เปิดตำนานของวิเศษสุดยอด

ต่างก็เคยได้ยิน ต่างก็เคยได้ฟัง แต่พิจารณาต่อไม่ได้

ขออนุญาตครับ

ช่วงนี้ผมว่างเพราะครูบาอาจารย์ท่านบอกว่า

"พร้อมเมื่อไร จะเรียกตัว ต้องทำงาน ๒๔ ชั่วโมง ติดต่อกัน ประมาณ ๕-๖ ปี"

แต่ผมก็มี กลุ่มทำงานที่ต้องช่วยเหลือเกื้อกูลกันต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าพวกเขาจะช่วยตัวเองได้

เรื่องบางเรื่อง แม้รู้ละเอียดสักปานใด แต่เวลาทำงานจริง

ก็ยังต้อง ใช้ปัญญาระดับสูง ในการพิจารณาอยู่ดี

อีกเรื่องที่สำคัญมากๆ ก็คือว่า ครูบาอาจารย์แต่ละท่านๆก็จะกระจายความรู้ ไปไว้ในศิษย์หลายๆคน

เพื่อไม่ให่้วิชาสูญหาย
เพื่อไม่ให้ศิษย์คิดล้างครูได้
เพราะเวลาเปลื่ยน จิตใจคนเปลี่ยน

ครูบาอาจารย์บางท่าน ไปพบ ไปเจอ ลูกศิษย์ตนเองแล้ว ท่านบอกว่า

"สลดหดหู่มาก ทั้งใช้วิชาไปในทางเบียดเบียนผู้อื่น ทั้งวางตัวใหญ่โตโอ่โถง"

ครูบาอาจารย์บางท่าน ก่อนท่านสิ้นลม ท่านก็ถอนวิชาของท่านกลับ
ทำให้ศิษย์หลายๆคนใช้วิชานั้นๆ ต่อไปไม่ได้

ท่านจะคงเหลือเอาไว้น้อยคนเท่านั้น

เรื่องราวต่างๆนั้น ใครๆต่างก็เคยได้ยิน ต่างก็เคยได้ฟัง แต่พิจารณาต่อไม่ได้
ปะติดปะต่อ ก็ยังไม่ได้ และต่อยอดต่อไปก็ไม่ได้

เพราะผู้ที่ทำได้ระดับสุดยอดนั้น จะทำได้แบบไม่มีที่สิ้นสุด

ผมก็บอกแล้วอย่างไรล่ะครับว่า

"เรื่องเหล็กไหลนั้น ใครพูดว่าอย่างไร ก็ถูกทั้งหมด"
"เพราะขึ้นอยู่กับว่า ท่านมองมุมไหน ท่านรู้มากเท่าไร"
"และยังต้อง ขึ้นอยู่กับคนฟังด้วยว่า คนฟังรู้มากน้อยแค่ไหน"

เพราะเหล็กไหล ก็มีรายละเอียดสูง คล้ายกับธรรมของพระพุทธองค์

คนรู้ธรรม คนเข้าใจธรรม คนมีภูมิรู้ คนมีภูมิธรรม ระดับไหน
ก็จะรู้ธรรม ก็จะเข้าใจธรรม ก็จะมีภูมิรู้ ก็จะมีภูมิธรรม ในระดับนั้น

เหล็กไหลก็เป็นเช่นเดียวกัน

เมื่อครูบาอาจารย์ ท่านกลัวว่าเหล็กไหล จะให้โทษกับลูกศิษย์
ท่านก็เลยอัญเชิญองค์เทพออกจากเหล็กไหล แล้วบรรจุพุทธคุณเข้าไปแทน

เพราะเหล็กไหลเพชรน้ำหนึ่งนั้น ไม่มีผู้ใดเก่งกล้าสามารถที่จะไปบังคับองค์เทพได้
ทำให้เหล็กไหลนั้น ถือครองได้ยาก เพราะท่านอยากจะมาท่านก็มา ท่านอยากจะไป ท่านก็ไป

ยิ่งเหล็กไหลองค์ใหญ่ด้วยแล้ว ยิ่งหวาดเสียว
เห็นใครมาบอกว่าจะไปเอาเหล็กไหลที่นั่น ที่นี่ ผมก็ได้แต่คอยติดตามข่าวว่า
ได้มาไหม รอดชีวิตกลับมาไหม
เพราะเกิดผิดที่ผิดทาง เกิดพิโรธขึ้นมา
เหล็กไหลระเบิดเป็นเส้นใยไหมเมื่อไร
ฟุ่งผ่านอะไรตัดขาดหมด
เก่งแค่ไหน แน่แค่ไหน ไม่มีโอกาสรอด

องค์เทพประจำเหล็กไหลนั้น ท่านจะเมตตาใคร ท่านจะไปอยู่ไหน ท่านจะไปอยู่กับใคร

หรือท่านจะอยู่ในถ้ำ อยู่ในป่า อยู่ในเขา ก็แล้วแต่องค์ท่านจะเลือกเอง

ถ้าจะเอารายละเอียดเพิ่มเติม ผมก็จะบอกว่า

เหล็กไหลนั้น เกิดขึ้นมาพร้อมกับ "กฏแห่งกรรม" โน่นล่ะครับ

ชีวิตหมุนเวียนเปลี่ยนไป

มีแต่เหล็กไหล อยู่คู่กับ กฏแห่งกรรม ตลอดไป

ส่วนท่านที่มี เหล็กไหลที่ถูกฆ่าแล้ว(เชิญองค์เทพออก)
ต้องไปถามครูบาอาจารย์เอาเองว่า ท่านไปทำแบบนั้นทำไม

ขอโมทนาบุญ

ลุงมหา

 

