ขอถามท่านผู้รู้เกี่ยวกับการทดสอบพุทธคุณค่ะ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย มณีดิน, 30 มีนาคม 2014.

  1. มณีดิน

    มณีดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +537


    ประเด็นนี้น่าสนใจอย่างยิ่งค่ะ แสดงว่าท่านสนใจ และเชื่อในพลังพุทธคุณอยู่แล้ว สำหรับผู้มีความเชื่ออยู่แล้ว ดิฉันคิดว่า ท่านเป็นผู้มีทุนเดิมมากพอสำหรับการนี้ แต่สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยประสบ หรือสัมผัสด้วยอายตนะใดๆ ก็จะต้องสงสัยและสงสัย เพราะไม่มีทุนเดิม ดั่งเช่น ดิฉันสงสัย ดิฉันเชื่อว่าเป็นเช่นนี้ค่ะ
     
  2. มณีดิน

    มณีดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +537

    ถูกต้องที่สุดและเห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ ตามนี้เลย สาธุๆค่ะ
     
  3. หมูดิน1

    หมูดิน1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2011
    โพสต์:
    544
    ค่าพลัง:
    +863
    พุธโท อัปปมาโน คุณของพระพุทธเจ้า หาประมาณไม่ได้


    พุธโท อัปปมาโน คุณของพระพุทธเจ้า หาอะไรมาเปรียบไม่ได้

    มากมายมหาศาล (พุทธคุณมีทุกรูปแบบ จากน้อยไปหามาก และก็มหาศาล)

    สิ่งที่คุณสัมผัส ก็เป็นพุทธคุณ

    ถ้าร้อนก็อยู่ยงคงกระพัน แคล้วคลาด

    ถ้าจับแล้วเย็น ไปถึงหวัไหล่ ดีทางด้านเมตตามหานิยมนะครับ

    อาการอย่างที่ว่า เดี๋ยวก็หาย อยา่สองจิต สองใจ

    ให้มั่นใจ ว่าใช่พุทธคุณ

    ดีแล้วครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 เมษายน 2014
  4. มณีดิน

    มณีดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +537
    จะว่าไปแล้ว...พระเครื่อง พระบูชา และเครื่องรางของขลัง ซึ่งเป็นวัตถุทางวัฒนธรรม ที่อยู่ในใจ และเป็นความเชื่อ ความมั่นใจ ว่าเป็นสิ่งที่คุ้มครองจิตใจ คนไทย มีมา ตั้งแต่ครั้งสมัยโบราณกาลนานเป็นพันๆปีมาแล้ว เพื่อให้ยึดมั่นถือมั่นในการทำความดี ตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า แม้ว่าในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าจะไม่ได้แนะนำสั่งสอนให้กราบไหว้วัตถุ ก้อนเหล็ก แท่งหิน หรือมีความเชื่อในเรื่องนี้ จึงกลายเป็นเรื่องของความเชื่อ ดูก่ำกึ่งเหมือนว่า เป็นไสยศาสาตร์แขนงหนึ่ง มีการซื้อขายในเชิงพาณิชย์อย่างคึกคักเหมือนเป็นทรัพย์สินอะไรชิ้นหนึ่ง บางองค์มีราคาสุดแพงหฤโหดมากกว่า บ้าน ที่ดิน หรือรถยนต์เสียอีก แล้วอย่างนี้จะห้ามไม่ให้มนุษย์อย่างเราๆที่ยังต้องเวียนว่ายในโลกกลมใบนี้ มนุษย์ที่ยัง ต้องกินต้องใช้ มีค่าใช้จ่าย ห้ามไม่ให้สนใจได้อย่างไร ก็ยังตัดกิเลสไม่ได้อย่างสิ้นเชิงนี่คะ
     
  5. หมูดิน1

    หมูดิน1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2011
    โพสต์:
    544
    ค่าพลัง:
    +863
    พุทธคุณมี108 คุณ มากมาย หลายอย่าง

    ไม่ใช่ เอะอะ ก็หลุดพ้น

    ถามจริงๆ คนที่ปฎิบัติจนหลุดพ้น

    และต้องการความหลุดพ้น มีสักกีคนบนโลกใบนี้?

