จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ใครมีโทรศัพท์รุ่นนี้บ้างเอ่ย​

 

ก็นี้ไง๊...ว่าทำไมถึงต้องมีครูคอยช่วยดู...ว่าตัวเองฝึกยังไง เดินมรรคถึงไหนแล้ว เพราะยังไงสติก็ตามไม่ทันจิตกันสักคน ช่วงฝึก...

ที่เขียนเล่ามา ก็เหมือนเป็นการรายงานการบ้านไปในตัวน่ะค่ะ ดีมาก...

ถูกต้อง อาการที่บอกมา เป็นผลมาจากที่คุณมีสติมากขึ้นนั้นเอง อีกอย่างเป็นอาการหรืออารมณ์ของจิตที่อยู่ในสมาธิค่ะ(ซึ่งทราบได้จากภาพพระที่รายงานเข้ามา แต่ขอถามเพิ่มเติมให้ชัดเจนว่า..เห็นเป็นแก้วใสทั้งองค์พระที่ฐานบนหน้าอกคุณใช่มั้ย หรือ ใสแค่ตรงส่วนอกขององค์พระ) ขอย้ำน่ะว่า มันยังไม่ใช่ผล ยังเป็นแค่การเดินมรรคอยู่ อย่าเพิ่งหลงว่าดีแล้วน่ะ เพราะอาการอย่างนี้มันก็เป็นเพียงแค่หินทับหญ้า ยกหินออกเมื่อไรหญ้าก็กลับมางอกงามเหมือนเดิมเมื่อนั้น...ขอถามสมาธิที่ได้ในขณะนี้ เอามาใช้ประโยชน์ได้บ้างรึยัง...ขอเตือนน่ะว่า...ใครที่ฝึกสติยังไม่เข้มแข็งพอ ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อการเดินมรรคอยู่นี้ หลงติดสุขจากฌานกันงอมแงมมานักต่อนักแล้ว จากเหตุนี้แล ขอย้ำอีกครั้งว่า นี้แหล่ะ จำเป็นถึงต้องมีครู มีผู้ปรึกษา (ที่อาจจะไม่ใช่เราก็ได้ ใครก็ได้ที่สามารถให้คำชี้แนะปรึกษาคุณได้)...ฉะนั้น สำหรับคุณตอนนี้สติยังไม่พอค่ะ สติยังไม่ต่อเนื่อง เพราะจากที่บอกมาว่าหลุดบ่อย...ถ้าใครบ่นว่าจับภาพพระทั้งวันจับไม่ไหว คำว่า มรรคผลนิพพานก็ยังไกลโขอยู่เด้ออออ ถ้ายังขี้เกียจนึกถึงพระ นิพพานก็ขี้เกียจเข้ามาหาคุณๆ เช่นกัน....

คำว่าจับภาพพระทั้งวันนั้น คุณต้องทำความเข้าใจดีๆ น่ะว่า...ทำอะไรอยู่ให้มีสติแว๊ปนึกๆ ไม่ใช่ว่า ให้นั่งนอนจับภาพพระทั้งวันโดยที่ไม่ให้ทำมาหารับประทานอะไรเลยน่ะ

.แต่อาจที่ผมกิเลสยังเกาะเยอะ เกรงตัวเองจะยังไม่ถึงตรงนั้น..
..เลยถอยให้ห่างครูเกษก่อน เกรงจะไปขัดคนที่เค้ามาไวเป็นเร็ว

นี้คุณแสดงว่า คุณเข้าใจการเดินมรรคว่าเป็นอย่างไรค่ะ แค่นึกถึงพระให้เป็นสมาธิแค่นั้นก็พอใช่มั้ย การเดินมรรคก็คือ เราต้องสู้กับกิเลส สู้ด้วยสติ+ปัญญา ไม่ใช่นั่งหลับตาเฉยๆ แล้วกิเลสมันจะหายไปได้เองซะที่ไหนล่ะ แล้วที่บอกว่า เกรงตัวเองจะยังไม่ถึงตรงนั้น ถึงตรงไหนล่ะค่ะ? แล้วมีการบอกว่าเกรงจะไปขัดคนที่เค้ามาไวเป็นเร็ว ขอบอกว่างานนี้ วิ่งกันคนละเลนค่ะ ไม่มีโอกาสที่จะวิ่งมาขัดแข้งขัดขากันได้แน่นอน...โอ้ยย..ความคิดปรุงแต่งของคุณนี้สุดยอด คิดได้ไงเนี่ย..เหอะๆๆ ความคิดเลวๆ อย่างนี้ของตัวเอง มีสติตามเห็นมันทันมั้ยนั้น ฮ่าๆๆ

เอ้าๆๆ...ขอโทษทีหลายๆเด้อ ที่คราวนี้ถือโอกาสจัดหนักไปหน่อย เคาะอัตตามานะมันออกมาซิ จะหลุดลอกออกมาบ้างมั้ย อิๆๆ:z4:VO:z4

ถูกต้อง "จิตเกาะพระ" เป็นอะไรที่ง่ายมั่กมาก...ง่ายมากเสียจน...ทำให้บางคนไม่อยากทำ เพราะมันง่ายเกิน เพราะเขาคิดไม่ถึงว่า หนทางการเดินไปสู่พระนิพพานมันง่ายขนาดนี้เลยเหรอ...เพราะแม้แต่เราเอง...เมื่อก่อนที่จะมาเจอจิตเกาะพระ การไปพระนิพพานสำหรับเราเป็นเรื่องที่คงจะเป็นไปไม่ได้เลย แต่ก็ปราถนาน่ะ อธิษฐานไปลมๆ แล้งๆ อย่างนั้นแหล่ะ ไม่รู้ว่าเมื่อไรชาติไหนจะได้ไป เพราะเราคิดไปถึงแต่พระอรหันต์ที่ท่านบวชปฏิบัติถือศีลอย่างเคร่งครัด ปฏิบัติกันขั้นอุกฤษ อย่างเช่นหลวงปุ่หลวงตาหลายๆ องค์ที่ก็รู้ๆ กันอยู่น่ะว่ามีใครบ้าง จะไม่ขอเอยนามในที่นี้ก็แล้วกัน จนในที่สุด...บุญพาวาสนาส่งให้ได้มาเจอกระทู้นี้ ได้มาเจอจิตเกาะพระ พอเราฝึก(สำเร็จไปขั้นหนึ่ง) พอเรามารู้จักการเดินมรรคที่ถูกวิธี เราก็..เฮ้ยยย...ไปนิพพานมันง่ายนิดเดียวเองน่ะ มันง่ายอย่างนี้เลยเหรอ อย่างนี้เราต้องบอกต่อซะแล้ววว ฮ่าๆๆ

แต่การปฏิบัติธรรมก็อย่างว่าน่ะ จะว่าง่ายก็ง่าย(ถ้ามันถึงเวลาบุญบารมีที่ทำมาทั้งเก่า+ใหม่มันส่ง) จะว่ายากก็ยาก เพราะบุญพาวาสนาบารมีของแต่ละดวงจิตทำมาไม่เท่ากัน ถ้าบุญบารมีเค้ายังไม่พร้อม จิตเค้าก็ยังไม่พร้อม จะมาให้เห็นเหมือนเราก็ยังไม่ได้

ถ้าใครที่รู้ตัวว่าจิตยังไม่พร้อม บุญบารมียังไม่พอ ก็อย่าเพิ่งท้อกันน่ะค่ะ สู้ทำๆๆๆๆๆๆ ต่อไปค่ะ เพราะงานทางจิต งานทางธรรม ทำไปเหอะรับรองไม่มีคำว่า "ขาดทุน" แน่นอน มีแต่ได้ "กำไรในจิต" ล้วนๆ ถึงจะไม่ต่อเนื่อง ถึงจะติดๆ ดับๆ ถึงจะทำบ้าง ไม่ทำบ้าง บุญหรือความดีทำไว้ไม่มีสูญแน่นอน สาธุ

ว่าแล้วก็..เอ้า...เรามาบ่นอะไรให้ใครฟังอยู่ตรงนี้นี่ ฮ่าๆๆๆ ไปดีฟ่า...

