เรื่องเหลือเชื่อที่เกิดขึ้นจริง!

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย เกตุวดี, 27 พฤษภาคม 2014.

  1. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    เอาละเอาละ คนฉลาดไม่ต้องให้แสดงอะไรมากมาย

    ไปเรียนรู้ด้วยตนเอง ทางรายการ ทรูวิชั่นส์ เคเบิ้ล
    ถ้าคุณโชคดีอย่างผม จะเจอนักมายากล ที่อ้วนลงพุง ใส่หน้ากากแบบมวยปล้ำ
    ออกมาแฉหมดกลลวงของนักมายากล
     
  2. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    คนฉลาดต้องแสดงครับ ไม่งั้นใครจะรู้ว่าเราฉลาดล่ะ.555++
    ปล.ท่าทางพี่ศรีจะใจไม่ดีแล้วนะครับบเนี่ยย:p
    (ไปแหล่ะ.แซวพอหอมปากหอมคอ อ่าๆ.)
     
  3. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    พระพุทธองค์ทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์

    สมัยที่พระพุทธเจ้าทรงประทับอยู่วัดเวฬุวันมหาวิหารที่กรุงราชคฤห์ แคว้นมคธ มีเศรษฐีผู้หนึ่งได้รับปุ่มไม้แก่นจันทร์ที่มีค่ามากด้วยความบังเอิญ จึงมีความคิดที่อยากจะรู้จักกับพระอรหันต์เพราะมีพวกลัทธิต่างๆมากมายได้โอ้อวดกันว่าตนเป็นพระอรหันต์ ฉะนั้นเพื่อต้องการให้รู้ชัดว่าใครเป็นพระอรหันต์กันแน่ จึงนำปุ่มไม้แก่นจันทร์นี้มากลึงเป็นบาตรแล้วนำไปแขวนไว้ที่ปลายไผ่ที่สูง 15 วา และประกาศให้ทั่วเมืองว่า "ผู้ใดที่สามารถเหาะนำบาตรแก่นไม้จันทร์ลงมาได้ ผู้นั้นก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพระอรหันต์ เราและเหล่าครอบครัวจะยึดผู้นั้นเป็นสรณะที่พึ่งตลอดชีวิต"

    ต่อมาบรรดาเจ้าลัทธิหรือเดียรถีย์ที่ชื่อเสียงทั้ง 6 คน ได้แก่ ปูรณกัสสป มักขลิโคสาล อชิตเกสกัมพล สัญชัยเวลัฏฐบุตร ปกุทธกัจจายะ และ นิครนถ์นาฏบุตรต่างก็อยากได้บาตรแก่นไม้จันทร์ จึงพากันแสดงตัวและมาขอบาตรแก่นไม้จันทร์กับเศรษฐี แต่ก็ไม่ได้แสดงอิทธิฤทธิ์เหาะอะไรเลย เศรษฐีก็ไม่ยอมให้และยื่นคำขาดว่าจะต้องเหาะนำบาตรแก่นไม้จันทร์ลงมาให้ได้จึงจะเอาไปได้ เดียรถีย์ทั้หกต่างได้พยายามเกลี้ยกล่อมแล้วก็ไม่เป็นผล แม้จะใช่อุบายต่างๆเช่นทำเป็นแสร้งว่าตัวเองเหาะได้แต่ลูกศิษย์ห้ามไว้โดยทั้งๆที่รู้ว่าตัวเองเหาะไม่ได้ แต่เศรษฐีก็ไม่ยอมให้เช่นกัน

    เวลาผ่านไป 7 วัน ยังไม่มีใครสามารถเหาะนำบาตรแก่นไม้จันทร์ลงมาได้ ทำให้ชาวเมืองต่างวิพากษ์วิจารณ์ว่า ในโลกนี้คงไม่มีพระอรหันต์ละมั้ง ในขณะเดียวกัน พระมหาโมคคัลลานเถระกับพระปิณโฑลภารทวาชกำลังออกบิณฑบาตรอยู่ได้ฟังชาวเมืองที่กำลังวิพากษ์วิจารณ์ว่า ไม่มีพระอรหันต์ในโลก ทำให้พระมหาโมคคัลลานะคิดว่าชาวเมืองกำลังดูหมิ่นพระพุทธศาสนา จึงให้พระปิณโฑลภารทวาชแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์ให้ชาวเมืองได้รับรู้ว่า ในโลกนี้มีพระอรหันต์จริง

