ควรให้อภัยคนเลวที่ทำผิดซ้ำซากหรือเปล่า

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย Thanks-Epi, 6 เมษายน 2014.

  1. Thanks-Epi

    Thanks-Epi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    984
    ค่าพลัง:
    +2,950
    การให้อภัยเป็นทานอันยิ่งใหญ่ ดิฉันทราบดีค่ะ แต่ทำไม่ได้

    ในชีวิตดิฉันยกตำแหน่งคำว่า คนเลว ให้กับคน 2 คน (นอกนั้นดิฉันถือว่า ผ่านแล้วผ่านเลย ไม่คิดและไม่แค้นด้วย)

    เพราะทำผิดซ้ำซาก ไม่คิดว่าตัวเองผิด และไม่ทำกับคนอื่่นยกเว้นดิฉัน ทำให้ไม่มีใครทราบเรื่อง หรือทราบก็ว่าคงไม่จริง ดิฉันเล่าเกินไป (อันนี้เป็นวิบากเรื่องพูดจาไม่มีน้ำหนักดิฉันก็ทราบค่ะ)

    และใส่หน้ากากเก่งมากๆ 2 คนนี้จะคุยกันถูกคอมาก ทั้งๆที่ต่างคนต่างนินทลับหลังให้ดิฉันฟัง บางครั้งถึงกับโมโห อยากจะชกอีกฝ่าย
    แต่เวลาอยู๋ต่อหน้า สุภาพกันทั้ง 2 คน

    ดิฉันก็แอบตลกด้วยค่ะ

    คนที่ 1 อยู่ลัทธิเทวทัติ คนนอกจะมองว่า บุญเยอะมาก แต่เวลาอยู่กับดิฉันจะเป็นอีกอย่าง

    คนที่ 2(อันนี้น่าคิดค่ะ )หมอตีเป็นอาการของโรคค่ะ ควรให้อภัย
    ซึ่งดิฉันคิดว่า อย่างนี้คงไม่ต้องมีคุกไว้ขังคนแล้ว (บางคนคิดว่า ทำไมดิฉันต้องพาลูกไปรักษาสมาธิสั้นด้วย) และกฎแห่งกรรมคงยกเว้นเช่นกัน เพราะถือว่าควบคุมตัวเองไม่ได้เนื่องจากอาการ

    เพราะ 80 เปอร์เซนต์ของคนในคุก เคยมีประวัติเป็นโรคสมาธิสั้นในวัยเด็กค่ะ
    การรักษาสมาธิสั้น ไม่ได้เพราะอาการซน (อาการซนไม่ใช่ปัญหา) แต่รักษาเพื่อ ป้องกันเหตุไม่ควรในอนาคต

    ดิฉันพยายามคิดว่า เจ้ากรรมนายเวร อุทิศส่วนกุศลขออภัย ดิฉันก็พูดไปอย่างนันเองค่ะ ไม่ได้คิดจะให้อภัยจริงๆ เลยซักครั้ง

    บางครั้งโมโหมากๆ ดิฉันถึงกับแช่งเลยก็มีค่ะ ทั้งๆที่รู้ว่า บาปมาก
    เพียงแค่ดิฉันทราบจากเพื่อนว่า การแช่งนั้นมีผลถ้าเป็นเรื่องจริง ดิฉันเลือกเลยคิดว่า การแช่งเป็นทางออก ที่ทำให้ดิฉันสบายใจ

    มีเรื่องขำนิด..เพื่อนบ้านที่มีเจโต เตือนดิฉันเรื่องแช่งค่ะ เขาทราบมานานแล้ว ว่า ใบหน้าที่เรียบเฉยหรือยิ้มของดิฉันกำลังแช่งคนอยู่ค่ะ
     
  2. markdee

    markdee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    745
    ค่าพลัง:
    +1,911
    ลองเขียนความอัดอั้นตันใจของเราลงในกระดาษเอสี่ดูสิคะ เขียนทุกอย่างที่เรารู้สึก เขียนออกมาให้มากที่สุด รู้สึกอะไรกะใครยังไง เขียนออกมาให้หมด แล้วเก็บใส่ลิ้นชักให้มิดชิด..รู้สึกแบบนี้อีกเมื่อไรก็ให้เขียนอีก ทำจนกว่าใจของเราเบาบางจากความรู้สึกแย่ๆ...ผ่านไปสักเดือน สองเดือนหรือสามเดือน แล้วเอากระดาษที่เราเขียนบันทึกความรู้สึกในตอนนั้นมาอ่านดู..ถ้ายังมีความรู้สึกเท่าเดิมก็ทำใหม่.บันทึกใหม่...ถ้าหายข้องใจหายคาใจก็เผากระดาษเหล่านั้นทิ้งเสีย หรือจะเก็บไว้เตือนสติตัวเองอีกสักพักก็ได้...ลองทำดูนะคะ
     
  3. Thanks-Epi

    Thanks-Epi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    984
    ค่าพลัง:
    +2,950