ธรรมมณี จบ.52:boo::boo::boo:
ปล. ได้โปรดอย่าเข้าใจผิดน่ะว่าผู้เขียนคงจะถึงบ้านเก่าแล้ว...ย๊างงงค่า....ยังเดินอยู่...เพียงแต่รู้ด้วยตัวเองว่า คงจะไม่นานเกินรอแล้วววว สาธุ สาธุ สาธุ (เค้าจะหาว่าเราอวดอุตริมั้ยเนี่ย)

 

....
.....ขอบคุณครูเกษมากๆครับ......
..ภาพที่ผมเห็นจะเป็นสมเด็จองค์ปฐมซุ้มเรือนแก้ว
..มีแสงสว่างโร่ทั้งองค์เลยครับ สว่างมากเลยครับบ..
..และก็ไม่เคยคิดและหลงว่าตัวเองดีแล้ว..
..มีแต่ว่าทำไมเรากิเลสหนาจังนะ..
..เราก็ไม่อยากมาเกิดอีกแล้ว ทำไมเรายังไม่ยอมละกิเลศไปทิ้งให้หมด..
..
..การจับภาพพระเป็นก็เป็นช่วงๆที่นึกได้ครับ..
..แต่ผมรู้ว่าจิตผมมีความสุขกว่าเมื่อก่อนมากๆ
..ไม่หงุดง่าย เห็นคนก็ส่งความเมตตาให้..
...
..
..ตอนที่อยู่วัดท่าซุงที่ศาลา 12 ไร่
..ผมมองพระประธาน มองบ่อยมากๆ
..และผมจะไปนั่งข้างหน้า เพราะผมจะได้เห็นพระประธานชัดๆ
..มองจนผมเห็นพระประธานใหญ่ เป็นแก้วใสได้จับตา...
..
..แล้วก็มีภาพหนึ่งที่ผุดกลางอกผมอีก
..นั่นก็คือ จิตตัวเองเป็นรูปศรีษะ..เห็นช่วงศรีษะสวมชฎา..
..แต่เป็นแก้วใสหมด..ช่วงที่ฝึกมโนมยิทธิที่นั่น ผมก็เลยใช้จิตรูปนี้ ไปนั่นมานี่..ระหว่างที่เข้าฝึกที่วัดเลย.
..ผมก็งงๆว่า เอทำไมภาพแบบนี้ผุดมาให้เราเห็น...
...ก็แปลกใจ...
...
...
...ที่เล่านี่ไม่ใช่ว่าตัวเองจะไปดีเดอะไรนะครับ...
...เพียงเล่าสิงที่พบปะมาระหว่างอยู่ที่วัดให้ฟัง..
...สิ่งใดผิดพลาดก็ต้องขออภัยนะครับ..
...เพราะผมยังไม่รู้อะไรมากนัก เพียงเศษเสี้ยวเล็กๆน้อยๆ..
...ขอบคุณครูเกษที่ให้กำลังใจครับ.
....

 

อ้าวนึกว่าลงทะเบียนเรียนกับครูเกษแล้วซะอีก

ถ้าไม่ไหวยังไงปรึกษาครูเกษได้ครับ

 

-รบกวนด้วยค่ะต้องลงทะเบียนยังไงค่ะ ไม่รู้จริงๆ
ขอบคุณค่ะ

 

พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงอานิสงฆ์ ของ

ศีลที่เป็นกุศล...คือกุศลศีล มีกุศลเป็นกุศลสมุฏฐาน แก่ท่านพระอานนท์ไว้

๑๐ ประการ ๕ คือ.....

๑.ศีลที่เป็นกุศล มีอวิปปฏิสาร คือความไม่เดือดร้อนใจเป็นผล เป็นอานิสงส์

๒. ความไม่เดือดร้อนใจ มีความปราโมทย์เป็นผลเป็นอานิสงส์

๓. ความปราโมทย์ มีปิติเป็นผล เป็นอานิสงส์

๔. ปิติ มีปัสสัทธิ คือความสงบใจเป็นผล เป็นอานิสงส์

๕. ปัสสัทธิ มีสุข คือความสุขใจเป็นผล เป็นอานิสงส์

๖. สุข มีสมาธิเป็นผล เป็นอานิสงส์

๗. สมาธิ มียถาภูตญาณทัสสนะ คือความเห็นด้วยญาณตามความเป็น

จริงเป็นผล เป็นอานิสงส์

๘. ยถาภูตญาณทัสสนะ คือความหน่ายความคลายเป็นผล เป็นอานิสงส์

๙. นิพพิทาวิราคะ มีวุิมุตติญาณทัสสนะ คือความเห็นด้วยญาณเป็นเครื่อง

หลุดพ้นเป็นผล เป็นอานิสงส์

๑๐. ศีลที่เป็นกุศลย่อมถึงอรหัตโดยลำดับ ด้วยประการนี้.....

...น้อมกราบพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า และน้อมกราบพระพุทธเจ้า

-ทุกๆพระองค์ด้วยเศียรเก้ลา กราบ ทกราบ กราบเจ้าค่ะ.

 

แจ้งความจำนงค์ได้เลยครับ

นี่ไงครับเมลล์ครูเกษ แจ้งความจำนงค์ได้เลยครับ

 

"มนุษย์เป็นภพที่ประเสริฐที่สุด"

"...ธาตุมนุษย์เป็นธาตุตายตัว ไม่เป็นเหมือน นาค เทวดา ทั้งหลายที่เปลี่ยนเป็นอื่นได้ มนุษย์ มีนิสัยภาวนาให้สำเร็จได้ง่ายกว่าภพอื่น อคคํ ฐานํ มนุสเสสุ มคคํ สตต วิสุทธิยา มนุษย์มีปัญญาเฉียบแหลมคม คอยประดิษฐ์ กุศล อกุศล สำเร็จอกุลศล...มหาอเวจีเป็นที่สุด ฝ่ายกุศล มีพระนิพพานให้สำเร็จได้ ภพอื่นไม่เลิศเหมือนมนุษย์ เพราะมีธาตุที่บกพร่อง ไม่เฉียบขาดเหมือนมนุษย์ ไม่มีปัญญากว้างขวางพิสดารเหมือนมนุษย์ มนุษย์ธาตุพอหยุดทุกอย่าง สวรรค์ไม่พอ อบายภูมิธาตุไม่พอ มนุษย์มีทุกข์ สมุทัย...ฝ่ายชั่ว ฝ่ายดี....กุศลมรรคแปด นิโรธ รวมเป็น 4 อย่าง มนุษย์จึงทำอะไรสำเร็จ ดังนี้ ไม่อาภัพเหมือนภพอื่น..."

