สั่งจององค์พ่อจตุคามรามเทพรุ่น"พ่อคุ้มภัย ให้สมปราถนา"เพื่อสร้างสถานที่ปฏิบัติธรรม

ในห้อง 'กระทู้เก่า' ตั้งกระทู้โดย boko0121, 31 ธันวาคม 2007.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. boko0121

    boko0121 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,612
    ค่าพลัง:
    +7,736
    ร่วมสั่งจององค์จตุคามรามเทพรุ่น
    "พ่อคุ้มภัย ให้สมปราถนา"
    วัตถุประสงค์
    1.นำทุนทรัพย์ทั้งหมดไปสร้างสถานที่หลบภัย
    2.นำไปสร้างพระอุโบสถ วัดอินทรียสังวรวนาราม จ.ชัยภูมิ
    3.นำบริจาคเข้ากองทุนพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ
    องค์พ่อจตุคามมีอยู่ 2พิมพ์
    1.องค์พ่อจตุคา+ราหู
    2.องค์พ่อจตุคาม+พระพิฆเนศ
    สีทั้งหมดมี1สีคือ 1.แดง
    ขนาด 5.5 ซม.ทุกองค์
    สั่งจององค์ละ 99 บาท (ราคาบุญ)+ค่าจัดส่ง50บาทครับ(ไม่ว่าจะกี่องค์ก็50ครับ)
    ทางเราจะส่งให้ถึงบ้านท่านแบบลงทะเบียนครับ

    มวลสารที่สำคัญ

    1.น้ำมนต์108วัดที่คณะผู้ศรัทธาได้ร่วมกันส่งมาให้ผมครั้งที่สร้างพระสังกัจจายน์
    2.ผงมหาเสน่ห์
    3.ผงว่าน108
    4.ดินสารหลักเมืองนครศรีธรรมราช
    5.ผงธูปจากวัดต่างๆ
    6.พระเครื่องแตกหัก(นำมาบดแล้ว)
    7.ดินสังเวชณียสถานทั้ง4
    และอื่นๆอีกมากมาย



    ส่งธนาณัติมาที่
    สั่งจ่ายคุณกิตติธัช คำวงษ์ สั่งจ่ายปณ.ชัยภูมิ
    ส่ง
    โครงการสร้างสถานที่กันภัยพิบัติ
    ศูนย์แจกสื่อธรรมะ(มงคลดี)
    125 ม.7 ถ.ชัยภูมิ-สีคิ้ว ต.หนองนาแซง
    อ.เมือง จ.ชัยภูมิ 36000
    โทร084-3176106

    *ปิดสั่งจองวันที่ 25ก.พ.2551*
    *วันกำหนดรับพระวันที่ 30เม.ย.2551*
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC00587.jpg
      DSC00587.jpg
      ขนาดไฟล์:
      26.7 KB
      เปิดดู:
      1,155
    • DSC00588.jpg
      DSC00588.jpg
      ขนาดไฟล์:
      24.6 KB
      เปิดดู:
      1,141
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มกราคม 2008
  2. boko0121

    boko0121 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,612
    ค่าพลัง:
    +7,736
    รูปพิมพ์แบบพระพิฆเนศ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 13-1.jpg
      13-1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      30.3 KB
      เปิดดู:
      1,148
    • 13-2.jpg
      13-2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      29.4 KB
      เปิดดู:
      1,120
  3. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    สาธุ...กำลังใจดีมากๆเลย

    ขอจอง...สีแดงทั้งสองพิมพ์...รวม...สององค์....ครับ
     
  4. tipya

    tipya Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +52
    ขอจองพิมพ์พระพิฆเนศสีแดง2องค์และพิพม์ราหูสีแดง1องค์รวมเป็น3องค์เดี๋ยวพรุ่งนี้ส่งเงินไปให้ค่ะ
    อนุโมทนาค่ะ
     
  5. boko0121

    boko0121 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,612
    ค่าพลัง:
    +7,736
    ศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช



    <DD>1. คำและความหมาย มีคำอยู่สามคำที่คล้ายคลึงกัน แต่มี่ความหมายต่างกันชัดเจน คือ คำว่า หลักเมือง คำว่า ศาลหลักเมือง และคำว่า ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ขอแสดงความเข้าใจและคิดเห็นดังนี้
    • 1.หลักเมือง หมายถึงนิมิตหมาย ว่าได้สร้างเมือง ณ ที่ตรงนั้น เมื่อวัน เดือน ปี เวลา นาที เท่านั้นเท่านี้
    • 2.ศาลหลักเมือง หมายถึงสิ่งก่อสร้าง เป็นอาคารสวยงาม กะทัดรัด มั่นคง เป็นเทวสถานที่สถิตของเจ้าพ่อตามข้อ 3
    • 3.ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง หมายถึงที่สิงสถิตของเทพเจ้าผู้มีมเหศักดิ์ ดูแลปกป้อง คุ้มครองบ้านเมืองและประชาชน
    <DD>2. แบบอย่างการสร้างหลักเมือง แบบอย่างการสร้างหลักเมืองที่ชัดเจนที่สุด คือ การสร้างหลักเมืองกรุงรัตนโกสินทร์ ณ วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน 2325 เวลา 06.54 น. เรื่องราวที่บันทึกไว้เป็นดังนี้<DD>"หลังจาก พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เสด็จกรีธาทัพเหยียบพระนคร ได้เพียงสองวัน วันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2325 ก็มีพระบรมราชโองการสั่งให้พระยาธรรมาธิกรณ์กับพระยาวิจิตรนาวี เป็นแม่กองคุมช่างและไพร่ไปวัดกะที่สร้างพระนครใหม่ข้างฝั่งตะวันตก ได้ทำพิธียกเสาหลักเมือง เมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน พ.ศ.2325 เวลา 06.54 นาฬิกา พระราชวังใหม่ให้ตั้งในที่ซึ่งพระยาราชเศรษฐีและพวกจีนอยู่เดิม โดยโปรดให้ย้ายไปตั้งบ้านเรือนอยู่ ณ ที่สวนตั้งแต่คลองวัดสามปลื้มไปจนถึงคลองวัดสามเพ็ง แล้วจึงได้ฐาปนาสร้างพระราชนิเวศน์มณเฑียรสถาน ล้อมด้วยปราการระเนียดไม้ไว้ก่อน พอเป็นที่ประทับ"

    <DD>จากข้อความข้างต้นมีเรื่องสำคัญอยู่ประการหนึ่งคือการยกเสาหลักเมือง ซึ่งถือว่าเป็นมิ่งขวัญสำคัญของเมือง แต่เสาหลักเมืองและดวงชาตาพระนคร ที่ปรากฏในปัจจุบัน มิใช่ของที่สถาปนาในรัชกาลที่ 1 เพราะพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงปรับปรุงขึ้นใหม่ ดังปรากฏในพระราชพงศาวดารรัชกาลที่ 4 ว่า

    <DD>"แลที่ศาลเจ้าหลักเมือง ศาลพระกาฬ ศาลพระเสื้อเมือง พระทรงเมือง และศาลเจ้าเจตคุปต์นั้น เดิมเป็นแต่หลังคาตังไม้มุงกระเบื้อง ทรงพระกรุณาโปรดให้ช่างก่อรอบ มียอดปรางค์อย่างศาลพระกาฬที่กรุงเทพทวารวดีศรีอยุธยาเก่าทั้งสี่ศาลและหอกลางนั้นเดิมสองชั้นสามชั้น ขัดแตะถือปูนทำเป็นยอดเกี้ยว โปรดให้ทำใหม่ก่อผนังถือปูน แปลงเป็นยอดมณฑป... แล้วทรงพระราชดำริถึงหลักเมืองชำรุด ทำขึ้นใหม่ แล้วจะบรรจุดวงชาตาเสียใหม่ ณ วันอาทิตย์ เดือนอ้าย แรมเก้าค่ำ (จุลศักราช 1214) พระฤกษ์จะได้บรรจุดวงพระชาตาพระนครลงด้วยแผ่นทองคำหนัก 1 บาท แผ่กว้าง 5 นิ้ว จารึกในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม กรมสมเด็จพระปรมานุชิตฯ กรมหมื่นบวรรังษี กับพระสงฆ์ราชาคณะอีกสามรูป รวมห้ารูป เมื่อเวลาจารึกได้เจริญพระปริตแล้วพระฤกษ์ 12 พระยาโหราธิบดีได้บรรจุที่หลักเมือง เสร็จแล้วก็มีการสมโภช...."