    ดิฉันเคยเขียนนะค่ะ แต่ไม่ได้เก็บลิ้นชักค่ะ อย่างที่เล่า มันซ้ำซากนะค่ะ ของเก่าไปของใหม่มาอีก เลยไม่เป็นความรู้สึกที่ผ่านแล้วผ่านเลย
    เหตุการณ์บางอย่างเกิดจากความโลภไม่รู้จักพอต่างหาก เป็นกรรมใหม่
    ทำให้ต้องทำตัวออกห่าง น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่ก็คงไม่พ้นถ้าเป็นเจ้ากรรมนายเวรกันอยู่

    คิดทางธรรมก็แล้ว เป็นเจ้ากรรมนายเวร

    เวปพลังจิตคือเวปรวมคนเพี้ยนค่ะ แม้กระทั่งการสนใจทางธรรมก็ยังไม่วายถูกเหน็บแนมหรือด่าหยาบๆ (ทางการแพทย์ยกเว้นค่ะ 5555 หมอบอกว่า ถือว่าควรสงสารเพราะเจ้าตัวคุมตัวเองไม่ได้)
    หรือจะถูกเทวบุตรมาร ดลใจหรือเปล่า อันนี้ไม่ทราบค่ะ

    พอดีเมื่อวานคุยกะอโกว ญาติคนนี้ทราบทุกอย่างเพราะอยู่ในเหตุการณ์(ทั้ง 2คน) เลยรู้ว่าดิฉันไม่โกหก เขาก็บอกว่า ให้ดิฉันวางเสีย ทุกข์ใจเปล่า ๆ
    ดิฉันเล่าไปหัวเราะไป แล้วอโกวทำได้หรือเปล่าล่ะคะ เขาก็บอกพูดยากจริงๆ ถ้าคิดแล้วก็เหมือนนรกบนดินนี่เอง


    เพิ่มนิด

    หมอบอกว่า จริงๆแล้วผป.จะรู้สึกผิดและเจ็บปวดในภายหลัง(ซึ่งจริงหรือเปล่าไม่ทราบค่ะ) เพราะถ้าจริงฆาตกรหรือคนในคุกคงจะสำนึกผิดกันแล้วนะค่ะ
    ส่วนเพื่อนบ้านเขามอง เขาบอกว่า ลึกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แล้วเขาเป็นคนจิตใจดีนะ (ดิฉันว่า มันลึกเกินไป และถ้าไม่มีเพื่อนที่มีญาณดิฉันถือว่า ไม่ทราบค่ะ) มันเป็นเรื่องอภิญญา เอามาวัดตัดสินเหตุการณ์ปัจจุบันไม่ได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 เมษายน 2014
  4. markdee

    markdee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    745
    ค่าพลัง:
    +1,911
    ถ้าใจเรายังสนใจในกลุ่มคนเดิมๆ เราก็ยังออกจากสถานการณ์ตรงนี้ไม่ได้ค่ะ..ตัดใจจากคนกลุ่มนี้เสีย แล้วลองหากิจกรรมใหม่ๆทำดู..หาสิ่งที่จดจ่อใหม่แล้วมันมันสามารถดึงดูดจิตใจเราให้เราสนใจมันมากกว่าที่เราจะไปสนใจคนเหล่านั้น..ลองหาดูนะคะ..ตัดให้ฉับเหมือนเราปิดทีวีน่ะค่ะ
     
  5. daowdeaw

    daowdeaw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2013
    โพสต์:
    537
    ค่าพลัง:
    +1,558
    ขออนุญาตฝากแง่คิดดี ๆ เรื่องความเมตตาในพระนิพนธ์ของท่านสมเด็จพระสังฆราชนะคะ
    ยิ่งให้ยิ่งได้รับ ยิ่งเมตตายิ่งมีความสุข

    เมื่อเราขาดเมตตาต่อผู้อื่นย่อมเป็นการขาดเมตตาต่อตนเองด้วยเช่นกัน
    พระนิพนธ์ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช


    โทสะคือความโกรธเปรียบได้ดั่งไฟ เพราะเมื่อความโกรธเกิดขึ้นเมื่อใด ความร้อนจะเกิดขึ้นพร้อมกันทันที ไม่ร้อนเพียงที่ใจยังร้อนถึงกายได้ด้วย มากน้อยตามแรงโทสะ ทุกคนชอบเย็น ทุกคนไม่ชอบร้อน แต่ไม่ทุกคนที่รู้จริงว่าความเย็นเกิดจากเมตตาจริง ๆ และความร้อนเกิดจากโทสะจริง ๆ

    เมื่อความโกรธเกิดขึ้นต้องใช้สติ ให้รู้ตัวว่ากำลังโกรธแล้ว ขณะเดียวกันก็ให้สังเกตว่าจิตใจหน้าตาเนื้อตัวร้อนผิดปกติหรือไม่ จะรู้สึกชัดว่าจิตใจหน้าตาเนื้อตัวในเวลาโกรธนั้นร้อนผิดปกติ นั่นคือเครื่องยืนยันว่าโทสะทำให้เกิดร้อน

