โลกของเราเป็นแบบนี้ จริงหรือเปล่า

1. En El Otro Lado » IMPRESIONANTE: Toda la verdad sobre la Tierra Hueca. Recomendado !

2. La Tierra Hueca | TecknoNT

 

หรือ เข้า google หาคำว่า : tierra hueca

 

ขอความกรุณาผู้ที่เก่งภาษาฯ
ช่วยแปลเป็นให้พวกเราได้อ่านกันหน่อยครับ
น่าสนใจดี

 

สมัยผมบวช หลวงปู่ละมัย เคยพูดกับผมเรื่องมนุษย์อีกกลุ่ม(หรือต่างดาว)ที่มีเมืองอยู่ใต้ดิน และได้บอก จังหวัด และ ทางลงไปเมืองใต้ดิน
( แต่ตอนนี้ผมจำไม่ได้แล้ว เพราะผ่านมาจะ 10 ปีแล้ว แต่เหมือนจะอยู่ ภาคอิสาน ถ้าจำไม่ผิด )
พอมาเจอภาพนี้ นึกถึงคำที่หลวงปู่เคยบอกทันที น่าเสียดายที่จำไม่ได้แล้ว

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=Hx-VR9obB_8"]LA VERDAD DE LA TIERRA HUECA TOMO 3 @OxlackCastro - YouTube[/ame]

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=S3enavodK44"]La tierra hueca. Las imagenes de los sat

 

กระทู้นี้น่าสนใจค่ะ ลองไปอ่านคร่าวๆ ในวิกิพีเดีย อยากมาสรุปคร่าว ๆ ให้ท่านๆ ฟังค่ะ ถ้าติดขัด หรือไม่ถูกต้อง ยังไงขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

ทฤษฏีนี้ มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า Hollow Earth อันที่คุณเจ้าของกระทู้โพสต์มาเป็นภาษาเสปนค่ะ (Hollow Earth แปลตรง ๆ ได้ว่า รู หรือโพรงของโลก) ซึ่งเป็นสมมติฐานของนักวิทยาศาสตร์ ที่ว่ากันว่าใต้พื้นโลกของเรานั้นมีอีกหนึ่งสเปซตั้งอยู่ คล้ายๆ กะเป็นอีกโลกนึงไปเลย และ ณ ใต้พิภพใจกลางโลกมีเมืองเมืองนึงตั้งอยู่ ชื่อว่าเมือง Agartha เค้าบอกว่ามันเกี่ยวข้องกะ Hollow Earth โดยตรง

ทฤษฏีนี้มีมาแต่สมัยโบราณแล้วค่ะ (กรีกโบราณ ไวกิ้ง (พวกสแกนดิเนเวียทั้งหลาย โดยเฉพาะนอร์เวย์) ที่ว่าเป็น underworld เป็นนรก หรือ เป็นโลกหลังความตาย อะไรทำนองนี้ค่ะ) แต่ก็อย่างว่าส่วนใหญ่จะเป็น เรื่องเล่า หรือตำนานมากกว่า) แต่ทางธิเบตเค้าก็มีตำนานเมืองที่ตั้งอยู่ข้างในโลก ที่เรียกกันว่า Shamballa หรือภาษาไทยเรียก "ซัมบาล่า" ค่ะ (หลายๆ ท่านน่าจะคุ้นอยู่)

ทฤษฏีนี้ไม่ค่อยเป็นที่ยอมรับเนื่องจากมีหลักฐานมาแย้ง เช่น
1. การศึกษาเรื่องคลื่น seismic ซึ่งเป็นคลื่นพลังงานที่สามารถผ่านทะลุชั้นต่างๆของโลกได้ ซึ่งคลื่นนี้ก็ก่อให้เกิดปรากฏการณ์เช่น แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด ฯลฯ การศึกษาคลื่นนี้ ทำให้สรุปได้ว่าใจกลางโลกของเรา(แก่นโลก) ประกอบด้วยหินหลอมเหลว หรือหินธาตุต่าง ๆ ค่ะ ซึ่งคิดว่าหลายท่านน่าจะเคยเรียนมาบ้างที่ว่ามี แร่นิกเกิล หรืออะไรอยู่ในแก่นโลกชั้นในสุดที่ไม่หลอมละลายเหมือนชั้นแรก ๆ 555++ จำไม่ค่อยได้ขออภัยค่ะ
2. แรงโน้มถ่วงของโลก ตามหลักทฤษฏี วัตถุก้อนอะไรต่าง ๆ ใหญ่ ๆ ที่จะมาจับตัวกันก่อเป็นดวงดาว ดาวเคราะห์ ต่างๆ ตามแรงโน้มถ่วงนั้น จะไม่สามารถทำการยุบตัวเป็นรูหรือเป็นโพรงได้
3. การสังเกตการณ์ ซึ่งได้ทำการขุดเจาะน้ำมัน ลึกที่สุด (ณ ตอนนั้น) 12,376 m (40,604 ft) จากโปรเจ็กต์ Sakhalin-I

