มีเสียงพระแก่ๆมาสอนเกี่ยวกับการสวดมนต์และนั่งสมาธิ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย oil-Nudchanat, 7 กรกฎาคม 2014.

  1. oil-Nudchanat

    oil-Nudchanat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +508
    เป็นเหมือนครึ่งหลับครึ่งตื่นประมาณตีสี่ได้ยินแต่เสียงพระแก่ๆมาบอกว่าเวลาสวดมนต์น่ะให้ลืมตาอย่าหลับตาสติมันจะหลุด(ปกติสวดมนต์จะชอบหลับตาจนบางทีง่วงๆแล้วมันจะเคลิ้มสติหลุดปากก้อท่องไปเรื่อยแต่หลับใน)แล้วเวลานั่งสมาธิให้เอามือทั้งสองข้างวางบนเข่าแล้วภาวนาไปมันจะช่วยระงับอาการปวดข้อเข่า(อันนี้เป็นจริงๆค่ะเวลานั่งสมาธิปกติจะขัดสมาธิแล้วเอาขาขวาทับขาซ้ายมือขวาทับมือซ้ายแล้วจะชอบปวดเข่านั่งได้ไม่นาน..แต่แปลกใจตรงที่ให้เอามือวางบนเข่าแล้วทำสมาธิเพราะเป็นวิธีที่แตกต่างจากเดิมที่เคยรู้จักมา)ได้สนทนาเพียงสองเรื่องแล้วก้อตื่นขึ้นมาโดยไม่ทันได้เห็นหน้าว่าพระองค์นั้นรูปร่างหน้าตาอย่างไรส่วนตัวนั้นนับถือหลวงปู่เทพโลกอุดรและหลวงปู่โตอยู่
    แล้วยังเคยเจอเหตุการณ์แปลกมากๆครั้งหนึ่งคือเมื่อปลายปีก่อนตื่นเช้าตามปกติตีห้าครึ่งลุกออกจากที่นอนมาเปิดประตูระเบียงออกไปได้ยินเสียงน้ำ,ลม,ฝนแรงมากพอเปิดประตูออกก้อสัมผัสกับหยดน้ำฝนที่กระเด็นสาดมาจากข้างนอกและพื้นระเบียงที่นองไปด้วยน้ำพอชะโงกหน้าออกไปดู(ดิฉันอยู่หอพักชั้นสี่)ปรากฎว่าน้ำท่วมถึงชั้นสี่น้ำสีขุ่นมากเป็นสีแดงโคลนตอนนั้นตกใจมากไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะคิดว่าคงไม่รอดแล้วแน่ๆจะหาทางออกไปยังงัยคิดท้อใจตกใจเลยเดินกลับมานั่งที่เตียงและล้มตัวนอนเหมือนคนสิ้นหวัง..ไม่น่าเชื่อว่าพอล้มตัวนอนดิฉันกลับหลับไปแล้วตื่นมาอีกครั้งพร้อมกับเหตุการณ์ปกติทุกอย่างเดินออกไปที่ระเบียงก้อปกติดี..มันเหมือนฝันซ้อนแต่มั่นใจว่าตัวเองตื่นแล้วแน่ๆตั้งแต่ครั้งแรกเลยยังงงๆจนถึงทุกวันนี้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่..แปลกใจมากๆเลยค่ะ
    มีท่านใดพอจะอธิบายชี้ทางกระจ่างให้ดิฉันเข้าใจถึงสองเหตุการณ์นี้บ้างมั้ยคะ..แล้ววิธีการนั่งสมาธิแบบที่พระท่านนั้นสอนเป็นการนั่งสมาธิแบบไหนทุกวันนี้มีใครที่ยังนั่งแบบนี้บ้างคะ
     
  2. Eric99

    Eric99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2013
    โพสต์:
    472
    ค่าพลัง:
    +1,102
    การนั่งสมาธิ ก็แล้วแต่ความถนัดของแต่ละคนนะ ผมก็ชอบนั่งเอามือแต่ละข้างวางบนเข่า แบบหงายมือนะ
     
  3. oil-Nudchanat

    oil-Nudchanat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +508
    ยังไม่เคยลองปฏิบัติเลยค่ะ..ว่าจะลองอยู่เหมือนกันอาจจะทำสมาธิได้ดีกว่าทุกวันนี้ก็ได้..^__^
     