    นับเปอร์เซ็นได้ 0.ใช่ป่าวครับ

    บารมีการปฏิบัติ ก็ต้องเริมตั้งแต่ อุปปะ บารมี หรือบารมีต้นๆ

    บารมีต้น นี่ พระเครื่อง ทำบุญใส่บาต นี่สุดยอดแล้ว

    พระพุทธองค์จะสอนการธรรมการครองเรือน เพื่ออะไร

    ทำไมไม่สอนธรรมไห้หลุดพ้นอยางเดียวไปเลยละ

    พวกพรหมวิหารสี่ สังคหวัตถุสี่ จะสอนไว้ทำไมละ นี่ยกตัวอย่งานะครับ

    อะไรก็ต้องมีบันได ขั้นที่หนึ่ง สอง สาม ไปตามลำดับ

    ไมา่ใช่เอะอะ ก็จะปีนยอด!มะพร้าวกันเลย จะหลุดพ้นกันเลยทีเดียว

    ต้องให้กำลังใจกัน ต้องช่วยเหลือกัน (ไม่ใช่เฮ๊ยแกทำไม่ถูก

    พระพุทธองค์ ไม่เคยตรัสสอนให้ใครเสียกำลังใจ)

    (คนที่จับ วัตถุมงคล แล้วสัมผัสพลังได้ นี่ พระท่านว่า ถึงพุทโธแล้วนะ

    ต้องแยกไห้ออกนะครับ ชอบเล่นพระ ชอบสะสมพระ ชอบดู ชอบส่อง

    วัตถุมงคล อันนี้ ก็อีกอย่าง แต่จับกระพลัง พุทธานุภาพได้ ในพระเครือง

    มันคนละพวก คนละประเภทกัน

    พวกที่ที่ทำไม่ได้ จับไม่ได้ ไม่รู้สึกสัมผัสอะไร

    มองเห็นเป็น เหล็ก หิน ปูน ทราย นี่ยัง ยังอีกไกล ดีแล้วครับ อนุโมทนา)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 เมษายน 2014
  6. มณีดิน

    มณีดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +537

    อ่านแล้วรู้สึกดีจัง ที่รู้สึกดีดีแบบนี้ แสดงว่า ผู้ที่รู้บทธรรมมากๆ ลึกซึ้งหรือเน้นทางไปนิพพาน
    ก็ใช่ว่าจะมีอายตนะที่รับสื่อพุทธคุณนี้ได้ทุกคนไปหรือคะ
    ดิฉันเข้าใจว่า ผู้รู้ธรรมะมากคือผู้มีเครื่องรับส่งที่มีคุณภาพดีมากกว่า และคงรับได้ดีกว่าเสียอีก
     
  7. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,606
    ค่าพลัง:
    +1,817
    คุณเข้าใจผิดแล้วที่กล่าวว่า ผู้รู้ธรรมมากๆ อาจจะไม่สามารถรับสื่อ พุทธคุณได้
    คุณควรทำความเข้าใจใหม่ ให้ดีว่า...
    ยิ่งบุคคลนั้น รู้และเข้าใจในธรรมทั้งหลาย แลปฏิบัติได้ในธรรมที่เข้าใจและรู้ ย่อมต้องมีสัมผัสพิเศษ ที่มนุษย์ไม่มี
    วัตถุมงคล ต่างๆ ที่มีอยู่ ถ้าเป็นของโบราณ ก็คงจะมี อำนาจแห่งพลังจิตอยู่บ้าง ไม่ใช่พุทธคุณอย่างที่คุณเข้าใจ คำว่า อำนาจพลังจิต หมายถึง อำนาจจิตของคนสมัยโบราณ ที่รู้และเข้าใจในแก่นแท้ของธรรมะ อีกทั้งยังสามารถปฏิบัติได้ ย่อมสามารถบรรจุพลังจิต ในรูปแบบต่างๆเอาไว้ในวัตถุมงคลที่สร้างขึ้นได้ แต่ถ้าเป็นสมัยปัจจุบัน คงหายาก
    อีกประการหนึ่ง พลังจิตที่มีอยู่วัตถุมงคลใดใดก็ตาม ล้วนมีความเสื่อม คือ หดหาย ไปได้ตามกาลเวลา จะไม่คงอยู่ตลอด ยกเว้น พลังงานพิเศษของผู้บรรลุธรรมอันวิเศษ อยุ่ในขั้น อริยะบุคคล ตั้งแต่ชั้น อนาคามี เป็นต้นไป พลังงานพิเศษที่บรรจุอยู่ในวัตถุมงคลนั้น อาจจะคงอยู่นับได้เป็น ร้อยปี หรือ หลายร้อยปี ได้ (พลังงานพิเศษในที่นี้ ไม่ได้หมายถึง พุทธคุณ หรือ หลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้านะขอรับ)
    ส่วนที่คุณกล่าวถึง พลังพุทธคุณ นั้น ความจริงแล้ว ไม่ได้มีในวัตถุมงคล ขอรับ เพราะ คำว่า "พุทธคุณ" นั้น หมายถึง หลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่เราควรระลึกนึกถึง ขอรับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 เมษายน 2014
  8. chatyamn