ลุงมหาครับ
ไม่ทราบว่าลุงมหาพอจะรู้เกีี่ยวกับพระพุทธรูปชัยปราการทั้งสี่มุมเมืองมั้ยครับ
ว่าประดิษฐานอยู่ ณ ที่ใดบ้าง

 

แล้วแต่มุมมอง แล้วแต่ครูบาอาจารย์

ขออนุญาตครับ

ครูบาอาจารย์ส่วนมากจะไม่บอกเล่าเรื่องเหล็กไหล
เพราะท่านเองก็รู้มาไม่มากนัก
ส่วนท่านที่เป็นอาจารย์ใหญ่ ท่านก็จะถ่ายทอดให้เฉพาะ ผู้ที่สืบทอดของท่านเท่านั้น

ผมเคยเห็นหลายๆท่าน ทั้งท่านที่ได้ไปอัญเชิญเหล็กไหลในถ้ำเอง
และท่านที่เก่งกล้าสามารถนำพาหมู่คณะไปอัญเชิญเหล็กไหล

ที่น่าแปลกปะหลาดคือ ท่านเหล่านั้นต่างก็ดูผมไม่ออก ต่างก็พากันคิดว่า
ผมเป็นแค่ คนธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้นเอง

เรื่องราวที่ครูบาอาจารย์ไม่บอกไม่เล่าก็คือ

๑ พระคาถาบูชาและอัญเชิญเหล็กไหล

๒ พระคาถาผูกเหล็กไหล

๓ หน้าที่ ภาระอันยิ่งใหญ่ ที่ทำให้จำเป็นต้องมีเหล็กไหล

ท่านที่ได้เหล็กไหลมา แล้วไม่ได้รับรู้เรื่องทั้งสาม
ก็คือ ท่านเป็นแค่ ผู้ที่ถือครองเหล็กไหล เพื่อรอให้มีคนติดตามถามหา
ครูบาอาจารย์ตัวจริง ผู้มีความเก่งกล้าสามารถเรื่องเหล็กไหล เท่านั้นเอง

เพราะถ้าเหล็กไหลอยู่กับผู้ใด แล้ว ท่านผู้นั้น รับรู้อะไรไม่ได้เลยนั้น ผิดวิสัยอย่างยิ่ง

ขอสรุปให้ได้แค่ว่า

ท่านได้เหล็กไหลมาจากไหน มาจากอาจารย์ท่านใด ก็ให้ไปถามท่านเอาเองว่า

จะบูชาอย่างไร?

ผมก็จะบอกได้แต่เรื่องทั่วๆไปว่า

เหล็กไหลโดยทั่วไปจะถวายน้ำผึ้ง(เดือน๕ เท่านั้น) ปีละ ๑ เดือน

๑ ช่วงเดือน ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ (มาฆะบูชา)
๒ ช่วงเดือน ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๕ (ว้นสงกรานต์)
๓ ช่วงติดต่อกัน ๓ รอบของวันพระ

โดยถวายน้ำผึ้ง ครึ่งขวด หรือ หนึ่งขวด (๗๕๐ ซีซี)
เทใส่ถ้วย แล้วเอาเหล็กไหล จุ่มลงไปแช่เอาไว้

แล้วแต่ครูบาอาจารย์แต่ละท่าน แต่ละสาย จะบอกจะพาทำอย่างไร
พระคาถานั้น ก็ไม่แน่ว่าจะเหมือนกัน

ครูบาอาจารย์ท่านหวง ไม่สามารถบอกต่อใครได้

ไม่ทราบครับ ผมทราบแต่ว่า องค์หลวงปู่ใหญ่(หลวงปู่โลกเทพอุดร)
ท่านได้สั่งให้ศิษย์ของท่าน สร้างรูปเหมือนขององค์ท่านไว้ ๔ มุมประเทศ

ทิศตะวันออก อยู่วัดในไร่ ต.บ้านเพ อ.เมือง จ.ระยอง
ทิศตะวันตก อยู่ จ.กาญจนบุรี
ทิศเหนือ และทิศใต้ ไม่ทราบจังหวัด

เท่าที่ทราบมาเกจิอาจารย์บางท่าน ก็ขุดทำพิธีที่เสาร์หลักเมืองใหม่
เช่นที่ จ.ระยอง หลวงปู่ทิม ท่านก็ทำให้ จน จังหวัดระยอง มี จีดีพี เป็นอันดับสอง รองจาก กทม.

ส่วนจะทำให้ทั้งประเทศ คงหาครูบาอาจารย์ทำให้ได้ยากมากๆ
ต่อให้ทำ ก็คงจะได้แค่ระดับเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ไม่อย่างนั้น บ้านเรา เมืองเรา จะเป็นอย่างที่เห็นหรือ?

ขอโมทนาบุญ

ลุงมหา

 

ขออนุญาตครับ

มีหลายๆท่านมัวแต่ดีใจที่ได้เหล็กไหลมา ก็เลยลืมถามครูบาอาจารย์ว่า

จะบูชา อย่างไร?
จะรักษา อย่างไร?

เมื่อไม่รู้ ก็บูชาไม่เป็น
เมื่อไม่รู้ ก็รักษาไม่เป็น

ดังนั้นเหล็กไหลที่พบ ที่เจอส่วนมากจึงเป็น "เหล็กไหลจำศีล"
คือ ไม่แสดงฤทธิ์ ไม่แสดงเดช ใดๆเลย

บางท่านมัวแต่ดีใจว่าตนมีเหล็กไหล ถึงกับวิ่งพล่านไปทั่ว เพื่อ หาคนซื้อ
ลองแล้ว ลองอีก จนมั่นใจ มั่นใจไม่มั่นใจเปล่า เกิดความโลภ ฝันหวานว่า
ขายได้เงินมาจะเอาไปซื้อโน่น ซื้อนี่