    เมตตาเปรียบได้ดั่งน้ำดับไฟร้อนแห่งโทสะให้มอดลง น้ำดับไฟได้ฉันใด เมตตาก็ดับโทสะได้ฉันนั้น เปรียบโทสะดั่งไฟเพราะไฟร้อนและโทสะก็ร้อน เปรียบเมตตาดั่งน้ำเพราะน้ำเย็นและเมตตาก็เย็น ความร้อนและความเย็นทั้งสองนี้จะปรากฏในจิตใจรู้ได้ด้วยตนเอง ถ้ารู้สึกร้อนที่ใจเป็นประจำก็พึงรู้ว่าถูกโทสะครอบคลุมมากกว่าเมตตา ถ้ารู้สึกเย็นอยู่ที่ใจเป็นปกติก็พึงรู้ว่าตนมีเมตตาห้อมล้อมอยู่มากกว่าโทสะ

    ทุกคนจะต้องประสบพบกับสิ่งไม่ต้องหู ไม่ต้องตา ไม่ต้องใจมากมายในแต่ละวัน พึงเตือนตนให้อบรมเมตตาให้มากยิ่งขึ้น ถ้าหยุดโกรธแค้น ขุ่นเคือง น้อยใจ เสียใจ ร้อนใจ เพราะเสียง เพราะเรื่องที่กระทบได้เมื่อใด เมื่อนั้นจึงแสดงว่ามีเมตตาพอสมควร พอจะช่วยตนเองและช่วยผู้อื่นให้ร่มเย็นเป็นสุขได้ เมื่อนั้นทุกคนจะรู้สึกว่าเมตตาค้ำจุนโลกจริง

    เมตตาช่วยตนก่อนจริง เมตตาใหญ่ยิ่งจริง เช่นช้างนาฬาคิรีที่กำลังบ้าคลั่งเมามัน ยังพ่ายแพ้แก่พระเมตตาขององค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีอำนาจร้ายแรงใดทานอำนาจแห่งเมตตาได้ นี้เป็นสัจจะ คือความจริงที่จะเป็นจริงเสมอไปไม่มีเปลี่ยนแปลง พลังร้ายภายนอกที่มาแรงจะถูกพลังเมตตาที่แรงพอสยบพลังร้ายได้สิ้น และเมตตาเป็นบาทของศีล เมตตาจะทำให้ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่ทำความเดือดร้อนให้เกิดขึ้น

    เมตตากับศีลเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเสมอ ยากจะแยกจากกันได้ ผู้มีศีลคือผู้มีเมตตา ผู้มีเมตตาย่อมเป็นผู้มีศีล เพราะศีลคือความไม่เบียดเบียนด้วยประการทั้งปวง ไม่เบียดเบียนทั้งตนเองและไม่เบียดเบียนทั้งผู้อื่น

    การไม่เมตตาผู้อื่นเป็นการไม่เมตตาตนเองด้วย ศีลนั้นเกิดจากเมตตา เมตตาทำให้เกิดศีล ทั้งสองเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ศีลของผู้ใดบกพร่อง แสดงว่าเมตตาของผู้นั้นก็บกพร่องด้วย การเมตตาตนเองกับเมตตาผู้อื่น เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแยกจากกันไม่ได้ การไม่เมตตาผู้อื่นก็เป็นการไม่เมตตาต่อตนเองไปพร้อมกัน

    พึงคิดถึงสัจธรรมประการหนึ่งที่พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้คือ "ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว" ผู้ใดทำกรรมใดไว้จะเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น เช่น ถ้าเราได้ทำร้ายผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นกรรมทางกาย ทางวาจา ทางใจ เพราะเราขาดเมตตาต่อผู้อื่น กฎแห่งกรรมย่อมทำให้เราได้รับผลของกรรมที่เราได้ทำไว้แล้วนั้นแน่นอน ทำกรรมอย่างไร ย่อมได้รับผลของกรรมอย่างนั้น เหมือนปลูกเมล็ดพืชชนิดใดย่อมได้พืชชนิดนั้น

    เมื่อเราขาดเมตตาต่อผู้อื่นย่อมเป็นการขาดเมตตาต่อตนเองด้วยเช่นกัน เมื่อทำร้ายผู้อื่นแล้วกรรมย่อมกับมาให้ผลกับเราเช่นกัน ซึ่งเป็นการขาดความเมตตาต่อตนเองด้วยทำให้ต้องได้รับผลของกรรมเช่นกัน ผู้มีเมตตาหรือผู้มีศีลจึงเป็นผู้ค้ำจุนตนเองและค้ำจุนผู้อื่นทั้งหลาย (การค้ำจุนตนเองคือการไม่ต้องรับผลของกรรมที่ทำไม่ดีกับผู้อื่น ส่วนการค้ำจุนผู้อื่นคือการไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน สูญเสีย บาดเจ็บ ตาย เป็นต้น)

    เมตตาเป็นเหตุให้มีศีล ศีลเกิดจากเมตตา เมตตาเป็นเครื่องค้ำจุนโลก ก็คือศีลเป็นเครื่องค้ำจุนโลกเช่นกัน
     
  6. Thanks-Epi

    Thanks-Epi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    984
    ค่าพลัง:
    +2,950
    ขอบคุณนะค่ะที่หวังดี และช่วยนำมาลงให้ ดิฉันอยากทราบว่า คนอื่นๆ ในเวปเป็นอย่างดิฉันมั้ย

