เมื่อพระยามัจจุราชมาทวงชีวิตข้าพเจ้า

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย tjs, 14 มิถุนายน 2013.

  1. boonnippan

    boonnippan ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +1,099
    เรียนถามครูทีเจเอสที่เคารพ
    พระโพธิสัตว์กษัตริครรภ์เกี่ยวข้องอย่างไรกับพระอวโลกิเตศวรคะ และพระอวโลกิเตศวรคือพระองค์เดียวกันกับพระพุทธเจ้าองค์ที่ห้าหรือเปล่าคะ ดูเหมือนมีลักษณะทางธรรมบางอย่างเหมือนกันมาก
    กราบขอบพระคุณค่ะ
     
  2. GROLY

    GROLY เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    2,019
    ค่าพลัง:
    +8,001
    สวัสดีครับพี่tjs

    รบกวนสอบถามดังนี้ครับ
    ผมมีของเก่าอะไรในอดีต(กรรมฐาน40) ที่ได้แล้วและสมควรเริ่มในชาตินี้ที่จะให้ผลก้าวหน้าได้เร็วที่สุดครับ

    ที่เห็นบางสำนักบอกว่าท่านพระยายมราชองค์ก่อนหมดวาระ และได้เปลี่ยนเป็นองค์ใหม่แล้วเท็จจริงประการใดครับ

    ขอโมทนาบุญกรรมฐานพี่tjs ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันครับ.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ตุลาคม 2014
  3. จิระบูล

    จิระบูล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2014
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +126
    อยากรุ้เรื่องเทวดาประจำตัวผมอ่ะครับ รบกวนหน่อยนะครับ
     
  4. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ============

    ถือว่าเรามีชะตากรรมร่วมกับเขา ร่วมกับบริษัทที่นี้ เรื่องระยะเวลา ขอให้อย่าเพิ่งไปกำหนด ให้ปล่อยวางไปก่อน แต่อยากให้ตั้งใจทำงาน และพิจารณาให้ดีว่า เราได้ทำหน้าที่ของเราดีหรือยัง พิจารณาว่า งานและเพื่อร่วมงานเป็นอย่างไร สังคมดีน่าอยู่หรือไม่ หากโดยรวมอยู่แล้วดี ก็ควรจะตอบแทนความดี คิดเสมือนว่า ที่ทำงานก็คือบ้านหลังที่สอง จงทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด

    มีเวลาไปกราบท่านเจ้าพ่อเขาใหญ่ด้วยจะดีมากครับ บอกกล่าวท่านสักหน่อยขอบารมีท่านคุ้มครองช่วยเหลือครับ

    เรื่องบางเรื่องขอให้คุณสร้างสรรค์ด้วยตัวคุณเองจะดีกว่า และกรรมในปัจจุบัน หลายๆอย่างเราเองก็สามารถสร้างเหตุปัจจัย ให้ดีงามตามที่เราปราถนาได้ เพื่อผลที่ดีที่ต้องการครับ สาธุ
     
  5. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ==============

    พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ไม่ใช่พระพุทธเจ้าองค์ที่5 [ท่านพระศรีอริยะเมตตรัย] หากแต่พระอวโลกิเตศวร ท่านเป็นพระโพธิสัตว์ ผู้อวตาล แห่งพุทธจิต ตามสายมหายาน แต่ หากพิจารณา ในอีกฝ่ายหนึ่ง พระอวโลกิเตศวร ย่อมหมายถึงพระโพธิสัตว์ ผู้ซึ่งเราไม่สามารถทราบถึงการเกิด และอายุไขการสร้างบารมีของท่าน เพราะยาวนานมาก และในแต่ละยุค แต่ละสมัย ก็มีชื่อเรียก หรือสามัญนาม สมญานามที่แตกต่างกัน ตามปัจจัยการสร้างบารมี ซึ่งยากแก่การทราบถึงวาระต่างๆเหล่านั้น แต่ครูอาจารย์เคยกล่าวไว้ว่า
    ท่านพระอวโลกิเตศวร นั้น ท่านสร้างบารมีมานานมากแล้ว และจัดว่าอยู่ในกลุ่ม ศรัทธาธิกะบารมี แต่บารมีท่านจะยังไม่เต็มตามปณิธาณ คือยังต้องสร้างไปเรื่อย อีกนานแสนนาน และนานกว่าพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ ครับ

