เรื่องเด่น เปิดกรุพระดี.....สำหรับมีไว้บูชาอย่างแท้จริง

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย หนุ่มเมืองแกลง, 16 มีนาคม 2012.

  1. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,872
    ผมจัดส่งในเช้าวันพรุ่งนี้ครับ ขอบคุณครับ
     
  2. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,872
    เหรียญกษาปณ์รูปเหมือนที่ออกมาใหม่นี้ ทางเจ้าอาวาสเป็นผู้ไปจัดสร้างขึ้นมาเองโดยไม่เกี่ยวข้องกับคณะศิษย์กลุ่มที่สร้างศาลาของหลวงพ่อ เพราะท่านอยากจะหาเงินไปสร้างกุฏิสงฆ์ที่กำลังดำเนินงานอยู่ในเวลานี้ ไม่ได้นำเข้าพิธีปลุกเสกพร้อมกับเหรียญเบญจพิทักษ์2 ที่ดำเนินการไปพิธีแรกเมื่อสองเดือนก่อน เหรียญกษาปณ์รุ่นใหม่ที่เห็นกันนี้ เป็นเหรียญที่ถอดแบบของเหรียญรูปเหมือนรุ่นแรกออกมาได้ใกล้เคียงมาก น่าจะสร้างไว้อย่างละ1000เหรียญ
     
  3. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,872
    -ห้ามอาบในห้องน้ำ หรือตกลงน้ำครำ ควรอาบให้น้ำตกลงพื้นดินโดยตรง (หากทำได้)
    -เวลาที่เหมาะคือก่อนเที่ยงวัน แต่ละขันที่รดลงไป ต้องกำหนดจิตให้นิ่งและภาวนาตามไปด้วย
    -ที่สำคัญ...ห้ามทำหก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กรกฎาคม 2014
  4. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,872
    ใกล้วันแม่อีกแล้ว ขอคัดลอกบทร้อยกรองที่มีความหมายมาเตือนใจกัน

    จัดอาหาร ล้วนชั้นเลิศ ถวายพระ
    ต้องสละ ทั้งเวลา และทรัพย์สิน
    หวังผลบุญ หนุนนำ ค้ำชีวิน
    พระได้กิน ของดีกัน ทุกวันไป

    พระแท้แท้ พ่อแม่เรา ที่อยู่บ้าน
    ข้าวสักจาน เคยตัก ให้ท่านไหม
    ท่านกินอยู่ หลับนอน กันอย่างไร
    แค่โทรไป วันละครั้ง ยังไม่มี

    รีบเถอะครับ ทำบุญ กับพ่อแม่
    ดีแน่แท้ ก่อนท่านตาย กลายเป็นผี
    ผลบุญการ กตัญญู กตเวที
    นั้นมากมี เหลือล้น พ้นประมาณ

    ต่อให้ตัก บาตรพระ เป็นล้านครั้ง
    สร้างโบสถ์หลัง ใหญ่โต มหาศาล
    ผลบุญไม่ เทียบเท่า ข้าวหนึ่งจาน
    ที่เราท่าน ป้อนพ่อแม่ แค่ครั้งเดียว
     
  5. Supachai22

    Supachai22 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    162
    ค่าพลัง:
    +522
    โอนเงินให้แล้วนะครับตามสลิปที่แนบมาครับ ที่อยู่ในการจัดส่งทาง pm ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,872
    บทความที่ผมเคยเขียนลงไว้ในเวปนี้เมื่อ 4 ปีก่อน ขอนำมาลงเตือนใจกันอีกสักครั้ง

    รำลึกถึงเสมอ...คือแม่
    ผมเป็นเด็กบ้านนอกจากชนบทท้องนาคนหนึ่ง ที่นับตั้งแต่เป็นเด็กพอจำความได้ ผมก็เห็นพ่อและแม่ทำงานอาบเหงื่อต่างน้ำทุกวัน ไม่เคยมีวันหยุดแบบคนอื่นเขา ไม่มีการลาพักร้อน ไปทำงานกันทุกวันแม้ว่าจะไม่สบาย ยกเว้นวันที่ลุกไม่ไหวแล้วเท่านั้น ไม่มีวันใหนเลยสักวันที่ผมจะเห็นคนสูงวัยทั้งสองคน จะได้นั่งอยู่เฉยๆอย่างสบายเช่นคนบ้านอื่นๆกับเขาบ้าง หรือจะได้หยุดอยู่บ้านในวันหยุดอย่างสบายๆเช่นอย่างเราในปัจจุบัน ทั้งสองคนตื่นแต่เช้ามืดทุกวัน เพื่อลุกมาหุงข้าว ทำกับข้าว ผ่าฝืนหุงหาอาหารเตรียมให้ลูกๆที่ยังนอนหลับไม่รู้ นอนคู้ไม่เห็นอย่างสบายอารมย์บนที่นอน จะตื่นอีกทีเมื่อแม่มาตะโกนเรียกปลุกเท่านั้น ขนาดมีหน้าที่แค่อาบน้ำแต่งตัว และกินข้าวไปโรงเรียน ก็รู้สึกว่ายุ่งยากลำบากมากแล้วโดยลืมนึกไปว่าพ่อและแม่ลำบากกว่ามากมายนัก เวลากินก็เลือกกินแต่ที่ถูกปากก่อนใคร

    เมื่อลูกทุกคนกินอาหารเช้าที่แม่เตรียมไว้ให้แล้ว พ่อและแม่ถึงจะมานั่งกินอาหารที่พวกเรากินเหลือไว้ และเป็นเช่นนี้แทบทุกวัน แม้แต่ในมื้อค่ำเมื่อเราล้อมวงกินข้าวมื้อเย็นกัน พ่อและแม่จะบอกกับผมและน้องสั้นๆว่า “ ให้กินกันก่อนเถอะ พ่อและแม่ยังไม่หิว ” ตอนนั้นเราลืมนึกไปว่าทำไมจะไม่หิวในเมื่อท่านออกไปทำงานหนักมาแล้วทั้งวัน ผมและน้องกินข้าวอย่างอร่อยและเลือกกินแต่กับข้าวดีๆไปก่อน เหลือไว้แต่ผักและอาหารที่ไม่เหลือเนื้อ ไม่เหลือหมูแล้ว มีแต่น้ำและวิญญาณหมูนิดหน่อยเท่านั้น และเมื่อพวกเรากินข้าวเสร็จแล้วบางครั้งยังไม่ยอมล้างจานที่ตัวเองกินแล้วด้วยซ้ำไป ทิ้งไว้รอให้แม่มาล้างให้อีกต่างหาก กว่าแม่จะได้กินข้าวอาบน้ำ พวกเราทุกคนได้หลับไปแล้วอย่างสบาย เป็นอย่างนี้มาตลอดจนโตใหญ่มาได้ เมื่อมาวันนี้ ได้ย้อนหวนคิดไปในวันเก่าๆที่ผ่านมา นับว่าเราได้ทำบาปไว้อย่างมากมาย ลืมนึกถึงคนที่เหนื่อยยากลำบากกายเพื่อให้เราได้อยู่ ได้กิน ได้นอนอย่างสุขสบาย แม้เมื่อโตขึ้นเป็นวัยรุ่นแล้วก็ยังทำกริยาประชดประชัน กระแทกแดกดันหรือตะคอก พูดให้พ่อแม่ต้องช้ำใจหลายครั้ง บ่อยครั้งที่มักบอกแม่เมื่อท่านถามเราด้วยความเป็นห่วงว่า “ เป็นอย่างไรบ้างเรื่องงานที่ทำอยู่ ดีขึ้นบ้างไหม”