  4. vichayut

    vichayut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    168
    ค่าพลัง:
    +661
    อุปาทานขันธ์ทั้งหลายมันทำงานของมันเป็นปรกติดี
    จิตเราต่างหากไปคล้อยตามมัน
    ความวิเศษทัั้งหลายมันเป็นเรื่องปรกติของคน
    แต่ความธรรมดาที่สุดแล้วนั่นแหละเป็นเรื่องปรกติดีแล้วของธรรม
     
  5. Apinya Smabut

    Apinya Smabut นิพพานังสุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    1,398
    กระทู้เรื่องเด่น:
    57
    ค่าพลัง:
    +2,634
    นิมิตรที่มีประโยชน์ก็มีมากครับ การปฏิบัติขึ้นอยู่กับจริตของแต่ละคนครับ่วาชอบแบบไหน และถนัดแบบไหน ก็ทำแบบนั้น ถ้าอยากรู้เรื่องการปฏิบัติลองฟัง ปฏิปทาท่านผู้เฒ่า ดูนะครับ มีประโยชน์มากๆ

    โหลดได้ที่ ( จากเว็บ upload-thai.com )
    ปฏิปทาท่านผู้เฒ่า Part 1
    ปฏิปทาท่านผู้เฒ่า Part 2
    โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    ส่วนวิธีฝึกเริ่มแรกแบบละเอียดจะอยู่ที่ไฟล์

    04_ปฏิปทาท่านผู้เฒ่า_2B
    05_ปฏิปทาท่านผู้เฒ่า_3A
    06_ปฏิปทาท่านผู้เฒ่า_3B
    07_ปฏิปทาท่านผู้เฒ่า_4A

    4 ไฟล์นี้สำคัญมากสำหรับการเริ่มต้นฝึกสมาธิครับ ฟังแล้วรับรองว่ามีประโยชน์มากๆครับ
     
  6. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,041
    ท่านั่งแบบนั้นเป็นท่านั่งสมาธิแบบในส่วนที่เกี่ยวข้องกับพลังงานภายนอก
    ซึ่งคนที่เค้าฝึกเกี่ยวกับพลังงานภายนอก เช่น จักระ พลังเรกิ
    วิชาเดินธาตุ หรือพวกที่เชื่อมกระแสพลังต่างๆภายนอกได้
    เค้าจะนั่งเป็นปกติ และคนที่ยังไม่รู้ตัวแต่มักจะชอบนั่งท่าแบบนี้
    ต่อไปก็มักจะเป็นคนที่จะสัมผัสพวกพลังงานภายนอกต่างๆในอนาคตได้
    ซึ่งพวกนี้จะเริ่มเกี่ยวข้องกับ
    ความเคยชินของจิตเดิมมาตั้งแต่อดีตชาติ....
    หากว่าไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนอาจจะมองว่าเป็นอุปทานของจิต
    ก็เป็นได้ซึ่งไม่แปลกอะไร.แล้วแต่ว่าความเข้าใจตามแนวทางปฏิบัติ
    ณ เวลานั้น..โดยที่ไม่จำเป็นต้องฝึกสมาธิมาก่อนก็สามารถจะสัมผัสได้เช่นกัน
    พลังงานภายนอกมีร้อนและเย็น ร้อนเพื่อการรักษาแรกๆตนเองก่อน
    และป้องกันตน พลังงานเย็นเพื่อช่วยในเรื่องความสงบของจิตใจ
    เป็นเหตุให้เรารู้สึกว่าทำสมาธิได้เร็ว

