที่บ้านผมมี1องค์จัดอยู่ในสิ่งศักดิ์สิทธิ์แบบไหนครับแบบเดียวกับกุมารทองหรือเปล่าครับ

    3.คนที่ชอบทำบุญปฎิบัติธรรมไม่ว่าจะได้สมาธิขั้นแรกจนถึงขั้นสูงสิ่งศักดิ์สิทธิ์มักจะมา

    อยู่ด้วยใช่ไหมครับ

    4.เนื่องด้วยข้อ1-2เราควรบูชาแม่ย่านางให้แคล้วคลาดปลอดภัยกับนางกวักกวักเงินกวักทองกวักสิ่งดีๆเข้ามาในบ้านอย่างไรครับเพื่อให้เป็นสิริมงคลกับตัวเองและครอบครัวครับ
    ไม่เกี่ยวกับพระประจำบ้านนะครับคนละส่วนกัน


    ขอบคุณครับพี่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กันยายน 2013
  6. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    กระผมขอตอบโดยมีความเห็นเป็นสัมมาทิฏฐิว่า
    เราต้องเคารพพระรัตนตรัยเป็นสรณะสูงสุด ส่วนเทพเทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์เราก็ควรเคารพท่านด้วยเช่นกันเพราะท่านมีคุณความดีแก่เรา
    จึงขอตอบคำถามดังนี้

    1.แม่ย่านางไม่ว่าจะอยู่หน้ารถมอเตอร์ไซด์หรือรถเก๋งนี่มีจริงหรือเปล่าครับ
    เป็นรุกขเทวดาหรืออย่างไร

    แม่ย่านางและรุกขเทวามีจริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีอยู่กับยานพาหนะทุกชนิดก็ไม่เสมอไป ส่วนหนึ่ง เราเชิญท่านมา หรือบางส่วน เทพธิดา ที่เคยมีบุญสัมพันธ์กับเราปราถนามาช่วยเหลือเราจึงอุทิศตนมาอยู่ประจำที่ยานพาหนะของเรา หรือส่วนหนึ่ง อยู่กับวัสดุที่ใช้ทำยานพาหนะนั้น อย่างเช่น นางไม้ที่อาศัยอยู่ประจำกับต้นไม้ เราตัดไม้นำไม้เหล้านั้นมาสร้างเป็นเรือ นางไม้ตนนั้นจึงอยู่กับเรือลำนั้นด้วยนั้นเอง

    แม่ย่ายาง นางไม้ นางตะเคียน เทพธิดา รุกขเทวา เป็นจิตของเทวดาชั้นอากาศก็มี ชั้นจาตุมหาราชิกาก็มี ไม่แน่นอนครับ ที่มาตรงนี้จึงมีหลายทางครับตามที่กล่าวมาครับสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งนั้นครับ

    2.แม่นางกวักที่บ้านผมมี1องค์จัดอยู่ในสิ่งศักดิ์สิทธิ์แบบไหนครับแบบเดียวกับกุมารทองหรือเปล่าครับ

    นางกวัก ก็คล้ายกับนางไม้หรือรุกขเทวา แต่นางกวักนั้น หมายถึงเทพธิดาพระองค์เดียว เป็นลูกสาวของท่านพ่อปู้เจ้าเขาเขียว เธอผู้นี้มีบารมีมาก คือทำบุญสร้างกุศลไว้มาก คือบุญทานทำไว้มาก จึงทำให้มีโชคลาภมาก เป็นพระโสดาบันบุคคล การที่เราบูชาเธอ ก็จะทำให้มีโชคลาภมากเธอสามารถช่วยเหลือสงเคราะห์แก่เราได้ ตามเหตุปัจจัย เช่นเคยมีบุญสัมพันธ์กับเธอมากก่อน หรือวาสนาดวงชะตาเราประกอบด้วย คือเป็นคนดีมีศีลธรรม เธอก็จะช่วยเหลือเราได้ครับ นางกวักเธอจะอยู่ในชั้นจาตุมหาราชิกาเช่นกัน เหมือนกุมารทองครับ แต่มีศักดิ์สูงกว่าครับ


    3.คนที่ชอบทำบุญปฎิบัติธรรมไม่ว่าจะได้สมาธิขั้นแรกจนถึงขั้นสูงสิ่งศักดิ์สิทธิ์มักจะมา