ที่มา fb Cr พระอาจารย์ พระอ๊อด วันสันติวงศาราม uk
ลูกขอน้อมกราบนมัสการหลวงปู่มั่นด้วยเศียรเกล้าค่ะ

 

เทศน์หลวงตาเมื่อวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๐
เรื่อง "รากฐานแห่งพุทธศาสนาคือจิตตภาวนา"

"เรื่องภาวนาไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย พระพุทธเจ้าตรัสรู้ด้วยภาวนา สาวกทั้งหลายเป็นสรณะของพวกเราด้วยภาวนา มันลงในจุดนี้ๆ เพราะฉะนั้นพุทธศาสนาของเรา รากฐานแห่งพุทธศาสนาก็คือจิตตภาวนา ธรรมะทั้งหลายจะเกิดขึ้นจากจุดนี้ๆ จนสว่างจ้าไปหมดก็ออกจากจุดนี้ ที่ไม่เคยภาวนาหรือภาวนาก็เอาเสื่อเอาหมอนมัดติดหลังติดคอมันไม่ได้เรื่องนะอย่างนั้น มองไปที่ไหนเห็นแต่เสื่อแต่หมอน มองหาคนไม่เห็น เห็นแต่เสื่อแต่หมอนมัดติดหลังติดคอไป คนทั้งคนไม่เห็น เห็นแต่เสื่อแต่หมอน อันนี้เห็นแต่ความขี้เกียจขี้คร้าน ความไม่เอาไหน ความเผอเรอต่างๆ ไม่มีธรรม สติธรรมเป็นต้นฝังอยู่ในจิตพอจะเป็นเครื่องกระจายออกแห่งความรู้ทั้งหลายบ้างเลย มันก็ไม่รู้นะ

สตินี้เป็นของสำคัญมาก ตั้งแต่ล้มลุกคลุกคลาน สติต้องฝึกให้ดี จากนั้นไปก็เป็นสติปัญญาอัตโนมัติ ถึงขั้นมหาสติมหาปัญญา ทะลุถึงจิตหลุดพ้น ไปตั้งแต่สติล้มลุกคลุกคลาน สตินี้จำเป็นตลอด แม้แต่ทำกิจนอกการในอะไร สติมีอยู่ สัมปชัญญะมีอยู่ ก็ไม่ค่อยผิดพลาด ผิดก็มีน้อย ถ้าแบบทำเอาตามอารมณ์นี้มีแต่เรื่องของกิเลส ผิดพลาดเสียแทบทั้งนั้นแหละ จึงต้องใช้ความพิจารณาทุกคนๆ ที่พูดนี้ ต่างคนต่างมาศึกษาด้วยกันให้นำคติธรรมไปพินิจพิจารณาตัวเอง"

ที่มา fb Cr พระอาจารย์ พระอ๊อด วัดสันติวงศาราม uk
ลูกขอน้อมกราบองค์หลวงตาด้วยเศียรเกล้าค่ะ

 

อรุณรุ่งเบิกฟ้า...
เปิดม่านรับแสงอรุณ..
เปิดโลกแห่งจินตนาการ สังขารขันธ์
ดูท้องฟ้าแล้วหันมาดูจิตตน
เหมือนคลื่นอารมณ์จิตที่กระเพื่อมตลอดเวลา...

By Nat Natcha​

เก็บตกการสนทนาภาษาธรรม ประจำวันหยุด จากเฟสบุค มาฝากท่านผู้อ่านกระทู้ ค่ะ ...
เปลี่ยนบรรยากาศ ในวันหยุดวันอาทิตย์แรกของปีใหม่นี้ ...ด้วยปกิณกะธรรม จากครอบครัว จิตเกาะพระ ค่ะ ...
ขอแนะนำ ตัวละครใน บทสนทนา ดังนี้ นะคะ ...
(Phu Bodin : ท่านพี่ภู Nancy Cocks : คุณเพ็ญ2 Golden Sky, Wannapa Pugleys : คุณน้องดาว, Nat Natcha : พี่แนท)​

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*​

Phu Bodin ฟ้าสูง แผ่นดิน คลื่นฟ้า แผ่นดินไหว ตราบใด สังขารฯไม่หยุดปรุงแต่ง มีหรือมนุษย์จะไร้ทุกข์ ยิ่งไม่มีติปัญญารู้เท่าทันก็ทุกข์ไปเน๊อะ สังขารฯมนุษย์นี้เหมอนดั่งฟ้าดิน คือต่างเป็นธรรมชาติเหมือนๆกันพระตถาคตเจ้า มิได้สอนให้ไปขัดขืน ฝ่าฝืนจิตและธรรมชาติ แตจงเอาสติตามดูจิต ตามรู้จิต ด้วยใจเป็นกลาง เมื่อตามดูแล้ว รู้แล้ว เมื่อจิตมีปัญญาย่อมรู้เข้าใจ+เข้าถึงธรรมชาติแห่งจิตตนเองแล้วปล่อยวางเอง ตั้งแต่กิเลสหยาบไปจนถึงกิเลสละเอียด แต่ตัวละเอียดยิ๊บๆนั้น แค่จิตปัญญานั้น คงไม่พอ เพราะฉะนีลั้นจักต้องเจริญตัวปัญญาให้ต่อเนื่อง ทำต่อกันเอง ข้าฯแค่บอกทางเดินให้เท่านั้นเอง...

มองทุกสิ่ง มองทุกอย่าง ลงไตรลักษณ์ให้หมดเลย ธรรมนี้แหล่ะ เป็นพระอรหันต์มาก็เยอะแยะแล้ว อาทิเช่น หลวงตามหาบัวฯ

ตามองเห็นรูป ใจเห็นนาม สติเห็นเห็นจิตคือเห็นเจตสิก ไม่เที่ยง พอเรามองเห็นความไม่เที่ยงบ่อยๆนานเข้า ก็จะเห็นแค่เกิดดับ พอเห็นเกิดดับบ่อยๆเข้า เดี๋ยวก็ค่อยๆพัฒนาเป็นธรรมดาไปซะ เมื่อเรามองเห็นสภาวะจิต นั่นแหล่ะ เราก็เห็นสภาวธรรมของตนนี่เอง
พระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ จึงมีคุณค่า จึงสวยงามกว่าทุกสิ่ง ถ้าพวกเราสามารถมองเห็นธรรมแบบพระพุทธเจ้า เหล่าพระอริยเจ้ากันนะ

เราจักเข้าใจว่า ไม่มีสิ่งใดที่สวยงามกว่า มีค่ากว่าสิ่งใดๆ เท่าพระธรรมคำสอนของพระองค์อีกต่อไปแล้ว
เมื่อจิตเรารู้+เข้าใจ+เข้าธรรม คือเข้าไปถึงจิตถึงใจ คือพบสภาวะจิต คือสภาวะธรรมของตนนนี้แลฯ
ในที่สุดแล้ว ยังจะมีสิ่งใดสำคัญไปกว่าจิตรู้หรือญาณรู้ของตนอีกเล่า

เพราะเหตุนี้เองเล่า บุคคลที่มองเห็นพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์มีคุณค่ายิ่งหาประมาณมิได้เลย
ถึงว่าพระอริยเจ้าเข้าถึงพระรัตนตรัยง่าย รักเคารพพระรัตนตรัยมาก ก็เพราะว่า
จิตท่านถึงพระพุทธคุณนี่เอง

จงจดจำกันไว้ให้ดีๆ โดยเฉพาะผู้ปรารถนามรรคผล โดยเฉพาะพระนิพพานด้วยแล้ว เราจะอาศัยตามลำพังจิตกำลังใจของตนเองงั้นหรอ ไม่พอแน่นอน นอกจากกำลังใจของพระพุทธเจ้า คือพระพุทธคุณเท่านั้น สาธุๆๆ