    ผมมักตอบกลับไปแบบให้จบๆไปง่ายๆว่า “ บอกไปก็ไม่รู้ อย่าถามเลย ขี้เกียจบอก” พ่อและแม่จะเงียบเสียงลงทุกครั้ง ผมเองก็ไม่นึกอะไรมากไปกว่า แค่ไม่อยากตอบอะไรเพราะบอกไปแล้ว แม่และพ่อก็คงไม่รู้เรื่องงานที่ทำอยู่ดี แต่มาวันนี้ได้คิดว่า ท่านไม่ได้อยากรู้อยากเห็นเรื่องของเราหรอก แต่ท่านอยากรู้เพียงว่า เราทุกข์หรือสุขอย่างไรบ้างเท่านั้น แต่ด้วยความเป็นคนชนบทบ้านนอก จึงไม่รู้ว่าจะใช้คำพูดอย่างไรได้ถูกต้อง โดยเฉพาะลูกบางคน เพียงได้ยินคำพูดคำถามจากแม่แล้ว อารมย์เสีย ของขึ้นเลยก็ยังมี

    เมื่อปีที่แล้วนี้ ผมได้ไปรื้อค้นในตู้เก็บของที่บ้าน ที่แม่เก็บของสำคัญไว้เพื่อหาเอกสารสำคัญของตัวเองที่คิดว่าลืมเก็บไว้ที่บ้านต่างจังหวัด เมื่อเปิดตู้ออกมาสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมต้องน้ำตาไหลด้วยความรู้สึกอัดอั้นตื้นตันใจและบรรยายไม่ถูกคือ ผ้าโสร่งธรรมดาผืนหนึ่ง ที่พับเก็บเอาไว้อย่างดีและมีกระดาษเขียนอักษรตัวโตๆเท่าหม้อแกงว่า “จากเงินก้อนแรกของลูก” ผมจำได้ดีว่ามันเป็นของชิ้นแรกในชีวิตที่ผมซื้อให้แม่ จากเงินเดือนก้อนแรกในชีวิตของผมหลังจากรับราชการ และมันนานมากเกินกว่า 25 ปีแล้วนับจากวันที่ผมซื้อให้ท่าน แม่บอกกับผมว่า ไม่เคยเอาออกมาใช้เลยสักครั้งเพราะความเสียดาย นอกจากเอามาลูบคลำยามคิดถึงเท่านั้น จนแม้ว่ามันจะเก่าจนกรอบใช้ไม่ได้แล้วในวันนี้ แต่แม่ไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องเลยสักคน ไม่ว่าวันเวลาจะนานแค่ไหน ทุกเดือนที่ผมไม่ได้กลับบ้าน แม่จะเอามันมานั่งดูด้วยความคิดถึงผมอยู่เสมอ น้องๆบอกผมว่า แม่สั่งให้เอาผ้าผืนนี้ใส่ในโลงไปด้วยหากแม่ได้ตายลงไปวันไหน เมื่อผมรู้ทุกอย่างจากน้องและพ่อในเรื่องนี้ ผมแน่นในอกและจุกตรงคอหอย ต้องนั่งร้องไห้อยู่นานนับชั่วโมง นึกถึงในหลายๆอย่างที่เคยทำลงไป และเคยเสียเงินไปกับหลายๆสิ่งที่ไม่เป็นแก่นสารอะไรในชีวิต และหมดเงินไปมากมายโดยที่พ่อและแม่ไม่มีส่วนได้กินดีอยู่ดีหรือมีส่วนได้ในเงินเหล่านั้นเลยแม้สักบาทเดียว

    เราหลายๆคนเสียเงินกับอะไรได้มากมายโดยไม่เสียดาย เราไล่เช่าหาพระเครื่องดีๆแพงๆหลายองค์ เราหมดเงินกับการสะเดาะเคราะห์ เราไล่ทำบุญหลายๆวัด บางคนเดินสายทำบุญมากหลายวัด หมดเงินไปมากมายมหาศาล แต่เราหลายๆคนลืมไปว่ายังมีพ่อและแม่ ที่เคยลำบากตรากตรำทนทุกข์ยากเพื่อเราในวัยเยาว์ จนเรามีวันนี้ได้ และในวันนี้เราจ่ายเพื่ออะไรไปหลายอย่าง เราน่าจะแบ่งเงินส่วนหนึ่ง ไปทำให้ท่านทั้งสองได้มีความสุขในบั้นปลายชีวิตกับเขาบ้าง อย่างน้อยเพื่อให้ท่านได้พบกับคำว่าความสุขในชีวิตกับเขาบ้าง แม้ช่วงเวลาสั้นๆ เท่าที่คนที่ได้ชื่อว่า “ลูก” จะพอทำได้ในวันนี้ ความสุขของพ่อแม่ไม่ได้มาจากเงินก้อนโตหรือของล้ำค่าใดๆที่จะได้จากลูกๆ แต่เป็นความรู้สึกรัก คิดถึงและห่วงใย ที่ลูกจะมีให้พ่อและแม่ต่างหาก
     
  7. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,872
    กำลังเตรียมจัดพัสดุให้แล้วครับ ขอบคุณมากครับ
     