    ส่วนหากจะถามว่า ท่านพระอวโลกิเตศวรนั้นสร้างบารมีมานานแล้วแค่ไหน ก็ตอบได้ยาก เช่นกัน ไม่สามารถตอบได้ว่า ว่าก่อนพระสมณโคตมะสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์ปัจจุบันหรือเปล่า ผู้ที่จะตอบได้ เห็นจะมีก็แต่
    1พระอวโลกิเตศวรเอง
    2พระพุทธเจ้า
    3พระโพธิสัตว์อุปบารมีขึ้นไปเท่านั้น ครับ

    บางโอกาสกระผมก็มีความเกรงใจต่อครูอาจารย์เช่นกัน เรื่องบางเรื่องจึงไม่ควรสอบถามอะไรมากนัก ครับ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ตุลาคม 2014
  6. Tanya R

    Tanya R เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    389
    ค่าพลัง:
    +876
    เรียนคุณก้อง

    ขวัญส่ง PM ฝากคำถามเกี่ยวกับอับเดทเรื่องวันคลอดบุตรไปนะคะ และสอบถามเกี่ยวกับหน้าที่การงานและโยกย้ายงานของคุณพ่อบ้านด้วยค่ะ

    ขอบคุณค่ะ
     
  7. ZIGOVILLE

    ZIGOVILLE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    196
    ค่าพลัง:
    +792
    ขออนุญาตท่าน TJS อีกสักครั้ง
    ผมได้พิจารณามาหลายวัน และคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ถ้าได้แชร์เกี่ยวกับประเด็นที่มาของคำถามที่ได้ถามท่าน TJS ที่ต้องรบกวนท่านเพราะความรู้ผมยังน้อย

    เนื่องจาก ผมเชื่อว่าท่านได้แสดงภาพให้เห็นถึงจุดเริ่มต้นในการปราถนาพุทธภูมิของผมในภพชาติหนึ่งซึ่งนานมาแล้ว ในภาพคือเราเห็นควายถูกใช้งานไถนา ตากแดดร้อนจัดทรมานมากจนควายตัวนั้นร้องให้น้ำตาไหลอาบแก้ม ในจิตนั้นรู้ว่าควายตัวนี้ทำงานใช้หนี้...เราในภาพนั้น ก็ร้องให้จนสัมผัสได้ถึงน้ำตาที่ไหลอาบแก้มเช่นเดียวกัน และตั้งจิตอธิษฐานปราถนาพุทธภูมิ เพื่อช่วยเหลือสัตว์ทั้งหลายให้พ้นจากทุกข์ในวัฏฏสงสารนี้...และภาพก็ดำเนินเรื่อยมา จนมาถึงปัจจุบันก็เห็นเราเองตั้งจิตลาพุทธภูมิ...ในขณะที่ภาพกำลังเลื่อนไปเรื่อยๆ นั้น ก็เห็นท่านลอยอยู่ด้านหลังซ้ายมือ...เหมือนท่านคอยควบคุมอยู่แล้วก็จบไป...

    ท้ายที่สุดเรื่องการเห็นนี้ยังไม่ได้เชื่อเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจริงเท็จ...แต่ก็พอมี
    นิมิตรูปธรรม 2 อย่างให้เห็นอีกหลังจากวันนั้น...ยังต้องใช้เวลาในการพิสูจน์อีกอยู่ดีเพราะ "เราเห็นจริง สิ่งที่เราเห็น อาจจะ ไม่จริงก็ได้"
    ทั้งนี้...ก็อาจเป็นเพราะก่อนหน้านั้นมีอยู่ช่วงหนึ่งในขณะทำสมาธิที่จิตเกิดความสงสัยในจุดเริ่มต้นของการปราถนาพุทธภูมิ...ก็ได้อธิษฐานถึงครูอาจารย์ไปตามพิธี
    หรือก็อาจจะเป็นเพราะอุปสัญญาในจิตทำงาน...ก็เป็นไปได้...แต่ก็แปลกว่าเห็นภาพนี้ในช่วงเทศกาลกินเจพอดี ซึ่งปกติก็ไม่ได้สนใจพิธีแบบนี้สักเท่าไหร่

    แต่ด้วยเหตุนี้ทำให้ผมสงสัยในตัวท่าน ว่าท่านเป็นใคร? จุดเริ่มต้นในการปราถนาพุทธภูมิของท่านเป็นอย่างไร? และท่านทำเพื่ออะไร? และด้วยบารมีอะไรถึงมีคนเคารพศรัทธาท่านมากมาย ?