Phu Bodin รีบๆเข้า อย่ามัวเอ้อละเหย เดี๋ยวไม่ทันกิน ยิ่งจิตบุญหลายท่าน กำลังมีโอกาสชิมรสนิพพานกันแล้วด้วย ไวๆหน่อย

Phu Bodin คำว่าไวๆหน่อยเนี๊ย ไม่ใช่ให้เอาสติไปเร่งจิตกันนะ ทำไปๆ โดยเน้นจิตเขาสบายก่อนนะ ไม่อย่างนั้น เราจะเสียไม่ได้อะไรเลย เพราะเราไม่เข้าใจจิตตนเองดีพอ
ขอโทษผู้อื่นทีนะ เพราะตอนนี้จิตเราหายไปแล้ว มีจิตอื่นมาแทน ผลก็เลยออกมาแบบเข้มนิดๆ ยิ่งคุยก็ยิ่งมันนะ ธรรมะเนี๊ย

Nancy Cocks สาธุ สาธุค่ะ ครูพี่ภู เอาออกมาเยอะๆเลย มันดีมากๆ สนทนาธรรมกัน เพื่อขัด เพื่อถู ตัวกิเลส ให้บางเบา แล้วจะได้พ้นจากทุกข์ ธรรมะนี้นะไม่มีไว้ขาย ถ้าอยากได้ต้องทําเอง...สาธุค่ะ

Wannapa Pugsley หนึ่ง ธรรมชาติทำหน้าที่สร้างเมฆหมอกมืดครึ้มปกคลุมแผ่นฟ้า แต่โชคดีจัง อีกหนึ่งธรรมชาติ กำลังทำหน้าที่ เปิดท้องฟ้าให้สว่าง สดใส ดังเดิม ^^

Phu Bodin ไม่เบื่อหรอ ธรรมะน่ะ ไม่มีวันหมดนะ ยิ่งพูดยิ่งของขึ้น

Nancy Cocks ไม่มีวันเบื่อ เลยค่ะเพราะธรรมเป็นของดี ของวิเศษ และก็สามารถทําให้ผู้ปฏิบัติตามแล้ว เหมือนได้เจอขุมทรัพย์ ที่กินและใช้ไม่มีวันหมด เลยเป็นเครื่องป้องกันเราได้ เพราะเรามีทรัพย์ภายในกินไม่หมด ไม่เหมือนทรัพย์ภายนอก ยิ่งกินยิ่งใช้ไปก็มีแต่วันหมดไปจากเรา..แต่ธรรมผู้ใดได้แล้ว ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ ยิ่งคม เพราะปัญญาเกิดจาก การฝึกฝนอยู่บ่อยๆเลยไม่มีวันเบื่อในธรรมของพระผู้มีพระภาคเจ้า และพระสงฆ์สาวกของท่านเลยค่ะ..สาธุค่ะ

Phu Bodin เห่อ พูดกับคนที่รักพระตถาคต รักพระธรรม รักพระสงฆ์สาวกนี่มันง่ายนะ เพราะเห็นคุณค่ายิ่งแล้ว นั่นเอง
ผมเชื่อนะว่า ถ้าผู้ปฎิบัติสามารถเข้าถึงพระธรรมดั่งพระอริยเจ้าแล้ว ว่าทำไม ท่านเหล่านั้นจึงอยู่นิ่งเฉยกัน ไม่ได้ เพราะเหตุนี้เอง

Nancy Cocks เพราะเหตุ ท่านสงสารสัตว์โลกงั้ยค่ะ เพราะท่านเห็นแล้ว ท่านก็อยากช่วยคนอื่น เหมือนครูพี่ภู ท่านได้ทําอยู่นี้แหละ ท่านเห็นแล้ว ตอนแรกๆท่านก็ท้อทุกๆพระองค์ นั้นแหละ แม้แต่องค์หลวงตาตอนแรก ท่านก็บอกกับตัวเองว่า จะไปบอกใครให้เห็นตามท่าน แล้วจิตหนึ่งของท่านก็ตีขึ้นว่า แล้วท่านเป็นใคร ก็เป็นมนุษย์ ท่านยังเห็นได้ ท่านเลยมีกําลังใจพอจะสอนศิษย์ของท่านได้มาจนถึงสุดท้ายของชีวิตของท่าน เพราะท่านจะเห็นว่าใครเห็นธรรมแล้ว จิตจะเปลี่ยนไปในทางที่ดี และจิตของคนเปลี่ยนไปตาม การพัฒนาจากสัตว์ เป็นบุคล จากบุคล เป็นเทวดา อินทร์ พรหม ยม ยักษ์ ได้ทั้งนั้น แล้วแต่ผู้ปฏิบัติจะพาจิตตนเอง ออกจากทุกข์นั้นเอง...สาธุค่ะ

Phu Bodin การเปลี่ยไปในทิศทางที่ดีของจิตใจคนเรานั้น จักค่อยเป็นค่อยไป เหมือนดั่งน้ำที่ตกผลึกเป็นก้อน หรือกว่าจะเป็นเพชรเม็ดงามได้นั้น จะต้องใช้เวลานานแค่ไหน แต่อย่าลืมตนไปนะว่า คนเรานั้นมีอายุ มีลมหายใจจำกัด จะมาทำเป็นเล่น แต่นรกมีจริงๆนะจะบอกหั้ย


Phu Bodin คำว่า นรก เทวดา พรหมหรือนิพพาน ใครเป็นผู้เลือกให้กับเราหรือ มิใช่เราเองหรอกหรือ อย่าหลงไปโทษคนอื่น เขาทำให้เราทุกข์ ทำให้เราไปนรกหรือไปนิพพาน หามิได้

Phu Bodin จงทำเหตุปัจจุบันให้เป็นบุญกุศลพอ ตามที่พระพุทธองค์ทรงตรัสสอนลูกหลานว่า ละบาป ทำดียิ่งภาวนาก็เป็นบุญอใหญ่หลวงสำหรับตนเอง สุดท้าย เมื่อทำองอย่างได้ผลแล้ว คำว่า ผ่องใสจักต้องตามมาแน่ๆ ดั่งพระอริยเจ้าท่านทำตามกันมา ทำให้พวกเราเห็นแล้วที่สุด แล้วเราจะทำตามเหล่าสาวกของพระพุทธเจ้ากันไหม ก็เป็นเรื่องของเราเองนะ

Phu Bodin หายใจทิ้งขว้างโดยป่าวประโยชน์กันทำไม หาเพลินเลี้ยงชีพไปตามกิเลสแห่งตน พวกเธอรู้ไหมว่า กิเลสตัณหาฯพาหลงกล หาโน้น หานี่ ตามกิเลสตัณหาฯกำลังครอบงำจิตใจตนก็ยังไม่รู้ รวยแล้วก๋อยากรวยอีกเป็นต้น

Phu Bodin เพราะฉะนั้น พระพุทะเจ้า พระอรหันต์ ไม่มีผู้ดทำเพื่อตนเองหรอก มีหัวจิตหัวใจคิดแต่จะทำเพื่อผู้อื่น ช่วยผู้อื่น สงเคราะห์ผู้อื่นเท่านั้นเอง

Phu Bodin ถามว่าใครสั่งให้ต้องทำอย่างนั้น ขอตอบคำเดียวว่า พรหมวิหาร๔ นี่ไง

Phu Bodin พรหมวิหารมาประจำจิตใจตอนไหนเร๊อะ ก็ตอนที่จิตละกิเลสตัณหาฯภายในจิตนั้นไง