    <DD>[​IMG]<DD>ลักษณะของเสาหลักเมืองที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงให้สร้างใหม่นั่นเป็นเสาไม้ชัยพฤกษ์ สูง 108 นิ้ว กว้างผ่านศูนย์กลาง 30 นิ้ว ฐานเป็นแท่นกว้าง 70 นิ้ว ปลายเสาเป็นชัยพฤกษ์ สูง 108 นิ้ว กว้างผ่านศูนย์กลาง 30 นิ้ว ฐานเป็นแท่นกว้าง 70 นิ้ว ปลายเสาเป็นหัวเม็ดทรงมัณฑ์ บรรจุเทวรูปและดวงซาตากรุงเทพมหานครที่เรียกกันว่า "เจ้าพ่อหลักเมือง" ก็ควรได้แก่ เทวรูปองค์นี้ไม่ใช่ตัวเสาและเทวรูปองค์นี้ก็มีพิธีประกาศเทวดาอัญเชิญเทพเจ้าเข้าประดิษฐานในเทวรูปดังปรากฏในหนังสือประกาศพระราชพิธี เล่ม 1 มีความตอนหนึ่งว่า

    <DD>"ข้าแต่ท้าวเทวราชสุรารักษ์ อันควรจะเสด็จสถิตนิวาสนานุรักษ์ บนยอดหลักสำหรับพระมหานคร ข้าพระพุทธเจ้า ขออัญเชิญเทพยมหิทธิมเหศวรผู้ทรงศักดิ์สิทธิ์จงเข้าสิงสู่สำนักในเทวรูปซึ่งประดิษฐานบนยอดบรมมหานครโตรณ อันบบรจุใส่สุพรรณบัตร จารึกดวงพระชันษากรุงเทพมหานครอมรรัตนโกสินทร์มหินทรายุทธยาบรมราชธานีนี้ จงช่วยคุ้มครองป้องกันสรรพไพรีราชดัษกร อย่าให้มาบีฆาถึงพระมหานครราชธานี และบุรีรอบขอบเขตขัณฑ์สีมามณฑล ทั่วสกลราชอาณาประวัติ" เนื่องจากพระราชพิธีอัญเชิญเทวดาสิงสถิตในเทวรูปดังกล่าวนี้เอง จึงทำให้ "เจ้าพ่อหลักเมือง" มีความศักดิ์สิทธิ์เป็นที่นับถือของมหาชนมาก จากบันทึกรับสั่งสมเด็จพระเจ้าวรวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ประทาน ม.ร.ว.สุมนชาติ สวัสดิกุล ในหนังสือวงวรรณคดี ฉบับเมษายน 2491 ได้ทรงอธิบายประเพณีการตั้งหลักเมืองไว้ว่า

    <DD>"หลักเมืองเป็นประเพณีพราหมณ์มีมาแต่อินเดียไทยตั้งหลักเมืองขึ้นตามธรรมเนียมพราหมณ์ ที่จะเกิดหลักเมืองนั้นคงเป็นด้วยประชุมชน ประชุมชนนั้นต่างกัน ที่อยู่เป็นหมู่บ้านก็มี หมู่บ้านหลาย ๆ หมู่รวมเป็นตำบล ตำบลเป็นตำบล ตำบลตั้งขึ้นเป็นอำเภอ อำเภอนั้นเดิมเรียกว่าเมือง เมืองหลายๆ เมืองรวมกันเป็นเมืองใหญ่ เมืองใหญ่หลายๆ เมือง เป็นมหานคร คือ เมืองมหานคร" <DD>
    [​IMG]
    </DD>
    ที่มา http://www.jatukarm.com/history.php
     
  6. boko0121

    boko0121 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,612
    ค่าพลัง:
    +7,736
    [​IMG]