    chatyamn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    664
    ค่าพลัง:
    +4,057
    โมทนาบุญครับ ผมก็เชื่อว่าเจ้าของกระทู้สัมผัสพลังพุทธคุณได้...มันก็รู้สึกดี มั่นใจ เชื่อมั่น ในพระพุทธคุณ เกิดการศรัทธาที่มากขึ้น การกระทำก็จะดีขึ้น เพราะเราเชื่อพลังพุทธคุณ...เราจะรักในพระรัตนตรัยโดยอัตโนมัติ......จับองค์ไหน ภาพพระลอยมาในดวงจิต....จับองค์ไหนก็เห็นองค์นั้น....นึกถึงองค์ไหนก็เห็นองค์นั้น...เห็นภาพพระได้ตลอดก็ทำได้...ก่อนจะจับพระพลังพุทธคุณเราก็จับภาพพระไว้ในใจ....ทำแล้วมีความสุข นึกถึงพระแล้วใจสบาย.....ตามแนวทาง พละทั้งห้า
    ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา.....ค่อย ๆทำไปครับ โมทนาบุญ.
     
  9. มณีดิน

    มณีดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +537

    ขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ...เข้าใจมากขึ้นแล้ว คลื่นความถี่ของผู้มีธรรมย่อมเปิดรับพลังพิเศษได้อยู่แล้ว เพราะในระดับอริยบุคคล ย่อมตัดแล้วซึ่งอาสวะกิเลส และบางทีท่านเหล่านั้นก็คงไม่ได้ใส่ใจในเรื่องนี้มากไปกว่าแก่นธรรมที่ลึกซึ้ง จริงแท้แน่นอน สาธุค่ะ
     
  10. มณีดิน

    มณีดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +537


    จริงแท้แน่นอนอย่างยิ่งค่ะ ... ตั้งแต่สัมผัสพลังได้ รักพระเครื่องทุกองค์ และหันมารักษาดูแลอย่างดีเลยค่ะ ขอบคุณในเมตตาไมตรีของเพื่อนกัลยณมิตรที่ให้ความรู้กระจ่างชัด ได้ความรู้มากมาย สัมผัสได้ถึงกระแสเย็นจิตเย็นใจของทุกคนที่ให้ความรู้ ขอบคุณจริงๆค่ะ
     
  11. Workgroup

    Workgroup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    693
    ค่าพลัง:
    +1,947
    พุทธคุณ มี หลายแบบ ในการ พิจารณา วัตรพลังของวัตถุมงคลนั้น

    มีอาการณ์แตกต่างกันไป แล้วแต่ความละเอียด ของ จิต บุคคลนั้นๆ

    เช่น เพ่งจิต ไปที่วัตถุมงคลนั้น มี อาการณ์ หยุด ของจิตที่ ส่งออก แล้ว มีการหนักตามมา หรือ ร้อน แล้วก็ เย็นตามมาลำดับ คือ หลวงพ่อท่าน นั้น อธิษฐาน จิต หรือ ลง อักขระ เป็น

    1 นะปัดตลอด นำหรือ นะจังงัง นำ = อาการณ์จิต เหมือนตก ภวังค์
    2 ก็จะเป็นมหาอุต คงกระพัน หรือ มหาสะท้อน = อาการณ์จิตจะ ร้อน
    3 ก็จะเป็นเมตตาตามมา = อาการณ์จิตจะ เย็นวาบ

    ถ้ามีอาการณ์ลักษณะคล้ายแบบ นี้เราก็จะรู้ได้ว่า หลวงพ่อท่าน เก่งท่างไหนมั่ง

    ร้อนตลอดเวลา = กสิณไฟ หมายถึง ทำให้เราฆ่ากิสเลสได้
    หนักที่หน้าอกตลอดเวลา = กสิณดิน หมายถึง ทำให้เราหนักแน่
    เย็นตลอดเวลา = กสิณน้ำ หมายถึง ทำให้เรามีเมตตา เหมือนน้ำในมหาสมุทร
    เย็นตลอดเวลา = กสิณลม หมายถึง ทำให้เราใจเย็น