    เป็นปกติธรรมดาถ้าหากเคยนั่งสมาธิมาบ้างจะเริ่มสัมผัสพลังงานภายนอก
    พวกนี้ได้ไม่ใช่เรื่องแปลก คงยังไม่ค่อยคุ้นเอง..ลองสังเกตุที่มือตัวเองดูได้
    มันจะจี๊ดๆ หรือ ร้อนก็ร้อนทั้งแผง หรือ เย็นก็เย็นเจี๊ยบ เวลานั่งสมาธิมันมัน
    มีอะไรมาดันๆกลางๆอุ้งมือตุ๊บๆ และก็คล้ายๆมีลมที่มันจะหมุนได้..
    เด่วต่อไปตามจักระจุดต่างๆก็จะเริ่มเหมือนมีอะไรมาดันๆและหมุนได้ ไม่เว้น
    แม้กระทั้งศรีษะ หรือ ตามใบหน้า.หรือ จี๊ดๆบริเวณผิวหนังเป็นหย่อมๆ
    การลืมตาสวดมนต์เป็นกุศโลบายอย่างหนึ่งในการเชื่อมโยงจิต
    และการลืมตาสวดเป็นการโน้มให้จิตไปสัมผัสกับพลังงานภายนอกได้ดียิ่งขึ้น
    เพราะถ้ามีสมาธิคือจะสามารถตัดสิ่งที่เห็นรอบๆได้ปกติและจะมุ่งเน้นไป
    น้อมนำไปสู่สมาธิจุดเดียวได้ดีกว่าการหลับตา
    แต่มักจะมีพื้นฐานมาจากการหลับตาสวดมาก่อนในระดับหนึ่งถึงจะพอทำได้
    .ที่มักจะมีอะไรมาแทรกๆได้ง่ายๆ
    หากกำลังสติไม่เพียงพอ หรือ สมาธิขาดช่วงบ้าง..
    เพราะต่อไปหากคุ้นเคย.พวกพลังงานต่างๆพวกนี้จะสามารถ
    พอมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า..เรียกๆว่านั่งๆลืมตาอยู่จะมองเห็นได้เลย..
    ..จะยิ่งทำให้จิตเชื่อมกับกระแสพลังงานภายนอกได้ง่ายขึ้น.
    โดยรวมยังไม่ต้องให้ความสำคัญมากนะ..เพราะยังไม่ถือว่าเป็นระดับ
    ที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสมาธิและการปฏิบัติเท่าไร แต่ก็ถือว่าดี
    ที่พอสัมผัสได้...และก็เป็นแนวทางปฏิบัติวิธีทางหนึ่งที่จะนำไปสู่
    ปลายทางได้เช่นกัน..แต่ต้องทำความเข้าใจในเรื่องพลังงานที่สัมผัสได้
    และอยู่ร่วมกับสังคมได้เป็นปกติครับ..

    ส่วนเรื่องฝันในระดับนี้ถ้าหลังจากลืมตามาแล้วไม่เข้าใจเลย ให้ลืมไป
    และให้เลิกคิด..ไม่ต้องสนใจ..ถ้าสนใจจะทำให้ขาดการสร้างการเจริญสติ
    ในระหว่างวันไปได้อย่างไม่รู้ตัว.และเผลอไปคิดเพราะคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก
    เป็นสาเหตุให้สติขาดช่วง และจะทำให้ยึดติดกับสิ่งที่ไม่ควรยึด..
    เป็นเหตุอย่างหนึ่งที่ทำให้เวลาที่สวดมนต์แบบหลับตาแล้วจะหลงๆ
    ลืมๆ.สวดไม่จบซักที
    และก็เป็นเหตุอย่างหนึ่งที่ทำให้ไม่เข้าใจในเรื่องนามธรรมต่างๆ
    แม้กระทั่งเรื่องการเปลี่ยนท่านั่งนี้ และเรื่องการสัมผัสพลังงาน..
    บางทีอาจทำให้หงุดหงิดได้เล็กน้อย.ถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลก
    แต่ฟ้องได้ว่าต้องสร้างกำลังสติทางธรรมเพิ่มด้วยการเจริญสติ
    ให้ต่อเนื่อง..ถ้าสร้างกำลังสติได้ต่อเนื่อง.
    เด่วทุกเรื่องในฝันมันจะมีองค์ความรู้ย้อนผุดขึ้นมาให้เราทราบได้ แค่
    ปิ้งเดียวในเวลา วิสองวินาที ถ้าเราจะเขียนสิ่งที่ทราบอาจต้องประมาณ
    สองกระดาษ A4..

    ปล.ที่เล่าคือทั่วๆไปแบบหยาบๆนะ..
     
  7. ZIGOVILLE

    ZIGOVILLE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    196
    ค่าพลัง:
    +792
    เมื่อนานมาแล้ว ก็เคยได้ยินเสียงหลวงพ่อองค์หนึ่ง มาสอนเรื่องการถอดจิต ว่าต้องทำอย่างไร แล้วให้เราลองทำดู เราก็ลองนะตามที่ท่านบอก แล้วมันก็ออกไปได้จริงๆ พอจิตออกไปอยู่อีกภพภูมิหนึ่ง มันก็เป็นคนละบรรยากาศเลย เราก็มองไปรอบๆ เห็นวิญญาณต่างๆ เยอะแยะเหมือนกัน...แต่เราก็ยังไม่เชื่อซะทีเดียว...ก็เลยบอกว่า ถ้าเป็นของจริงนะ ให้มาสอน 3 วันเลยสิ...แต่ก็เห็นมาแค่วันเดียว อิอิ...เพราะฉะนั้นก็อย่าจริงจังอะไรมากนะครับ พุทโธไปเรื่อยๆ ตามดูจิตไปเรื่อยๆ หนทางข้างหน้า ยังมีข้อสอบอีกเยอะครับ...:p
     