    ส่วนประเด็นที่ว่าคนที่นับถือท่านนิยมการงดบริโภคเนื้อวัว ควาย หรือสัตว์ใหญ่ โดยปกติมองว่าถ้าเราไม่มีทางเลือกจริงๆ เราก็ต้องกินเพื่อให้ขันธ์นี้ดำรงอยู่ได้ เพราะเราเป็นศิษย์พุทธองค์ แต่ถ้ามีทางเลือกได้ก็ควรที่จะทานผักที่สะอาด มังสวิรัติ หรือโปรตีนทดแทนอื่นๆ เพื่อประเด็นในเรื่องของสุขภาพและดำรงค์ขันธ์ให้ทรงอยู่ได้จนกว่าจะจบกิจ...

    แต่สิ่งที่จะเป็นผลพลอยได้มากกว่านั้น...เข้าใจว่าเป็นการสร้างกำลังใจ และเมตตาบารมีที่มีจะต่อสัตว์ทั้งหลายที่มีคุณต่อมนุษย์ที่จิตจะค่อยๆ ซึมซับไปเรื่อยๆ จนเกิดเป็นเมตตาบารมีอันเยือกเย็น และยิ่งใหญ่ต่อไป...สิ่งที่ท่านต้องการสื่อให้รู้คงเป็นประเด็นนี้มากกว่า

    ท่าน TJS มีความคิดเห็นว่าอย่างไรเพิ่มเติมครับ?
     
  8. boonnippan

    boonnippan ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +1,099
    กราบขอบพระคุณครูทีเจเอสมากค่ะ และขอน้อมนำบุญกฐินมายังครูและเพื่อนๆพี่น้องทุกท่านนะคะ บุญนิพพานช่วยเป็นเจ้าภาพกฐินในวัดตกค้างเขตอีสานและบุญกฐินอื่นๆ ขอความดีงามบังเกิดกับทุกท่านนะคะ สาธุค่ะ
     
  9. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    =============

    ขอขอบคุณในเมตตาจิตและขอร่วมอนุโมทนาด้วยครับ

    อนึ่งในสัปดาห์หน้า เสาร์อาทิตย์ ผมจะเดินทางไปทำบุญทอดกฐินสามวัด มีวัดน้ำซับสังฆาราม วัดถ้ำบ่อทอง และวัดน้ำสาดกลาง มีสร้างวิหารศาลา ธรรมสังเวช สองวัด สร้างวิหารพระอรหันต์พระครูโกวิโท อีกหนึ่งวัด เสร็จแล้วจะนำบุญมาฝากทุกท่านด้วยเช่นกันครับ สาธุ
     
  10. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    =========

    นิมิตนั้นเป็นความจริง กระผมเองก็เคยมีนิมิตคล้ายแบบนี้ เกี่ยวกับสัตว์คือ พระโค เช่นกัน คล้ายๆของคุณแต่ทว่า ท่านสตรีผู้นั้นที่มีกายขาวสะอาดแบบชาวจีน ได้เสียสละแขนของตนเพื่อให้สัตว์กิน เพื่อให้รอดพ้นจากความตาย แทนการฆ่าสัตว์ ในครั้งนั้น จึงบังเกิดความปิติเป็นอย่างมาก และเข้าใจว่า

    พระอวโลกิเตศวร หรือเจ้าแม่กวนอิมนั้น ท่านมีเมตตาต่อสรรพสัตว์ไม่มีประมาณ แม้ร่างกาย หรือชีวิตท่านสามารถสละให้ได้ โดยบริสุทธิ์ใจจริงๆ จิตใจท่านนี้งดงามมาก หาผู้เสมอเหมือนได้ยาก และท่านได้อวตาลจุติเกิด สร้างบารมีมามากมายหลายอสงไขย หลายกัปป์แล้ว ครับ

    ขออนุโมทนาในกุศลนิมิตของคุณZIGOVILLE ด้วยครับ นิมิตของคุณอาจเป็นปฐมเหตุของการสร้างบารมีของท่านในกัปป์ใดกัปป์หนึ่งก็อาจเป็นได้ครับ