    พระปิณโฑลภารทวาชรับคำของพระโมคคัลลานแล้วเข้าจตุตถฌานสมาบัติอันเป็นฐานแห่งอภิญญา กระทำอิทธิฤทธิ์เหาะขึ้นไปบนอากาศ พร้อมทั้งแผ่นศิลาที่ยืนอยู่นั้น เหาะเวียนรอบกรุงราชคฤห์แล้วเหาะลอยเลื่อนมาอยู่ยังที่แขวนบาตรแก่นไม้จันทร์เพื่อนำบาตรลงและเหาะตรงหลังคาเรือนของเศรษฐี ท่านเศรษฐีเห็นดังนั้นแล้วก็ดีใจที่ได้เห็นพระอรหันต์ที่แท้จริง และตกใจกลัวว่าก้อนหินจะล่วงลงมาทับบ้านของตน จึงกราบหมอบลงจนอกติดพื้นดินแล้ว กล่าวนิมนต์ให้ลงมา พระเถระจึงสลัดก้อนหินไปประดิษฐานในที่เดิมแล้วเหาะลงมาจากอากาศ เมื่อพระเถระลงมาแล้ว ท่านเศรษฐีจึงนิมนต์ให้นั่ง ณ อาสนะที่จัดถวาย ให้คนนำบาตรแก่นไม้จันทร์ที่ลงมาจากที่แขวนไว้บรรจุอาหารอันประณีตจนเต็มแล้วถวายพระเถระรับแล้วก็กลับสู่วิหาร ส่วนชาวเมืองเมื่อได้เห็นอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์ของพระปิณโฑลภารทวาชจึงพากันชุมนุมติดตามพระเถระที่วิหารเพื่อหวังให้ทแสดงอิทธิฤทธิ์อีก จึงเกิดเสียงอื้ออึงจนไปถึงพระกรรณของพระพุทธองค์ พระองค์ทรงตรัสถามกับพระอานนท์ ผู้เป็นพระพุทธอุปัฏฐากว่า เสียงอะไร เมื่อทรงทราบเรื่องราวแล้ว จึงทรงตรัสเรียกประชุมสงฆ์ และเรียกพระปิณโฑลภารทวาชมาเข้าเฝ้า ทรงไต่สวนกับพระเถระ พระเถระก็ยอมรับทุกประการ พระพุทธองค์ก็ทรงติเตียนพระปิณโฑลภารทวาช และบัญญัติสิกขาบทห้ามภิกษุแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์ หากภิกษุฝ่าฝืนต้องอาบัติทุกกฎ นอกจากนั้นทรงตรัสให้นำบาตรแก่นไม้จันทร์ไปทุบให้เป็นผงเพื่อทำยาหยอดตา และบัญญัติสิกขาบทห้ามใช้บาตรไม้ หากภิกษุใช้ ต้องอาบัติทุกกฎ

    เมื่อเหล่าพวกเดียรถีย์ทราบว่า พระพุทธองค์ทรงบัญญัติสิกขาบทห้ามภิกษุแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์ก็เข้าใจว่าเมื่อพระพุทธองค์บัญญัติสิกขาบทแล้ว พระพุทธองค์ก็จะไม่สามารถแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์ได้ จึงดีใจเพราะเป็นโอกาสที่จะได้เล่นงานเอาชนะกับพระพุทธองค์ จึงให้สาวกของตนออกประกาศว่า เราจะแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์แข่งกับพระสมณโคดม ให้ชาวเมืองได้รับรู้ และท้าทายกับพระพุทธองค์ โดยหวังไว้ในใจว่า หากพระพุทธองค์ไม่แสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์แล้วก็แสดงว่าไม่มีอิทธิฤทธิ์ก็จะทำให้ชาวเมืองเกิดหมดความศรัทธาและเลิกนับถือพระพุทธศาสนาและหันมานับถือตนอย่างแน่แท้ เมื่อกล่าวประกาศออกไป ทำให้ชาวเมืองต่างวิพากษ์วิจารณ์กันยกใหญ่ พระเจ้าพิมพิสารก็ทรงทราบเรื่องเกิดร้อนพระทัยจึงเข้าเฝ้ากับพระพุทธองค์ที่วิหาร ทูลถามว่า ถ้าพวกพวกเดียรถีย์แสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์แล้ว พระพุทธองค์จะแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ได้หรือไม่ เมื่อทรงบัญญัติสิกขาบท พระพุทธองค์ก็ทรงตรัสตอบว่า ได้ และนำความเปรียบเทียบกับเจ้าของสวนผลไม้ที่ห้ามไม่ให้คนอื่นเด็ดไปกินแต่ไม่ได้ห้ามเจ้าของสวนผลไม้จึงสามารถเด็ดกินได้ให้พระเจ้าพิมพิสารทราบ