  8. arjhansiri

    arjhansiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2013
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +148
    สิ่งทั้งหลายเป๊นเพียงมายา อย่าให้ความสนใจ สนใจไปก็ไม่เกิดประโยชน์ จงวางเฉยกับอาการที่เกิดขี้นทุกชนิด ความจริงคือทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเพียงสิ่งที่เกิดขึ้นและดับไป ไม่ว่าจะเป็นอะไร เพียงเกิดขึ้นและดับไป ไม่มีตัวตน นี่คือวิปัสนา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กรกฎาคม 2014
  9. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    นิมิตรสอนธรรมดีมากเลยครับ :cool:
    เคยเป็นเหมือนกันบางครั้งเราติดขัดอะไรเกี่ยวกับการปฎิบัติ หรือมีความสงสัย หรือเกิดท้อแท้อ่อนแอมีปัญหาอะไรที่แก้ไม่ตกจริงๆ บ้างทีก็ตัดพ้อว่าทำไมครูบาอาจารย์ถึงไม่เมตตาเรา คืนนั้นท่านก็มาทันทีเลยครับ! แต่ท่านเป็นใครนั้นท่านจะไม่ให้เรารู้หรอกครับ(เป็นเฉพาะกรณีของข้าพเจ้า) บางครั้งก็มาแบบฆราวาส บางครั้งก็มาแบบพระสงฆ์ ดุบ้าง เมตตาบ้าง แล้วแต่ว่าขณะนั้นจิตเราเป็นไง

    ยกตัวอย่างเช่น ครั้งหนึ่งข้าพเจ้าเกิดสงสัยไปว่าถ้าเราอธิษฐานขอสร้างบารมีเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า มันจะมีทางเป็นไปได้มั้ย? ปรากฎว่าคืนนั้นท่านมาเลยครับ
    เป็นพระภิกษุสงฆ์ชราท่านรูปร่างผอมบางมากแต่แข็งแรง มาทำนิมิตรให้ดูพร้อมบอกปริศนาธรรมว่า

    "เอ็งไม่มีบุญมาแต่ต้น เป็นผู้ตั้ง เฝ้า ปรุง"
    ข้าพเจ้าทำหน้าสงสัย ท่านก็ย้ำคำพูดเดิมอยู่สามพยางค์ว่า "เป็นผู้ตั้ง เฝ้า ปรุง...เป็นผู้ตั้งเฝ้า ปรุง" แล้วท่านก็บอกมานี้จะทำให้ดู ท่านเดินไปหยิบธูปมาถือไว้แล้วจี้ลงไปที่ตัวเอง ทันใดนั้นร่างของท่านก็ค่อยๆหดสลายหายไป(คล้ายกับจี้ถุงพลาสติกแล้วร่างกายก็ค่อยๆหดละลายหายไป)

    ทั้งหมดที่ท่านทำนิมิตรแสดงให้ดูนั้น ล้วนเป็นเรื่องที่ละเอียดลึกซึ้งมากครับ ใครไม่ประสบกับตัวเองคงไม่เข้าใจ เล่าให้ใครฟังก็อาจมองเราด้วยท่าทีแปลกๆ หาว่ายึดติดบ้าง งมงายบ้าง ฯลฯ
    ก็เข้าใจท่านเจ้าของกระทู้นะครับ ภายหลังไปถามครูบาอาจารย์ท่านบอกว่าดีแล้ว เรียกว่าเป็น "นิมิตรสอนธรรม"

    คือมันจะแตกต่างไปจากนิมิตรทั่วไปตรงที่เราสามารถพิจารณาแล้วได้ปัญญาได้แนวทางการปฎิบัติในแบบเฉพาะตน และเข้าใจสิ่งที่เป็นปัจจัตตังภายในตนเองมากขึ้นครับ ^_^
     
