ข้อความจากต่างมิติ-ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ไปสู่มิติที่ 5

ต้องเชื่อแต่สิ่งที่ดีเท่านั้น
คนเราสร้างทุกสิ่งทุกอย่างทั้งโลกภายในและโลกภายนอกเพราะความเชื่อ ทุกสิ่งจริงๆ

คนเรายากจนก็เพราะความเชื่อ
คนเราเป็นขี้เกียจก็เพราะความเชื่อ
คนเราความจำไม่ค่อยดีก็เพราะความเชื่อ
คนเรามีความสุขก็เพราะความเชื่อ
คนเรามีความทุกข์ไม่ใช่เพราะชีวิตเจอเรื่องไม่ดี แต่เพราะความเชื่อ เรื่องไม่ดีที่เกิดขึ้ันไม่เคยทำให้คนเราทุกข์ได้ แต่ที่ทุกข์นั้นเป็นเพราะความเชื่อของเราเท่านั้น

 

THE HILARION’S WEEKLY MESSAGE 2014
HILARION 2014 - The Rainbow Scribe
August 17-24, 2014
วันที่โพสท์ _Tue ,19/8/2014
ผู้แปล: อจิตตะ

ขั้นต่อไปของโลกที่ต้องผ่านการเลื่อนระดับครั้งยิ่งใหญ่ในเร็ววันนี้
ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาแห่งความรุ่งโรจน์ที่เหล่ามวลมนุษยชาติจะสามารถรู้สึกได้
เพราะจะเป็นพลังงานที่เลื่อนไหลมาอย่างรุนแรง
เพื่อส่งผลให้ผู้คนที่อาศัยอยู่บนโลกนี้สามารถซึมซับ
กับพลังงานที่ได้รับการกลั่นกรองนี้ได้มากยิ่งขึ้น
และจะเป็นการช่วยให้การเข้าไปสู่ภายใน
เพื่อกระตุ้นขีดความสามารถในระดับสูงสุด
ในการเปิดรับกับพลังงานที่กำลังโหมเข้ามาอย่างเต็มที่นี้ให้บ่อยที่สุด
และยังช่วยในการจัดการกับสติสัมปชัญญะ วันละหลายต่อหลายครั้ง
ด้วยวิสัยทัศน์อันสูงสุดของ I AM Presence ของคุณเอง...

ดังนั้น....จงเริ่มต้นจัดการกับสติสัมปชัญญะให้กับ I AM ของคุณเถอะนะ
แล้วจงรับรู้ถึงความรู้สึกของความขอบคุณ ความนอบน้อบ
และความสุขที่ได้เกิดขึ้นภายในหัวใจของคุณ
อีกทั้งความรู้สึกเป็นเกียรติ์ที่ได้เป็นส่วนหนึ่ง
ของเหตุการณ์ที่ได้มีการเปิดเผยออกมาในครั้งนี้....

ซึ่งมันก็ไม่มีอะไรที่ต้องกลัวเลยนะ...เพียงแค่ยอมรับในความสุขนั้น
และรับรู้ถึงการเฉลิมฉลองที่ได้เคลื่อนผ่านคุณไปเท่านั้น....
จงรักทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็น “ความจริง” ที่กำลังจะมาถึงโลกในเร็ววันนี้
ซึ่งจะเริ่มมีความชัดเจนขึ้นกับสิ่งต่าง ๆที่เกิดขึ้น
ทั้งในบทบาทของโลก และภายในหัวใจของมนุษย์ทุกคน....

การที่คุณยังคงมีโปรแกรมของจิตสำนึกเก่าๆวิ่งวนเวียนอยู่นั้น
ก็เพื่อที่จะเปลี่ยนโปรแกรมให้ใครบางคนที่มีบารมีและสนับสนุนคุณอยู่
แต่วิธีการเดิม ๆ นั้นก็ได้กลายเป็นประวัติศาสตร์ไปอย่างรวดเร็วซะแล้ว
ด้วยการแทนที่ของวิธีการดาวน์โหลดพลังงานแบบใหม่นั่นเอง....
ซึ่งก็เป็นการเดินไปตามเส้นทางแห่งความรัก ความเมตตา และ ความเห็นอกเห็นใจ
ประหนึ่งเป็นฑูตสันถวไมตรีที่มาช่วยประกาศแผนการของเบื้องบนให้แผ่ขยายออกไป
ซึ่งในไม่ช้านี้....จะมีหลายๆคนที่กำลังจะตื่นรู้
จะได้พบคำตอบที่สามารถล้างหยากไย่ให้พ้นออกจากจิตใจของพวกเขาได้
ซึ่งคุณเองก็ได้ผ่านถนนเส้นนี้มาแล้ว
และคุณก็รู้ดีว่าสิ่งจำเป็นที่สุดคือ “ความอดทน”
อีกทั้งคุณเองก็ไม่มีวันลืม ว่ามันผ่านด้วยความยากเย็นเพียงใด....

แต่ผู้ที่กำลังจะตื่นรู้นี้ เขาไม่ต้องผ่านความยากลำบากเหมือนคุณหรอกนะ
เพราะพวกเขาได้เพิ่มขีดความสามารถในการที่จะเลื่อนไหลไปกับพลังงาน
และเลื่อนไหลไปกับเหตุการณ์ของจักรวาลนั้นไว้แล้ว
ซึ่งนั่นคือโอกาสที่ทำให้เกิดการสนับสนุนให้กับเรื่องราวที่ปรากฏขึ้นนี้...

แต่ก็ต้องรู้ไว้ด้วยนะว่า “พลัง กุณฑาลินี” อาจเพิ่มสูงขึ้นภายในกับการตื่นรู้นี้
ดังนั้น....จงส่งความรักและจิตเจตนาที่มีความสมดุลให้แก่พวกเขาด้วยนะ....

ขณะนี้พวกเรากำลังเคลื่อนเข้าสู่ช่วงเวลาของความเร่งด่วนในทุกๆเหตุการณ์ของมนุษยชาติ
เพราะหัวใจของพวกเขาเริ่มที่จะปลดปล่อยกับเหล่าอุปสรรค
และเริ่มถอดเกราะป้องกันที่ยังคงมีอยู่ภายในของแม่แบบมนุษย์ทั้งหลาย
ซึ่งจะเป็นการเผยออกมาในความตระหนักรู้กับวิธีการใหม่ในการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
และพวกเขาก็เริ่มที่จะมองเห็นการแก้ปัญหาที่เรื้อรังมานานในมุมมองที่แตกต่างออกไป
มันจะความรู้สึกเหมือนได้สูดลมหายใจในอากาศที่บริสุทธิ์
และมีความรู้สึกเหมือนได้เริ่มต้นใหม่และมีความเข้าใจในทุกสิ่งที่เกิดขึ้น
ซึ่งแม่แบบของพลังงานใหม่นี้ จะไม่สนับสนุนต่อระบบวิสัยทัศน์แบบเก่าอีกต่อไป
มวลมนุษย์ทั้งหลายจะรู้สึกได้ถึงความมีอิสระภาพที่เพิ่มขึ้น
สามารถเพิ่มขีดความสามารถได้อย่างไร้ขอบเขต
และไม่กักขังพวกเขาอยู่ในความเป็น “ทวิภาวะ”
หรือความเป็นขั้วทีมีอยู่ในจิตสำนึกอีกต่อไปด้วย

โดยพลังงานที่เกิดขึ้นจะถูกจัดให้เป็นหนึ่งเดียวกันทุกคน
และความเป็นอันหนึ่งเดียวกันของจิตสำนึกนี้
ก็คือ “กระบวนทัศน์ใหม่ของโลก”
ที่จะทำให้ “สิ่งเก่า” แตกสลายกลายเป็นฝุ่นไปในทันที
และจะเกิด”สิ่งใหม่”ที่เต็มไปด้วยศักยภาพและความเป็นไปได้ขึ้นมาแทนที่อย่างกว้างขวาง....

ดังนั้น....ใครก็ตามที่มั่นคงอยู่กับแสงสว่างแล้วละก็
เขาย่อมเป็นความหวังและเป็นแกนนำของความเป็นจริงในโลกใหม่ใบนี้
ซึ่งเราก็ได้เคยบอกคุณแล้วว่า “ให้คุณฝันถึงความฝันของคุณ”
เพื่อขยายวิสัยทัศน์ของคุณให้เป็นคนใหม่ชนิดไร้พรมแดนกันเลยทีเดียว
และอีกครั้งที่ต้องขอเตือนคุณคุณทุกคนว่า
ชั้นบรรยากาศที่กว้างใหญ่ไพศาลรอบๆตัวคุณนั้น
จะถูกเติมเต็มไปด้วย ข้อมูล ความคิด สิ่งประดิษฐ์ เทคโนโลยี่ ใหม่ ๆ
และวิธีการใหม่ ๆ ในการจัดการกับปัญหาต่าง ๆ
ที่จะพาคุณมุ่งตรงไปข้างหน้าด้วยความมั่นใจในความเป็นปัจเจก
และความมีส่วนในโชคชะตาร่วมกัน
จึงควรให้การต้อนรับกับความรู้เหล่านั้น
แล้วของขวัญมากมายจะมาสู่คุณเมื่อสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงนั้นมาเยือน....

ณ.ขณะนี้สิ่งที่คุณต้องทำคือ ความตั้งมั่นที่จะเปิดรับทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็น “สิ่งใหม่” ทุกวัน
แล้วนำมันมาสู่การเนรมิตภายในตัวคุณ
ซึ่งคุณก็จะได้พบว่า คุณสามารถใช้ของขวัญอันศักดิ์สิทธิ์นั้น ด้วยความเมตตา กรุณา
และเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับกับตัวคุณเองได้อย่างอิสระเสรี....

“สิ่งที่คุณแสวงหานั้นมันอยู่ในตัวคุณทั้งหมด “

ซึ่งการปฏิบัติสมาธิหรือการพิจารณาในธรรมอย่างเงียบ ๆจะเป็นประโยชน์ต่อคุณ
เพราะในการอยู่สันโดษนี้ จะทำให้ทุกคำถามของคุณจะได้รับคำตอบ
ชีวิตประจำวันของคุณจะเต็มไปด้วยความสอดคล้อง ( synchronicities )กันไปอย่างสง่างาม
และมีแต่ความสงบสุข
ซึ่งทั้งหมดก็เกิดขึ้นจากการเคลื่อนตัวผ่านการเปลี่ยนแปลงของคุณ
สู่ความเป็นคุณในระดับสูงสุดและได้รับชีวิตที่ดีที่สุด....ซึ่งนั่นก็ของคุณเองอีกนั่นแหละ....

และการที่คุณยอมจำนนต่ออัตลักษณ์อันสูงสุดของตัวคุณเองนั้น
ชีวิตที่เต็มไปด้วยความตื่นตาตื่นใจของคุณก็จะปะทุออกมา
ไม่ว่าสิ่งที่เป็นปาฏิหาร หรือ มหัศจรรย์ ต่างก็พากันปรากฏขึ้น
เพื่อเป็นรากฐานให้แก่คุณทั้งเป็นการส่วนตัวและในความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน...

เมื่อใดก็ตามที่คุณเป็นนายอยู่เหนือความคิด คำพูดและการกระทำ
และอยู่เหนือเจตจำนงค์ทั้งหลายทั้งปวง....ศักยภาพในตัวคุณเองก็จะปรากฏออกมา
เหมือนดั่งดอกไม้ที่บานออกรับกับ “สิ่งใหม่” ในโลกแห่งความเป็นจริงด้วยความตื่นตาตื่นใจ...

“แต่ไม่ว่าอายุตามปฏิทินของคุณจะเป็นเท่าไหร่ก็ตาม....นี่ก็เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น “


Until next week…
I AM Hilarion

 

.
ครับ ก็หวังว่าครั้งนี้คงจะใช่น่ะนะ เนอะ
เพราะความอดทนของพวกเรา ดูเหมือนจะถึงขีดจำกัดอีกครั้งแล้ว

หลังจากข้ามขีดจำกัดมาได้ ครั้งแล้วครั้งเล่า
ในที่สุด จุดหมายแห่งการเริ่มต้น ก็น่าจะมาถึงได้ซะที ล่ะมั้ง นะ ครับ

ขี้เกียจโม้ให้มากไปกว่านี้แล้วล่ะ ๕๕๕


กระต่ายป่า ข้างวัด / ค้างคาวแห่งแสง
.

 

กระบวนการทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมาในชีวิตของตนเองหลังความตาย
.............................................................................