    หมายเหตุการส่งจิตออกมาใช่มากๆ จะทำให้เราไม่มี สติ และ วิปลาส ได้โดยง่าย

    จึงไม่ครวนรอง เพราะไม่ถูกท่าง ครับ อย่าส่ง จิต ออกไป ให้ดูที่ ภายในตัวเราดีกว่า เรียกง่ายๆ คือ สติ นั้นเอง
     
  12. มณีดิน

    มณีดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +537

    ขอบพระคุณอย่างสูงในความเมตตาที่บอกกล่าวค่ะ ตั้งแต่ทดสอบพระลูกอม หลวงพ่อร้าย ทำเอาปวดร้าวแขน และไหล่ไปนานหลายวัน ไม่ได้ทดสอบพลังแล้วค่ะ ขอเป็นนานๆทดสอบทีเพื่อเป็นขวัญกำลังใจก็พอ เพราะเชื่อแล้ว ...ว่ามีจริง และจะทดสอบก็เพื่อรู้ว่า ของเก่า หรือใหม่ เท่านั้นพอ เพราะพระเครื่องทุกองค์ดีหมดทุกองค์ ดั่งที่เพื่อนกัลยณมิตรหลายๆท่านแนะนำค่ะ
     
  13. มณีดิน

    มณีดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +537

    สาธุค่ะ... จริงอยู่นะคะท่าน พระพุทธเจ้าไม่เคยให้นับถือบูชาสัญญลักษณ์ตัวแทนท่าน แต่วัตถุบูชามีมาตั้งแต่สมัยโบราณกาล นานมากแล้ว จนกลายเป็นวัตถุทางวัฒนธรรมไปแล้ว จะแก้อย่างไรได้คะ แม้แต่ตัวเราเอง เวลาไปวัดหรือเห็นพระพุทธรูป พระเครื่องใดๆ เรายังต้องยกมือไหว้โดยอัตโนมัติ แม้รู้ว่าเป็นแค่ท่อนเหล็ก แท่งหิน ก็ตาม ส่วนเรื่องการค้าพระเครื่องในเชิงพาณิชย์ ก็เห็นมีบางคนก็ได้ทรัพย์มาก็นำไปสร้างวัด บูรณะโบสถ์ คงไม่ได้ไปใช้นอกลู่เสียทุกคนมั๊งคะ คงเป็นแค่บางคน ที่ท่านบอกนี้คงหมายถึง พวกที่มียศฐาบรรดาศักดิ์ ใหญ่โต แต่ถ้าเป็นคนพุทธจริงๆแล้ว คงไม่ได้อยากนำไปขายคงอยากเอาไว้บูชาเอง นอกจากความจำเป็นบังคับ หรือมีแรงจูงใจ ปรารถนาในการสร้างบุญต่อบุญค่ะ
    ความเห็นส่วนตัวนะคะ สาธุๆเจริญในธรรมค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 เมษายน 2014
  14. Workgroup

    Workgroup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    693
    ค่าพลัง:
    +1,947
    ทดสอบมากๆระวังความอยาก ของ จิต เข้ามาครอบงำแทนเน้อ จิตมันชอบเที่ยว ชอบหลอก เวลามี กิเลส ตัณหา อุปาทาน จิต นี้ชอบมาก ถ้ากำลัง สติ ไม่พอ