  8. evonaga

    evonaga เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +702
    งานฉลองศาลาเมื่อวานนี้ยังประทับใจและไม่คาดคิดว่าจะมีคนมาร่วมงานมากมายขนาดนั้น...ทำให้เห็นถึงพลังศรัทธาของคนรุ่นหลังๆที่ไม่ทันได้กราบกายสังขารของ ล.ป อภิชิโตในสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่...วันนี้แม้เพียงได้มากราบรูปหล่อสีทองอร่ามตัวแทนของท่านก็นับเป็นบุญอย่างมากมายแล้ว...จึงต้องกราบขอบคุณ อ.จ หนุ่ม และศิษย์ครอบครูของท่านที่เปิดโอกาสให้คนรุ่นหลังๆได้เข้ามาร่วมงานพิธีสำคัญที่ไม่ได้เปิดให้คนทั่วไปเข้ามาได้เลยในอดีต...ในฐานะของผู้ที่มาร่วมงานธรรมดาๆคนหนึ่ง...ทั้งผมและญาติผู้เดินทางไกลมาเกือบพันกิโลเมตร และในฐานะของคนที่พอจะปฏิบัติมาบ้างทั้งคู่..ขอรับรองด้วยสัจจะต่อหน้ารูปบูชา ของ ล.ป อภิชิโต ที่ผมนั่งพิมพ์อยู่นี่ ว่าสิ่งที่จะเขียนลงไปต่อไปนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับผมและญาติเมื่อวานนี้ทุกประการ...และขอยืนยันว่าทุกท่านที่มาร่วมในงานพิธีเมื่อวานนี้เป็นผู้ที่โชคดีอย่างยิ่ง...หากดูจากภายนอกก็คงจะเป็นงานพิธีกรรมแบบเรียบง่ายปกติ..ที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า...แต่สำหรับคนที่มีสภาพการรู้เห็นที่ไม่ปกติ...น้ำตาเอ่อเต็มสองตาครับ..ปลื้มปิติในความเมตตาของครูอาจารย์ที่มีต่อคนรุ่นหลัง.....และไม่ว่าท่านจะมองเห็นหรือไม่เห็น รับรู้หรือไม่รับรู้ก็ตาม ขอให้มั่นใจเถอะครับว่าท่านโชคดีที่สุดแล้วที่ได้มาอยู่นพิธีเมื่อวานนี้........การที่ผมแจ้งให้ญาติเดินทางมาร่วมในพิธี นอกจากความเป็นสิริมงคลในชีวิตแล้ว อีกเหตุผลหนึ่งก็คือต้องการให้เขามาพิสูจน์ด้วยตาของตนเอง เพราะอาจจะเป็นเพียงโอกาสเดียวที่ทางคณะศิษย์ของ ล.ป อนุญาตให้เข้ามาร่วมได้....จะได้มาดูมาเห็นให้ชัดๆเลยว่าพิธีนี้มีความสำคัญเป็นพิเศษจริงหรือไม่...เป็นไปตามที่ อ.จ หนุ่ม เขียนบอกเอาไว้ล่วงหน้าหรือไม่...และได้เตือนเขาเอาไว้ล่วงหน้า ว่าเมื่อใกล้ถึงวันเดินทางเมื่อไร จะต้องถูกขัดขวางอย่างสุดฤิทธิ์จากอะไรก็ตามที่ไม่ปรากฏตัวและไม่ต้องการให้มาร่วมงานแบบนี้....สิ่งที่เกิดขึ้นก็เป็นจริงอย่างที่เตือนเอาไว้...กว่าจะฝ่าฟันมาได้ก็แทบสลบ..แต่ผมจะไม่ขอกล่าวถึงเรื่องปลีกย่อยเหล่านี้ในรายละเอียด...เพียงแต่เขียนเล่าเอาไว้ว่างานสำคัญขนาดนี้..มาร ก็ขวางเต็มที่เหมือนกัน.....การเดินทางมาที่วัดทองในเช้ามืดที่ยังไม่มีแสงอาทิตย์ส่อง จึงต้องขอบารมีครูบาอาจารย์เป็นเกราะป้องกันตัว....เพราะเรื่องแบบนี้เคยเจอกันมาหลายครั้งแล้วจึงไม่กล้าประมาท...และท่านก็เมตตาอย่างเหลือเชื่อ ผิดวิสัยความเป็นปกติธรรมดาจนเห็นได้ชัดเจน.......เมื่อมาถึงวัดตอนตีห้ากว่าๆ ก็ได้เข้าไปไหว้พระและรูปหล่อตัวแทนของ ล.ป ในศาลา ตอนนั้นมีผู้ที่มาร่วมงานยังไม่มากนัก...เมื่อจุดธูปบูชาท่านเสร็จแล้วจึงออกมานั่งในเต้นท์ที่ทางวัดจัดเตรียมไว้ รอเวลาฤกษ์มงคล...ผมได้บอกให้ญาติทราบว่า ขอให้ดูให้เต็มตา...ศาลานี้คือหลักฐานและคำตอบของแรงศรัทธาที่ผู้คนที่นับถือ ล.ป อภิชิโตในยุคนี้ได้ร่วมกันทำให้เป็นจริงขึ้นมา...เงินที่โอนร่วมบุญกันมาถึงแม้ไม่ได้มากมายอะไร แต่สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้านี้ สร้างความสุขใจให้เป็นอย่างยิ่งในนาทีนี้...เป็นบุญตาที่ได้มาเห็นมาสัมผัสด้วยตัวเอง ......เมื่อใกล้เวลามงคลฤกษ์ ทางคุณอา ผู้ใจดีซึ่งเป็นเจ้าพิธี ได้ประกาศให้ทุกท่านเตรียมสวดมนต์ไหว้พระพร้อมกัน ผมหันไปมองด้านหลังแว๊ปเดียว...ก็ตกใจที่เห็นคนล้นออกไปจากเต้นท์จนต้องเสริมเก้าอี้กันแล้ว...ไม่คิดว่าจะมากันเยอะขนาดนี้...ตอนนั้นผมได้พูดกับญาติว่า...เมื่อเริ่มสวดมนต์ก็ลองเข้าสมาธิกำหนดจิตดูในศาลาว่าเห็นอะไรบ้าง...และไม่ทราบว่า ล.ป อภิชิโต และท่านในดงมากันหรือยัง อยากทราบเหมือนกันว่าท่านจะมาตอนใหน...