จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

​

"พระพุทธเจ้าทรงศึกษามาแล้วจนจบจิต พวกเราที่ยังเป็นวัฏฏะ เวียนว่าย ตาย เกิดอยู่ก็ เพราะเราศึกษาจิตไม่จบ เพราะเรายังหลงจิตอยู่ ยังไม่รู้ว่าจะจับจุดพิจารณาอย่างไร ทำอย่างไรที่จะเข้าไปรู้ให้ถึงธรรมอันนั้น เพราะเรายังอยู่ในวัฏฏะ ความลังเลสงสัย ไม่แน่ใจ เพราะจิตไม่มีตัวตน ก็เลยไม่รู้ว่าจะมองดูอย่างไร จะจับอย่างไร จิตนั้นมีความโลภ โกรธ หลง อยู่ในนั้นอยู่แล้ว เราก็ไม่สามารถไปจับเขามาดู หรือมาบีบคั้นให้มันหมดไปได้อย่างไร

เมื่อไม่มีตัวตนเราก็ต้องใช้วิธีจับจิตแบบไม่มีตัวตนก็คือ ใช้การภาวนา เอาจิตเข้าไปไว้ตรงใดตรงหนึ่ง ให้จิตเป็นหนึ่ง เมื่อจิตใจจดจ่ออยู่เป็นหนึ่งก็ปรากฏความคิดขึ้นมา คิดไปเรื่องโน้นเราก็ตั้งสติ คิดไปเรื่องนี้เราก็รู้สติว่าเราคิดอะไร พอเรารู้ทันหนักเข้าๆ มันก็รวมเป็นใจว่าง ใจว่าง ใจสว่างนั่นคือ ตัวรู้ทันจิต ทำให้เกิดปัญญาญาณรอบรู้เท่าทันจิตตัวเอง เกิดความสุขสงบขึ้นมา.."

หลวงพ่อสนอง กตปุญโญ..

ที่มา FB​

 

​

 

​

 

จิตดวงเดียวท่องเที่ยวไป...

​

ที่มา FB​

 

หนึ่งตัวอย่างของ การสูญเสีย...
​

รักแท้ที่บริสุทธิ์และยิ่งใหญ่เกินสิ่งใด - Apinya Punya -

สุดแสนเศร้า อาลัย ดวงใจพ่อ
พ่อจ๋าพ่อ พ่อรู้ไหม หนูไปแล้ว
หนูเห็นพ่อ อุ้มร่างหนู แล้วร้องไห้
พ่อวิ่งไป พลางร้องบอก ให้คนช่วย
พ่อจ๋าพ่อ ใช่เพียงพ่อ ใจสลาย
ที่ใจหนู แตกดับ ไม่อยากจาก
พ่อของหนู พ่อคนดี ที่ยิ่งใหญ่
อยากบอกพ่อ แค่ร่างหนู ที่ดับสูญ
ส่วนดวงจิต ของหนูนั้น อยู่ที่พ่อ ชั่วนิรันดร์

ขอให้หนูได้ไปสู่สัมปรายภพตามที่ปรารถนาด้วยเทอญ

​

เมื่อวันอังคาร 10 ธันวาคม 56 เวลา 12.30 น. มีอุบัติเหตุรถพ่วง
18 ล้อ เฉี่ยวรถจักรยานปั่น 2 ล้อ ล้มแล้วทับที่ศรีษะ จนทำให้มี
ผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นเด็กชาย อายุ 12 ปี ที่เกิดเหตุบริเวณแยก
วัดละมุด ต.ห้วยพลู อ.นครชัยศรี ส่วนรถพ่วง 18 ล้อ หลบหนีไป
สภาพเด็ก กระโหลกศรีษะแตก ใบหน้าฉีกขาด สภาพศรีษะแหลก
เเต่ด้วยหัวใจผู้เป็นพ่อที่รักลูกชายอย่างหาที่เปรียบมิได้
อุ้มลูกชายเพื่อนำส่งโรงพยาบาล วิ่งไปพลางร้องไห้ และร้องเรียก
ให้คนช่วย ด้วยความหวังจะให้ลูกชาย ได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง


ที่มา FB - Apinya Punya - ​

พิจารณาให้เป็นกรรมฐานน่ะ (ได้ธรรมหลายอย่างเลยล่ะ ในภาพๆ เดียวนี้)

แล้วยังจะพากันกลับมาเอาอย่างนี้อีกมั้ย??