(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

บางส่วนของข้อความจากมหาเทพเมตาตรอน

ที่มา:
http://palungjit.org/threads/ข้อความจากต่างมิติ-ประสบการณ์แห่งความตาย-และชีวิตหลังความตาย.534519/

"...เมื่อพวกคุณอยู่ ณ.ฟากฝั่งโน้นของม่านพรางแล้ว
พวกคุณก็จะสามารถสังเกตการณ์ดูเรื่องราวความเป็นไปของชีวิตในภพชาติทางกายภาพของตัวเองได้จริงๆ
ตั้งแต่เกิดจนแก่ชราเลย แต่ว่ามันก็จะต้องใช้การทบทวนและศึกษาอย่างละเอียดรอบคอบแบบค่อยเป็นค่อยไปด้วย
ไม่ใช่ในแบบที่เกิดขึ้นอย่างปุบปับ เพราะว่ามันเป็นกระบวนการเลือกที่จะทบทวนดูชีวิตของตัวเอง
ซึ่งโดยปกติแล้วก็จะต้องมี “ผู้นำทาง” (guides) คอยให้ความช่วยเหลืออยู่ด้วย
และจะเกิดขึ้นในระนาบที่สูงกว่าขึ้นไปอีก ซึ่งเป็นระนาบแรกที่ผู้ตายได้เข้าไปอยู่ หลังจากที่ได้ตายไปแล้ว

พวกคุณทุกๆคนจะต้องได้ทำแบบนี้กันทั้งนั้น
แต่ว่าพวกคุณจะสามารถเลือกได้ด้วยว่า
สำหรับประสบการณ์ชีวิตใดๆที่มีความสำคัญมากๆในชีวิตของพวกคุณ
พวกคุณอาจจะไม่เพียงแต่ดูและศึกษามันอย่างเดียวเท่านั้น
แต่พวกคุณจะขอเลือกที่จะหวนกลับไปมีประสบการณ์นั้นใหม่อีกครั้งหนึ่งก็ได้
ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของพวกคุณแต่ละคนเอง

ซึ่งในหลายๆกรณีผู้ตายอาจจะเลือกเอาบางช่วงของชีวิต
ที่ตัวเองได้เคยทำผิดพลาดเอาไว้มามีประสบการณ์ใหม่อีกครั้งหนึ่งก็ได้
ซึ่งในกรณีเช่นนี้พวกคุณก็จะถูกพาเข้าไปสู่เหตุการณ์นั้นๆใหม่อีกครั้งหนึ่ง
แต่โดยใช้วิธีการอื่นๆในการตอบสนองต่อเหตุการณ์นั้นๆแทน
เพื่อดูว่าถ้าเลือกทางเลือกอื่นๆแล้ว ผลลัพธ์ของมันจะออกมาเป็นเช่นไร
และมันจะดีขึ้นกว่าเดิมไหม๊

ในกระบวนการนี้จะทำให้เกิดการเรียนรู้อย่างลึกซึ้งขึ้น
และนี่แหละคือสิ่งที่คัมภีร์ทางศาสนาของพวกคุณ
เรียกว่า “การพิพากษา” (the Judgment) หละ

แต่อย่างไรก็ตาม ในระยะนี้ มันจะไม่มีอารมณ์ความรู้สึกของการรู้สึกผิดหรือทุกข์ทรมานอยู่เลย
เพราะว่าในระดับนี้ พวกคุณอยู่เหนือความเป็นอัตตาตัวตนที่ตัวเองเคยรู้จักแล้ว
ดังนั้น พวกคุณจึงกำลังทบทวนดูเหตุการณ์เหล่านี้อยู่ ด้วยตัวตนที่อยู่ในสภาวะที่สูงกว่าของตัวเอง
ซึ่งเป็นสภาวะที่อาจจะเรียกได้ว่า “วางอุเบกขา” อย่างเดียวเลย
หรือเกือบจะทำตัวเป็นแค่ผู้สังเกตการณ์ดูความเป็นไปของมิติที่ 3 เท่านั้นเอง

กระบวนการนี้จะเกิดขึ้นในที่ๆอาจจะเรียกได้ว่า เป็น “ศูนย์ฝึกอบรม” (training center) ก็ว่าได้
แต่ก็จะต้องเข้าใจไว้ด้วยนะว่า มันเป็นมิติหรือสภาวะทางจิตอย่างหนึ่งเท่านั้น
ไม่ใช่สถานที่จริงๆในแบบที่พวกคุณรู้จักกันในมิติทางกายภาพนี้หรอก..."

.........................................................................

บางส่วนของข้อความสื่อสารจาก The Federation of Light
ผู้รับสาส์น: Blossom Goodchild, วันที่: 15 สิงหาคม 2014

ที่มา: Blossom Goodchild - August 15, 2014

ต่างมิติ: "...กฎพื้นฐานทั้งหลายของจักรวาลก็ประกาศตัวมันเองชัดเจนดีอยู่แล้ว
ซึ่งกฎที่มีความสำคัญมากที่สุดก็คือกฎที่ว่า “มันมีแต่พลังงานแห่งความรักเท่านั้น” (there is only ever LOVE)
ซึ่งเมื่อใดที่ใครก็ตามสามารถรู้เรื่องนี้ได้แล้ว มันก็จะไม่สำคัญเลยว่าคนๆนั้นจะเลือกที่จะแสดงความรักออกมามากน้อยแค่ไหน
เพราะว่านั่นมันเป็นสิทธิ์ในการเลือกของคนๆนั้นเอง แต่ว่าจิตวิญญาณของคนๆนั้นก็จำเป็นจะต้องค่อยๆสะสมบุญ
ในกฎข้อนี้ให้มีมากขึ้นเรื่อยๆด้วย เพื่อที่จะให้จิตวิญญาณของคนๆนั้นสามารถที่จะ “เลื่อนระดับขึ้นไปอีกได้”
นี่แหละคือวิธีการอธิบายแบบง่ายๆหละ แต่ว่ามันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ"

"กฎมันมีอยู่ว่าจะต้องดำรงชีวิตอยู่ด้วยความรักเท่านั้น พวกเราเคยบอกพวกคุณไปก่อนหน้านี้แล้วว่า
ความรักมันมีอยู่หลากหลายระดับ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วไม่มีใครเลยที่จะสามารถดำรงชีวิตอยู่นอกเหนือความรักได้
เพียงแต่ว่ามันจะเป็นความรักในระดับความสั่นสะเทือนไหนเท่านั้นเอง..ด้วยการเลือกเอง..
ไม่ว่าจะเป็นการเลือกมาตั้งแต่ก่อนถือกำเนิดบนโลกมนุษย์นี้ หรือว่าจะเป็นการเลือกในระหว่างที่เป็นมนุษย์นี้ก็ตาม
คนๆนั้นก็จะต้องเลือกอย่างเหมาะสม เพื่อให้สอดคล้องกับวิวัฒนาการทางจิตวิญญาณที่ตัวเองปราถนามากที่สุด
เพราะว่าแต่ละภพชาติที่ลงมาเกิดเป็นมนุษย์นี้ มันก็จะมีวัตถุประสงค์หลักในการเจริญเติบโตอยู่
และบางทีวัตถุประสงค์ที่ว่านั้น มันก็อาจจะเพื่อมาแก้ไขสิ่งผิดที่ตัวเองได้เคยทำเอาไว้ในภพชาติก่อนหน้านั้นก็ได้"

นาง Blossom: "งั้นก็หมายความว่า ผู้ที่เคยทำร้ายโลกและผู้อื่นเอาไว้
ผู้ที่เคยทำให้โลกและผู้อื่นต้องได้รับความเจ็บปวด ผู้ที่ดูเหมือนว่าได้เคยใช้ชีวิตอยู่ในระดับความสั่นสะเทือนที่ต่ำมากๆมาก่อน
ก็จะถูกประณามใช่ไหม๊คะ? เพราะเมื่อไม่นานมานี้พวกคุณเคยบอกว่า “ไม่มีใครรอดพ้นจากกฎของจักรวาลได้”
และถ้าเป็นเช่นนั้นจริง พวกเขาก็จะได้รับผลจากการกระทำของพวกเขาเองอย่างสุดซึ้งใช่ไหมคะ?"

ต่างมิติ: “อันดับแรก..พวกเราอยากจะพูดว่า คนผู้นั้นจะไม่ถูกพิพากษา หรือจะไม่ถูกลงโทษทัณฑ์
อย่างที่บางคนอาจจะเคยคิดไว้แต่อย่างใดเลย เพราะว่าจริงๆแล้ววิธีการแบบนั้นมันไม่ใช่วิธีการของพวกเรา
แต่ว่า..จิตวิญญาณดวงใดก็ตามที่เคยกระทำสิ่งที่มีระดับความสั่นสะเทือนต่ำๆแบบนั้นเอาไว้บนโลกใบนี้ อาจจะหลายครั้งด้วย
เมื่อไม่ได้อยู่ในกายเนื้อนี้อีกต่อไปแล้ว (เมื่อตายไปแล้ว – ผู้แปล) พวกเขาก็จะไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกเสียจาก
จะต้อง “มองดู” สิ่งที่พวกเขาเคยกระทำไว้กับคนอื่นๆเท่านั้นเอง ไม่ว่าการกระทำเหล่านั้น
มันจะเป็นการกระทำที่เต็มไปด้วยแสงสว่างหรือไม่ก็ตาม"

"ดังนั้น การกระทำใดก็ตามของพวกเขา ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานแห่งความรักขั้นสูงสุด
พวกเขาก็จะ “รู้สึก” ถึงมันได้อย่างเข้มข้นและรุนแรงมากเสียยิ่งกว่า
ความรู้สึกของผู้ที่ถูกกระทำที่เคยรู้สึกซาบซึ้งใจในตอนนั้นซะอีก
และแน่นอนว่า มันก็คือความรู้สึกที่จิตวิญญาณดวงนั้นๆพึงพอใจมากที่สุดด้วยนั่นเอง จนเกินกว่าจะพรรณา"

"แต่ว่า..ในทำนองเดียวกัน การกระทำใดก็ตาม ที่มีระดับความสั่นสะเทือนที่ต่ำมากๆที่พวกเขากระทำต่อคนอื่น
ด้วยเจตนาเพื่อที่จะทำร้ายหละก็ พวกเขาก็จะสามารถ “รู้สึก” ถึงความเจ็บปวดของคนอื่นๆ
ที่เกิดขึ้นจากผลของการกระทำนั้นๆของพวกเขาเองได้ด้วยเช่นเดียวกัน ไม่ว่ามันจะเป็นความเจ็บปวดทางกาย,
ทางจิตใจ หรือทางจิตวิญญาณก็ตาม ซึ่งในกรณีนี้ อาจจะเรียกได้ว่า มันคือการตอบสนองกลับมาเป็นพันๆเท่าก็ว่าได้
ซึ่งมันมากซะยิ่งกว่า “การเพียงพอแล้ว” ที่จะทำให้จิตวิญญาณดวงนั้นๆเกิด “ความเข้าใจ” ในสิ่งที่ตนเองได้กระทำลงไปแล้วนั้นๆซะอีก
มันไม่มีอะไรอีกแล้ว ที่จะสามารถทำให้เจ็บปวดไปได้มากกว่า การที่จะต้องมารับรู้และเข้าใจ อารมณ์ความรู้สึก
ซึ่งถูกขยายความเข้มข้นและรุนแรงมากขึ้นเป็นพันเท่าแล้ว ของผู้ที่ถูกกระทำเองแบบนี้
ซึ่งกรณีเช่นนี้มันจะเกิดขึ้นกับทุกๆการกระทำไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็กก็ตาม...”

นาง Blossom: "...แล้วผู้ที่เคยฆ่าคนอื่นตายหละ? ที่นี่พวกเราจะกักขังพวกเขาเอาไว้เพราะว่าความผิดที่พวกเขาก่อ"

ต่างมิติ: “พวกเราไม่ได้มาที่นี่เพื่อที่จะมาตัดสินชี้ถูกผิดให้กับ “กฎหมาย” ของพวกคุณ
เพราะว่านั่นไม่ใช่หน้าที่ของพวกเรา แต่พวกเราแค่อยากจะบอกว่า ถ้าเป็นพวกเรา พวกเราจะไม่ทำอย่างนั้น
แต่ก็อีกนั่นแหละ เรื่องนี้มันก็จะโยงไปถึงภาพรวมที่ใหญ่กว่านี้อีกนั่นแหละ"

"พวกคุณจะรู้ได้ยังไงว่า “ฆาตกร” ผู้นั้นหนะ ไม่ได้ถูกร้องขอโดย “จิตวิญญาณ” ของผู้ที่เขาฆ่าให้ฆ่าเขา..
ตั้งแต่ก่อนที่พวกเขาทั้งคู่จะลงมาเกิดบนโลกมนุษย์นี้? เพราะฉะนั้นแล้ว ตามนัยยะนี้ ซึ่งมันยากเกินกว่าที่พวกคุณบางคน
จะสามารถล่วงรู้ได้ พวกเขาเคยขอร้องกันเอาไว้แล้ว ว่าให้ทำเช่นนั้น เพื่อช่วยให้คนที่ถูกฆ่านั้น
ได้มีประสบการณ์ของการถูกฆ่าบ้าง เพราะว่าในภพชาติก่อนหน้านั้น คนๆนั้นได้เคยทำเช่นเดียวกันนี้กับคนอื่นๆมาแล้ว”

........................................................
บางส่วนของข้อความสื่อสารจาก Matthew Wards,
วันที่: 11 มิถุนายน 2011

ที่มา:June 11, 2011

20.คราวนี้พวกเราจะไปกันต่อที่ประเด็นอื่นบ้าง พวกเราเคยพร่ำบอกกับพวกคุณอยู่เสมอ
เกี่ยวกับผู้ที่มีจิตและใจมืดดำทั้งหลาย ที่กำลังก่อให้เกิดความตาย, ความหายนะ, ความทุกข์ทรมาน
และความโกลาหลขึ้นอยู่ในขณะนี้ แต่ก็ไม่ใช่เพื่อที่จะชี้ว่าใครถูกใครผิดหรอกนะ แต่เพื่อที่จะอธิบายให้พวกคุณเข้าใจว่า
มันกำลังเกิดอะไรขึ้นกับโลกของพวกคุณอยู่ต่างหากหละ ซึ่งมันก็เป็นแบบนี้มานานนับพันปีแล้ว
ว่า..สิ่งที่มันกำลังเกิดขึ้นอยู่นี้คืออะไร และเพราะอะไร และจะเกิดอะไรขึ้นอีกต่อไป