    "ตัวอย่างหลักเมืองที่มีเก่าที่สุดในสยามประเทศนี้ คือ หลักเมืองศรีเทพในแถบเพชรบูรณ์ ทำด้วยศิลาอยู่ที่พิพิธภัณฑ์สถานบัดนื้ เรียกเป็นภาษาอินเดียในสันสกฤตว่า "ขีน" ในภาษามคธว่า "อินทขีน" หลักเมืองศรีเทพทำเป็นรูปตาปู หัวเห็ด หลักเมืองชั้นหลังมาก็คงทำด้วยหินบ้าง ไม้บ้าง หลักที่กรุงเทพมหานคร ทำด้วยไม้" "เมื่อพระพุทธยอดฟ้าจุฟ้าจุฬาโลกข้ามฟากมาจากธนบุรี สิ่งแรกที่กระทำคือตั้งหลักเมือง คิดดูด้วยปัญญาก็เห็นเป็นการสมควร เป็นยุติได้แน่นอนว่าจะตั้งเมืองที่ตรงนี้ ถ้าไม่มีอะไรเป็นเครื่องหมาย ความไม่แน่ก็คงมี อาจเปลี่ยนแปลงโยกย้ายได้ที่ปักไปแล้วคนเป็นใจด้วยทุกคน อนึ่ง ควรสังเกตไว้ด้วยว่า การตั้งเมืองใหญ่มีของสองอย่างกำกับกัน คือหลักเมืองและพระบรมธาตุฯ"
    <DD>3.หลักเมืองนครศรีธรรมราช ความคิดเรื่องการสร้างหลักเมืองนครศรีธรรมราช เป็นความเห็นแตกต่างของมหาชนชาวนครศรีธรรมราช เอง ฝ่ายหนึ่ง เห็นว่ามีมาก่อนแล้วปรักหักพังไป เพราะเมืองนครศรีธรรมราชเป็นเมืองสำคัญ เป็นเมืองแม่ของเมืองแม่ของเมืองบริวาร 12 เมือง (เมืองสิบสองนักษัตร) จะต้องมีหลักเมืองเป็นศักดิ์ศรี และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำบ้านเมือง ทำให้บ้านเมืองสมบูรณ์แบบตามโบราณประเพณี ฝ่ายนี้เห็นว่าควรสร้างหลักเมือง และขยายความด้วยเหตุผลตามหลักโหราศาสตร์ว่า จังหวัดนครศรีธรรมราชได้สืบทอดประวัติมาเป็นเวลาอันยาวนาน เป็นมหานครทางภาคใต้และเป็นบ่อเกิดของศิลปวัฒนธรรมสำคัญของชนขาติไทย โดยมีพระบรมธาตุเป็นหลักชัยของชาวพุทธ เป็นศูนย์รวมศรัทธาศาสนาและความเชื่อต่างๆ แต่สำหรับการสร้างบ้านเมือง จะต้องมีเสาหลักเมืองอันเป็นหลักชัยของบ้านเมืองและอยู่ควบคู่กับศาสนสถาน ซึ่งจากการศึกษาพบว่าชะตาเมืองของนครศรีธรรมราชได้สร้างขึ้น ณ วันพฤหัสบดี แรม 2 ค่ำ เดือน 3 ปีเถาะ ศก 649 พ.ศ. 1830 ตรงกับสมัยกรุงสุโขทัยมีอำนาจ <DD>ดวงชะตาเมืองนครศรีธรรมราชที่กำหนดขึ้นในครั้งนั้นผู้ทรงวุฒิวิทยากรโหรได้ตรวจสอบพบว่า เข้าเกณฑ์ภัยร้ายหลายประการ ไม่เป็นผลดีแก่บ้านเมืองทั้งในปัจจุบันและอนาคต สมควรที่จะวางชะตาเมืองใหม่ เพื่อให้บังเกิดความร่มเย็นเป็นสุข มีความเจริญรุ่งเรืองอุดมสมบูรณ์ตามประเพณีความเชื่อของบรรพบุรุษ โดยการวางศิลาฤกษ์ดวงชะตาเมืองขึ้นใหม่ และสร้างหลักเมืองขึ้นเป็นเสาหลัก เป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชน อยู่ควบคู่กับองศ์พระบรมธาตุตลอดไป ถ้าหลักเมืองนครศรีธรรมราชเคยมีมาก่อน ฝ่ายนี้ก็มีเหตุผล มีร่องรองที่น่าจะเป็นสถานที่สร้างหลักเมืองอยู่เหมือนกัน ได้แก่ สถานที่ต่อไปนี้
    • 1. หินหลัก ตั้งอยู่บริเวณที่เรียกว่า "ท่าชี" ทางด้านทิศเหนือขององค์พระมหาธาตุเจดีย์ ลักษณะเป็นเสาหินขนาดย่อม ปัก (ฝัง) ไว้ ปัจจุบันหายไป สถานที่นั้นเป็นทางสี่แยกเล็กๆ แคบๆ คนอายุ 50-60 ปีคงเคยเห็น และปัจจุบันก็ยังเรียกที่ตรงนั้นว่า "หินหลัก" เรื่องนี้สันนิษฐานกันว่า เป็นนิมิตหมายอะไรบางอย่างสำหรับเมืองนคร เพราะอยู่ในตัวเมืองชั้นใน และถ้าจะเป็นหลักเขตธรรมดาของที่ดินก็ไม่น่าจะใช่ เพราะลักษณะเสาหรือหลักเป็นหิน มิใช่ไม้หรือปูนที่ทำกันทั่วไป แต่ข้อสันนิษฐานนี้ก็ไม่เชื่อกันสนิทนัก เพราะลักษณะการฝัง ไม่มีฐานราก ไม่มีอาณาบริเวณและลวดลายประดิษฐ์แต่อย่างใด
    • 2. ศาลพระเสื้อเมือง มีหลักฐานปรากฏเป็นเรื่องบอกเล่า ประกอบกับข้อเท็จจริงที่มีอยู่ บ่งบอกว่าเป็นสถานที่สำคัญของเมืองว่า "ศาลพระเสื้อเมือง" ตามคติโบราณ เมื่อใดที่มีการตั้งบ้านเมืองก็มักจะสร้างศาลไว้ให้เทพารักษ์ ผู้รักษาบ้านเมืองด้วย ศาลพระเสื่อเมืองของนครศรีธรรมราช ตั้งอยู่ด้านหลังของหอนาฬิกา สันนิษฐานว่าคงจะเป็นกลางเมืองในอดีต และคงสร้างขึ้นในสมัยอยุธยาเป็นอย่างน้อย ศาลเดิมคงสร้างด้วยไม้ จึงไม่เหลือร่องรอย เพราะผุพังลงตามกาลเวลา หลักจากนั้นเข้าใจว่ามีการสร้างขึ้นใหม่อีกหลายครั้ง มีผู้บันทึกไว้ว่า เมื่อประมาณ 80 ปีมาแล้ว เป็นศาลไม้ หลังคามุงกระเบื้อง หันหน้าไปทางทิศตะวันตก ภายในประดิษฐานเทพารักษ์ สององค์ ลักษณะคล้ายกับท้าวกุเวรราช ในพระวิหารพระม้า วัดพระมหาธาตุฯ ต่อมามีผู้บูรณะเทวรูปทั้งสององค์นี้แล้วลงรักปิดทอง ในระยะหลังปรากฏว่าศาลพระเสื้อเมืองเป็นที่นับถือของชาวจีนเป็นจำนวนมาก ศาลนี้จึงได้รับการตกแต่งจนดูคล้ายศาลเจ้าของจีน อีกฝ่ายหนึ่งเห็นว่าเมืองนครศรีธรรมราชไม่เคยมีหลักเมืองมาก่อน ถ้าเคยมีก็น่าจะมีหลักฐานร่องรอยให้เห็นเช่นเดียวกับกำแพงเมืองโบราณ
    • 3. ฝ่ายนี้สรุปเหตุผลว่า เมืองนครศรีธรรมราช เป็นเมืองพระ หลักเมืองสำคัญ คือ พระบรมธาตุเจดีย์ ไม่มีหลักเมืองใดจะยิ่งใหญ่ไปกว่านี้อีกแล้ว มีคนทึกทักเอาว่า การสร้างหลักเมืองนครศรีธรรมราชซึ่งมีความเห็นไม่ตรงกันจะเป็นเหตุแห่งความแตกแยก ซึ่งผู้เขียนเห็นว่านั้นแหละคือ คุณสมบัติอย่างหนึ่งของคนเมืองนคร พูดจากันก่อนและร่วมกันทำ เมื่อยุติตกลงกันว่า จะสร้างหลักเมือง (บูรณะ) ในบริเวณสนามหน้าเมืองด้านตะวันออกเฉียงเหนือ เนื้อที่ 2 ไร่แล้ว จังหวัดนครศรีธรรมราชร่วมกับส่วนราชการองค์กรภาครัฐและเอกชน บริษัทห้างร้าน พ่อค้าประชาชน พ่อค้าประชาชน จึงร่วมกันดำเนินการตามลำดับ ดังนี้ -การออกแบบ แกะสลักหรือ ประติมากรรม -พิธีเบิกเนตรหลักเมือง -พิธีทรงเจิมหลักเมือง ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน -การนำ (เชิญ) หลักเมืองมาประดิษฐาน ณ สนามหน้าเมือง พิธีกรรมต่าง ๆ ข้างต้นนี้ นอกจากได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว ยังมีบุคคลสำคัญอื่นร่วมประกอบพิธีด้วย เช่น พลตำรวจเอกประมาณ อดิเรกสาร วางศิลาฤกษ์ศาลพระเสื้อเมือง นายอนันต์ อนันตกุล วางศิลาฤกษ์สร้างศาลสถิตจตุโลกเทพ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน เททองหล่อยอดชัยเสาหลักเมือง เป็นที่น่าแปลกใจอยู่บ้างว่า ศาลหรือหลักเมืองนครศรีธรรมราชไม่ปรากฏร่องรอยมาก่อน แต่ใช้คำว่า "บูรณะ" และสถานที่สร้างเป็น "หน้าเมือง" ไม่ใช่ "ในเมือง" ซึ่งเป็นเรื่องน่าสังเกตเพียงเล็กน้อย มิใช่ประเด็นสำคัญ
    • 4.รายละเอียดการบูรณะหลักเมือง รายละเอียดการก่อสร้าง (บูรณะ) ศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราชมีดังนี้
      <DD>4.1 สถานที่ก่อสร้าง สร้างในพื้นที่ 2 ไร่ ณ บริเวณสนามหน้าเมืองด้านทิศเหนือ (แนวเดียวกับหอจดหมายเหตุนายกรัฐมนตรี พลเอกเปรม ติณสูลานนท์)
      <DD>4.2 ลักษณะงาน/กิจกรรม ระบุงานก่อสร้างในเชิงปริมาณและคุณภาพไว้ดังนี้ 1)เชิงปริมาณ ก่อสร้างตกแต่งศาลใหญ่ 1 หลัง และศาลบริวารประกอบ จำนวน 4 หลังดังนี้ ตกแต่งปูนปั้นรอบนอกของศาล ตกแต่งศาลชั้นที่ 3 ของตัวศาล "จตุรมุข" ตกแต่งศาลชั้นที่ 2 ของตัวศาล "จตุรมุข" ตกแต่งศาลชั้นที่ 1 ของตัวศาล "จตุรมุข" ตกแต่งระเบียงแก้ว หัวบันไดนาค 7 เศียร 8 ตัวเป็นบันได 4 ทิศ ตกแต่งอื่น ๆ เช่น ตัวอาคารศาลภายใน โคมไฟ ป้าย เป็นต้น ตกแต่งศาลเล็กบริวาร จำนวน 4 หลัง 2)เชิงคุณภาพ เพื่อให้เป็นศูนย์รวมของชาวนครศรีธรรมราชตลอดไป</DD><DD>4.3 งบประมาณการก่อสร้าง ได้เงินจากส่วนราชการ องค์กรการกุศล ประชาชน และแหล่งบริจาคอื่น ดังนี้ 1.องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราชให้การสนับสนุนโครงการ 2,000,000 บาท 2.มูลนิธิ "เมืองหลวงห่วงเมืองใต้" ให้การสนันสนุนโครงการ 500,000 บาท 3.ประชาชนบริจาคให้เป็นกองทุนสมทบโครงการ 3,382,627 บาท 4.จัดจำหน่ายเสื้อยืดที่ระลึกการบูรณะศาลหลักเมือง 55,000 บาท 5.เทศบาทนครนครศรีธรรมราชให้การสนับสนุนโครงการ 849,018 บาท 6.สำนักงานป่าไม้จังหวัดจัดหาไม้และบานประตู มูลค่า 500,000 บาท 7.ห้างหุ้นส่วนจำกัดนครแสงฟ้า(จำหน่ายรถจักรยานยนต์) บริจาค 500,000 บาท 8.ดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร 73,155 บาท
      <DD>4.4 ผู้รับเหมาก่อสร้างและสัญญา ห้างหุ้นส่วนสามัญจำกัดศรีวิชัย เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง ตามสัญญาจ้างที่ 1/2541 ลงวันที่ 27 เมษายน 2541 กำหนดให้งานแล้วเสร็จภายใน 30 กันยายน 2542 เงินค่าก่อสร้างศาลหลักเมืองตามปริมาณและคุณภาพงานข้างต้น จำนวน 6,859,800 บาท(หกล้านแปดห้าหมื่นเก้าพันแปดร้อยบาทถ้วน) ซึ่งถ้าจะก่อสร้างให้เต็มรูปรวมทั้งตัวศาลบริวารและรั้ว จะต้องใช้เงินประมาณ 14 ล้านบาท
      [​IMG]
      </DD>
    </DD>
     