    การสร้างบารมีของท่านพระอวโลกิเตศวรพระโพธิสัตว์นั้นท่านสร้างมานานสร้างไว้มากมายนับไม่ถ้วนและท่านจะยังคงสร้างสั่งสมไปอีกไม่มีประมาณครับ จนกว่า บารมีจะเต็ม ครับ สาธุ

    ใดๆในโลกล้วนเกิดขึ้น เจริญอยู่ แล้วดับไป
    แม้ความเป็นพุทธภูมิ การสร้างบารมีก็เช่นกัน ย่อมมีจุดกำเนิด เจริญไปและสิ้นสุด

    มีเพียงสิ่งเดียวที่เกิดขึ้น ดับลงพร้อมกัน สิ้นสุดในเวลานั้น อันเป็นสภาวะเดียวไม่เป็นอื่น เป็นนิรันดร์ตลอดกาล คือพระนิพพานครับ สาธุ
     
  11. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    เนื้อ10จำพวกที่พระพุทธเจ้าทรงห้ามบริโภค
    1เนื้อมนุษย์
    2เนื้อช้าง
    3เนื้อม้า
    4เนื้อสุนัขบ้าน
    5เนื้องู
    6เนื้อราชสีห์หรือสิงโต
    7เนื้อเสือโคร่ง
    8เนื้อเสือดาว
    9เนื้อหมี
    10เนื้อสุนัขป่า

    แม้กระนั้น สัตว์อื่นๆแม้จะสามารถกินได้ก็จริง แต่การกินเนื้อสัตว์ หรืออาหารใดๆ ก็ควรตระหนักว่า กินเพื่ออยู่ เพื่อการดำรงธาตุขันธ์ให้แข็งแรงสมบูรณ์ เพื่อจะได้นำกายทำประโยชน์เท่านั้น ไม่กินบริโภคด้วยความอยากหรือด้วยกิเลส

    การลดทานเนื้อสัตว์ลงได้จึงเป็นสิ่งดี ที่ควรทำหากสะดวกและสามารถทำได้ เราจึงควรเข้าใจและเลือกกินให้ถูกต้อง เดินสายกลาง ตามความเหมาะสม
    ส่วนท่านใดจะกำหนดเป็นวิถีปฏิบัติเฉพาะตนก็ขออนุโมทนาครับ เรื่องการกินเจ กินมัง เราไม่กล่าวในทางลบ แต่เราควรคิดบวก ทำได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ตามกำลัง แต่อย่าไปทำบาปผิดศีล เป็นสำคัญครับ สาธุ
     
  12. Tanya R

    Tanya R เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    389
    ค่าพลัง:
    +876
    ขอบคุณคุณก้องที่สละเวลามาตอบคำถามทาง PM ให้นะคะ อ่านจากที่คุณบอกว่า"ให้สอนเค้าให้ดี เด็กคนนี้จะมีโอกาสสืบทอดพระพุทธศาสนาต่อไป" อันนี้ตรงกับที่ดิฉันอธิษฐานตอนสวดมนต์ นั่งสมาธิช่วงที่ตั้งครรถ์เลยค่ะ (ตอนอ่านขนลุกเลยค่ะ)

    ขอให้บุญกุศลที่คุณก้องช่วยชี้แนะช่วยเหลือสหายธรรมในเวปพลังจิตส่งผลให้คุณก้องประสบแต่ความสุขความเจริญ และเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปด้วยเทอญ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
     
  13. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    เห็นว่ามีประโยชน์ จึงนำมาถ่ายทอดต่อ จากความเห็นที่ผมได้ช่วยอธิบายเรื่อง

    อภิญญาที่เสื่อมและไม่เสื่อม ว่า


    อภิญญา เป็นผลอย่างหนึ่งของสมาธิ ฌาณ อันเกิดได้จากทั้งรูปฌาณ และอรูปฌาณ

    เมื่อสมาธิฌาณมีหลากหลายแบบ อภิญญา ก็แตกแขนงออกไปมีมากมาย

    อภิญญาที่เกิดจากสมาธิ นั้น จึงมีหลากหลายแบบมาก อาศัยการฝึกฝนต่อเนื่องจากสมาธิ ที่ชำนาญคล่องแคล่ว มากเป็นปกติ ตรงนี้ ต้องอาศัยกำลังใจหรือพลังจิตที่สร้างสั่งสมมามากเป็นรากฐานเช่นกัน

