///// เป้าหมายใครคือ นิพพาน เชิญทางนี้ /////

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย xeforce, 21 พฤศจิกายน 2013.

  1. xeforce

    xeforce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2011
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +413
    1.ตั้งเป้าหมายให้ถูก

    2.เลือกแนวทางมรรควิธีที่ถูกต้อง

    3.เจริญมรรคมีองค์ 8

    4.ตั้งจิตแน่วแน่ต่อมรรควิธี ที่เราเลือกว่าสามารถ
    พาเราไปถึงฝั่งได้แน่

    5.ปล่อยวางความอยากได้มรรคผล

    6.ปฎิบัติให้ถูกต้องตรงทาง




    ตั้งเป้าหมายให้ถูก

    ผู้สนใจในธรรมะและผู้ปฎิบัติธรรมล้วนตั้งเป้าหมายไว้ต่างกัน

    บ้างอยากทำสมาธิให้จิตสงบ ตั้งมั่นเป็นฌาน 1 2 3 4 บ้างอยากได้ฤทธิ์

    อยากได้อภิญญา บ้างก็อยากรู้ อยากศึกษาอภิธรรม บ้างก็อยากไปนิพพาน

    แต่แท้ที่จริงแล้วพระพุทธองค์ทรงประกาศธรรมเพื่ออะไร.... สาวกอย่าง

    เราท่านมุ่งหวังสิ่งใดกันแน่ในการปฏิบัติ ......



    ผมก็คนนึงเมื่อเข้ามาศึกษาพุทธศาสนาใหม่ๆ ก็เพราะความศรัทธา

    ในปัญญาของพระพุทธเจ้าที่แม้ความรู้ทางวิทยาศาตร์ไม่ได้เสี่ยวของปัญญา

    ของพระพุทธองค์ พอเกิดศรัทธาก็หาธรรมะมาฟัง คนแรกที่ผมฟังก็คือ ดร.

    สนอง ซึ่งได้ซีดีมาจากพี่ที่ทำงานคนนึงที่เป็นผู้้ชักชวนผมเข้ามาในทางธรรม

    พอฟังไปฟังมาก็อยากปฏิบัติ แต่ที่อยากปฏิบัติก็เพราะอยากจะได้ อยากจะเป็น

    เหมือน ดร.สนอง คือ อยากได้ฤทธิ์บ้างล่ะ อยากเห็นเทวดา นางฟ้า บ้างล่ะ

    อยากไปตามกิเลสมันปรุงแต่ง ไม่เคยรู้เลย พระพุทธเจ้าสอนอะไร ฟังธรรมะ

    ก็เลือกฟังแค่สิ่งที่ตนอยากฟัง คือเรื่อง สมาธิ เรื่องฤทธิ์ เรื่องปาฎิหารย์เหนือโลก

    ไม่ได้สนใจว่าพระพุทธองค์ประกาศธรรมะเพื่ออะไร แก่นแท้ของพุทธศาสนา

    คืออะไรกันแน่

    แต่ผมเองก็ว่าเรื่องอภิิปาฏิหารย์ต่างๆ ก็เป็นสิ่งที่ดีที่พาผมเข้ามาสนใจ

    ในธรรมะแม้นสิ่งนี้จะเป็นเปลือกบ้าง กระพี้บ้าง ก็ตาม


    เป้าหมายผิดผลก็ผิด

    พอเริ่มปฎิบัติไปเรื่อย พอนั่งสมาธิมีอาการเกิดขึ้นมาในจิต พอออกจาก

    สมาธิก็เอาไปเทียบกับคำครูบาอาจารย์ว่า เราได้ฌานไหนแล้ว ดีใจเมื่อฌานดีขึ้น

    แต่พอบางวัน ก็ไม่สงบ แม้แต่ปฐมฌานยังไม่ถึงเลย รวมความว่าแม้แต่การทำสมาธินี้

    ก็ไม่คงที่ เป็นอนิจจัง ปุถุชนผู้ยังไม่เห็นความจริง อยากให้ฌานนี้เราไม่เสื่อม มีแต่

