ประสบการณ์ตรง จากการฝึกกสิณไฟผิดวิธี

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย solardust, 1 ตุลาคม 2013.

  1. solardust

    solardust เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    250
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,771
    ตอน1
    ก่อนอื่นนะครับ ขอเล่าเรื่องพื้นฐานของตัวเอง ย่อๆก่อน
    คือผมไม่ได้โปรเรื่องแบบนี้มากนะครับ พอมีประสบการณ์แนวนี้นิดหน่อย
    แค่พอคุยได้ว่า เราก็เคยผ่านของจริงมาบ้างนะ ไม่ได้อ่านหนังสือมาอย่างเดียว

    เรื่องการปฏิบัติ ก็ทำมาเกือบทุกวิธี ไม่ได้เจาะเฉพาะวิธีใด วิธีหนึ่ง
    เพราะฉนั้น ชั่วโมงบินจะน้อย ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางก็จะน้อยลงไปอีกด้วย

    ทีนี้มาเข้าเรื่องการฝึกกสิณไฟ
    เรื่องของผมเริ่มจาก หนังสือของหลวงวิจิตร วาทการ (ไม่รู้ว่าเป็นใครนะครับ รู้แต่ว่าเป็นชื่อคนแต่งหนังสือ)
    เป็นหนังสือเก่ามาก ได้มีโอกาสอ่านในสมัยเด็กๆ
    ในหนังสือจะมีรูปของฤาษีในอินเดีย ตนหนึ่ง ที่ลืมตามองพระอาทิตย์ จ้องเข้าไปตรงๆตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้น จนพระอาทิตย์ตก
    โดยไม่กระพริบตา ตาของฤาษีตนนั้น เป็นฝ้าสีขาวขุ่นมองเห็นได้ชัดจากรูปภาพ

    ในหนังสือมีแค่คำอธิบายสั้นๆว่า เขากำลังฝึกกสิณไฟโดยการใช้ ดวงอาทิตย์ในการเพ่ง...แม่เจ้า....ดูแล้วอลังการงานสร้าง
    เสียอย่างเดียว ไม่ได้บอกเอาไว้ด้วยว่า ที่ตากลายเป็นฝ้าแบบนั้นเพราะว่า เกิดจากการฝึกที่ผิดวิธี

    พอไม่ได้บอกไว้ เราก็เลยเอาอย่างบ้าง มองพระอาทิตย์จนจอภาพไหม้เป็นจุดๆ
    ดีว่าสมัยนั้นไม่ได้ทำบ่อย เพราะทำอานาปานุสติ แล้วสบายตัวกว่า
    อีกอย่างตัวเองมีจริตหนักไปทางราคะ ก็เลยฝึกหมวดอสุภะ กับกายคตาสติ ควบไปด้วย
    ไม่งั้นตาคงบอดไปตั้งแต่เด็กแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2022
  2. solardust

    solardust เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    250
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,771
    ตอน2
    การฝึกกสิณไฟ
    ตอนหลังได้เข้าไปคุ้ยคลังหนังสือของพ่อ ได้เจอหนังสือเล่มนึง หน้าปกเขียนว่า วิสุทธิมรรค
    พลิกซ้ายก็แล้ว พลิกขวาก็แล้ว อ่านไม่ออก...ยากไป
    พอตัดสินใจจะเขวี้ยงทิ้ง ก็บังเอิญว่าเปิดไปเจอส่วนของการฝึกกสิณซะก่อน ก็เลยศึกษาซะหน่อย

    ความที่เป็นผู้มีปัญญาน้อย ไม่เข้าใจว่า ภาพติดตา หรืออุคคนิมิตในหนังสือคืออะไร
    ก็ไปตีความเอาว่า เวลาที่เราจ้องอะไรนานๆ แล้วเงาของสิ่งนั้นติดอยู่ที่จอรับภาพในลูกตา เงานั้นก็คืออุคคนิมิต

    เวลาที่เพ่งกสิณ ก็ยังคงทำแบบเดิมอยู่ คือลืมตาจ้องไฟ จนภาพที่เบิร์นบนจอภาพ เมิร์จกับภาพจริงจนเห็นเป็นไฟส้มๆ ด้านๆ แล้วก็หลับตาลง
    พออาการเบิร์นที่จอภาพทุเลาลง เห็นเป็นความมืดปรกติ ก็ลืมตาขึ้นจ้องไฟใหม่ จนภาพของไฟเบิร์นติดจอรับภาพ แล้วก็หลับตาลงอีก