    ครั้นพระพุทธองค์ประทับอยู่ที่กรุงราชคฤห์เป็นเวลาพอสมควรแก่อัธยาศัยแล้ว ก็เสด็จดำเนินไปยังกรุงสาวัตถี แคว้นโกศล พวกเดียรถีย์พากันกลั่นแกล้งโจษจันว่า พระสมณโคดมหนีไปแล้ว เราจะไม่ลดละจะติดตามไปแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์ด้วย ครั้นย่างเข้าเดือน 8 ใกล้เวลาแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์ พวกเดียรถีย์ได้จัดสร้างมณฑปใหญ่ประดิษฐ์ด้วยไม้ตะเคียนงามวิจิตร ประกาศให้มหาชนทราบว่าตนจะแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์ที่นี้ พระเจ้าปเสนทิโกศลก็เข้าเฝ้าพระพุทธองค์ รับสั่งว่าจะทำมณฑปถวายเพื่อให้ทรงแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์ พระพุทธองค์ไม่ทรงรับ ตรัสว่า ตถาคตจะไม่ใช้มณฑปแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์แต่จะใช้ต้นมะม่วงเป็นที่แสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์ เมื่อพวกเดียรถีย์ทราบว่า พระพุทธองค์จะทรงแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์ที่ต้นมะม่วง จึงจ่ายทรัพย์จ้างให้คนไปทำลายต้นมะม่วงทั้งในและนอกเมืองให้หมดเพื่อมิให้โอกาสแก่พระพุทธเจ้าแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์

    เช้าวันต่อมา พระพุทธองค์พร้อมด้วยพระสงฆ์สาวกเสด็จเข้าไปภายในกรุงสาวัตถีเพื่อบิณฑบาต ประจวบกับราชบุรุษผู้รักษาสวนหลวงคนหนึ่งชื่อนายคัณฑะ ได้เห็นมะม่วงกำลังสุกงอมจึงจัดใส่ภาชนะนำไปถวายแก่พระเจ้าปเสนทิโกศล พอดีเห็นพระพุทธองค์เสด็จมาแต่ไกลก็บังเกิดความเลื่อมใส ก็ดำริว่า มะม่วงผลนี้หากเราจะเอาไปถวายพระพระเจ้าปเสนทิโกศลก็คงจะได้รับพระราชทานรางวัลเป็นเงินกหาปนะ แต่ถ้าเราจะน้อมถวายพระพุทธองค์แล้ว จะเป็นมหากุศลอำนวยอานิสงส์ผลให้ประโยชน์สุขแก่เราสิ้นกาลนาน เมื่อนายคัณฑะดำริเช่นนี้แล้ว ก็น้อมมะม่วงสุกผลนั้นเข้าไปถวาย เมื่อพระพุทธองค์ทรงรับแล้วก็มีพระประสงค์จะประทับ ณ ที่ตรงนั้น พระอานนท์ก็จัดอาสนะถวาย ทรงรับสั่งให้พระอานนท์นำมะม่วงไปคั้นเป็นน้ำปานะ เมื่อพระพุทธเจ้าเสวยน้ำปานะเสร็จ มีรับสั่งให้นายคัณฑะนำเม็ดมะม่วงไปปลูก เมื่อทรงล้างพระหัตถ์ลงบนปากหลุม เม็ดมะม่วงก็เจริญเติบโตออกผลเต็มต้นเป็นอัศจรรย์ ต้นมะม่วงนั้นมีชื่อว่า คัณฑามพฤกษ์ ตามชื่อของนายคัณฑะ เมื่อทรงได้ต้นมะม่วงแล้วก็ตั้งพระทัยจะแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์ ตอนบ่ายวัน พระพุทธองค์เสด็จออกจากพระคันธกุฏีประทับยืนอยู่ที่มุข ท่ามกลางพุทธบริษัทซึ่งมาชุมนุมกันเนืองแน่น โดยใคร่จะชมพระพุทธปาฏิหาริย์ พระพุทธองค์ทรงเนรมิตจงกรมแก้วในอากาศเหนือต้นมะม่วง แล้วเสด็จขึ้นสู่ที่จงกรมนั้น ทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์ (อ่านว่า ยะ - มะ - กะ - ปา - ติ - หาน) หรือการทำปาฏิหาริย์ให้บังเกิดเป็นคู่ ๆ โดยวิธีต่าง ๆ คือ มีท่อน้ำและท่อไฟพุ่งมา จากส่วนต่าง ๆ ของพระวรกายสลับกันไป ท่อไฟที่พุ่งออกมานั้นมีฉัพพรรณรังสี คือ มี 6 สีสลับกัน เมื่อกระทบกับสายน้ำมีแสงสะท้อนสวยงามมาก ทรงเนรมิตพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขึ้นมาอีกพระองค์หนึ่ง ทรงให้พุทธเนรมิตแสดงพระอาการสลับกันกับพระพุทธองค์