    มันชอบหลอกให้เราหลงทาง

    สาธุเจริญธรรม
     
  15. comxeoo

    comxeoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +214

    คนสมัยก่อน สร้างพระพุทธรูป พระเครื่อง ต่างๆเหล่านี้ เป็นเพียงเครื่องให้ระลึก ถึงคุณของพระพุทธเจ้าเท่านั้น ถ้าผู้ใหญ่จะสอนเด็กๆถึงธรรมะในพระพุทธศาสนา เด็กๆก็จะถามอีกว่า แล้วพระพุทธเจ้าหน้าตาเป็นอย่างไร จะได้ชี้ให้ไปดูที่โบสถ์ หรือพระที่แขวนคออยู่แล้วสอนให้เป็นเด็กมีคุณธรรม ไม่ทำบาปแล้วพระจะคุ้มครอง เด็กก็จะไม่ไป รังแกสัตว์ ไม่ไปขโมยของ หรือพูดโกหก ช่วยเหลืองานบ้าน เป็นลูกกตัญญู.. พุทธคุณก็คือ เด็กคนนั้นก็จะเป็นที่รัก ของทุกคน และแคล้วคลาดจากอันตรายต่างๆ เพราะเชื่อฟังคำสอนของผู้ใหญ่ ไม่ไปเล่นต่างที่ๆอันตราย พุทธคุณแท้จริงที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดมาจากความขลังของวัตถุที่นำมาสร้างแต่อย่างใด แต่เป็นพุทธคุณที่เกิดจากธรรมะนั่นเอง

    แต่พอมาในสมัยนี้จุดประสงค์มันเปลี่ยนไป กลายไปเป็นของขลัง ของศักสิทธิ์ ไปยึด เอาพระเครื่อง พระพุทธรูป ที่เป็นรูป เป็นธาตุตามธรรมชาติ ที่มีเสื่อมไป สลายไป เอามาเป็นของน่ายึดถือ..



    ท่านทั้งหลายย่อมสำคัญความนั้นเป็นไฉน
    ภิกษุทั้งหลาย,
    รูปเที่ยงหรือไม่เที่ยง,
    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ไม่เที่ยง พระเจ้าข้า,
    ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ หรือเป็นสุขเล่า,
    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เป็นทุกข์ พระเจ้าข้า,
    ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์,มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา,
    ควรหรือเพื่อจะตามเห็นสิ่งนั้น,ว่านั้นของเรา เราเป็นนั่นเป็นนี่
    นั่นเป็นตนของเรา,
    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ความพิจารณาเห็นอย่างนั้น
    ไม่ควร พระเจ้าข้า,



    ของที่ว่าขลัง ของศักสิทธิ์ ถ้าไม่ได้คิดว่าเป็นแค่เครื่องระลึกแล้ว ไปคิดว่าของศักสิทธิ์ จะบันดาลความสุขมาให้นั้น ซึ่งมันเกี่ยวเนื่องแค่เรื่อง สุขเวทนาเท่านั้น คือมีของขลังแล้ว อยากให้ตนเองเป็นที่รักของผู้อื่น(เมตตา มหานิยม)...ตัวเองจะได้มีความสุข หรือจะให้แคล้วคาดจากอันตรายต่างๆ ที่จริงก็คือไม่อยากให้ตนเองเป็นทุกข์ เท่านั้น ซึ่งไม่ว่าสุขหรือทุกข์ ก็เป็นของมีแล้วหายไปทั้งสิ้น ก็กลายเป็นการเอา ทุกข์ไปซ้อนทุกข์ อีกที ผิดจากความหมายของพระพุทธศาสนาไป

    แต่ถ้าจะมีพระเครื่อง พระพุทธรูป ก็มีไปเถอะครับ ถ้าอยู่ในสมมุติ ก็ใช้สมมุติให้เป็นประโยชน์ แต่ใช้เป็นที่ระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ใช้รูปที่เห็นได้ด้วยตาไปก่อน เมื่อธรรมะเข้าไปถึงใจ เดี๋ยวรูปทั้งหลายก็หมดราคาไปเอง ตอนนี้ก็มีไปก่อนใช้ไปก่อน ใช้แบบไม่ยึดติดก็ได้ วันนึงมันหายไป หรือเก่าจนสลายไปตามเวลา ก็ไม่ต้องไปทุกข์ใจแค่นั้น เหมือนของทุกอย่าง ก็มีได้ครับ จะพระสมเด็จฯ จะไอโฟน จะรถเบนซ์ แต่ไม่ต้องไปยึดว่าต้องเป็นเรา เป็นของเรา ใช้ของสมมุติให้เป็น แค่นั้นครับ
     
  16. ปราบจราจล

    ปราบจราจล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    162
    ค่าพลัง:
    +220
    "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความทุกข์โดยเฉพาะของสตรี (มาตุคาม) ๕ อย่างเหล่านี้ ซึ่งสตรีได้รับต่างหากจากบุรุษ คือ