พอนายทุนมาทดลอง ก็เลยผ่านบ้าง ไม่ผ่านบ้าง
ไม่ผ่านยังไม่เป็นไร แต่ที่ผ่านแล้ว รับเงินมาแล้ว
หายไปอย่างไร้ร่ิองรอย นายทุนต้องมาขอเงินคืนก็บ่อย

เมื่อเป็นอย่างนี้ เจ้าของก็หมดอาลัยตายอยาก

ในรายที่ไม่เกร่งพอ ก็ขาดการบูชา เหลียวเล

สุดท้ายองค์เหล็กไหลท่านก็ จำศีลยาว ลองอย่างไร ก็ไม่แสดงฤทธิ์ใดๆอีก

ท่านใดที่ว่ามีเหล็กไหล ท่านย่อมสามารถ สัมผัส ได้ด้วยจิตของเจ้าของเอง

นานๆก็ขอชมบารมี ด้วยการลองไม้ขีดไฟที เพื่อให้มั่นใจ

นานๆก็ขอบารมีให้ช่วยเรื่องโน้นที ให้ช่วยเรื่องนี้ที

เหมือนมีญาติผู้ใหญ่ เหมือนมีครูบาอาจารย์อยู่ด้วย

จะได้อุ่นใจ จะได้ขอพึ่งบุญบารมี

ส่วนพวกที่แห่ไป แห่มา หวังซื้อ หวังขาย ผมเจอมาเยอะแล้ว
สุดท้ายก็หงอยเหงาเศร้าซึม ความหวังพังทะลาย

ที่น่าสงสาร ที่น่าสลดใจ เพราะในกลุ่มนี้ ถึงกับมีผู้เก่งกล้าสามารถ
ที่ว่ากันว่า สามารถไปตัดเหล็กไหลมาจากในถ้ำได้ด้วย

เหล็กไหลนั้น ต้องดูที่ว่า คนให้เขาเต็มใจให้ไหม?
ขั้นตอนการให้ถูกต้องครบถ้วนไหม?
ให้มาแล้ว สิทธิ์ในการครอบครองได้มาด้วยหรือเปล่า?
หรือได้มาแล้ว สิทธิ์การครอบครองยังอยู่ที่เจ้าของเดิม?

เหมือน ยึม รถเขามาขับ
เหมือน เช่า รถเขามาขับ

ครบกำหนด ก็ต้องคืนเขากลับไป

ลองพิจารณาดูกันนะครับ

เพราะเหล็กไหลนั้น เป็นของรักของหวง

ผู้ให้ ท่านย่อม ให้ลูก ให้หลาน ท่านเท่านั้น หรือ บางท่าน ก็ให้ ลูกศิษย์ไป

ลูกหลานนั้น ย่อมให้ความเคารพ ครูบาอาจารย์ ญาติผู้ใหญ่ไม่จางหาย

แต่ลูกศิษย์นั้น ขาดกันเมื่อไร ห่างกันเมื่อไร ย่อมจืดจาง ย่อมห่างหายไป

เหมือนสิทธิ์ การครอบครอง เหล็กไหล นั่นล่ะครับ

ขอโมทนาบุญ

ลุงมหา

 

ของวิเศษสุดยอด ๓ อย่าง แก้วมณีโชติ, ลูกแก้วจักรพรรดิ์พระโพธิ์สัตว์, เหล็กไหล

ขออนุญาตครับ

ขอยกเรื่องของวิเศษสุดยอด ๓ อย่างขึ้นมาให้ดู

ของวิเศษสุดยอด ๓ อย่างก็คือ

๑ แก้วมณีโชติ
๒ ลูกแก้วจักรพรรดิ์พระโพธิ์สัตว์
๓ เหล็กไหล

 

ลุงมหาครับ

ไม่ทราบว่า แก้วมณีโชติ ที่อยู่กับหลวงปู่

กับ แก้วมณีโชติ ที่อยู่กับองค์ญาณ

มีความต่างกันอย่างไร หรือว่าเหมือนกันครับ

 

แก้วมณีโชติ

ขออนุญาตครับ

ที่ท่านพี่ สันยาสี เขียนมานั้น ท่านเข้าใจว่า แก้วมณีโชติ ก็คือ เหล็กไหล
แต่ในความเป็นจริง แก้วมณีโชตินั้น จะสามารถเปล่งแสง ๗ สี เมื่อทำการอธิฐาน และชูขึ้นเหนือศรีษะ

แก้วมณีโชตินั้น ก็มีลักษณะเหมือนก้อนหินทรายทั่วๆไปนี่ล่ะครับ
แต่ถ้าบอกว่าเหมือน มันฝรั่ง จะเข้าใจง่ายกว่า
เมื่อเหมือนก้อนหินทรายธรรมดาทั่วๆไป ดังนั้น ผู้ที่พบเจอ ผู้ที่หาได้ ก็จะเป็นกลุ่มคนพิเศษเท่านั้น

ครูบาอาจารย์สายไสยเวทย์ท่านบอกว่า มีอยู่ในเมืองๆหนึ่งใน สปป ลาว
ถ้าได้ไปจะเอามาฝาก ท่านว่าอย่างนั้น
ผ่านไปหลายปี ท่านก็ยังไม่ว่างไปซักที

เพราะตั้งแต่ท่านบวชเป็นพระ ภาระท่านเลยมาก หาเวลาว่างไม่ค่อยจะได้

เรื่องบางเรื่องเป็นเรื่องของวาสนาผูกพัน ครูบาอาจารย์ท่านหนึ่งรู้ แต่ครูบาอาจารย์บางท่านกลับไม่รู้อะไรเลย