ความเป็นจริงเกี่ยวกับบุคคลเหล่านั้นและรวมถึงสิ่งที่พวกเขากระทำนั้น กำลังจะถูกเปิดเผยออกมาแล้ว
และดังนั้นมันจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่งยวดที่พวกคุณจะต้องมองพวกเขาจากมุมมองของจิตวิญญาณด้วย

21.เพราะว่าหลายยุคหลายสมัยมาแล้วที่ฝ่ายมืดได้เข้ามาครอบครองโลก และเพราะว่าการอยู่รอดของดาวเคราะห์โลกดวงนี้
ขึ้นอยู่กับการสิ้นสุดลงของบ่วงกรรมในมิติที่ 3 ที่ฝ่ายมืดได้ฝังรากเอาไว้ให้ ดังนั้น จึงมีรูปธรรมชีวิตจำนวนหนึ่ง
ยินยอมพร้อมใจที่จะมาทำหน้าที่สร้างสถานการณ์และเงื่อนไขอะไรบางอย่างขึ้น เพื่อที่จะทำให้ชาวโลกนับล้านๆคน
ได้มีโอกาสเผชิญกับสิ่งที่พวกเขาจำเป็นจะต้องเผชิญกัน ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะทำให้กรรมของพวกเขาที่อยู่ในมิติที่ 3 แห่งนี้
สิ้นสุดลงซะทีนั่นเอง และก็เพื่อที่จะทำให้พวกเขาสามารถที่จะวิวัฒน์ต่อไปจนเข้าไปสู่มิติที่ 4 ได้

มันคือข้อตกลงร่วมกันในระดับมหัพภาคของชาวโลกทั้งมวล
ที่ถูกออกแบบมาเพื่อประโยชน์อันล้นพ้นของผู้คนจำนวนมากมายก่ายกอง

22.แต่หลังจากที่รูปธรรมชีวิตเหล่านั้นได้ทำหน้าที่แสดง “บทผู้ร้าย” ของตัวเองเสร็จสิ้นลงแล้ว
ซึ่งพวกเขาก็แสดงได้อย่างยอดเยี่ยมมากๆซะด้วย ตามข้อตกลงเดิมที่ได้ระบุเอาไว้ว่าพวกเขาก็จะต้องเลิกแสดง
แล้วกลับเข้ามาให้ความร่วมมือกับฝ่ายแสงสว่างใหม่อีกครั้งหนึ่งนั้น เพื่อที่โซนนี้ของกาแล็กซี่นี้
จะได้ปราศจากสิ่งมีชีวิตฝ่ายมืดซะทีนั้น แทนที่จะเป็นเช่นนั้น พวกเขากลับพากันยึดติดอยู่กับบทบาทการแสดง
และพฤติกรรมด้านลบของตัวเองอยู่ต่อไป เช่น ความโลภ, การกระหายอำนาจ, ความโหดเหี้ยมอำมหิต, ความหยาบช้า,
และการหลอกลวง เป็นต้น ดังนั้นจึงทำให้พวกเขาปฏิเสธที่จะยอมรับเอาแสงสว่างปริมาณมหาศาล
ที่กำลังสาดส่องลงมายังพวกเขาอยู่ในขณะนั้นเสีย และก็เลยทำให้พวกเขาล่วงละเมิดข้อตกลงที่พวกเขาเคยทำเอาไว้เองด้วย

23.แต่ไม่ว่าพวกเขาจะจมดิ่งอยู่ในความมืดมิดมากสักเพียงใดก็ตาม
พวกเขาก็ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของความเป็นหนึ่งเดียว (the Oneness of All) ที่ไม่อาจจะตัดให้ขาดได้อยู่ดี
พวกเขาก็ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของพระผู้เป็นเจ้า (God) ไปจนชั่วนิจนิรันดร์อยู่ดี
และพระผู้เป็นเจ้าก็จะยังคงรักพวกเขาอย่างไม่มีเงื่อนไขอยู่ดี เพราะว่าพระผู้เป็นเจ้าจะไม่ตัดสินชี้ถูกผิดพวกเขา
เพราะว่าพระผู้เป็นเจ้าไม่เคยตัดสินชี้ถูกผิดใครเลย!

แต่ว่า..ในโลกของพวกคุณ พวกคุณจะตัดสินชี้ถูกผิดพวกเขา และจับกุมพวกเขาเพราะการกระทำของพวกเขา
แต่พวกเขาส่วนใหญ่ก็จะปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ยกเว้นบางคนที่จะยอมรับข้อกล่าวหาถ้ามันเป็นไปตามที่พวกเขาต้องการ
เช่น ถ้ามันทำให้พวกเขารอดพ้นจากการถูกลงโทษ หรือถ้าการซัดทอดคนอื่นจะทำให้พวกเขาได้รับการลดโทษเป็นต้น
แต่บางคนก็จะหลบหนีจากกระบวนการยุติธรรมของพวกคุณ โดยการตายซะก่อนที่จะถึงจุดยุติของการพิจารณาคดีในศาล
และตายในระหว่างการอุทธรณ์

24.แต่อย่างไรก็ตาม ก็จะไม่มีพวกเขาคนใดเลย ที่จะสามารถรอดพ้นจากผลของความคิด, ความตั้งใจ
และการกระทำของตัวเองได้ ใน “ศาลสูง” แห่ง “การทบทวนเรื่องราวความเป็นไปในชีวิตของตัวเอง” (lifeprint review)
ในแดนสุขาวดีได้ ซึ่ง ณ.จุดนั้น พวกเขาก็จะได้มีประสบการณ์กับทุกๆชั่วขณะของชีวิตบนโลกของตัวเองใหม่อีกครั้งหนึ่ง
ซึ่งกระบวนการทบทวนเรื่องราวในชีวิตของตัวเองที่ว่านี้ ก็จะทำให้พวกเขาสามารถ “รู้สึก” ถึงความรู้สึกแท้ๆของคนทุกๆคน
ที่พวกเขาเข้าไปเกี่ยวข้องสัมพันธ์ด้วยในทุกๆสถานการณ์ได้ ไม่ว่าจะเป็นในแง่มุมไหนก็ตามแต่
ซึ่งจำนวนของคนที่ว่านี้ก็จะเป็นหลายล้านคนเลยทีเดียว

ดังนั้น แนวคิดเกี่ยวกับเรื่อง “นรก” ของพวกคุณนั้น จึงไม่อาจที่จะเทียบได้เลยกับความเป็นจริง
ที่ผู้คนเหล่านี้จะได้ประสบในระหว่างกระบวนการทบทวนเรื่องราวความเป็นไปในชีวิตของตนเองนี้เลย
หรือที่จะได้ประสบในฐานะที่เป็นสภาวะพื้นฐานของชีวิตในภพชาติถัดไปของพวกเขาเองเลย

25.สำหรับพวกเขาแล้ว นอกเหนือจากประกายแห่งแสงสว่างซึ่งเป็นพลังชีวิตของทุกสรรพชีวิตแล้ว
พวกเขาคือผู้ที่สูญเสียแสงสว่างไปจนหมดสิ้นแล้ว ดังนั้นแทนที่พวกคุณจะไปคิดอยากให้พวกเขาได้รับโทษทัณฑ์อย่างสาสม
อย่างที่ผู้ที่อยู่ในมิติที่ 3 มักจะคิดกัน พวกคุณควรที่จะเมตตากรุณาต่อพวกเขา และให้อภัยพวกเขาซะมากกว่า
เพราะนั่นจะเป็นประโยชน์ต่อพวกคุณเองมากที่สุด และจะเป็นประโยชน์ต่อทุกผู้ทุกนาม
ที่อยู่ในความเป็นหนึ่งเดียวกันเป็นนิรันดร์นี้มากที่สุดด้วย แต่นี่ก็ไม่ใช่การทำเพื่อยกโทษให้
หรือให้อภัยต่อการกระทำต่างๆที่เกิดขึ้นจากการที่ผู้คนเหล่านี้ได้ละเมิดพันธะสัญญาทางจิตวิญญาณของตัวเองหรอกนะ

26.แต่มันหมายความว่า เพราะว่าจิตวิญญาณทุกๆดวงในจักรวาลแห่งนี้ ล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กันอยู่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ในฐานะที่ต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของพระผู้เป็นเจ้าด้วยกันหมดทั้งสิ้น และในระดับภาพรวมแล้วพวกคุณทุกๆคน
ล้วนเป็นครอบครัวเดียวกันทั้งสิ้น ดังนั้น แทนที่จะไปใช้วิธีการลงโทษสมาชิกในครอบครัวผู้ที่อ่อนแอกว่า
ก็ให้ใช้วิธีการส่งแสงสว่างให้กับพวกเขาแทน เพราะว่าเมื่อใดที่สมาชิกในครอบครัวทุกๆคนมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกันแล้ว
ครอบครัวก็จะแข็งแกร่งขึ้น และความรัก, ภูมิปัญญา และพัฒนาการทางจิตวิญญาณ ก็จะงอกงามมากขึ้นตามไปด้วย
ซึ่งนั่นแหละคือเป้าหมายของทุกๆจิตวิญญาณหละ

…………………………….......................

 

ข้อความทั้งสามชุดข้างบนนี้ เกี่ยวกับการทบทวนเรื่องราวความเป็นไป
ในชีวิตของตนเองหลังความตายนั้น ประเด็นหลักที่เหมือนกันก็คือ
มันมีการทบทวนที่ว่านี้อยู่ หลังความตาย สำหรับทุกๆคน

แต่ประเด็นที่เป็นรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆ
ที่อาจจะไม่ตรงกันนักก็คือ เรื่องการรับรู้อารมณ์ความรู้สึก
ของผู้ที่เกี่ยวข้องอยู่ในเหตุการณ์นั้นๆด้วย
เพราะว่าท่านเมตาตรอนบอกว่า มันจะเป็นไปแบบวางอุเบกขา
(แต่ก็อาจจะหมายความว่า รับรู้อารมณ์ความรู้สึกที่ว่านั้นได้จริงๆอยู่
แต่ก็วางอุเบกขาก็ได้)

แต่ข้อความของแมทธิวชุดนี้บอกว่า รับรู้ได้ของทุกๆคนเลย
แต่ก็เป็นอารมณ์ความรู้สึกที่เหมือนกันเป๊ะๆกับที่คนเหล่านั้นรู้สึกเท่านั้น
แต่ที่ผมเคยอ่านและแปลผ่านไปแล้วอีกข้อความหนึ่งของแมทธิวนั้น
ก็จะคล้ายๆกับข้อความจาก the Federation of Light เหมือนกันนะครับ
ที่ว่าอารมณ์ความรู้สึกที่จะรับรู้ได้นั้น มันจะถูกขยายให้เข้มข้นรุนแรงขึ้น
เพราะว่าโดยธรรมชาติของจิตวิญญาณที่ปราศจากกายเนื้อแล้ว
พวกเขาก็จะมีความไวต่อการรับรู้อารมณ์ความรู้สึกมากกว่ามนุษย์เรา
ที่ยังอยู่ในกายหยาบอยู่แล้ว

............................................

 

<img src="https://encrypted-tbn2.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcSi9auuvgvF0_KSzMCMZoyhMSCvh0TX3hrSpgZ0zllch2ENkOh1hg" alt="" border="0">

THE HILARION’S WEEKLY MESSAGE 2014
HILARION 2014 - The Rainbow Scribe
August 24-31, 2014
วันที่โพสท์ _Tue ,26/8/2014
ผู้แปล: อจิตตะ

คุณคุณที่รัก….

” เวลา “ ที่คุณรู้จักดี ว่ามันเป็นสภาวะที่เคลื่อนตัวไปอยู่ตลอดเวลานั้น
แต่ก็มีหลายครั้งที่คุณรู้สึกว่า “เวลา” นั้นมันเหมือนนิ่งอยู่กับที่
ซึ่งนั่นก็เพราะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของอัตราการเร่งความเร็วของมัน
และนี่ก็เป็นช่วงเวลาที่คุณกำลังมาถึงจุดของการปรับกระบวนการเพิ่มเติมที่เข้มข้น
เพื่อทำให้ร่างกายที่กำลังมีการปรับเปลี่ยนของคุณ
มีความคล่องตัวและกระชุ่มกระชวยยิ่งขึ้น
ทั้งยังมีการเริ่มต้นในการจัดแนวทางด้วยพลังงานของมิติที่สูงกว่า
เพื่อเป็นการเสริมในกระบวนการเลื่อนระดับ
และช่วยดูดซับแสงสว่างให้แก่สนามพลังกายทิพย์
ซึ่งจะมีผลต่อทุกๆเซลล์ในการปฏิรูประบบปฏิบัติการของมนุษย์ของคุณ
ทั้งยังเป็นการช่วยเหลือในด้านอารมณ์และเจตจำนงค์
ให้มีความสอดคล้องกับตัวคุณเองเพื่อการเริ่มต้นใหม่ในทุกๆวัน
ที่เต็มไปด้วยความรู้สึกของความอ่อนเยาว์ที่สมบูรณ์แบบ
กับพลังแห่งเปลวไฟสีม่วงรอบ ๆ ตัวคุณ
ซึ่งเป็นแก่นแท้ของทั้งหมดทั้งมวล ....