    บางทีคนบอกปฎิบัติทำไมยังโกรธได้ (ดิฉันคิดว่า ตราบใดที่เรายังเป็นคนธรรมดาย่อมมีความโกรธได้ค่ะ)ยิ่งความโกรธประเภทซ้ำซาก ยิ่งทำให้เราโมโหวางไม่ลง

    และสิ่งที่ดิฉันรู้สึกได้คือ การวางเฉย ยอมแพ้ กลับทำให้อีกฝ่าย (รวมๆหมดนะคะ ทั้งแม่ค้าเช่าที่) เอาเปรียบเรามากขึ้น
    แต่การเถียงหรือไม่ยอมกลับทำให้โดนน้อยลง ทางนั้นกลัวไม่กล้า

    เมื่อก่อนดิฉันเป็นคนเงียบๆและยอมทุกเรื่องนะค่ะ
     
  7. daowdeaw

    daowdeaw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2013
    โพสต์:
    537
    ค่าพลัง:
    +1,558
    ถ้าเรามีความผูกโยงกับความโกรธ การจองเวร การอาฆาตพยาบาทผู้คน หรือในสิ่งใดก็ตาม ที่อาจจะเป็นสัตว์ อาจจะเป็นข้าวของ อาจจะเป็นมนุษย์ เมื่อไหร่ก็ตามที่การจองเวรเกิดขึ้น แทนที่จะบอกให้ก่อเวรต่อไป พระพุทธองค์กลับตรัสว่า ต้องระงับ หรือทำให้มันระงับ

    การที่จะมองดูสิ่งต่าง ๆ ให้เห็นได้อย่างชัดเจนนั้น เราจะต้องอยู่ในที่สูง ถ้าอยู่ในระดับเดียวกัน เราก็จะมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ไม่ชัดเจน จิตก็เหมือนกัน ถ้าสภาวะจิตของเราตกต่ำ หรืออยู่ในระดับเดียวกัน ไม่ยกสภาวะจิตให้สูง ก็ไม่สามารเห็นธรรมะได้ชัดเจนขึ้นเช่นกัน ดังนั้นบุคคลที่ไปเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ตามความเป็นจริง จะต้องยกสภาวะจิตของตนเองให้สูงขึ้น เหมือนกับคนที่ขึ้นไปยืนอยู่บนที่สูงฉันใดก็ฉันนั้น

    เราจะบังคับไม่ให้ใครโกรธเกลียดตัวเราไม่ได้ แต่เราจะสามารถบังคับตัวของเราเองไม่ให้โกรธหรือเกลียดผู้อื่นได้ ยกเว้นเสียแต่บุคคลผู้นั้นไม่ได้ฝึกขั้นปัญญาที่ทำให้ตรงนี้เกิด จึงทำให้ผู้ที่คล้อยตามกิเลสที่จะโกรธ จะเกลียด จะอาฆาตพยาบาทจองเวร มีเรื่องที่ตัวเองจะอ้างอิงเพื่อที่จะใช้ ในการอยากจะโกรธ อยากจะเกลียด อยากจะหาเรื่องเพื่อให้มันเกิดการผูกเวรผูกภัยกับผู้คนมากขึ้น การผูกเวรผูกภัยกับผู้คนมากขึ้นก็เท่ากับว่าเราสั่งสมเวรกรรมข้ามภพข้ามชาติ ในทางลบและทางที่ไม่เจริญ กับผู้คนกับคนอื่นมากขึ้นเรื่อย ๆ

    คนที่เอาขยะเข้าหาใจ โดยเฉพาะความโกรธ มันก็เหมือนกับจุดไฟเผาตัวเอง เราตามดูจิตของตัวเราเองได้ว่าเรากำลังโกรธใครอยู่ไหม ถ้าเราโกรธใคร เรายิ่งต้องทำความดีกับคน ๆ นั้นให้มาก ๆ เรียกว่าเอาชนะใจตนเอง ไม่ได้เอาชนะใจใครที่ไหน ทันทีที่เราเอาชนะใจตนเอง เราไม่ได้เป็นผู้แพ้ ดูเหมือนจะแพ้นะ เพราะเราไม่ได้อาฆาตพยาบาทจองเวรคนอื่น แต่เปล่าเลย ชัยชนะไหนจะเท่ากับชัยชนะที่ตัวเองตามดูตัวเองรู้ และก็ไม่ผูกโกรธ ไม่ผูกพยาบาท ไม่ผูกอาฆาตใคร พระพุทธองค์จึงทรงตรัสว่า บุคคลชนะใจตนเองได้ เป็นยอดของคน
     