  7. boko0121

    boko0121 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,612
    ค่าพลัง:
    +7,736
    [​IMG]

    ลำดับขั้นตอนการสร้างหลักเมืองนครศรีธรรมราช



    <DD>1.คณะอนุกรรมการสร้างสิ่งสำคัญทางประวัติศาสตร์ ในคณะกรรมการส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งมีนายเอนก สิทธิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน มีมติให้สร้างหลักเมืองนครศรีธรรมราชขึ้น ในคราวประชุมวันที่ 14 มกราคม 2528 ในการนี้ได้มอบหมายให้พลตำรวจตรีขุนพันธรักษ์ราชเดช (อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรภาค 8) พันตำรวจเอกสรรเพชญ ธรรมมาธิกุล(ผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช) <DD>และพระเทพวราภรณ์เจ้าอาวาสวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จัดตั้งคณะทำงานจัดสร้างหลักเมืองนครศรีธรรมราชขึ้น

    <DD>2.คณะทำงานดังกล่าวได้เริ่มต้นจัดหาไม้ตะเคียนทอง มาเพื่อสร้างเป็นเสาหลักเมืองโดยหามาจากยอดเขาเหลือง เดิมกำหนดจะจัดทำในบริเวณจวนผู้ว่าราชการจังหวัด แต่หลายคนเห็นว่าจะไม่สะดวกในการปฏิบัติ จึงเปลี่ยนไปใช้สถานที่บ้านพักผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราชแทน <DD>3.เสาหลักเมืองมีรูปแบบและขนาดความกว้างยาว เป็นไปตามหลักการตามที่พลตำรวจตรีขุนพันธรักษ์ราชเดชแนะนำ คือ เสาแกะสลักเป็นลวดลายศรีวิชัยประกอบด้วยอักขระโบราณ ยอดเสาเป็นเศียรพระพรหมแปดเศียรซ้อนกันสองชั้น(ชั้นละสี่เศียร)ยอดบนสุดเป็นยอดชัยหลักเมือง หุ้มด้วยทองคำ

    <DD>4. เพื่อให้ถูกตามธรรมเนียมนิยมจึงกำหนดให้มีพิธีสำคัญที่เกี่ยวเนื่องสองพิธีคือ 4.1 พิธีฝังหัวใจสมุทรและฝังหัวใจเมือง ประธานในพิธีคือนายเอนก สิทธิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งได้รับมอบหมายจากพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี โดยประกอบพิธีที่สี่แยกคูขวาง เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2529 4.2 พิธีเบิกเนตรหลักเมือง เจ้าพิธีคือพลตำรวจตรีขุนพันธรักษ์ ราชเดช จัดพิธี ณ บริเวณสนามหน้าเมืองนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2530

    <DD>5. จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รับเกียรติ จากพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธีมอบหลักเมืองให้แก่ทางราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชโดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช(นายสุกรี รักษ์ศรีทอง) เป็นผู้รับมอบเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2530

    <DD>6.ในระหว่างดำเนินการสร้างหลักเมือง ได้เกิดความขัดแย้งระหว่างผู้ว่าราชการจังหวัด (นายสุกรี รักษ์ศรีทอง) และรุนแรงขึ้นจนกระทรวงมหาดไทยได้โยกย้ายคู่กรณี และแต่งตั้งรองผู้ว่าราชการจังหวัด(ร้อยตรีอำนวย ไทยานนท์)รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัด <DD>.จังหวัดได้รายงานให้กระทรวงมหาดไทยกราบบังคมทูลเสด็จพระราชดำเนินจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อทรงประกอบพิธีนำกลีบบัวทองคำขึ้นประกอบปลียอดพระบรมธาตุเจดีย์ และ ทรงเจิมทรงพระสุหร่ายยอดชัยหลักเมือง ในการนี้ได้เสนอวันอันเป็นมงคลไปด้วย คือวันที่ 3 สิงหาคม 2530 ซึ่งตรงกับวันขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 ในเวลาต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเสด็จแทนพระองค์เป็นประธานยกกลีบบัวทองคำขึ้นประกอบปลียอดพระบรมธาตุเจดีย์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนวันที่ 3 สิงหาคม 2530

    <DD>8.ปลาย เดือนกรกฏาคม 2530 กระทรวงมหาดไทยแจ้งจังหวัดว่า ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จังหวัดนำยอดชัยหลักเมืองเข้าไปยังตำหนักจิตรลดารโหฐาน เพื่อทรงเจิมทรงพระสุหร่าย ในวันที่ 3 สิงหาคม 2530 เวลาประมาณ 16.00 น.

    <DD>9.จังหวัดนครศรีธรรมราชโดยรองผู้ว่าราชการจังหวัดรักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดและคณะ ประกอบด้วย นายสัมพันธ์ ทองสมัคร(รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ) นายกำจร สถิรกุล (ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย)นายอนันต์ อนันตกุล (เลาธิการคณะรัฐมนตรี) นายศิริชัย บุลกุล(วุฒิสมาชิก) เข้าเฝ้าโดยมีนายพิศาล มูลศาสตร์สาทร ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้นำเข้าเฝ้า ในโอกาส นี้ข้าราชการและประชาชนผู้ร่วมจัดสร้างหลักเมือง ได้นำเอาวัตถุมงคลและผ้ายันต์จำนวนมากทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายด้วย ในวันนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงเจิมทรงพระสุหร่ายหลักเมืองนครศรีธรรมราช พร้อมกับหลักเมืองจังหวัดศรีสะเกษและจังหวัดชัยนาทด้วย<DD>10.วันที่ 4 สิงหาคม 2530 คณะได้นำยอดชัยหลักเมืองกลับจังหวัดนครศรีธรรมราชโดยทางเครื่องบิน มีขบวนช้างม้า และประชาชนจำนวนนับหมื่นคนจัดขบวนต้อนรับแห่จากท่าอากาศยานกองทัพภาคที่ 4 มาสู่ที่ตั้งหลักเมืองในปัจจุบันนี้

    <DD>11.จังหวัดได้ประกอบพิธีอัญเชิญหลักเมืองขึ้นสู่ศาลถาวร โดยนายนิพนธ์ บุญญภัทโร(ผู้ว่าราชการจังหวัด)เป็นประธาน