    อยู่ด้วยใช่ไหมครับ

    จริงครับ เพราะคนที่ปฏิบัติธรรมได้สมาธิแล้วนั้น เป็นเนื้อนาบุญของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพราะเทพเทวดาจะสามารถส่งเสริมแนะนำสั่งสอนบอกกล่าว หรือสามารถสื่อจิตได้ง่าย แก่บุคคลที่ได้สมาธิแล้วนั่นเองครับ บางส่วนก็จะกลายเป็นร่างทรง บางส่วนก็จะเป็นกึ่งร่างทรง บางส่วนจะช่วยเสริมให้กันและกัน

    นอกจากกนี้ คนอีกกลุ่มหนึ่งที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์มักไปอยู่ด้วยคือ คนดีมีศีลธรรมครับ คนที่ชอบทำบุญสร้างกุศลไม่ชอบทำบาปครับ
    ทั้งนี้ เมื่อเทพเทวดาไปสงเคราะห์ เมื่อมนุษย์ผู้นั้นทำบุญเทพเทวดาเหล่านั้นก็ได้อนุโมทนาก็จะได้บุญด้วยสม่ำเสมอครับ

    4.เนื่องด้วยข้อ1-2เราควรบูชาแม่ย่านางให้แคล้วคลาดปลอดภัยกับนางกวักกวักเงินกวักทองกวักสิ่งดีๆเข้ามาในบ้านอย่างไรครับเพื่อให้เป็นสิริมงคลกับตัวเองและครอบครัวครับ
    ไม่เกี่ยวกับพระประจำบ้านนะครับคนละส่วนกัน


    ขอบคุณครับพี่[/QUOTE]
    ==========

    ดังนั้นจากที่กล่าวมา เพราะเราเป็นคนธรรมดา การสงเคราะห์หรือเกื้อกูลซึ่งกัน และขอพึ่งบารมีจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ นั้นสำหรับกระผมเป็นเรื่องที่ควรกระทำให้ถูกต้องเหมาะสม เพราะบารมีบางอย่างเราอาจจะไม่ได้สร้างหรือทำมาจึงขอพึ่งบารมีเทพให้ช่วยเหลือครับ ก็ไม่ได้มีอะไรเสียหาย ขอให้มีสติปัญญา เป็นสัมมาทิฏฐิก็จะเกิดผลดีแก่เราครับ แต่ต้องไม่งมงายนะครับ
    ปกติการบูชาเทพ เทพธิดา นั้นก็มีพวงมาลัย ดอกไม้ ของหอม น้ำเปล่า ผลไม้เป็นต้นครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กันยายน 2013
  7. boonnippan

    boonnippan ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +1,099
    เรียนท่าน tjs ที่เคารพ
    ดิฉันเรียนถามท่านทาง pm ขอความอนุเคราะห์ด้วยนะคะ กราบขอบพระคุณค่ะ
     
  8. SpringDove

    SpringDove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,488
    ค่าพลัง:
    +4,807
    ==========

    ดังนั้นจากที่กล่าวมา เพราะเราเป็นคนธรรมดา การสงเคราะห์หรือเกื้อกูลซึ่งกัน และขอพึ่งบารมีจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ นั้นสำหรับกระผมเป็นเรื่องที่ควรกระทำให้ถูกต้องเหมาะสม เพราะบารมีบางอย่างเราอาจจะไม่ได้สร้างหรือทำมาจึงขอพึ่งบารมีเทพให้ช่วยเหลือครับ ก็ไม่ได้มีอะไรเสียหาย ขอให้มีสติปัญญา เป็นสัมมาทิฏฐิก็จะเกิดผลดีแก่เราครับ แต่ต้องไม่งมงายนะครับ
    ปกติการบูชาเทพ เทพธิดา นั้นก็มีพวงมาลัย ดอกไม้ ของหอม น้ำเปล่า ผลไม้เป็นต้นครับ
    [/QUOTE]

    ขอบคุณค่ะพี่ให้รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ชอบอ่านจังค่ะ..
    .เป็นคนที่ชอบนางกวักตั้งแต่เด็กๆ ไม่รู้ทำไม
    เรื่องรุกขเทวดา บางทีไปเดินป่าเจอต้นไม้ใหญ่ๆ ก็มีความรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกว่ามีพลังอ่อนโยน..อาจจะคิดไปเองค่ะ
     