ขอขอบคุณภาพถ่ายและเรื่องราวอีกครั้งค่ะ...ขอบุญที่เกิดจากธรรมมะเป็นทานนี้ ส่งบุญให้ดวงจิตของน้องที่เสียชีวิตในภาพจงไปสู่สุขคติด้วยเถิด สาธุ​

 

ฉะนั้น..ไปนิพพานกันเถอะ..​

หลวงพ่อฤาษีลิงดำบอกว่า "การจะไปนิพพานเป็นของง่าย ไม่ใช่ของยาก ไม่ใช่ยากอย่างที่นักปราชญ์ในโลก เขาพูดกันเวลานี้ ตามคติของฉัน สอนคนหรือพูดให้คนเข้าใจง่ายนั้นดี และวิธีปฏิบัติเพื่อผลที่จะพึงได้ให้ง่ายที่สุดนั่นแหละดี เรียกว่าทำง่ายที่สุดและได้ผลมากที่สุด อันนี้ดีกว่า ดีกว่าหาวิธีการที่สอนให้มันยากที่สุดแล้วได้ผลน้อยที่สุด อย่างนี้ไม่ดี ไม่ใช่ความประสงค์ของฉัน คนไหนต้องการไปพระนิพพาน ก็เป็นของไม่ยาก คิดเห็นว่า โลกนี้ทั้งโลกไม่มีอะไรที่เราชอบ ไม่มีอะไรที่เรารัก เราไม่รักอะไร เราไม่ชอบอะไรในโลกนี้ แม้ร่างกายของเราเอง เราก็ไม่ชอบ ไม่รัก เพราะมันเต็มไปด้วยความทุกข์ เต็มไปด้วยความทรมาน แล้วให้ใคร่ครวญหาความจริงในโลก จะเป็นสิ่งมีชีวิตหรือไม่มีชีวิตก็ตาม มันมีสภาพทรงตัวได้ตลอดกาลหรือเปล่า ถ้ามันมีการเปลี่ยนแปลง มีการสลายตัว ก็ถือว่าโลกนี้ทั้งโลกหาความดีไม่ได้ แล้วก็หันมาคิดถึงกายของตัวว่า กายของเราเองนี่มันยังจะตาย ยังจะพัง เรายังจะปรารถนาอะไรภายนอกอีก เราไม่ต้องการ เราจะไปนิพพาน คิดเท่านั้นเพียงคืนละ ๑๐ นาที ลูกหลานทุกคนจะพ้นนรกหมด พ้นอบายภูมิ อย่างน้อยก็ไปกามาพจรสวรรค์ อย่างกลางก็ไปพรหมโลก อย่างดีก็ไปพระนิพพาน” ลูกหลานที่รักทุกคน ได้ยินหรือยัง ถ้าได้ยินละก็จำไว้นะ"​

ที่มา FB​

 

(เขียนได้ละเอียดมาก)
ขอโมทนาบุญกับคุณอุ๋ย หรือจิตบุญน้องใหม่ล่าสุดด้วยครับ
และก็โมทนาบุญกับครูแนท หรือครูผู้ฝึกสอนด้วย สาธุ

สำหรับตัวข้าพเจ้า มิต้องการสิ่งใด เพียงอยากตอบแทนบุญคุณของสมเด็จองค์ปฐม
หรือท่านพ่อ และที่ลืมมิได้ก็คือ องค์หลวงพ่อฤาษีฯของพวกเรา ทุกท่าน
ข้าพเจ้าปรารถนาเป็นอย่างยิ่ง อยากเห็นผู้คนพ้นทุกข์ พ้นวัฎฎะของตนก็ยิ่งดีใหญ่
มาระยะหลัง เรามีบทเรียน การรับรองจิตผู้ปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบนั้น
ตอนนี้ฯ พวกเราจะไม่ทำตามใจใคร แต่จะทำหน้าที่บอก สอนธรรมเฉยๆ
แต่หน้าที่หลัก คือยกจิต ข้าพเจ้าได้ตั้งอธิษฐานจิตไว้กับท่านพ่อ หรือพระตถาคตเจ้าฯ
ให้พระองค์ท่าน มารับรองภายในจิตของผู้ปฎิบัติเอง