    เจริญขึ้น เหมือนตอนเรามีความสุข ได้สิ่งของที่อยากได้ เงินทอง บ้าน รถ ก็อยากให้

    มันคงอยู่อย่างนั้น แต่ในสัจธรรมความเป็นจริงแล้ว ทุกสิ่งล้วนเปลื่อนแปลงไปตลอด

    ทุกสรรพสิ่งล้วนมีสภาพทุกข์ คือล้วนไปสู่ความดับ ไม่เว้นแม้แต่ สมาธิ และฌาน

    เมื่อเรายังยึดอยู่ กับสิ่งที่ไม่เที่ยงนี้ ก็ทำให้จิตของผู้ยึดนั้นทุกข์ สมาธิและฌานนั้น

    ก็ยังคงไม่ใช่เป้าหมายสูงสุดของเรา


    แท้ที่จริงพระพุทธเจ้าสอนอะไร

    พระพุทธเจ้าทรงสอนหลักสัจจะความจริง ความเป็นไปของธรรมชาติ

    ที่มนุษย์ทุกคน รวมทั้งสัตว์ที่เวียนว่าย ในวัฏสงสารนี้ เห็นผิดเหมือนกันหมด ล้วนถูก

    อวิชชา(ความไม่รู้จริง) บดบังความจริงนี้ไว้ พระพุทธเจ้าทรงเป็นผู้เปิดธรรมขึ้นมา

    เพื่อให้สาวก ผู้รับฟังพระองค์ ได้ทำลายอวิชชา เพื่อที่จะรู้แจ้งความเป็นจริง แล้วก็

    จะไม่ทุกข์ไปกับมัน เรียกว่าอยู่เหนือโลกธรรม ไม่ว่าสถานการณ์โลกจะเปลี่ยนแปลง

    ไปแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำให้จิตผู้แจ้งในธรรมเป็นทุกข์ได้อีก รวมความว่า เป้าหมาย

    ที่แท้จริงที่เราควรตั้งไว้นี้ คือ ความพ้นทุกข์ นั่นเอง



    .....................................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤศจิกายน 2013
  2. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,606
    ค่าพลัง:
    +1,817
    ขอแนะนำท่านทั้งหลายเอาไว้ อ่านดูแล้วค่อยคิดพิจารณา อย่าคิดว่าข้าพเจ้าขัดคอหรือคัดค้าน ขอให้คิดว่า ข้าพเจ้ามีประสบการณ์จริง ที่สามารถสอนให้ท่านทั้งหลายได้
    แต่ในที่นี้จะเป็นเพียงคำแนะนำว่า

    หากต้องการปฏิบัติธรรมเพื่อ บรรลุนิพพาน ตามหลักพุทธศาสนาพุทธ ก็อย่าได้ตั้งความหวังว่าจะบรรลุนิพพาน เพราะนั่นคือ ความหลงแลเป็นความโลภ อย่างมหันต์

    หากต้องการปฏิบัติธรรมเพื่อ บรรลุนิพพาน จงอย่าคิดว่าอยากจะได้ อภิญญา หรือ ฤทธา อภินิหารใดใดเป็นอันขาด เพราะนั่นคือ ความหลงและความโลภ อย่างมหันต์

    หากต้องการปฏิบัติธรรม เพื่่อบรรลุนิพพาน ต้องตั้งใจให้แน่วแน่ว่า....
    ๑. จะปฏิบัติเพื่อให้จิตใจสงบ ไม่ฟุ้งซ่าน