    ทีนี้ด้วยความที่บ้านอยู่ในสวน งานหนึ่งที่ต้องทำก็คือ ทำความสะอาดสวน ด้วยการลากเอาเศษกิ่งไม้ ใบไม้ตามพื้นมาเผาทิ้ง
    เข้าทางมาก...
    เย็นไหนได้เผา เย็นนั้นได้นั่งมองไฟ ถึงไม่บ่อยมาก แต่ก็ได้เกร็ดความรู้บางอย่างมา คือ
    -พัดไฟ จะเห็นตอนที่ไม้ท่อนใหญ่ๆในกองไฟแตก ถ้าก่อไฟด้วยไม้ท่อนเล็กๆ จะไม่เห็น สิ่งที่เรียกว่า พัดไฟ ตามที่วิสุทธิมรรคเขียนไว้
    -เถ้าไฟ ที่ลอยเป็นละอองแดงๆเหมือนฝนถ่านไฟ จะเห็นที่ยอดกองไฟ ถ้าเอาไม้เปื่อยๆมาเผา
    -ไฟที่ออกมาพร้อมควันเยอะๆ ต้องใช้ไม้สดๆ (หญ้าสดๆก็ได้ ควันเยอะดีแต่หมดเร็วไม่แนะนำ) พอไฟติดได้ที่ จะได้ทั้งไฟทั้งควันขโมง
    ใครชอบนิมิตแบบไหน ก็จัดเอาได้ตามใจชอบนะครับ

    ตอนหลังพอเริ่มเข้าวัยหนุ่ม ต้องเข้ามาทำงานในเมือง ก็ไม่มีโอกาสก่อไฟแบบนั้นอีกแล้ว
    ก็ใช้วิธี เอาเทียนละลายในพาน แล้วเอาทิชชู่ปั่นเป็นเป็นเส้นยาวๆ 2-3 เส้นโยนลงไปในพานใช้แทนไส้เทียน
    แล้วก็ทำแบบเดิม คือจ้องไฟแบบตาไม่กระพริบ...
    ก็ยังโชคดีอยู่ที่ กรรมฐานหลักในตอนนั้น เป็นพรหมวิหาร 4 อานาปานุสติ และกรรมฐานนอกรีต ที่ดิวิลอป ขึ้นมาเองอีกหนึ่งตัว
    เรียกว่า ความไม่เอาไหนส่วนตัวคือความจับจด ช่วยรักษาตาเอาไว้ไม่ให้บอด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กุมภาพันธ์ 2014
  3. solardust

    solardust เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    250
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,771
    ตอน 3
    ทีนี้มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ กำลังหัดถอดกายทิพย์อยู่ คือออกมาแล้วมันบังคับไม่ค่อยคล่อง บอกไม่ถูก
    แถมออกมาแล้วยังต้องพยายามคุมใจให้สงบอีกด้วย
    ...ทำไมต้องสงบ???

    เรื่องเป็นแบบนี้ครับ
    ประสบการณ์ครั้งแรกที่ตอนที่ออกมาจากร่างเนื้อ ก็คือ
    ได้ยินเสียงผู้หญิงอาบน้ำ ในใจก็คิดว่าตอนนี้เราเป็นผี ไม่มีใครมองเห็นแน่ อย่ากระนั้นเลย ไปดูน้องข้างบ้านเขาอาบน้ำซะหน่อยจะดีกว่า
    แค่คิดจบเท่านั้น ก็เหมือนโดนอะไรซักอย่างดีดกลับเข้าร่างเนื้อ
    กว่าจะเตาะแตะออกมาได้ใหม่ ต้องใช้เวลาอีกเป็นเดือน
    หลังจากครั้งนั้น เรื่องแบบนี้จะไม่คิดเลย กลัวต้องเสียเวลาแบบเดิมอีก
    เรื่องกายทิพย์ ยังเล่าได้อีกหลายเรื่อง แต่ขอพักไว้ก่อน เดี๋ยวจะนอกเรื่อง กสิณไฟ

    กลับมาเข้าเรื่องต่อ
    มีอยู่คืนหนึ่ง พอกายทิพย์หลุดออกมาแล้ว ก็พบว่าตัวเองยืนอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ เป็นทุ่งหญ้าโล่งๆ มีเนินเขาเล็ก มีแอ่งน้ำเป็นหย่อมๆ
    ขณะที่กำลังมองซ้ายมองขวาอยู่ ก็รู้สึกเหมือนมีใครจ้องอยู่
    ปรากฏว่า เห็นพระอยู่องค์หนึ่งมองมา...

    ความรู้สึกจะคล้ายๆกับ ตอนที่เรายืนอยู่แล้วมองมาเห็นมดที่พื้นน่ะครับ รู้สึกว่าเล็กประมาณนั้น
    พอมองดีๆ ท่านยืนอยู่ในวัด วัดทั้งวัดเล็กเหมือนของเด็กเล่น ตึกรามบ้านช่อง ถนนหนทางเล็กเหมือนโมเดล ในตู้โชว์
    หลังคาอาคารพานิชย์ 3 ชั้นยังสูงไม่เท่าตาตุ่ม ของกายทิพย์ในตอนนั้นเลย