เพราะฉะนั้น จริงๆแล้ว จิตของคุณอุ๋ยนั้นยกตั้งนานแล้ว ไม่อยากยกเอง
แต่อยากจะให้ท่านพ่อ พระตถาคตเจ้า หรือหลวงพ่อมายกเอง
ช่วงหลังๆนี้ จิตบุญอาจจะเกิดยากสักนิด เพราะด้วยเหตุผลนี้ฯ

การรับรองจิตมนุษย์นั้น ไม่ว่าจะมาในนิมิต หรือในฝัน
เพราะจิตของผู้ปฎิบัติในขณะนั้น กำลังเจริญสติปัญญาครบสมบูรณ์อยู่นั้น
จำไว้นะว่า.. ถึงกายหลับ แต่จิตไม่มีวันหลับ จแต่จะตื่น รู้ เบิกบาน อยู่ภายในนั้น
แต่จะผิดกับผู้ที่ไม่เจริญมรรคมีองค์แปด จะหลับเป็นตายแล้ว ยังฝันต่างๆนานาได้
เพราะด้วยจิตคนที่ไม่ค่อยสงบ ไม่นิ่ง ไม่สำรวมก่อนนอนแล้ว ฝันทางโลกจะมากกว่า
อย่าลืมนะว่า กายกับจิต คนละส่วนกัน
แต่จะรู้ได้ด้วยตัวสติเท่านั้น ซึ่งจะเป็นผู้ทำหน้าที่อยู่ระหว่างตรงกายกับจิต
ได้แก่ รู้กาย รู้ใจ หรือ รู้กิเลสหยาบ รู้กิเลสละเอียด เป็นต้น

เพราะฉะนั้น สำหรับครูผู้สอนที่ยังออกจากขันธ์๕ หรืออยู่เหนือยังไม่ได้
ก็ไม่เป็นไร ขอให้มีกำลังใจสอนออกจากทุกข์ให้ผู้อื่น
แต่ถ้ายิ่งอยู่เหนือขันธ์๕ก็ยิ่งดีใหญ่ นอกจากจะมีกำลังใจใหญ่หลวงแล้ว
ยังนำพาดวงจิตทั้งหลาย ออกจากภัยวัฎสงสารแห่งตนได้เป็นอย่างดี
เพราะเรื่องบุญนั้น เราสามารถพึง หรือกระทำเพียงคนเดียวได้
แต่บารมีนั้น จะต้องเป็นงานช่วยผู้อื่น สงเคราะห์ผู้อื่น มิใช่ กระทำเพื่อตนเอง
กำลังใจอันหลังนี้ ต้องมีมากนะ ถ้าไม่อย่างนั้น ทำไม่ได้ อาจทำได้แต่ไม่นาน
ยิ่งถ้าทำเพื่อหวังอย่างใด อย่างหนึ่งละก็ ไปไวเลย
มีหลายคนอยากทำ แต่ไม่ได้ทำ ก็เพราะว่า กำลังใจ ต่างกัน นั่นเอง

ตราบใดยังมีลมหายใจ อย่าหยุด ภาวนา เพราะสิ่งที่มีค่ายิ่งกว่าชีวิตคนเรานั้นก็คือ
พระธรรมหรือคำสอนของพระพุทธองค์
ถึงแม้น พระตถาคตเจ้าสิ้นไปกว่าสองพันห้าร้อยกว่าปีแล้วก็ตาม
แต่ก็ยังอยู่ในจิตของพระสงฆ์สาวกฯ และผู้ปฎิบัติทั้งหลาย รวมทั้งข้าพเจ้าด้วย
ตราบใด จิตยังไม่ถึงวิมุติ พวกเรายังต้องพึ่งพระรัตนตรัยไปตลอดกาล
สิ่งอื่นไม่มีความสำคัญใดๆอีกแล้ว ยิ่งยึดยิ่งหลงมาเกิดมากายหยาบ
การมีกายยหยาบ จึงเปรียบเสมือนเต็มไปด้วยกองทุกข์ทั้งปวงฯ