    ๒. จะปฎิบัติเพื่อให้ได้รู้ถึงแก่นแท้แห่งหลักธรรมทั้งหลาย

    ๓. จะปฎิบัติเพื่อให้ได้ชื่อว่า เป็น ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน อย่าปฏิบัติเพื่อให้เกิดความเศร้าหมองในจิตใจโดยไม่รู้ตัว เพราะ หลักธรรมบางชนิดที่พวกท่านเข้าใจว่า เป็นหลักธรรม แท้จริงแล้วเป็น ทั้งเหตุที่ทำให้เกิด กิเลส คือ ความโลภ ความหลง ความโกรธ เป็นทั้งเหตุที่เพียงธรรมดาธรรมชาติของสรรพสิ่งฯลฯ

    ๔. เมื่อท่านทั้งหลายปฏิบัติ จนเกิดความรู้ ความเข้าใจ ได้ทั้ง ๓ ข้อดังกล่าวข้างต้น แล้วท่านทั้งหลายก็จะเข้าใจในคำว่า มรรคผล โสดาบัน เป็นต้นไปฉะนี้
     
  3. Ron_

    Ron_ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    568
    ค่าพลัง:
    +1,284
    ไม่มีอะไรจะโพสต์ต่อแล้วหรือครับ คุณ xeforce กำลังรอฟังตอนต่อไปอยู่
     
  4. Ron_

    Ron_ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    568
    ค่าพลัง:
    +1,284
    มีอย่างหนึ่งที่ คุณสนอง ยังไม่ตอบ ว่า ทำไมถึงกล่าวเช่นนี้ หรือตอบไปแล้ว แต่ผมยังไม่ทราบ ใครรู้ช่วยบอกที

    พลังแห่งบุญญฤทธิ์ - YouTube
     
  5. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    ..แสดงธรรมตามสามารถเถิด การแจ้งในธรรม แทงตลอดธรรม เข้าใจในธรรม ไม่ถูกใครเอาธรรมมาหลอก..เราจักเป็นผู้เรียนรู้เอง เราจักเเจ็บเอง ปวดเอง และตายเอง สาธุ
     
  6. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    เอิ่มมม ..กินใจ

    5.ปล่อยวางความอยากได้มรรคผล

    กระทู้เก่าๆก้อมีคุณค่ามากนะเนี่ย ไม่จำกัดกาลจริงๆ เรารึไปนั่งท้อใจอยู่คนเดียวตั้งนาน ปลงไม่ลงกับทุกข์ในอดีต และความคาดหวังในอนาคต สาธุ สาธุ __/\__
     
  7. lovepyou

    lovepyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2008
    โพสต์:
    540
    ค่าพลัง:
    +974
    ถ้าจะตั้งเป้าหมายก็ต้องตั้งด้วยว่า จะใช้เวลาแค่ไหน เป้าหมายที่ดีต้องมีระยะเวลากำหนด
    ถ้าอยากสำเร็จอรหันตผล ก็ต้องกำหนดด้วยว่า อยากสำเร็จอรหันติผลเมื่อไร ในชาตินี้ ชาติหน้า หรือ
    อีก 7 ชาติ... ชาตินี้ จะเมื่อไร 7 วัน 7 เดือน หรือ 7 ปี

    บางทีถ้าเรายังรู้สึกว่าละกามฉันทะ ไม่ได้ ขอทำบุญเยอะๆ ไปเกิดเป็นเทวดาชั้นดุสิต เด่วรอพระศรีอริยเมตไตรยโพธิสัตว์ลงมาจุติ แล้วค่อยตามลงมาเป็นสาวกท่านเพื่อจะได้เข้าสู่มรรค์ผลไปพร้อมๆ กัน กับอีกหลายๆ คน กลัวเหงา ขอไปนิพานกันเยอะๆ แบบนี้ก็มี ก็ไม่ผิดอะไร อย่างน้อยฉันก็มีเส้นทางนิพพานอยู่ข้างหน้าละ

    บางคนบำเพ็ญมาเยอะกว่า ขอไปเป็นพรหมชั้นสุทาวาส แล้วจะเป็นอรหันต์ที่นั้นเลย ก็มี แต่นานหน่อย ขอเสพสุขเยอะๆ เลยละกัน ประมาณว่า พระพุทธเจ้าผ่านไปหลายพระองค์ยังคงเป็นพรหมอยู่อย่างนั้น แบบนี้ก็ไม่ผิด