    <DD>12.ได้ทำการก่อสร้างศาลหลักเมืองขึ้นในที่ดินราชพัสดุตามที่ทางจังหวัดขออนุญาตโดยสร้างเป็นศาลด้วยทรงเหมราชสีลา ก่ออิฐถือปูนสามชั้น ส่วนยอดบนเป็นทรงแหลม ภายในศาลพื้นปูด้วยหินอ่อน ฝาผนังจากพื้นขึ้นมาหนึ่งเมตรปูด้วยหินอ่อน มีการสลักดุนประวัติความเป็นมาของหลักเมือง มีบันไดขึ้นลงทั้งสี่ด้านเชิงบันไดเป็นรูปพญางูทะเลแผ่แม่เบี้ย รอบศาลหลักเมืองมีศาลเล็กสี่มุม รูปทรงเป็นลักษณะเช่นเดียวกับศาลหลักเมือง แต่ลดขนาดลง<DD>13.การก่อสร้างศาลหลักเมืองก็ดำเนินต่อไปไม่หยุดยั้ง โดยมีรายได้จากเงินบริจาค จากศิษย์ และผู้มีจิตศรัทธา บางท่านบริจาคเป็นวัสดุก่อสร้าง มีการจำหน่ายวัตถุมงคลธูปเทียนและทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดมอบหมายให้นายอำเภอ ไทยานนท์รองผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นผู้ประสานงานดำเนินการเกี่ยวกับศาลหลักเมืองเต็มตัว
    <DD>14.วันที่ 31 ตุลาคม 2531 จัดพิธีสวมยอดชัยหลักเมือง โดยพลเอกสุจินดา คราประยูร รองผู้บัญชาการทหารบก(ตำแหน่งในเวลานั้น)
    <DD>15.ล่วงถึงปีพุทธศักราช 2533 การก่อสร้างศาลหลักเมืองแล้วเสร็จประมาณ 35 % สิ้นเงินประมาณ 4 ล้านบาท การก่อสร้างยังคงดำเนินการต่อไปแต่ไม่อาจจะเร่งงานได้ เพราะฤดูฝนเป็นอุปสรรค นอกจากนั้นต้องดำเนินการตามเวลาฤกษ์อันเป็นมงคลตามที่พลตำรวจตรีขุนพันธรักษ์ราชเดชกำหนด การก่อสร้างโดยการจ้างแรงงาน และวัสดุก่อสร้างเป็นของคณะทำงานก่อสร้างก่อสร้างหลักเมืองและผู้มีจิตศรัทธา
    <DD>16.งานก่อสร้างศาลหลักเมืองชะงักไประยะหนึ่ง คือในช่วง พ.ศ.2536-2540 ล่วงถึง พ.ศ.2541 ในสมัยที่นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ มาดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้พิจารณาเห็นว่าปูชะนียสถานแห่งนี้ควรที่จะได้รับการบูรณะให้เสร็จสิ้นสมบูรณ์เป็นศรีสง่าและเป็นที่เคารพสักการะของชาวเมืองอีกแห่งหนึ่งจึงจัด "โครงการบูรณะก่อสร้างศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช" เพื่อให้แล้วเสร็จทันการเฉลิมฉลองในวโรกาสที่พระบาทสมพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมายุครบ 72 พรรษา พร้อมกันนั้นได้แต่งตั้งคณะกรรมการบูรณะก่อสร้างศาลนี้ตามคำสั่ง จังหวัดนครศรีธรรมราชที่ 235/2541 ลงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2541 กรรมการชุดนี้ได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์ หาทุน ออกแบบและควบคุมการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง และรายงานผลการดำเนินงานต่อผู้ว่าราชการจังหวัดภายในวันที่ 5 ของทุกเดือน</DD><DD> </DD><DD>
    </DD><DD>[​IMG]

    </DD>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มกราคม 2008
  8. boko0121

    boko0121 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,612
    ค่าพลัง:
    +7,736
    จตุคามรามเทพ เทวดารักษาเมืองนคร


    <DD> <DD>พลตำรวจโทสรรเพชรธรรมมาธิกุล ผู้บัญชาการประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติทำหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการสืบสวน อธิบายว่าเทวดารักษาเมืองหรือเทพประจำหลักเมือง หรือเจ้าพ่อหลักเมืองนครศรีธรรมราช คือ "จตุคามรามเทพ" หรือ "จันทรภาณุ" ผู้ซึ่ง "ตั้งดิดตั้งฟ้า" สถาปนา "กรุงศรีธรรมโศก" ศูนย์กลางแห่ง ศรีวิชัย
    <DD>ตามคติพุทธศาสนาฝ่ายมหายานสาขาหนึ่งเชื่อว่ามนุษย์ทุกรูปทุกนาม ต้องเวียนว่ายตายเกิดท่ามกลางกองทุกข์ การขะข้ามวัฏสงสารก็ด้วยยึดถือปฏิบัติตามหลักธรรมของพระพุทธองค์ หากผู้ใดตั้งปณิธานแน่วแน่ อุทิศตนเพื่อช่วยเหลือขจัดความทุกข์ยากของมนุษย์ มุ่งบำเพ็ญบารมีหกประการ คือ ทานบารมี ศีลบารมี ขันติบารมี วิริยบารมี ธยานบารมี(ฌานบารมี) และปัญญาบารมีครบถ้วนแล้ว ผู้นั้นจะบรรลุความเป็นมนุษย์โพธิสัตว์ หรือคฤหโพธิสัตว์ หากพากเพียรสร้างบารมีขั้นสูงอีกสี่ประการ คือ อุปายบารมี ปณิธานบารมี พลบารมี และชญาบารมี ผู้นั้นจะสำเร็จเป็นเทวโพธิสัตว์ทรงฤทธานุภาพยิ่งใหญ่ สามารถบังคับฟ้าดิน สำแดงอิทธิฤทธิ์ให้เห็นเป็นร่าง แปลงธรรมอันจักช่วยเหลือเกื้อกูลมนุษย์ให้พ้นทุกข์และภัยพิบัติ ก่อให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุข องค์จตุคามรามเทพถึงแล้วซึ่งความแกล้วกล้าสามารถ เจนจบสรรพศาสตร์ทั้งปวง บำเพ็ญบารมีถึงพรหมโพธิสัตว์ จึงทรงอานุภาพยิ่งใหญ่ จนได้รับนามาภิไธยราชฐานันดรว่า "จันทรภาณ" ผู้มีอำนาจดั่งพระอาทิตย์และพระจันทร์ ถืออาญาสิทธิ์รูปราหูอมจันทร์ และวัฏจักร 12 นักษัตร เป็นสัญลักษณ์ อันเป็นตราประจำเมืองนครศรีธรรมราชในปัจจุบัน</DD>

    [​IMG][​IMG]