ก็จบแล้วค่ะ แปลแบบสรุป ๆ คร่าว ๆ นะคะ

 

เมื่อราวๆ 5 ปีก่อนหน้านี้ พวกเราเคยแปลและโพสต์แล้วครับ
คือพวกเราแปลช่วยเจ้าของกระทู้ท่านหนึ่ง ขออนุญาตไม่เอ่ยนาม
เพราะว่าท่านผู้นี้ไม่ปราถนาที่จะให้พวกเราเอ่ยถึงเขาอีกต่อไป

พวกเราแปลและโพสต์ไปได้ราวๆ 2 กระทู้ แต่อยู่ๆก็เกิดปัญหาภายในขึ้นมา
ระหว่างพวกเรากับเจ้าของกระทู้ท่านนั้น แล้วท่านเจ้าของกระทู้
ก็เลยลบกระทู้ทิ้งไปเลย โดยไม่บอกอะไรพวกเราเลย
แล้วก็กำชับด้วยว่า ห้ามเอาข้อความใดๆของเขา หรือชื่อเขา
ไปอ้างอิงที่ไหนอีกเป็นอันขาด

ดังนั้น ถ้าเป็นข้อความใดๆจากท่านผู้นี้จริงๆ พวกเราก็จะไม่เอาไปอ้างถึงที่ไหนอีกเลย
และรวมถึง ที่เคยอ้างถึงไว้ในโพสต์เก่าๆ ด้วยความชื่นชมแล้ว
พวกเราก็พากันตามไปลบออกจนหมดแล้วหละครับ

ก็สรุปว่า..เรื่อง Inner Earth นี้ น่าจะมีอยู่จริงนะครับ
เพราะว่าต่างมิติก็พูดถึงอยู่เสมอ และ พูดมานานแล้ว
และก็จนบัดนี้ก็ยังพูดถึงอยู่ตลอดเวลา

พวกเขาบอกว่า ภายในลูกโลกของเรานั้น มันจะมีโพรงขนาดใหญ่อยู่มากมาย
ขนาดเท่ากับเมืองเล็ก - เมืองใหญ่บนโลกของเราเลยหละ
และในระบบโพรงขนาดมหึมาพวกนี้ มันก็มีทางเชื่อมถึงกันอยู่ด้วย
และเมืองที่ใหญ่และสำคัญที่สุด น่าจะชื่อ อากาธา นะครับ

เมืองที่อยู่ใต้ดินทั้งหมดนี้ เขาอาศัยอยู่ในมิติที่สูงกว่าเรา
คือเขาอยู่ในมิติที่ 5 เรียบร้อยแล้ว เพราะว่าระดับจิตสำนึกของพวกเขา
อยู่ในมิติที่ 5 แล้ว ซึ่งพวกเขาก็อพยพลงไปจากโลกนี่แหละครับ
สมัยอาณาจักรเลมูเรียลและแอตแลนติสล่มสลาย
พวกเขาเป็นชาวเลมูเรีย และ แอตแลนติส มาก่อน

พวกเขาก็รู้ว่าพวกเราที่อยู่กันข้างบนนี่อยู่กันยังไงด้วยนะครับ
แต่ว่าเพราะความที่เรายังไม่พร้อม ดังนั้น พวกเขาก็เลยยังไม่เปิดเผยตัวตน
แบบเป็นทางการกับพวกเรา เอาไว้อีกหน่อยพวกเรามีระดับจิตที่
พ้นจากความป่าเถื่อนแล้ว พวกเขาถึงจะเห็นว่าปลอดภัยแล้ว
ที่จะคบหาสมาคมกับพวกเราได้ พวกเขาถึงจะขึ้นมาข้างบนนี้
เพื่อให้ความช่วยเหลือพวกเราอย่างเปิดเผยได้หนะครับ

................................