    แต่ใครที่คิดว่าตนบำเพ็ญมาดี ชาตินี้มีความเพียร หมั่นประพฤติทางสู่มรรคผลไม่หยุดหย่อน ก็สามารถสำเร็จชาตินี้ได้ ก็ถือว่าสุดยอดละ ขออนุโมทนา

    ถึงแม้ว่าพระศาสดาจะไม่ได้อยู่ เพื่อมาตอบปัญหาเราแล้ว แต่ 84,000 พระธรรมขันธ์ ก็มากพอจะครอบคลุมคำถามทั้งหมดของคนทั้งโลกที่สงสัยในเส้นทางสู่มรรคผล

    เพราะพระศาสดาตถาคต (และพระพุทธเจ้าทั้งหมดที่มีมา) สอนอย่างเดียวคือ สอนทางไปสู่มรรคผล ไม่ได้สอนอย่างอื่น เพียงแต่ระหว่างนั้น บางคนก็ยังไม่พร้อม พระพุทธเจ้าก็จะบอกทางที่เหมาะแก่คนๆ นั้น เพราะฉะนั้น การไปสวรรค์ ไปอะไร ได้อภินิหาร ฯลฯ เป็นแค่ผลพลอยได้เฉยๆ

    ดังนั้น ถ้าใครคิดว่าตนเองเป็นปุถุชนธรรมดา เพิ่งเริ่มใหม่ ไม่รู้จะเริ่มอย่างไง อะไร 1 อะไร 2
    ผมขอแนะนำให้ไปอ่าน สิงคลกสูตร ก่อนเลย ตามด้วยการถือศีล 5 ตามด้วย มงคลสูตร อ่านแค่ 2 สูตรนี้เข้าใจและปฏิบัติได้ก็เทพมากพอแล้ว หลังจากนั้นก็หมั่นศึกษาเยอะๆ ควบคู่ไปกับการปฏิบัติ

    ถามว่าใครอยากไปนิพพานบ้าง ใครๆ ก็อยากไปแหละ แต่จริงๆ ควรตั้งคำถามใหม่ว่าใครอยากไปนิพาน ชาตินี้บ้าง เพราะถ้าเราตั้งคำถามถูก เราจะรู้ว่าชาตินี้ควรจะทำอะไร
    ___________
     
  8. lovepyou

    lovepyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2008
    โพสต์:
    540
    ค่าพลัง:
    +974
    ส่วนใครที่อยากเป็นพระพุทธเจ้า ผมขอบอกเลยว่าคุณต้องบำเพ็ญมหาศาลมากกกกก แล้วไม่ใช่ว่าจะสบายนะ เสียสละสุดๆ ลองไปอ่านชาดก ก่อนที่พระพุทธเจ้าจะมาเป็นพระพุทธเจ้าชาติสุดท้ายเถอะ แล้วจะพบว่าโหดกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว ยิ่งชาติสุดท้ายตอนเป็นพระพุทธเจ้าต้องเสียสละยิ่งกว่าชาติไหนๆ ต้องมาโปรดสัตว์ เจอคนสารพัดอย่าง ร้อยแปดพันเก้า แค่เราทำงานกลุ่ม กลุ่มละ 10 คนก็เริ่มมีปัญหาแล้ว อันนี้ต้องโปรดคนทั้งโลก เอาแค่พวกพราหมทิฐิเยอะก็เหนื่อยแล้ว ยังไม่นับพวกเดียเถียร พวกพระใหม่หวังกินฟรี พวกเจ้าลัทธิใหญ่ๆ อีก 6 ลัทธิ เทวทัตนี้ไม่ต้องพูดเลยว่าทำพระพุทธเจ้าลำบากมากแค่ไหน ท่านยังไม่ขับไล่พระเทวทัตออกจากศาสนาเลยนะ รู้ไหมเพราะเหตุผลอะไร? เพราะว่าเทวทัตเลวมาก ถ้าไม่อยู่กับพระพุทธเจ้าจะเลวยิ่งกว่านี้ เพราะฉะนั้นต้องอยู่กับพระพุทธเจ้าเท่านั้น แม้ว่าพระพุทธเจ้าเองจะไม่สามารถสอนได้ (คือไม่มีพระพุทธเจ้าองค์ไหนจะเอาเทวทัตอยู่) จนกว่าจะถึงวาระสุดท้ายที่เทวทัตสำนึกเอง ดูสิว่าท่านเมตตามากขนาดไหน คนจะมาเอาชีวิตก็ยังไม่โกรธสักนิด