ขอให้จิตบุญ ทั้งเก่า ทั้งใหม่ หรือผู้เจริญทั้งหลายเหล่านี้
ขอให้เจริญในธรรม มีดวงตาเห็นธรรม พบแต่ความจริง ความเจริญยิ่งๆขึ้นไปด้วยเทอญ..สาธุ

ปล. โดยเฉพาะ จิตบุญใหม่เก่า พยายามละนามอันละเอียดยิ๊บๆของตนต่อไป ด้วยเถิดฯ สาธุ

 

คำสอนสมเด็จองค์ปฐม

"กำลังใจที่เข้มแข็ง ไม่ใช่กำลังใจที่เคร่งเครียด หากแต่เป็นกำลังใจที่ปฏิบัติธรรมแบบสบายๆ แต่มีความต่อเนื่องอยู่ในจิตใจเป็นปกติ คำว่าต่อเนื่องจักต้องมีทั้งสมถะ และวิปัสสนาควบคู่กันไป ความสุขและความทุกข์อันเกิดจากอายตนะสัมผัส จักต้องฉลาด นำมาเป็นกรรมฐานได้ตลอดเวลา จิตจักต้องทรงสติให้ทรงตัว โดยโจษจิตตนเอง เอาไว้เสมอๆ ระลึกให้ได้ว่ายังบกพร่องอยู่อย่างไรบ้าง"
​

ที่มา FB​

 

ขออนุโมทนาสาธุ กับครูน้องเกศที่นําธรรมะ ของหลวงพ่อฤาษีมาลง ท่านกล่าวไว้ อย่างถูกต้องจริงๆ เพราะการจะไปนิพพาน นั้นถ้าผู้ปฏิบัติจะไปจริงๆนั้นทุกๆคนก็สามารถทําได้ เพราะท่านพูดตามความจริง เพราะจิตเป็นผู้ไป ไม่ใช่กาย กายแตก-ดับ แต่จิตที่ไม่เกียวข้องผูกพันธ์ในสิ่งใดๆในโลกนั้นแหละ เพราะความไม่ยึดติดยินดีในสิ่งใดๆ โดยจิตเป็นผู้ปล่อยวางเอง

โดยไม่ต้องฝืนจิตเลย เพราะเราปฏิบัติถูกทางแล้ว จิตจะไม่เครียด ไม่บังคับตนเอง จะอยู่ที่ไหน จิตเขาจะดูเอง แล้วจะพิจารณาเอง ของเขาโดยอัตตาโนมัตินี่แหละที่หลวงพ่อ ท่านสอนไว้ เพราะผู้เขียนก็ได้เห็นในผลนั้นจริงๆ เพราะเมื่อวานได้พาครอบครัวไปชื้อของ คนเยอะแยะ เพราะใกล้คริตมาสต์ คนแต่ละคนก็มีความต้องการจะจับจ่ายชื้อของ ส่วนเราเห็นแล้วเกิดความเบื่อหน่าย ไม่เห็นอะไรๆๆสําคัญแล้ว จิตไม่ต้องการอะไรๆเลย เราก็เดินไปตามฝูงชน แต่จิตก็ถาวนาเขาไป มองเห็นอะไรก็พิจารณา เราก็คิดไปอีกในใจว่า เดินอยู่อย่างถ้าเจอเพื่อนเก่า ที่เราไม่ได้คุยกับเขามาช้านาน