 

1. โลกไม่ตัน


ตามหลักวิทยาศาสตร์แล้ว ชั้นต่างๆ ของเปลือกโลกส่วนบนสุด
คือ "ชั้นดิน" (และอาจมีน้ำด้วย) ชั้นนี้จะมีสภาพไม่ตันนะครับ
คือ มีโพรงอากาศมากมาย มีน้ำไหลผ่าน (ที่เรียกว่าน้ำบาดาล)
ได้ และสามารถเชื่อมต่อกันได้ เมื่อใดที่เกิดการสั่นสะเทือนเช่น
แผ่นดินไหวจะทำให้โพรงเกิดการเปลี่ยนแปลงรวมกันเป็นโพรง
ที่ใหญ่ขึ้นได้ (โพรงเล็กๆ ถูกทำลายให้ดินที่ขวางกั้นนั้น ตกลง
ไปรวมกันแน่นข้างล่าง เลยทำให้เกิดโพรงใหญ่) ผลคือ จะเกิด
"หลุมยุบ" ขึ้นมาได้ เพราะเมื่อมีโพรงใหญ่แล้ว ดินด้านบนจะรับ
น้ำหนักได้น้อยลง ถ้ามีอาคาร, สิ่งก่อสร้างหนักๆ จะยุบตัวลงได้


ดังนั้น ช่องว่างและโพรงใต้ดินมีอยู่ แต่อาจไม่เหมือนในรูปครับ

 

2. ชั้นดินบางมาก


เมื่อเทียบความหนาของชั้นต่างๆ ของโลกนั้น ชั้นดินนับว่าบางมาก
เพราะชั้นอื่นๆ มีความหนาแน่นมากกว่า เพราะอะไร? เพราะว่าดินนี้
ไม่ใช่สิ่งที่เกิดตั้งแต่เริ่มต้นเกิดโลก เริ่มเกิดโลกนั้น "ไม่มีดิน" (ไม่
มีพระแม่ธรณีด้วยครับ มีแต่พระแม่ไกอาซึ่งเป็นคนละองค์กัน แต่ก็
มีคนเข้าใจผิดเยอะมาก) ดินคืออะไร? ดินคือ ผลที่ได้จากการย่อย
สลายของซากอินทรีย์หรือสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย นั่นคือ ต้องมีสิ่งมีชีวิต
ก่อนจึงมีดินได้และโลกนี้ไม่ได้มีสิ่งมีชีวิตในทันทีที่เกิดเป็นดาวครับ
ดินจึงเกิดมีทีหลัง และทำให้ชั้นดินมีความบางมากกว่าชั้นอื่นๆ ดังนี้


ดินเป็นธาตุชนิดใหม่ที่เกิดขึ้นหลังจากโลกได้เกิดมีสิ่งมีชีวิตแล้วครับ

 

3. โพรงแก๊สใต้ลาวาเหลว


แม้แต่ลึกลงไปใต้ชั้นดิน คือ ชั้นหินเย็นที่แข็งตัวแล้วก็ดี, ชั้นหิน
ที่ยังหลอมเหลวอยู่ก็ดี ฯลฯ ล้วนมี "โพรงอากาศ" ครับ เพราะนี่
คือ ก๊าซต่างๆ ที่ระเหยเพราะความร้อนนั่นเอง ดังนั้น ไม่ต้องคิด
เลยว่าทำไม เมื่อภูเขาไฟระเบิดจึงมีควัน, ก๊าซต่างๆ พุ่งออกมา
ด้วย แสดงว่ามันมีอยู่ใต้ดินในชั้นหินหลอมเหลว (ลาวา) นั่นเอง
ซึ่งแก๊ซเหล่านี้ไม่ใช่ออกซิเจนครับ แต่เป็นก๊าซชนิดอื่นๆ ที่ไม่มี
ความเหมาะสม กับการดำรงชีพของสิ่งมีชีวิตเลย แม้มันจะมีช่อง
โพรงอากาศอยู่ แต่เราก็ไปอยู่ไม่ได้ครับ ดังนั้น โลกของเราจึงมี
ทั้งของแข็ง, ของเหลวและก๊าซแทรกซึมอยู่ทั่วไป ไม่ได้ตันทึบ


