ลักษณะภรรยาที่ลงนรกและขึ้นสวรรค์

ลักษณะภรรยาที่ลงนรกและขึ้นสวรรค์


พุทธองค์ตรัสถึงลักษณะของ ภริยาของบุรุษนั้นมี ๗ จำพวก....ดังนี้

๑. ภริยา ที่จิตคิดประทุษร้ายสามี ประพฤติในสิ่งที่เป็นโทษต่อสามี ยินดีรักใคร่ในบุรุษอื่นดูหมิ่นล่วงเกินสามี และขวนขวานขวายเพื่อจะฆ่าสามี เพื่อต้องการมีใหม่ นี้ชื่อว่า ...วธกภริยา คือ ภริยาดุจดังเพชรฆาต

๒. ภริยาที่ไม่รู้จักเก็บงำ ทรัพย์สินใด ๆ ที่สามีหามาได้โดยยาก ปรารถนาเพียงแต่จะใช้จ่ายทรัพย์ให้หมดสิ้นไป เงินเดือนออกเมื่อไหร่เป็นว่ารอเฝ้าที่หน้าสำนักงาน เก็บเรียบ งกคนเดียว นี้ชื่อว่า โจรีภริยา ภริยาดุจดังโจร

๓. ภริยา ที่ไม่ปรารถนาทำการงานใด ๆ เกียจคร้าน กินจุ จุกจิก หยาบช้า ดุร้าย ปากคอระรานไปทั่ว กดขี่ข่มแหงผู้คอยรับใช้ นี้ชื่อว่า อัยยาภริยา คือ ภริยาดุจดังเจ้าของ

๔. ภริยาที่มีจิต โอบอ้อม อารีย์ บำเพ็ญประโยชน์เกื้อกูล ทุกเมื่อ ดูแลสามีดุจมารดาดูแลรักษาบุตร รักษาทรัพย์ที่สามีหามาด้วยความลำบากไว้ได้ จัดการ ใช้จ่ายอย่างเหมาะสม นี้ชื่อว่า มาตาภริยา ภริยาดุจมารดา

๕. ภริยา ที่มีความเคารพต่อสามี มีความละอายแก่ใจปฏิบัติตามหน้าที่ และตามความพอใจของสามีดุจน้องสาว ไม่ขัดขืน มีความเคาพต่อสามีเยี่ยงพี่ชาย นี้ชื่อว่า ภคินีภริยา ภริยาดุจน้องสาว

๖. ภริยา ที่มีจิตร่าเริง เมื่อเห็นหน้าสามีคล้ายกับเห็นเพื่อนสนิทมิตรสหายผู้จากกันไปนาน เป็นผู้รักษาวงศ์ตระกูล ปรนนิบัติต่อสามีเสมอต้นเสมอปลาย นี้ชี่อว่า สขีภริยา ภริยาดุจเพื่อน

๗. ภริยา ที่ไม่มีความโกรธ แม้ถูกขู่ ถูกคุกคามต่างๆ ด้วยชีวิตหรืออาชญา หรือถูกสามีทุบตีทำร้ายนานา ก็ไม่มีจิตประทุษร้ายตอบ อดกลิ้นต่อสามี ยอมตาม อำนาจสามีเสมอ นี้ชื่อว่า ทาสีภริยา ภริยาดุจทาส

จากนั้นพระพุทธองค์ทรงสรุปว่า ภริยา ๓ จำพวกต้นนั้นเมื่อล่วงลับไปแล้ว..ย่อมบังเกิดในนรก ส่วน ๔ จำพวกนอกนั้นย่อมไปบังเกิดในเทวโลก ชั้นนิมมารนรดี

 

แหม่....นี่ถ้าท่าน จขกท. จะเอาลักษณะของสามีที่ลงนรกและขึ้นสวรรค์มาลงด้วยก็ดีนะคะ
เพื่อความเท่าเทียมกันค่ะ ^ ^

 

ก็เหมือนกันแหละครับ ลองสลับ สามีมาเป็นภรรยา

 

ข้อ 7 รับไม่ไหว ลงก็ลงวะนรกอะ ปล่อยให้ทุบตีได้ไง จะขึ้นสวรรค์หรือลงนรกก็ไม่ใช่กริยาแบบนี้

 

ชิบมีๆๆๆแล้วกู ตบผัวเช้า เย็น

 