    หลังจากเล็งไปเล็งมาซักพัก ก็เลยถึงบางอ้อว่า วัดนี้เป็นวัด วัดหนึ่งในจังหวัดบ้านเกิดของเราเอง
    ทุ่งหญ้าโล่งๆก็คือ ป่าและสวนผลไม้ แอ่งน้ำก็คือ แม่น้ำลำคลองแถวนั้น
    ที่ผิดปรกติก็คือ ขนาดของตัวเรา ที่ใหญ่ขึ้นจนเห็นภูเขาแถวบ้านเป็นแค่เนินเล็กๆ
    พอรู้สึกตัวอีกที ก็กลับเข้าร่างเนื้อไปแล้ว

    คือผมใช้งานได้ไม่คล่องนะครับ แค่พอจับทางได้ ว่าถ้าวางอารมณ์แบบนี้ แบบนี้ เราจะออกไปเที่ยวได้
    แต่เรื่องการใช้งานให้ได้ตามต้องการเนี่ย ศูนย์เปอร์เซนต์ ครับ

    มีนอกเรื่องอีกนิด...ก่อนที่จะรู้สึกว่ามีใครกำลังจ้องเราอยู่
    คือตอนนั้นเกิดความสงสัยว่า เราออกมาด้วยกำลังของณาน 4
    กายทิพย์ของเราก็ควรจะเป็นกายพรหมสิ ทำไมไม่มี 4 เศียร 8 กร เหมือนพระพรหมในศาลล่ะ...
    (ที่จริง ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกนะครับ แต่เพิ่งจะมาสงสัย น่าจะเป็นเพราะเป็นครั้งแรกที่ ออกมาแล้วตัวใหญ่ขนาดนี้)

    คิดจบปุ๊บ มีหน้าโผล่มาด้านข้างกับด้านหลังศรีษะรวมเป็น 4 หน้า แถมมีแขนเพิ่มมาอีก 3 คู่ รวมเป็น 4 คู่
    ในใจก็คิดว่า เออ...มันต้องอย่างนี้สิวะ ถึงจะเรียกพรหม

    แต่...หลังจากที่พยายามขยับแขนไปมาซักพัก
    ก็พบว่า...หน้ากับแขนที่เพิ่มมา มันขยับไม่ได้...
    มันเหมือนกับ มันมาด้วยสภาพของความเป็นทิพย์ ที่คิดว่าต้องมี มันก็เลยมีให้ซะดื้อๆ ใครจะทำไม...
    เพิ่งมารู้ทีหลังว่า พรหมจริงๆไม่ได้เป็นแบบในศาล
    หน้า 4 หน้า แขน 4 คู่ เป็นตัวแทนของพรหมวิหาร 4 เฉยๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 สิงหาคม 2022
  4. solardust

    solardust เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    250
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,771
    ตอน 4
    ทีนี้ มีอยู่วันหนึ่ง ต้องกลับบ้าน แล้วที่บ้านก็พากันไปทำบุญ...ที่วัดนั้นแหละ
    เราเห็นพระ เราก็จำได้ องค์นี้นี่เอง แต่ก็ไม่ได้พูดคุยอะไร แค่ตามที่บ้านมาถวายของให้ที่วัดแล้วก็กลับ
    อีกอย่างเจอกันตอนเป็นกายทิพย์ ตัวยังกะยักษ์ คราวนี้เอาร่างเนื้อมาทำบุญ พระท่านคงจะจำไม่ได้หรอก...

    ทุกอย่างผ่านไปอย่างเงียบสงบ..
    จนกระทั่งญาติผู้ใหญ่ทั้งหลายไปกราบลาพระกลับบ้าน เราก็ไปกราบลาท่านเป็นคนสุดท้าย เนื่องจากอาวุโสน้อยสุด
    พอหันหลังจะกลับ พระท่านก็เรียก
    "เดี๋ยวก่อน"
    เราก็หันไปมอง สงสัยจะลืมอะไรหรือเปล่านะ
    พอสบตากันปุ๊บ ท่านก็บอกว่า
    "เออ...เอ็งนั่นแหละ...มานี่..!!!"
    "ไหนลองนั่งสมาธิให้ดูซิ.."
    ...ฟังแล้วเราก็อึกอัก เพราะไม่ใช่มืออาชีพ ผิดที่ผิดทาง ก็ต้องนั่งบิลท์อารมณ์กันเป็นชั่วโมง...
    ระหว่างที่ทำหน้าเหรอหราอยู่ ก็แอบคิดในใจว่า หรือท่านจะจำเราได้...
    เลิ่กลั่กไปมาซักพัก จะกลับก็ไม่กลับ จะนั่งสมาธิก็ไม่นั่ง
    พระท่านก็เลยบอกว่า
    "เออ กลับไปเหอะ...แล้วไอ้กสิณไฟที่เพ่งอยู่น่ะ มันผิดวิธี เดี๋ยวตาจะบอดเอา"

    เอาล่ะสิ...
    ผมเช่าบ้านอยู่อีกจังหวัด อยู่คนเดียว ฝึกกสิณไฟคนเดียว
    เพื่อนฝูง พ่อแม่ พี่น้อง ไม่มีใครรู้เรื่องนี้...แต่พระรู้...แค่สบตากันแว๊บเดียว...