แต่โพรงนี้ไม่ใช่ที่ๆ มนุษย์โลกจะดำรงชีพอยู่ได้ เท่านั้นเองครับ

 

ประเทศมหาอำนาจต่างทดลองระเบิดนิวเคลียร์ใต้ผืนดืนกัน
ถ้ามีเมืองใต้ดินหยั่งว่า
ป่านนี้มิเป็นฝุ่นเป็นผงไปหมดแล้วเหรอค่ะ

ฝรั่งเค้าก็เพ้อเจ้อไปเรื่อยล่ะ

 

เมืองพญานาค

 

โลกมนุษย์อยู่ในวงโคจรลำดับที่ 3 ที่ล้อมรอบดวงอาทิตย์ บนโลกมนุษย์สิ่งมีชีวิตจะมีรูปร่างเป็นก๊าซ เป็นของเหลว และมีสถานะของแข็ง และมีเผ่าพันธุ์มากมายนับไม่ถ้วนและสื่อสารกันทางโทรจิต แต่มีเผ่าพันธุ์เดียวที่ยกเว้น ซึ่งเป็นเผ่าพันธุ์ระดับกลางมีลักษณะเป็นของแข็งซึ่งรู้จักกันในจักรวาลว่าเป็นมนุษย์ พวกเค้าเรียกตนเองว่า มนุษยชาติและเชื่อว่าตนเองฉลาดที่สุดในดวงดาวนี้ แต่เปล่าเลย เผ่าพันธุ์ที่ฉลาดที่สุดเป็นพวกที่มีรูปร่างเป็นก๊าซ มีชื่อเรียกว่า "เอเธอริส" ก๊าซจะมีลำดับชั้นของสถานะที่ซับซ้อนและพัฒนาตัวเองได้ดีมากพวกก๊าซนี้เองที่ปกป้องโลก และให้ชีวิตแก่สรรพสิ่งทั้งหลายอาทิเช่น มนุษย์ที่อยู่

ภายใต้การควบคุมก็าซได้ช่วยมนุษย์มาตลอด อาจจะกล่าวได้ว่าพวกก๊าซเป็นบรรพบุรุษสายเลือดเดียวกันกับของเผ่าพันธุ์มนุษย์ มนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์ที่ได้รับการเลือกสรรแล้ว และอยู่ณ.บริเวณที่คาบเกี่ยวระหว่างการพัฒนาทางจิตวิญญาณและทางวัตถุ แม้ว่ามนุษย์จะเป็นเชื้อชาติที่สูงส่ง แต่ความก้าวหน้าทางการยกระดับจิตใจที่ช้า จะทำให้พบกับความหายนะในอนาคตได้ ถ้าพวกมนุษย์สามารถมีชีวิตอยู่รอด ณ. เวลาในปัจจุบันโดยไม่ได้มีการฆ่าฟันกันเอง พวกมนุษย์ก็อาจจะมีโอกาศไปถึงระดับการพัฒนาทางจิตและวัตถุได้สมบูรณ์ในดาวของตนเอง

ที่มา ....จากหนังสือ ชีวิตหลังความตายและการกลับชาติมาเกิด
โดย......จิตวิญญาณระดับการชั้นสูง (ทูตแห่งแรงบรรดาลใจ) เป็นผู้สื่อสารผ่าน คุณมีซีน กอนชาเลต วิปเปอร์ ชาวสเปน

 

เอากันเข้าไป....เมื่อก่อนมีมนุษย์ต่างดาว...ตอนนี้มีมนุษย์ใต้ดิน...

 

เราไม่รู้หรอกว่าโลกเป็นเช่นไร เรารู้แค่ว่า"แค่ยอมจำนน เท่านั้นแหล่ะ ประตูถ้ำก็แง้มออกแล้ว"

 

ก็น่าสนใจดี