Phu Bodin จะมีพรหมวิหารมากหรือน้อยก็จะขึ้นอยู่กับ จิตใจของผู้นั้น อาสวกิเลสแห่งตนแค่ไหน

Phu Bodin วันนี้ว่ากันตรงๆตรงนี้แหล่ะดี ไม่ต้องกลัวคนมากล่าวหาว่าตนรู้ดี รู้ดีไม่เป็นไร บอกไปแล้วไงว่าโลกธรรม๘ฉันไม่เอา ไม่คบ แม้นกระทั่งรูปนามของฉันเอ โดยเฉพาตัวสังขารขันธ์(เจตสิก ธรรมารมณ์ของตนเอง ก็ปล่อยมันไหลอยู่ตามปกติธรรมชาติของมันไป
เราไม่ต้องเป็นเดือดเป็นร้อนแทนมัน เราทำตัวให้อยู่เหนือรูปนาม คือขันธ์๕ตนเอง

Phu Bodin ไม่กลัวแล้วพร่ำธรรมไปเลย ใครด่าชมก็ช่าง ไม่มีผล รู้แต่ขันธ์๕ตนยังเลวอยู่เหมือนเดิม นี่นั่นจงเข้าใจว่า มันมิใช่เรา ของเราแล้วนั่นเอง สักแต่ว่า จงมีเข้าไว้ภายในตน

Nat Natcha สาธุธรรม เจ้าค่ะ จัดไป เลย เต็มๆท่านพี่ไม่ต้องเกรงใจ เวทีนี้เปิดกว้าง สำหรับทุกคน ทุกดวงจิต เข้ามารับรสพระธรรม นำไปใช้ปรับจูนให้เข้า กับจิตตน ประโยชน์มากมายเหลือหลาย มีแต่ได้ไม่มีเสีย

Phu Bodin ช่วยกันนำพาปฎิบัติ เข้าให้ถึงตัวปัญญา เข้าให้ถึงธรรม เข้าให้ถึงพระตถาคตเจ้ากันให้ได้ เลิกคบคราบตนเองก็พบธรรม พบพระตถาคตเจ้ากันเมื่อนั้นแลฯ

Nancy Cocks วันนี้ ธรรมะของอ.พี่ภู ฟุ้งสุดๆ เพราะท่านอยากให้พวกเราหลุดพ้น การปฏิบัติธรรม ผู้เดินตามท่านจะต้องเป็นผู้สัดโดษ มักน้อย นั้นถูกต้อง แต่ที่คนเราเข้ามายังไม่ถึงจุดนี้ กันได้ง่ายๆ ก็เพราะคนเรายังหากินเลี้ยงชีพ ไม่พอเพียง ความไม่พอเพียงในครอบครัว ความไม่พอเพียงในกิจ แห่งตน ก็สร้างปัญหา ทางกาย และใจ เพราะผู้ปฏิบัติ ที่มีธรรมจะต้องผ่าฟันอุปสรรค เหล่านี้ไปให้ได้ก่อน แล้ว นั้นแหละ พอจิตดี จิตพอแล้ว คําว่าธรรมก็มาได้ง่าย เพราะธรรม คือ ความพอดี และผู้ปฏิบัติก็จะทําเพื่อผู้อื่นได้ เพราะตนเองพอแล้ว นั้นการเดินของธรรม เป็นไปตามขั้นของตน ถ้าตนเห็นธรรมแล้วนั้นแหละ จึงจะทําตนเพื่อสงเคาระห์ผู้อื่นได้..สาธุค่ะ

Phu Bodin พระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์นั้น ทุึกระดับจิตเข้าใจง่าย ปฎิบัติง่ายๆ ไม่อยากอย่างทุกคนเข้าใจ

Phu Bodin เพราะพระธรรมคำสอนนั้นก็ไม่ต่างกับธรรมชาติเลย

Phu Bodin แต่ทำไมโลกเรายังยืนอยู่กันได้ แต่ทำไม จิตเราไม่มีที่ยืนกันเล่า

Nat Natcha วันนี้ ตรงนี้ ไม่มีพื้นที่ให้โลกธรรม 8 อีกต่อไปแล้วคร้าบท่านผู้ชม โยนมันทิ้งไปแย้วว โลกธรรม8 จะเอาดีทางโลกกุตตระธรรม ก็ต้อง ผ่านโลกธรรม8 ให้ได้ ใช่มั้ย?

Phu Bodin ปักตรงนี้ ปักที่พระรัตนตรัยนี้ ปักให้มั่นคง

Phu Bodin ทรัพย์ตรงนี้ คือธรรมในจิตนี้ไม่มีผู้ใดขโมยไปแน่ ไม่เหมือนทรัพย์ภายนอก

Phu Bodin หาทำไมทรัพย์นอกจิต ทรัพย์ภายในสำคัญมีค่ายิ่ง แต่ไม่หากันเอง

Phu Bodin จักไปตามหาทรัพย์ไกลตัวทำไม บางคนไปตามหาทรัพย์ยังต่างชาติต่างถิ่นฐาน ทนลำบากแทบปางตายก็เอากัน หาเสร็จหมดลมพอ ถามว่าทรัพย์ที่หามานั้น มันไปกับเราไหม

Phu Bodin ป่าวเลย ทุกคนรู้หมด เฉกเช่นธรรมะนี่ไง รู้ดีซะด้วย กูรูหมด ไม่ต้องสอน แต่ถ้าถามว่า ปล่อยวางได้ไหม ตอบว่า แบ๊ะๆ ทำเป็นคนใบ้ทันที เพราะเหตุใด

Phu Bodin พระตถาคตเจ้า มิได้บอกเราให้รู้ธรรม จงบอกเราให้นำพากัน ปฎิบัติ คือ ธรรมปฎิบัติจักเข้าให้ถึง

Phu Bodin ผู้ใดรักพระตถาคตเจ้าจริงๆจักต้องธรรมปฎิบัติ จึงจะถือว่ารักเคารพพระตถาคตเจ้าจริงๆ

Phu Bodin พูดคำว่ารัก เคารพนั้น จึงไม่เพียงพอ แต่จักต้องแสดงออกด้วย คือ ลงมือปฎิบัติให้เป็นรูปธรรม

Phu Bodin พระธรรมไตรปิฎกอยู่นอก อก มิได้อยู่ในจิตในใจของตนก็ไร้ค่า จึงไม่ต่างกับใบลาน ใบไม้ ใบหญ้า เดี๋ยวก็เข้ากฎไตรลักษณ์อยู่ดี คือเบื้องหน้า ตรงหน้าต่างกำลังวิ่งเข้าหา ความเสื่อม อยู่ดี