ดังนั้น...จงใช้เวลาให้มากกับบริหารจิต
ด้วยการจินตนาการถึงพลังแห่งเปลวไฟสีม่วง
ที่โอบล้อมสนามพลังกายทิพย์ของคุณอยู่
และเมื่อใดก็ตามที่คุณได้เห็นสิ่งนี้ด้วยตาในของคุณแล้วละก็
จงเก็บภาพนั้นไว้ให้นานตราบเท่าที่จะทำได้
และให้นึกภาพของโลกที่ถูกโอบล้อมด้วยพลังแห่งแสงสีม่วง
ที่มีความงดงามตระการตาไว้สักครู่หนึ่ง
ก่อนที่จะออกจากการบริหารจิตในแต่ละครั้ง....
ซึ่งหากคุณทำเช่นนี้ได้ในทุกๆวันละก็
จะเป็นการช่วยในเรื่องของกระบวนการชะล้างของคุณได้มากยิ่งขึ้นทีเดียวนะ....

ต่อแต่นี้ไป....จงกล่าวทุกสิ่งทุกอย่างด้วยสัจจะของคุณเอง
เพราะวันเวลาของการพูดเพื่อเอาอกเอาใจผู้อื่น
ด้วยการหดแสงสว่างของตัวคุณเองมันได้ผ่านพ้นไปแล้ว
และก็อาจเป็นไปได้ที่การพูดสิ่งที่เป็นสัจจะของคุณเองนั้น
อาจจะไปทำให้ใครบางคนที่ยังคงใช้วิธีการเอาอกเอาใจ
และพลอยพยักเพยิดให้กับผู้อื่นนั้นไม่พอใจอยู่บ้าง
แต่การซื่อสัตย์กับการรักษาคุณธรรมที่อยู่ในตัวคุณนั้น
มันเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในขณะนี้นะ...
เพราะเมื่อใดที่คุณมีความซื่อสัตย์ต่อตัวคุณเองแล้วละก็
ความสับสนวุ่นวายและภาพลวงตา มันก็จะไม่มีที่อยู่อีกต่อไป
และคุณก็จะสามารถหลบหลีกหลุมพรางต่าง ๆ
ที่จะทำให้คุณหันเหไปจากเส้นทางของการให้บริการของแสงสว่างนั้นได้ด้วย ...

จงให้ความเป็นตัวของตัวท่านเองนั้นเป็นจริงขึ้นมา
และไม่จำเป็นต้องแสดงความหยาบคายกับการแสดงออกนี้
เพราะคุณสามารถพูดกับผู้อื่นด้วยความรักและความเมตตาได้นี่นะ....
แต่บางครั้ง ความจริงมันจะปรากฏออกมากับความโกรธ
ซึ่งก็ต้องให้ความสำคัญและตระหนักรู้
ว่าเขาผู้นั้นกำลังพูดออกมาจากอิทธิพลของการปรับเปลี่ยนพลังงานของกุณฑาลินี
ที่มาจาก Root chakra ของพวกเขาซึ่งเป็นพลังงานที่ทรงอานุภาพยิ่งนัก....

และนี่คือเหตุผลที่ว่า....
ทำไมพวกเราจึงแนะนำให้คุณคุณ ground กับโลกไว้ทุกๆวัน
เพราะนั่นจะเป็นการช่วยให้คุณมีความสมดุลย์และมีความสงบเกิดขึ้นในจิตใจ
ซึ่งถ้าหากมีพลังส่วนเกินที่ทำให้คุณรู้สึกเครียดและหงุดหงิดรำคาญใจละก็
มันก็จะถูกเชื้อเชิญให้ออกไปในขณะที่คุณเพลิดเพลินอยู่กับการเดินชมธรรมชาติ
หรือการได้ไปเดินในป่าเขาลำเนาไพรก็เป็นการช่วยให้จิตใจนั้นมีความสงบ
และสร้างความสมดุลย์ให้กับสนามพลังกายทิพย์ของคุณด้วยเช่นกัน....

การปรับตัวให้เข้ากับโลกภายใต้ฝ่าเท้าของคุณนั้น
จะนำมาซึ่งความมั่นคงในทุกๆพื้นที่อาศัยในชีวิตของคุณ
และเมื่อใดที่ระดับพลังงานภายในตัวคุณสูงขึ้น สูงขึ้น
การสร้างสรรค์ก็จะแสดงออกมาเพื่อให้เกิดการปฏิบัติการ
ซึ่งก็จะช่วยให้คุณสามารถปรับตัวเข้ากับพลังงานของความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
และเกิดความความสงบสุขได้เป็นอย่างดี....

จงเปิดโอกาสให้คุณเองได้ขีดเขียน ....แต่งกลอน
วาดภาพ....สื่อข้อความ....แต่งเพลง....ร้องเพลงหรือแค่ฮัมเพลงก็ยังดี

เมื่อใดที่คุณปล่อยให้การสื่อข้อความที่เต็มไปด้วยพลังแห่งการสร้างสรรค์ของคุณ
ที่มาในหลากหลายรูปแบบ และให้เป็นไปตามที่พวกเขาต้องการแสดงออก
เมื่อนั้น....คุณเองก็จะพบว่าคุณเป็นผู้ที่มีความสุขมากที่สุด
และเป็นผู้ที่มีความเบิกบานสำราญใจอยู่ตลอดเวลา
และเมื่อคุณมีความเบิกบานอยู่ตลอดเวลาแล้วละก็
ความคิดสร้างสรรค์ก็จะไหลเข้าสู่ความตระหนักรู้ของคุณ
ทำให้เกิดการระเบิดของแรงบันดาลใจที่พร้อมจะขยายตัวออกไป
พร้อมกับความรู้สึกอิ่มเอมในปรากฏการณ์บังเอิญที่เหลือเชื่อ (synchronicities)ที่เกิดขึ้นด้วย
ดังนั้น….จงทำตามคำแนะนำของภายในส่วนลึกของคุณเถอะนะ…
เพราะมันจะคอยกระตุ้นเตือน
และทำให้ชีวิตของคุณได้ค้นพบแต่การผจญภัยที่แสนวิเศษ….

****โลกเป็นหอยมุกของคุณ....จงตามหา"มุก"อันเลอค่านั้นดูซิ ! ****

ผู้ใดก็ตามที่ได้เดินอยู่บนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณมานานแสนนาน
เขาผู้นั้นก็จะย่อมรู้สึกได้แล้วถึงความอ่อนเยาว์ ความสงบ ความเบิกบาน
และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน....
ซึ่งถ้าหากคุณสามารถรักษาสนามพลังของคุณ
ให้รอดพ้นจากพลังงานของผู้อื่นได้ละก็
ความคงอยู่ในสภาพนี้จะคอยปกป้องคุณไว้
ไม่ว่าจะมีเหตุใด ๆเกิดขึ้นรอบๆตัวคุณก็ตาม....

จงเปิดประตูหัวใจและจิตใจให้คงโฟกัสอยู่ในสิ่งที่คุณต้องการสร้างสรรค์และบรรลุผล
เพราะความอดทนและความศรัทธาที่คุณได้เชื่อมโยงกับความสั่นสะเทือนในระดับสูงสุดนี้
เป็นสิ่งที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับคุณในเวลานี้
ขอให้ตั้งทัศนคติไว้ที่ “ความรัก”
และเบิกบานกับการเดินทางเพื่อให้จักรวาลได้ช่วยเนรมิตฝันของคุณเถอะนะ....

จงทำตามสัญชาติญาณของคุณเองดีกว่าคอยไปอาศัยคำพูดของผู้อื่น
และรู้สึกให้ลึกลงไปเลยว่า นี่คือคำแนะนำที่ผ่านมาถึงคุณจากจิตวิญญาณของคุณเอง
ซึ่งไม่ว่าอุปสรรค์หรือความท้าทายมันจะจ่ออยู่ตรงหน้าของคุณก็ตาม
ก็ขอให้รับรู้ว่าผลของมันก็จะออกมาด้วยดีเสมอสำหรับคุณ....

จงยอมรับทุกสิ่งทุกอย่างของความเป็นคุณ
เพราะนั่นจะทำให้คุณได้เห็นพระบัญชาอันศักดิ์สิทธิ์
และชีวิตที่ได้รับการปรับเปลี่ยนอย่างสมบูรณ์แบบของคุณ....

จงหลีกเลี่ยงกับการจับอยู่กับสิ่งที่เห็นภายนอกและความวุ่นวายของชีวิต
และให้พากันค้นหาแก่นสารสาระที่แท้จริงของชีวิตที่คุณต้องการ
และยอมรับทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นพระบัญชาอันศักดิสิทธิ์

จงชะล้างเขตแดนของคุณให้ใสสะอาด ทั้งที่เป็นจุดจบ และจุดเริ่มต้น
(จุดจบและจุดเริ่มต้นนี้น่าจะหมายถึง การเกิด ดับ นะ
Be clear about your own boundaries
And where you end and another begins. = ผู้แปล)

จงอยู่กับอารมณ์ของคุณเองและปล่อยให้พวกเขาอยู่กับอารมณ์ของพวกเขาเอง
เพราะนั่นเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้คุณมีความรู้สึกดีกับการให้ความเคารพต่อตนเอง

จงภาคภูมิใจในความสำเร็จทั้งหลายทั้งปวงของคุณ
และเฉลิมฉลองกับชัยชนะนี้นิดนึงนะ....

จงทำทางเลือกให้แก่จิตสำนึกเพื่อการสร้างสรรค์
และรักษาความสมดุลย์ของชีวิตคุณเอาไว้
ด้วยการสรรค์สร้างในสิ่งที่มีความเป็นไปได้
ที่จะนำคุณไปสู่การบรรลุเป้าหมายที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณที่กำลังจะมาถึง....


Until next week…
I AM Hilarion

 

แปลไปก็อึ้งไปอีกแล้วครับท่าน
ข้อความของครายออน

The Cosmic Lattice..

กำลังแปลควบ 2 ตอนรวด
และก็กะจะโพสต์รวดเดียวไปเลยครับ

สำคัญมาก เป็นคำตอบของหลายๆคำถามเลยทีเดียว
อย่างที่ไม่เคยมีข้อความไหนกล่าวถึงมาก่อน

......................................

 

รออ่านด้วยความตื่นเต้นไปด้วยครับ

 

แวะมาปูเสื่อรอ อิอิอิ

 

ขอบคุณล่วงหน้าเลยครับ..คุณชยุต

 

เห็นด้วยครับ

 

หลังจากห่างหายกระทู้นี้ไปนาน

เนื้อหาจาก "กระทู้world war Z จะกลายเป็นจริงขึ้นมา หากมาเลเซียแอร์ไลน์ไม่ถูกยิงตกที่ยูเครนซะก่อน"

ก็ทำให้ต้องกลับมาติดตามกระทู้นี้อีกครั้งนึง

 

แปลและโพสต์เสร็จแล้วนะครับ
อยู่ในลิงค์ข้างล่างนี้นะครับ

http://palungjit.org/threads/ข้อความจากต่างมิติ-โครงผลึกของเอกภพ-cosmic-lattice-part-1-2-a.537440/

..........................

 

อืมมม อึ้่งอย่างที่คุณชยุดว่าจริงๆด้วย แค่เปิดหัวมาก็ตรงแล้วเยี่ยมครับ

 

ตามที่ได้ตรวจดวงชะตาแล้วเห็นว่า
สัปดาห์นี้คงมีเหตุให้ไม่สะดวกในการโพสท์ข้อความของคุณ Hilarion เป็นแน่....
จึงตัดใจให้คุณชยุตช่วยแปลให้....ก็รอกันนิดนึงนะ....คิดว่าคงไม่นานหรอก
เพราะตอนนี้ดูเหมือนสารพัดพลังทั้ง แม่เหล็ก, Cosmic ก็ไปอัดแน่นอยู่ที่เขาหมดละ....

Until next week....
อจิตตะ....

 

ข้อความสื่อสารประจำสัปดาห์จากท่าน Hilarion
ประจำวันที่: 31 สิงหาคม ถึง 7 กันยายน 2014

ที่มา: HILARION 2014 - The Rainbow Scribe


(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)


ในขณะที่พวกคุณกำลังดำรงชีวิตผ่านไปในแต่ละวันนั้น
ให้พวกคุณกำหนดสติรู้เอาไว้ที่ศูนย์กลางหัวใจอันศักดิ์สิทธิ์ของตัวเอง
แล้วแผ่ส่งความรักและความเมตตาออกมาสู่ทุกผู้ทุกนามที่อยู่รอบๆตัวของพวกคุณ

ให้ฝึกฝนเช่นนี้อยู่เป็นประจำ จนกระทั่งว่ามันกลายไปเป็นธรรมชาติส่วนหนึ่งอันถาวร
ของประสบการณ์ของพวกคุณไปแล้วโน่นเลยหละ
เพราะว่าพวกคุณคือรูปธรรมชีวิตแห่งความรักและแสงสว่าง
นี่แหละคือเหตุผลที่ว่าทำไมพวกคุณถึงได้มาอยู่ที่นี่
ในช่วงเวลาแห่งความโกลาหลแบบนี้
เพราะว่าจิตใจที่สงบ และความรัก-ความเมตตาที่มีอยู่แล้วในตัวของพวกคุณนั้น
คือสิ่งที่กำลังเป็นที่ต้องการอย่างมาก

ซึ่งพวกคุณแต่ละคนก็มีศักยภาพที่จะสร้างให้เกิดความสงบและความสันติสุขที่ว่านี้ขึ้นมาได้อยู่แล้ว
ภายในขอบเขตแห่งการส่งผลกระทบของพวกคุณเองแต่ละคน ซึ่งขอบเขตที่ว่านี้
ก็มีความกว้างใหญ่ไพศาลมากมายเกินกว่าที่พวกคุณจะจินตนาการได้ ที่รักทั้งหลาย และขอบเขตนี้
ก็ยังจะไปช่วยทำให้ผู้ที่อยู่ภายในนั้นถูกยกระดับขึ้นได้อีกด้วย