  8. markdee

    markdee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    745
    ค่าพลัง:
    +1,911
    ดิฉันเคยเป็นเหมือนคุณค่ะ..เหมือนทุกอย่างอารมณ์เกลียด โกรธ โลภ หลง เป็นหมด ถึงตอนนี้อารมณ์พวกนี้ก็ยังมีอยู่..แต่มันก็ค่อยๆลดความเข้มข้นลง บางอย่างยังแรงอยู่ เช่นความโลภ อยากรวยน่ะค่ะ เรื่องความโกรธดิฉันจะถามตัวเองค่ะว่าทำไมยังติดอารมณ์นี้อยู่ เรายังติดใจอะไรในคนที่ทำให้เราโกรธ ทำไมมันยังคาใจอยู่อีก ตกลงว่ามันเป็นเพราะเราหรือเพราะเขา..ถ้ามันเป็นเพราะเขา เราไปแก้ไขเขาได้ไหม แก้ไขไม่ให้เขาทำให้เราโกรธได้ไหม คิดไปคิดมาๆถ้าคงจะยาก..งั้นลองมาแก้ที่ตัวเองก่อนดีกว่า อันดับแรกของดิฉันคือ ปิดหูปิดตา ไม่รับรู้เรื่องราวของคนที่ชอบทำให้เราโกรธ ฉันจะไม่ยุ่งกะเธอ ฉันจะทำเหมือนกับเธอไม่มีอยู่ในโลกนี้..แต่ถ้าจำเป็นต้องทำธุระปะปังกะเธอ ฉันก็จะคิดว่าพูดกับคนที่ไม่รู้จัก ทำธุระกับคนอื่นที่ไม่ใช่เธอ..นี่หล่ะค่ะ วิธีคิดของดิฉัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 เมษายน 2014
  9. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ให้แบ่งเป็นสองส่วน

    ส่วนแรก คือ ใจ
    ใจเรานั้น อย่าไปถือโทษใคร ถ้าเป็นกรรมเก่า เราก็ใช้เขาไป ถ้าเป็นกรรมใหม่ เขาก็ต้องรับกรรมเอง ดังนั้นแล้ว ใจเราอย่าไปโกรธ หรือ อาฆาตใคร

    ส่วนที่สอง คือ การกระทำ
    แม้ใจเราจะไม่ถือโทษโกรธใคร แต่ก็อย่าไปทำให้เขามีโอกาสทำให้ผู้อื่นเสียหาย ผิดก็คือผิด พิจารณาแล้วถ้าไม่สมควร เราก็ไม่ต้องให้โอกาสเขาในการทำให้คนอื่นเสียหายอีกต่อไป แต่ทั้งนี้ การกระทำก็เป็นเพียงเรื่องของการแสดงออก แต่ไม่ได้แปลว่าใจเราจะต้องคิดในแง่ลบ
     
  10. Higtmax

    Higtmax เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    2,333
    ค่าพลัง:
    +4,793
    ควรให้อภัยครับ แต่ไม่ควรประมาท และไม่ไปคบค้าสมาคมกับคนที่เป็นแบบนี้ ถ้าเขามาเบียดเบียนมากเราก็ควรปกป้องสิทธิของตัวเองด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 เมษายน 2014
  11. teww

    teww เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    604
    ค่าพลัง:
    +1,534
    ยุคปลายกัปป์แล้ว
    น้ำเสียย่อมมากกว่าน้ำดี
    ต้องทำใจค่ะ
     
  12. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941


    ตราบใดที่ยังไม่ใช่พระอรหันต์ กิเลสที่เราสั่งสมมาจนเคยชินทั้งหลายจะยังคงสามารถมาแสดงบทบาทได้ในทุกผัสสะ หรือทุกอารมณ์ที่มากระทบ อย่าว่าแต่ต้องพบเจออารมณ์แบบซึ่งหน้าเลย กระทั่งนั่งคิดไปคนเดียว ก็ยังเกิดโลภะ โทสะ โมหะสลับกันไปมาได้ไม่หยุดหย่อน..การที่จะสามารถลดละบรรเทาความโกรธในวัตถุที่ไม่น่าพอใจนั้น สามารถเกิดได้ด้วยปัญญาพร้อมสติ ..โดยเฉพาะกัมมัสสกตาปัญญาว่า กรรมนั้นมีผลตามมาเสมอ..

    อารมณ์อัน"ไม่น่าปรารถนา"ทั้งหมดที่เกิดขึ้นทางตาบ้าง หูบ้าง จมูกบ้าง ลิ้นบ้าง กายบ้าง ล้วนเป็นผลจาก"บาป"เก่าที่เราเองเท่านั้นทำไว้ หาไม่แล้วย่อมไม่มีโอกาสได้รับเลย ไม่มีอะำไรเกิดเพราะเฮ็งซวยหรือบังเอิญโดยปราศจากเหตุได้ ครั้นตนได้รับหรือประสบสิ่งที่ไม่น่าชอบใจเช่นนั้น ก็อาศัยทำบาปใหม่ต่อไป ย่อมสร้างภพให้ตนต่อไปเป็นอันมาก...ความโกรธขุ่นคืองในเบื้องต้นยังมีกำลังน้อย แต่เมื่อสั่งสมนานเข้าย่อมเข้าถึงความมีพยาบาทวิตก ถึงกับนึกสาปแช่งเขาได้เนืองๆ นี้ไม่เป็นความสวัสดีของตนเลย เพราะใครจะูรู้ว่าเราจะตายในเวลาใด หากอารมณ์นี้มาปรากฏเป็นนิมิตในยามนั้น จะได้ไปสุคติภูมิได้อย่างไร ถ้าลงได้ไปอบายสักครั้งเดียว คราวนั้นย่อมพาตนลำบากอีกนานกว่าจะได้บุญดีมาดึงออกมาได้ ไม่น่าเสี่ยงเลย....ทั้งยังเป็นการสั่งสมสันดานให้นิยมในการสาปแช่งใครๆได้โดยง่าย อันเป็นเรื่องพาตนเข้าทางอับแต่ถ่ายเดียว..แม้เรื่องนี้เราก็คยสั่งสมมาอย่างยาวนานกันแล้วในสังสารวัฏอันยาวไกล พอได้เหตุปัจจัยก็สามารถสาปแช่งใครๆได้ราวอัตโนมัติ นี่ไม่ใช่.เพิ่งจะมานึกสาปใครๆเฉพาะชาตินี้ชาติแรกเลย ปุถุชนทั้งหลายก็เป็นกันเช่นนี้เป็นธรรมดา...