แบบนี้ผมเจอบ่อยๆ

ครูบาอาจารย์บางท่านๆก็เข้าใจว่า ท่านเป็นที่สุดของที่สุดแล้ว

แต่แล้วผมกลับพบว่า ท่านนั้นๆ ไม่ใช่ที่สุด ที่เหนือกว่านั้น ยังมีอีก

เรื่องครูบาอาจารย์นั้น เป็นเรื่องของวาสนาผูกพัน
ครูบาอาจารย์ ท่านก็มีกฏ มีเกณท์ของท่าน
คำพูดแม้เพียงคำเดียวก็มีความหมายมาก
คนทั่วไป เคยชินแต่เรื่องของคนทั่วๆไป
เมื่อไปเจอครูบาอาจารย์ระดับสุดยอดๆ กลับไม่รู้ กลับไม่เข้าใจ
ท่านพูดอะไร ก็ตีความหมายไม่ออก

ที่น่าเสียดายยิ่งกว่านั้น ก็กลุ่มคนที่คิดว่า ครูบาอาจารย์ของตนนั้นสุดยอดแล้ว
ผลสุดท้าย คนกลุ่มนี้ก็ติดหล่ม ไปไหนต่อไม่ได้

ท่านที่ติดตามงานเขียนของผมนั้น คงมีบ้างบางท่านที่เข้าใจได้ว่า
ผมไม่ค่อยจะพูดคุยกับใคร ก็เพราะว่า ขนาดเขียนให้อ่านยังตามไม่ทัน ยังไม่เข้าใจ
แล้วไปพบ ไปเจอ ครูบาอาจารย์ จะรู้ จะเข้าใจได้อย่างไร

ยิ่งครูบาอาจารย์ระดับปรมาจารย์สายไสยเวทย์ด้วยแล้ว
ขนาดปู่ฤๅษี ยังไม่กล้าอยู่ด้วยสองต่อสอง เพราะท่านดุมาก

ครูบาอาจารย์ที่หลากหลายนั้น ท่านก็จะมีจริต ท่านก็มีนิสัย ท่านก็มีกฏเกณฑ์ของท่าน

สติปัญญาไม่ถึง ต่อให้พบเจอ ก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร
ยิ่งพวกกิเลสหนา ยิ่งพวกโลภมาก

ได้ของวิเศษอะไรมา ก็สักแต่ว่าได้ ใช้ประโยชน์ไม่เป็น

ดีไม่ดีบารมีไม่ถึง ของวิเศษเข้าฌาน จนตายจากกัน ก็พบ ก็เจอบ่อย

สรุป ของคุณแม่องค์ญาณนั้น เป็นเหล็กไหลครับ ไม่ใช่แก้วมณีโชติ
เหตุที่องค์หลวงปู่ ท่านได้แก้วมณีโชติมานั้น ก็เพราะว่า องค์ท่านมีภาระบางอย่างที่มีความสำคัญอย่างสูงต่อองค์กรชาวพุทธ

แต่ผมก็ยังพบ ผมก็ยังเจอของวิเศษอีกอย่างหนึ่ง
อันนี้สุดยอดจริงๆ ผมเรียกของผมเองว่า "ไม้เท้าปราบอสูร"
พวกลูกศิษย์ของครูบาอาจารย์ เห็นผมจับไม้เท้าอันนี้ได้ถึงกับเป็นงง
ถึงกับยอมรับว่า ลุงมหา นี่ไม่ธรรมดาจริงๆ
พวกผมแค่เข้าไปใกล้ ก็อึดอัดจนหายใจไม่ออก

ขอโมทนาบุญ

ลุงมหา

 

คงไม่ต้องขออนุญาติล่ะมั้ง นะ

แหม...ลุงมหาเก่งจนน่าอิจฉาจังแฮะ ไม่รู้ทำบุญด้วยอะไรกันน๊า ๕๕๕
ว่าแต่เรื่องกสิณหัวไม้ขีด ท่านทำได้ไม๊ครับ ไม่เห็นตอบเลย

ถ้ามีใครทำได้ เราจะได้ลองเล่นมั่ง ยังไม่ได้ลองทำดูซักทีเลย
กลัวทำไม่ได้ แล้วจะหงุดหงิดโวยวาย ว่าตัวเองไม่เจ๋ง ๕๕๕


กระต่ายป่า ข้างวัด / ค้างคาวแห่งแสง
.

 

ที่แท้ก็ประมุขพรรคกระยาจกนี่เอง นับถือๆ

 

ลุงมหาพอจะทราบมั้ยครับว่าอยู่เมืองไหน
ส่วนคนไหนจะได้ครอบครองหรือไม่นั้นก็ขอให้ขึ้นอยู่กับบารมีของคนๆนั้นเอง

และเรื่องที่เหล็กไหลมีอำนาจข่มเจ้ากรรมนายเวรได้นั้น
ไม่ทราบว่าเหล็กไหลที่มีอานุภาพรองลงมาจากเหล็กไหลเพชรน้ำหนึ่งนั้นสามารถข่มเจ้ากรรมนายเวรได้มั้ยครับ

 

สายสัมพันธ์ไทย ลาว

ขออนุญาตครับ

แก้วมณีโชตินั้น จะอยู่ในความครอบครองของคนพื้นเมือง สปป ลาว ครับ
คนที่จะไปขอได้นั้น

ต้องมีความผูกพันธ์ทางเครือญาติบ้าง
ต้องมีความผูกพันธ์ทางศิษย์ อาจารย์บ้าง
ต้องมีความผูกพันธ์ทางหมอธรรม หมอโบราณบ้าง

คนภาคอื่นที่ไม่ใช่คนอีสาน หรือ คนที่ไม่เข้าใจวัฒนธรรมอีสาน
หรือ คนที่ไม่เข้าใจวัฒนธรรม สปป ลาว โอกาสได้มา แทบจะเป็นไปไม่ได้

เมืองนั้น ต้องขออภัย ผมไม่ได้จดจำ เรื่องแบบนี้ ผมจำเอาแต่เนื้อเรื่อง
และผมไม่มีความกระหายที่จะไปหาของวิเศษใดๆ
นอกจากครูบาอาจารย์ท่านจะเมตตาเท่านั้น