  9. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ลองนึกถึงอดีตชาติ ของเราๆหลายๆท่าน บางอดีตชาติ อาจโชคร้ายไม่ได้มีพุทธศาสนา พอเกิดมาก็ทำความดีแบบไร้หลักยึด หลายๆท่านอาจจะทำความดีมากมายหลายประการ บางท่านทำบุญทานไว้มากแต่ก็ทำไม่ครบ ลืมถวายวิหารทาน วิหารธรรมก็ไม่ได้ฝึกอบรมตนไว้ สมาธิฌาณก็ไม่ได้ฝึกเอาไว้ เช่นนี้เมื่อจากโลกนี้ไปแล้วจึงมีบุญมากแต่ไม่มีที่จะอยู่ คือไม่มีวิหาร เมื่อไม่มีวิหารจึงต้องอาศัย ยังถ้ำ ฝา ป่า ต้นไม้ เป็นต้น ครับ ดังนั้น เราจึงไม่ควรปรามาส รุกขเทวดาหรือนางไม้ นางตะเคียน ควรเคารพซึ่งกันและกัน ก็จะเกิดผลดีกับตน เพราะ เทวดาบางท่านอาจจะมีบุญบารมีอย่างอื่นที่ท่านทำไว้มากกว่าที่เราคิดก็เป็นได้ครับ สาธุ

    แต่อย่าลืม การบูชาพระรัตนตรัย ตรงนี้เป็นเรื่องใหญ่ ที่ต้องทำๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆและขาดไม่ได้ ครับ เพราะตรัยสรณะ นี้ยิ่งใหญ่สำคัญที่สุดครับ สาธุ
     
  10. SpringDove

    SpringDove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,488
    ค่าพลัง:
    +4,807
    จะรบกวนสอบถามคุณ ซักสองคำถามนะคะ

    1. ตนเองแต่งงานแต่ไม่มีบุตรนะคะแต่จะชอบฝันว่าตนเองมีลูกชายน่ารักน่าเอ็นดูมาก ในฝันจะกอดจะหอมกันตลอดรักกันมาก ฝันแบบนี้มาร่วมสิบปีแล้วมั่งค่ะ ไม่ทราบว่าทำไมถึงได้ฝันแบบนี้ค่ะ เค้าเป็นเด็กอยากมาเกิดกับเราหรือเปล่าค่ะ

    2. ส่วนมากจะทำสมาธิด้วยการนอนภาวนา บางวันก็หลายบท เช่น คาถาอิติโส, คาถาเงินล้าน หรือ บทที่ท่องว่า "พระพุทธ เมตตา อโหสิ กรรม", บทชินบัญชรสั้น
    บางวันก็แค่บทชินบัญชรสั้น อย่างเดียว แต่บทชินบัญชรสั้นจะทำให้หลับเร็วมาก คือหลุดไปเลย ทำอย่างไรจึงจะผ่านจุดนี้ไปได้ค่ะ อยากจะทำสมาธิหรือภาวนาได้นานกว่านี้ค่ะ ขอคำแนะนำด้วยค่ะ ว่าบทที่ใช้อยู่เหมาะสม หรือ สมควรหรือไม่

    กราบขอบพระคุณ และ อนุโมทนาสาธุค่ะ
     
  11. บันลือธรรม

    บันลือธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    797
    ค่าพลัง:
    +2,369
    เรียนคุณ tjs ครับ
    ผมรบกวนถามคุณ tjs ไป 3-4 ข้อ อยากทราบเรื่องการอุทิศบุญไปให้
    ญาติครับเพราะกลัวไม่ถึงครับ และเรื่องอื่น ๆ ส่ง PM ไปให้แล้ว
    ขอบคุณครับในวิทยาธาน ธรรมทานครับ
     
  12. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    1. ตนเองแต่งงานแต่ไม่มีบุตรนะคะแต่จะชอบฝันว่าตนเองมีลูกชายน่ารักน่าเอ็นดูมาก ในฝันจะกอดจะหอมกันตลอดรักกันมาก ฝันแบบนี้มาร่วมสิบปีแล้วมั่งค่ะ ไม่ทราบว่าทำไมถึงได้ฝันแบบนี้ค่ะ เค้าเป็นเด็กอยากมาเกิดกับเราหรือเปล่าค่ะ