Phu Bodin เป็นลูกพระตถาคตเจ้าจริงๆจักต้องเข้าไปให้ถึงแก่นธรรม คือจิตตนนั่นไง

Wannapa Pugsley รีบๆ ไวๆ เร็วๆ จริงๆแล้ว มีความหมายลึกๆแฝงอยู่ คือ ความเพียรที่เหมาะสมดีแล้ว นั่นเอง
ในบางครั้งเราเอาจริงเอาจังกับการปฏิบัติมากเกินไป เอาเป็นเอาตายกับตัวเอง
ไม่มีอารมณ์ขันเลย มีแต่หน้าดำคร่ำเครียด ไร้ชีวิต ชีวา เหมือนกิ่งไม้แห้ง
(ไม่แจ่มใส เบิกบาน) คร่ำเคร่งทำความเพียรเกินไป...เลยเกิดสภาวะธรรมล้ำหน้า... คือ ตึงเกินไป ไม่สบาย...สบาย เลย สภาวะจิตตึงเครียดและขาดความเบิกบาน จนถึงขีดสุดจึงกลับมาอยู่กับสภาวะตามที่มันเป็นจริงในขณะนี้อย่างใจเย็น ผ่อนคลาย และปล่อยวาง เพียงปล่อยให้เป็นไปตามครรลองของธรรมชาติ แต่มิใช่ว่า แค่ นั่ง นอน เรื่อยเอื่อยไปตามเรื่อง...เพราะนั่นจะทำให้ตกหล่นตุ๊บไปอยู่ในสภาวะธรรมล้าหลัง คือ..ความเฉื่อยชา หมดสภาพ(คล่อง) ซึ่งถ้าเกิดอาการอย่างนั้น ก็ถึงเวลาที่ต้องเพิ่มความเพียรพยายามเข้าไปอีกหน่อย ประคองความเพียรให้ได้ต่อเนื่อง หมั่นรู้จักสภาวะตามที่มันเกิดขึ้นจริงในปัจจุบัน และเริ่มจากตรงที่ประคองความใส่ใจได้ยาวนานเพิ่มขึ้น หาจุดสมดุลในจิตให้เจอ เมื่อเจอแล้ว สิ่งที่เป็นปัจจุบันจะนำเราให้เข้าถึงความหยั่งรู้(เข้าใจ)อย่างแจ่มแจ้ง...แห่งธรรมดาของธรรมชาติ...โด้ย!

Nat Natcha สาธุค่ะ น้องดาว พูดถูกต้องเลยจ้า ...ผู้ปฏิบัติเอง ย่อมรู้เอง ...หาจุดสมดุลย์ของการปฏิบัติให้เจอ ไม่ตึงไป ไม่หย่อนไป ...เหมือนที่พระพุทธเจ้าท่านค้นพบทางสายกลาง จึงทำให้ท่านตรัสรู้ได้ ... ถ้าเราหาความสมดุล ตามธรรมชาติของจิต ได้เมื่อนั้น การปฏิบัติก็จะเป็น อัตโนมัติเป็นไปเอง ทำไปด้วย จิตสบาย เมื่อจิตสบายแล้ว การเรียนรู้ทุกอย่างที่จิตจะง่าย และเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่าง ว่า จะเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และ ดับไป ในตัวของมันเอง ...มันเข้าใจกฏธรรมดา เคารพ และ ไม่ฝึนกฏธรรมดา กฏธรรมชาติ นั่นเอง ...
Let's it be natural go along with the nature without take it into your mind ...let it go let it go...you will touch the freedom .

Phu Bodin ธรรมนึกว่าอยู่ที่ใดรึ ที่แท้ก็อยู่ที่จิตตนนั่นไง

Nancy Cocks ผู้ฉลาดในการหาทรัพย์นั้น ยังได้ทรัพย์มาก็นําทรัพย์นั้นสร้างสมความดี และการหาทรัพย์ ทุกๆคนเกิดมาก็ต้องมีเหตุมีปัจจัยที่เป็นเครื่องมือพร้อมเพียง หาเพื่อทรัพย์ภายนอก โดยไม่เป็นทุกข์ นั้นคือ ผู้หาด้วยความถูกต้องดีงาม คือ เลี้ยงชีพชอบ ในธรรมของพระพุทธเจ้า ท่านก็บอกว่า ให้มีสัมมาทิฏิฐิ คือการเลี้ยงชีพที่ชอบ แล้วก็นําทรัพย์ไปสร้างความดี ก็ได้สะสมความดี แต่ผู้หาแบบไม่มีปัญญา โดยหามาแล้วเกิดความโลภ ยิ่งได้ยิ่งโลภ ก็เป็นทุกข์จนตายจากสมบัติไปนั้นเอง..แล้วตัวเขาผู้นั้นก็หาได้ทําประโยชน์ไม่ นั้นคือผู้ไม่ฉลาดในการหาเลี้ยงชีพ จึงต้องประกอบด้วยมรรคมีองค์แปด นั้นแหละถูกต้องตามคําสอน ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า..สาธุค่ะ

Phu Bodin ธรรมสุข ธรรมทุกข์มันอยู่ที่ใด ถ้ามิใช่ จิตตน

Phu Bodin เมื่อจิตผู้ใดพบเจอธรรม ย่อมไม่ละจาหายไปไหนแน่

Phu Bodin เหมือนจิตพบพระ พระพุทธเจ้าแล้ว ดูสิว่า มันจะเลือกไปทางนรกหรือไร จิตมิใช่สมอง เพราะหน่วยความจำของจิตนั้น unlimited ไม่เหมือนสมองคนเรา

Phu Bodin สุดท้าย เมื่อรู้จักว่ารูปก็ไม่ใช่เรา นามก็ไม่ใช่เราอีก เพราะฉะนั้นตัวรู้ก็ไม่ใช่เรา เพียงกำหนดหรือติต่างเป็นเราเฉยๆ เราคืออะไรกันแน่ อนัตตาไง จบกัน ไปให้ถึง ทำให้ถึง พูดลึกก็ไม่เข้าใจกันอีก

Phu Bodin ภาษาธรรมจักต้องเอาจิตละเอียดเข้าไปดูไปรู้ จักเข้าใจได้ อย่าลืม ธรรมตรัสรู้หรือพระธรรมคำสอนของพระองค์นั้น ได้มาในขณะฌาน๔

Phu Bodin พอท่านถอนฌานออกมาแล้ว ก็อุทานว่าอย่างไร เพราะชีวิตจริงๆของคนเรานั้น อยู่นอกชาน คือนอกฌาน จบไหม จบได้รึยัง ตีสามครึ่งแร๊ะ เวลาฉันหายไปไหน

Nat Natcha เอวัง ...ก้อมีด้วยประการล่ะฉะนี้ ขอเชิญท่านพี่ พักผ่อน ได้แล้วเจ้าค่ะ สาธุธรรมทาน ค่ะ

 

โมทนาสาธุกับคุณNatcha@ukด้วยครับ

ป๊าดดด นึกว่ามีแต่แม่ค้า พ่อค้า ขายผัก ขายผลไม้ในตลาด
ว่าแต่ว่า มีคนขายธรรมะในกระทู้นี้ด้วยหรือ
ผมหมายถึง ธรรมาทาน

 

'ชูวิทย์'ยกจีนปราบคอรัปชั่นเจ๋ง
เทียบไทยต่างกันราวฟ้ากับเหว

เรื่องเก่า นำมาเล่าใหม่
ที่นำมาลงนี้ ไม่อยากให้มีการวิพากษ์ วิจารณ์หรอกกันนะ
แต่อยากให้คนไทยมีจิตใต้สำสึกที่ดีต่อประเทศชาติ บ้าง
เพื่อเห็นต่อประเทศ เห็นแต่ลูกหลานคนรุ่นหลังของเรา บ้าง
ไม่อายประเทศอื่น ไม่อายตนเองบ้างหรือไร
สงสารชาวบ้านหาเช้ากินค่ำบ้าง เห็นกับเด็กตาดำๆบ้าง
ไม่รู้ว่าคนที่ร่ำรวยมีฐานะดีเขาคิดกันอย่างไร
คนร่ำรวยคนดีๆคอยแบ่งปันกันก็มีเยอะแยะนะ
(ความคิเห็นส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับผู้ใด)
แค่อยากเห็นคำว่า คอรัปชั่นหมดไปจากประเทศไทย มันเหมือนกาฝาก
ที่คอยดูดน้ำจากต้นไม้ มันเหมือนดูดเลือดจากคนทั้งประเทศ
เก็บภาษีฯแทนที่จะนำไปพัฒนาประเทศให้เต็มร้อย เหมือนผีดิบแย่งกันเป็นแย่งกันใช้
ถึงว่าเป็นทำไม ชาวนา ชาวบ้านธรรมดาๆ เป็นนักอะไรสักอย่างที่ร่ำรวยไวดี
อย่าลืมนะ กรรมไม่เคยลงโทาผิดตัวสักรายเดียว โลกนี้อาจพ้น แต่โลกหน้า ไม่พ้นแน่
สิ่งที่หามาได้โดยมิชอบนั้น มันไม่คุ้มค่าเลยกับสิ่งที่ได้มา ไม่บริสุทธิ์นั้น