    เรื่องกำลังใจจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะกำลังใจ มีอำนาจหนุนส่งให้สมาธิมีกำลัง แล้วในที่สุดอภิญญ ก็สามารถเกิดปรากฏได้ตามที่ตนฝึกมาแล้วอย่างชำนาญ

    ปัญหาคือ สิ่งที่ทำลายกำลังใจของเรา คืออะไร

    ปกติทั่วไปแล้ว การทำบาป อกุศลกรรม การผิดศีล นิวรณ์ คือเครื่องทำลายสิ้นกำลังทางใจ หรือพลังจิต

    แต่ก็ยังมีบางส่วนบางท่านที่มีของเก่าและฝึกมาเฉพาะทาง เพราะกำลังใจที่ฝึกมาดีแล้ว แม้จะผิดศีลบางอย่างก็ยังสามารถประคองและรักษากำลังใจไว้ได้ ดีเยี่ยม เมื่อกำลังทางใจแข็งแกร่งมีกำลัง การรวบสมาธิ ก็ทำได้ง่ายรวดเร็ว ในที่สุดอภิญญาก็เกิดปรากฏ เพราะด้วยฝึกฝนมาชำนาญ

    อนึ่ง แม้กระนั้น กระผมขอเสริมว่า

    ในหลักแห่งพุทธธรรม หลักแห่งโลกียะ อภิญญาย่อมเสื่อมลงเป็นธรรมมดา

    อันหมายความว่า แม้วันนี้ ท่านเหล่านั้นจะทำผิดศีล ผิดธรรม แต่ยังสามารถรักษากำลังทางจิตไว้ได้แข็งแกร่งก็จริง แต่เมื่อนานไปนานไป กำลังแห่งบาปกรรม อกุศลกรรม หรือกำลังฝ่ายกิเลส พยามาร จะมีกำลังอำนาจเพิ่มมากขึ้น จนวันหนึ่งแม้การทำผิดเพีงอย่างเดียวซ้ำๆๆๆๆๆกันในที่สุด ก็จะมีอำนาจแห่งกรรมชั่วให้ผลแก่จิต เมื่อนั้น ท่านที่เคยทนงตนว่ามีอำนาจจิตใจแข็งแกร่ง ก็ต้องแพ้พ่ายต่อผลกรรมของตน ในที่สุดอำนาจแห่งกรรมชั่วก็จะทำลายสิ้นซึ่งกำลังใจของท่าน พลังทางจิตท่านจะเสื่อมถอยลง และอภิญญาที่ท่านเคยทำได้อย่างชำนาญก็จะไม่สามารถทำได้เหมือนที่เคยทำ เพราะในเวลานั้นกำลังทางใจท่านเสื่อมถอยลงแล้วนั้นเอง

    สมาธิท่านก็เสื่อมถอยลง ไม่เฉพาะสมาธิที่เสื่อมถอยลง อภิญญาก็เสื่อม แต่ที่หนักมากยิ่งขึ้นคือ ความดี บุญบารมีท่านนั้นเสื่อมมานานแล้วต่อเนื่องโดยที่ท่านประมาทไม่รู้ตนนั่นเอง

    หลวงพ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ เทวดาเมืองนครศรี กล่าวสอนแก่พ่อท่านจำเนียรและ สอนแก่กระผมในสมาธิว่า

    สมาธินั้น อาศัยกำลังจิต กำลังจิต อาศัยกำลังสมาธิ
    อภิญญามีเสื่อมได้
    อภิญญาที่ไม่เสื่อม คือต้องอาศัยสมาธิที่ไม่เสื่อม อาศัยกำลังใจที่ไม่เสื่อม

    สมาธิที่ไม่เสื่อม กำลังใจที่ไม่เสื่อม ทำอย่างไร ก็ต้องทำให้เป็นโลกุตระสิ จึงไม่เสื่อม

    แล้วการทำให้เป็นโลกุตระทำอย่างไร ท่านกล่าวเป็นปริศนาว่า

    พุทธัง อรหัง พุทโธ
    ธรรมัง อรหัง พุทโธ
    สังฆัง อรหัง พุทโธ

    ผมจึงเข้าใจว่า อภิญญา ที่ไม่เสื่อม ย่อมเป็นของผู้ทรงศีล ย่อมเป็นของพระอรหันต์ เท่านั้น เพราะท่านถึงแล้วซึ่งความเป็นโลกุตระ