เมื่อท่านเจ้าอาวาสแจ้งให้พนมมือเพื่อจุดเทียนไหว้พระ เพราะได้ฤกษ์แล้ว...ทุกคนก็ได้สวดมนต์ไปพร้อมๆกันตามพิธีการที่กำหนดไว้...ตัวผมเองซึ่งนั่งอยู่ด้านหลังญาติก็เข้าสมาธิเท่าที่จะทำได้....เมื่อการสวดมนต์เริ่มบทธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ก็ได้รับรู้ถึงพลังอำนาจที่มีแรงอัดรุนแรงมากออกมาจากศาลาตรงหน้าที่เรานั่งกันอยู่...แรงจนบีบขมับและอัดเข้ามาจนชาไปทั้งหน้าทั้งศีรษะ...ในตอนช่วงปลายของการสวด...ก็ได้เห็นรังสีที่สว่างจ้าออกมายิ่งกว่าสปอตไล้ท์ดวงใหญ่ที่ใช้ส่องตึกทั่วๆไป...แสงนี้ทำให้สว่างจ้าไปทั่วบริเวณเหมือนแสงจากหลอดโซเดียมสีเหลืองอ่อนๆ แสงจ้าจนผมตกใจและทนไม่ไหวจึงเผลอลืมตาขึ้นมาเสียก่อน...และมองเข้าไปที่ศาลาว่ามีคนเอาไฟส่องออกมาหรือไม่..ก็ไม่เห็นมีอะไรสักอย่าง ทุกอย่างปกติ.....เมื่อพิธีสวดจบสิ้นลงผมมองไปที่ญาติที่นั่งอยู่ข้างหน้าเห็นที่ลำคอและแขนมีเหงื่อออกมาเต็มไปหมด ก็ยังแปลกใจว่าอากาศก็ไม่ได้ร้อน ทำไมถึงมีเหงื่อซึมออกมาได้....พอทางวัดประกาศให้หยุดพักรับประทานอาหารก่อนที่จะมีการแจกของที่ระลึก...คนก็เริ่มลุกขึ้นไปที่โต๊ะอาหารบางส่วนแล้ว....ญาติผมจึงได้ชวนผมออกมานั่งห่างๆเต้นท์พิธี....ผมมองเห็นหน้าเขาแดงผิดปกติ และมีน้ำตาคลอเต็มสองตา จึงถามว่าเป็นยังไงบ้างเมื่อกี้นี้.....เขาเล่าว่าก่อนที่ท่านเจ้าอาวาสจะจุดธูปเทียนบูชาพระเล็กน้อยเขาได้เข้าสมาธิแล้วล่วงหน้าเล็กน้อย...เมื่อท่านบอกให้พนมมือไหว้พระ ก็คือตอนที่เริ่มจุดธูปเทียนบูชาพระในศาลา....เขาได้กลิ่นหอมอะไรสักอย่าง ไม่รู้ว่ามาจากใหน กลิ่นหอมคล้ายๆสีเสียด แต่ไม่ใช่....เมื่อกำหนดจิตดู เขาต้องขนลุกไปทั้งตัว...เพราะได้เห็นองค์ ล.ป อภิชิโต เต็มตาในขณะที่เข้าสมาธิอยู่....ท่านลอยอยู่ในอากาศความสูงใกล้ๆเพดานของศาลา....อยู่ในท่านั่งห้อยเท้าข้างหนึ่ง...ท่านสื่อออกมาเป็นเสียงได้ยินชัดเจนเลยว่า..." โอ...มากันเยอะมากเลยน้อ " เพียงสั้นๆประโยคเดียวเท่านั้น...แล้วท่านก็ยิ้มและไม่สื่ออะไรออกมาอีกเลย...ญาติบอกผมว่าเป็นการยิ้มแบบ..อมยิ้ม...ใบหน้าท่านมีเมตตามากอธิบายให้เห็นภาพไม่ถูก...แล้วท่านก็สะบัดๆเท้าข้างที่ห้อยอยู่นั้นเล็กน้อยเพื่อให้ผ้าจีวรพ้นข้อเท้า แล้วก็พับเก็บเท้าข้างนั้นเข้าในท่านั่งสมาธิ...ภาพนั้นก็ค่อยๆลอยลงมาที่รูปหล่อสีทอง แล้วภาพก็วูบหายไปเลยทันที...ญาติผมบอกว่าทั้งตกใจทั้งดีใจจนขนลุกไปทั้งตัว ที่มีโอกาสได้เห็นพระอภิญญาในตำนาน ซึ่งได้ยินแต่ชื่อเสียงของท่านเพียงอย่างเดียวมาตลอดเวลา...และในช่วงนั้นก็มีพลังงานแผ่ออกมาจากในศาลามากมายมหาศาล จนทนอึดอัดไม่ไหว เหงื่อออกไปทั้งตัวทั้งที่อากาศไม่ร้อน...จึงไม่กล้าเข้าสมาธิดูในศาลาอีกทั้งๆที่อยากจะดู อยากจะเห็นครูอาจารย์องค์อื่นๆจากในดงเป็นบุญตาสักครั้ง....แต่ก็มาคิดว่าอาจเป็นการไม่สมควร เพราะพิธีเริ่มแล้ว...จะเป็นการไปรบกวนญาณสมาธิของท่านเหล่านั้นได้...จะเป็นบาปกรรมเปล่าๆจึงเลิกความตั้งใจไปเสีย...เมื่อนั้งสวดมนต์ต่อไปสักครู่ก็จิตก็เข้าสมาธิเองอีกครั้ง...คราวนี้เห็นรอบๆศาลาโดยเฉพาะบริเวณเต้นท์พิธีที่เรานั่งกันอยู่นั้น....เต็มไปด้วยร่างของคนจำนวนมาก ไม่รู้มาจากไหนกัน...ทั้งเดินทั้งวิ่งสวนกันไปสวนกันมา สับสนอลหม่านไปหมด และเคลื่อนไหวรวดเร็วมาก...มีอยู่สองร่างเท่านั้นที่เคลื่อนไหวได้ช้า..คือมีร่างที่เป็นผู้หญิงแก่ ผมขาวทั้งศีรษะและมัดเป็นมวยเหมือนคนแก่รุ่นเก่าๆ หลังของร่างนี้คดงอผิดรูป...และเดินได้ช้าทีละก้าว....ส่วนอีกร่างเป็นชายแก่ ใส่เสื้อลายสก๊อตเก่าๆ อายุมากแล้วเหมือนกัน เดินผ่านออกมาจากหลังศาลาช้าๆ...ร่างอื่นๆทั้งวิ่งทั้งเดินอย่างรวดเร็ว.....ญาติผมบอกว่าเป็น สัมภเวสี และวิญญาณของคนตายที่อยู่บริเวณวัดเขามารอส่วนบุญ...แต่พอเจอแรงอัดของพลังงานจากในศาลา ก็ต้องรีบวิ่งหนีออกมาให้พ้นรัศมีการสวดมนต์ของพระในขณะนั้น...ออกไปอยู่ที่ด้านนอกแถวลานจอดรถแทน....จนกระทั่งมีเสียงประกาศว่าจะเริ่มแจกของที่ระลึก จึงรีบลุกเดินไปต่อแถวท่านอื่นๆพร้อมกัน....และก่อนที่จะถึงคิวผมสัก 20 คน หลวงพี่ก็ประกาศว่าน้ำมนต์ได้หมดไปแล้ว...จึงได้รับแต่หนังสือสวดมนต์และภาพของ ล.ป มาคนละชุด และได้รับการพรมน้ำมนต์ที่ศีรษะเรียบร้อย....หลังจากนั้นผมจึงเดินไปตักน้ำมนต์ที่เหลืออยู่ในศาลามาแบ่งกับญาติแทน...ข้าวปลาก็ไม่ได้ทานกับเขา...เมื่อได้หนังสือมาแล้วเราสองคนก็เดินเลี่ยงมานั่งหลบมุมนั่งพักอยู่ที่ริมคลอง...ในขณะที่ผมมองวิววัดเงินที่อยู่ฝั่งตรงข้าม....ญาติผมที่ดึงหนังสือออกมาอ่าน...สักครู่ ก็เรียกผมอย่างดีใจ...และชี้ให้ผมดู รูปสี ของ ล.ป อภิชิโต ที่อยู่เกือบหน้าสุดท้าย....เขาบอกออกมาว่า..".พี่...นี่ไง ล.ป ท่านมาแบบนี้เลย..รูปนี้ใช่เลย อมยิ้มแบบนี้ไง "...ผมเห็นน้ำตาของเขาเอ่อเต็มตาสองข้างอีกครั้ง...พร้อมยกหนังสือขึ้นพนมเหนือศีรษะ....หลังจากนั่งคุยกันไม่ถึง 10 นาที ผมเริ่มมีอาการหนักที่ศีรษะขึ้นมาอย่างมาก เลยถามญาติว่ามีอาการหรือไม่...เขาบอกว่าเป็นหนักตั้งแต่พรมน้ำมนต์...แสดงว่าน้ำมนต์จันทร์เพ็ญนี้แรงจริงๆ...อาการเหมือนที่ผมสองคนเคยไปครอบครูสายวิชา ล.ป ปาน ที่วัดๆหนึ่งมาเมื่อ 4 ปีก่อน...อาการนี้เป็นอยู่นานเกือบ 15 ชั่วโมง....แม้แต่ตอนที่กลับออกมาจากวัดทองแล้วเพื่อไปทานข้าวกัน...ก็ยิ่งมีอาการหนักยิ่งขึ้น...ส่วนญาติผมบอกว่าเขารู้สึกเหมือนมีสว่าน เจาะลงไปที่กลางกระหม่อมเป็นระยะๆ....เมื่อกลับมาถึงบ้านแล้ว ผมจึงได้นำน้ำมนต์ที่ตักมานั้น มาอธิฐานจิตขอบารมีครูอาจารย์ในดงอีกครั้ง...และขอให้มีสิ่งที่แสดงให้ผมได้รับรู้ว่าท่านรับทราบการไปทำบุญในวันนี้....ปรากฏว่า ไฟฟ้าในบ้านดับพรึ่บลงทันที..แล้วติดขึ้นมาใหม่ทันทีเหมือนกัน...ผมเองคิดว่าคงเป็นไฟดับธรรมดา...ไม่ถึง 30 วินาที ดับพรึบลงอีกแล้วสว่างทันที...ขณะที่ชักเอะใจกับเรื่องนี้...ไฟก็ดับพรึบลงอีกเป็นครั้งที่ 3 และติดขึ้นมาอย่างรวดเร็วเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น...และตั้งแต่ไฟดับครั้งแรกแล้วผมหันไปดูคอมฯที่เปิดเอาไว้...สัญญาณอินเทอร์เนต ก็ยังอยู่...ปกติแค่ไฟตกสัญญาณเนตจะหลุดทันที...นี่ดับถึง 3 ครั้งก็ไม่หลุด...ตัวเร้าเตอร์ก็ไม่หลุดด้วย ที่แปลกคือพัดลมที่เปิดเอาไว้กลับหมุนปกติไม่ได้ดับตามไปด้วยเลย...ฝนก็ไม่ได้ตกแม้แต่นิดเดียว...ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น...หลังจากเป็นครบ 3 ครั้งก็ไม่มีอาการไฟดับอีกเลย ปกติทุกอย่าง....ผมคิดแบบเข้าข้างตัวเองว่าท่านคงรับรู้ได้เลยแสดงให้ดู....หลังจากไปส่งญาติกลับต่างจังหวัดแล้ว และเนื่องจากอาการหนักศรีษะยังคงเป็นอยู่จนเกือบเที่ยงคืนจึงต้องนอนพักผ่อนไม่สามารถมาเขียนเรื่องได้ทัน...จึงขอมาเขียนเล่าในตอนนี้แทนเพื่อที่อย่างน้อยก็เป็นคำยืนยันเล็กๆจากคนสองคนที่มีโอกาสได้ไปร่วมงานกับเขาด้วย...ไม่ว่าท่านจะเชื่อเรื่องเหล่านี้ที่เขียนมาหรือไม่ก็ตาม...แต่ผมสองคนไม่มีความสงสัยในความเมตตาของครูอาจารย์ในดงและ ล.ป อภิชิโตเลยแม้แต่นิดเดียว...และเป็นการพิสูจน์ด้วยตัวเอง ว่าพิธีกรรมที่จัดขึ้นเมื่อวานนี้เป็นของจริงล้านเปอร์เซ็นต์............ในโอกาสหน้า หากมีเวลา ผมจะมาเขียนเรื่อง "นางพญา 29 "ภาค 2 ซึ่งเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องจากภาคแรกที่ได้เขียนไปเมื่อไม่นานมานี้ ให้ได้อ่านกันอีกครั้ง แต่คราวนี้เกิดที่บ้านญาติเองในต่างจังหวัด....ขอให้โชคดีทุกท่านครับ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กรกฎาคม 2014
  9. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,872
    เรื่องจริงจากชีวิตเด็กบ้านนอก ของตัวผมเองเมื่อเวลาที่ผ่านมา
    เคยล้มคลุกดินจมโคลนและมีแรงบันดาลใจให้สู้จนยืนได้อีกครั้ง
    หากแม้นเพื่อนสมาชิกท่านใดที่ท้อแท้กับชีวิต หรือสุดทนสุดฝืน
    ขอให้มีใจสู้ต่อไป ชีวิตยังมีช่องทางเสมอ หากเรายังสู้และดิ้นรน


    ขายชีวิตของแม่ ... เพื่อลูก

    คนไทยเราปัจจุบันนี้ส่วนใหญ่มักจะอ้างว่าต้องดิ้นรนทำมาหากินและไม่มีเวลาที่จะไปเยี่ยมเยียนพ่อแม่ บางคนนานหลายปีกว่าจะกลับไปหาท่านสักครั้งหนึ่ง ทิ้งให้พ่อแม่นั่งมองทางเข้าบ้านอยู่ทุกวัน ว่าเมื่อไรหนอลูกจะมาให้ได้เห็นหน้าอีกสักครั้ง พ่อแม่ที่แก่ชราย่อมรู้ตัวอยู่ว่า ท่านอาจจะหมดลมหายใจในวันหนึ่งวันใดก็ได้ และวันนั้นอาจไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าลูกรักอีกสักครั้ง ลูกที่ท่านยังมีความห่วงใยตลอดเวลา แม้ว่าลูกจะเติบใหญ่มากแล้วก็ตาม แต่ด้วยสายใยของพ่อแม่ ลูกก็ยังคือลูกวันยังค่ำ ผมมีเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตครั้งหนึ่ง ซึ่งจดจำได้ติดใจไม่ลืมเลือนไม่ว่าเวลาจะผ่านไปอีกนานเท่าใด และขอยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับช่วงหนึ่งของชีวิตผมเอง ไม่ได้เอาเรื่องของผู้ใดมาเปรียบเทียบทั้งสิ้น เป็นเหตุการณ์ครั้งที่ผมสะเทือนใจจนพูดไม่ออก

    ในปี 2542- 43 ช่วงนั้น ชีวิตผมตกอับมากที่สุดจากค่าเงินบาทลอยตัว ทำให้ทุกอย่างที่สร้างมาพังทลายลงไปต่อหน้าต่อตาทุกอย่าง รถทั้งหมดที่มีเกือบสิบคันอยู่ต้องขายไปหมดสิ้น ที่ดินและบ้านพักต้องยอมให้ธนาคารยึดไปจนสิ้น เพื่อชดเชยกับการชำระหนี้ชั่วข้ามคืน เมื่อครั้งพิษต้มยำกุ้งในคราวนั้น เมื่อรับงานใหญ่มากก็ต้องเป็นหนี้มากไปด้วยเพราะต้องซื้อสินค้าส่วนใหญ่จากต่างประเทศ จากคนที่มีทุกอย่างเกินหน้าเกินตาคนในแถบเดียวกัน ต้องมาตกต่ำกว่าเกือบทุกคนในแถบเดียวกัน แบบชีวิตผกผันแปรเปลี่ยนในข้ามคืนเหมือนฝันไป จากที่เคยให้เงินแม่พ่อครั้งละหลายๆบาท ก็ต้องให้น้อยลงจนบางเดือนไม่สามารถให้ได้เลยสักบาท

    ผมไม่กล้ากลับบ้านที่ต่างจังหวัดเลย เพราะรู้สึกอับอายที่ชีวิตช่างบัดซบพลิกไปมาเช่นนั้น ผมทำใจไม่ได้อยู่นานหลายเดือน ได้ตะเวณไปตามที่ต่างๆเพื่อหาที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ไร้จุดหมายและหมดความหวัง จนลืมนึกไปว่าเรายังมีพ่อแม่และบ้านเก่าที่เราเกิดมา ที่ยังอบอุ่นให้ได้พักพิงหลบทุกข์และคลายร้อน แม้ยามไม่เหลืออะไรเลยก็ตาม ผมไม่ค่อยได้โทรศัพท์หาพ่อและแม่บ่อยนักเพราะไม่อยากเอาเรื่องไม่สบายใจไปให้พวกเขาต้องรับรู้และคิดมากไปด้วย จนเมื่อน้องสาวโทรศัพท์ให้ผมได้พูดคุยกับแม่ในคืนวันหนึ่งเมื่อผมยังอยู่ในต่างจังหวัด แม่ถามเพียงว่า มีเงินใช้หรือเปล่า กินข้าวหรือยัง ซึ่งผมก็ตอบแบบเช่นทุกครั้งเหมือนการพูดคุยปกติทั่วไป และคำถามสุดท้ายที่แม่ถามก่อนจะวางหูไปคือ

    “แม่ถามจริงๆนะว่า ตอนนี้เป็นหนี้อยู่เท่าไร ที่จำเป็นต้องใช้เงิน”
    ด้วยความที่ผมไม่อยากให้แม่ต้องคิดมาก คำตอบแบบเพียงให้ผ่านไป อย่าให้พ่อแม่ต้องมาทุกข์ใจไปด้วยคือ
    “ เป็นหนี้อยู่แค่ไม่ถึงล้านบาทเท่านั้น แม่ไม่ต้องห่วงหรอก ไม่มีอะไรแล้ว”
    “แล้วแม่จะช่วยหาให้นะ จะได้กลับบ้านกลับช่องกับเขาบ้าง ไม่ต้องตะลอนไปอย่างนี้อีกแล้ว” แม่ทิ้งท้ายไว้แค่นั้น

    เราสองคนจบบทสนทนาประสาแม่ลูกที่ไม่ค่อยได้เจอหน้ากันมากนักในรอบสองปีระยะนั้น ผมไม่ได้คิดมากไปกว่าต้องดิ้นรนและสู้ต่อ หาช่องทางใหม่ๆในการฟื้นตัวเองให้ได้เพื่อทุกๆคนจะได้ดีดังเดิมเช่นครั้งก่อน และหลังจากวันที่ผมได้คุยโทรศัพท์กับแม่ในคืนวันนั้นแล้ว อีกสองวันต่อมาน้องสาวคนเดิมได้โทรศัพท์เข้ามาหาผมในเวลาดึกของคืนวันหนึ่งพร้อมเสียงสะอื้นร้องไห้ตลอดเวลา

    “แม่ผูกคอตายในห้อง ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล” น้องก็พูดอะไรไม่ออกมากไปกว่านี้เช่นกัน เพราะกำลงตกใจ ผมอึ้งไปชั่วขณะ มือที่ถือโทรศัพท์ปล่อยร่วงตกลงพื้นอย่างสิ้นแรง ก่อนจะเก็บขึ้นมาและสอบถามน้องสาวต่อจนได้ความว่า แม่ผูกคอตัวเองกับลูกกรงหน้าต่างในห้องนอน และคงจะดิ้นทุรนทุรายก่อนสิ้นใจจนเสียงดังโดยไม่รู้สติแล้ว จนพ่อรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาแก้เชือกได้ทัน ก่อนที่แม่จะสิ้นลมหายใจเฮือกสุดท้าย และช่วยกันหามแม่ส่งโรงพยาบาลประจำอำเภอไปแล้ว ทั้งผมและน้องพูดอะไรไม่ออกอีกต่อไป ผมแต่งตัวอย่างรวดเร็วและขับรถเดินทางไปโรงพยาบาลที่บ้านเกิดในทันที เมื่อถึงที่โรงพยาบาลเวลา 03.30 กลางดึกคืนนั้น คนใกล้บ้านที่รู้ข่าวต่างมาเยี่ยมให้กำลังใจที่โรงพยาบาลกันมากมายนับสิบคน ตามประสาคนบ้านนอกชนบทที่มากน้ำใจและห่วงใยกันและกันดุจพี่ดุจน้อง ผมเข้าไปหาแม่ที่นอนให้น้ำเกลืออยู่บนเตียง แลเห็นแม่นอนหายใจรวยรินอยู่ก็เบาใจขึ้นมาก ไม่อยากปลุกแม่ทั้งๆที่อยากเข้าไปกอดและถามอะไรมากมาย ทุกคนมองผมด้วยสายตามีคำถามแต่ไม่มีใครพูดอะไร พ่อดึงมือผมเข้าไปหาและเอาเศษกระดาษแผ่นหนึ่งให้ผมเงียบๆโดยไม่พูดอะไรตามนิสัยของพ่อ แลเห็นลายมือตัวโตๆที่ผมคุ้นเคยมาแต่เด็กเสมอมีข้อความว่า

    “ เงินฌาปณกิจสงเคราะห์และเงินสะสมของกลุ่มลูกเสือรวมทั้งหมดมีอยู่ประมาณ 1,205,000.บาท ขอยกให้ลูกทั้งหมด และเงินจากช่วยงานศพที่เก็บได้ ให้หนุ่มเอาไว้ใช้หนี้ ฝากดูน้องๆด้วย จาก...ลงชื่อแม่)

    ผมร้องไห้ตรงนั้นโดยไม่สนใจใครแล้ว นี่แม่ตั้งใจตายเพื่อผมแค่นั้นหรือ แม่เข้าใจว่าเงินที่แม่เก็บออมไว้ใช้ยามแก่เฒ่ามานานวันแค่นั้น จะปลดทุกข์ให้ผมได้ และช่วยให้ผมได้กลับมาบ้าน มาหาน้อง มาเยี่ยมพ่อ เช่นเดิมเหมือนที่เคยเป็นครั้งก่อน แม่คิดเพียงไม่อยากให้ผมต้องไปวิ่งไล่ล่าหาเงินมาใช้หนี้ จนกังวลแทนผมว่า จะไม่มีเงินกินข้าว แม่เพียงอยากให้ผมกลับมาหาน้องๆ กลับมาหาพ่อแม่ แต่แม่ก็ไม่เคยเรียกร้องใดๆกับผม เพราะแม่รู้ดีว่าผมเป็นคนดื้อรั้น และต้องทำให้ได้เมื่อตั้งใจไว้ แม่เลยไม่ร้องขออะไรเลยสักครั้งตลอดเวลาที่ผ่านมา ทั้งๆที่แม่คงอยากเห็นผมกลับไปเยี่ยมบ้านมากเหลือเกินตลอดเวลาที่ผ่านมา และสุดท้ายแม่ขายชีวิตเพื่อให้ลูกที่ลำบากและต้องดิ้นรนอยู่ได้เงินไปใช้หนี้เขา ด้วยความคิดแบบบริสุทธิ์ใจของแม่ที่ห่วงใยลูกโดยไม่คิดว่า ผมจะมีความทุกข์ไปอีกขนาดใหน และตราบาปนี้จะเกาะกินใจผมไปตราบจนชั่วชีวิต

    ทุกคนในครอบครัวเข้าใจผมดีเพราะเราทุกคนเข้าใจกันตลอดมาเสมอไม่ว่ามีหรือจน และเมื่อแม่ดีขึ้นผมได้เข้าไปหาและกราบเท้าขอโทษที่ทำให้แม่ต้องคิดมาก แม่ไม่พูดอะไรนอกจากยิ้มดีใจที่เห็นหน้าผมเท่านั้น จากวันนั้นจนบัดนี้ ผมเกิดแรงบันดาลใจในหลายๆอย่างในการดิ้นรนและสู้ทุกอย่างแม้แต่การเอาชีวิตเข้าเสี่ยงในภารกิจต่างๆที่ทำอยู่โดยเป็นงานที่สุจริต จึงอยากบอกทุกคนว่า บางครั้งเรามองข้ามอะไรในชีวิตไปได้ เราลืมหลายๆอย่างได้ แต่อย่าได้มองข้ามหรือลืมความรัก ความห่วงใยของพ่อและแม่ ที่แสนบริสุทธิ์ใจมากเหลือเกิน หากท่านยังเหลือพ่อแม่อยู่ในวันนี้ ขอให้ระลึกไว้เสมอว่า สำหรับพ่อแม่แล้ว ลูกคือสิ่งที่มีค่ามากที่สุดในชีวิต....
     
  10. Nattawut8899

    Nattawut8899 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,413
    ค่าพลัง:
    +7,056
    ผมก็ทำงานต่างจังหวัดไกลจากบ้านเกิดอยู่ 11 ปี เลยคิดว่าถึงเวลาต้องกลับไปดูเเลเเม่บ้างครับ
    เพราะท่านเข้าวัยเกษียรเเล้ว เเต่ทุกวันท่านก็ทำงานหนักเช่นเดิม เพราะไม่อยากรบกวนลูกๆ
    ตอนนี้ก็ได้เเต่ภาวนาในความปรารถนา ของผมเป็นจริงในเร็ววัน ตอนเเรกที่ทำงาน ก็ทำเพื่อตัวเองล้วน ๆ ตอนนี้ความคิดเปลี่ยนไปครับ จุดหมาย เป้าหมาย คือ ต้องกลับไปดูเเลเเม่ให้ได้
     
  11. Bakhamnoi

    Bakhamnoi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    566
    ค่าพลัง:
    +3,569
    มีครั้งหนึ่งที่ผมแทบจะเลิกเที่ยวไปเลย คล้ายๆกันนี่แหละครับ
    คืนหนึ่งผมไปดื่มเหล้ากับเพื่อน เมาตามประสาช่วงวัยรุ่น ด้วยความใจสปอร์ต ต้องชิงควักจ่ายเอาหน้า
    คืนนั้นหมดเงินไปเกือบพันบาท แค่เมาเดียว คืนเดียว จากนั้นก็กลับมานอนที่บ้าน (นานๆมานอนบ้านทีนึง)
    ตื่นเช้ามา ยังตาแดงอยู่เลยครับ แม่บอกให้พาไปซื้อข้าวสารหน่อยเพราะข้าวสารจะหมด (ไม่ได้ทำนาต้องซื้อข้าวกิน)
    ผมจำได้ติดตาถึงทุกวันนี้เลยครับ ข้าวสารวันนั้น กระสอบละ 600 ถ้วน
    ที่สำคัญเงินที่แม่ผมยื่นให้ผมไปจ่ายนั้น เป็นแบ้งค์ยี่สิบแหนบกันเป็นปึกละร้อยทั้งนั้น
    แสดงว่าแม่ต้องเก็บเงินสะสมกว่าจะได้แต่ละร้อย เพื่อไว้ซื้อข้าวสารกินแต่ละวัน แต่ละเดือน กว่าจะได้กระสอบนึง
    ส่วนไอ้ลูกคนนี้ เมื่อคืนที่แล้ว มันได้เมาเดียว หนำซำ้มันอ้วกคืนของเก่าออกหมดตะหาก ตั้งเกือบพัน
    แม่ศื้อข้าวสารกระสอบนึง เค้าอยู่ได้ตั้งเกือบเดือน

    นั่นแหละครับ แทบจะเป็นจุดพลิกผันที่ผมเริ่มคิดก่อนจะจ่ายเงิน หรือไปดิ่มเสียตังค์ง่ายๆไม่มีประโยชน์
    ก็เพราะข้าวสารกระสอบนั้นมันติดตาผม แม่อยู่ได้เกือบเดือนกับเงิน 600 แต่เราไม่เคยซื้อข้าวให้แม่เลยแม้แต่กระสอบเดียว

    ผมเริ่มคิดได้มาหน่อยนึง เริ่มให้เงินแม่ เริ่มซื้อของจำเป็นในครัวเรือนเข้าบ้านให้แม่ เช่นน้ำปลา ซอส ผงซักผ้า ฯลฯ
    แม้จะไม่มาก แต่มันก็ต้องเสียตังค์ซื้ออยู่ดี เราไม่ซื้อไป แม่ก็ต้องหาเงินมาซื้อ เพราะมันจำเป็น


    ผมเริ่มใช้เงินไม่ฟุ่มเฟือยเหมือนเมื่อก่อน จะซื้อของคิดแล้วคิดอีก จนเมียหาว่าผมขี้เหนียว
    แต่บางครั้งก็หมดง่ายๆเหมือนกันกับเพื่อนฝูง หรือคนสนิท เพียงแต่ไม่บ่อยครั้ง

    แต่ครอบครัวทางบ้านต้องมาก่อน(ก่อนครอบครัวตัวเอง) เพราะตอนนี้ผมเหลือแต่แม่ครับ พ่อเสียไปแล้ว
    ใครที่ยังมี พ่อแม่ ก็ขอให้ทำดีกับท่านไว้เลยครับ พอท่านเสียไปแล้วจะเริ่มรู้สึกอยากทำดีกับท่านทีหลัง ไม่มีประโยชน์ครับ
    จะทำบุญร้อยวัน นิมนต์พระอรหัยต์ 108 รูปมาก็แค่นั้นแหละครับ
     
  12. Dharmachak

    Dharmachak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    656
    ค่าพลัง:
    +1,549
    ขอขอบคุณเป็นอย่างสูงครับ ที่ได้มาแบ่งปันเรื่องราวอันเป็นมงคลแบบสุดๆให้ได้รับรู้กัน และจะขอตั้งหน้าตั้งตารอ อ่านเรื่องราวของพระนางพญา ภาค 2 คนแรกเลยครับ
    ว่าแต่ว่า ... คุณ evonaga มีเรื่องราวของพระสมเด็จพิมพ์ใหญ่ที่มีเทวดาสถิตย์อยู่ข้างในองค์พระบ้างมั้ยครับผม ???
     
  13. jimmyuro

    jimmyuro เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,500
    ค่าพลัง:
    +6,014
    ผมอ่านที่พี่หนุ่มเขียนเเล้วนำ้ตาซึมเลยครับ ขอบคุณสำหรับข้อเตือนใจที่มีค่านี้ครับ ท่านที่มีพ่อเเม่อยู่ดูเเลท่านให้ดีๆกันนะครับ เป็นพ่อเป็นเเม่เองเเล้วถึงเข้าใจในวันนี้นะครับ
     
  14. berbapor

    berbapor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,845
    ค่าพลัง:
    +21,862
    สวัสดียามดึกครับพี่หนุ่มเมืองแกลง เพื่อนๆสมาชิกทุกท่าน และผู้ที่เคารพและศรัทธาหลวงพ่อชาญณรงค์ อภิชิโต ทุกๆท่านครับผม
     
  15. berbapor

    berbapor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,845
    ค่าพลัง:
    +21,862
    ขอบคุณพี่หนุ่ม มากๆครับ:cool:
     
  16. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,872
    ท่านที่โอนชำระเงินมาแล้วทั้งหมด ผมได้จัดพัสดุเพื่อเตรียมจัดส่งในเช้าวันนี้แล้ว แต่ในเช้าพรุ่งนี้จะไม่ได้จัดส่งพัสดุ1วัน
    และจะกลับมาส่งให้ในเช้าวันที่ 31 สำหรับทุกรายการที่ได้โอนชำระมาแล้วนะครับ จึงแจ้งมาเพื่อทราบ ขอบคุณครับ
     
  17. Poungpet

    Poungpet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    596
    ค่าพลัง:
    +1,174
    อ่านที่พี่หนุ่มเขียนแล้วนำ้ตาไหลเลย เท่าที่จำได้เถียงกับแม่กับเตี่ยบ่อยมาก เพราะอยู่ใกล้ชิดกัน พอหายโมโหมานึกขึ้นได้ว่าจะเถียงแกทำไมแต่มันควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ แต่เค้าก็อโหสิกรรมให้หลายรอบแหละ พ่อแม่อะนะยังงัยก็คือลูก
     
  18. ธรรมศิล

    ธรรมศิล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    426
    ค่าพลัง:
    +800
    ขอทราบอีกอย่างคืออะไรครับ บอกได้ไหมครับ
     
  19. evonaga

    evonaga เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +702
    ขอบคุณครับ....เดี๋ยวผม pm ไปครับ...แต่ผมไม่มีพิมพ์ใหญ่เลย จองไม่เคยทันครับ.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กรกฎาคม 2014
  20. kawpunt

    kawpunt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,276
    ค่าพลัง:
    +3,087
    อยากรู้มั่งจังครับผมก็แขวนพิมพ์ใหญ่
     

แชร์หน้านี้

Loading...