พร่ำจบแร๊ะ..อ่านข่าวต่อไปฯ
สำหรับผู้ปฎิบัติยังแยกกายแยกจิตไม่ชัดก็กลับเข้าถำต่อไป
เดี๋ยวตัวสังขารฯตนจะออกมา ดูแลจิตตนให้ดี
แค่นำเสนอข่าวแค่เนี๊ย รับรู้ถึงพลังลบทันที
นี่แค่หวังดีต่อส่วนรวม ถ้าหากลงไปวิพากษ์วิจารณ์โดยตรงนะ
รับเอาพลังงานลบมาเพี๊ยบ
.......

วันนี้ 23 ก.ย. 56 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรครักประเทศไทย

ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊คส่วนตัวที่ใช้ username ว่า "ชูวิทย์ I m No.5" แสดงความคิดเห็นต่อการคอรัปชั่นในประเทศไทย โดยได้ยกตัวอย่าง 3 ตัวอย่าง ได้แก่ 1. ระบบตำรวจ 2. โครงการโรงพัก 396 แห่ง และ 3. รถไฟตกราง ซึ่งจากทั้งหมด มักมีผู้เกี่ยวข้องจากหลายหน่วยงาน กินกันมาเป็นขั้นเป็นตอน
อย่างไรก็ตามนายชูวิทย์ ได้ยกตัวอย่างการปราบปรามคอรัปชั่น ของประเทศจีน

ที่เอาจริงเอาจังกับคนที่คอรัปชั่นด้วยการลงโทษขั้นเด็ดขาด ผิดแตกต่างจากประเทศไทยที่คนโกงกินชาติมักจะสบาย ทั้งนี้นายชูวิทย์ ได้ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยคนไทยให้หลุดพ้นจากการทุจริตคอรัปชั่นอีกด้วย


ข้อความที่นายชูวิทย์โพสต์บนเฟซบุ๊คส่วนตัว
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ กับ การคอรัปชั่น
ตั้งแต่ผมเข้าทำหน้าที่ ส.ส. ผมพูดถึงปัญหา "คอรัปชั่น" หลายต่อหลายครั้ง แต่เนื่องจากผมเป็น "ส.ส. ฝ่ายค้าน" จึงทำได้เพียง "ตรวจสอบ" สิ่งไม่ชอบมาพากล โดยเริ่มจากการขุดคุ้ย หาข้อมูล จนกระทั่งค้นพบความผิดปกติ แล้วหาเวลาเหมาะๆเปิดเผยให้สาธารณชนทราบ
เรื่องแรกที่ผมเริ่มเปิดเผย ให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจปัญหาคอรัปชั่นอย่างง่ายที่สุด คือ "ระบบตำรวจ" เพราะตำรวจมีหน้าที่รักษากฎหมาย ต้องทำงานเพื่อประชาชน ดังนั้น ผมจึงเปิดเผยเรื่อง "บ่อนการพนัน" โดยการเปิด "คลิป" ที่ชาวบ้านเห็นภาพแล้วเข้าใจทันที
เรื่องที่สองกระบวนการอาจซับซ้อน แต่ไม่ยากที่จะเข้าใจ เพราะมีให้เห็นอยู่ทั่วประเทศ คือ "โครงการโรงพัก 396 แห่ง" ไม่มีแห่งไหนสร้างเสร็จ ทั้งๆที่เวลาผ่านไปกว่า 2 ปี โผล่มาแค่เสากับฐาน
เรื่องท้ายสุด แต่ไม่ใช่เรื่องสุดท้าย พูดถึง "สาเหตุที่รถไฟตกรางบ่อย" เรียกว่า "ตกรายวัน" ปี 2555 ตกไปทั้งหมด 89 ครั้ง ปี 2556 ยังไม่ทันถึงสิ้นปี ตกไปแล้ว 115 ครั้ง ผมจึงนำข้อมูลเรื่อง "รางไม่มีคุณภาพ" มาเปิดเผย ทุกคนเห็นแล้วเข้าใจถึงสาเหตุที่รถไฟตกรางบ่อยได้โดยง่าย
"ปัญหาคอรัปชั่น" ในประเทศไทย มักมีผู้เกี่ยวข้องจากหลายหน่วยงาน ของแบบนี้มันไม่มี "ใบเสร็จ" ที่จะมาแสดงให้เห็นว่า ใครจ่าย ใครรับ ผมจึงแสดงให้เห็นถึง "สาเหตุ" ของกระบวนการคอรัปชั่น
ตำรวจปฏิเสธเรื่องบ่อนการพนัน เพราะระบบตำรวจ "ล่มสลาย" มีการ "จ่าย" กันอย่างทั่วถึง
โรงพัก 396 แห่ง มีแค่เสาตอม่อ งานไม่คืบ เพราะมีการกินเปอร์เซ็นต์ มีค่าคอมมิชชั่น
รถไฟตกรางบ่อย เพราะผู้รับเหมาพยายาม "ทำกำไร" โดยสั่งรางที่ไม่มีคุณภาพมาใช้
ปัญหาคอรัปชั่นในประเทศไทย มีข้าราชการเข้ามาเกี่ยวข้องแทบทั้งหมด ผมไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านี้ เพราะเป็นฝ่ายค้าน บางครั้งจึงได้แต่ "อธิษฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์" ขอให้ "ไอ้พวกโกงชาติ" มันตกนรกหมกไหม้ และขอให้ท่านช่วยคุ้มครองประเทศไทยจากการคอรัปชั่น
ผมชอบวิธีการ "ปราบปรามคอรัปชั่น" ของประเทศจีน มีความตั้งใจ จริงจังในการแก้ปัญหา ทำให้ปัญหาคอรัปชั่นลดน้อยลงอย่างมาก กระบวนการสืบสวนสอบสวนเป็นไปอย่างรวดเร็ว หนักแน่น ไม่ว่าจะเป็นใคร ใหญ่มาจากไหน โทษจากข้อหาคอรัปชั่นเท่าเทียมกันคือ "ประหารชีวิต และ จำคุกตลอดชีวิต"

ประเทศจีน คอรัปชั่น โดนประหาร ประเทศไทย คอรัปชั่น สบายไปทั้งชาติ

 

เดี๋ยวนี้โลกมันวุ่นวายมาก

หากผู้ใดพบความสงบแห่งจิตตนแล้ว ปล่อยวางได้แล้ว ก็ไม่มีผลอะไร

สำหรับผู้คนทั่วๆไป อยากจะหนีม๊อบ เอ๊ย หนีไปพักผ่อน
โน่นเลย ทางเหนือ ไปชมดอกพญาเสือโคร่ง
ตอนนี้ กำลังบานสะพรั่ง โดยเฉพาะเดือนมกราคมของทุกๆปี

แต่ถ้าผู้กำลังหาความสงบภายใน ไม่ชอบดูสิ่งภายนอกจิต
ก็ตามดูจิต ตามรู้จิตของตนเองไปเรื่อยๆก็จะดีมากเลย
นอกจากได้ความสุข คือได้พบความสงบของตนแล้ว
แถมเป็นบุญใหญ่หลวงของตนเองด้วย
โมทนาสาธุด้วยครับ

 

หรือว่าจะไปไหว้พระที่วัดไหนดี

ใครรู้จักวัดหรือพระสวยงามดูแปลกตา นำมาอวดกันบ้างเด้อ
เผื่อผู้คนจะแวะไปกราบไหว้สักการะและเที่ยวชมกันบ้าง
ตัวอย่าง นำมาฝากกัน ทุกคนอาจจะเคยไปบ้างแล้ว



​

 

"คำสอนของหลวงพ่อปาน "ไม่เกิดต้องทำอย่างไร"

...ทีนี้้คนที่จะไม่เกิดต้องทำอย่างไร มันทำไม่ยาก ทำง่ายๆ คือ...