    เรื่องบุตรนั้นคุณมีแต่เป็นกายทิพย์ เป็นกุมาร เป็นเด็กผู้ชายน่ารักผิวเหลืองทองครับ แต่วาสนาบารมีที่จะได้เกิดยังไม่ถึงเวลาครับ หากอยากให้เขามาเกิดกับเรา ต้องทำบุญให้เขาเพิ่มเติมที่มากพอสมควรครับจึงจะช่วยได้ครับ
    อีกอย่างด้วยร่างกายมีไม่พร้อมการมีบุตรก็เป็นเรื่องยากครับ ต้องแก้ไขตรงนี้ด้วยครับ

    2. ส่วนมากจะทำสมาธิด้วยการนอนภาวนา บางวันก็หลายบท เช่น คาถาอิติโส, คาถาเงินล้าน หรือ บทที่ท่องว่า "พระพุทธ เมตตา อโหสิ กรรม", บทชินบัญชรสั้น
    บางวันก็แค่บทชินบัญชรสั้น อย่างเดียว แต่บทชินบัญชรสั้นจะทำให้หลับเร็วมาก คือหลุดไปเลย ทำอย่างไรจึงจะผ่านจุดนี้ไปได้ค่ะ อยากจะทำสมาธิหรือภาวนาได้นานกว่านี้ค่ะ ขอคำแนะนำด้วยค่ะ ว่าบทที่ใช้อยู่เหมาะสม หรือ สมควรหรือไม่

    การฝึกสมาธิทำได้หลากหลายวิธี ตามวิธีที่เราสะดวก แต่การสวดมนต์นั้นก็เป็นสิ่งสำคัญ หากจะให้เหมาะสม ควรนั่งสวดมนต์ เพราะการสวดมนต์นั้น เป็นการแสดงออกซึ่งความเคารพสักการะต่อพระรัตนตรัย หลังจากนั้นก็นั่งภาวนา โดยปกติทั่วไปจะแนะนำให้พิจารณาทำสมาธิอยู่กับลมหายใจเข้าและออก หรืออาจจะภาวนาพุทโธ กำกับด้วยก็ได้ ให้ฝึกตรงนี้ให้ชำนาญ การนั่งสมาธิจะเป็นการฝึกทางกาย ฝึกเวทนา ฝึกการเดินลมหายใจ มีประโยชน์หลายอย่าง

    ส่วนการนอนภาวนาก็เป็นสิ่งที่ดี แต่ผลแห่งการฝึกให้ผลช้าเร็วที่แตกต่างกันครับ ประกอบกับทำให้ง่วงได้ง่ายและก้าวหน้าทางสมาธิได้ช้าครับ จึงแนะนำให้นั่งสมาธิก่อนให้ชำนาญ แล้วเปลี่ยนไปยืน เดิน และนอนครับ


    กราบขอบพระคุณ และ อนุโมทนาสาธุค่ะ[/QUOTE]
     
  13. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ทางเดิน ที่เป็นทางธรรมนั้น อาจจะมีหลายทาง แต่สุดท้ายก็เดินกันไปรวมอยู่จุดเดียวกันที่ปลายทางคือ

    การกลับคืนสู่ความเป็นธรรมชาติ นั่นเอง ไม่มีเรา ไม่มีเขา ไม่มีของเราของเขาของใครหรืออะไรใดๆ ทุกอย่างเป็นธรรมดาอันเป็นธรรมชาติอย่างนั้น แม้ความเกิด ความแก่ ความเจ็บความตาย ความสุขความทุกข์ ก็เป็นธรรมดาของมันอย่างนั้น

    หากเราสามารถรักษาจิตเราให้ทรงอารมณ์นี้ได้ตลอด ไม่พลาดพลั้ง เพราะอาศัยด้วยสติปัญญา รักษาจิตไว้อย่างนี้สม่ำเสมอ มีความระวังสำรวมเสมอ เป็นธรรมชาติ เช่นนี้เราจึงกล่าวได้ว่าเป็นผู้สละคืนหมดสิ้นแล้ว สู่ธรรมชาติได้โดยบริบูรณ์
    จิตเราจึงเสมอเหมือนธรรมชาติ จิตเราจึงห่างไกลความเป็นโลกิยะ อันเป็นสิ่งสมมุติ จิตเราจึงหลุดพ้นแล้วจากความปรุงแต่ง อวิชชา ตัณหาและอุปทานก็ดับแล้ว แม้ทุกข์และสุขก็พ้นแล้ว เป็นผู้มีจิตที่สะอาดบริสุทธิ์เป็นธรรมชาติเดิมของจิตได้แล้วในที่สุดนั่นเองครับ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2013
  14. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ผู้มีดวงตาเห็นธรรม นั้น หมายความว่า เป็นผู้มีดวงตา หมายถึงจิต มีสติปัญญา รับรู้เข้าใจ ในสัจจะธรรม หรือความจริง ในทางธรรม ทั้งหลาย นั่นเอง