    อีกอย่างหนึ่ง ขอให้ทราบว่า สิ่งที่เลวร้ายที่เกิดในเวลานี้นั้น เป็นเพียง"เศษกรรม"เท่านั้น เพราะผลอย่างเอกที่ตนต้องได้รับนั้นเกิดในอบายมีนรกเดรัจฉานอบายภูมิ ทุกข์ในโน้น เจ็บแสบสาหัสกว่านี้นับเท่าไม่ได้เลย ผลในปัจจุบันเเทบเรียกได้ว่าจิ๊บจ๊อยเท่านั้น แต่ก็สร้างความทุกข์แก่ใจเราได้หนักหนาถึงเพียงนี้..แล้วหากเราก่อบาปเวรภัยใหม่อีก จะพ้นวิถีทางอันน่าลำบากใจนี้ได้อย่างไรในภพหน้าต่อๆไป?..เราเท่านั้นโปรแกรมสภาพแวดล้อมที่ต้องเห็น ต้องได้ยิน ได้กลิ่น ได้สัมผัส ได้ลิ้มรสด้วยมือ(ใจ)ของตน คนอื่นทำให้กันไม่ได้ นี่เป็นความจริงในธรรมชาติ..

    ท่านThanks-Epi เมื่อเลือกสภาพแวดล้อมใหม่ไม่ได้ในเวลานี้ ก็พึงเลือกใหม่ที่ตนประสงค์ในภพต่อๆไปเถิด เราเองคงไม่ชอบนักหากจะกลายเป็นอารมณ์แห่งการสาปแช่งของคนอื่น จึงควรยุติการ"ทำเหตุ"เพื่อผลเช่นนั้นโดยเร็ว.. แม้สิ่งที่เกิดในปัจจุบันก็ไม่ตัังมั่นตลอดกาลหรอก เพราะสังขารทั้งปวงย่อมเกิดขึ้น ตั้งอยู่ชั่วคราวแล้วต้องหมดดับไป..ก็ถ้าไม่เขาก็เราต้องย้ายภพภูมิกันในระหว่างนี้ ความประชุมของสิ่งไม่น่าชอบใจระหว่างกันย่อมยุติไป แล้วต่่างก็ต้องแยกย้ายกันไป"ตามกรรม"ของตน ..จบกันไปอีกชาติหนึ่ง เราเกิดมาเพื่อกอบโกยเอาอะไรไปหรือ?..กุศลไม่ใช่หรือที่นำความสุขน่าปรารถนา สมหวังน่าชอบใจมาให้?.. นี่หากเลิกใส่ใจแช่วใครๆเสียเอาใจไปคิดอย่างอื่นที่เป็นกุศล บ่อยๆเนืองๆอย่างที่เคยคิดสาปเขา กำลังของบุญนั้นย่อมมากขึ้นอาจเป็นช่องทางให้ผลบุญอันดียิ่งที่เราก็เคยทำมาไว้แล้วมาช่วยปัดเป่าพรากเอาอารมณ์ไม่ดีทั้งหลายให้เคลื่อนย้ายออกไปที่อื่นได้ เรื่องเช่นนี้ ไม่ลองย่อมไม่รู้ ไม่ดูย่อมไม่เห็น ไม่ทำย่อมไม่เป็น แล้วจะเย็นได้อย่างไร...

    ด้วยอานุภาพแห่งบุญกุศลที่ท่านThanks-Epi บำเพ็ญมาตลอดจนถึงบัดนี้ ขอความสงบสันติปกปักรักษาท่านThanks-Pi ให้พ้นภัยจากบาปกรรมทั้งปวง แม้อารมณ์ที่ไม่น่าปรารถนาพึงปราศไป ได้พบแลอยู่ร่วมกับคนที่ดีมีศีลธรรมแวดล้อมตลอดกาล
     
  13. buakwun

    buakwun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    2,830
    ค่าพลัง:
    +16,613

    แช่ง ย่อมได้ชื่อว่ากล่าววาจาอันประกอบด้วยโทสะ ผลของการมีโทสะรุนแรงเป็นอย่างไร ผู้แช่งย่อมได้รับผลเช่นนั้น ไม่ว่าจะเป็นความเร่าร้อนภายในหรือความเดือดร้อนที่ภายนอก และยิ่งจะเผ็ดร้อนรุนแรงกว่าคนทั่วไปที่ปราศจากวาจาสิทธิ์เป็นสิบเป็นร้อยเท่า ส่วนผู้อวยพรย่อมได้ชื่อว่ากล่าววาจาอันประกอบด้วยเมตตา ผลย่อมเป็นตรงข้ามคือเย็นทั้งนอกทั้งใน ไม่รู้จักความเดือดเนื้อร้อนใจได้ง่ายนัก....