การใช้พลังจากเหล็กไหลนั้น

ต้องมีวิธีการ
ต้องมีพิธีกรรม
ที่ถูกต้องด้วยนะครับ ไม่ใช่ว่าจะขออะไร เมื่อไรก็ได้

ท่านได้อะไร มาจากไหน ต้องถามครูบาอาจารย์ทางนั้นเองครับ

ถ้ามาถามผม ต่อให้ตอบออกไป ก็จะไม่แน่ไม่นอน

เหมือนที่บอกไปคราวก่อน ครูบาอาจารย์ท่านบรรจุพุทธคุณลงไป
มีแต่ท่านที่รู้ว่า บรรจุอะไรลงไปบ้าง

อย่างพระร่วงรางปืนเนื้อตะกั่วอ่อนสนิมแดง กรุศรีสัชนาลัยรุ่น ๒
ใครมีก็แขวนไม่ได้
เพราะพุทธคุณทางแคล้วคลาดคงกระพันแรงมาก
แขวนเข้าไปจะร้อนอกจะร้อนใจ อะไรๆก็ไม่กลัวทั้งนั้น

ผมก็เลยต้องแขวนคู่กับพระสมเด็จวัดระฆัง จึงจะปรกติได้

อย่าลืมกันนะครับ ที่ครูบาอาจารย์ ท่านมอบอะไรให้มา
ก็เพื่อให้เป็นสายใยบารมี ผูกพันกันไว้
คุณต้องหมั่นไปมาหาสู่ ช่วยเหลือเกื้อกูลร่วมกับศิษย์ท่านอื่นๆ
คนเคยบวชพระคงจะจำกันได้

"ขอภาระของครูบาอาจารย์ เป็นภาระของข้าพเจ้า"

ครูบาอาจารย์บางท่านก็บอกว่า "ถนัดอะไร ก็ทำอันนั้นล่ะ"

ผมชอบที่จะเป็นคนธรรมดาๆ ก็เพราะว่า สะดวก ทำอะไร ก็ไม่ติดขัด

แต่ถ้า เป็นพระสงฆ์ เป็นนักบวช เป็นหมอธรรม เป็นปู่ฤๅษี หรือ แม้แต่เป็นเจ้าสำนักต่างๆ
ท่านเหล่านั้นจะมีข้อจำกัดมาก ทำอะไรก็ไม่ค่อยจะสะดวก เพราะท่านต่างก็มีภาระผูกพันมาก

พวกเราประชาชนคนธรรมดา จึงได้มีโอกาสรับใช้ท่าน อย่างไรกันล่ะครับ

เห็นหลายๆท่าน ก็อยากเป็นขั้น "อริยะ" แต่ไม่เคยศึกษาว่า
เมื่อเป็นขั้น "อริยะ" แล้ว ท่านจะมึภาระผูกพัน อะไรบ้าง

ผมก็ไม่มั่นใจว่า ถ้าท่านพากันรู้ความจริง
ท่านเหล่านั้น ยังอยากเป็น "อริยะ" กันอีกหรือเปล่า

หรือว่าผู้ที่สอนคนอื่นนั้น ตนเองก็ยังไม่ถึงขั้น "อริยะ"
หรือว่าท่านที่ถึงขั้น "อริยะ" สอนมาหลายปีดีดัก ยังหา "อริยะ" ไม่เจอซักที

ก็เลยไม่มีใครพูดถึงว่า "อริยะขั้นนั้นๆ" มีภาระผูกพันอะไรตามมาบ้าง

เหมือนการมี "ของวิเศษ" ต่างๆนั่นล่ะครับ
แม้ได้มาแล้ว กลับไม่รู้คุณสมบัติ ก็มี
แม้ได้มาแล้ว กลับใช้ไม่เป็น ก็มี
แม้ได้มาแล้ว กลับใช้ประโยชน์ไม่ได้ครอบคลุม ไม่ได้ครบถ้วน ก็มี

เราถึงต้องมีครูบาอาจารย์ อย่างไรล่ะครับ

ขอโมทนาบุญ

ลุงมหา

 

ลุงมหาพอจะบอกได้มั้ยครับว่าเป็นหลวงปู่ท่านไหน
หรือจะใบ้ให้หน่อยได้มั้ยครับว่าอยู่ จังหวัดอะไร และ อำเภออะไร
เผื่อจะได้มีโอกาสไปทำบุญกับเนื้อนาบุญที่บริสุทธิ์ครับ

 

อ่านเรื่องราวของลุงมหา๑แล้วก็ได้ความรู้หลายหลากดีเหมือนกันครับ...
รู้แล้วก็ทำให้เกิดข้อสงสัย บางประการครับ...
คือ เหล็กไหลเพชรน้ำหนึ่ง สามารถข่มเจ้ากรรมนายเวรได้
อยากฟังประสบการณ์ตรงนี้ครับว่า ผู้ที่มีเหล็กไหลเพชรน้ำหนึ่งนี้แล้ว เมื่อมีเจ้ากรรมนายเวรเข้ามาใกล้ จะเกิดอาการอย่างไร เหล็กไหลได้ช่วยผู้ครอบครองจากเจ้ากรรมนายเวรได้อย่างไร...