    การมีดวงตาเห็นธรรมนั้น อาศัยเหตุจากการ สดับรัปฟังพระธรรม การอ่าน การเขียน การศึกษาจากตำราต่างๆ จนเกิดสติปัญญาเข้าใจ ในความจริงเหล่านั้น และยอมรับในความจริงเหล่านั้น นั่นเอง
    สรุปคือ จิตเกิดสติปัญญารู้เข้าใจและยอมรับในความจริงเหล่านั้น คือมีความเห็นอันเป็นสัมมาทิฏฐิเกิดขึ้นแล้วด้วยประการหนึ่ง เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีงามแล้ว

    ในลำดับถัดไปเมื่อท่านทั้งหลายมีดวงตาเห็นธรรมแล้ว ก้าวต่อไปคือการปฏิบัติธรรม ในลำดับนี้ จิตที่ผ่านการฝึกอบรมมาดีแล้วในที่สุด จึงเป็นผู้มีจิตที่เรียกว่าเป็นผู้บรรลุธรรม
    ตรงนี้จะต่างกับผู้มีดวงตาเห็นธรรม สำหรับผู้บรรลุธรรม หมายถึงนอกจากมีดวงตาเห็นธรรมแล้ว ยังสามารถปฏิบัติธรรมหรืออบรมจิตให้มีสภาพที่เป็นไปตามสัจจะธรรมความจริงที่ปรากฏ มีจิตบรรลุแล้ว มีชัยชนะเหนือกิเลสเครื่องปรุงแต่งในธรรมนั้นๆแล้ว นั่นเอง

    ลำดับถัดไปเมื่อท่านบรรลุธรรมทั้งหลายเหล่านั้นแล้ว ย่อมกล่าวต่อไปได้ว่า ท่านย่อมเป็นผู้เจริญอยู่ในธรรมหรือ หรือเป็นมีจิตผู้อาศัยด้วยวิหารธรรม
    บุคคลผู้ใดมีจิตอันอาศัยอยู่ด้วยวิหารธรรม บุคคลผู้นั้นย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้อยู่อย่างสงบสุขอย่างแท้จริงของโลกอันเป็นบรมสุข เป็นผู้อยู่เหนือโลกแล้วนั่นเองเพราะอาศัยธรรมที่ตนเห็นแล้ว หนึ่ง บรรลุแล้วหนึ่ง เจริญเป็นปกติเป็นวิหารแล้วหนึ่งอย่างนี้นั่นเองครับ สาธุ
     
  15. SpringDove

    SpringDove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,488
    ค่าพลัง:
    +4,807
    [/QUOTE]

    ขอบพระคุณค่ะี่ที่กรุณาตอบ
    1. เรื่องความพร้อมของสุขภาพคุณ tjs พูดไว้ถูกต้องค่ะ
    2. ตอนสวดมนต์นั่งสวดค่ะ
    เนื่องจากเคยเกิดอุบัติเหตุตกบันไดเลยทำให้นั่งนานๆ ไม่ค่อยจะได้ค่ะ เรื่องทำสมาธิด้วยการนอนก็เคยโดนดุมาแล้วเหมือนกันว่า "ทำไมไม่นอนกินเลยหละ" อยากจะพยายามปรับปรุงเหมือนกันค่ะ อยากฝึกความทดให้สุขภาพ เรื่องนอนภาวนานี้ทำจนติดแล้วค่ะเพราะเป็นคนนอนหลับยาก ภาวนาช่วยได้มากทีเดียว

