ยุคพระศรีอาริย์กึ่งกลางพระพุทธศาสนา จะปรากฏตัวหลังภัยพิบัติ (พ.ศ. ที่เราใช้กัน เราใช้เร็วเกินจริงไปราวๆ 50 ปี)

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย Angel_Internet, 17 กรกฎาคม 2009.

  1. Angel_Internet

    Angel_Internet Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +56
    ยุคพระศรีอาริย์กึ่งกลางพระพุทธศาสนา จะปรากฏตัวหลังภัยพิบัติ (พ.ศ. ที่เราใช้กัน เราใช้เร็วเกินจริงไปราวๆ 50 ปี)

    โดยพี่ เกษม สุดหล่อ


    ในพระไตรปิฎกตามที่มีบันทึกเอาไว้ เกี่ยวกับเรื่องของพระศรีอาริยเมตไตรย พระพุทธเจ้าองค์ที่ 5 ในภัทรกัปนี้ ก็มีบันทึกเอาไว้เพียงเท่านั้น แต่บทความที่ผมจะนำมาให้ท่านได้อ่านกันต่อไปนี้เป็นเรื่อง พระศรีอาริยเมตไตรยนอกพระไตรปิฏก ท่านผู้อ่านต้องใช้วิจารณญาณเอาเองว่า จะเชื่อหรือไม่เชื่อนะครับ

    ยุคพระศรีอาริย์กึ่งกลางพระพุทธศาสนา(พญาธรรมิกราช)

    สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ในพระสุตตันตปิฎก ฑีฆนิกาย ปาฎิวรรค ในเรื่อง การเสด็จอุบัติแห่งพระพุทธเจ้าพระนามว่า เมตไตรย ว่า พระเมตไตรยจักเสด็จอุบัติขึ้นในโลก พระองค์เป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้ด้วยพระองค์เองโดยชอบ เพียบพร้อมด้วยวิชชาและจารณะ รู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกผู้ที่ควรฝึกได้อย่างยอดเยี่ยมเป็นศาสดาของเทวดา และมนุษย์ทั้งหลาย เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ที่ 5

    สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสว่า พระเมตไตรยอยู่ในพุทธวงศ์หรือเป็นวงศ์วานเดียวกันกับพระพุทธเจ้าโคตมในภัทรกัป ที่มีพระผู้มีพระภาคเจ้าถึง 5 พระองค์คือ พระกกุสันธะ ,พระโกณาคมมนะ,พระกัสสปะ,พระพุทธเจ้าโคตม และพระเมตไตรย ซึ่งเรื่องนี้บ่งบอกอยู่ในพุทธปกิณณกกัณฑ์หรือว่าด้วยเรื่องเบ็ดเตล็ดเกี่ยวกับพระพุทธเจ้าในพระสุตตันตปิฎก ขุทกกนิกาย พุทธวงศ์

    เหตุการณ์ก่อนหน้าที่พระเมตไตรยหรือพระศรีอาริยเมตไตรยจะมาปรากฏตนนั้น พระพุทธศาสนาจะเริ่มเสื่อมลงด้วยสาเหตุ 5 ประการ คือ

    1.การเสื่อมลงของหนทางแห่งความสำเร็จบรรลุมรรคผล ศีลธรรมและจริยธรรม 2.การเสื่อมลงของวิธีการปฎิบัติธรรมและการเจริญภาวนา
    3.การเสื่อมลงของการศึกษาธรรมและการเข้าถึงพระธรรม
    4.การเสื่อมลงของวัฒนธรรมทางพุทธศาสนา
    5.การเสื่อมลงของบูรพาอาจารย์

    อย่างไรก็ตามพระพุทธเจ้าโคตรมทรงตรัสว่า พระศรีอาริยเมตไตรยหรือพระเมตไตรย จะมาปรากฏและสามารถแก้ปัญหาความเสื่อมลงของพระพุทธศาสนา และจะนำพระพุทธศาสนาให้รุ่งเรื่องเป็นที่พึ่งที่แท้จริงตลอดไป จากความเป็นจริงที่เห็นได้ในปัจจุบันศาสนาพุทธได้แบ่งแยกนิกายเป็น 3 นิกายใหญ่คือ มหายาน,หินยาน และวัชรยาน