    ยังไม่จบ ต้องโปรดอีกทั้งเทวโลก พรหมโลก ไหนจะต้องตอบคำถามเทวดาตอนดึกอีก ท่านไม่ใช่จะได้พักนะ ทำงานตลอดเวลา นอนวันละ 4 ชมเอง ตอนนอนก็ยังต้องนอนแบบมีสติ แล้วยังมีพวก ยักษ์ พวกนาค พญานาค มิจฉาทิฐิอีก คิดดู แค่คนก็เหนื่อยแล้ว อันนี้อมุนษย์มิจฉาทิฐิ ไม่ใช่ว่าทิฐิเยอะนะ แต่มิจฉาทิฐิเลย คือบินไป บินมาอยู่ดีๆ ก็เอาค้อนทุบหัว นอนๆ อยู่ใต้ต้นไม้ ก็จับมากินเลย ดูสิ ดูพวกมิจฉาทิฐิมันทำกัน ต้องปราบพวกนี้ให้มาอยู่ในศีล เป็นโสดาบัน ขนาดพรหมยังเป็นกะเค้าเลย (ผกาพรหม) ลองดูสิว่าวันนี้เราคุยกับคนรวยกว่าเรา เก่งกว่าเราเค้าจะฟังเราไหม อันนี้พรหมเลยนะ สูงกว่าเทวดาไป 6 ชั้น หยั่งแสงให้สว่างไปทั่วทั้งจักรวาลได้ คิดดูละกันว่าจะทิฐิเยอะขนาดไหน ไม่ต้องเอาถึงเทวดาหรอก แค่คนเราบางทียังคุยกันไม่รู้เรื่องเลย แล้วอันนี้ต้องไปสอนเค้า คิดดูละกัน

    ดังนั้นใครอยากเป็นพระพุทธเจ้า คิดใหม่ได้นะ กลับใจตอนนี้ยังทัน หึหึ

    แต่ถ้าใครไม่กลัวที่ผมพรรณามานี้ ก็สุดยอด ขออนุโมทนา เพราะขนาดช้างก็เป็นพระพุทธเจ้าได้นะ (นาฬคิริ) แต่เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า

    ส่วนใครที่คิดว่าพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว กลัวว่าจะอรหันต์ไม่ได้ ก็ไม่ต้องไปกลัว เพราะ
    "อานนท! ธรรมก็ดี วินัยก็ดี ที่เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้ว แก่พวกเธอทั้งหลาย
    ธรรมวินัยนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอทั้งหลาย โดยกาลล่วงแห่งเรา"

    เพราะฉะนั้นใครที่สมาธิอย่างเดียว ภาวนาอย่างเดียว ก็อย่าลืมไปพบพระพุทธเจ้าบ้าง...
    เปิดไตรปิฎกก็เหมือนไปเข้าเฝ้าพระศาสดานั้นแหละ"
     