เพราะฉะนั้นแล้ว จงเป็นพรอันประเสริฐของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ภายในรูปกายของมนุษย์ต่อไป
เพราะว่านี่แหละคือวัตถุประสงค์และโชคชะตาของพวกคุณหละ จงขจัดความลังเลสงสัยทั้งหลาย
ที่อาจจะเข้ามาแทรกแซงในจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของความเป็นมนุษย์ของพวกคุณ
และที่จะมาบอกให้พวกคุณเชื่อเป็นอย่างอื่น ทิ้งไปให้หมดเสีย

จงเชื่อมั่นในตัวเอง ว่า..พวกคุณคือผู้ที่ถือแสงสว่างและความรักเอาไว้อยู่จริงๆ
และว่า..พวกคุณกำลังช่วยเยียวยารักษาผู้คนที่อยู่รอบๆตัวของพวกคุณอยู่จริงๆ
และว่า..พวกคุณกำลังช่วยปลุกให้คนใกล้ชิดของตัวเองตื่นขึ้นมาอยู่จริงๆ
ด้วยการไปอยู่ตรงนั้นของพวกคุณเท่านั้นเอง
และว่า..สิ่งนี้จะเกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติในขณะที่พวกคุณกำลังดำรงชีวิตไปตามปกติของตัวเองอยู่

ในฐานะที่พวกคุณเป็นท่อนำส่งพลังงานจากเอกภพมาสู่ดาวเคราะห์โลกดวงนี้
พวกคุณจึงกำลังทำหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองอยู่ ด้วยการทำหน้าที่ในชีวิตประจำวันตามปกติของตัวเอง
ณ.สถานที่ๆพวกคุณแต่ละคนกำลังอยู่ในขณะนี้ บนดาวเคราะห์โลกดวงนี้แหละ
และหน้าที่ดังกล่าวนี้ก็จะสำเร็จลงได้ด้วยความสงบในหัวใจของพวกคุณ
เพราะว่าพวกคุณรู้ดีอยู่แล้วว่าแสงสว่างยามรุ่งอรุณของยุคใหม่กำลังทอประกายออกมาเพราะว่ามีพวกคุณช่วยอยู่แล้ว

งานอันสูงส่งทั้งหลายที่พวกคุณกำลังทำอยู่ ตามแผนงานอันศักดิ์สิทธิ์ของเบื้องบนนี้
มีความสำคัญอย่างมากต่อแผนการใหญ่ในครั้งนี้ เพราะว่าถ้าปราศจากพวกคุณแล้ว
ณ.สถานที่ๆพวกคุณกำลังอยู่นั้น มันก็จะขาดช่วงไป

จงเปิดใจยอมรับเอาสิ่งดีงามทั้งหลายของจักรวาลแห่งนี้ ที่กำลังหลั่งไหลเข้ามาในตัวของพวกคุณอยู่
และที่กำลังหลั่งไหลผ่านตัวของพวกคุณไปอยู่นี้ต่อไป
จงใช้ชีวิตในแต่ละวันด้วยความเบิกบาน และด้วยความรู้สึกขอบคุณสำหรับความอุดมสมบูรณ์ทั้งหลาย
ที่รายล้อมตัวพวกคุณอยู่

พวกคุณคือผู้ทำลายแมทริกซ์ของโลกยุคเก่า และนี่แหละคือวิธีการที่กำลังทำให้มันประสบผลสำเร็จอยู่หละ
แต่มันไม่ได้เกิดขึ้นด้วยการใช้กำลัง หรือใช้ความรุนแรงในการปฏิรูปแต่อย่างใดเลย
แต่มันเกิดขึ้นมาจากภายในของพวกคุณ และเกิดขึ้นเพราะความตั้งใจของพวกคุณเอง
ที่จะยอมให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทำงานของมันไป พวกคุณกำลังสร้างแม่แบบใหม่ให้กับประสบการณ์ของมนุษย์อยู่
และถ้ามีพวกคุณจำนวนมากขึ้นที่กำลังทำแบบนี้อยู่ด้วยเช่นกัน โดยการยอมรับและทำตามแนวคิดนี้แล้ว
พลังงานของมันก็จะเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ จนทำให้มันกลายไปเป็นโลกแห่งความเป็นจริง
ที่มนุษย์โลกทุกผู้ทุกนามจะได้มีประสบการณ์ในท้ายที่สุด

ในฐานะที่พวกคุณเป็นผู้ถือแม่แบบใหม่ของมนุษย์เอาไว้อยู่
มันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่พวกคุณจะต้องส่องแสงสว่างของตัวเองออกมาเท่านั้น
ซึ่งมันก็จะเป็นที่รับรู้ได้ของผู้ที่กำลังสังเกตการณ์ดูพวกคุณอยู่
ไม่ว่าพวกคุณจะเดินไปที่ไหนก็ตาม มันคือพลังงานที่ละเอียดอ่อนชนิดหนึ่ง
ที่คนอื่นๆจะสามารถรู้สึกได้แม้จะไม่รู้แน่ชัดว่ามันคืออะไรก็ตาม

แต่ว่าพวกคุณก็อย่าไปใส่ใจกับการทำงานของมัน และก็อย่าไปใส่ใจกับการแสดงออกของมันให้มากนัก
เพราะว่ามันเป็นสิ่งสำคัญมาก ที่ในการรับใช้มวลหมู่มนุษยชาติของพวกคุณในครั้งนี้
พวกคุณจะต้องคงอยู่ในความนอบน้อมถ่อมตนให้ได้อยู่เสมอ
และพวกคุณก็จะต้องไม่ปล่อยให้ ego ของมนุษย์ของพวกคุณลำพองตัวขึ้นมาได้ด้วย

การรับใช้มวลหมู่มนุษยชาติในครั้งนี้ของพวกคุณ มันมีความสำคัญมากซะยิ่งกว่าที่
ตัวตนภาคพื้นดินของพวกคุณจะสามารถเข้าใจได้ซะอีก เพราะว่าการมารับใช้ในครั้งนี้นั้น
มันเป็นพันธะสัญญาทางจิตวิญญาณของพวกคุณ ที่พวกคุณได้ทำกันขึ้นมาเองด้วยความรัก
ก่อนที่จะลงมาเกิดบนดาวเคราะห์โลกดวงนี้

พวกคุณแต่ละคนคือตัวตนภาคหนึ่งที่กำลังมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ ของพระผู้สร้าง-ผู้ซึ่งเปี่ยมไปด้วยความรัก
เพราะว่าพระผู้สร้างกำลังกำลังทำงานผ่านตัวของพวกคุณอยู่ และนี่แหละคือวิธีการที่พระผู้สร้างใช้
เพื่อขยายจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของทุกสรรพชีวิต ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของตัวเองออกไปหละ
และในตอนนี้พลังงานของพระผู้สร้างนี้ ก็กำลังไหลเวียนไปทั่วทั้งดาวเคราะห์โลกดวงนี้อยู่
และก็กำลังถูกจุดประกายขึ้นในหัวใจของมนุษย์โลกจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆอยู่อีกด้วย

พวกเราอยากจะขอให้พวกคุณลองใคร่ครวญดูถ้อยคำเหล่านี้ให้ดี
แล้วนำพวกมันไปใส่ไว้ในตัวตนแก่นแท้ที่อยู่ในส่วนลึกของพวกคุณเอง แล้วแนบมันไว้กับจิตวิญญาณของพวกคุณเอง
จงทำเช่นนี้เป็นประจำทุกวันจนเป็นนิสัย

และเมื่อใดที่พวกคุณแต่ละคนสามารถปลดปล่อยอิทธิพล
และอารมณ์ความรู้สึกของโลกยุคเก่า ออกไปจากเซลแต่ละเซลในร่างกายเนื้อ,
ในกายแห่งอารมณ์ และในกายแห่งจิตใจของตัวเองได้มากขึ้นกว่าเดิมแล้ว
นั่นก็เท่ากับว่าพวกคุณกำลังทำให้ “กายแห่งแสงสว่าง” (light body) ของตัวเอง
มีรัศมีเจิดจ้ากว้างไกลมากขึ้นกว่าเดิมด้วยเช่นเดียวกัน

ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้ก็จะต้องทำด้วยหัวใจและทำภายในหัวใจของพวกคุณเองด้วย
เพราะตอนนี้มันถึงเวลาที่จะต้องทำให้หัวใจและจิตใจของพวกคุณเอง
ทำงานร่วมกันอย่างเป็นหนึ่งเดียวกันให้ได้แล้ว
เพราะว่าความเป็นหนึ่งเดียวกันของหัวใจและจิตใจที่ว่านี้
คือกุญแจสำคัญสำหรับการขยายตัวต่อไปของภาคแสดง
และของจิตสำนึก/ความตระหนักรู้บนดาวเคราะห์โลกดวงนี้

และในขณะที่พวกคุณกำลังคร่อมอยู่ระหว่างโลกยุคเก่ากับโลกยุคใหม่ เพื่อทำหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์
ในการรับใช้มวลหมู่มนุษยชาติอยู่ในช่วงเวลานี้นั้น จงจำไว้ว่าพวกคุณแต่ละคนเป็นอะไรที่มากกว่า
สิ่งที่ภาคแสดงที่เป็นมนุษย์นี้ของพวกคุณเอง จะอนุญาตให้พวกคุณจดจำได้ซะอีก
พวกคุณได้อาสากันมาทำหน้าที่นี้เพื่อพี่ๆน้องๆของพวกคุณเอง และตอนนี้พวกคุณก็กำลังจะได้เห็นผลลัพธ์ของมันแล้ว
เพราะว่าหัวใจของพวกเขาเริ่มที่จะจุดประกายแสงสว่างขึ้นมาแล้ว!

หนทางข้างหน้ากำลังกวักมือเรียกพวกคุณอยู่ และความสุข-ความเบิกบานก็จะคือสภาวะใหม่ของมวลหมู่มนุษยชาติ
จงรักษาเป้าหมายนี้เอาไว้ให้ดี และจงอย่าได้สูญสิ้นศรัทธาในตัวเองไป
และรวมถึง จงอย่าได้สูญสิ้นศรัทธาในสิ่งดีงามทั้งหลายที่กำลังค่อยๆบังเกิดขึ้นอยู่แล้วในขณะนี้ไปเสีย

พวกคุณคือความมหัศจรรย์และคือปาฏิหาริย์ของโลกยุคใหม่ ที่กำลังค่อยๆโผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นมาเรื่อยๆอยู่นี้
เพราะว่าพวกคุณคือผู้ออกแบบและก็คือผู้สร้างโลกแห่งความเป็นจริงใหม่ ให้กับดาวเคราะห์โลกดวงนี้นั่นเอง
ภายในตัวของพวกคุณแต่ละคน และภายในตัวของผู้ที่กำลังตื่นขึ้นมาแต่ละคน
คือที่สถิตย์อยู่ของความสวยงามและความหวังของโลกยุคใหม่ เพราะฉะนั้นแล้ว จงมั่นคงอยู่ในความเป็นจริงนี้
จงมั่นคงอยู่ในเป้าหมายนี้ และจงอย่าลืม!..รักษาวิสัยทัศน์อันนี้เอาไว้ให้ดี

Until next week…

I AM Hilarion

................................................................

 

(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

"...ในพื้นที่ใหม่ของอวกาศนี้ ซึ่งเป็นพื้นที่ๆระบบสุริยะของพวกคุณทั้งระบบ
กำลังเคลื่อนที่เข้าไปอยู่นี้ มันก็จะมีฟิสิกส์อะไรบางอย่างที่แตกต่างออกไปอยู่
ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ของพวกคุณมองเห็นว่ามันคือรังสีชนิดใหม่ชนิดหนึ่ง
และในตอนนี้ระบบสุริยะของพวกคุณก็กำลังเคลื่อนที่เข้าไปในรังสีที่ว่านี้อยู่
(แต่ในความเป็นจริงแล้วก็คือ พวกคุณกำลังเคลื่อนที่ออกมาจาก “หมอก” ชนิดหนึ่งอยู่
ซึ่งเป็นหมอกที่อยู่กับพวกคุณมานานแสนนานแล้ว
ดังนั้นในตอนนี้พวกคุณจึงกำลังจะได้มีประสบการณ์กับชีวิตในแบบที่ไม่มีมันอยู่)..."

"...รังสีชนิดใหม่นี้ ที่ระบบสุริยะของพวกคุณกำลังเข้าไปใกล้มากขึ้นเรื่อยๆอยู่นี้
ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยปรับปรุง DNA ของพวกคุณให้ดีขึ้น มันคือส่วนหนึ่งของระบบ “ทางลัด”
ที่ได้เตรียมไว้ให้กับอารยธรรมของมนุษย์โลก ในกรณีที่พวกคุณสามารถผ่านพ้นวัฏจักรที่เรียกว่า
the precession of the equinoxes ไปได้ (ซึ่งก็คือทุกๆประมาณ 26,000 ปี
ซึ่งพวกเราก็ได้ผ่านพ้นมันมาแล้ว เมื่อปี 2012 ซึ่งเป็นปีแห่งการสิ้นสุดของยุคเก่า
และเริ่มต้นเข้าสู่ยุคใหม่ – ผู้แปล) ซึ่ง the precession of the equinoxes ที่ว่านี้
ก็คือสิ่งที่คนโบราณทั้งหลายพูดถึงกัน และแม้แต่ในคัมภีร์ทางศาสนาของพวกคุณเอง
ก็มีกล่าวถึงมันด้วย และเรียกมันว่า “กลียุค” หรือ “กาลสิ้นยุค” (end time) นั่นเอง

แต่ว่าทั้งหมดนี้ก็คือสิ่งที่ตั้งใจจะให้เกิดขึ้น เพราะว่ามันจะไปช่วยสร้างศักยภาพแห่งความเป็นไปได้
ในอันที่จะวิวัฒน์ไปให้รวดเร็วกว่าเดิม และว่องไวมากขึ้นกว่าเดิมให้เกิดขึ้น
เพื่อเข้าไปสู่โลกที่ไม่มีสงครามอีกต่อไป และมันก็จะช่วยทำให้เกิดการประดิษฐ์คิดค้นใหม่ๆขึ้นมาด้วย
และพวกคุณก็จะมีความสามารถในการแก้ปัญหาต่างๆในโลก 3 มิติของพวกคุณ
ที่ตอนนี้พวกคุณยังไม่สามารถแก้ไขได้อีกด้วย และอื่นๆอีกมากมาย..."

KRYON
......................................................................................................................
Ref: Kryon Channelling - Mt. Shasta, CA - June 14, 2014

 

ข้อความจาก Hilarion วันที่ 31 สค.-7 ก.ย. 2014

เป็นข้อความที่เนื้อหาสำคัญมากสำหรับช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ

 

บางส่วนของข้อความสื่อสารจากครายออน (Kryon)
เรื่อง: พลังอำนาจของความเมตตากรุณา (The Power of Compassion)

วันที่รับสาส์น: 6 กันยายน 2000
ผู้รับสาส์น: นาย Lee Carroll
ที่มา: KRYON - The Power of Compassion



(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

ความเมตตากรุณาคือตัวเร่งปฏิกิริยาด้านจิตวิญญาณ

ไม่ใช่เลย..อารมณ์ความรู้สึกที่ทรงพลังอำนาจมากที่สุดนั้นไม่ใช่ “ความกลัว” แต่อย่างใดเลย
และมันก็ไม่ใช่ “ความโกรธ” อีกด้วย ซึ่งฉันกำลังจะบอกพวกคุณว่ามันคืออะไรอยู่เดี๋ยวนี้แหละ
และฉันก็จะบอกพวกคุณว่าอารมณ์ความรู้สึกที่ว่านั้น มันก็คือคุณสมบัติหนึ่งของ “ความรัก” นั่นเอง
ซึ่งพวกคุณอาจจะพูดว่า “โอ..จริงแท้แน่นอนเลย พวกเรารู้อยู่แล้วว่าท่านจะต้องพูดแบบนี้”

ก็ใช่นะ..แต่ว่ามันก็ไม่ใช่ความรักซะทีเดียวหรอก! เพราะว่าพวกเรากำลังจะบอกพวกคุณว่าอารมณ์ความรู้สึกอันนั้นหนะ
มันมีคุณสมบัติเป็นจุดศูนย์กลางของภาษาที่สาม ซึ่งคำว่าภาษาที่สามในที่นี้ก็หมายถึงภาษาที่ใช้ติดต่อสื่อสารกัน
ระหว่างมนุษย์โลกกับตัวตนที่สูงกว่าของมนุษย์โลกเองนั่นเอง และอารมณ์ความรู้สึกดังกล่าวนี้
มันก็ยังมีอะไรบางอย่างที่ทำหน้าที่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาของพลังอำนาจอยู่อีกด้วย

อารมณ์ความรู้สึกนั้นมันมีชื่อว่า “ความเมตตากรุณา” (compassion)

แต่มันก็เป็นเรื่องยากที่จะอธิบายเจ้าภาษาที่สามที่ว่านี้ เพราะว่ามันเป็นของหลากมิติ
แต่ว่าเมื่อใดที่มนุษย์โลกรู้สึกถึงความเมตตากรุณาอย่างแท้จริงที่มีต่อครอบครัวมนุษย์ด้วยกันเอง, หรือที่มีต่อตัวเอง
หรือที่มีต่อดาวเคราะห์โลกดวงนี้ได้แล้ว มันก็จะมีพลังงานแห่งการติดต่อสื่อสารชนิดหนึ่งถูกสร้างขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
จนพวกคุณสามารถรู้สึกถึงมันได้

ซึ่งพวกคุณบางคนก็เคยรู้สึกถึงมันมาแล้วในช่วงที่พวกคุณทำสมาธิ ส่วนพวกคุณบางคนก็อาจจะมองหาความรู้สึก
ที่พิเศษอะไรบางอย่างในระหว่างที่สวดมนต์หรืออธิษฐานจิตอยู่ และแล้วความรู้สึกเมตตากรุณาก็ผุดขึ้นมา

มีพวกคุณสักกี่คนที่สามารถรับรู้ ถึงความรู้สึกที่ “ตอบกลับมา” แบบนี้ได้บ้าง ในระหว่างที่พวกคุณทำสมาธิ
ซึ่งมันอาจจะเป็นความรู้สึกที่เอิบอาบไปทั่วทั้งร่างกายของพวกคุณ หรือว่าเป็นความรู้สึกซ่าๆ
หรือว่าเป็นความรู้สึกที่เหมือนกับว่ามีอะไรมาสัมผัสที่ศรีษะของพวกคุณก็ได้? และมีใครบ้างที่รู้ว่ามันคืออะไร?
นั่นก็เพราะว่าพวกคุณได้นำพาตัวเองให้ไปถึงจุดที่จะสามารถรู้สึกถึงและมีประสบการณ์กับพลังงานของความเมตตากรุณาได้แล้วหนะสิ
ซึ่งพลังงานดังกล่าวนี้ก็จะไปกระตุ้นให้เกิดการติดต่อสื่อสารขึ้น ดังนั้นพวกคุณจึงรู้สึกถึงการตอบกลับมา
ของพลังงานของผู้นำทาง (guide) และของตัวตนที่สูงกว่า (Higher Self) ของพวกคุณเองได้ยังไงหละ

พวกเรากำลังบอกพวกคุณว่า “ความเมตตากรุณา” คือตัวกระตุ้นอย่างหนึ่ง
ในระหว่างการติดต่อสื่อสารของพวกคุณกับวิญญาณเบื้องบน (Spirit)
มันไม่ได้เป็นแค่ภาษาหรือพลังงานเพื่อการร้องขอ หรือเพื่อการรับเอาความรักกลับมาเท่านั้น
เพราะว่าพวกเรากำลังพูดถึงการสร้าง “พลังงานแห่งความรักที่หนาแน่น” ขึ้นมาอยู่
ซึ่งความเมตตากรุณานี้เองคือกุญแจสำคัญ เพราะว่าเมื่อใดที่พวกคุณรู้สึกถึงความเมตตากรุณาได้แล้ว
ความเมตตากรุณานี้มันก็จะถูกส่งกลับมาหาพวกคุณภายในช่องทางแห่งการสื่อสารแบบสองทางนี้ด้วยเช่นเดียวกัน

พวกคุณจะเริ่มรู้สึกถึงพวกเราได้ ก็ต่อเมื่อพวกคุณสามารถรู้สึกถึงพลังงานแห่งความเมตตากรุณา
ที่มีอยู่ในตัวของพวกคุณเองได้แล้วเท่านั้น เพราะว่ามันจะทำให้เกิดการติดต่อสื่อสารขึ้น
มันจะแปลความหมายของสิ่งที่ไม่อาจแปลความหมายได้ออกมา

พวกเรามาอยู่ที่นี่เพื่อที่จะบอกพวกคุณว่าความเมตตากรุณา
คือคุณสมบัติของพวกคุณเพียงเผ่าพันธุ์เดียวเท่านั้น
เพราะว่าสัตว์ทั้งหลายไม่สามารถที่จะรู้สึกถึง
ความเมตตกรุณาอันศักดิ์สิทธิ์แบบนี้ได้เหมือนพวกคุณ
และสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆที่อาศัยอยู่บนดาวเคราะห์โลกของพวกคุณ
ก็ไม่สามารถที่จะสร้างพลังงานชนิดนี้ขึ้นมาได้ด้วยเช่นเดียวกัน
และรวมถึงมนุษย์ต่างดาวทั้งหลายด้วย ที่กำลังมาเยือนโลกของพวกคุณอยู่ในขณะนี้
ก็ไม่มีใครสามารถทำเช่นนี้ได้ด้วยเช่นเดียวกัน...

...ถ้าพวกคุณต้องการที่จะทำให้ชีวิตของตัวเองมีพลังอำนาจขึ้นมาหละก็
และถ้าพวกคุณต้องการที่จะเชื่อมต่อกับตัวตนที่สูงส่งกว่าของตัวเองให้ได้อย่างรวดเร็วหละก็
จงเรียนรู้ที่จะทำให้ความเมตตากรุณางอกงามขึ้นมาในตัวเอง
จนรู้สึกถึงมันให้ได้ในจิตวิญญาณและในหัวใจของพวกคุณเอง
จงมีความเมตตากรุณาต่อคนอื่นๆที่อยู่รอบๆตัวพวกคุณ
จงมีเมตตากรุณาต่อสถานการณ์ต่างๆที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่
จงมีเมตตากรุณาต่อมนุษยชาติด้วยกันเอง และต่อโลกใบนี้ด้วย
จงจินตนาการถึงสิ่งที่พวกคุณปราถนา ซึ่งนั่นแหละคือการร่วมสร้างสรรค์พวกมันขึ้นมาหละ
จงจินตนาการว่าตัวพวกคุณเองปราศจากโรคภัยไข้เจ็บใดๆทั้งสิ้น,
ปราศจากความวิตกและความกังวลใดๆทั้งสิ้น แล้วจากนั้นก็จงปลาบปลื้มอยู่กับความรู้สึกนั้นให้ได้จริงๆ!
จงเฉลิมฉลองให้กับการดำรงอยู่อย่างบริสุทธิ์ของพวกคุณเอง...

...“ความเมตตากรุณา” (compassion) คือรหัสของภาษาที่สาม ซึ่งเมื่อใดที่พวกคุณสามารถนำมันมาใช้งาน
ในระหว่างที่ทำสมาธิหรือสวดมนต์ภาวนาหรือจินตนาการได้แล้ว คำตอบทั้งหลาย และวิธีการแก้ปัญหาทั้งหลาย
ก็จะพรั่งพรูออกมา ความเมตตากรุณาคือผู้ที่ทำให้เกิดปรากฎการณ์ synchronicity ขึ้น
ความเมตตากรุณาคือที่ผู้สร้างโลกแห่งความเป็นจริงของพวกคุณขึ้นมา
ความเมตตากรุณาคือผู้ที่ทำให้เกิดการเยียวยารักษาขึ้นในร่างกายของพวกคุณ
ซึ่งตลอดระยะเวลายาวนานในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา เหล่าคุรุทั้งหลายที่เคยสั่งสอนพวกคุณมา ทุกผู้ทุกนาม
ต่างก็มีความเมตตากรุณาด้วยกันหมดทั้งสิ้น พวกคุณเคยมองเข้าไปในดวงตาของพวกเขาไหม๊?
พวกคุณมองเห็นความเมตตากรุณาในนั้นไหม๊?

แล้วพวกคุณก็อาจจะพูดว่า “ครายออน ฉันจะทำอย่างนั้นได้อย่างไร?
เพราะว่าพวกท่านได้กลายไปเป็นปูชนียบุคคลในประวัติศาสตร์ไปซะแล้ว”

โอ..สิ่งมีชีวิตที่คิดแบบเป็นเส้นตรงเอ๋ย พวกคุณยังไม่เข้าใจเชื้อสายเผ่าพันธุ์ของตัวเองอีกหรือ?
แน่นอนสิ..พวกคุณทำได้อยู่แล้ว พวกคุณสามารถที่จะมองเข้าไปในดวงตาของพวกเขาเหล่านั้นได้อยู่แล้ว
แม้ในขณะนี้ก็ตาม เพราะว่าผู้อวตารทั้งหลายทั้งในอดีตและในปัจจุบันของดาวเคราะห์โลกดวงนี้
ล้วนแล้วแต่พร้อมที่จะให้พวกคุณไปเยี่ยมได้ทุกเมื่อในกาลเวลาแบบ 4 มิติของพวกคุณเองนี่แหละ

(หมายเหตุ: ตรงนี้ครายออนหมายถึง แม้ว่าเหล่าผู้นำทางและคุรุทั้งหลายได้ตายจากโลกใบนี้ไปแล้วก็ตาม
แต่พลังงานส่วนหนึ่งของพวกเขา ก็จะยังคงอยู่กับดาวเคราะห์โลกเสมอ และอยู่ในสนามพลังงานของพวกเราเองด้วย – ผู้แปล)

คราวนี้พวกคุณก็รู้แล้วใช่ไหม๊? จงมองเข้าไปในดวงตาของพวกเขา
แล้วสิ่งแรกที่พวกคุณจะได้เห็นก็คือ “ความเมตตากรุณา”
ที่มีอยู่อย่างเที่ยงแท้และมีอยู่ตลอดเวลาของพวกเขา
เพราะว่ามันเป็นภาษาของพวกเขา!...

...ในห้องที่เต็มไปด้วยมนุษย์ผู้ประเสริฐจำนวนเท่านี้ (พูดถึงคนจำนวนประมาณ 250 คนที่กำลังอยู่ในห้องนี้)
ถ้าทุกๆคนร่วมใจกันจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งด้วยความเมตตากรุณาแล้วหละก็
พวกคุณก็จะต้องแปลกใจในสิ่งที่พวกคุณสามารถทำได้ นั่นแหละคือความยิ่งใหญ่อลังการของพลังงานและของสิ่งที่มันทำได้หละ

แล้วพวกคุณคิดว่าในตอนปี ค.ศ.2000 นั้น พวกคุณได้สร้างโลกแห่งความเป็นจริงอันใหม่
ขึ้นมาให้กับดาวเคราะห์โลกดวงนี้ได้ด้วยวิธีไหนหละ?
อะไรหละคือสิ่งที่ทำให้คำพยากรณ์เกี่ยวกับวันสิ้นโลกทั้งหลายต้องกลายเป็นโมฆะไป?

นั่นก็เพราะว่าก่อนหน้านั้น คือในช่วงปี ค.ศ.1963 ถึง 1987
มันมีจำนวนมนุษย์โลกผู้ที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณาจำนวนมากพอแล้วหนะสิ
ดังนั้น มนุษย์โลกจึงคือผู้ที่เปลี่ยนแปลงความเป็นไปของสิ่งต่างๆเหล่านั้น
และตอนนี้ฉันก็กำลังนั่งอยู่ต่อหน้าของผู้คนที่ได้ทำให้มันเกิดสิ่งนั้นขึ้นหลายคนเลยหละ!
ดังนั้นที่นี่มันจึงมีความรักอบอวลไปทั่ว ! เพราะว่ารอบๆเก้าอี้ที่พวกคุณกำลังนั่งอยู่นี้
พวกเรากำลังเฉลิมฉลองให้กับมนุษย์โลกอยู่!
พวกเรากำลังเฉลิมฉลองให้กับครอบครัวของพวกเราอยู่!...

...ในขณะที่พวกคุณกำลังอ่านหน้ากระดาษแผ่นนี้อยู่นี้ มันมีทวีปอยู่ทวีปหนึ่ง
ที่ไม่เคยมีโอกาสที่จะได้ตื่นขึ้นมาอย่างเต็มที่ อย่างที่พวกคุณมีกันอยู่ในขณะนี้เลย
แต่ว่าพวกเขาก็มีส่วนเกี่ยวข้องสงครามโบราณและเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับเผ่าพันธุ์เก่าแก่ด้วยเช่นเดียวกัน
(พูดถึงสงครามศักดิ์สิทธิ์และเผ่าพันธุ์เก่าแก่ในกรุงเยรูซาเล็ม – ผู้แปล)
พวกเขาก็มีความกลัวและความเกลียดชังด้วยเช่นเดียวกัน
พวกเขาก็ต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดไปวันๆอยู่บนเส้นทางสายจิตวิญญาณนี้ด้วยเช่นเดียวกัน
แต่ที่น่าขำก็คือ พวกเขากำลังอยู่บนสถานที่ๆเป็นจุดก่อกำเนิดของมวลหมู่มนุษยชาติ
ที่มีอยู่บนดาวเคราะห์โลกในขณะนี้อยู่ แต่ว่าพวกเขากำลังตกอยู่ในความทุกข์ยากลำบากอยู่

นี่ไม่ใช่ประเด็นทางการเมืองหรอกนะ เพราะว่า Spirit จะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพรรณนี้
ไม่เลย..แต่ว่านี่เป็นเรื่องของครอบครัวต่างหากหละ
ดังนั้น ผู้ที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณาทั้งหลาย
ครั้งต่อไปถ้าพวกคุณนั่งลง (นั่งสมาธิ – ผู้แปล)
ก็ขอให้พวกคุณสร้างพลังงานแห่งความเมตตากรุณาขึ้นมา
แล้วแผ่ส่งมันออกไปสู่ทุกๆประเทศ และสู่ครอบครัวมนุษย์ทุกๆเผ่าพันธุ์ของพวกคุณ
ที่อยู่ในทวีปแห่งนั้น ที่พวกคุณเรียกกันว่า “ทวีปแอฟริกา”

เมื่อ 11 ปีก่อน พวกเราได้เคยบอกพวกคุณไปแล้วว่า จะมีชาวโลกจำนวนหนึ่งที่จะต้องจากโลกนี้ไปก่อน
เพื่อที่จะช่วยให้การเปลี่ยนแปลง ณ.กาลสิ้นยุคนี้เป็นไปได้สะดวกขึ้น (ข้อความนี้อยู่ใน Kryon Book 1)
และตอนนี้พวกคุณกำลังเห็นมันเกิดขึ้นอยู่ (พูดถึงการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในกรุง Kosovo ตั้งแต่ปี 1990
จนถึงปี 1999 และอื่นๆ – ผู้แปล) แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้พวกคุณก็กำลังอยู่ในยุคพลังงานใหม่อยู่ด้วย
ที่พวกคุณสร้างมันขึ้นมาเอง และเพราะฉะนั้นแล้ว พวกคุณจึงเริ่มที่จะรู้แล้วว่า
พวกคุณสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงมันได้ด้วย! แล้วพวกคุณต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงมันหรือเปล่าหละ?

โอ..ครอบครัวที่รักทั้งหลาย เมื่อเทียบกับผู้ที่อยู่ในดินแดนอื่นๆแล้ว
ก็ถือว่าพวกคุณคือผู้ที่เกิดมาพร้อมกับความมั่งคั่งทางจิตวิญญาณก็ว่าได้
จงแผ่ส่งความเมตตากรุณาของพวกคุณไปให้กับทวีปแอฟริกาด้วยเถิด
เพราะว่าพลังงานนี้ของพวกคุณจะไปทำให้โลกทั้งโลกนี้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
จงจินตนาการว่าครอบครัวของพวกคุณที่อยู่ในทวีปแอฟริกานี้มีแต่ความอุดมสมบูรณ์
จงจินตนาการว่าพวกเขามีอาหารการกินมากมายก่ายกอง
และมีสุขภาพพลานามัยที่สมบูรณ์แข็งแรงกันทั่วหน้า

แต่ไม่ต้องไปตั้งคำถามว่ามันจะเป็นไปได้อย่างไรหรอกนะ!

แต่แค่ให้จินตนาการว่ามันเป็นไปแล้วตามนั้นก็พอแล้ว!
จงจินตนาการว่าทุกๆปัญหาได้ถูกแก้ไขไปจนหมดแล้ว
จงจินตนาการว่าพวกเขามีสติปัญญาเฉลียวลาดและมีความรักใคร่สามัคคีกันดี
จงจินตนาการว่าพวกเขามีความสงบสุข!...

KRYON

.................................

 

A Powerful Influx of Multidimensional Light
a message from Kara Schallock
Wednsday, 03, September, 2014
A Powerful Influx of Multidimensional Light > Kara Schallock
ผู้แปล: อจิตตะ

วันนี้.... 3 กันยายน ซึ่งก็มาถึงช่วงเวลาของการเริ่มต้นพลังแห่งแสงจันทร์อีกครั้ง
ซึ่งบางคนก็เรียกว่าเป็น gateway....ซึ่งก็เป็นคำพูดที่โบราณ
เพราะพวกเราได้ไปไกลเกินกว่าคำนี้ซะละ....
มันน่าจะพูดว่า นั่นคือการไหล่บ่าของพลังงานของมิติที่สูง
ที่ได้สอดประสานผ่านเราเพื่อการปลุกรหัสของจิตวิญญาณที่ยังคงนอนนิ่งอยู่
ให้ตื่นขึ้นมารับกับ Source Codes ที่แท้จริง
และเป็นพลังงานตื่นรู้ที่มารองรับในอำนาจของพระเจ้า
ซึ่งการตื่นรู้ที่เพิ่มขึ้นนี้ก็จะไปชะล้างในส่วนที่เรายังไม่เชื่อ
ว่าพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่เหนือสิ่งอื่นใดคือ “ความรัก” นั้นออกไป
ฉนั้น....จึงต้องมีการเร่งรีบในการดาวน์โหลดพลังงาน
ที่เต็มไปด้วยประสิทธิภาพเพิ่มอีกครั้งในวันที่ 9 กันยายน
ด้วยพลังงานอันยิ่งใหญ่ของคืนพระจันทร์เต็มดวงในวันที่ 8 กันยายน
ซึ่งในวันที่ 9 กันยายน นี้ จะเป็นวันที่นำพวกเราสู่การอัพเกรด
ส่วนในวันที่ 9 กันยายนในปีถัด ๆ ไป
ก็จะเป็นการเริ่มต้นการอัพเกรดของคนรุ่นต่อ ๆ ไป....
ดังนั้น....สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ จงตั้งอยู่กับการตื่นรู้
และมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะรับการดาวน์โหลดในครั้งนี้นะ....

ในระหว่างนี้....ผู้ที่มีความประสงค์ที่จะรับการดาวน์โหลดในครั้งนี้
พวกเขาจะมีจิตสำนึกของพระเจ้าจากแหล่งกำเนิดของจิตสำนึก
ที่จะเพิ่มขีดความสามารถให้มากยิ่งขึ้น....
ส่วนผู้ที่เพิ่งตื่นขึ้นนั้น พวกเขาก็จะเริ่มเปิดใช้งานจิตสำนึกของพระเจ้านี้
ด้วยการนำความรู้ที่ดีๆให้เข้าไปสู่สิ่งที่ไม่ได้ช่วยในการปรับจิตวิญญาณ....
และแสงสว่างที่เริ่มต้นขึ้นในวันนี้จะมุ่งเน้นไปในสิ่งที่ยังไม่สมดุลย์และยุ่งเหยิงอยู่
มันจะไหลผ่านกายเนื้อและเคลื่อนไปสู่ Gaia
เพื่ออัพเกรดโลกใหม่ของเธอ (for an upgrade of Her New Earth Grid)
กับผู้ที่พร้อมที่จะรับการรับแสงสว่างนี้

ดังนั้น....จงเปิดรับไว้นะ....และจงขจัดอาการต่อต้านขัดขวาง
และความเคลือบแคลงระแวงสงสัยนั้นออกไปเสีย
ควรต้องรู้ว่า พวกคุณได้อยู่ในที่ที่เหมาะสมต่อจุดมุ่งหมายที่สูงยิ่งขึ้นนี้
ในการเพิ่มความสั่นสะเทือนให้แก่โลก และผู้ที่อาศัยอยู่รอบ ๆ พื้นที่ของคุณแล้ว....
และที่ต้องรู้มากกว่านั้นคือ ณ.ที่นั่น มีเส้นสาย(leylines)โยงใยผ่านตลอดจาก Gaia
ซึ่งเดินทางผ่านทั่วโลกโดยสัญญาณ web ในการเชื่อมโยงถึงกัน
เพื่อให้แสงสว่างจากพระเจ้านี้ได้ไหลไปสู่เส้นสายใยในพื้นที่ที่คุณอยู่อีกด้วย….
จึงขอให้ทุกท่านจงมุ่งมั่นอยู่กับวิวัฒนาการขั้นสูงนี้เถอะนะ…

ส่วนหนึ่งของวิวัฒนาการของคุณในครั้งนี้
“แสงสว่าง” จะแสดงให้เห็นว่าจุดใดที่ยังเป็นข้อจำกัดหรือความคับแคบของคุณ
ซึ่งต้องใช้ทั้งความกล้าหาญและความมุ่งมั่น
ในการที่จะปลดปล่อยมันออกไปจากต้นตอของจิตใจด้วยความเต็มอกเต็มใจ
ทั้งผู้ที่ยังคงอยู่ในความสะดวกสบายและผู้ที่ยังไม่พ้นไปจาก “ความกลัว” ด้วย
เพราะผู้คนเหล่านี้มักจะชี้นำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องให้กับโลกและผู้อื่น
และทำตัวเหมือนว่าตนนั้นดีกว่าและสูงกว่าพวกเขา
นี่แหละ….คือกับดักของมิติที่ 3 และ มิติที่ 4 ล่ะ
และเมื่อพูดถึง มิติที่ 4 ก็ดูเหมือนจะคล้าย ๆมิติที่ 3 ในเรื่องความเป็นคู่/
สิ่งที่มีอยู่จริงและ เรื่องของฤทธิ์....
ซึ่งฉันค่อนข้างที่จะออกมาจากเรื่องเหล่านี้แล้วล่ะ....
ฉันได้หันมาโฟกัสกับมิติที่สูงกว่าของ “ความรัก แสงสว่าง และความเป็นหนึ่งเดียวกัน” แล้ว
ฉันเลือกที่จะไม่ยึดอยู่กับเรื่องของ “ความเป็นคู่” ละ
และก็อย่างที่คุณรู้ๆนั่นแหละ...ต่างคนต่างก็เลือกเส้นทางของตนเองได้ทั้งนั้น....
ซึ่งนี่ก็เป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับฉันที่ไม่มีส่วนร่วมกับในเรื่องความเป็นคู่อีกต่อไป....
และนี่แหละ คือกุญแจของการหยั่งรู้ล่ะ....

ได้ตั้งข้อสังเกตุว่าผู้คนยังคงโฟกัสอยู่ในเรื่องของ สติปัญญา
ซึ่งต้องเพิ่มความรู้และเพิ่มข้อมูลให้มากขึ้นไปเรื่อย ๆ
และนี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณต้องอ่านด้วยหัวใจของคุณ
เพื่อตัดสินใจให้ได้ว่า....ที่มันอัดแน่นอยู่ในหัวซึ่งยึดอยู่กับกระบวนการนั่นน่ะ
มันทำให้คุณตกอยู่ในความคิดของทวิภาวะ
หรือ เกิดความรู้สึกรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน (กับข้อความ=ผู้แปล)
ซึ่งนี่คือความตั้งใจของฉันที่คุณสามารถรู้สึกได้ว่า
ทุกคำพูดที่ฉันได้แบ่งปันนี้ มันไม่ได้อ่านง่าย ๆ ด้วยสติปัญญาธรรมดา ๆ หรอกนะ....
เพราะในทุกๆตัวอักษร... ฉันได้ส่งให้ด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยแสงสว่างและความรัก
และด้วยความปรารถนาที่จะให้หัวใจและจิตวิญญาณของพวกเขาได้มีการพัฒนายิ่งขึ้น....

หลายคนรู้สีกได้ว่ากระบวนการทั้งหมดของการเลื่อนระดับนี้มันช่างยาวนานเหลือเกิน
แต่ก็มั่นใจได้เลยนะว่า มันต้องเสร็จสิ้นในเดี๋ยวนี้แหละ....
ใช่ละ....เพราะมันนานเกินกว่าที่จะมีต่อไปได้ละ....
แต่ลำดับต่อไป.... การเลื่อนระดับใหม่ก็ต้องมีการเริ่มต้นขึ้นอีกแหละ
และสำหรับผู้ที่เลื่อนระดับแบบไม่สิ้นไม่สุดและต่อเนื่องนี้
เขาจะต้องใช้ลมหายใจช่วย และต้องอดทน
ที่จะตั้งมั่นอยู่กับ “ปัจจุบันขณะใหม่” (New Now)
ด้วยการไม่ตั้งหวังหรือร้องขอแต่อย่างใด
ก็มีบางคนนะ ที่ต้องการออกจากกระบวนการนี้....
ซึ่งแน่นอน นั่นก็เป็น “ทางเลือก”ของแต่ละคน
แต่ก็ได้โปรดเตือนใจตนเองว่า ....หากนี่คือคุณ....
ซึ่งไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นภายในตัวคุณ และรอบ ๆ ตัวคุณนั้น
มันคือจุดประสงค์เพียงอย่างเดียวที่คุณได้ลงชื่อไว้
ก่อนที่คุณจะเลือกมาเกิดบนโลกใบนี้ในยุคนี้.... เพื่อให้คุณได้พัฒนา

ผู้คนที่เต็มไปด้วยคำว่า ชีวิตใหม่ ชีวิตเก่า
ที่มันช่างเหมือนห่างไกลจากความทรงจำเสียเหลือเกินนั้น
พวกเขาเหล่านั้นได้หลุดจากบทบาทละครของความเป็นทวิภาวะแล้ว
และโฟกัสพร้อมกับเดินหน้าต่อไปอยู่กับเส้นทางของการเลื่อนระดับเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ซึ่งเมื่อใดที่พวกเขาได้มุ่งมั่นอยู่กับการพัฒนาจิตวิญญาณของเขาละก็
พวกเขาจะเห็นสัจจะ และ สัจจะนั้นก็คือ “ความรัก”
และพวกเขาก็จะรู้ว่า ทุกอย่างนั้นสอดคล้องสมบูรณ์แบบได้ก็ด้วย “ความรัก”
ทั้งความตื่นเต้นในแต่ละวันก็สามารถเห็นได้ชัดว่าอะไรเป็นตัวนำมา
ซึ่งนั่นก็ต้องขึ้นอยู่กับพื้นฐานของจิตสำนึกด้วยนะ....
และนี่แหละ....การเลื่อนระดับที่แท้จริงนั้น มันจึงเป็น “งานของภายใน”

แต่เมื่อใดที่คุณเลือกที่จะเชื่ออย่างเต็มที่กับการพัฒนาจิตวิญญาณของคุณ
ทุกอย่างมันก็ตกลงไปสู่ที่ตรงนั้นทันที
ซึ่งคล้ายกับซ่อมเสียง ที่มี สเกลเสียงจาก 1 ถึง 10….
แล้วตรงไหนกันนะ ที่จะเป็นปัจจัยที่ทำให้คุณมีความเบิกบาน ?
แล้วตรงไหน ที่จะเป็นปัจจัยให้คุณรู้สึกในความรัก ?
(กับสิ่งที่เปิดเผยออกมาแต่ไม่เคยทำให้ชีวิตคุณเปลี่ยนแปลงเลย)
และก็นี่แหละที่จะทำให้คุณได้รู้ว่า…. ตอนนี้คุณอยู่จุดไหนกันแน่….
เพราะหากคุณร้องขอ หรือ ตั้งความหวังกับบางสิ่งบางอย่างที่แตกต่างออกไป
คุณก็อยู่และห่างไกลเหลือเกินกับ “ความใหม่”
แต่เมื่อคุณอยู่กับ “ความใหม่” แล้วละก็
คุณก็จะเบิกบานอยู่กับ “สิ่งที่เป็นอยู่”
และใครก็ตามที่ยอมจำนนกับ “สิ่งที่เป็นอยู่” ละก็
นั่นก็เท่ากับมีความพร้อมที่จะรับการเลื่อนระดับสู่ “สิ่งใหม่” ต่อไปอีก

แล้วนี่คุณยังคิดที่จะอยู่กับความสมบูรณ์แบบ
ชนิดที่สนุกอยู่กับ"ความรัก" ที่มีตัวมีตนที่อยู่ภายนอกของคุณ
หรือกับบางสิ่งที่ต้องได้มาหรือหวังว่าจะได้มา
ที่มันไม่ใช่ธรรมชาติของคุณที่เป็นอยู่อีกหรือเปล่า ?
ซึ่งหากมันยังคงเป็นอย่างนั้นอยู่ละก็....
ก็ขอนำเสนอพลังงานใหม่นี้ ที่จะช่วยให้คุณได้เลื่อนระดับ....ถ้าคุณเลือกนะ....
เพราะเมื่อคุณได้รู้อย่างแท้จริงว่าคุณคือ “ความสมบูรณ์แบบ”ที่แท้จริงละก็
จงคอยดูให้ดีนะ ว่าชีวิตของคุณมันได้เลื่อนระดับ
และได้มีการปรับการเลื่อนระดับจิตวิญญาณที่สมบูรณ์แบบแบบนี้
ด้วยสิทธิ์ที่คุณได้เกิดมานั้นเช่นไร....

แต่ก็อย่างว่า....สัจจะที่คุณถือไว้ภายในนั้นมันจะปรากฏออกมา....
เมื่อคุณพูดว่า.... “ผมไม่สามารถทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ได้”
หรือ “ผมคิดว่าผมทำได้หากมีสิ่งนั้นสิ่งนี้”...ฯลฯ
นี่แหละคือวิธีปรับจิตวิญญาณที่เรียกว่า “ขาดสติ” ของคุณ....
ดังนั้น เมื่อใดก็ตามที่คุณทำสมาธิและหรือฝันว่าได้อยู่ในที่ที่สวยงาม
และหรือได้รับของบางอย่างที่มีค่าซึ่งส่งถึงเฉพาะคุณคนเดียว
นั่นก็รู้ไว้ซะ....ว่านั่นแหละ คือ ความสมบูรณ์แบบของจิตสำนึกที่ได้รับการเลื่อนระดับล่ะ....

ก็ให้รู้เพิ่มกันอีกหน่อยนะว่า....แสงสว่างที่พวกเรากำลังรับอยู่นี่มัน “หลากหลายมิติ”
ดังนั้น มันจึงไม่จำเป็นต้องไปโฟกัสแต่มิติที่ 5 หรือ มิติที่ 6 หรอกนะ
เพราะพวกเราต่างก็เป็นผู้หลากหลายมิติอยู่แล้ว
จึงสามารถรับแสงสว่างจากมิติใดก็ตาม ที่พวกเรามีความพร้อม
ซึ่งก็รับได้ตั้งแต่ มิติที่ 5 ถึงมิติที่ 13 กันเลยทีเดียว
เพราะก็มีบางคนในกลุ่มของคุณที่เขากำลังรับในมิติที่ 13 เลยก็มี
และมิติที่ 13 นี้ ก็เป็นมิติที่สูงสุดสำหรับกายเนื้อของพวกเราในขณะนี้
ซึ่งทั่วๆไปก็ว่ากันอย่างนั้น
ส่วนหลากมิติ ที่กำลังรับกันอยู่นี้ ก็จะอัพเกรด ไปในเรื่องที่รู้กันอยู่แล้ว
นั่นก็คือ “ความรัก” และก็ ”ความว่างเปล่า”
ซึ่งด้วยความมั่นใจในกระบวนการนี้ของคุณนั้น
มันก็จะปลดปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างที่ไม่ใช่”ความรัก”นั้นออกไป

และนี่คือแสงสว่างของ “ความรักที่ปราศเงื่อนไข”ที่เปิดกว้างขึ้น
ที่ไม่มีการตัดสิน และ ปราศจากความเป็นทวิภาวะ
และทำให้คุณพ้นจากการยึดติดในความเป็นทวิภาวะ
ทั้งยังพ้นจากแรงผลักดัน เมื่อคุณได้ประสบกับมัน
จะพ้นจาก “ความกลัว” พ้นจากการ “ควบคุม”
พ้นจากการ “ร้องขอและตั้งความหวัง”.....จะมีก็แต่“ความเป็นทั้งหมดทั้งมวล”
จะมีแต่ ความรัก ความเมตตา ความเข้าใจ และ มีขันติ
ซึ่งเป็นพื้นฐานของการเลื่อนระดับจิตวิญญาณที่ชีวิตได้สะท้อนออกมา....

และในขณะที่เรากำลังรับแสงสว่างอันบรรเจิดจ้าอยู่นี้
มันจะเป็นช่วงของการปลดปล่อยพลังงานเก่าอย่างรวดเร็วเช่นกัน
ซึ่งก็จะเป็นไปอย่างง่ายดายหากคุณไม่ไปต่อต้านมันนะ....
เพราะหากคุณพยายามที่จะเก็บมันไว้ในที่ใดที่หนึ่งละก็
คุณจะรู้สึกได้เป็นอย่างดีที่สุดว่า “ทั้งหมดคือความเจ็บปวด”
จงจำไว้....จงปล่อยให้กระแสนี้ได้ไหลผ่าน
และให้รู้สึกตัวด้วยว่า “คุณจะรับเฉพาะเท่าที่คุณรับได้เท่านั้น” และเมื่อคุณพร้อม....
แน่นอน....ที่มีหลายคนในพวกคุณที่ได้แสดงออกมาให้เห็นกันละนะ
ว่าได้กระเทาะสิ่งเก่า ๆ นี่ออกไปมากเท่าไหร่แล้ว
ซึ่งพวกเขาก็จะได้รับการหยั่งรู้ใหม่ (ที่พ้นจากความเป็นคู่ เช่น ดี ชั่ว/ ยาก ง่าย /สูง ต่ำ ฯลฯ)
การประกาศออกมาของสิ่งใหม่
และแสงสว่างที่นำมามากกว่าการตื่นรู้ หรือ มากกว่าการเป็นแค่ข้อมูล
(ซึ่งอาจจะมาในรูปแบบของความรู้สึก / สีต่าง ๆ หรือสัญลักษณ์ หรือไม่มีคำพูดใดที่จะสื่อได้)
มันจะมีแต่ “สิงใหม่” หรือการขยายตัวของการตื่นรู้ของ “ชีวิตใหม่”
และนี่คือ สิ่งที่มีความหมายต่อความเป็นปัจเจกในแต่ละบุคคล....

และในฐานะของความเป็น หลากมิติ นี้
คุณอาจได้รับ และ มีความคิดสร้างสรรค์มากมาย
ซึ่งอาจจะต้องจัดอันดับความสำคัญก่อนหลังให้ดี
ด้วยการนั่งนิ่งๆอยู่สักพักและดูว่าเรื่องใดที่ส่องแสงสว่างที่สุด
และที่ใดที่คุณพบว่า มีความสั่นสะเทือนของความเบิกบานและความรักมากที่สุด
และเหตุเพราะคุณอาศัยอยู่บนโลกใบนี้
ทุกอย่างจึงจำเป็นต้องเสร็จสมบูรณ์ตามเวลาของโลก
(ยกเว้นคุณต้องการให้มันยุ่งเหยิงหรือไม่อยู่ในกฏระเบียบนะ)
ในขณะที่มิติที่สูงกว่าก็กำลังไหลเคลื่อนเข้าไปอย่างต่อเนื่องและสร้างสรรค์
และการคว้าแรงบันดาลใจใหม่เพื่อก้าวไปข้างหน้าก็จะสร้างความแตกต่างให้ด้วย
ซึ่งกับ”สิ่งเก่า” เราต้องใช้คำว่า “การตลาด” และ “การโฆษณา”
แต่ “สิ่งใหม่” นั้น....ทั้งหมดอยู่ที่พื้นฐานของจิตสำนึก
ที่คุณได้นำมาให้คุณเองในสิ่งที่คุณเป็น....

....ในตอนนี้ คุณคงมีความรู้สึกที่แตกต่างไปจากที่คุณเคยเป็น
อย่างไรก็ขอให้จำไว้ว่า มันไม่มีผิดหรือถูก /ควรหรือไม่ควร หรอกนะ
ขอให้ไหลไปตามกระแสของพลังงานของคุณและอยู่กับ “ปัจจุบันขณะ” ไว้
และคุณจะได้รับคำแนะนำ จากที่โน่นบ้าง ที่นี่บ้าง
ซึ่งทั้งหมดก็จะมีแต่ความตื่นตาตื่นใจที่ได้เข้าไป
และในแต่ละวัน “โอกาส” ก็ได้เกิดขึ้นอย่างมากมาย
มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดกับการได้ไหลไปตามกระแสของ “ความเปลี่ยนแปลง”....
และนี่ก็คือ....เส้นทางใหม่ของวิถีแห่งโลกใบนี้....