    ในแต่ละนิกายก็จะมีการแบ่งแยกออกไปอีก มีการปรุงแต่ง เพิ่มเติมหลักการสอนและปฎิบัติตามความเชื่อและความนิยม แต่ละบุคคลมีความเชื่อในผลบุญต่างๆโดยไม่ทราบว่า การกระทำไปนั้นมีความถูกต้องหรือไม่ มากกว่าการทำความเข้าใจถึงหลักธรรมที่แท้จริง ผู้คนโดยทั่วไปส่วนใหญ่เชื่อว่า พระศรีอาริยเมตไตรยจะมาปรากฏหลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว 5,000 ปี ซึ่งเป็นความเชื่อที่ขาดหลักฐานยืนยัน เชื่อโดยขาดเหตุผล

    จากตำนานโบราณ และตามพระพุทธพจน์ทำนายหรือคำตรัสของพระพุทธเจ้าโคดม จากศิลาจารึกในเขตมหาวิหาร ในสวนมฤคทายวัน ประเทศอินเดีย แสดงว่า พระศรีอาริยเมตไตรยจะมาปรากฎพระองค์เมื่อพระพุทธศาสนาได้ล่วงมาถึงกึ่งพระพุทธกาล (2,500 ปี) ซึ่งขณะนี้พุทธศักราช 2500 จริงยังมาไม่ถึงแต่กำลังจะถึงแล้วซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นช่วงปัจจุบันนี้ แต่เนื่องจากความผิดพลาดของผู้นำพุทธศักราชมาใช้โดยขาดการวิเคราะห์และพิจารณา

    ทำให้พุทธศักราชที่ใช้ในทุกวันนี้ผิดพลาดจากปีพุทธศักราชจริงไปประมาณ 50 ปี ซึ่งในศิลาจารึกยังได้บ่งบอกว่า พระศรีอาริยเมตไตรยหรือพระธรรมมิกราชโพธิสัตว์ จะเกิดขึ้นภายใต้ความอุปถัมภ์ของพระเถระโพธิสัตว์ ทั้งสองพระองค์สถิต ณ เบื้องตะวันออกของมัชฉิมประเทศ ทั้งสองพระองค์จะช่วยกันทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรื่องสืบไป และในเวลาไม่นานแผ่นดินอธรรมจะถล่มเป็นทะเล อธรรมจะพ่ายแพ้ไปทั้งหมด จากนั้นแผ่นดินจะเป็นยุคศรีวิไล

    ได้มีการบอกกล่าวเล่าสืบกันมาว่า ในยุคของพระศรีอาริยเมตไตรย ผู้คนจะไม่ลำบากบากแค้น คนทั่วไปจะมีกินมีใช้กันทั่วหน้า บ้านเมืองจะไม่มีโจรขโมยเป็นเสมือนปัจจุบันนี้ วิถีชีวิตของผู้คนเปลี่ยนไปจากสมัยอดีตอยู่มาก เมื่อมีความเจริญทางวัตถุและเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นเพื่อสนองความต้องการของมนุษย์มากขึ้นเท่าไหร่ ความเจริญทางด้านจิตใจกับลดน้อยลงไปทุกทีๆ ทั้งนี้เนื่องจากอะไรเป็นต้นเหตุ ผู้คนเข้าวัดน้อยลง คิดเพียงว่าไปทำบุญ ตักบาตร ถวายพระสงฆ์แล้วเพียงแค่นั้นก็ได้บุญหรือคิดเพียงเป็นการสะเดาะเคราะห์ต่อดวงชะตา เสริมบารมีเหมือนอย่างที่เป็นข่าวให้ได้เห็นการอยู่เรื่อยๆมา

    เป็นพุทธศาสนิกชนแต่เพียงชื่อมีมากมายขนาดไหน เรายอมรับกันหรือไม่ ที่ประเทศอินเดียมีผู้นับถือพุทธไม่น่าจะเกินร้อยละ 7 ทั้งที่เป็นต้นกำเนิดของพุทธศาสนาเพราะอะไรจึงเป็นเช่นนั้น เราทั้งหลายได้พิจารณาด้วยความคิดและสติปัญญาแล้วหรือยังว่า “ความเสื่อมต่างๆ ได้มีขึ้นมานานแล้วโดยที่เราไม่ค่อยได้เห็นหรือสังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงต่างๆ”

    เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆความมีศีลธรรมและจริยธรรมเสื่อมลง คนทั้งหลายจะไม่สามารถเข้าถึงวิธีการที่จะสำเร็จบรรลุมรรคผลได้ เมื่อพระสงฆ์ทั้งหลายไม่สามารถชี้แจงสั่งสอนหรือทำให้คนเหล่านั้นเข้าใจถึงหลักคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธองค์ได้ คนเหล่านั้นก็ไม่สนใจคำสอนของพระสงฆ์ คนรุ่นต่อมาจึงขาดความเข้าใจธรรมะที่แท้จริง พระพุทธศาสนาจึงเริ่มเสื่อมลงด้วยเหตุ 5 ประการ คือ

    1.การเสื่อมลงของหนทางแห่งความสำเร็จบรรลุมรรคผล ศีลธรรมและจริยธรรม
    2.การเสื่อมลงของวิธีการปฎิบัติธรรมและการเจริญภาวนา
    3.การเสื่อมลงของการศึกษาธรรมและการเข้าถึงพระธรรม
    4.การเสื่อมลงของวัฒนธรรมทางพุทธศาสนา
    5.การเสื่อมลงของบูรพาอาจารย์

    ท่านทั้งหลายคงเคยได้ยินชื่อของนอสตราดามุส(Nostradamus) หรือที่เราทราบตามหนังสือว่าเป็นผู้ที่ล่วงรู้เหตุการณ์ในอนาคต แล้วจดบันทึกในสิ่งที่ได้เห็นในนิมิต นอสตราดามุสเป็นคนฝรั่งเศส มีอาชีพเป็นแพทย์ ได้เขียนคำทำนายต่างๆ ไว้มากมายซึ่งได้จดบันทึกไว้เป็นหลักฐาน อีกทั้งข้อมูลจากตำนานต่างๆ ข้อมูลจากศาสนาอื่นๆ ที่กล่าวถึงบุคคลผู้ที่ได้ชื่อว่า”เป็นผู้นำสันติสุข” ซึ่งมีชื่อเรียกปรากฎตามการเรียกของแต่ละศาสนาและภาษานั้นๆ ดังเช่น

    ศาสนายิว ซึ่งเป็นต้นแบบของศาสนาคริสต์ เรียกว่า มาซายะ (Messiah)
    ศาสนาคริสต์ เรียกว่า Comforter
    ศาสนาอิสลาม เรียกว่า มาฮ์ดิ (Maldi)
    ศาสนาฮินดู เรียกว่า กาลกี(Kalki)
    ศาสนาพุทธ เรียกว่า เมตไตรยะ(บาลี),ไมเตรยะ(สันสกฤต) (Maitreya)

    ขอให้สังเกตว่า ทุกศาสนามีคำสอน และความเชื่อที่ต่างกัน และในศาสนาเดียวกันนั้นก็ยังมีการแตกแยกเป็นนิกาย หรือกลุ่มต่างๆ และสอนแตกต่างกัน แต่ทำไมถึงได้ระบุถึงผู้นำสันติสุขนี้ไว้เหมือนกันและสนับสนุนกัน ซึ่งเรื่องนี้จะกล่าวต่อไปในภายหลัง จากการศึกษาค้นคว้าของผู้เชี่ยวชาญทางศาสนาที่มหาวิทยาลัยและศูนย์ศาสนาที่สำคัญๆทั่วโลก เช่น กรีก,ฝรั่งเศส,ศรีลังกา,สหรัฐอเมริกา และอินเดีย เป็นต้น ได้มีความเห็นเดียวกันว่า

    พระเมตไตรย(Maitreya) หรือ Comforter หรือ Messiah หรือ Maldiหรือ Kalki หรือชื่อเรียกตามศาสนาและภาษานั้นๆ น่าจะเป็นบุคคลคนเดียวกันและจะมาปรากฏตนในปัจจุบันนี้ และตามตำนานโบราณยังได้บ่งว่า จะมีมหาภัยต่างๆ เช่น น้ำท่วม แผ่นดินไหว โรคระบาด มีวิกฤตต่างๆ ผู้คนเดือดร้อน และมีเหตุการณ์ที่เกิดได้ยากจะปรากฏขึ้นก่อนที่พระศรีอาริยเมตไตรยหรือพระเมตไตรยจะมาปรากฏ ดังเช่น