  10. oil-Nudchanat

    oil-Nudchanat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +508
    ใช่ค่ะ..ชอบคำตอบคุณnorlnorrakulnมากค่ะ..บางคนก้อมักจะบอกว่าเรางมงายคิดไปเอง..เป็นอุปาทานบ้างอะไรบ้าง..ขอบคุณที่เข้าใจค่ะคงมีหลายคนที่เคยเจอแบบนี้เหมือนกันนะคะ..บางทีเราก้อยังด้อยปัญญาต้องหาคนช่วยชี้แนะให้เข้าใจกระจ่างยิ่งขึ้นน่ะค่ะ:cool:
     
  11. btme

    btme เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    177
    ค่าพลัง:
    +319
    วิธีที่นั่งสมาธิตามที่คุณฝัน ผมก็ใช้แบบนั้นสลับกับการวางบนหน้าตักแล้วแต่บางวัน ส่วนการสวดมนต์ถ้าหลับตามันจะเคลิ้มหลับอย่างที่ว่า ส่วนเรื่องที่ว่าฝันในลักษณะที่เป็นฝันซ้อนฝัน แบบนี้ผมเป็นบ่อยบางครั้งแยกแยะไม่ออกว่ามันฝันหรือจริงๆ ต้องตั้งสติซักพักกว่าจะรู้ว่านี่เราหลับอยู่ เวลาหลับฝันถ้าเราไม่คล้อยไปตามความฝัน มันจะมีสติเหมือนเรารู้สึกตัวในขณะที่หลับอยู่ เป็นคนตามดูความฝันที่เราเป็นตัวแสดงเอง โดยมากคนที่ฝึกสมาธิจะเจอกันทุกคน ไม่ต้องไปสนใจอะไรมากครับ ให้ใช้สติตามรู้อาการไปเรื่อยมันจะละเอียดขึ้นเอง
     
  12. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,041
    มีคนตอบทั้งประเด็นนิมิตรและท่านั่งแล้ว.
    เทคนิคเกี่ยวกับการสร้างสติก็มี คงคลายความสงสัยได้แล้วระดับหนึ่ง
    อ่านแล้ววิเคราะห์ดีๆนะครับ. คิดว่า
    จะพอคาดคะเนแนวทางการปฏิบัติของตนเองต่อไปจากนี้ได้แล้ว
    การปฎิบัติต่อจากนี้. ต่อไปนอกจากตัวเองจะพิสูจน์ได้เองก่อนแล้ว
    ยังมีข้อดีคือบุคคลอื่นๆก็สัมผัสได้เช่นกัน แบบสัมผัสได้จริง รู้สึกได้จริง
    ทึ่เหลือก็ลงมือทำ. การปฎิบัติจะนำมาซึ่งปัญหาในการที่จะก้าวพ้นผ่านแต่ละขั้น
    หากติดขัดจะได้มาคุยกันต่อไปในอนาคตครับ
     
  13. oil-Nudchanat

    oil-Nudchanat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +508
    ขอบคุณมากค่ะ..
     