    <DD>องค์จตุคามรามเทพ มีบริวารเป็นทหารกล้าสี่คน ได้แก่พญาชิงชัย พญาหลววงเมือง พญาสุขุม และพญาโหรา เป็นกำลังหลักในหารปราบพวกพราหมณ์ที่ปกครองเมืองตามพรลิงค์อยู่ก่อน เมื่อได้บ้านเมืองแล้วก็ได้สร้างพระบรมธาตุเจดีย์ สถาปนาเมืองสิบสองนักษัตรหรือกรุงศรีธรรมโศก ฝังรากฐานพระพุทธศานาอย่างถาวรจนได้รับการเทิดพระเกียรติว่า "พญาศรีธรรมาโศกราช" ภายหลังท่านเป็นเทวดารักษาเมือง สถิตอยู่ ณ รูปจำหลักที่บานประตูไม่ทั้งสองที่ทางขึ้นลานประทักษิณรอบองค์พระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราชนั่นเอง ส่วนบริวารทั้งสี่ก็เป็นเทวดารักษาเมืองประจำทิศของเมืองเช่นเดียวกันเมื่อสร้างหลักเมืองแล้วก็ได้อัญเชิญท่านมาสถิต ณ เสาหลักเมืองอันงดงามที่ปรากฏอยู่ทุกวันนี้ องค์จตุคามรามเทพและบริวารนี่เองที่ได้มาแสดงความอัศจรรย์ให้ปรากฏด้วยการประทับทรง หรือ "ผ่านร่าง" มาบอกกล่าวให้สร้างหลักเมือง แก้อาถรรพ์ดวงเมืองที่พวกพราหมณ์ได้ฝังไว้จนทำให้บ้านเมืองไม่ปกติสุข ผู้ตนแตกแยกแก่งแย่งชิงดีกันหาความสงบสุขไม่ได
    <DD>ส่วนเทวดารักษาเมืองโดยรอบศาลหลักเมืองนั้นพลตำรวจโทสรรเพชญ ธรรมาธิกุล อธิบายไว้เป็นสามแนวหรือสามระดับ ได้แก่ แนวแรก (ระดับล่าง) เป็นเทวดารักษาทิศ เทวดารักษาทิศเหนือชื่อท้าวกุเวร เทวดารักษาทิศตะวันออกชื่อ ท้าวธตรฐ เทวดารักษาทิศใต้ชื่อท้าววิรุฬหก เทวดารักษาทิศตะวันตกได้แก่ ท้าววิรุฬปักษ์ แนวที่สอง(ระดับกลาง) เป็นจตุโลกเทพ คือ พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง พระพรหมเมือง และพระบันดาลเมือง แนวที่สาม (ระดับสูง) เป็นไปตามคติพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ในจักรวาลของพุทธศานาฝ่ายมหาชน คือพระไวโรจน พุทธเจ้าอยู่ตรงกลาง พระอักโษภยพุทธเจ้าอยู่ด้านตะวันออก พระอมิตาภะพุทธเจ้าอยู่ด้านตะวันออก พระรัตนสมภพพุทธเจ้าอยู่ด้านทิศใต้ และพระอโมฆะสิทธิพุทธเจ้าอยู่ด้านเหนือ
    <DD>การสักการะเทวดารักษาเมืองนครศรีธรรมราชแบบครบสูตร ใช้เครื่องบูชาอันประกอบด้วย ดอกไม้ 9 สี(หรือ 9 ชนิด หรือ 9 ดอก) ธูป 9 ดอก เทียน 9 เล่ม หมากพลู 9 คำ ยาเส้น 1 หยิบมือ และน้ำจืด 1 แก้ว (หรือ 1 ขวด) รำลึกถึงเทวดารักษาเมืองดังที่กล่าวนามข้างต้น ตั้งจิตอธิษฐานตามใจปรารถนา
    <DD>ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ เมืองนครศรีธรรมราชเคยมีชื่อว่า กรุงศรีธรรมโศก หรือกรุงตามพรลิงค์ แต่ตำนานไทยเหนือเรียกว่า เมืองสิริธรรมนคร กรุงศรีธรรมโศกสร้างขึ้นเมื่อใดไม่มีหลักฐานแน่นอน คงทราบข้อความจากคัมภีร์เก่าแก่ของชาวอินเดียสมัยต้นพุทธกาลเรียกว่า เมืองท่าตมะลีบ้าง เมืองท่ากมะลีบ้าง จนกระทั่งในราว พ.ศ.1150 จดหมายเหตุจีนกล่าวถึงเซียะโท้วก๊ก แปลว่าประเทศอินเดีย ซึ่งจักรพรรดิจีนส่งราชทูตเดินทางมาติดต่อทางพระราชไมตรีต่อมาภิกษุจีนผู้คงแก่เรียนมีชื่อว่า หลวงจีนอี้จิง เดินทางไปศึกษาพุทธศาสนาที่ประเทศอินเดีย ใน พ.ศ. 1214 ได้แวะมาศึกษาภาษาสันสกฤตที่เมืองโฟชิ จึงทราบว่าบ้านเมืองทั้งหลายในคาบสมุทรภาคใต้ รวมตัวกันจัดตั้งเป็นสหพันธรัฐที่มีอำนาจทางทะเล หลวงจีนอี้จิงจึงขนานนามว่า "ประเทศทั้ง 10 แห่งทะเลใต้" หรือที่รู้จักกันในชื่อ "อาณาจักรศรีวิชัย"
    <DD>นักประวัติศาสตร์ถกเถียงกันมากในเรื่องที่ตั้งเมืองหลวงของอาณาจักรศรีวิชัยจนถึงทุกวันนี้ก็ยังหาข้อยุติไม่ได้ แต่เมื่อ พ.ศ. 1710 ศิลาจารึกหลักที่ 35 พบที่บ้านดงแม่นางเมือง จังหวัดนครสวรรค์ กล่าวถึงการแผ่ขยายอำนาจของพระเจ้ากรุงศรีธรรมโศก ขึ้นไปครอบครองดินแดนในแถบภาคกลางของประเทศไทย ต่อจากนั้นดินแดนแถบนี้กลับตกเป็นเมืองขึ้นของเขมร ครั้นใน พ.ศ.1773 ศิลาจารึกพระเจ้าจันทรภาณุศรีธรรมราช กล่าวว่าพระองค์ทรงกอบกู้อิสรภาพกรุงตามพรลิงค์กลับคืนมาได้ ภายหลังจากพรองค์สิ้นพระชนม์ไปแล้ว อนุชาพระองค์เสวยราชสมบัติแทน ตำนานกล่าวว่า
    <DD>"พญาจันทรภานุผู้น้องเป็นพระยาแทน พญาจันทรภาณุเป็นพระยาอยู่ได้ 7 ปี เกิดไข้ยมบนลงทั้งเมือง คนตายวินาศประลัย พญาจันทรภาณุ พญาพงศาสุราหะ อนุชา และมหาเถรสัจจนุเทพกับครอบครัวลงเรือหนีไข้ยมบน ไข้ก็ตามลงเรือพญาและลูกเมียตายสิ้น พระมหาเถาสัจจานุเทพก็ตาย เมืองนครทิ้งร้างเป็นป่ารังโรมอยู่หึงนาน"</DD><DD>หลักฐานเท่าที่หยิบยกขึ้นมาอ้างอิงแสดงให้เห็นว่า กรุงศรีธรรมโศก หรือกรุงตามพรลิงค์ หรือเมืองนครศรีธรรมราช เคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรศรีวิชัยแล้วล่มสลายไปเมื่อครั้งเกิดโรคระบาดร้ายแรงขึ้นเมื่อราวต้นพุทธศตวรรษที่ 18 ถูกทิ้งร้างจมอยู่กลางป่าอยู่เป็นเวลานาน จนกระทั่งพวกเจ้าไทยลงมาปกครองและฟื้นฟูบูรณาการบ้านเมืองขึ้นใหม่ ดังปรากฏเรื่องราวอยู่ในตำนายพระธาตุนครศรีธรรมราช
    <DD>ไม่มีใครทราบว่าในการฟื้นฟูบูรณาการกรุงศรีธรรมโศก และพระธาตุเจดีย์ขึ้นใหม่ในครั้งนี้มีเบื้องหลังหรือความเป็นมาแท้จริงอย่างไร คงทราบความจากตำนานแต่เพียงว่าพระเจ้าอยู่หัวแห่งกรุงศรีอยุธยาทรงโปรดให้มีตรามาเกณฑ์ผู้คนสร้างเมื่องนครศรีธรรมราชและพระธาตุ จนสำเร็จเสร็จสิ้นในสมัยขุนอินทราชาเป็นเจ้าเมือง ต่อมาได้เลื่อนขึ้นเป็นพระศรีมหาราชา จนกระทั่งชาวนครศรีธรรมราชผู้หนึ่งสนใจศึกษาวิชาโหราศาสตร์ ได้ค้นคว้าพบดวงชะตาเมืองนครศรีธรรมราชเก่า จดบันทึกไว้ในสมุดข่อยในหอสมุดแห่งชาติ จึงนำมาตีพิมพ์เผยแพร่ว่า เมืองนครศรีธรรมราชเก่สถาปนาขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดี แรม 12 ค่า เดือน 3 ปีเถาะ จุลศักราช 649 ตรงกับ พ.ศ.1830
    <DD>เมื่อพลตำรวจตรีขุนพันธรักษ์ราชเดช และพลตำรวจโทสรรเพชญ ธรรมาธิกุล ตรวจสอบรูปดวงชะตาเห็นว่ากรุงศรีธรรมโศกและดินแดนภาคใต้ถูกสาป จึงร่วมกันหาทางแก้ไข รายงานให่คณะกรรมการจัดสร้างสิ่งมีค่าทางประวัติศาสตร์เมืองนครศรีธรรมราชทราบ ต่างเห็นพ้องต้องกันว่าควรสร้างหลักเมืองนครศรีธรรมราชขึ้นเพื่อล้างมนตราอาถรรพ์แห่งคำสาปใน พ.ศ.2530