    ท่านไม่ได้บอกนะครับว่า ที่ถูกมันคืออะไร
    ผมก็เลยหยุดฝึกไปดื้อๆ กลัวตาบอดเดี๋ยวเล่นเกมส์ไม่ได้

    มานึกทีหลังได้ว่า เหตุที่ท่านไม่ได้บอกอาจเป็นเพราะ ผมฝึกสมาธิมาหลายวิธี
    ถึงแม้แทบจะเอาดีไม่ได้ซักวิธี แต่ก็มีทิฏฐิมานะสูงมาก
    ถ้าจำนวนของวิธีฝึก และผลของการฝึก ไม่สามารถครอบงำผมได้หมด ต่อให้ผมนั่งฟังนิ่งๆผมก็ไม่ใส่ใจ เพราะผมถือว่าผมรู้มากกว่า
    ท่านอาจจะรู้ตรงนี้ ท่านก็เลยไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม
     
  5. solardust

    solardust เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    250
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,771
    ตอน 5
    ตอนนั้น สายตาทั้งสั้น ทั้งเอียง ทั้งมัว แถมพอตกกลางคืน
    ถ้าไฟดับจะเห็นเป็นดวงมืดๆกลมๆ เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 เมตรได้ บังอยู่ข้างหน้ามองอะไรก็ไม่เห็น

    ตอนนั้น บังเอิญว่าเจอเพื่อนคนนึง รู้ว่าเราชอบฝึกสมาธิ ก็เลยเอาหนังสือของหลวงพ่อฤาษีลิงดำมาให้อ่าน
    อ่านแล้วก็ชอบใจว่าพระองค์นี้ ฝึกสมาธิมาทุกวิธีทั้งรูป ทั้งอรูป ท่านได้หมด
    ผลของการฝึกที่เรารู้ในหนังสือท่านก็อธิบายไว้หมด แถมยังอธิบายมากกว่าที่เรารู้อีกด้วย

    ก็เลยตามไปทำบุญที่บ้านสายลม แล้วก็ได้ซื้อหนังสือมาหลายเล่ม หนึ่งในนั้น(จำไม่ได้ว่าเล่มไหน)
    อธิบายเรื่องการเพ่งกสิณไว้...เราก็เลยพอจะประติดประต่อ เรื่องราวจนเข้าใจได้ว่า
    (ตรงนี้ต้องเข้าใจนะครับ คือมันโง่มาตั้งแต่ต้นเรื่องแล้ว มันเพิ่งจะมาเข้าใจตอนนี้)
    ภาพติดตาในกสิณ มันก็อีหรอบเดียวกันกับ อุคคนิมิต ในกรรมฐานกองอื่นนั่นแหละ
    คือมองมองดวงกสิณแค่พอจำรูปร่างหน้าตาได้ แล้วหลับตาลงนึกถึงภาพของดวงกสิณนั้น พอนึกไม่ออกค่อยลืมตามองดวงกสิณใหม่ แล้วก็หลับตาลงนึกถึงภาพดวงกสิณ วนไปเรื่อยๆ พอจิตนิ่งจนเข้าเขตุอุปจารสมาธิ ภาพเสมือนของดวงกสิณจะประกฏออกมาในนิมิตเอง

    ทีนี้เล่าสู่กันฟังเรื่อง การเพ่งกสิณไฟที่ผิดวิธีไปแล้วนะครับ
    ใครที่ทำเหมือน ที่ผมเคยทำอยู่ ก็เลิกนะครับ
    ใครที่แนะนำให้คนอื่นทำแบบที่ผมเคยทำอยู่ ก็ตามไปแก้ซะนะครับ
    แนะนำธรรมผิดๆให้เพื่อนๆทางธรรมไปฝึกจนตาเสียขึ้นมา จะงานเข้าไปอีกหลายชาตินะครับ

    ไม่ใช่เฉพาะกสิณนะครับ เรื่องสภาวะธรรมทั่วไปก็เหมือนกัน
    บางท่าน...บางท่านนะครับ เข้าไม่ถึงสภาวะนั้นๆ ก็อธิบายสภาวะนั้นๆผิด แนะนำวิธีผิดๆ
    ดูผิวเผินก็ไม่มีอะไรนะครับ แค่พูดคุยกันในเว็บบอร์ดธรรมมะเฉยๆ ก็แค่งานอดิเรก ก็แค่การสนทนาธรรม

    แต่กรรมที่เอาธรรมปลอมๆ ที่ตนไม่รู้จริงไปบอกผิดๆ แก่เพื่อนๆ
    ถ้ามันตามทัน สถานเบา คุณก็จะโดนแบบเดียวกันนั้นแหละ ยิ่งศึกษา ยิ่งเข้าหาผู้รู้ ยิ่งเจอธรรมปลอมๆ ยิ่งเข้ารกเข้าพงไปกันใหญ่

    ส่วนที่ถูกก็ตามที่ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านสอนนั่นแหละครับ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 สิงหาคม 2023
  6. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    เล่าได้สนุกดีครับ..อ่านแล้วได้
    แง่คิดหลายมุมดี.มีประโยชน์ด้วยครับ..
    แล้วปัจจุบันนี้สายตาดีขึ้นหรือยังครับ
     