    ขอบพระคุณ และ อนุโมทนาสาธุค่ะ หากมีปัญหาอะไรจะมาสอบถามอีกครั้งค่ะ
     
  16. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ขอบพระคุณค่ะี่ที่กรุณาตอบ
    1. เรื่องความพร้อมของสุขภาพคุณ tjs พูดไว้ถูกต้องค่ะ
    2. ตอนสวดมนต์นั่งสวดค่ะ
    เนื่องจากเคยเกิดอุบัติเหตุตกบันไดเลยทำให้นั่งนานๆ ไม่ค่อยจะได้ค่ะ เรื่องทำสมาธิด้วยการนอนก็เคยโดนดุมาแล้วเหมือนกันว่า "ทำไมไม่นอนกินเลยหละ" อยากจะพยายามปรับปรุงเหมือนกันค่ะ อยากฝึกความทดให้สุขภาพ เรื่องนอนภาวนานี้ทำจนติดแล้วค่ะเพราะเป็นคนนอนหลับยาก ภาวนาช่วยได้มากทีเดียว

    ขอบพระคุณ และ อนุโมทนาสาธุค่ะ หากมีปัญหาอะไรจะมาสอบถามอีกครั้งค่ะ[/QUOTE]
    ============

    หากร่างกายไม่เอื้ออำนวยก็ไม่เป็นไร ผมเชื่อว่า หากเราทำการฝึกสมาธิด้วยวิธีใดก็ตามย่อมให้ผลดีทั้งนั้น ดังนั้นจึงขอแนะนำต่อว่า
    ให้นอนฝึกสมาธิดังเดิม แต่ให้กำหนดจิตสวดมนต์ภาวนา และฝึกสมาธิด้วยการ นอนพิจารณาลมหายใจเข้าและออก ตามดูลมหายใจที่เข้ามาผ่านเข้าไปในร่างกาย แล้วดูว่าลมหายใจวิ่งออกมาสั้นยาวอย่างไร พิจารณาง่ายๆอย่างละเอียดเช่น ความสัจจริงเกิดขึ้นคือ
    1 เมื่อใดที่ลมหายใจเข้ายาวและลึก ลมหายใจออกก็จะยาวและลึก
    2เมื่อใดลมหายใจเข้าแผ่วเบายาวและลึก ลมหายใจออกก็แผ่วเบาจะยาวและลึก
    3เมื่อใดลมหายใจที่เคยยาวและลึก หากละเอียดขึ้น ลมหายใจจะค่อยสั้นลงและเบาลง
    4 เมื่อสติและจิตรวมเป็นหนึ่งในจุดใดจุดหนึ่ง ระบบการทำงานของร่างกายจะหยุดทั้งหมด แต่ระบบประสาทและจิตจะไปรวมอยู่แค่จุดเดียว ลมหายใจก็แผ่วลงเพราะไม่จำเป็นต้องการพลังงานหรือออกซิเจ่นอะไรมากมาย ครับ
    5เมื่อลมหายใจแผ่วลงเพราะกายสงบระงับลงการเผาผลาญพลังงานน้อยลง จนในที่สุด สมองก็จะทำงานน้อยลงเช่นเดียวกับหัวใจ เพราะจะทำงานแค่จุดเดียวที่จิตไปรวมอยู่ตรงนั้น
    6เมื่อสมองทำงานเบาลงเพียงจุดเดียวอย่างเดียว จิตรวมอยู่จุดเดียวกัน จิตที่เคยแผ่กระจายทั่วทั้งกาย ก็จะหดตัวรวมไหลมาอยู่จุดเดียว ตรงนี้สมาธิเกิดระดับฌาณ เวทนาความรู้สึกทางกายส่วนอื่นๆดับไปหมดแล้วเหลือเพียงจุดเดียวที่รวมกันอยู่
    7เมื่อจิตรวมเป็นหนึ่งเดียวจุดเดียว ขณะนี้สมาธิดิ่งลึกลงสู่ระดับฌาณ ไล่ลำดับลงไปอีก ตามวิตก วืจารณ์ ปิติ สุข เอกคตา ว่าง อยู่ภายใน
    8 เมื่อจิตมีกำลังมาก อภิญญาจะเกิดของมันเอง จิตทำหน้าที่ของมัน เพราะมันมีอิสระเหนื่อกายเวทนาแล้วนั่นเอง แต่จะเป็นฤทธิ์ นิมิตแบบใดก็สุดแท้แต่ความบริสุทธิ์ของจิตและอุปกิเลสอย่างละเอียดที่อยู่กับจิตมานานปรุงแต่งจิตครับ