    การพูดดี หรือพูดร้าย ย่อมเกิดผลกรรม เป็นกรรมดี และกรรมชั่ว
    คำพูดนั้น เป็นได้ทั้งน้ำผึ้ง หรือ ยาพิษ เราจึงพึงระวังคำพูด คิดก่อนพูดเสมอ คิดหน้าคิดหลัง คิดให้รอบคอบ พูดแต่เรื่องดีดี ให้สิ่งดีดีนั้นอยู่กับปากของเรา บางคนชอบพูดจาให้ร้าย ส่อเสียด สาปแช่งผู้อื่น หากเขาผู้นั้น ไม่รับรู้ ไม่รับฟัง สิ่งเหล่านั้นก็จะคงอยู่กับปากผู้พูดนั่นเอง แม้แต่คำอุทานที่ออกจากปากของเรา ยังคงต้องระวังด้วยเช่นกัน
     
  14. ซี-วา

    ซี-วา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    281
    ค่าพลัง:
    +644
    :cool::cool::cool:
     
  15. พงษ์สนั่น

    พงษ์สนั่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +336
    มารยา รู้จัก ให้อภัย รู้จัก คนทำผิด รู้จัก
    สรรเสริญ นินทา รู้จัก มันซ้ำซาก ใช่มันก็ซ้ำไปซ้ำมาจริงๆอย่างนั้น
    พอให้อภัย แล้วสิ่งเหล่านี้จะหายไปได้อย่างไร โลกเค้าเป็นอย่างนี้
    เค้าเป็นอย่างนี้จริงๆ ตัวคุณเองหนะหละไม่ยอมรับความจริง
    จะหายอัดอั้นได้อย่างไรหากไม่ยอมรับความจริง
    จะให้มีดีโดยส่วนเดียวได้อย่างไร
    จะให้ได้ดั่งใจโดยส่วนเดียวจะเป็นไปได้อย่างไร
    การยอมรับความจริงคือการยอมรับความจริง
    การไม่หนีปัญหาคือการไม่หนีปัญหา
    เห็นทุกใหม ?
    หรือว่าจะ ดำเนินไปแบบสรรเสริญยกย่องกันดี ฮูเร่ ฮูเร่ 55
    หนะขนาดมาถามกระทู้ธรรม ยังมีประชดหน่อยๆ แล้วจะหนีไปได้มั้ย
    รู้จักในอาการต่างๆ แล้วยอมรับตามจริงมันได้ใหม
     
  16. Thanks-Epi

    Thanks-Epi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    984
    ค่าพลัง:
    +2,950
    ดิฉันมาตั้งเพื่ออยากทราบความเห็น/ความคิดของท่านอื่นบ้างนะค่ะ
    ยิ่งคำว่า แช่ง ไม่น่าจะเขียนเลยในมุมกฎแห่งกรรม ซึ่งดิฉันก็ทราบดีว่า มันบาป
    ญาติธรรมเตือนถึง 2 คนในเรื่องนี้ ไม่เป็นผลดีกับตัวดิฉันแน่นอน (เขาก็ทราบจากญาณนะค่ะ) และก่อนหน้าที่จะเจอะญาติธรรมดิฉันคิดร้ายกว่านี้อีกค่ะ (สารภาพตรงๆค่ะ) ตอนนี้ถือว่า เบากว่าเดิมแล้วแต่ไม่หมดค่ะ

    ถ้าดิฉันเลี่ยงออกจากสถานะการณ์ไปได้ มันก็แค่การหนีปัญหา (ซึ่งจริงๆแล้วก็เลี่ยงไม่ได้ด้วยค่ะ)

    ดิฉันขอเก็บข้อความของกัลยามิตรทุกท่านที่เอาใจช่วย /ตอบปัญหา เวลารู้สึกไม่ดีจะได้กลับมาอ่านอีก
    แต่คนตัวดิฉันเผลอบ่อยค่ะ ยังปฎิบัติไม่ดีนัก (ก็มักจะมีคำ ไหนละเข้าทางธรรม ทำไมทำไมไม่ได้ ฯลฯ) ซึ่งคนที่พูดย่อมไม่เข้าใจในตัวเหตุการณ์แท้ๆ และลึกกกกกกกกกกกกกกกก (ลึกอีกแล้วค่ะ ต้องเพื่อนบ้านมีเจโตก็ทราบ เลยพอจะเข้าใจ และเห็นใจ แต่การแช่งไม่เป็นผลดีเขาจึงเตือน)

    ดิฉันยอมรับว่า ดิฉันผิดศีลข้อ 4 เสมอๆค่ะ เพื่อนเตือนแล้วเตือนอีก ก็ยังทำผิดเรื่อย ด้วยโทสะนั่นเอง