    ทีนี้ อย่างหลวงตาอินทร์ หรือแม้แต่อภินิหาร ของหลวงปู่หลวงตาอย่างเช่น หลวงพ่อกบฆ่ากบ อรหันต์จี้กง หลวงปู่สรวงเทวดาเดินดิน สมเด็จโต หลวงพ่อเอี่ยม หลวงพ่อปาน หลวงพ่อเงิน หลายๆท่านนี่ ขอให้ฟังหูไว้หู เพราะสิ่งที่ได้ยินมาเรื่องราวแปลกๆของท่าน อาจจะเป็นอย่างนั้นจริง แต่ลึกๆแล้วความจริง ท่านย่อมมีสิ่งพิเศษที่พวกเราอาจ ไม่สามารถทราบได้ บางท่านอาจเป็นพระอรหันต์มาแสดงฤทธิ์ ก็มี หรือพระอนาคามีก็มี ดังนั้น พึงไม่ประมาท ในเรื่องราวเหล่านี้ครับ

    สำหรับเราๆ ปุถุชน ก็เป็นธรรมดา ขอให้เข้าใจวิธีการ ที่ถูกต้องก่อน แล้วฝึกฝนไป
    สิ่งที่ขาดไม่ได้และต้องทำควบคู่กันไปเสมอ อันเป็นการสร้างกำลังใจที่ดีเยี่ยมที่สุดคือ
    การเดินวิปัสสนา สร้างปัญญา มีญาณทัสนะ สู่กับอวิชา และกิเลสมาร ครับ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ตุลาคม 2014
  14. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    กระผมมีเรื่องเล่าให้ฟัง ที่น่าสนใจมาก อย่างหนึ่ง ว่าด้็วยการรับกรรม การสอบสอนความดีความชั่วของจิตวิญญาณ ในสำนักพยายามราชว่า

    อันชีวิตหลังความตายนั้น จิตวิญญาณ เมื่อออกจากร่าง เหมือนสลบไปหลับไป วิสัญญีภาพปรากฏชั่วขณะ และจนได้เวลาก็จะกลับฟื้นและได้สติใหม่ ซึ่งผู้ที่สั่งสมบุญมามากและจิตเป็นกุศลจิต ก็จะมีจิตที่สวยงามในเวลานั้นทันที ส่วนจิตที่ทำบาปกรรมไว้มาก จิตเป็นอกุศลจิต สภาพจิตที่เกิดใหม่ก็จะมีสภาพหมองเศร้า ไม่งดงาม คือเปลี่ยนแปลงไปในสภาพที่แย่ลง มากน้อยก็ขึ้นอยู่กับบาปกรรมที่ทำไว้

    เมื่อได้สติฟื้นคืนแล้ว ท่านยมทูต หรือยมบาลก็จะนำจิตวิญญาณเหล่านั้นไปสอบสวน อาจมีบางส่วนที่มีกรรมหนัก อาจไปเกิดใหม่ในนรกภูมิทันทีก็มีแบบไม่ต้องเสียเวลานำไปสอบสวน

    การนำไปสอบสวน บางครั้ง ท่านยมบาล ซึ่งเป็นผู้ช่วยท่านยมราช อาจทำหน้าที่แทน ในบางโอกาส ซึ่งอาจจะไม่ต้องถึงมือท่านยมราช แต่บางโอกาส ก็ให้ท่านยมบาล ตัดสินได้ทันที โดยเฉพาะ จิตวิญญาณที่ทำกรรมชั่วมามาก ซึ่งท่านยมบาลจะทราบและรู้เห็นเฝ้าตามดูมานานแล้ว ไม่มีข้อแก้ไขบิดพริ้วเปลี่ยนแปลงได้ ท่านยมบาลจึงสามารถตัดสินพิพากษาได้ทันทีเช่นกัน อย่างภาพยนต์เรื่องเงา ซึ่งมีสภาพเหตุการณ์ใกล้เคียงกับความจริงในนรกที่เกิดขึ้น

    เมื่อจิตวิญญาณบาปทั้งหลาย ถูกพิพากษาตกนรก จิตวิญญาณเหล่านั้น จึงต้องลงนรกไปรับใช้กรรม อันมีหลายวิธีการไปรับโทษดังนี้