    ๑. สตรีเมื่อเป็นสาวไปสู่สกุลแห่งสามี ย่อมพลัดพรากจากญาติทั้งหลาย นี้เป็นทุกข์โดยเฉพาะของสตรีข้อแรก ซึ่งสตรีได้รับต่างหากจากบุรุษ
    ๒. สตรีย่อมมีระดู (ประจำเดือน) นี้เป็นทุกข์โดยเฉพาะสตรีข้อที่สอง ซึ่งสตรีได้รับต่างหากจากบุรุษ
    ๓. สตรีย่อมมีครรภ์ (ตั้งครรภ์) นี้เป็นทุกข์โดยเฉพาะของสตรีข้อที่สาม ซึ่งสตรีได้รับต่างหากจากบุรุษ
    ๔. สตรีย่อมคลอดบุตร นี้เป็นทุกข์โดยเฉพาะของสตรีข้อที่สี่ ซึ่งสตรีได้รับต่างหากจากบุรุษ
    ๕. สตรีย่อมทำหน้าที่บำเรอบุรุษ นี้เป็นทุกข์โดยเฉพาะของสตรีข้อที่ห้า ซึ่งสตรีได้รับต่างหากจากบุรุษ
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความทุกข์โดยเฉพาะของสตรี ๕ อย่างเหล่านี้แล ซึ่งสตรีได้รับต่างหากจากบุรุษ."

    สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค ๑๘/๒๙๗
     
  17. ปราบจราจล

    ปราบจราจล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    162
    ค่าพลัง:
    +220
    ๒๐๘. บุรุษประกอบด้วยอะไรจึงครอบงำสตรีได้
    "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุรุษประกอบด้วยกำลังข้อเดียว ก็ครอบงำสตรีได้ กำลังข้อเดียว คือ อิสสริยพละ กำลังคือความเป็นใหญ่ สตรีที่ถูกกำลังคือความเป็นใหญ่ครอบงำแล้ว กำลังคือรูปก็ต้านทานไม่ได้ กำลังคือทรัพย์ก็ต้านทานไม่ได้ กำลังคือญาติก็ต้านทานไม่ได้ กำลังคือบุตรก็ต้านทานไม่ได้ กำลังคือศีลก็ต้านทานไม่ได้."

    สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค ๑๘/๓๐๕
     
  18. ปราบจราจล

    ปราบจราจล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    162
    ค่าพลัง:
    +220
    (หมายเหตุ : พระพุทธภาษิตนี้แสดงให้เห็นว่า ถ้าสตรีมีกำลัง ๕ ข้อแล้ว ก็เป็นผู้ครองเรือนที่มีอำนาจเหนือสามี แต่ในขณะเดียวกัน ถ้าสามีเป็นอิสสรชนคือผู้เป็นใหญ่ เช่น เป็นพระราชา กำลังคือความเป็นใหญ่ของสามีเพียงข้อเดียว ก็ครอบงำสตรีไว้ได้ พระพุทธภาษิตนี้เป็นกระจกฉายให้เห็นระบบการปกครองและสังคม ในสมัยนั้นว่า อำนาจสิทธิ์ขาดเป็นของคนชั้นปกครอง อนึ่ง บาลีพระไตรปิฎกฉบับไทยตอนนี้ตกหล่น ๒ คำ ได้สอบกับฉบับอักษรโรมันของสมาคมบาลีปกรณ์ และอรรถกถาฉบับอักษรไทยแล้ว ข้อความที่ตก คือที่เรียงตัวดำไว้ให้ดังต่อไปนี้

    กตเมน เอเกน พเลน. อิสฺสริยพเลน. อิสฺสริยพเลน อภิภูตํ มาตุคามํ เนว รูปพลํ ตายติ...)

    ๒๐๙. ของแก้กันอย่างละ ๓
    "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๓ อย่างเหล่านี้ คือ ราคะ (ความกำหนัดยินดี) โทสะ (ความคิดประทุษร้าย) โมหะ (ความหลง) นี้แลคือธรรม ๓ อย่าง.
    "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๓ อย่างที่ควรเจริญเพื่อละธรรม ๓ อย่างเหล่านี้คือ อสุภะ (ความกำหนดหมายถึงสิ่งที่ไม่งาม) ควรเจริญเพื่อละราคะ, เมตตา (ไมตรีจิตคิดจะให้ผู้อื่นเป็นสุข) ควรเจริญเพื่อละโทสะ, ปัญญา (ความรอบรู้ตามความเป็นจริง) ควรเจริญเพื่อละโมหะ. นี้แลธรรม ๓ อย่างที่ควรเจริญ เพื่อละธรรม ๓ อย่าง."