    1.การเกิดของวัวป่าสีขาว (White Cow) ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2537 ตามความเชื่อของชาวอเมริกัน-อินเดียน เชื่อว่าสันติสุขของโลกที่แท้จริงจะเกิดขึ้น ข่าวจากหนังสือพิมพ์ในสหรัฐอเมริกา

    2.การเกิดของวัวแดง (Red Heifer) ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาก่อนแล้วมากกว่า 2,000 ปี ได้กำเนิดขึ้นใหม่ในปี พ.ศ.2539 ที่ประเทศอิสราเอล การเกิดของวัวแดงตัวปัจจุบันตามความเชื่อของชาวยิวเป็นการแสดงว่า มาซายะ(Messiah) จะมาปรากฏตน สำนักข่าว CNN รายงานข่าวตามความเชื่อของชาวยิว

    3.ปรากฎการณ์เรียงตัวกันของดาวนพเคราะห์ทั้งหลายเมื่อต้นเดือน พฤษภาคม พ.ศ.2543 ตามความเชื่อของศาสนาฮินดูโบราณบ่งว่า กาลกี (Kalki) จะมาปรากฏตน

    4.พระจันทร์สีแดงอันเกิดจากจันทรุปราคาเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2543 แต่ประเทศไทยมีเมฆปกคลุมทำให้มองไม่เห็น เรื่องของพระจันทร์สีแดง มีในตำนานโบราณอายุกว่า 2,000 ปีกล่าวไว้ว่า “ในเวลากลางคืนไร้แสงอาทิตย์ และเกิดพระจันทร์สีแดงจะเป็นวันที่สำคัญยิ่งเพราะแสดงการมาของผู้นำสันติสุข” และในวันที่ 16 กรกฎาคม 2543 ดังกล่าวนั้นยังตรงกับวันอาสาฬหบูชาอีกด้วย

    เกี่ยวกับเรื่องที่ได้นำเสนอมาแล้วในตอนที่ 1 และในตอนที่ 2 นี้ก็ไม่ได้ขอให้เชื่อ แต่ขอให้พิจารณาถึงเหตุผลต่างๆ พิจารณาจากหลักฐานและข้อเท็จจริง การพิจารณาในสิ่งที่ดีงาม เปิดใจให้กว้าง ไม่เป็นกบในกะลาหรือเป็นน้ำชาล้นถ้วยที่ไม่ยอมรับอะไรเลย ยึดถือกับความเชื่อเก่าๆที่ขาดเหตุผลและหลักฐานความจริง จงอย่าลืมว่า พระศรีอาริยเมตไตรยนั้นท่านเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ที่ 5 ต่อจากพระพุทธเจ้าโคตม และเป็นวงศ์วานเดียวกับพระพุทธเจ้าโคตมในภัทรกัป ที่มีพระผู้มีพระภาคเจ้าถึง 5 พระองค์คือ พระกกุสันธะ ,พระโกณาคมมนะ,พระกัสสปะ,พระพุทธเจ้าโคตม และพระเมตไตรย

    สำหรับการที่ผู้คนส่วนใหญ่ และผู้ที่บอกกล่าวว่า พระศรีอาริยเมตไตรยหรือพระเมตไตรยจะมาปรากฏตนเมื่อพระพุทธเจ้าโคตมปรินิพพานไปแล้ว 5,000 ปี เป็นความเชื่อที่ขาดซึ่งหลักฐาน แม้แต่ในพระไตรปิฎกก็ไม่ได้ระบุเวลาดังกล่าวไว้ สิ่งที่เป็นหลักฐานที่พบได้ก็คือ หลักฐานที่พระธรรมทูตที่ได้ไปอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ และต้นศรีมหาโพธิ์ จากประเทศอินเดียเมื่อ พ.ศ.2484 ได้คัดลอกพระพุทธพจน์ทำนายหรือคำตรัสของพระพุทธเจ้าโคตม มาจากศิลาจารึกที่เก่าแก่ ณ เขตมหาวิหาร ในสวนมฤคทายวัน เป็นพระพุทธพจน์ทำนายที่ตรัสว่า พระศรีอาริยเมตไตรยหรือพระเมตไตรยจะมาปรากฏพระองค์หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว 2,500 ปี (ศาสนาได้ล่วงเลยมาถึงกึ่งพุทธกาล)