อ้าวเป็นผู้หญิงเหรอคะ
คิดว่าผู้ชาย
ชื่อห้าวหาญมาก

 

น่าจะเอาของสามีบ้างนะคะ สามีที่ทำดีกับคนไกลตัวทำชั่วกับคนใกล้ชิดจะได้รู้ว่าต้องไปไหนกันบ้าง

 

สมัยก่อน ภรรยากราบสามี เพราะก่อนนั้นบิดามารดาเลี้ยงดู เมื่อแต่งงาน
สามีก็เลี้ยงดู จึงเสมือนสามีรับมาดูแลเช่นที่พ่อแม่ดูแล การที่ภรรยาจะต้องสำนึกบุญคุณและตอบแทนคุณช่วยเหลือดูแลสามีก็เป็นสิ่งสมควร

แต่สมัยปัจจุบัน

ภรรยาทำงานทั้งนอกบ้านและในบ้าน บางครั้งเงินเดือนมากกว่าสามี ความรู้มากกว่า ทำงานนอกบ้าน ในบ้านก็ไม่มีผู้ใดสนใจ เผลอๆก็ต้องเลี้ยงลูกเอง หน้าที่ภรรยาในปัจจุบันเสมือนเป็น 1.นางบำเรอ 2.ขี้ข้ารับใช้สามีและบุตร 3.หาสมบัติ 4.ลำบากในขันธ์มากกว่าบุรุษเช่น เป็นฝ่ายมีครรภ์ และประจำเดือน และสรีระก็อ่อนแอกว่าแต่ทำงานของโลกสารพัด

สตรีสมัยนี้ที่ฉลาดก็ควรจะรู้เท่าทันในกามราคะ ถือเอาทุกข์เหล่านี้มาพิจารณาปล่อยวางกามฉันทะทั้งหลาย เมื่อทุกข์ในขันธ์มีให้ดูมากกว่าอยู่แล้ว ภาระเลี้ยงดูขันธ์ตน บิดามารดาตน ภาระในหน้าที่การงาน ก็มากพอแล้ว ก็ควรปล่อยทุกข์อื่น ตั้งใจดำเนิน มรรค ผล นิพพาน ให้แจ้งในชาตินี้ (ปฏิบัติสุดกำลังใจตลอดชีวิต) ความรักมันไม่มี มันมีแต่กามตัณหา เมาอารมณ์ที่ตนสร้างขึ้นมาจากการหลงขันธ์ตนเองและหลงขันธ์ผู้อื่น ผู้ที่รักเราจริงคือพระพุทธเจ้า พระองค์ไม่เคยว่าใคร ไม่เคยหยามใคร ไม่เคยดูถูกเพศไหน แต่ประทานธรรมสำหรับบุคคลในสถานะต่างๆให้บรรลุธรรมได้ถ้วนหน้า กรรรมฐาน 40 กอง คุมทุกจริตแล้ว ทุกอย่างพร้อมบริบูรณ์ เหลือแต่ปฏิบัติให้จริงเท่านั้น

ขอให้โชคดี

 

เป็นทาสีภริยา หรือภริยาดุจทาสนี่คงจะไม่ไหว เพราะทั้งสามีและภรรยาก็น่าจะให้เกียรติไม่ประทุษร้ายซึ่งกันและกันนะ มีจิตใจเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณธรรมซึ่งกันและกัน เมตตาและให้อภัยต่อกัน ชีวิตคู่ก็มีความสุขแล้ว

 

ทุบตีภรรยานั้นไม่แปลก แต่ที่แปลกคือ ภรรยาดีแล้วสามีทุบตีนี่แสดงว่า สามีเลวแท้ ภรรยาเมื่อตายแล้วควรจะขึ้นสวรรค์ แต่ปัจจุบันผุ้หญิงมันอวดเก่ง คิดว่าดีเกิน ขนาดเีรียนจบๆมา ขอเงินพ่อแม่ทั้งน้าน มันเลยถือตัว ถ้าเกิดมีสามี แล้วสามีทุบตี ตายไปก็แค่สัตว์นรก เพราะมันก็ไม่ใช่คนดีอะไร คนดีผู้ชายไหนจะกล้าทำ ทุกวันนี้ผู้หญิงที่เห็นๆมีแต่สัตว์นรกมาเกิด แต่ถ้าเป็นสมัยก่อนน่าสงสาร เพราะเป็นคนดีแต่สามีกลับทำร้าย สมัยนี้ผุ้หญิงร้าย สามีสอนก็บอกสามีเลว เอ่อ สัตว์นรกมันเยอะ นี่ขนาดพระพุทธเจ้าบรรยัติข้อ 7 ไว้ มันยังเถียง สมแล้วที่มาจากนรกมาเกิด