    ลองทำตามที่กระผมกล่าวมาดูนะครับ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2013
  17. blue pooh

    blue pooh เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +271
    ตามอ่านค่ะ แต่ยังไม่ครบทุกหน้า..ทยอยๆอ่านไปเรื่อยๆ
    1ถ้าเราเป็นคนเกิดมามีกรรม เช่นทำอะไรแล้วมีเรื่องมาขัดความเจริญ หรือกำลังไปได้ดีๆแล้วต้องมีอันพังลงมา เริ่มใหม่ แบบนี้เรียกมีกรรมไหม
    2 แล้วเราจะแก้กรรมหรือลด บรรเทาอย่างไร
    3 ยึดพระพุทธเป็นที่พึ่ง แต่มีอะไรที่เราควรแก้ ควรเสริม เพิ่มให้ได้ดียิ่งๆขึ้น
    4 เป็นคนสวดมนต์ได้ไม่นาน ทำสมาธิได้ไม่นาน แต่ถ้าอ่านหรือฟังจะเข้าใจ ซาบซึ้ง น้ำตาไหลแต่ อย่างนี้จะได้สมาธิได้ยังไง
    5 เป็นคนติดขัดเรื่องเงินเสมอแต่ไม่ได้อยากรวย อยากมีใช้ตลอดๆไม่ขาดสาย มีแนะนำไหมคะ
    รบกวนค่ะ
     
  18. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ตามอ่านค่ะ แต่ยังไม่ครบทุกหน้า..ทยอยๆอ่านไปเรื่อยๆ
    1ถ้าเราเป็นคนเกิดมามีกรรม เช่นทำอะไรแล้วมีเรื่องมาขัดความเจริญ หรือกำลังไปได้ดีๆแล้วต้องมีอันพังลงมา เริ่มใหม่ แบบนี้เรียกมีกรรมไหม

    จะไปมองว่าเป็นเวรกรรมทั้งหมดก็ไม่ใช่ ยกเว้นว่ามันมีเหตุสุดวิสัยจริงๆครับจึงมองว่าเป็นเรื่องของเวรกรรม ในทางตรรกะ นั้นมองว่าเหตุและผลนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นและให้ผลในชาตินี้เท่านั้น แต่สำหรับพระพุทธเจ้าท่านมองว่า ตรรกะศาสตร์ นั้นไม่เกี่ยวข้องด้วยเวลาในปัจจุบันเท่านั้น แต่ท่านมองว่า กรรมในอดีตหมายถึงชาติก่อนๆด้วยย่อมให้ผล ดังนั้นเรื่องบางเรื่องที่สุดวิสัยเกินความสามารถในปัจจุบัน แม้จะทำเหตุไว้ดีแล้ว แต่ผลที่ได้รับนั้นไม่ดีก็อาจเกิดจากเหตุในอดีตเก่าก่อนให้ผลนั่นเองครับ

    2 แล้วเราจะแก้กรรมหรือลด บรรเทาอย่างไร
    การที่เราไม่ทำบาป ทำความดีทำบุญทาน การฝึกสวดมนต์ ภาวนา ทำหน้าที่การงานของตนให้ดี หน้าที่ทุกอย่างให้ดี ครับ ตลอดจนการช่วยเหลือผู้อื่นๆเป็นต้นครับ

    3 ยึดพระพุทธเป็นที่พึ่ง แต่มีอะไรที่เราควรแก้ ควรเสริม เพิ่มให้ได้ดียิ่งๆขึ้น
    ต้องยึดพระรัตนตรัยนะครับ ต้องมีพระธรรม และพระสาวกด้วยที่เป็นองค์แทนที่ดีที่สามารถสั่งสอนแนะนำเราได้ครับ

    4 เป็นคนสวดมนต์ได้ไม่นาน ทำสมาธิได้ไม่นาน แต่ถ้าอ่านหรือฟังจะเข้าใจ ซาบซึ้ง น้ำตาไหลแต่ อย่างนี้จะได้สมาธิได้ยังไง

    เป็นคนจิตอ่อนไหวอ่อนโยน มีเมตตามาก การทำสมาธิต้องมุ่งไปทางสร้างสติให้มาก สร้างปัญญาให้มากๆครับ ต้องฝึกความหนักแน่นทางจิตฝึกกรรมฐานเสริมจิตให้เข้มแข็งครับ

    5 เป็นคนติดขัดเรื่องเงินเสมอแต่ไม่ได้อยากรวย อยากมีใช้ตลอดๆไม่ขาดสาย มีแนะนำไหมคะ