    พระพุทธเจ้าโคตม ได้ตรัสสอนไม่ให้เชื่อในเรื่องใดทั้งสิ้น ซึ่งได้ตรัสสอนไว้ในกาลามสูตร 10 ประการ หากสิ่งที่ได้คิด ได้ทำ ได้ปฎิบัตินั้นเป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ด้วยข้อเท็จจริงเป็นประโยชน์ต่อตนเอง และผู้อื่นโดยส่วนรวมแล้วก็ควรจะนำมายึดถือปฎิบัติ การเชื่อจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรนำมาถกเถียงกัน แต่ที่สำคัญอยู่ที่การศึกษาหาข้อเท็จจริง ความเป็นจริงต่างๆให้เกิดประโยชน์ ไม่ใช่ให้เกิดโทษ การจะเอาเรื่องความเชื่อมายึดถือโดยตลอดนั้นก็จะขัดกับหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าและหลักความเป็นไปได้ของความเป็นจริง “ใบประดู่ลายในพระหัตถ์ของพระพุทธเจ้าเพียงไม่กี่ใบ” เป็นสิ่งที่พระองค์ได้นำเรื่องที่เป็นความจริง พิสูจน์ได้และเป็นประโยชน์มาตรัสสอน แต่ใบไม้ที่เหลืออยู่บนต้น และอยู่ในป่าอีกมากมายนั้นเป็นสิ่งที่พระองค์ทรงทราบแต่ไม่ทรงตรัสสอน.

    คนเราทุกคนเกิดมาเพราะมีเวรจากการกระทำของตน มีใครจะทราบภูมิหลังของตนได้ว่า ชาติก่อนเกิดมาจากไหน ตายแล้วจะไปไหน บ้างก็บอกว่า ถ้าทำกรรมดีก็ได้ไปสวรรค์ ถ้าทำกรรมชั่วก็ได้ลงไปชดใช้กรรมอยู่ในนรก ซึ่งเป็นเรื่องที่เล่าสืบกันมา ได้ยินได้ฟังกันมาในลักษณะของนามธรรม แต่พระศรีอาริยเมตไตรยจะสามารถแสดงนรก-สวรรค์ให้ผู้คนได้เห็นจริงได้ด้วยรูปธรรม มิใช่เพียงนามธรรมตามที่ได้สั่งสอนกันมาหรือได้ยินได้ฟังกันมา เมื่อผู้คนได้ทราบผลแห่งการทำความดีและความชั่วแล้ว ผู้คนก็จะประพฤติปฎิบัติดี มีศีลธรรม ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ไม่เบียดเบียนกัน สังคมก็จะมีความสงบสุขที่แท้จริงอย่างยั่งยืนและตลอดไป

    ท่านผู้อ่านทั้งหลายคงพอจะทราบแล้วว่า จากการศึกษาและค้นคว้าจากผู้เชี่ยวชาญศาสนาในมหาวิทยาลัยต่างๆของโลกและศูนย์ศาสนาที่สำคัญๆต่าง ได้มีความเห็นเดียวกันว่า”ผู้นำสันติสุข”ที่มีชื่อเรียกตามแต่ละภาษาหรือแต่ละศาสนาเช่น ศาสนายิวเรียกว่า Messiah,ศาสนาคริสต์เรียกว่า Comforter,ศาสนาอิสลามเรียกว่า Maldi,ศาสนาฮินดูเรียกว่า Kalki และศาสนาพุทธเรียกว่า Maitreya น่าจะเป็นบุคคลคนเดียวกัน นอกจากนี้ใน Isaiah 9.6 และ 3.3 ของศาสนายิวกว่า 2,700 ปีมาแล้ว

    ได้ระบุเวลาเกิดของ Messiah ว่า จะเกิดในระหว่างสงครามซึ่งจะมีชัยชนะได้ด้วยไฟบรรลัยกัลป์เผาผลาญ (น่าจะหมายถึงระเบิดปรมาณูที่ใช้เฉพาะแค่ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ) และยังได้ระบุอีกว่า บุคคลนี้จะมาปรากฏตัวเมื่ออยู่ในวัยที่เรียกว่า “Golden Age”(วัยทอง,วัยกลางคน) นอกจากนี้ในศาสนาและลัทธิที่สำคัญๆ และจากตำนานที่เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก ได้บ่งบอกถึงบุคคลผู้นี้ไว้ดังนี้