    1 จิตวิญญาณเหล่านั้น เกิดความสลดสังเวธและสลบ วิสัญญีไปชั่วขณะ จากการพิพากษาแล้วหมดสติไป แล้วไปพื้นสติอีทีในขุมนรก ด้วยอำนาจแห่งกรรมบาปนำพาไปหนุนไป

    2จิตวิญญาณเหล่านั้นมีการไม่ยอมรับต่อบาปกรรมที่ตนทำ พยายามขัดขืนสู่ต่อสู้ จนท่านพยายมราชหรือยมบาลหรือยมทูต ต้องใช้อิทธิฤทธิ์คือไฟโลกันตนรก ทำให้พ่ายแพ้ สลบสไลหมดสติวิสัญญีจิต สลบไปชั่วขณะ และไฟโลกันต์ก็หอบนำเอาจิตวิญญาณเหล่านั้นลงไปยังขุมนรก

    3จิตวิญญาณเหล่านั้น ถูกท่านยมทูต ส่งต่อให้นายนิริยบาล อันเป็นผู้ดูแลขุมนรก มารับและพาไปยังขุมนรกตามบาปกรรมหรือความผิดที่จิต้หล่านั้นกระทำไว้ ตามวาระแห่งกรรม

    ที่สุดแล้ว ชีวิตหลังความตาย มีกรรมเป็นนายหนุนนำไป ไม่มีผู้ใดหลีกหนีได้พ้น ท่านพยายมราชฝากเตือนเหล่ามนุษย์ทั้งหลาย พึงไม่ประมาท ให้ตั้งมั่นทำความดี ละบาปกรรม หมั่นชำระจิตสวดมนต์ภาวนาเป็นนิจ ครับ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ตุลาคม 2014
  15. newpin

    newpin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +112
    ขอบคุณที่นำมาเผยแพร่นะค่ะ ทำให้ทราบอะไรเยอะขึ้นจริงๆ ปัจจุบันนี้สวดมนต์ทุกคืนเพราะคำแนะนำจากคุณก้อง แต่ภาวนายังไม่ก้าวหน้า ก็ยังพยายามทำต่อไปค่ะ
    บุญ-ทาน ก็ทำตามโอกาส หวังว่าเมื่อหมดอายุขัย ท่านพญายมราชคงจะช่วยให้ระลึกถึงความดีที่ได้กระทำแล้วให้ไปสู่สุขคติภูมิก่อน ^^
     
  16. boonnippan

    boonnippan ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +1,099
    กราบเรียนถามครูก้องที่เคารพ
    บุคคลที่ปฏิบัติสมาธิและเดินวิปัสนาควบคู่ มีสติและจิตมุ่งตรงพระนิพพาน อภิญญาที่ได้ถือเป็นโลกิยะหรือโลกุตระคะครู และถ้าบุคคลเหล่านั้นจะใช้อภิญญาเพื่อช่วยสรรพสัตว์และช่วยคำ้ชูพระศาสนา ก็ยังถือว่าเป็นอภิญญาโลกุตระใช่มั๊ยคะ กราบขอบพระคุณครูมากค่ะ
    ด้วยความเคารพ
     
  17. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ==============

    เป็นคำถามที่ดีครับ อภิญญาที่เกิดในขณะที่เราเดินสมาธิ มีสติ และจิตมุ่งสู่นิพพาน นั้น ความจริงแล้ว ก็ย่อมเกิดอภิญญาได้ทั้งสองแบบคือทั้งแบบโลกิยะและโลกุตระ

    สาเหตุเป็นเพราะ ในขณะที่เรายังไม่บรรลุนิพพาน แต่เรากำลังฝึกฝนให้ก้าวล่วงไปสู่พระนิพพานนั้น ในระหว่างทางนี้เองแม้เราจะมีปณิธาณแน่วแน่ตรงต่อพระนิพพาน แต่ทว่า กำลังของสมาธิฝ่ายวิปัสสนาเรายังไม่แก้กล้า อำนาจฝ่ายโลกิยะ อวิชา ยังคงทำหน้าที่หนุนนำจิต ในบางขณะบางช่วงของการเจริญสมาธิ อภิญญาฝ่ายโลกิยะจึงยังคงทำหน้าที่ของมันได้ แต่ในขณะเดีนวกันด้วยอำนาจของปณิธาณที่มุ่งตรงต่อพระนิพพาน อันเป็นฝ่ายบริสุทธิ์ หรือโลกุตระญาณก็มีส่วนทำหน้าที่ของมันด้วยเช่นกัน