    พระพุทธเจ้าจริง...ยืน
    พระพุทธเนรมิต..จงกรม

    พระพุทธเจ้าจริง...จงกรม
    พระพุทธเนรมิต...ยืน

    พระพุทธเจ้าจริง...นั่งขัดสมาธิ
    พระพุทธเนรมิต...บรรทมสีหไสยาสน์

    พระพุทธเจ้าจริง...บรรทมสีหไสยาสน์
    พระพุทธเนรมิต...นั่งขัดสมาธิ


    เมื่อทรงตั้งปัญหาถามพระพุทธเนรมิตก็ตรัสวิสัชนาแก้สลับกันไป พุทธบริษัททั้งหลายได้บรรลุโสดาบันเป็นจำนวนมาก ส่วนเหล่าเดียร์ถีย์ไม่สามารถแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์ได้ก็พ่ายแพ้ให้กับพระพุทธองค์ บวกกับมณฑปใหญ่ที่ใช้สำหรับแสดงก็ถูกฝนเห็บทำลายหมดไม่เหลือซาก(ตำนานกล่าวว่าท้าวสักกะทรงเสกให้เกิดฝนเห็บตกลงใส่มณฑป)จึงพากันหนีไปด้วยความหวาดกลัวในพุทธานุภาพพร้อมกับเสียงตะโกนไล่สาปแช่งของชาวเมือง หลังจากทรงแสดงเสร็จแล้ว พระพุทธองค์ก็เสด็จไปจำพรรษาที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์เพื่อไปโปรดพระพุทธมารดาต่อไป


    ข้อมูลวิกิพีเดีย ปางแสดงยมกปาฏิหาริย์
     
  4. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    ใครอยู่บนดวงจันทร์

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=V5azthsoTKs]ใครอยู่บนดวงจันทร์ - YouTube[/ame]

    ภาพจาก Google Moon สามารถบันทึกภาพบนดวงจันทร์ ซึ่งมีรูปร่างคล้ายคน และเงาตกสะท้อนที่เหมือนมนุษย์


    คลิปอึ้ง! Google Moon จับภาพมีคนอยู่บนดวงจันทร์
     
  5. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    เรื่องราวสุดสะเทือนใจ

    อ่านแล้วพิจารณาด้วยธรรมะค่ะ

    เธอไม่ได้คิดอยากจะประจานบุพการีหรือสามีของเธอเอง เพียงแต่เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นยากเกินกว่าจะทำใจรับได้ และต้องการคนรับฟัง เพราะชีวิตเธอมีแค่แม่เพียงคนเดียวมาตลอด เธอจึงอยากระบายให้ใครสักคนฟัง เพื่อช่วยส่งกำลังใจให้เธอ และไม่ซ้ำเติมถึงเรื่องที่เกิดขึ้น...

    เรื่องราวสุดสะเทือนใจจาก คุณแอร์ หญิง วัย 27 ปี ที่กำลังตั้งครรภ์กับสามีซึ่งเพิ่งแต่งงานกันได้ไม่นาน แต่เธอกลับพบว่า แม่ วัย 47 ปี ซึ่งเป็นผู้ให้กำเนิดเธอและเป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิตเธอ กลับมีความสัมพันธ์ทางกายกับสามี วัย 35 ปี ของเธอด้วย

    คุณแอร์ เล่าที่มาของเรื่องว่า ตลอดชีวิตที่ผ่านมา เธออาศัยอยู่กับแม่เพียงลำพังมาตลอด และทำทุกสิ่งทุกอย่างตามที่แม่ต้องการ ไม่ว่าแม่อยากให้เรียนอะไร หรือทำอะไร เธอก็จะทำ จนกระทั่งเรียนจบและเริ่มทำงาน เธอก็ไม่เคยคบหากับใคร เพราะมีแม่เพียงคนเดียว กระทั่งวันหนึ่งแม่ได้พาผู้ชายคนหนึ่งมาแนะนำให้รู้จัก โดยบอกว่า ผู้ชายคนนี้เป็นรุ่นน้องที่ทำงาน นิสัยดี จึงอยากให้แต่งงานกับเธอ เพราะเชื่อว่าชายคนนี้จะดูแลเธอได้

    จากนั้นเธอได้ทำความรู้จักกับชายคนนั้นเป็นระยะเวลาประมาณ 2 เดือน ก็มองว่าเขาเป็นคนดี อบอุ่น น่าจะดูแลตัวเธอและครอบครัวได้ และคิดว่าแม่คงเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้แล้ว เธอจึงยอมแต่งงานกับผู้ชายคนนั้น โดยจัดพิธีแต่งงานกันอย่างเรียบง่าย แล้วเริ่มใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน โดยในบ้านมีคุณแอร์ สามี แม่ของเธอ และหลาน ซึ่งเป็นลูกของลูกพี่ลูกน้องอาศัยอยู่ด้วย

    หลังจากแต่งงานกันก็ใช้ชีวิตตามปกติทั่วไป แต่หนึ่งเดือนหลังจากนั้นคุณแอร์ก็ตั้งครรภ์ ด้วยความดีใจและมีความสุข ที่จะได้มีชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์ เธอจึงบอกเรื่องดังกล่าวให้ทุกคนในบ้านทราบ แต่แปลกที่แม่กับสามีของเธอกับไม่แสดงความยินดีเลย จนเธอได้แต่คิดว่าตัวเองปล่อยให้ท้องเร็วเกินไปหรือเปล่า หรือมีปัญหาอื่นเกิดขึ้น ซึ่งก็ได้แต่เก็บความสงสัยไว้ ไม่กล้าถามอะไรออกไป