ตามความเห็นของผมคือ เหล็กไหลเพชรน้ำหนึ่งจะแผ่พลังที่ทำให้เจ้ากรรมนายเวรที่จะเข้ามาจองเวรทำร้ายเอานั้นไม่สามารถเข้าใกล้ผู้ครอบครองเหล็กไหลได้...แต่เหล็กไหลนี้ไม่สามารถกันกฎของกรรมที่จะเข้ามาตามสนองได้ หรือเปล่าครับ

สำหรับเหล็กไหลเพชรน้ำหนึ่งก็ดี แก้วมณีโชติก็ดี ผมมีความเห็นว่าขึ้นกับวาสนาบารมีของแต่ละคนไป เพราะถ้าไม่มีวาสนาต่อกัน อยู่ตรงหน้าก็เอามาไม่ได้ แม้ได้มาก็ไม่สามารถเปล่งประกาย รัศมีออกมาให้ได้สมดังหวัง ที่ผมเห็นเช่นนี้เพราะว่า หลวงปู่มั่นท่านก็ไม่ได้มีเหล็กไหลพกเก็บไว้ หลวงพ่อฤษี ท่านได้ลูกแก้วจากหลวงปู่ชุ่ม แต่ก็ไม่ได้มีเหล็กไหล คือถ้ารู้ว่าเหล็กไหลเพชรน้ำหนึ่งข่มเจ้ากรรมนายเวรได้ ก็คงจะต้องหามาให้หลวงพ่อฤษี เพื่อป้องกันท่านจากอาการป่วยที่ทรมานมาก หรือหลวงปู่ดู่ท่านก็ไม่มีเหล็กไหลเพชรน้ำหนึ่ง หรือแก้วมณีโชติแต่อย่างใด...

ที่ผมยกตัวอย่างพระคุณเจ้าทั้ง3รูปที่ผมเคารพและเห็นว่าท่านมีคุณธรรมชั้นสูง มากด้วยบารมี ก็เพื่อจะตั้งเป็นแง่เอาไว้ว่า การมีบารมีมากก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้ครอบครอง ดังนั้นผู้ครอบครองได้ ควรมีวาสนาเนื่องกันมา ส่วนจะเนื่องกันมาอย่างไรนี่ ก็ไม่ทราบเหมือนกัน...

 

รู้แต่ผู้ที่เกี่ยวข้องครับ

ขออนุญาตครับ

เรื่อง "แก้วมณีโชติ" ของครูบาอาจารย์นั้น
มีคนรู้แต่ผู้ที่เกี่ยวข้องเพียงไม่กี่คนครับ
ต้องขออภัยบอกไม่ได้มากกว่านี้

ถ้าอยากพบเนื้อนาบุญของฝ่ายธรรมยุติ ถามครูบาอาจารย์ฝ่ายธรรมยุติ ท่านไหนก็ได้ว่า

๑ องค์ไหน เข้าพบได้ง่าย รับแขกทุกวัน
๒ องค์ใหน รู้วาระจิตของผู้คน
๓ องค์ไหน บอกระดับการปฏิบัติสูงสุดของแต่ล่ะคนได้
๔ องค์ไหน ร่ายยาว การปฏิบัติ ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงพระนิพพาน
แถมบอก อุปสรรคของแต่ละขั้น ของแต่ละตอนล่วงหน้าได้ด้วย
๕ องค์ไหน อายุประมาณเท่าๆกับ เจ้าอาวาส วัดป่าบ้านตาดองค์ปัจจุบัน
(ศิษย์วัดป่าบ้านตาดรุ่นแรกๆ)

ตามหาเนื้อนาบุญต้องถามหาอย่างนี้
รับรองได้ว่า มีเพียงไม่กี่องค์

ลองถามพระธรรมยุติ ตั้งแต่ ๕ พรรษาขึ้นไป ถามไม่กี่องค์ได้คำตอบแน่ๆ

หรือจะถามท่าน Nirvana ท่าน น้ำใสใหลเย็น ก็น่าจะได้คำตอบ

ขอโมทนาบุญ

ลุงมหา

 

ป้ายอาญาสิทธิ์ & กระบี่อาญาสิทธิ์

ขออนุญาตครับ

เข้าใจคำว่า "ป้ายอาญาสิทธิ์" & "กระบี่อาญาสิทธิ์" ไหมครับ
"ป้ายอาญาสิทธิ์" นั้นใช้เว้นโทษตายทุกกรณี จากอาญาบ้านเมือง
"กระบี่อาญาสิทธิ์" ใช้แทนองค์จักรพรรดิ์

พอจะเข้าใจไหมครับ?

อย่าลืมนะครับ การอัญเชิญต้องมี "วิธีการ" ต้องมี"พิธีกรรม"

เหมือน "ป้ายอาญาสิทธิ์" ใช้เมื่อไรก็ได้ แต่ใช้ได้เพียงครั้งเดียว
เหมือน "กระบี่อาญาสิทธิ์" นั้นต้องได้รับอนุญาติจากองค์จักรพรรดิ์ก่อน

องค์เหล็กไหล ท่านจะไม่มายุ่งกับ เจ้ากรรมนายเวร รายเล็กรายน้อยหรอกครับ
แต่เจ้ากรรมนายเวรรายเล็กรายน้อย ก็จะรับรู้ถึงพลัง อำนาจขององค์ท่านเอง

ครูบาอาจารย์บางครั้ง ท่านก็มัวแต่เพลินในธรรม จนลืมเรื่องอื่นๆ

เหมือนองค์หลวงตามหาบัว ท่านมุ่งแต่เรื่องธรรม แถมยังคอยกำหราบท่านอื่นๆด้วย

กว่าจะรู้ตัวว่า ฤทธิ์ ดีอย่างไร?
กว่าจะรู้ตัวว่า ฤทธิ์ จะเอาไว้ใช้ประโยชน์ อันใด?

ก็สายไปเสียแล้ว!!!!!