  9. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,606
    ค่าพลัง:
    +1,817
    การที่บุคคลอันศรัทธาในทางพุทธศาสนา ต้องการที่จะปฏิบัติธรรมเพื่อให้บรรลุระดับอริยบุคคล ตั้งแต่ชั้น โสดาบัน ไปจนถึง นิพพาน ไม่ใช่เรื่องยาก
    ที่มันยากอยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะความไม่รู้ ความไม่เข้าใจในหลักธรรม ในหลักปฏิบัติ ในหลักพระไตรปิฎก ของผู้ที่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอนในทางพุทธศาสนา นับตั้งแต่ พระสงฆ์ ไม่จนถึง เหล่าผู้ตั้งตัวเป็นผู้รู้ เป็นอาจารย์ เป็นผู้ชำนาญการศาสนา มองข้ามหลักความจริงตามธรรมชาติ หลักความจริง ตามพระไตรปิฎก
    ในพระไตรปิฎกสอนไว้ กล่าวไว้ แต่พวกเขาเหล่านั้น ไม่รู้ ไม่เข้าใจ จึงทำให้ผู้ศรัทธาในพุทธศาสนา รวมไปถึง ผู้เกี่ยวข้องในพุทธศาสนา ไม่สามารถปฏิบัติ หรือฝึกตน ให้เข้าสู่ หรือให้บรรลุถึง ระดับ อริยบุคคลได้ ข้าพเจ้าไม่เขียนให้เกินเลยไปกว่านี้
    เมื่อข้าพเจ้าเข้ามาเผยแพร่ใหม่ๆ ก็ถูกลุ่มบุคคล เวบฯบางเวบฯกล่าวโทษ ใส่ร้าย ต่างๆนานา ทั้งๆที่ข้าพเจ้ารู้ดีอยู่แก่ใจว่า พวกเขาเหล่านั้น เป็นผู้บิดเบือน เป็นผู้สอนให้ผู้อื่นในทางผิดๆ ไม่มีความรู้ ความเข้าใจ ตามพระไตรปิฎกอย่างดีพอ จึงทำให้ไม่มีผู้ใดสามารถ บรรลุถึงระดับอริยบุคคลเลยแม้แต่คนเดียว เว้นแต่จะเป็นการตั้งกันขึั้นมาเท่านั้น
    อนึ่ง บุคคลที่ไม่ใช่พระพุุทธเจ้า คงไม่มีทางเป็นพระพุทธเจ้าได้ เพราะ พระพุทธเจ้า คือ ผู้คิดค้น คือ ผู้วิจัย ทดลอง ฝึกฝน ปฏิบัติ จนได้ผลดีแล้ว จากนั้นจึงสอนผู้อื่น ต่างจากบุคคลที่ฝึกฝนหรือปฏิบัติตามหลักแห่งพระพุทธเจ้า เพราะบุคคลเหล่านี้ก็เป็นเพียงลูกศิษย์ หรือผู้ตามเท่านั้น แต่ก็สามารถบรรลุถึงหรือสำเร็จถึงระดับอริยบุคคลได้เช่นเดียวกับพระพุทธเจ้า หากบุคคลเหล่าน้้น มีความรู้ มีความเข้าใจ มีสมองสติปัญญาใกล้เคียงกับพระพุทธเจ้า
     
  10. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    โดน มหาเถรใบลาน เกทับ เเถมลงกําชับด้วยดาบสองงงงงงง
    ตายสนิด ศิษ เทวดาน้อยยยยย
     
  11. ปราบผี

    ปราบผี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    95
    ค่าพลัง:
    +365
    ช้างนาฬาคิริง ต่อไปจะได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลยทีเดียว
    ไม่ใช่แค่ปัจเจกพุทธเจ้าเท่านั้น

    (ตามหลักฐานในคัมภีร์อนาคตวงศ์)