    จากนั้นสามีของเธอก็ยังคงดูแลเรื่องการกินอยู่ของเธอเป็นอย่างดี แต่ที่แปลกคือ แม่กับสามีของคุณแอร์มักออกไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อย ๆ โดยไม่ชวนเธอเลยสักครั้ง และยังอ้างว่า เธอตั้งครรภ์แล้วควรอยู่แต่ในบ้านเพื่อความปลอดภัย เวลาผ่านไป 4 เดือน เธอไม่เคยได้ทานข้าวพร้อมสามีหรือแม่ของเธอเลย ไม่เคยได้ใช้ช่วงเวลาครอบครัวกับสามี ส่วนกับแม่ก็รู้สึกห่างออกไปเรื่อยๆ จนเริ่มสงสัยว่าทำไมความใกล้ชิดสนิทสนมของแม่และสามีดูเกินเลยกว่าลูกเขยและแม่ยายธรรมดา

    กระทั่งวันหนึ่งเมื่อเธอตื่นขึ้นมาราว ๆ 23.00 น. เธอไม่เห็นสามีนอนอยู่ข้าง ๆ แต่กลับได้ยินเสียงใครอีกคนอยู่ในห้องของแม่เธอ เนื่องจากบ้านที่อาศัยอยู่นั้นก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไร เธอจึงตัดสินใจนำกุญแจสำรองที่มีอยู่ในบ้านไปไขกลอนประตูห้องแม่ของเธอ แม้ว่าจะเป็นการเสียมารยาทก็ตาม และสิ่งที่เธอได้เห็นคาตาและทำให้เธอถึงกับใจสลาย คือ ผู้ให้กำเนิดเธอนอนบนเตียงเดียวกับสามีของเธอ และพูดคุยหยอกล้อกันอย่างมีความสุข

    แม้จะเสียใจมาก ตอนนั้นเธอเดินไปกราบแม่ของเธอ พร้อมถามแม่ของเธอว่า ไม่รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้คืออะไร แต่เรามีเวรกรรมต่อกันใช่ไหม เธอเลยต้องชดใช้แม่ด้วยเรื่องนี้ และเธอคิดว่าคงไม่มีแม่คนไหนทำกับลูกแบบนี้ ดังนั้นเธอจึงขอออกไปจากที่นี่ เพราะหากยังอยู่ต่อไปเธอคงต้องฆ่าตัวตายแน่ ๆ และที่แย่ไปกว่านั้น ขณะที่แม่ของเธอจะพยายามอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น และบอกว่าไม่ตั้งใจ แต่แม่ของเธอก็บอกว่าแม่เองก็กำลังตั้งครรภ์ได้ 3 เดือนแล้ว คุณแอร์จึงตัดสินใจนั่งแท็กซี่ออกจากบ้านไปทันที เพราะทนรับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้

    คุณแอร์เล่าต่อว่า เธอไปนั่งอยู่ตรงริมแม่น้ำเจ้าพระยา ประมาณ 3 ชั่วโมง โดยช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่สับสนมาก ๆ และยอมรับว่าอยากกระโดดน้ำฆ่าตัวตายหนีเรื่องนี้ไปให้พ้น ๆ จะได้ไม่ต้องรับรู้อะไรอีก เพราะตอนนี้เธอกับแม่มีสามีคนเดียวกัน หลานของแม่ที่อยู่ในท้องของเธอ คือลูกที่เกิดจากสามีของเธอกับแม่ และน้องของเธอที่อยู่ในท้องแม่ก็เป็นลูกของสามีเธอ...

    แต่เพราะนึกถึงลูกที่อยู่ในท้อง จึงเลิกคิดสั้น และตัดสินใจออกมาใช้ชีวิตตามลำพังเพื่อดูแลลูกของเธอ

    ปัจจุบันคุณแอร์ ย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดคนเดียว ในขณะที่ ลูกในครรภ์เสียชีวิต เพราะครรภ์เป็นพิษ และตอนนี้แม่และสามีของคุณแอร์ก็ได้ใช่ชีวิตอยู่ด้วยกันแบบเปิดเผย ฉันท์สามีภรรยา


    เรื่องราวชีวิตจริงของคุณแอร์ได้นำมาทำเป็นละครแล้ว นำแสดงโดย คุณนันทิดา แก้วบัวสาย เจสัน ยัง สายป่าน

    สามารถดูได้ตามลิงค์นี้

    เรื่องของคุณแอร์ ใน ClubFriday ที่แม่แท้ๆใช้สามีร่วมกันกับเธอ ที่เอามาทำละครแล้ว - Postjung.com
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 31 กรกฎาคม 2014
  6. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    มันคงมีอะไรบางอย่าง ที่เราไม่รู้อ่ะนะ:'(
     
  7. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    เรื่องเหลือเชื่อในอินเดีย

    [​IMG]