ช่วงท้ายของชีวิตท่านจึงยอมพูดออกมาว่า

"เราไม่มีบุญบารมี ที่จะช่วยแก้ปัญหา ๓ จังหวัดภาคใต้ได้"

"เราไม่มีบุญบารมี ที่จะแก้ไขภัยพิบัติได้"

ผมก็เลยได้แต่คาดว่า ถ้าท่านรู้ว่าจะเป็นอย่างนี้

ท่านอาจจะยอมฝึกกองทัพสายฤทธิ์ขึ้นมาก็ได้

แต่แม้จะมีฤทธิ์มากมายปานใด ก็ไม่เห็นว่า องค์หลวงปู่ใหญ่ ท่านจะมายุ่งกับ ภัยพิบัติ แต่อย่างไร

ครูบาอาจารย์แต่ล่ะท่าน ก็สองจิต สองใจ

ทางหนึ่งก็อยากจะทำ ทางหนึ่งก็พะวักพะวง

ขนาดพระบรมศาสดา พระองค์ก็อยู่เพียงแค่ ๘๐ ปี

แล้วพระสาวก จะให้ท่านมารับผิดชอบมากมายไปได้อย่างไร?

จะไปตอนไหน? หรือจะอยู่ต่อไปอีกหน่อย? จะแตกต่างกันอย่างไร?

เข้าใจความหมายของคำว่า "ว่างเปล่า ไม่มี อะไร" ไหม?

เมื่อองค์ครูบาอาจารย์ท่านต่างก็ "ว่างเปล่า ไม่มี อะไร" แล้ว

เรายังจะไปยัดเยียดอะไรให้ท่านอีก

ขอโมทนาบุญ

ลุงมหา

 

แล้วตกลง ผู้มีบารมี ที่จะหยุดยั้งภัยพิบัติ ทั้งหมดทั้งมวลลงให้สิ้นนั้น
ท่านลุงมหา๑ ทราบแล้วใช่ไม๊ครับ ว่าเป็นท่านใด

ว่าแต่เค้าทำอะไรลงไปบ้างแล้ว ท่านช่วยแจ้งมาให้ชื่นใจบ้างสิครับ อยากรู้จัง
เค้ามาคนเดียว หรือว่ามาเป็นทีม มีหลายชุดไม๊
มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดบ้าง ที่คอยช่วยสนับสนุนจุนเจือ

อยากฟัง อยากฟัง อยากฟังให้ชื่นใจจัง
ว่าประเทศไทยของพวกเรา รอดแล้ว

...ไทยเรา รอดแล้ว แม่เจ้าโวย
ลมโชย โรยริน ยินดีฉัน
ท้องฟ้า ไร้เมฆ มาบดบัง
เทพยัง คลั่งไคล้ ให้ยินดี 555


กระต่ายป่า ข้างวัด / ลูกนาฬิเกร์
.

 

ผมคิดว่าเรื่องการมีฤทธิ์ และนำมาช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์นั้น

เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน และซับซ้อนมาก


เมื่อคนที่มีฤทธิ์เข้าไปยุ่งเรื่องของใครสักคนนึง หรือยุ่งกับใครๆหลายคน

ย่อมทำให้เกิดผลกระทบ ต่อๆกันไปไม่สิ้นสุด

เหมือนหินตกลงในน้ำ ย่อมทำให้เกิดคลื่นเคลื่อนไปเรื่อยๆขยายเป็นวงกว้าง


ครูบาอาจารย์ท่านที่มีฤทธิ์มีเดช มีจิตหยั่งรู้ ท่านอาจจะมองเห็นผลแห่งการช่วยเหลือ

ที่อาจจะทำให้เกิดสิ่งอื่นๆตามมา และเป็นผลเสียมากกว่าผลดีก็ได้


มนุษย์นั้นมีทั้งดีและไม่ดี แต่ไม่ได้หมายความว่าช่วยแต่คนดีๆ แล้วจะดีเสมอไป

เพราะคนดีที่ทำไม่ถูกก็มี ตราบใดที่ยังเป็นมนุษย์ ยังไม่บรรลุถึงอรหันต์

ต่อให้เป็นคนดียังไง ก็มีสิทธิ์ทำผิด ทำพลาด กันทั้งนั้น


ครูบาอาจารย์ท่านอาจจะช่วยได้ แต่ไม่ช่วยน่าจะดีกว่า หรือเปล่าครับ

เหมือนหลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านว่า ขึ้นชื่อว่าทางโลกแล้วมันไม่มีอะไรดีจริง

 

ก็แค่คนขี้ขลาด ก็แค่คนหลง เท่านั้นเอง

ขออนุญาตครับ

ลองถามครูบาอาจารบย์นะครับว่า

"จะดูแลพระพุทธศาสนาต่อไปได้อย่างไร?"

เหลืออีกตั้งสองพันกว่าปีนะครับ

หรือจะถามต่ออีกก็ได้ว่า

"ว่ากันตามพระธรรมวินัยจริงๆ ประเทศไทยเหลือพระสงฆ์อยู่กี่องค์?"

คณะสงฆ์ยังดูแลกันไม่ได้เลยครับ
แล้วอย่างอื่นจะไปทำได้อย่างไร?

ถ้ามี อภิญญาญาณ ยังไม่รู้ว่าจะเอาไปทำอะไรได้บ้าง
ยังจะเรียกว่า ครูบาอาจารย์กันอยู่หรือ?

รู้จักไหมครับ เข้าใจไหมครับว่า อภิญญาญาณ คือ อะไร

แต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่อภิญญาญาณ แบบที่ฝึกกันไม่กี่ชั่วโมง ไม่กี่วันแน่

ขอโมทนาบุญ

ลุงมหา

 

อ่านลุงมหา๑ แล้วก็มองเห็นความคิดความเห็นและเจตนา ว่า
ต้องการให้พุทธบริษัทฯทั้งหลาย ได้รอดปลอดภัยจากมหาภัยพิบัติ ที่จะเข้าทำลายล้าง
ซึ่งจะทำให้เสียชีวิต เมื่อเสียชีวิตไปแล้ว จะเสียเวลา อุตสาห์มาเกิด จนได้พบพระพุทธศาสนาแล้วแท้ๆ

ซึ่งลุงมหา๑ มองว่า พระอริยสงฆ์ท่านไม่ช่วย ต่างจากองค์เทพเทวา ที่ท่านช่วย ฤษีก็ยังช่วย แล้วลุงมหา๑ก็มองไปยังธาตุกายสิทธิ์ทั้งหลายว่า ถ้ารู้จักวิธีใช้แล้วก็สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ หรือจะให้ดีก็เลื่อนภัยพิบัติ หากดีกว่านั้นก็กำจัดภัยพิบัตินั้นๆไปเลยได้นี่ดีที่สุด...