และเป็นเวลาเจอกันล่าสุด เห็นจะประมาณ ๕-๖ ปีจะได้ ก็คงจะดี พอเราคิดแค่นั้นเดินไปหน่อย แล้วเข้าไปยืนอยู่ที่ร้าน เพื่อรอสามีจ่ายเงิน เจ้าสายตา มองไปเจอเพื่อนเก่าจริงๆ โอ๊ย..วิ่งเข้าไปกอดกันยังกะท่านพ่อจัดให้เลย...จริงๆ อดไม่ไหวเลยนํามาแชร์ค่ะ นี่แหละข้าพเจ้าขอยืนยันให้คําสอนที่หลวงพ่อท่านกล่าวไว้...อย่างถูกต้องและแม่นยํา ผู้ปฏิบัติตามท่านก็จะรู้เอง...เห็นเองค่ะ สาธุค่ะ

 

เมื่อจิตเข้าสู่ความบริสุทธิ์แล้ว เจโตฯก็จะกลายเป็นเจโตฯ จริงๆ
เจโตฯจะเกิดขึ้นได้เฉพาะ ผู้ปฎิบัติ ไม่ว่าพระสงฆ์หรือฆราวาส
แต่ผู้ปฎิบัติจะต้องเข้าให้ถึงความสงบแห่งจิตตนที่แท้จริงเเสียก่อนนะ
มันจะผุดขึ้นมาเองเลย ผุดแบบเราไม่ได้ตั้งใจ หรือนึกคิด
ถึงนึกคิดก็จักเป็นจริงได้ เช่น คำพูดศักดิ์สิทธิ์ หรือนึกคิดศักดิ์สิทธิ์ได้เช่นกัน
อารมณ์จิตตรงนี้ เหมือนไม่ใช่อารมณ์จิตของตน เมื่อก่อน
กล่าวคืออารมณ์มนุษย์
อารมณ์จิตตรงนี้ จะปราศจากนิวรณ์หรือกิเลสใดๆ ทั้งปวง มารวบกวน
ถึงรบกวนก็ไร้ผล คือไม่ถึงจิต ทอะไรจิตนี้ ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

ท่าทางท่านนี้ฯ ดูใกล้จะคลอดออกมาจากขันธ์๕ (รูปนาม) เต็มทีแล้ว

 

ตอนนี้เวลา 11.51 ทุ่ม ของคืนวันอาทิตย์ที่ 15/12/56 ไม่มีอะไรค่ะ แค่จะรายงานข่าวว่า บ้านเราอิสานตอนบน ฝนกำลังตกหนัก เพราะได้รับผลกระทบจากหางของดาวหางซีออน(ถ้าจำชื่อไม่ผิด) ความผิดปรกติของอากาศจะมีมาเรื่อยๆ แล้วน่ะ นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป...รึเปล่า?

รายงานเสร็จก็ขอตัวไปนอนก่อนเด้อจ้า...ไนท์ ไนท์sleeping_rb

 

สวัสดีคะ พี่ๆและเพื่อนชาวจิตบุญทุกๆท่าน ตูนน้อยมั่วแต่จำศีลอยู่ในถ้ำ(เน้นฝึกสิตให้ทันน้องจิตตามคำแนะนำของท่านพี่ภู ฝึกเข้ม )เลยไม่ค่อยได้มีเวลามาเยี่ยมเยียน พอได้ยินข่าวว่ามีจิตบุญถึงสองท่าน ตูนน้อนไม่รีรอต้องรีบเข้ามาอนุโมทนาบุญ กับจิตบุญทั้งสองท่าน และคุณคูรทุกๆๆท่าน ที่ตั้งใจช่วยเหลือ และแนะนำน้องจิตบุญทั้งสองท่าน ตูนน้อยขออนุโมทนาบุญกับจิตบุญดวงที่ 138 กับจิตบุญดวงที่ 139 คุณเกียรติ และคุณอุ๋ย ด้วยนะคะ โดยเฉพาะคุณอุ๋ยตูนน้อยดีใจอย่างยิ่งที่คุณพี่จิตยกแล้ว ไชโย ตูนน้อยได้เคยไปทำบุญร่วมกับคุณอุ๋ย คุณอุ๋ยช่างน่ารักและน้ำใจงามมากๆ วันนี้คุณอุ๋ยทำสำเร็จแล้วตูนน้อยดีใจด้วยนะคะ สาธุคะ

 

"คนเรานั้นถึงจะมีความรู้...ความสามารถ

...เฉลียวฉลาดมากอย่างไร...

...หากขาดความสำนึกรับผิดชอบ หรือ

...ขาดคุณธรรมในการดำเนินงานแล้ว...

-ก็ไม่สามารถประสบความสุข...ความเจริญได้...


...เพราะฉนั้น...คุณธรรมจึงเป็นสิ่งจำเป็นในการดำเนินชีวิต...

...คนเรานั้นหากไม่มีคุณธรรมเสียแล้ว...ไม่ว่าระดับไหนก็ตาม...

โดยเฉพาะในเรื่องของความเมตตากรุณา

-ความกตัญญูกตเวที...ซึ่งเป็นคุณธรรมพื้นฐานของมนุษย์ โลกมนุษย์เรา

...ก็คงขาดความร่มเย็นได้ยากเพราะต่างฝ่าย ก็คิดแต่เอาเปรียบกัน แก่งแย่งชิงดี

กัน โดยไม่หวั่นว่าใครจะเดือดร้อนเพราะการกระทำของตน.

...กับทั้งไม่คำนึงถึงคุณถึงโทษ พอโกรธขึ้นมาก็จะไม่มีความคิด"

...คำสอนของหลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม.กราบน้อมรับพระธรรมคำสอนเจ้าค่ะกราบๆๆๆๆ.

 

...เมื่อเกิดอะไรขึ้นกับชีวิต...

...อย่าคิดว่า...เป็นเรื่องของคนอื่นทำให้...

...อย่าคิดว่า....เป็นโชคชะตาราคี...

...อย่าคิดว่า...ดวงดี ดวงไม่ดี...

...อย่าคิดว่า...อะไรๆ มาทำให้เป็น...

-แต่จงคิดให้ถูกต้องว่า...ฉันเองแหละ...เป็นผู้ทำสิ่งนั้นเอง...

...คำสอนของหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ กราบน้อมรับคำสอนเจ้าค่ะกราบๆๆๆ.

 

​

​

 

​

นิพพานอยู่ที่ไหน?

นิพพานอยู่ที่ความบริสุทธิ์<WBR>ของจิต เมื่อไรที่จิตเข้าถึงความบร<WBR>ิสุทธิ์ คือ จิตดับจากความชั่ว ความสกปรกของจิตที่มีกิเลส ตัณหา อวิชชา อุปาทาน หลงในตัวเรา ตัวเขา ขังอยู่ สลัดตัดความชั่วที่ขังอยู่ใ<WBR>นจิตในใจทิ้งไปเสีย ความชั่วทุกอย่างหมดไปจากจิ<WBR>ตจากใจเมื่อไร เมื่อนั้นจิตก็เข้าถึงพระนิ<WBR>พพานทันที

กิเลสตัวใหญ่ 3 ประการนี้ เป็นสาเหตุให้จิตไม่สะอาด ไม่สามารถเข้าใจพระนิพพานได้<WBR> จึงเป็นเหตุให้มี...แต่ความทุกข์ยากลำบากกายใจ "พระนิพพาน ปรมัง สุญญัง" จึงแปลว่า พระนิพพาน คือ จิตที่ว่างจากกิเลส โลภ โกรธ หลง สุญญัง-ในที่นี้ คือ หมดสิ้นจากอวิชชา ตัณหา อุปาทาน โลภ โกรธ หลง สูญจากการเวียนว่ายตายเกิดนั่<WBR>นเอง

เมื่อเหตุทั้ง 3 ประการ นี้ว่างไปจากใจ ความสบายใจก็ปรากฏ ความผ่องใสของใจก็ปรากฏ เมื่อความสบายใจ ความผ่องใสปรากฏ องค์สมเด็จพระบรมสุคต จึงตรัสว่า

"นิพพานัง ปรมัง สุขัง" - การเข้าถึงพระนิพพาน ชื่อว่าเป็นความสุขอย่างยิ่<WBR>ง

ทีนี้ ถ้าจะถามกันว่า นิพพานมีสภาวะ หรือไม่มีสภาวะ? ตอนนี้ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เคยตรัสกับบรรดาพระที่เข้าไ<WBR>ปถามองค์สมเด็จพระผู้มีพระภ<WBR>าคเจ้า อย่างพระโมฆราช เป็นต้น พระโมฆราช เคยถามพระพุทธเจ้าว่า

"ภันเต ภควา - ข้าแต่องค์สมเด็จพระผู้มีพร<WBR>ะภาคเจ้าผู้เจริญพระพุทธเจ้<WBR>าข้า คนที่ถึงพระนิพพานนี้แล้ว ชื่อว่ามีสภาพสูญใช่ไหม? โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ คำว่าพระนิพพานนี้ ไม่มีนิมิต ไม่มีเครื่องหมาย ไม่มีที่อยู่อย่างนั้นใช่ไห<WBR>ม พระเจ้าข้า?"

สมเด็จพระบรมศาสดาจึงได้มีพ<WBR>ระพุทธฎีกาตรัสว่า

"ดูก่อน โมฆราช คำว่า นิพพานนี้ เป็นสถานที่พิเศษ คือ ไม่มีการเกิดอีก ไม่มีแก่อีก ไม่มีเจ็บอีก ไม่มีตายอีก ไม่ใช่สภาพสูญ" มีความสุขอย่างยิ่ง เป็นอิสระจากกฎของกรรม อิสระจากการเวียนว่ายตายเกิ<WBR>ด


Cr... พระธรรมคำสอน

 

ภาพนี้สวยมากครับ ติดตรึงอยู่ในจิตเสมอ
สาธุ

 

ขันเอย..ขันธ์ห้า​

เธอเห็นความจริง(ท้องฟ้า)นั้นไหม??​

พากันพิจารณากันเข้าไปๆๆๆ ตาเนื้อหน่ะ เห็นแล้ว รู้แล้ว...แต่จิตนี้มันรู้ มันเห็นรึยัง ถึงความเป็นจริงที่มีอยู่มานานแสนนาน พระพุทธเจ้าท่านได้ทรงค้นพบความจริงนี้แล้ว ตั้งแต่เมื่อสองพันหกร้อยปีก่อน ซึ่งไม่ได้อยู่ไกลที่ไหนเลย มันอยู่ที่เนื้อหนังมังสา ผม ขน หนัง ฟัน เล็บ และ อาการ 32 ในร่างกายเน่าๆ สกปรกๆ โสโครกนี้แหล่ะ...พิจารณาให้จิตเห็นถึงความน่ากลัวของการมีกายนี้ ไม่ว่าจะเป็นความน่ากลัวของทุกข์จากการเกิด ทุกข์จากการแก่ ทุกข์จากการเจ็บ ทุกข์จากการตาย...จิตมันจะได้ไม่ต้องพิศวาสในการกลับมามีร่างกายนี้อีก...​

ขอบคุณภาพจาก FB​

 

วันนี้ เป็นวันพระ ทําไม?ท่านจึงจัดให้มีวันพระ เพราะท่านผู้ฉลาดในธรรม ท่านรู้ล่วงหน้าแล้วว่า เดือนหนึ่งๆควรมีวันพระวันโกน เพื่อให้คนได้นึกถึงคุณงามความดี ของพระพุทธเจ้า และพระธรรม และพระสงฆ์ ได้ ทําหน้าที่ของท่านทุกๆ

วันพระจึงเป็นวันสําคัญ คือ เป็นวันรักษาจิตใจ ให้ปราศจาก สิ่งที่เป็นกิเลสที่จะเข้ามาก่อกวน เราจึงได้มีวันนี้ และขอให้ท่านทั้งหลาย จงได้นําธรรมคําสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามา ปฏิบัติเพื่อความสุข ความเจริญ ของทุกๆท่านด้วยเทอญ สาธุค่ะ

 

To...คนมีแฟน

​