    เป็นเพียงเศษกรรมที่ดิฉันได้เคยสร้างไว้ด้วย แต่กลับทำใจไม่ได้ที่จะให้อภัย ดิฉันกลับมองว่า ทางนั้นต่างหาก หากลดกิเลสตัวเองลงบ้าง ก็จะไม่ทำกับดิฉันมากมายอย่างนี้
     
  17. Thanks-Epi

    Thanks-Epi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    984
    ค่าพลัง:
    +2,950
    ทักทายคุณอิน ที่รู้จักกันมานาน คุณอินมักเขียนอะไรสั้นๆ อ่านเข้าใจยากเสมอ ต้องคิดพิจารณาค่อยข้างนาน


    รวมถึงทักทายทุกท่านคุณ daowdeaw / markdee / บุญยง โคกกระทา / Higtmax / teww / ddman / buakwun / RINBA /pongsanun

    เวลาที่ดิฉันมาตั้งกระทู้มักได้สิ่งดีๆกลับไปเสมอค่ะ

    ตอนนี้ไม่ค่อยว่างนัก เพราะลูกปิดเทอม และข่าวดีสำหรับดิฉัน ลูกอาการดีขึ้นมากๆ (ถือว่าเร็วมากด้วยค่ะ) ตั้งแต่กระทู้ครั้งที่แล้ว ด้วยความหวังดีจากกัลยามิตรทั้งหน้าไมค์/หลังไมค์ ที่ส่งใจมาให้ค่ะ
     
  18. lovepyou

    lovepyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2008
    โพสต์:
    540
    ค่าพลัง:
    +974
    การไม่คบคนพาล เป็นมงคลชีวิตสูงสุด (มงคลสูตร)

    ถ้า จขกท ทนไม่ไหวกับการอยู่ร่วม 2 คนนั้น ถึงขั้น ต้องสาปแช่ง ก็แยกตัวไปเลย
    อยู่ให้ห่างไว้ ห่างแค่ไหน ห่างให้มากที่สุด

    ถ้าจะต้องมีการพูดคุย ก็ถามคำ ตอบคำ พอแล้ว อย่าไปสุงสิงอะไรมาก

    ผมเคยเจอบ่อย เมื่อก่อน และวิธีเดียวที่ผมทำคือ อยู่ห่างๆ และก็เป็นวิธีที่ดีที่สุดด้วย
    1. เราไม่ต้องมานั่งเก็บอารมณ์ มานั่งเครียด มานั่งเพ่งลม ยุบหนอ พองหนอ เพราะเอาเข้าจิงๆ ทำไม่ได้หรอก ลมเราจะปั่นป่วน หัวใจเราจะเต้นแรง เราจะคุมสติได้แยก และความโกรธ ความแค้น ความอาฆาตก็จะมา
    ก็เรายังไม่ใช่ พระอรหันต์ จะบอกให้ตัดโน้น ตัดนี้ มันจะตัดได้ไง ถ้าเป็นพระอรหัตน์ เขาปิดทวาร สำรวจอินทรีย์ จบ. แต่เราทำไม่ได้ไง
    เค้าถึงได้ให้ การไม่คบคนพาลเป็นมงคลสูงสุด เป็นข้อแรกสุด มาก่อนคบบัณฑิตด้วยซ้ำ ทำไม? เพราะอย่างน้อยสุดเราจะได้ไม่ต้องทำบาปละ 1

    พระพุทธองค์รู้ดีไงว่า ก่อนทำบุญ ให้หยุดทำบาปก่อน
    เพราะชื่อว่าหยุดทำบาป เท่ากับเป็นการทำบุญ
    เพราะฉะนั้น..

    2. เรื่องของศีล
    วันนี้ จขกท ถือศีล 5 ได้หรือยัง? การที่เราโดนนั้น โดนนี้ นอกจากจะเป็นเพราะตัวคนอื่นแล้ว อาจจะเป็นเพราะตัวเราด้วย


    ถ้า จขกท เห็นว่า 2 คนนั้น เป็นคนเลวแล้ว จะคบต่อทำไมละ?

    อีกอย่างห้ามไปสาปแช่ง ผมไม่ได้บอกนะว่า อย่า แต่ใช้คำว่า "ห้าม"
    เพราะ นอกจากมันจะโดนเค้าแล้ว มันจะย้อนโดนเราด้วย

    เปรียเสมือน บุคคล 2 คน ยืนอยู่ในแม่น้ำที่เป็นน้ำมัน
    เมื่อเราจุดไฟโยนใส่เขาแล้ว ไฟย่อมลามมาโดนเราด้วย
    เพราะการสาป คือการจุดไฟเผาเค้า พร้อมไปกับตัวเอง
     
  19. lovepyou

    lovepyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2008
    โพสต์:
    540
    ค่าพลัง:
    +974
    และมีอีกเรื่องหนึ่งคือ จขกท เคยไปทำอะไรแบบนี้กับใครเค้าหรือเปล่า?
     
  20. wainkam

    wainkam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2011
    โพสต์:
    757
    ค่าพลัง:
    +881
    ผ่านมา
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...