ยิ่งไปกว่านั้นหากมีฤทธิ์ ทรงอภิญญา ได้แล้วก็จะช่วยแก้ไข ป้องกัน ปัดเป่าให้พ้นจากภัยพิบัตินั้นๆได้ แต่ว่าอภิญญาไม่ใช่ของทำกันได้ง่ายๆ และไม่ใช่ว่าใครๆก็ทำได้ เริ่มต้นนี่ต้องคล่องในกสิณทั้ง 10 กองก่อน ทรงฌาณ เข้าฌาณ สลับฌาณได้คล่องแคล่ว ตลอดเวลา ซึ่งหากจะว่าไปแล้ว ก็ไล่เอาตามหนังสือ ทิพย์อำนาจ นั่นว่าไว้โดยพิสดารเลยทีเดียว แต่มันหาคนทำได้อย่างนั้นง่ายๆซะที่ไหนกันล่ะ...ทำได้แล้ว เรื่องจะใช้ไม่เป็นน่ะ ไม่มีหรอกครับ มีแต่ว่าเห็นสมควรใช้หรือไม่เท่านั้นเอง....

ลุงมหา๑ เคยสงสัยบ้างไหมครับว่า องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทำไมไม่ทรงใช้ฤทธิ์ระงับยับยั้งไม่ให้วิฑูรฑะกะ ไปสังหารหมู่เหล่าศากยวงศ์ จนในครั้งที่ 4 พระองค์ทรงวางเฉย....แล้วก็ตายเรียบ
สงสัยไหมครับว่า ทำไมพระโมคคัลลานะ ผู้มีฤทธิ์มาก มากกว่าฤษี และเหล่าทวยเทพเทวา ทั้งหลายเสียอีก ทำไมองค์ท่านจึงยอมให้ถูกโจรรุมทุบตีจนกระดูกแหลกทั้งองค์ ทั้งที่จะหนีก็หนีได้ หรือจะให้คงกระพันชาตรียิง ฟัน ทุบตี เนื้อไม่แตก กระดูกไม่เป็นไร ก็สามารถทำได้...

กรรมนี่แหละครับ ที่หลวงปู่ดู่บอกไว้ว่า "ไม่มีใครใหญ่เกินกรรม"
เมื่อองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงมีพระชนม์ชีพอยู่นั้น สังขารของพระองค์ก็ไม่ได้อยู่เหนือกฎแห่งกรรม เช่นกัน จนมีที่มาของพุทธพจน์ว่า "สัตว์โลก ย่อมเป็นไปตามกรรม"

แต่..แต่..แต่...ทำไมองค์เทพเทวา หรือแม้แต่ปู่ฤษีหลายๆตน สามารถช่วยแก้ไขปัญหาโรคภัยไข้เจ็บ ความลำบากยากจน หรือแม้แต่เลื่อนภัยพิบัติที่จะต้องเกิดขึ้น หลายๆครั้ง ออกไปได้ล่ะ...ก็ไหนว่า สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมไงล่ะ...
ประเด็นนี้ทิ้งไว้ให้ลุงมหา๑ ตอบดีกว่าครับ เพราะว่ามหานี่ต้องเปรียญ3ประโยคไปแล้ว ส่วนผมมันยังไม่รู้เรื่องรู้ราว สักเท่าไร นักธรรมตรียังไม่เคยเรียนด้วยซ้ำ...

มีอีกแง่คิดมุมมองนึง เมื่อสมัยที่ศึกษาเรื่องพระเครื่องนั้น พวกเราตั้งข้อสังเกตว่า เบญจภาคีนั้น 4 ใน 5 องค์ เป็นพระเครื่องที่ฤษีสร้างขึ้น จะมีเพียงสมเด็จโตฯเพียงรูปเดียวที่เป็นพระสงฆ์ ซึ่งหลายคนเชื่อว่าท่านยังไม่ใช่พระอรหันต์ ท่านจะเป็นพระโพธิสัตย์หรืออย่างไรไม่ทราบได้ ทั้งนี้เพราะว่า พระเครื่องที่สร้างโดยพระอรหันต์ที่หมดกิเลสแล้ว ห้อยไปก็จะสงบ เย็น มีจิตน้อมไปทางธรรม ...

แต่...อย่าไปพูดเรื่องรวย เรื่องความรัก ความสำเร็จในหน้าที่การงาน เพราะว่าพระอรหันต์ท่านหมดกิเลสแล้ว ท่านไม่เอาเรื่องพวกนี้
ดังนั้นจึงต้องแขวนพระเครื่องที่สร้างจากฤษี ซึ่งยังมีกิเลส มีตัณหาอยู่ ยังอยากได้ใคร่ดีอยู่ ก็จะขอเรื่องความร่ำรวย ความสำเร็จในชีวิต หน้าที่การงานได้ผล
อันนี้เป็นความเห็นของคนกลุ่มเล็กๆในอีกแง่มุมหนึ่งนะครับ...วิจารณ์ได้ครับ เพราะไม่ใช่ความเห็นที่เกิดจากตัวผมหรอกครับ ผมก็จำขี้ปากเขามาอีกทีนึงเหมือนกัน

 

ความหลงไม่เข้าใครออกใคร สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม