ผมปฏิบัติธรรมมานานเหมือนมันไม่ก้าวหน้าเลย

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย data44, 27 พฤษภาคม 2014.

  1. data44

    data44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +158
    ขอบคุณครับ ชาตินี้ผมเอาจิตเอาใจปักลงที่ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์แล้ว ไม่คลอนแคลนแน่นอนครับ มีติดขัดตรงไหนคงต้องได้ถามครับ
     
  2. data44

    data44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +158
    ครับผม ผมเลิกได้ทุกอย่างแล้วตั้งแต่เมื่อสิบปีที่แล้วที่เริ่มปฏิบัติครับ ตั้งแต่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นได้แนวทางและปฏิบัติก้าวหน้าแล้วครับ รู้แล้วว่าก้าวเพราะ อารมณ์ต่างๆที่ไม่ดีเริ่มลดลงครับ
     
  3. data44

    data44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +158
    ขอบพระคุณครับ ผมก็พยายามระวังครับ อ่านทุกกระทู้ ทุกคำตอบอย่างละเอียด เพราะคิดว่าทุกท่านที่มาตอบนั้นเป็นผู้มีคุณ อุตส่าสละเวลามาให้คำแนะนำกับผม
    ธรรมะที่ท่านตอบนั้นอาจเป็นธรรมะชั้นสูงเกินไปหรืออาจเป็นเพราะความโง่เขลาของตัวผมเองที่อ่านไม่ค่อยเข้าใจครับ ต้องอ่านหลายรอบ หวังว่าสักวันผมคงปฏิบัติได้ถึงและเข้าใจในธรรมที่ละเอียดครับ
     
  4. lovepyou

    lovepyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2008
    โพสต์:
    540
    ค่าพลัง:
    +974
    วันนี้ เป็นวันพระ ลองเข้าอุโบสถ์ ดูหรือยังคับ ?
     
  5. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    การปฏิบัติธรรมต้องตั้งจิตไว้ชอบ กราบอาราธนาพระรัตนตรัย คือพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะ(ที่พึ่ง) จากนั้นให้สมาทานศีลเช่นศีล5 แล้วเริ่มทำสมาธิ เมื่อเกิดอารมณ์สงัดแล้วจึงภาวนาภาคปัญญา การจะรู้ว่าภาวนาอะไรก็ต้องเรียนต้องศึกษาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเรียนในชั้นเรียนหรือการอ่านหนังสือธรรมะ เรื่องที่จะภาวนามีหลายบทหลายแง่ เช่น อริยสัจจ์4 สติปัฐฐาน4 ปฏิจจสมุปปบาท หรืออนัตตะลักขณสูตร เป็นต้น เมื่อใช้สติปัญญาพิจรณาเนื้อความเราจะเข้าใจธรรมเป็นลำดับลำดาไป และไม่ต้องห่วงอะไรต่างๆ ให้ตัดปลิโพธคือความข้องกับอกุศลกรรมหรือเครื่องเหนี่ยวรั้งทั้งปวง เช่น การกังวลในสถานที่ กังวลในกิจการงาน กังวลในเรื่องบุคคล หรือกังวลในเรื่องว่ามื้อต่อไปจะกินอะไร เป็นต้น ผู้ปฏิบัติจะต้องรักษาศีล เช่นศีล5 เช่น การกินเหล้าทำให้สมองเสื่อม เมื่อสมองเสื่อมก็ทำให้คิดผิด(เป็นภาษาธรรมะ) และเวลาภาวนาจะต้องไม่หลุกหลิกคิดอะไรเรื่อยเปื่อย เวลาปฏิบัติก็ต้องตั้งจิตมั่นเป็นสมาธิ และไม่ท้อ การบรรลุธรรมตั้งแต่พระโสดาบันถึงสูงๆขั้นต่างๆต้องอิงเทียบกับสังโยชน์ วันนี้จะเปิดเผยให้ทราบ ละสังโยชน์3ได้ เป็นพระโสดาบัน ละสังโยชน์3พร้อมทำราคะ โทสะ โมหะ ให้เบาบางได้ เป็นพระสกทาคามี ละสังโยชน์5ได้ เป็นพระอนาคามี ละสังโยชน์10 ได้เป็นพระอรหันต์ ผู้ปฏิบัติไม่ควรกินเหล้านะ และท้ายนี้เวลาก่อนนอนควรกราบพระที่หัวนอนคือกราบหมอนด้วย กราบครั้งที่1 ระลึกว่ากราบพระพุทธ กราบครั้งที่2 ระลึกถึงพระธรรม กราบครั้งที่3 ระลึกถึงพระสงฆ์ และถ้าไม่สบายอะไรต่างๆให้ไปหาหมอนะครับ ความเจ็บไข้ได้ป่วยต้องรักษาที่พบหมอ อันนั้นทางกาย ส่วนป่วยใจให้หันหน้าเข้าหาธรรมะ..............
     
  6. data44

    data44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +158

    ขอบคุณครับ:d
     
  7. data44

    data44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +158

    ยังเลยครับ ยุ่งทั้งวันวันนี้ลืมเลย ครับ เด๋วเอาใหม่
     
  8. data44

    data44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +158
    ขอบคุรมากครับสำหรับวิธีการปฎิบัติ ได้ปฎิบัติตามและเกิดผลบ้างแล้วครับ

    ส่วนตัวผมเป้นคนไม่ชอบการนั่งสมาธินิ่งๆครับ ผมชอบเดิน หรือทำงานหรือทำอะไรก้ตามแล้ว เอาใจไปไว้กับสิ่งเดียวครับ นั่งไม่ได้ฟุ้งครับ และก็ถนัดดูใจและอารมณืตัวเองครับ ตอนนี้เบามากครับ ไม่วุ่นวายเหมือนแต่ก่อนแต่อารมณ์ก็ยังมีเหมือนเดิมนะครับ แต่ไม่เอามัน ไม่สนใจมัน ทันบ้างไม่ทันบ้างทำไปเรื่อยๆครับ
     
  9. ปัญญา ณ c

    ปัญญา ณ c เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2014
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +172
    รักษาศีลไว้ครับ ผมว่ามีส่วนเยอะเลยครับ ตอนผมไปเป็นโยคีอยู่ที่วัดก่อนบวช มีกฎห้ามกินตอนเย็น แต่ผมกินตอนเย็นครับ ปรากฎว่าผลกรรมตามทันมากๆ คือตาเป็นกุ้งยิง

    เรื่องเหล้านี่ตัดไปเลย ตัวกรรมขั้นหนัก ความก้าวหน้าในการปฎิบัติแทบไม่มี บางครั้งเราคิดว่านิดหน่อยๆไม่เป็นไร แต่มีผลแน่นอนครับ ของอย่างนี้ต้องเชื่อแล้วล่ะครับ
     
  10. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    จะว่าผมติดสมาธิก็ติดนะ ติดฌาณด้วย บางทีอุทานคล้ายสมัยพุทธกาลว่าสุขจริงหนอๆ เมื่อก่อนนี้เวลาทำสมาธิอารมณ์มันกดๆ หรือมีอาการไม่สบาย เครียด แต่ก็ผ่านมาได้ จริงแล้วที่ครู-อาจารย์ท่านกล่าวว่าไม่เห็นทุกข์ ไม่เห็นธรรม ในสมัยพุทธกาลพระภิกษุณีอรหันต์รูปหนึ่งท่านกล่าวว่า ทุกข์เท่านั้นที่เกิด และทุกข์เท่านั้นที่ดับไป การปฏิบัติธรรมก็ต้องปฏิบัตินะ ทำดีกว่าไม่ทำ อย่างเจียดเงินทำบุญผมว่าดี จะเป็นเสบียงติดตามเราไปในชาติหน้า เพื่อสุคติ เพื่อความสุข ตราบนิพพาน
     
  11. data44

    data44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +158
    สำหรับศีลทั้ง 5 ข้อผมทำได้น่าจะร้อยเปอร์เซ็นตื์ครับตั้งแต่ตอนเรียน ม.5 แล้ว เหล้าไม่กินเลยครับ ถ้าใครจะฆ่าผมเพราะผมไม่กินเหล้า ไม่ฆ่าสัตว์หรืออื่นๆตอนนี้ผมยอมตายครับ
     
  12. data44

    data44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +158

    ครับ สุขในสมาธินั้นสุขจริงๆครับ ตอนนี้ผมเริ่มเห้นความก้าวหน้าแล้วจากการเร่งปฎิบัติอย่างต่อเนื่อง ขอบคุณทุกคำแนะนำครับ หลังทำสมาธิแล้วตลอดวันตามดูจิตตัวเองตลอดครับ สงบ สบาย ทั้งวัน งานมาก งานน้อย รักษาแค่สติครับ สาธุ
     
  13. lovepyou

    lovepyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2008
    โพสต์:
    540
    ค่าพลัง:
    +974
    วันอาทิตย์นี้ วันพระเตรียมเข้าอุโบสถ์หรือยัง ?
     
  14. data44

    data44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +158
    ผมลองดูตัวเองแล้วครับ ทุกข้อผมทำได้หมดอย่างสบาย ยกเว้นข้อ 6 ครับ ยากมากเพราะผมเป็นคนชอบกิน ชอบทำอาหาร
     
  15. lovepyou

    lovepyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2008
    โพสต์:
    540
    ค่าพลัง:
    +974
    แสดงว่ายังไม่เป็นอุโบสถ์น่ะคับ ครั้งหน้าเอาใหม่ พยายามให้ได้นะคับ
    กินน้ำเข้าไปเยอะ ๆ คับ

    แสดงว่าทำอาหารอร่อย เห็นใจอยู่ :)
     
  16. junthet

    junthet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2010
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +139
    บางครั้งพอเราสวดมนต์เสร็จ อีกวันสองวันจะต้องมีเหตุให้มีเรื่องต้องทะเลาะ มีแต่เรื่องให้เกิดหงุดหงิดใจตลอด ไม่รู้จะแก้ยังไงดี
     
  17. lovepyou

    lovepyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2008
    โพสต์:
    540
    ค่าพลัง:
    +974
    ลองเล่าให้ละเอียดกว่านี้ได้ไหมคับ?
     
  18. Tawee gibb

    Tawee gibb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    1,175
    ค่าพลัง:
    +1,721
    พี่เลี้ยงแยะเชีย น่าปลื้มใจแทน!

    ปฏิบัติมาหลายปี ไม่มีอะไรเลย
    อ้าว แล้วคิดว่าจะมีอะไรล่ะ
    คุณคาดหวังอะไรจากการปฏิบัติ
    (แล้วที่ว่าปฏิบัติๆน่ะ ปฏิบัติอะไรไม่เห็นบอก)



    เอาอย่างนี้ ตั้งโจทย์ใหม่นะ ต้องตั้งคำถามให้ถูกซะก่อนถึงจะได้คำตอบที่ถูก
    ที่ปฏิบัติภาวนาๆมานี่ เคยสงสัยหรือเปล่าว่าเจตนารมณ์ของการภาวนาสติฯ พระพุทธเจ้าท่านหมายให้ได้อะไร เคยตั้งคำถามไหม?

    เหล่าฮุชวนคุยนะ

    คือ เหล่าฮุคิดว่า
    สติปัฏฐาน ที่เอาสติมากำหนดลงที่ฐานทั้ง4 เพื่อ?

    -เพื่อรู้รูป-นาม
    -เพื่อเห็นไตรลักษณ์
    -เพื่อตัดกิเลส
    -เพื่อนิพพาน
    -เพื่อไปเจดีย์จุฬามณี เอาข้าวไปถวายพร้อมปัจจัยจากญาติธรรม(ธัมมีต้นคิด)
    -เพื่อให้เหาะได้ มีมโนฯ
    -บลาๆๆ

    ฮี่ๆๆๆๆๆๆ



    เหล่าฮุว่านะ ที่ท่านให้แยกรูปและนาม ก็ไม่มีอะไร ก็แค่อยากให้เราดูให้ชัดว่า สิ่งที่เกิดกับจิตเรา ก็แค่มีรูป(ส่ิงที่ถูกรู้-ผ่านตา หูจมูก...) และนาม(ตัวรู้-คือ ไอ้ที่รู้ผ่านอายตนะ6)เท่านั้น ท่านเลยให้ไปดูเซ๊ ว่าเห็นอะไรมั่งไม๊

    ตกลง ที่ปฏิบัติๆมานี่ เริ่มต้นถูกตามนี้เป่า รู้จักรูปและนามหรือยัง

    ถ้ายังไม่รู้ ก็ ศูนย์จ๊ะ ศูนย์=0 คือ ไม่ฮู๊เฮื่องอะไฮเฮย!

    แล้วไปปฏิบัติยังไงล่ะถึงว่าไม่ได้อะไร

    ไม่มีหรอกนะ ไอ้ที่ทำอะไรลงไปแล้วหายไปเฉยๆ
    ศาสนาพุทธมีลักษณะเป็นกิริยาวาทะ คือ อะไรที่ทำลงไปแล้ว ก้เป็นอันว่าทำ มีผลคือการกระทำ มันต้องมีผลอะไรสักอย่าง2อย่างน่ะ ไม่หายไปเฉยๆร๊อก(ไม่เชื่อลองให้เหล่าฮูเยิมตังค์ดูเส่)

    อย่างน้อยก็ได้ผลเป็น0 ไม่เสียหายอะไรสักหน่อยจินแมะ
    แฮ่!

    คือ เจตนารมย์ที่ท่านให้เราวางใจให้ถูก พอเข้าใจจิตใจตนเองว่า ธรรมชาติของมนุษย์มีแค่รู้ กับตัวถูกรู้(นาม-รูป) มันก็ไม่มีอะไรมากกว่านี้ไง
    ท่านให้ดูไปเรื่อยๆ เดี๋ยวมันก็เห็นชัดขึ้นๆ

    ต่อมาพอตระหนักรู้ชัดว่า ที่จิน ชีวิตเรามันมีแค่ตัวรู้กับตัวถูกรู้แค่นั้นเอง มันก็กลัวไง
    -ต่อมาเมื่อกลัว ก็อยากพ้นสภาพความกลัวนั้น
    -ต่อมาก็ปลงตก สิ้นหวัง
    -ต่อมาก็เกิดเบื่อๆ-อยากๆ
    -ต่อมาก้หาทางให้พ้นจากการเบื่อๆอยากๆที่รุมเร้าใจ
    -ต่อมาก็เห็นทางออก
    -ต่อมาก็ลงมือเพื่อให้พ้นสภาพนั้น
    -พ้นสภาพ

    เนี่ย ถ้านั่งฉลาดๆนะ ก็มีลำดับกึ๋นประมาณเน๊ ทางพระเค้าเรียกว่า วิสุทธิน่ะ เคยรู้เป่าล่ะ! (เผลอๆอาจารย์เราเองอีก็ไม่เคยฮุ๊นะ ลองแกล้งถามดูเส่)

    เราจะรู้ได้ไงว่า ไอ้ที่นั่งหลับตา บลาๆๆนี่ เรามีกึ๋นก้าวหน้าไปถึงขนาดไหนแล้ว ท่านให้ดู ตามลำดับของวิสุทธิื7

    ท่านพระสารีบุตร กับท่านปุณณมันตาณีบุตรได้สนทนากันในเรื่องที่คุณสงสัยเนี่ยแหละ เค้าสงสัยกันมานานแล้วล่ะลุ๊ง

    ท่านปุณณะก็เลยเฉลยลำดับต่างๆของปัญญาเรา ว่า ถ้าทำถูกวิธีนะ มันต้องเจริญตามลำดับๆอย่างนี้ๆ

    ว่าแต่ ไอ้ที่นั่งหลับตามาร่วม10ๆปีนี่ รู้ได้ไงอ่ะว่าทำถูก !
    รู้ได้ไงว่า ที่รู้จากคนนั้นคนนี้ อาจารย์นั้นนี้ ท่านสอนถูก !

    ท่านอาจมั่วก็ได้นา บอกก่อน...



    เนี่ย บอกไรห้าย
    ไปค้นที่เหล่าฮุบอกเส่ เอาชื่อท่านไปแปะแล้วค้นดู อาจพบว่า อาจารย์ของเฮาโคตระมั่วก็เป็นได้นะ สอนผิดๆถูกๆ เหล่าฮุเจอมาแล้ว บ่อยปาย

    กลับมาที่ว่า นั่งหลับตาแล้วได้อะไร
    เหล่าฮุว่า นั่งแล้ว มันก็มึดไง เอ๊ย มันก็ได้ดูอะไรๆที่เกิดขึ้นจริง
    เกิดจริงดับจริงอะไรจริง
    มันจะเกิดตามลำดับแบบนี้แหละ
    ถ้าเคยกลัว เบื่อๆอยากๆ อยากพ้นสภาพ
    ซาแดงว่าก้าวหน้าไปแล้วลิบๆนา
    พูดแล้วจะว่้าคุย!
    (การเกิดปัญญาแบบนี้ ทางพระเค้าเรียกว่า ญาณ16ไง มันก็ไม่มีอะไรมาก ญาณก็คือปัญญาไง ว่าตามลำดับที่เราเจริญขึ้นๆ ท่าทีต่อชีวิตของเราจะเปลี่ยนไปตามลำดับที่รู้ ไปหาดูเส่ว่ามีอะไรบ้าง เหล่าฮุพูดแบบบ้านๆ ฟังไม่หรู แต่ก็ดูดี ถึงรูปจะไม่หล่อ แต่ก็ยากจนข้นแค้น)


    พอรู้จักรูป-นามชัด มันก็ปลงไง อะไรๆ มันก็งั้นๆ
    มีคนมาแหย่ เหลือกตาไปดูเข้า ก็รู้สึกงั้นๆ
    ใครมากวนโทสะ มองหน้าตาลุกวาบแปร๊บๆ เดี๋ยวมันก็งั้นๆ
    เห็นน้องแน็ทผ่าทุเรียน โห ดำเมี่ยมเชีย(เปลือกทุเรียน) แต่เห็นแล้ว มันก็งั้นๆ

    ไอ้ที่คนอื่นเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ได้ชิมแผล่บๆ แต่เราแค่งั้นๆ
    นั่นซาแดงว่า
    มันไม่เกิดอะไรในจิตไง
    แปลอีกทีว่า กิเลสมันไม่เกิด หรือมันเกิดยาก มันเกาะไม่ติดที่ใจเรา
    ไม่เกิดอะไรนี่ ไม่ชอบเร๊อะ!

    ...

    นี่แหละ น่าจะเป็นเจตนารมณ์ของการนั่งดูจิตใจตัวเอง บ่อยๆ
    แต่เป็นการดูให้รู้ไปหมดผ่านทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

    เห็นมันเกิดๆ ดับๆ (พระเค้าว่า เห็นไตรลักษณ์)

    ถ้าดูไปตลอดเรื่อยๆเป็น10ๆปี มันคงหายอยากไปหมดแล้วล่ะ
    นี่ซาแดงว่า นั่งหลับตาไปดูอะไรซี๊ซั้วรึป่าว?
    พระพุทธเจ้าว่าอย่างเร็ว7ปีก็หายอยากแล่ว
    นี่อะไร เป็น10ๆปี
    ไม่มีฤทธิ์อะไรไม่ว่า
    จาโบวฮวงเป็นแล้วเป็นอีก
    อย่างนี้เค้าแป๋ ฟังเค้าสอนมาผิดๆแง๋!




    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 สิงหาคม 2014
  19. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    เรื่องทะเลาะหรือเหตุความทุกข์ทางกายแก้ได้ด้วยการรักษาศีลข้อ 1 ให้ดีครับ
     
  20. data44

    data44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +158
    ครับผมจะพยายามทำให้ได้ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...