    ทีนี้ถ้าถามว่า อภิญญา ที่เกิดที่ได้ ยังคงมีทั้งสองแบบ การใช้อภิญญาเพื่อช่วยเหลือสรรพสัตว์ก็ยังมีทั้งสองแบบ ผู้ใช้อภิญญาจึงต้องมีปัญญาแยกแยะรู้ทันว่า ควรใช้อภิญญาที่ตนมีตนได้แบบไหน อย่างไร
    เมื่อไหร่ควรใช้โลิกยะอภิญญา และควรปล่อยวางอย่างไรไม่ยึดมั่นอย่างไร
    เมื่อไหร่ควรใช้โลกุตระอภิญญา อันเป็นฝ่ายหลุดพ้น อันมีอำนาจเหนือสามโลกอย่างไร
    สงเคราะห์ช่วยเหลือสรรพสัตว์ นั่นเอง ครับ

    เมื่อทำการฝึกฝนจนชำนาญประกอบด้วยเป็นผู้มีปัญญามาก อันตั้งแต่พระสกิทาคามีขั้นปลายขึ้นไปเป็นต้นไป ท่านจะมีปัญญารู้ทัน อภิญญาที่เกิดแก่ท่านว่าเป็นฝ่ายไหน และจะรู้ว่าควรใช้อภิญญาอย่างไรให้เกิดประโยชน์ สูงสุดอันเป็นฝ่ายกุศลกรรม ฝ่ายกรรมดี สงเคราะห์ทั้งตนเองและผู้อื่นครับ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ตุลาคม 2014
  18. boonnippan

    boonnippan ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +1,099
    กราบขอบพระคุณครูก้องมากค่ะ "โลกุตระอภิญญา สงเคราะห์ช่วยเหลือสรรพสัตว์์์" ชอบตรงนี้มากค่ะครู และถ้าโลกุตระอภิญญาช่วยให้สรรพสัตว์หลุดพ้นเหนือสามโลก โดยที่สรรพสัตว์เหล่านั้นเกิดโลกุตระอภิญญาเพื่อไปช่วยสรรพสัตว์อื่นๆอีกในกาลต่อมา นับว่าโลกุตระอภิญญามีคุณอนันต์อย่างยิ่ง กราบขอบพระคุณมากค่ะครู สาธุ
    ด้วยความเคารพ
     
  19. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ==============

    มีอีกส่วนที่หลวงปู่และพระพุทธองค์ตรัสสอนไว้คือ

    โลกุตระอภิญญาแม้จะมีอำนาจเหนือสามโลก แต่ทว่า การสงเคราะห์ช่วยเหลือ ก็มีข้อยกเว้น ข้อยกเว้นที่ว่าคือ กรรม เป็นเครื่องดำเนินไป วิบากกรรมหนักของสรรพสัตว์ ยากนักหลีกหนีหลุดพ้น กรรมเป็นเงาติดตามตัว ที่สุดแล้ว การสงเคราะห์ช่วยเหลือสรรพสัตว์ สามารถทำได้ตามภูมิวาสนาของเขาด้วยเป็นประการสำคัญ นั่นคืออาศัยกรรม ต้องมีญาณทัศนะตรวจดูกรรมวิบากที่ให้ผลด้วยประกอบเสมอ วาสนาเขาเป็นอย่างไร ควรจักช่วยเหลือประการใดเป็นต้น ครับ พึงไม่ประมาทเรื่องนี้นะครับ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  20. Tanya R

    Tanya R เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    389
    ค่าพลัง:
    +876
    เดี๋ยวนี้ละครทีวีบ้านเรามีหลายๆเรื่องเอาบาปบุญคุณโทษมานำเสนอ ดูแล้วก็สอดคล้องกับสิ่งที่คุณก้องกำลังปฏิบัติอยู่เลย อย่างเรื่องเงาที่ช่อง 7 ตอนนี้ดิฉันก็กำลังติดงอมแงม ดูเพื่อเพลิดเพลินแต่ได้แง่คิดในการใช้ชีวิตด้วย
     

แชร์หน้านี้

Loading...