    ตำนานองค์จตุคาม

    <DD>ตรรกวิทยาของชาวกะ ที่เรียกว่า จตุคามศาสตร์ เชื่อกันว่า นางพญาจันทรา นางพญาพื้นเมือง ทะเลใต้ ราชินี ผู้สูงศักดิ์ขององค์ราชันราตะ หรือ พระสุริยะเทพ ซึ่งรวบรวมดินแดนในคาบสมุทรทองคำเข้าเป็นจักรวรรดิ์เดียวกันในพุทธศตวรรษ ที่ 7 พระราชมารดาของเจ้าชายรายเทพ บรรลุธรรม สำเร็จตรรกศาสตร์ศักดิ์สิทธิ์ ทรงอิทธิฤทธิ์ บังคับคลื่นลมร้ายให้สงบได้ชาวทะเลทั้งหลายกราบไหว้รำลึกถึง เมื่อออกกลางทะเล เรียกกันว่า แม่ย่านาง ชาวศรีวิชัยให้ความเคารพนับถือเทิดทูน ฉายานามว่า เจ้าแม่อยู่หัว
    <DD>เจ้าชายรามเทพได้ศึกษาเล่าเรียนวิชา จตุคามศาสตร์ จากพระราชมารดาจนเจนจบ แล้วทรงเรียนรู้หลักสัจะรรมทางพุทะศาสนา เลื่อมใสศรัทานิกายมหายานอย่างแรงกล้า มุ่งหน้าสร้างบารมี หวังตรัสรู้เป็นพระโพธสัตว์ ตั้งปณิธานแน่วแน่ที่จะประกาศธรรมให้มั่นคงทั่วดินแดนสุวรรณภูมิ ทรงอุตสาหะบากบั่นสร้างราชนาวีตามตรรกศาสตร์มหายาน ที่สามารถแล่นฝ่าคลื่นลมได้รวดเร็วและปลอดภัยบรรทุก กำลังพลและสัมภาระได้ มากมายมหาศาลเยือนน่านน้ำใด หลักศาสนา ศิลปอารยะธรรมประดิษฐานมั่นคง ณ ดินแดนนั้น จนเหล่าราชครูต่างถวาย นามาภิไธยราชฐานันดร ว่า องค์ ราชันจตุคามรามเทพ
    <DD>เมื่อพระศรีมหาราชชาวชวากะได้ประกาศสัจธรรมทั่ว สุวรรณทวีปแล้วจึงได้สร้าง มหาสถูป เจดีย์ขึ้นที่หาดทรายแก้วและในปลายพุทธศตวรรษที่8 องค์ราชันจตุคามรามเทพทรงมานะพยายามจนบรรจะธรรมจนบรรลุโพธิญาณ จักรวาลพรหมโพธิสัตว์ ประกอบด้วย บุญฤทธิ์ อิทธิฤทธ อภินิหาร สยบฟ้า สยบดินได้ตามปรารถนา วาจาเป็นประกาศิตเหนือมวลชีวิตทั้งหลายทรงศักดานุภาพเหมือน ดังพระอาทิตย์และ พระจันทร สมญานามตาม ศาสตร์จันทรภาณุ สาปแช่งศัตรูผู้ใดจะถึงกาลวินาศ จนเลื่องลือไปทั่วทวีป ได้รับการถวายนามยกย่องว่า พญาพังพกาฬ การประกาศชัยชนะที่เด็ดขาดเหนือสุวรรณทวีปและหมู่เกาะทะเลใต้นี้เปรียบได้กับมหาราชในชมพูทวีป
    <DD>ดังนั้น พญาโหราบรมครูช่างชาวเกาะ ได้จำลองรูปมหาบุรุษเป็นอนุสรณ์ ตามอุดมคติศิลปะศาสตร์ศรีวิชัย เรียกว่า ร่างแปลงธรรม รูปสมมุตแห่ง เทวราชที่มีตัวตนอยู่จริงในโลกมนุษย์ ทรงเครื่องราชขัติยาภรณ์ สี่กร สองเศียร พรั่งพร้อมด้วยเทพศาสตราวุธ เพื่อปกป้องอาณาจักรและพุทธจักร เพื่อเป็นคติธรรมและศิลปะกรรม ประดิษฐานในทุกหนแห่งในอาณาจักรทะเลใต้ ลูกหลานราชวงศ์ไศเลนทร์ในชั้นหลังได้ถ่ายทอดศิลปะศาสตร์แปลงร่างธรรมเป็น นารายณ์บรรทมสินธุ์บ้าง อวตารปราบอสูรบ้าง ตามค่านิยมของท้องถิ่น
    </DD>
     
  9. boko0121

    boko0121 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,612
    ค่าพลัง:
    +7,736
    คาถาบูชาองค์พ่อจตุคาม

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD align=middle>

    [​IMG][​IMG]

    นะโม (3 จบ)

    </TD></TR><TR><TD align=left><DD>
    มอ ออ อออา ออฤา ถึง ออ ลือนาม จนถึง 12 นักษัตร อืออา ลือมา ถึงตัวข้า

    ด้วย ออฤา องค์สุริยัน จันทรา มหาจักรพรรดิ

    องค์ราชันดำ จตุคาม รามเทพ จัตตุโชค ศรีมหาราชโพธิสัตว์ พังพกาฬ

    องค์จันทรภาณ ุ พญาชิงชัย พญาสุขุม พญาโหรา พญาขุนรักษ์ พญารองเมือง

    เทวดาน้อย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่สถิตย์ ปกป้อง คุ้มครอง หลักเมือง นครศรีธรรมราช
    </DD></TD></TR><TR><TD align=left><DD>
    ข้ามเจ้า นาย (นาง, นางสาว) ________________ ขอกราบสักการะ

    ขอให้องค์พ่อ จงทรง ญาณบารมี ยิ่งยิ่ง ขึ้นไป บารมีของพ่อ แผ่ไพศาลไปทั่วไตรภพ

    และโปรดช่วยคุ้มครอง ข้ามเจ้า ________________ และครอบครัวให้พ้นจาก

    สรรพทุกข์ สรรพโศก สรรพโรค สรรพภัย สรรพเคราะห์ เสนียดจัญไร

    จงพ้นไปจากตัวของ ข้าพเจ้า และครอบครัว และ ข้ามเจ้า ________________ (ขอสิ่งต่างๆ ที่ต้องการ)

    ข้าพเจ้า ขอขอบคุณ องค์พ่อที่ประทาน ความสุข ความเจริญ ให้แก่ข้าพเจ้า ________________

    และกรรมดีที่ ข้าพเจ้า กระทำ ขออุทิศให้ ท่านพ่อ และตัวข้าพเจ้า
    </DD></TD></TR><TR><TD align=right>
    (ขอขอบคุณ น้อย AIA)
    </TD></TR></TBODY></TABLE>



    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD align=middle>การอธิษฐานจิตขอบารมีองค์พ่อจตุคามรามเทพ

    </TD></TR><TR><TD align=left><DD>1. อธิษฐานขอในสิ่งที่ไม่เกินกรรม
    <DD>2.เมื่อท่านได้รับในสิ่งที่หวังแล้ว ต้องรักษาสัจจะที่ได้ให้ไว้กับองค์พ่อจตุคามรามเทพ
    <DD>3. ควรจะสร้างกุศลกรรมถวายแก่องค์พ่อจตุคามรามเทพ

    <DD>ที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ แม้ว่าองค์พ่อจตุคามรามเทพจะเป็นพระโพธิสัตว์ที่มีจิตแห่งความเมตตาสูง ขอให้ท่านอย่าเพียงพึ่งแต่บารมีขององค์พ่อฯ เท่านั้น ควรสร้างกุศลให้แก่ตนเองให้ครบทุกด้าน คือ ให้ทาน (เช่น สังฆทาน บริจาคมูลนิธิต่างๆ) รักษาศีล (ศีล 5) และบำเพ็ญภาวนา (สวดมนต์ และปฏิบัติกรรมฐาน) และขออโหสิกรรมต่อเจ้ากรรมนายเวรของท่านเอง และแผ่กุศลกรรมที่ท่านทำนั้นให้แก่ มารดา บิดา ญาติกาทั้งหลาย ครูอุปัชฌาอาจารย์ เพื่อนมนุษย์ เทวดาทั้งปวง เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง และเปรตทั้งหลายทั้งปวงด้วย แล้วชีวิตท่านจักบังเกิดความเจริญ</DD></TD></TR><TR><TD align=middle>
    คำบูชาดวงตราพญาราหู องค์ราชันดำท่านพ่อจตุคามรามเทพ