    1.มีชื่ออยู่ในศาสนานั้นๆมีนามสกุลและคุณสมบัติส่วนบุคคลบ่งไว้พอเพียงที่จะพิจารณาและเข้าใจได้ เช่น ลักษณะของรูปร่าง,อายุ,จมูก,ปาก,เสียง
    2.บ่งบอกสถานที่และเวลากำเนิดของบุคคลนี้ว่าเกิดเมื่อใด
    3.ที่อยู่ปัจจุบันเป็นเมืองเล็กที่อยู่ในเมืองใหญ่
    4.เป็นผู้ที่มีความรู้ทั้งทางโลกและทางสวรรค์และจะพิสูจน์ให้คนทั่วไปเห็นได้ด้วยหลักฐานรูปธรรม
    5.เป็นผู้รู้จักมารและจะมาปราบมารด้วยพระธรรม
    6.เป็นผู้รู้โดยชอบจากการเข้าสมาธิ ความรู้ที่มีจะเกิดจากตนเอง
    7.เป็นผู้รู้ศาสนาทั้งหลายอย่างแท้จริง

    อ่านมาถึงขณะนี้ท่านผู้อ่านคงสงสัยว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องราวที่ไร้สาระ หาความจริงไม่ได้กันแน่แต่เรื่องราวต่างๆเหล่านี้มีหลักฐานปรากฏอยู่ในตำนานและคัมภีร์ของแต่ละศาสนา ซึ่งผู้เชี่ยวชาญทางศาสนาได้ค้นคว้ามาแล้วมีหลักฐานของความเป็นจริงที่พิสูจน์ได้ไม่ใช่เรื่องที่กล่าวขึ้นลอยๆโดยไม่มีที่มา พระพุทธเจ้าโคตมะ ได้ตรัสสอนเกี่ยวกับเรื่องบัว 4 เหล่าไว้เปรียบเทียบกับความเข้าใจของคนไว้อย่างเป็นเหตุเป็นผลถึงชนิดของบัวต่างๆ อันประกอบด้วย บัวบานแล้ว,บัวปริ่มน้ำ,บัวใต้น้ำ และบัวใต้โคลนตม

    นอกจากนี้พระองค์ยังได้ตรัสสอน ปรโตโฆสะและโยนิโสมนสิการ คือ การสนทนา ซักถามจากผู้ที่เป็นเพื่อนแท้ และรู้จักคิดพิจารณาด้วยความจริงที่เป็นธรรมและมีประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น ก็จะเกิดปัญญาธรรมที่ถูกต้อง ท่านผู้อ่านลองพิจารณาหาเหตุผล ข้อเท็จจริง ความเป็นจริงว่าเรื่องที่ได้บอกกล่าวมานี้ เป็นอย่างไร อย่าได้ปักใจเชื่อโดยมิได้พิจารณา หรือคิดว่าไม่น่าเชื่อถือโดยคิดว่าไม่มีเหตุผล ไร้สาระ ในขณะที่ผู้คนในต่างประเทศหลายๆประเทศ กำลังตื่นตัวในเรื่องราวเหล่านี้แต่เรายังหลับใหลอยู่หรือ มีบุคคลผู้หนึ่งได้กล่าวไว้ว่า การจะพิจารณาว่าคุณธรรมของตนเองมีแค่ไหน ความมีกุศลผลบุญมีเพียงใด วัดได้จากความเข้าใจในเรื่องนี้...........

    โดย : falcon
    วันที่ : 2006-04-03 22:09:00

    ที่มา �ؤ��������������� �͹���2
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กรกฎาคม 2009
  2. กสิณี

    กสิณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2009
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +333
    ขออนุญาตคัดลอกบางส่วนไปโพสต์ใน FB นะคะ
     
  3. Rama bodhisattva

    Rama bodhisattva Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2016
    โพสต์:
    158
    ค่าพลัง:
    +63


    ขอโอกาส พศ ที่เราใช้กัน ณ ปัจจุบัน น่ะถูกแล้วครับ เพียงแต่เราเข้าใจคำทำนายกันผิดต่างหาก จะว่า คำทำนายพระยาธรรมิกราช คำทำนายพระมหาเถระโพธิสัตว์ คำทำนายกึ่งพุทธกาล คำทำนายพระภิกษุผู้วิเศษ หรือคำทำนายของนอสตราดามุส ศรัทธาใหม่ ฯลฯ น่าจะหลัง 2500 นะครับ ไม่น่าจะใช่ กึ่งพุทธกาลตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น ขอบคุณครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...