    ฉักกนิบาต อังคุตตรนิกาย ๒๒/๒๙๕

    (หมายเหตุ : พระพุทธภาษิตแห่งเดียวกันนี้ แสดงถึงธรรม ๓ อย่างที่ควรเจริญเพื่อละธรรม ๓ อย่าง อีก ๙ ชุด คือ
     
  19. ปราบจราจล

    ปราบจราจล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    162
    ค่าพลัง:
    +220
    พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามิได้ทรงสั่งสอน เพื่อจะให้บุคคลบรรลุพระนิพพานอย่างเดียว

    พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามิได้ทรงสั่งสอน เพื่อจะให้บุคคลบรรลุพระนิพพานอย่างเดียว ทรงตรวจดูอุปนิสัยและอัธยาศัยของผู้ฟังก่อน แล้วจึงทรงแสดงธรรม สำหรับผู้ที่สร้างสมบุญบารมีมาน้อย พระองค์ก็ทรงแสดงธรรมให้ผู้นั้นได้รับความสุขจากการอยู่ครองเรือน และให้ความสำคัญกับสถาบันครอบครัว ทรงวางหลักธรรมสำหรับปฏิบัติในสถาบันครอบครัวไว้ว่า สามีพึงบำรุงภรรยาผู้เป็นทิศเบื้องหลังโดยหน้าที่ ๕ ประการ คือ
    (๑) ให้เกียรติยกย่อง

    (๒) ไม่ดูหมิ่น

    (๓) ไม่ประพฤตินอกใจ

    (๔) มอบความเป็นใหญ่ให้

    (๕) ให้เครื่องแต่งตัว


    ภรรยาได้รับการบำรุงจากสามีโดยหน้าที่ ๕ ประการแล้ว ควรอนุเคราะห์สามีด้วยหน้าที่ ๕ ประการ คือ
    (๑) จัดการงานดี

    (๒) สงเคราะห์คนข้างเคียงดี

    (๓) ไม่ประพฤตินอกใจ

    (๔) รักษาทรัพย์ที่สามีหามาได้

    (๕) ขยันไม่เกียจคร้านในกิจการทั้งปวง



    ที.ปา. ๑๑/๒๖๙/๒๑๔

    บุตรธิดา ควรมีความกตัญญู บำรุงบิดามารดาผู้เป็นทิศเบื้องหน้าโดยหน้าที่ ๕ ประการคือ
    (๑) ท่านเลี้ยงเรามา เลี้ยงท่านตอบ

    (๒) ช่วยจัดทำกิจของท่าน

    (๓) จักดำรงวงศ์ตระกูล

    (๔) จักประพฤติตนให้เหมาะสมที่จะเป็นทายาท

    ๕. เมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว ทำบุญอุทิศให้ท่าน

    บิดามารดาได้รับการบำรุงจากบุตรธิดาแล้ว ย่อมอนุเคราะห์บุตรธิดาด้วยหน้าที่ ๕ ประการ คือ
    (๑) ห้ามมิให้ทำความชั่ว

    (๒) ให้ตั้งอยู่ในความดี

    (๓) ให้ศึกษาศิลปวิทยา

    (๔) หาภรรยา (สามี) ที่สมควรให้

    (๕) มอบทรัพย์สมบัติให้ในเวลาอันสมควร



    ที.ปา. ๑๑/๒๖๗/๒๑๒
     
  20. มณีดิน

    มณีดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +537
    ธรรมข้อนี้น่าจะเชยหมดยุคไปนานโขแล้ว บุรุษจะครอบงำสตรีแต่เพียงฝ่ายเดียวก็หาไม่ ยุคนี้แข่งกันด้วยปัญญา ด้วยวิริยะขันติ จริงอยู่.. แม้ว่าบุรุษมีพละกำลังเป็นศาสตรา แต่หากบุรุษผู้นั้นหามีปัญญาไม่ แล้วไฉนจะครอบงำสตรีได้ฤาท่าน ปราบจราจล

    เอ่..แล้วมันเกี่ยวข้องอย่างไรกับประเด็นเรื่องพลังพุทธคุณคะท่าน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 เมษายน 2014

แชร์หน้านี้

Loading...