    เรื่องเงินทองโชคลาภเป็นไปตามบุญวาสนาเก่าที่ทำไว้ครับ ข้อแนะนำสำหรับปัจจุบันคือ
    ความหมั่นเพียรการงาน
    ความประหยัด
    การพยายามให้ทานสม่ำเสมอ
    การเป็นผู้กตัญญูดีงาม
    การหมั่นสวดมนต์ภาวนาสม่ำเสมอ
    การปล่อยปลาสม่ำเสมอ
    จะช่วยให้การเงินไหลลื่นราบรื่นไม่ติดขัดครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กันยายน 2013
  19. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    วันนี้ขอกล่าวถึง ธรรมชาติของจิต ในอีกมุมมองหนึ่งดังนี้คือ
    สามัญจิตของสรรพสัตว์ต่างเหมือนกันคือ จิตจะทำงานตามขั้นตอนเป็นลำดับดังนี้คือ
    1 รับ ทุกอย่างโดยเฉพาะที่พอใจ ถูกใจ แม้ความไม่พอใจถูกใจก็รับเข้ามาเช่นกันคืออารมณ์ความรู้สึกเกิดตามมาทันที
    2 รู้ ว่ารับอะไรเข้ามา หรือแม้บางครั้ง มันรวดเร็วมากจนผ่านตัวรู้ไปก็มี ก็คือวิ่งไปที่ข้อสามเลยก็มี
    3 คิดหรือปรุงแต่ง ไหลไปตามเครื่องปรุงแต่ง
    4 จำ ทั้งดีไม่ดี ผลจะปรากฏแบบไหนก็จดจำไว้อยู่ในจิต
    คนส่วนใหญ่มักเป็นอย่างนี้
    ยกเว้นผู้ปฏิบิตธรรมผู้ที่ฝึกสติ สมาธิ ปัญญา เกิดขึ้นเป็นปรกติแล้วนั้น สภาพจิตจะเป็นลำดับอย่างนี้คือ
    1 รู้ เพราะอาศัยสติปัญญาเกิดเป็นปกติกับจิต เกิดตัวรู้ก่อน
    2 รับ คือสภาวะธรรมชาติของจิตที่เกิดขึ้นรวดเร็วแต่ย่อม รู้ดีว่า รู้อะไร และรับอะไรมา
    3 คิด ปล่อยวางลง เพราะอาศัยปัญญารู้แจ้งแล้ว
    4 จำ จดจำปัญญาสิ่งที่รู้เหล่านั้น ความรู้เหล่านั้น ธรรมารมณ์เหล่านั้น และวาง ด้วยสติปัญญา ลงไปเช่นกันครับ

    ดังนั้นขอให้พิจารณาว่าปัจจุบันนี้จิตของเรานั้นมีสภาพเป็นอย่างไร การปฏิบัติธรรมจะก้าวหน้ายิ่งขึ้นนั้น เพราะอาศัยสภาพจิตมีจริตเกิดขึ้นตามลำดับตามที่ได้กล่าวมาแล้วอย่างนี้นี่เองครับ สาธุ
     
  20. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    พระธรรมของพระพุทธเจ้าสอนให้ดับอวิชา เพราะอวิชาเป็นเหตุปัจจัยเริ่มต้นของความทุกข์ทั้งปวง คำสอนของพระพุทธองค์สอนให้รู้จักวิธีการดับอวิชา ซึ่งสรุปอย่างรวบรัดคือ
    1 สมถะกรรมฐาน
    2 วิปัสสนากรรมฐาน
    มีแค่นี้เท่านั้นเอง อย่างอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องด้วยสมถะและวิปัสสนา เหล่านั้นไม่ใช่คำสอนของพระพุทธองค์ เพื่อการดับอวิชาหรือดับทุกข์ ดังนั้นการปฏิบัติที่ถูกต้องเพื่อดับอวิชาหรือดับทุกข์ ต้องมุ่งไปที่การฝึกปฏิบัติ ที่เป็นสมถะและวิปัสสนาเท่านั้น แล้วท่านทั้งหลายจะพบคำตอบด้วยตัวท่านเอง เป็นผู้ค้นพบสัจจธรรมที่แท้จริงด้วยตัวท่านเอง เป็นผู้หลุดพ้นทุกข์ด้วยตัวท่านเองในที่สุดครับ สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...