    </TD></TR><TR><TD align=middle>ตั้งนะโม 3 จบ

    ระลึกถึงพระคุณแม่ธรณี

    ข้าพเจ้าชื่อ ............... ขอน้อมถวายสิ่งสักการะแก่

    สุริยัน จันทรา จันทรภาณุ พญาศรีธรรมโศกราช 12 นักษัตริย์

    ดวงตราพญาราหู ศรีมหาราชพังพกาฬ องค์ราชันดำ

    ท่านพ่อจตุคามรามเทพ

    ขอบารมีท่านพ่อจตุคามรามเทพ

    โปรด..........(แล้วแต่จะอธิษฐาน)
    </TD></TR><TR><TD align=middle>
    เครื่องบวงสรวงถวาย ตั้งโต๊ะกลางแจ้ง เวลากลางคืน วันใดก็ได้

    </TD></TR><TR><TD align=left><DD><DD><DD>- ธูปดำ 9 ดอก
    <DD><DD><DD>- น้ำโอเลี้ยง / โค๊ก 1-3 แก้ว
    <DD><DD><DD>- น้ำเย็น 1-3 แก้ว, น้ำชา 1-3 แก้ว
    <DD><DD><DD>- กาแฟดำ
    <DD><DD><DD>- ขนมหวาน / ขนมเค็ก
    <DD><DD><DD>- หมากพลู 5 คำ
    <DD><DD><DD>- ยาเส้น / ใบกระท่อม
    <DD><DD><DD>- ดอกไม้หรือพวงมาลัย</DD></TD></TR></TBODY></TABLE>​
     
  10. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    สวัสดีครับคุณ boko0121 (โทษทีนะครับ ตอบทาง PM ไม่ได้เพราะคุณ boko0121 ไม่อนุญาตให้คนที่ไม่ได้แอดส่งไปครับ)

    ไม่ทราบว่า ต้องทำไงบ้างครับ คือตอนนี้สตางค์ไม่ค่อยมีครับ มีภาระที่ต้องชำระเกี่ยวกับบุญประมาณ 6 หมื่นกว่าครับ

    2,600 * 9 งวด รวมประมาณ 23,400
    กับ อีก 39,000 ครับ (ทำบุญกฐินปีที่แล้ว พอดีใช้บริการเรดดี้ เครดิตมาครับ)

    ก็ไม่รู้ว่า เจ้าภาพต้องทำยังไงบ้างครับ แต่คิดว่า อาจจะไม่สะดวกครับ เพราะภารกิจเกี่ยวกับกลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติยังมีอีกเพียบเลยครับ

    ยังไงลองแจ้งรายละเอียดเพิ่มเติมมาดูนะครับ ผมอาจจะสะดวกในฐานะผู้ร่วมบริจาคมากกว่าครับ เพราะเงินเดือนก็ไม่มากครับ 2 หมื่นนิดๆเอง ไม่ได้ร่ำรวยอะไรหรอกครับ 55

    ปล. ภาระเรื่องหนี้สินอย่าไปบอกใครนะครับ อิอิ พอดีมีรายได้พิเศษพอสมควรแต่เช็คยังไม่ออกครับ บวกลบไปมามันดันลงตัวกับหนี้ที่มีพอดี เลยเอาเงินอนาคตไปทำบุญก่อน (ยึดหลักไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน 555)
     
  11. boko0121

    boko0121 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,612
    ค่าพลัง:
    +7,736
    ก็ไม่ได้เสียเลยครับ เพียงแต่ขอให้คอยตัดสินการดำเนินงานต่างๆกับคณะกรรมการท่านอื่นครับ ว่ามีความเห็นชอบไหมอะไรยังไง ทำนองนี้ครับ แต่ส่วนเรื่องเงินคงจะเป็นอีกด้านที่จะบริจาคครับ
     
  12. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,015
    ค่าพลัง:
    +17,915
    ครับผมก็ยินดีเป้นอย่างยิ่งครับสำหรับงานบุญกุศลในครั้งนี้ครับผม ^O^
     
  13. boko0121

    boko0121 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,612
    ค่าพลัง:
    +7,736
    ประวัติผู้สร้างจตุคาม

    [​IMG]

    ประวัติผู้สร้างจตุคามรามเทพรุ่นแรก

    เมื่อประมาณ 70-80 ปีที่แล้ว สู่ยุค
     
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เรื่องที่น้อง boko0121 ขอให้ผมช่วยเป็นรองประธานธรรมการในการจัดสร้างพระนั้น ผมต้องขออภัยด้วยครับ เพราะผมไม่มีความรู้เรื่องการจัดสร้างพระเครื่องนี้เลย อีกอย่างผมก็ไม่มีเวลามาช่วยดูแลด้วย ต้องขออภัยด้วยจริงๆ ครับ
    (ที่ต้องมาตอบในกระทู้นี้ เพราะส่ง PM ให้น้อง boko0121 ไม่ได้ครับ)
     
  15. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,015
    ค่าพลัง:
    +17,915
    ครับผม...ผมก็ไม่สามารถตอบ PM ได้เช่นกันครับ...จึงได้โพสในกระดานนี้แทนครับผม

    โหน่งหรือพ่อมดโลจิ
    ดำรงค์ รัตนวงค์
    143 หมู่ 1 ต.เมืองปาน อ.เมืองปาน จ.ลำปาง 52240
     
  16. Khunkik

    Khunkik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2006
    โพสต์:
    2,150
    ค่าพลัง:
    +18,072
    เช่นเดียวกับพี่เกษมจ้า ไม่สามารถจริงๆ แต่ถ้าจะให้ช่วยอะไรพอทำได้ก็บอกมาเนอะ

    งานราษฎร์ งานหลวง รัดตัวเป็นเกลียว เหมือนบททดสอบที่ทั้งแสบทั้งคัน เฮ้อ T-T
     
  17. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,171
    ตอบทาง PM ไม่ได้เหมือนกัน ขอบใจที่ให้เกียรติเชิญเป็นคณะกรรมการ แต่ช่วงนี้พี่มีงานบุญหลายอย่างที่ต้องดูแลรับผิดชอบอยู่ จึงไม่สะดวกที่จะรับงานเพิ่มในขณะนี้ แต่ก็ยินดีให้คำแนะนำปรึกษาได้ในบางเรื่องที่พอจะมีความรู้และประสบการณ์

    ขอเป็นกำลังใจให้น้อง boko0121 ประสพความสำเร็จในงานที่จะทำและมุ่งมั่นสร้างความดีต่อไปนะครับ

    .
     
  18. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    น่าสงสารน้องจังเลยครับ
    พี่ๆปฏิเสธกันหลายคนเลย

    แต่ก็ขอให้มีกำลังใจต่อไปนะครับ

    เรื่องกรรมการอะไรนั้น สำคัญแค่ไหนหนอ
    ถ้าเจตนาเราบริสุทธิ์ เราจะจัดการเงินพวกนั้นเองคนเดียว
    พี่ก็ว่าไม่แปลกอะไรนะ ก็เพราะนี่มันเป็นการสร้างของเรา

    แต่ถ้ามีอะไรที่พอจะช่วยได้พี่ก็ยินดีช่วยครับ
    และเดี๋ยวจะร่วมบุญจองจตุคามรุ่นนี้เอาไว้แจกคนอื่นๆด้วยครับ
     
  19. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    รับเป็นกรรมการให้ครับ
     
  20. boko0121

    boko0121 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,612
    ค่าพลัง:
    +7,736
    ไม่เป็นไรครับ คือที่อยากให้มีคนในพลังจิตพิชิตภัยพิบัตินี้เพราะ อยากให้มีตัวแทนของเว็บ เพราะระบุชื่อหน้ากล่องของพระว่า
    จัดสร้างโดย ศูนย์แจกสื่อธรรมะ(มงคลดี)
    แต่ไม่เป็นไรครับ เพราะได้กำลังใจจากพี่ๆมาก้ดีใจแล้วครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มกราคม 2008
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...