    อินเดียนับเป็นดินแดนแห่งความลี้ลับที่สร้างความพิศวงให้กับโลกมานับศตวรรษ ด้วยเรื่องราวพิลึกพิลั่นและเหลือเชื่อมากมาย หนึ่งในนั้นก็คือ กลไต่เชือกของอินเดีย (Indian Rope Trick) ซึ่งมีชื่อเสียงไปทั่วโลก โดยเฉพาะในช่วงทศวรรษ 1800 ที่กลนี้ถูกนำไปเผยแพร่ในที่ต่างๆ นอกอินเดีย
    กลไต่เชือกของอินเดียนี้ได้สร้างความอัศจรรย์ใจให้ผู้ชมเป็นอย่างมาก จนได้ชื่อว่า เป็นกลที่ลวงตาที่สุดในโลก แม้แต่นักมายากลผู้ยิ่งใหญ่จากที่ต่างๆ ต่างก็เดินทางไปอินเดียเพื่อพิสูจน์กลนี้ แต่ก็ยังไม่มีใครสามารถคลี่คลายความลึกลับนี้ได้ จนกระทั่งปัจจุบันกลไต่เชือกแบบคลาสสิกก็ยังเป็นเงื่อนงำที่ไม่มีบทพิสูจน์

    กลนี้ประกอบด้วยนักมายากล เด็กชายผู้ช่วย เชือกขนาดใหญ่ อาจมีเครื่องดนตรีชนิดหนึ่งประกอบด้วย ในเวอร์ชั่นแบบธรรมดาที่สุดของกลนี้ คือ นักมายากลจะโยนเชือกเส้นหนึ่งขึ้นไปในอากาศ เชือกนั้นจะตั้งตรง จากนั้นเด็กชายผู้ช่วย เรียกว่า จามูรา (jamoora) จะไต่ขึ้นไปบนเชือกแล้วก็ไต่ลงมา...


    !!!...เรื่องเหลือเชื่อในอินเดีย...!!!


    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=ImSjQZDoixU]Indian rope trick.mpg - YouTube[/ame]

    มายากลชุดนี้นักแสดงมายากลคนอินเดีย
    ต่อหน้าคณะนายทหารประเทศอังกฤษ
    ซึ่งก็คือเจ้าอาณานิคมของเขาเองในขณะนั้น
    แสดงกลางแจ้ง ตอนกลางวันแสก ๆ กลางสนามกว้าง ๆ นี่แหละ
    โดยมีผู้คนมาล้อมวงเอาไ้ว้
    ไม่มีผ้าสักผืนมากางกั้นให้เกะกะสงสัยว่ามีอะไรซ่อนอยู่ในผ้า
    มายากลชุดนี้จนถึงปัจจุบันนี้ยังจับไม่ได้ว่าเขาทำกันอย่างไร


    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=QfDX-a7MQPM]Magician Muthukad - The Great India Rope Trick - YouTube[/ame]

    รุ่นปัจจุบัน
     
  8. คนอนาคต

    คนอนาคต Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +28
    ยิ่งกว่าซามา กับซาฮี ซะอีก :cool:
     
  9. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    ซามา กับซาฮี หมายถึงอะไรคะ
     
  10. คนอนาคต

    คนอนาคต Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +28
    ลืมบอกไปครับ หนังอินเดีย ที่เกี่ยวกับการแสดงมายากล ผาดโผน ที่เป็นคณะละครสัตว์อ่ะครับ ^_^ ดูม 3 หนังมันส์ดีเหมือนกันนะ
     
  11. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    ไม่รู้สิ.ยังไงๆ ผมก็ชอบเดวิด แองเจิลอยู่ดีล่ะครับ
    ปล.มายากล อินเดีย.ผมไม่ชอบ ดูแล้วคล้ายไสยศาสตร์({)
     
  12. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    มายากลต้องอาศัยความชำนาญในการฝึกฝนและมีอุปกรณ์พิเศษช่วย
    แต่ถ้าไสยศาสตร์ต้องใช้การฝึกจิตล้วนๆ จนมีพลังมากพอ
    พี่เขยเค้าก็เรียนทางไสยศาสตร์มา
    เป็นไสยขาวไว้สำหรับปราบพวกไสยดำ :cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 สิงหาคม 2014
  13. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    :eek::eek::eek::eek::eek::eek::eek::eek:
     
  14. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ มายากล สามารถเฉลยให้เข้าใจในวิธีทำ และผู้ชมสามารถใช้อุปกรณ์นั้น ทำตามและเข้าใจได้
    +++ พลังจิต สามารถเฉลยให้เข้าใจในวิธีทำ จะมีก็แต่ผู้ที่สามารถเดินจิตตามได้ เท่านั้นที่เข้าใจ และทำตามได้
    +++ นี่คือ ข้อแตกต่างทางด้าน วัตถุ กับ จิตใจ นะครับ
     
  15. ิBat of light

    ิBat of light เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2012
    โพสต์:
    687
    ค่าพลัง:
    +842
    เอ...แล้วมันจะมีโชว์ชุดไหนบ้างไม๊น๊า ที่สามารถรันได้ทั้งสองระบบ

    คือแสดงด้วยอุปกรณ์ ก็ได้ผลตามนั้น
    หรือแสดงด้วยพลังจิต ก็ได้ผลเหมือนกัน
    คล้ายกัน หรือไม่ใช่ก็ใกล้เคียง

    ใครพอจะมีข้อมูลบ้างไม๊ครับ
    ว่าโชว์แบบนั้น จะมีในโลกนี้ไม๊

    เผื่อเราจะได้ใช้วิชาจิตวิเคราะห์เขี่ยคุ้ย
    เพื่อคุ้ยเขี่ย ค้นหาเคล็ดลับอะไรมาใช้ได้บ้าง

    หรืออาจจะเป็น เทคนิค, แทคติก, ถุกถิก, ทริค หรือแท
    จะได้เอาไว้เชื่อมต่อโลกของวัตถุและจิตใจ เข้าด้วยกัน


    กระต่ายป่า ข้างวัด / นักรบแสง

    .
     
  16. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,946
    อยากฟังเรื่องราวประสบการณ์ ไสยขาวปราบไสยดำ พี่เขยของน้องมินต์บ้าง
    ถ้าเป็นไปได้นะคะ
     
  17. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    จะเล่าให้ฟังในส่วนที่เราได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วยนะคะ
    ก่อนอื่นต้องขออภัยค่ะพิมพ์ผิด ความจริงเขาคือพี่ชายของพี่เขยค่ะ
    เรื่องเกิดหลายปีแล้วค่ะ
    มีอยู่วันหนึ่งพี่สาวบ่นปวดที่ข้อเท้าและมีอาการเดินกะเผลกเล็กน้อย
    บ่นว่าอยู่ดีๆ ก็ปวดขึ้นมาทั้งๆ ที่ไม่ได้หกล้มหรือเดินเท้าพลิกแพลงแต่อย่างใด
    แรกๆ ก็ปวดไม่มาก แต่พอตกกลางคืนก็ปวดมากขึ้นๆๆ
    จนกระทั่งไม่สามารถเดินได้ นั่งอยู่เฉยๆ ก็ปวดแบบทรมานมาก
    ปวดเหมือนกับว่าไปเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงทั้งๆ ที่ไม่ได้มีเหตุการณ์
    อะไรที่จะทำให้เกิดอาการปวดได้ขนาดนี้ เราก็มองไปที่ข้อเท้า
    บริเวณที่พี่สาวบ่นปวดก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรผิดปกติ ไม่บวม ไม่แดง ไม่มีอาการช้ำ
    แล้วอาการปวดทรมานนั้นมันเกิดจากอะไรกันแน่
    ทนปวดจนกระทั่งรุ่งเช้า ไม่ได้หลับได้นอน
    จนกระทั่งพี่สาวบอกทนไม่ไหวแล้ว ปวดจนร้องไห้
    คิดว่าไม่ใช่เรื่องปกติแน่ จึงโทรหาพี่ชายพี่เขยที่อยู่ต่างจังหวัด
    สมมุติว่าชื่อ "พี่รุ่ง"
    เพราะพวกเราพอจะรู้อยู่บ้างว่าพี่รุ่งรู้เรื่องเกี่ยวกับพวกไสยศาสตร์
    เคยเจอพวกที่โดนคุณไสยและแก้ให้หายได้
    พอโทร.ไป พี่รุ่งก็บอกว่าอย่าเพิ่งไปหาหมอขอให้พี่รุ่งมาดูเสียก่อน
    พี่่เค้าก็เดินทางมาทันที เมื่อมาถึงบ้านก็ตรวจจับดูที่ข้อเท้าของพี่สาว
    แล้วบอกว่าคิดถูกแล้วที่ไม่ไปหาหมอเพราะถึงไปหาหมอ ก็ตรวจไม่พบอะไร
    พี่รุ่งบอกว่าพี่สาวโดนของประเภทที่เรียกว่าลมเพลมพัด คือพวกเล่นคุณไสยดำเมื่อถึงเวลาหนึ่งเค้าจะปล่อยของ ไม่งั้นเดี๋ยวจะเข้าตัว มันลอยมาตามลม
    แล้วแต่ใครดวงไม่ดีก็จะโดนของพวกนี้ได้แล้วจะเกิดอาการแบบหาสาเหตุไม่พบทำนองนี้น่ะค่ะ
    พี่รุ่งเค้าก็ทำการแก้ด้วยการหยิบไข่ไก่ในตู้เย็นมา 1 ฟอง แล้วนำมาคลึงตามตัวพี่สาวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าพร้อมกับสวดพึมพำไปด้วย และเมื่อตอกไข่ออกมาก็เห็นมีเข็มเย็บผ้าอยู่ในไข่ไก่หนึ่งเล่มดูแล้วเป็นเข็มใหม่อยู่
    แล้วพี่เค้าก็ทำน้ำมนต์ให้พี่สาวกิน
    สักพักหนึ่งไม่นานพี่สาวเค้าก็บอกว่าอาการปวดมันหายไปเป็นปลิดทิ้งเหมือน
    ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
    เราเล่าคร่าวๆ ค่ะ ความจริงเค้าคุยกันละเอียดกว่านี้ จำได้ไม่หมด อิอิอิ
    แต่รับรองว่าเรื่องจริงที่ประสบมาค่ะ
     
  18. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
  19. suparush

    suparush Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +61
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=d89VswC1f7s]Demon Magicians: Episode 3 - Reveal THIS - (Keith Barry, Justin Flom, World's greatest Cabaret) - YouTube[/ame]
     
  20. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    จับตาการเรียงตัวดาวเคราะห์ เดือน สิงหาคม คาดเกิดภัยพิบัติโลก

    [​IMG]

    ผู้เชี่ยวชาญนาซาชี้ ช่วงเดือนสิงหาคมจะเกิดการเรียงตัวดาวเคราะห์ 3 ครั้ง จะส่งผลกระทบต่อโลกในรูปของภัยธรรมชาติต่างๆ

    เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2014 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดร.ก้องภพ อยู่เย็น วิศวกรไทยอายุน้อยที่สุดที่ประจำอยู่ในองค์การนาซา ได้ออกมาเผยถึงสถานการณ์ในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ จะมีการเรียงตัวของดาวเคราะห์ที่สำคัญ 3 ช่วง ได้แก่ ระหว่างวันที่ 8 - 11, 15 - 18 และ 23 - 27 สิงหาคม จะเป็นช่วงที่ดวงอาทิตย์มีปฏิกริยามากเป็นพิเศษและเป็นช่วงที่โลกจะมีผลกกระทบที่สามารถสังเกตได้ชัดในรูปแบบของภัยธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหว, ภูเขาไฟระเบิด, พายุ, ดินถล่ม, หลุมยุบ, ไฟฟ้าดับ และ ไฟฟ้าช็อต(ในสภาพอากาศปกติ)

    โดยความสัมพันธ์ดังกล่าวของพลังงานไฟฟ้าจากดวงอาทิตย์ จะมีสัมพันธ์กันกับสนามแม่เหล็กโลก แวนอลันเบลล์, ความสัมพันธ์กับไฟฟ้าในชั้นบรรยากาศ, ความสัมพันธ์กับไฟฟ้าที่พื้นผิวโลก, ความสัมพันธ์กับไฟฟ้าใต้พิ้นผิวโลก, ความสัมพันธ์กับไฟฟ้าในชั้นหลอมเหลวโลก - แม็กม่า และความสัมพันธ์กับแกนกลางโลก

    ส่วนในเชิงปริมาณของจุดดับนั้น จะอยู่ในช่วงของการวิจัยทดลองคาดการณ์ โดยอาจะมีข้อผิดพลาดได้ โดยช่วงที่ปริมาณจุดดับลดลงอยู่ในระดับต่ำสุดได้แก่ ช่วงวันที่ 6 - 10 และ 26 สิงหาคม -1 กันยายน และช่วงที่ปริมาณจุดดับจะขึ้นสูงสุดได้แก่ ช่วงวันที่ 21 สิงหาคม

    นอกจากนี้ ด้านการสังเกตการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติบนโลกนั้น ในช่วงระหว่างวันที่ 8 - 11 ให้ติดตามการเปลี่ยนแปลงใต้ผิวโลกมาเป็นพิเศษ และระหว่างวันที่ 23 - 26 ให้ติดตามการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศมากเป็นพิเศษ ช่วงอื่นๆนั้น ของให้ทุกท่านติดตามสังเกตการณ์ตามปกติด้วยความไม่ประมาท

    ทั้งนี้ ด้านกรมอุตุหรือหน่วยงานรับมือภัยพิบัติ นักพยากรณ์แผ่นดินไหวล่วงหน้าของญี่ปุ่นได้ใช้การตรวจจับกระแสไฟฟ้าในขั้นบรรยากาศที่ 0 - 5 กิโลเมตร, 5 - 20 กิโลเมตร, 20 - 200 กิโลเมตร และ 200 - 60,000 กิโลเมตร รวมทั้งการวัดค่าไฟฟ้าใต้ชั้นดิน เพื่อนำมาคาดการณ์แผ่นดินไหว และแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมพร้อมล่วงหน้า 24 ชั่วโมง 12 ชั่วโมง 6 ชั่วโมง และ 1 ชั่วโมง ซึ่งญี่ปุ่นเท่าที่ทราบ เป็นชาติเดียวในโลก ที่ประกาศเตือนแผ่นดินไหวล่วงหน้า 1 ถึง 5 นาที ให้ประชาชาชนทราบทางสื่อสาธารณะ ทีวี มือถือ เพจเจอร์ ในบริเวณเฉพาะที่คาดว่าจะเกิดแผ่นดินไหว


    จับตาการเรียงตัวดาวเคราะห์เดือนส.ค. คาด เกิดภัยพิบัติโลก!!
     

แชร์หน้านี้

Loading...