๑. รักษาศีลให้บริสุทธิ์ คนรักษาศีลน่ะเป็นคนดี ไอ้คนไม่มีศีลน่ะเป็นคน

ระยำ จำไว้ให้ดี ถ้าเราอยากเป็นคนดี เราต้องเป็นคนมีศีล ถ้าเรายังปฏิบัติศีลไม่ได้

ให้รู้ตัวว่าเราระยำเต็มทีแล้ว เลวเต็มทีแล้ว ให้รู้ตัวไว้ อย่าเป็นคนเข้าข้างตัวเอง

๒. รักษาสมาธิให้มั่น ซึ่งเป็นของที่ไม่ต้องลงทุน

๓. ปลงสังขาร ไว้ว่า โลกทั้งโลกเป็นแดนของความทุกข์สังขารทุกสังขาร

...เป็นดินแดนของความทุกข์ เราจะเกิดเป็นมนุษย์ก็ดี เทวดาก็ดี พรหมก็ดี

ก็ไม่พ้นทุกข์...ถ้าเกิดเป็นเทวดาหรือพรหม ก็ต้องกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ หรือ

สัตว์เดรัจฉาน เราไม่ต้องการโลกทั้งสาม ประการ และไม่ต้องการอะไรทั้งหมด

...ขึ้นชื่อว่ามนุษย์โลกก็ดี เทวโลกก็ดี พรหมโลกก็ดี ไม่ใช่สิ่งที่เราปรารถนา

สิ่งที่เราปรารถนาจริงๆ ก็คือ นิพพาน ภาวนาไว้ว่า สิทตะมหานิพพานัง หรือ นิพพานัง

เฉย ๆ ก็ได้ นึกไว้ว่า นิพพาน ๆ เราต้องการนิพพานโลกนี้ทั้งหมดเราไม่ต้องการอะไร

ความรัก ความเกลียด ความโกรธ ความเร่าร้อน เราถือเป็นของธรรมดา อะไรจะมา

กระทบกระทั่ง นั่นถือเป็นเรื่องธรรมดา เราจะเปลื้องสมบัติสภาวการณ์ต่างๆ ของโลก

ให้สิ้นไป...เราอยู่กับโลก เราจะอาศัยโลกและสมบัติโลกชั่วคราวเมื่ออัตตภาพมีอยู่

เมื่อความสิ้นไปแห่งอัตตภาพมีเมื่อไหร่เมื่อนั้นแหล่ะเราจะไปนิพพาน...

...พระธรรมคำสั่งสอนของหลวงพ่อปาน ลูกขอน้อมกราบรับพระธรรมของหวงพ่อปาน

...เพื่อปฏิบัติตามเจ้าค่ะ น้อมกราบหลวงพ่อปานด้วยเศียรเก้ลาเจ้าค่กราบ กราบ กราบ.

 

ชีวิตหลากหลายเผ่าพันธุ์ ลุ่มหลงกันมีมากมายเพราะใจมืดบอด ผู้ที่จะมาแสดงธรรมให้สว่างใจได้นั้นหาได้ยากยิ่ง เพราะธรรมนั้นต้องออกมาจากใจที่ได้ฝึกหัดขัดเกลาจิตใจให้ดีงามผ่องใส เป็นใจที่สงบเยือกเย็นเห็นทุกข์ภัยไม่ติดอยู่ในโลภโกรธหลง ทรงค่าด้วยคุณธรรมความเมตตาหาประมาณมิได้ .. สาธุ คุณพ่อแม่ครูบาอาจารย์ผู้นำสารแห่งความดีเพิ่มบุญบารมีสู่จิตวิญญาณ สาธุชน

ที่มา fb Cr วีซ่า ธิดาแห่งจันทรา

 

ที่มา fb Cr Nooboonsawan

 

(พระธรรมคำสั่งสอนของหลวงปู่ดู่)

ท่านสอนไว้ว่า...เวลาทำบุญให้อธิฐานสั้นๆไปเลยว่า

...ขอให้ประสบแต่ความดี ปราศจากความทุกข์ เพระคำว่าความดี

...นั้นรวมกันหมด ทั้งรวย สุขภาพดี มียศตำแหน่ง มีคนรักเมตตา...

...ส่วนปราศจากความทุกข์ก็ตัดสิ่งไม่ดีหมดทุกอย่าง ...

...ไม่มีทุกข์ไม่มีโรคภัย ไม่มีอุปสรรค์ และไม่มีศัตรู...

...น้อมกราบหลวงปู่ดู่ และกราบน้อมรับพระธรรมคำสั่งสอนเพื่อปฏิบัติตามเจ้าค่ะ...

 

ขอคุณค่ะคุณtherd2499 ไปขอสมัครเป็นลูกศิษย์ครูเกษมาแล้ว เลยรบกวนถามปัญหารครูเลย
-เรื่องนี้เพิ่งเกิดเมื่อเช้าค่ะ เดินข้ามถนน(2เลนสวนกัน)ในซอยบ้านข้ามไป1เลน เห็นพระจะรีบใส่บาตรเลยเดินกลับไม่ได้ดูรถเกือบโดนมอเตอร์ไซค์ชน ก็ตกใจแต่ลุงที่ขี่มอไซค์ดันนหันกลับมาว่าเท่านั้นแหละ ฉันก็สวนกลับเลย "ไม่ได้มีตาหลังนิ" แล้วมอไซค์ก็บ่นงุงงิงไป พอจะใส่บาตรก็รู้สึกผิด คิดเลยว่า "ตัวเองผิดยังไปว่าเขาอีก อยากขอโทษลุงนะ" อารมณ์มันพุ่งไปเร็วมาก อะไรก็ตามที่ทำไปตามอารมณ์ขาดสติน่ากลัวมาก ทั้งที่ฝึกจิตเกาะพระอยู่มา 1เดือนแล้ว แต่เวลาโดนอะไรมากระทบอารมณ์กระทันหันกลับนำเอาธรรมะมาใช้ไม่ทัน เฮ้อ....เศร้า
-ขอเชิญครู อาจารย์ทั้งหลาย ช่วยสอนและแนะนำวิธีให้ที ว่าจะแก้ปัญหาอย่างนี้ยังไง
ขอบคุณค่ะ

 

สติยังอ่อนอยู่ก็เป็นแบบนี้แหล่ะจ๊ะ ตอบเมล์ไปแล้วน่ะ แล้วเจอกันที่เมล์ค่ะ