    แม้พระโคดมพุทธเจ้านี้ ก็เคยเกิดเป็นช้างมาก่อน นับชาติไม่ถ้วนแล้วเหมือนกัน
     
  12. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ผู้ที่ไปเป็นพรหมชั้นสุทธาวาส ไม่ได้ไปเพราะตั้งใจไปเสพสุขนะครับ
    สำหรับผู้ที่ไปถึงตรงนั้นแล้ว ทุกอารมณ์ ทุกสภาวะของการเข้าไปยึดขันธ์ ถือเป็นทุกข์อย่างละเอียดทั้งหมด เพียงแต่ยังไม่สามารถดับตัวผู้รู้ได้ ก็เลยต้องไปค้างรออยู่ที่นั่นก่อน จนกว่าจะสลายไปหมดตามเวลา
     
  13. Aunyadham

    Aunyadham ธรรมใด เกิดขึ้นเพราะเหตุใด ย่อมดับที่เหตุนั้นแล

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    441
    ค่าพลัง:
    +627
    ความอยากพ้นทุกข์เป็นเรื่องที่ตรงที่สุด เพราะทุกข์จะนำให้พ้นทุกข์ได้ ยิ่งทุกข์มากเห็นทุกข์มาก ก็ยิ่งอยากจะพ้นทุกข์ให้มากขึ้นเช่นกัน นี่คือวิสัยของผู้ที่จะพ้นทุกข์ได้ในชาตินี้ พระอรหันต์ถ้าแปลแล้วก็คือผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร เมื่อเห็นภัยแล้ว จึงหาทางให้พ้นภัยให้ได้ไม่ว่าจะเป็นหนทางใดจะลองปฏิบัติจนหมดสิ้น เมื่อปฏิบัติแล้วจึงจะรู้เองว่าหนทางใดวิธีใดจะทำให้พ้นทุกข์ได้ แต่บุคคลเช่นว่านี้ ในปัจจุบันนี้ที่มีทุกข์เข้าเผาลนจิตใจจริงๆ หาได้ยากยิ่งนัก เปรียบเสมือนเขาโค นอกนั้นก็ยังติดอยู่ในชาติภพเสมือนขนโคที่มีมากเหลือคณา วิปัสนา ควรทำให้เป็นพื้นฐานเป็นอุบายเรืองปัญญา เช่นการพิจารณาอาการ 32 ให้ติดเป็นอุคนิมิตยิ่งดี เมื่อเจริญให้มากแล้วจะเบื่อหน่าย จึงจะเกิดและส่่งผลผลักดัน เป็นปัจจัยเกื้อหนุนในการปฏิบัติธรรมไปสู่ขั้นที่สูงเองไปตามลำดับ ทำเช่นนี้จนเกิดสภาวะที่เรียกนิพพิทาญาณแล้ว จึงยกอารมณ์ขึ้นเพ่งสติ เน้นสติเป็นที่ตั้งเป็นหลักชัย ทำให้มากเจริญให้มาก ข้อแนะนำควรตั้งจุดที่เพ่งสตินี้ตรงระหว่างนัยต์ตาทั้งสอง อย่าสูงหรือต่ำกว่านี้ ไม่มีประโยชน์ ทำให้มากเจริญให้มาก ไม่ว่าจะยังไงถ้าสติหลุดก็ขอให้กลับมาตั้งจุดเริ่มต้นใหม่ที่จุดนี้ สติเป็นของไม่เที่ยง แต่เรากำลังจะบังคับให้มันเป็นกำลังทำให้มีมาก จึงมิใช่เรื่องง่ายที่จะเห็นผลได้เร็ว แต่ขอให้ทำให้มากเจริญให้มาก เพราะเรื่องนี้ตรงจุดในการที่จะทำให้พ้นทุกข์ได้จริง เป็นเรื่องที่ผู้ปฏิบัติอย่างอุกฤตษ์ จึงจะประสบพบเจอกับตนเอง จึงเป็นปัจจัตตัง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มิถุนายน 2014
  14. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,604
    ค่าพลัง:
    +3,014
    ขออนุโมทนาสาธุอีกครั้ง
    ธรรมของท่านอธิบายดีแล้ว
    ตรงแล้ว ขอให้อดทนต่อไป
    สุดท้ายผลย่อมหอมหวาน
     

แชร์หน้านี้

Loading...