 

แต่เท่าที่ดู สมัยนี้ ภริยาเป็นแบบผสมผสานน่ะ อิอิ แล้วแต่ช่วงเวลา เหตุการณ์ ในตอนนั้น

 

555555ยังไงๆๆคะ ? แบบว่าข้างขึ้นรับบทเป็นผัว ส่วนข้างแรมรับบทเป็นเมียใช่ไหมคะ?

 

๗. ภริยา ที่ไม่มีความโกรธ แม้ถูกขู่ ถูกคุกคามต่างๆ ด้วยชีวิตหรืออาชญา หรือถูกสามีทุบตีทำร้ายนานา ก็ไม่มีจิตประทุษร้ายตอบ อดกลั้นต่อสามี ยอมตาม อำนาจสามีเสมอ นี้ชื่อว่า ทาสีภริยา ภริยาดุจทาส

โอ้โห คนที่๗นี่สุดยอดมาก
ขนาดพระโสดาบันยังมีอารมณ์โกรธอยู่เลย
เมตตาสุดยอดเลยครับ
สมแล้วที่อยู่อันดับ๗
: } 

 

นาย ดอกบัว อ่านให้ดีๆๆ พระพุทธเจ้าท่านกล่าวถึงคุณลักษณะผู้ภริยา ไม่ใช่บัติญัติ ท่านคงไม่บัญยัติให้ผู้ชายมาทุบตีผู้หญิงหรอกคะ จะสั่งจะสอนก็สอนดีๆซิคะ ทำไมต้องประแคนเท้าเข่า พอเอาคืนก็หาว่าเลว ยุติธรรมหน่อยซิจ๊ะ

 

ข้อ7.ไม่ไหวนะคะ ถ้าคนอื่นจะมาทำ พ่อแม่เลี้ยงมายังไม่ทุบตีทำร้าย ไม่ได้ขึ้นสวรรค์ก็เอาเถอะ

 

๗. ภริยา ที่ไม่มีความโกรธ แม้ถูกขู่ ถูกคุกคามต่างๆ ด้วยชีวิตหรืออาชญา หรือถูกสามีทุบตีทำร้ายนานา ก็ไม่มีจิตประทุษร้ายตอบ อดกลิ้นต่อสามี ยอมตาม อำนาจสามีเสมอ นี้ชื่อว่า ทาสีภริยา ภริยาดุจทาส

เพราะสังคมอินเดียกดขี่ผู้หญิงมาก
ถ้าใครเคยอ่านเรื่องบุหลัน เทวี ราชินีจอมโจร จะเห็นควาามเอารัดเอาเปรียบของสังคมอินเดียที่มีต่อผู้หญิงอย่างมาก
ผู้หญิงต้องอยู่ใต้อำนาจบังคับบัญชาของผู้ชายอย่างเดียว
ประเพณีและค่านิยมของคนอินเดียกดดันให้ผู้หญิงต้องแต่งงาน
ผู้หญิงบ้านไหนอยู่นาน ไม่ได้แต่งงาน จะถูกมองว่าเป็นตัวกาลกิณี
ครอบครัวและพ่อ-แม่จะอับอายมาก
ผู้หญิงคนไหนหย่าร้างจากสามีหรือสามีตาย จะถูกรังเกียจจากสังคมมาก จะอยู่กับครอบครัวของสามีก็ไม่ได้ จะกลับบ้านตัวเองก็ไม่ได้
ต้องอัปเปหิตัวเองไปเมืองวรินทาวัน ในรัฐอุตตรประเทศ ทางภาคเหนือของอินเดีย
เป็นที่รู้จักกันว่า “เมืองแม่หม้าย” เพราะเป็นที่พักพิงของแม่หม้ายชาวฮินดูนับหมื่น
ที่ครอบครัวไม่ยอมรับ
เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะถูกทุบตี ทำร้าย เอาเปรียบ ทรมานทรกรรม จากสามี
ขนาดไหนก็ต้องจำทน
นี่คือสังคมอินเดียสมัยปัจจุบัน ที่พิธีสตีถูกยกเลิกไปแล้วนะ ถ้าสมัยโบราณคงรุนแรงกว่านี้หลายเท่า