  14. ZIGOVILLE

    ZIGOVILLE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    196
    ค่าพลัง:
    +792
    มีอีกเรื่องนึงจะเล่าให้ฟังครับ
    เมื่อประมาณ 7 ปีที่แล้ว ช่วงนั้นก็ปฏิบัติแบบเด็กๆ ว่างๆ ก็ทำ ส่วนใหญ่จะมีจิ้งจกคอยร้องปลุกให้ตื่นตอนเช้าๆเป็นเพื่อน อยู่ดีๆ ก็ฝันเห็นวัดป่าแห่งหนึ่ง ลักษณะที่เห็นคือต้นไม้สูง และเห็นหลวงพี่องค์หนึ่ง จำหน้าได้แม่น เพราะหน้าท่านซูมเข้ามาในจิต และเห็นเครื่องบินโดยสารบินผ่านสูงๆ...วันแรกก็ไม่ได้คิดไร...ครั้งที่ 2เห็นแบบเดิมอีก...ก็ยัง งงๆ ว่าเป็นไรอ่ะ...จนครั้งที่ 3 ก็เลยสงสัย เลยเสิร์จจากเน็ตหาวัดลักษณะแบบนี้ดู แต่ใจก็บอกว่าอยู่แถวๆ จังหวัดหนึ่ง หาอยู่นาน ถามเพื่อนๆ ก็ไม่เจอ จนเราลืมไป...จนกระทั่งเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้วได้ไปซื้อบ้านริมภูเขา(คืนก่อนจะซื้อก็เจออะไรเยอะแยะแถวๆนี้ โดยเฉพาะเพื่อนเก่าพวกนาค) อยู่ไปประมาณ 1 ปีก็ได้ไปหาวัดป่าปฏิบัติธรรมเป็นว่าป่าสาขาวัดหนองป่าพงห่างจากบ้าน 3 ก.ม. เราก็แยกไปปฏิบัติเองอยู่คนเดียว...จนบ่ายวันหนึ่งไปกวาดลานวัด ช่วงนั้นมีเครื่องบินโดยสารบินผ่านมาพอดี เราเลยแหงนมองหน้าขึ้นไปดู ปรากฎว่า "ภาพที่เห็นนั้นคือเหมือนในความฝันเราตั้งแต่ 4 ปีก่อนหน้านั้นเป๊ะเรย" รู้สึกขนลุกเหมือนกัน...ตอนกลับเลยแวะเข้าไปไหว้พระอาจารย์ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เจอกัน ท่านก็ยิ้ม เราก็ยิ้มเหมือนกัน :p ท่านก็พูดแค่คำว่า "ขออนุโมทนาด้วยนะ" เราก็ไม่ได้พูดอะไร แต่รู้ว่าเป็นหลวงพี่องค์นี้แหละ...ขอลาท่านกลับ...บทสรุป คือ...ความฝัน กับนิมิต ต่างกันไม่มาก ขึ้นอยู่กับระดับสมาธิที่จิตตั้งอยู่...เหมือนกับ วิปัสสนึก กับ วิปัสสนานี่แหละ...มันอาจจะจริง หรือไม่จริงก็ได้ ถึงเวลามันจะเกิดมันก็เกิดของมันเอง อนาคตบางอย่างเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เราควรยกจิตไว้กับปัจจุบัน กับความไม่ประมาท นี่คือ "สติ" และอย่าลืมอารธนาบารมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่ง...อนุโมทนาครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กรกฎาคม 2014
  15. ZIGOVILLE

    ZIGOVILLE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    196
    ค่าพลัง:
    +792
    แต่จะว่าไปก็ยังมีอีกหลายเรื่องนะครับจะเล่าให้ฟัง เช่น ช่วงปฏิบัติเต็มที่ ใหม่ๆ เมื่อกลางปีที่แล้วก็ฝันไปอีกเหมือนกันว่ามีเสียงคนมาบอกเหมือนกันว่า ช่วงนี้ให้ใช้คำบริกรรมตอน"หายใจเข้า "นะโม" หายใจออก"พุทธายะ" จะทำให้จิตรวมเร็ว อะไรประมาณนี้ เราก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งแหละตามระเบียบ แต่ก็ลองทำดูนะ :p...ปรากฎว่า ทำได้จริง จิตเป็นสมาธิดีกว่าเดิม ก็เลยใช้คำบริกรรมนี้อยู่ประมาณ 3-4 เดือน...พอจิตเริ่มเป็นสมาธิละเอียดขึ้นไปก็ปรับคำบริกรรมตามความเหมาะสม คราวนี้ จิตก็จะรู้เองแล้วล่ะ ว่าสมาธิระดับไหน จิตควรจะใช้คำบริกรรมอะไร...ซึ่งก็ใกล้เคียงกับที่ตอนหลังเคยอ่านเจอบทความที่พระกรรมฐานหลายๆ องค์ท่านได้กำหนดให้ศิษย์แต่ละคนใช้คำบริกรรมไม่เหมือนกัน ตามเหตุตามปัจจัย และจริต แปลกดีอยู่เหมือนกัน...ถึงตอนนี้ก็ยังไม่เชื่อนะครับ :p เพราะผมคิดนะว่าบางครั้ง กิเลสมันก็จะหลอกให้เราเชื่อ แทบจะเรียกได้ว่า กิเลสนี้เป็นเหมือนผู้กำกับหนังฮอลลีวูดเลยล่ะ ทำภาพได้เนียนมาก "บางเรื่องก็ถูกต้อง 80% เลยทีเดียว(อันนี้เอามาจากบทความของพระอาจารย์เล็กนะครับ ขออภัยถ้าจำตัวเลข % ผิด)"

    อ่อ...ตะกี้ไปเจอบทความของพระอาจารย์เล็ก...ลองๆ อ่านดูนะครับเพิ่มเติมข้อมูลให้
    http://palungjit.org/threads/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%88%E0%B8%81%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1-%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87-%E0%B9%93%E0%B9%98-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3.504839/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กรกฎาคม 2014

แชร์หน้านี้

Loading...