  7. solardust

    solardust เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    250
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,771
    เรื่องสายตาสั้นกับเอียง ไม่ได้ดีขึ้นแต่ก็ไม่ได้แย่ลง
    ส่วนความมัวของสายตา รู้สึกว่าดีขึ้นเยอะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ตุลาคม 2013
  8. torelax9

    torelax9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +527
    ผมก็เคยฝึกผิดๆ แต่เป็นโอทากสิณ หากอยู่บ้านก็เพ่งกระดาษดวงกลมสีขาวแปะกำแพง แต่ตอนนั้นยังวัยรุ่น ทางบ้านไม่ให้ฝึก เลยมักไปฝึกที่สวนหลวง ร. 9 แล้วไม่มีอุปกรณ์ ก็เพ่งดวงอาทิตย์แสงดวงกลมขาวๆนั้นแหละ พยายามให้เงาของดวงอาทิตย์ติดที่จอรับภาพในลูกตา เพ่งตอนแสงจ้าๆ เพราะอยากได้สีขาว แม้กระทั้ง 11 โมง หรือบ่าย 2 ฝึกทั้งวัน ตั้งแต่สวนหลวง ร9 เปิด ฝึกจนยันสวนปิดตอนค่ำยามเป่านกหวีดไล่ คนอื่นมานั่งที่ศาลา บางทีเราก็เขินก็แอบ นอนฝึก นอนฝึกก็ง่วงหลับจนกลายเป็นหลับเกือบทั้งวัน ไปฝึกเกือบทุกวันตอนนั้นเพิ่งเริ่มสนใจธรรมะใหม่ๆอยากได้ฤทธิ์เด่นกว่าชาวบ้านเค้า ทำเพราะความอยากแท้ๆ นึกย้อนหลัง แล้วยังเสียว รอดตาบอดมาได้ไง อาจรอดมาได้เพราะความเขินคน+จับจดด้วย คือทำกรรมฐานหลายกองหลายสำนัก กลัวว่าจะไปได้ช้า จนทุกวันนี้ก็ฝึกยังไม่ถึงไหน ยังไม่ได้เข้าเนื้อหาจริงๆ แต่เอาจริงๆน้อยกองลง เลือกเฉพาะที่ชอบจริง สบายตัว ลมหายใจ+มีสติในกายในกาย. นี้เป็นประสบการณ์และแนวคิดการฝึกที่ผิดๆของผม คือทำตามความอยาก วางใจหนักไปตามความอยาก เลยไม่ก้าวหน้า. หลักการเจริญกสิณที่อ่านจากในนี้นะ จากคุณ Solardust คุณ นพ และพี่ๆใจดีท่านอื่นๆ. ควรมองกสิณแค่แว๊บเดียว 2-3 วิ ให้พอจำได้ ใช่ไหมครับ? ตอนนั้นผมฝึกผิดมองเพ่งแบบนานๆ เป็น 10 นาทีขึ้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ตุลาคม 2013
  9. solardust

    solardust เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    250
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,771
    ใช่ครับ มองแค่พอจำได้
     
  10. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    ดีใจด้วยครับ..ทุกวันนี้เป็นไงบ้างครับ.พอจะใช้กสิณไฟได้
    บ้างหรือยังคับ.มีเรื่องเล่าให้ฟังแลกเปลี่ยนดังนี้ครับ.ถือว่าเล่าสู่
    กันฟังนะคับ.มิได้มีเจตนาที่เป็นอกุศลจิตใดๆแอบแฝงครับ..
    เพราะอ่านที่คุณ.เขียนมาแล้วแสดงว่าคุณเริ่มเห็นแล้วว่าตัวเองมีข้อเสียอะไรบ้าง.
    และยังมีเจตนาดีมาแนะนำเพื่อเตือนบุคคลอื่นๆด้วย.
    เลยมีความรู้สึกว่าน่าจะถึงเวลาที่จะเล่าให้คุณได้แล้ว.

    และผมก็ผ่านการอนุมัติจากพระอาจารย์ในดงให้อนุญาตให้พูดแล้ว..
    และขณะที่กำลังเขียนจะพยายามรักษาภาพท่านไว้ไม่ให้หายจากจิตตลอดคับ
    .จริงๆกสิณไฟ.นอกจากใช้เป็นฐานในการยกกำลังสมาธิเพื่อไป
    วิปัสสนาในโหมดละเอียดแล้ว..
    ถ้าใช้ในทางที่มีประโยชน์ทำ
    อะไรได้หลายๆเลยครับ..แต่จำเป็นที่เราจะต้องมีกสิณกอง
    อื่นๆมาหนุนด้วยครับ..ถึงจะใช้ให้เกิดประโยชน์นะเวลานั้นเต็มที่
    ถ้าเป็นไปได้.ในช่วงที่ฝึกสร้างกำลังจิตที่มีกสิณไฟด้วยนั้น

    ควรใช้กสิณน้ำมาคุมด้วยครับ.ถ้าแนะนำนะครับ.
    อยากให้มาเริ่มด้วยกสิณน้ำก่อนดีกว่าครับ.เพราะว่าพอเข้าใจสภาพ
    อารมย์ของการใช้กสิณไฟได้ จากตอนที่โดนทางภพภูมิมาทดสอบตัวเองถึงในห้องพักแบบ
    ลืมตาเห็นๆนะครับ.ค่อนข้างมีผลต่อดวงจิต.มีผลต่อสภาพร่างกาย
    .และสภาพของจิตใจค่อนข้างมาก
    ปกติแล้วโดยส่วนตัวก็เป็นคนค่อนข้างใจดีและก็พอ
    มีเมตตาบ้างเรียกว่าอุทิศส่วนกุศลให้วิญญานบ่อยมาก
    ไปเคยคิดกลัวและไล่เลยด้วยซ้ำ
    .ต้องใช้เวลาตามดับอารมย์ตรงนี้ถึง วันเต็มๆ
    กว่าจิตใจจะกลับเข้าสู่สภาพปกติได้.
    ยกว่าคุณจะตั้งเป้าเพื่อใช้กสิณไฟไปต่อยอดสมาบัติ ไม่ว่ากันครับ

    เด่วคุยเรื่องนี้ต่อให้ฟังครับ
     
  11. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    ต่อครับ..
    ถ้าถึงปฏิภาคนิมิตรแล้วอฐิษฐาน
    ผลก็จะออกมาอีกแบบ..เพียงแต่ว่าการใช้งานในแบบการอฐิษ
    ฐานจิตต้องอาศัยความสม่ำเสมอในการฝึกซ้อมพอสมควร.เพราะ
    ถ้าอยากจะใช้งานได้ก็ต้องทำแบบลืมตาให้ได้.เราจะพัฒนาไปถึง
    ขั้นนั้นค่อนข้างมีองค์ประกอบหลายอย่างมากโดยเฉพาะเรื่องของระดับ
    กิเลสที่มีอยู่ในจิต.และที่สำคัญตัวปฏิฆะแทบไม่มี

    ส่วนตัวกว่าจะสอบผ่านแค่ระดับยอมรับได้จากทางภพภูมิก็สอบตกไป ๑๑ รอบ ฮ่าๆๆ
    หลังเริ่มรู้ตัวบททดสอบยิ่งแยบยล..
    ทุกวันนี้ก็ยังสอบตกประจำ ฮ่าๆๆ.
    ที่พูดอย่างนี้ได้เพราะท่านที่แนะนำหลักการฝึกให้แม้ท่าน
    จะบอกว่าท่านมาทางสติปัฏฐาน ๔ และมโน.และไม่ได้มาสายนี้แต่ท่านก็มีเมตตามากๆแนะนำ
    ให้ชนิดที่ว่า ส่วนตัวยังไม่ได้ทันจะถามประเด็นที่อยากทราบด้วยซ้ำ.
    .
    เป็นหลวงตาท่านหนึ่งที่สระบุรี.หลังจากนั้นอีก วันก็
    มีครูบาร์อาจารย์เป็นพระสายเดียวกับ
    ท่านแต่ตอนนี้ท่านละสังขารไปแล้วมาสกิดที่ไหล่และถามว่าตกลงจะฝึก
    ไม่ฝึก ครั้งท่านนี้คุณก็รู้จักดีแต่ส่วนตัวไม่กล้าพูดชื่อท่าน.ท่านก็เมตตา
    มาสอนเทคนิคต่างๆให้

    .เลยโดนบททดสอบค่อนข้างบ่อย..
    .เอาว่าแม้เราจะใช้ป้องกันตัวในส่วนภพภูมิท่านยังถือว่าไม่ผ่านเกณฑ์ครับ
    ต้องประเภทว่าเราต้องยอมตายไปเลย.
    ส่วนมากที่สอบผ่านจะเป็นพระทั้งนั้นครับ.
    และการใช้งานแบบอฐิษฐานจิตแบบลืมตาได้ก็เป็นพระซึ่งไม่ต้องบอกคุณก็รู้ว่ารูปไหน

    เด่วมีอีกตอนครับ
     
  12. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    ตอนจบครับ.แต่ถ้าเราอยากจะเอาพลังงานกสิณในส่วนที่เป็นนามธรรมแล้วดึงขึ้นมาเป็นรูปธรรมที่พอจับต้องได้นั้น.
    ต้องพยายามไปบังคับนิมิตรกสิณในโหมดปฏิภาคให้ได้ครับในแบบหลับตา
    หรือลืมตาขึ้นมาบังเอิญก็ต้องคิดบังคับให้ได้เป็นหลัก
    ..แต่ว่าต้องฟิตหน่อยนะครับ

    .บางครั้งนั้งไป ชั่วโมงเข้าไปจุดนั้นได้เพียงแค่ไม่กี่วินาที แต่ถ้าทำได้บ่อยๆ
    ในโหมดนี้.กสิณในโหมดเดียวกันจะสามารถกลับมาใช้งานได้นี่คือข้อดีอีกอย่าง
    ที่เราสามารถเริ่มจากการฝึกในระดับนี้แค่กองเดียว..
    และกสิณอะไรก็ตามที่เราทำได้ในปฏิภาคในโหมดหลับตา พอเราลืมตาถ้าเราตัดปฏิฆะให้เหลือน้อยที่สุดได้.
    จะสามารถดึงพลังงานขึ้นมาได้ในขณะลืมตาได้ง่าย เพียงแค่เรานึกหรือใช้คำภาวนาในโหมดนั้นๆ..

    ถ้าดึงขึ้นมาแล้ว.เราต้องรู้จักการรวมพลังงานให้ได้ก่อน
    และฝึกแยกฝึกสังเกตุเพื่อแยกลักษณะของพลังงานด้วยครับ.แล้วคุณ
    ไปดูรูปแทนพลังงานกสิณต่างๆ คุณจะร้องอ้อออ ได้อย่างไม่สงสัยเลยครับ
    ว่าทำไมเค้าถึงต้องวาดรูปแทนอย่างนั้น.พอรวมได้ ก็มาถึงการหนุนเพื่อการส่งพลังงานนั้นๆ..พอเราเริ่มส่งพลังงานนั้น
    ได้ต่อไปเราจะดึงพลังงานนั้นได้ด้วย.ถึงจุดนี้เราจะสามารถเริ่มใช้งาน
    แบบลืมตาได้แล้วครับ และต่อไปจะสามารถส่งไปยังที่ไหนก็ได้ครับ.แต่ส่วนมากเราจะใช้
    ในกรณีที่เราจะรักษาโรคง่ายๆบางชนิด กับบุคคลที่เราแค่สามารถนึกหน้าออกเราจะสามารถดูดและอัดพลังงาน
    กลับเพื่อเสริมให้เค้าหายได้ทันที

    .และจะสามารถรักษาโรคได้บางชนิด เช่น ปวดหัว ตัวร้อน หรือมีอาการไข้ หนาวสั่น..หรือเดินพลัง
    งานปรับสมดุลย์ร่างกายตัวเองได้.รวมกรณีสำหรับในการส่วนของการช่วย
    คนที่โดนวิญญานไม่ดีด้วย(ประเด็นนี้มีรายละเอียดปลีกย่อยค่อยว่ากันทีหลัง)
    .ส่วนบางโรคเช่นโรคกระดูกต้องอาศัย
    การฝึกซ้อมและฝึกฝนการสร้างกำลังจิตให้เข็มแข็งยิ่งขึ้นเรื่อยๆ หรือการ
    สร้างความหนาแน่นให้พลังงานกสิณที่เรียกขึ้นมา เรียกว่าถ้าเรียกมาวาง
    บนมือได้.และเราออกแรงกดให้มือชนกันไม่ได้นั่นหละครับ.
    จะทำให้ใช้งานได้ดี.ณ จุดนี้ก็ขึ้นอยู่กับเพียรส่วนบุคคลครับ

    พวกนี้เป็นพลังที่มาจากจิต.จะไม่เสื่อมตามสภาพร่างกายเราด้วยครับ.
    ต่อมาจะสามารถพัฒนามาสร้างเป็นเกราะพลังหมุนรอบๆตัวได้ด้วย
    .อย่างที่พระธุดงค์ท่านใช้เวลาท่านอยู่ในป่าเพื่อป้องกันความหนาว หรือคลาย
    ความร้อนนั่นหละครับ..ยังไงอ่านๆที่เขียนดูนะครับ.อาจจะยาวๆหน่อย
    แต่ถ้าเข้าใจตรงนี้ก็ไปเร็วเลยครับ..และหวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยครับ

    ปล. แค่เพียงแต่เล่าให้ฟัง..
     
  13. solardust

    solardust เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    250
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,771
    ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ
     
  14. TeerapunPor

    TeerapunPor สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2017
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    ขอโทษนะครับ ผมสามารถติดต่อคุณได้ทางไหนบ้าง พอดีมีเรื่องอยากปรึกษาเกี่ยวกับแม่ของผม ท่านนั่งสมาธิจนมีอาการแปลกๆ ผมพยายามหาดูแล้วคิดว่าน่าจะเกิดจากกรรมฐานแตกหรืออะไรทำนองนี้ ผมไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้เลย ถ้าสะดวกติดต่อกลับทาง por_terapun@hotmail.com ทีนะครับ
     
  15. นรวร มั่นมโนธรรม

    นรวร มั่นมโนธรรม สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2017
    โพสต์:
    188
    ค่าพลัง:
    +113
  16. จันทิพา

    จันทิพา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    114
    ค่าพลัง:
    +460
    ขอคำแนะนำได้มั้ยคะ พอดีสนใจกสินมานานแล้ว ก็คล้ายๆกับเจ้าของกระทู้นี้น่ะค่ะคืออ่านเจอในหนังสือรู้สึกว่าชอบ ก็เลยฝึกเอง เพ่งเอง เพ่งไฟ น่ะค่ะ จนปวดตา เดี๋ยวนี้สายตาสั้น และเอียงค่ะจนเลิกฝึก 555 (ฝึกเองเมื่อประมาณ 20 ปีก่อน) มาอ่านเจอในหนังสือของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ เกี่ยวกับกสินแต่ก็ยังไม่เข้าใจ แต่ดิฉันจะเอาจิตจับภาพพระน่ะค่ะ ตามหลวงพ่อสอนที่ให้เห็นพระทั้งหลับตาลืมตา แต่อยากฝึกกสินมาก ชอบกสินไฟ ขอคำแนะนำหน่อยค่ะว่าควรจะเริ่มยังไงน่ะค่ะ ขอบพระคุณค่ะ
     
  17. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    ๑ต้องปรับระบบหายใจและ(ปรับใหม่ด้วยการทำความรู้สึกรับรู้ว่ามีลมกระทบเข้าออกหยุดที่ปลายจมูกพอ แต่หายใจลึกถึงท้อง(เข้าพองออกยุบ)แต่ห้ามตามลมหายใจ เวลาหลับตาให้โน้มตาปกติมองที่ลิ้นปี่มันจะรู้สึกว่ามีช่องทางมองเหนือคิ้วช่องเดียวเอง ไม่งั้นถ้ามองแบบตาคู่เหมือนเดิมการสร้างภาพมันจะไปดึงสัญญาในสมองมาทันทีและจะเป็นอย่างที่เป็นนั่นหละครับ

    ๒ให้ตัดการปรารถนา
    ให้เกิดสิ่งพิเศษๆให้เกิดขึ้นกับตนเองออกให้หมดครับ ตั้งเป้าหมายเพื่อทางธรรมหรือคนอื่นๆนะครับ ถ้าไม่ทำ ตัวสัมผัสภายในมันจะดึงให้จิตเกิดพร้อมใช้งานเพื่อสนองตนเอง ซึ่งมันคือตัวขวางตัวเป้งครับ.


    ปล มองผ่านเหนือคิ้ว ไปบนอากาศ คือวิธีตรวจสอบว่าตาเริ่มใช้ได้ยัง ถ้าพอมีขอบบ้างไม่ต้องใช้วัถตุแล้วครับ ถ้าใช้วัถตุให้มองแล้วหละสายตานะครับ ไม่ได้มองมันเอาโล่ห์จนตาแดงนะครับเราไม่ได้ฝึกตบะครับ ๕๕๕

    ส่วนทริคและข้อควรระวังอื่นๆ อ่านที่เคยเขียนไว้ก่อนได้ครับ ยอกจนถึงระดับเริ่มต้นใช้งานได้แล้วครับ
     
  18. solardust

    solardust เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    250
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,771
    อ่านดูแล้วเหมือนผมจะลืมอธิบายเรื่องนิมิตไปนะครับ

    ...เอาตั้งแต่ต้นเลยแล้วกัน

    เริ่มแรก เริ่มที่การมองไฟ
    ลืมตามองไฟแต่ละครั้ง อย่าใช้เวลานาน มองแค่พอจำรูปร่างลักษณะของไฟได้ แล้วหลับตาลง
    จากนั้นพยายามนึกถึงภาพไฟที่มองไปเมื่อสักครู่นี้ พอนึกไม่ออกแล้วก็ค่อยลืมตาขึ้นมามองใหม่
    มองแค่พอจำรูปร่างหน้าตาของไฟได้แล้วก็หลับตาลง นึกถึงภาพของไฟต่ออีก วนไปเรื่อยๆ
    ถ้ามองนาน จ้องนาน จอรับภาพในลูกตาจะมีปัญหาเอานะครับ

    ต่อด้วยนิมิตในอุคนิมิต
    เวลาเรานึกถึงไฟในย่อหน้าแรก มันจะมืดๆนะครับ ไม่เห็นอะไรเลยนี่เป็นเรื่องปรกติ
    แต่พอใจเรานิ่งถึงอุปจารสมาธิ ภาพของไฟจะปรากฏชัดขึ้นมาทันที เป็นไฟที่มีอาการไหวไปมาเหมือนไฟจริงๆ
    สีสันเหมือนไฟจริงๆ

    ตามด้วยปฎิภาคนิมิตที่ฌาน 1-3
    พอเราใจเรานิ่งเข้าถึงอัปนาสมาธิ การไหวของไฟจะหยุด สีของไฟจะเป็นสีขาว
    และจะออกใสขึ้นเรื่อยๆตามระดับของฌานที่เข้าถึง

    จบที่ปฏิภาคนิมิตของฌาน 4
    ไฟจะนิ่งไม่มีอาการไหวเหมือนเดิม สีจะใสขึ้นขาวขึ้น แล้วจะมีประกายระยิบระยับจับอยู่รอบๆกองไฟ
     

แชร์หน้านี้

Loading...