แต่ชีวิตผู้หญิงในสังคมบ้านเรา ไม่ได้ถูกกดดันอย่างนั้น
ถ้าเจอสามีบ้าพลัง ชอบเลี้ยงภรรยาด้วยกำปั้นและหน้าแข้ง
ก็น่าจะเลือกเป็นอิสระดีกว่า จะได้ไม่เป็นเวรกรรมต่อกัน
ถ้าขืนทนต่อไป คงหาทางขึ้นสวรรค์ยาก ถึงไม่โกรธ ใจก็ต้องอยู่กับความขมขื่นตลอดเวลา

 

แล้วภรรยาที่ โกหกสามีอยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะโกหกเรื่องเกี่ยวกับชายอื่น เช่น แอบคุยโทรศัพท์กับชายอื่น แอบเจอกับชายอื่น แอบ...กับชายอื่น (แม้แต่เพื่อนสนิทเราเองก็เอา) แอบมอง แอบส่งยิ้มให้ชายอื่น ทั้งที่กำลังเดินอยู่กับสามี พูดจาออดอ้อน แอ๊บแบ๊ว โปรยเสน่ห์ไปทั่ว ทั้งๆที่มีสามีแล้ว และลูกอีก ๒ (กับลูกกับสามี หาที่พูดจาดีๆได้ยากมาก นับครั้งได้เลย ตรงข้ามกับเวลาพูดกับคนอื่นหน้ามือเป็นหลังมือ)

ตัวอย่างคร่าวๆที่ยกมา มีทั้งเห็นกับตา และบางเรื่องก็มีหลักฐาน บางเรื่องปิดบังเรามาหลายปี เพิ่งมารู้ทีหลังก็มี พอจับได้ กลับปฎิเสธว่าไม่ได้ทำ ด่าเราประสาท เราบ้าไปเอง ใส่อารมณ์โทสะกลบเกลื่อน เบี่ยงประเด็นให้ทะเลาะกันเรื่องอื่นแทนก็มี

ทำของหาย ของพัง ทั้งโน้ตบุค โทรศัพท์มือถือ หูฟังบลูทูธ และอื่นๆอีกมากมาย

อย่างนี้จัดอยู่ในประเภทไหนครับ

เจอแบบนี้มา ๑๖ ปีแล้วครับ กลายเป็นผมเองที่กำลังตกนรกทั้งเป็น ดูเค้ามีความสุขดี ไม่รู้สึกอะไรกับสิ่งที่ทำเลยสักนิด

 

ภรรยาของคุณจัดอยู่ในภรรยาประเภทที่1

๑. ภริยา ที่จิตคิดประทุษร้ายสามี ประพฤติในสิ่งที่เป็นโทษต่อสามี ยินดีรักใคร่ในบุรุษอื่นดูหมิ่นล่วงเกินสามี และขวนขวานขวายเพื่อจะฆ่าสามี เพื่อต้องการมีใหม่ นี้ชื่อว่า ...วธกภริยา คือ ภริยาดุจดังเพชรฆาต

 

ง่ายๆเลยน่ะครับ จะสามีหรือภรรยา ถ้าไม่มีศีล5ก็ลงนรก ศีล5นี้คลุมหมดแล้วทั้ง7ข้อ

 

เขาบอกว่าผู้หญิงมีกรรม ก็คิดนะเพราะว่ามันมีช่วงเวลาที่ผู้หญิงอ่อนแออยู่ทุกเดือน
อดีต - ผู้หญิงต้องพึ่งพาผู้ชาย ผู้ชายจะทำอย่างไรก็ได้
ปัจจุบัน - ผู้หญิงไม่ต้องพึ่งพาผู้ชายก็ได้ แต่กลับมีผู้ชายมาพึ่งพาเพราะเป็น 4 อย่างหรือมากกว่าอย่างที่คุณ STha ว่ามา ถ้าไตร่ตรองให้ดี จะพบว่าอย่างไรผู้หญิงก็ลำบากอยู่ดี
ตั้งใจปฏิบัติดีกว่า ไม่ว่าหญิงหรือชายก็มีคนทำบาปทั้งนั้นเพียงแต่ต่างวิธีการกระทำเพราะข้อจำกัดบางอย่าง แต่เจตนา รัก โลภ โกรธ หลง ผิดศีลทำได้หมดทุกอย่างเหมือนกัน