"สปอต" ลูกไดโนเสาร์ตัวแรก จากการโคลนนิ่ง

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย sron2006, 14 ตุลาคม 2014.

  1. sron2006

    sron2006 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    541
    ค่าพลัง:
    +1,202
    "สปอต" ลูกไดโนเสาร์ตัวแรก จากการโคลนนิ่ง

    ลูกไดโนเสาร์ เกิดจากการโคลนนิ่งดีเอ็นเอในฟอสซิลให้ไปเกิดในไข่ของนกกระจอกเทศ ผลงานโดยนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ

    [​IMG]

    นักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยจอห์นมัวร์ในเมืองลิเวอร์พูลประสบความสำเร็จในการโคลนนิ่งไดโนเสาร์ ทารกไดโนเสาร์สายพันธุ์อพาโตซอรัสที่ได้ชื่อเล่นว่า “สปอต” ที่ถูกฟักออกมาในเวลานี้ที่คณะสัตว์แพทย์ของทางมหาวิทยาลัย นักวิทยาศาสตร์ได้สกัดดีเอ็นเอมาจากฟอสซิลของไดโนเสาร์พันธุ์อพาโตซอรัสที่ยังจัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาของทางมหาวิยาลัย ทันทีที่ดีเอ็นเอถูกเก็บเกี่ยวขึ้นมา นักวิยาศาสตร์ได้ฉีดมันเข้าไปยังไข่(ที่เจริญเป็นตัวอ่อนได้)ในมดลูกของนกกระจอกเทศ
    จอนด์ เจอร์ราร์ด ศาตราจารย์ด้านชีววิทยาของทางมหาวิทยาลัยจอห์นมัวร์ผู้เป็นหัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของโครงการกล่าวว่า นกกระจอกเทศเป็นสัตว์ที่มีลักษณะยีนพันธุกรรมร่วมจำนวนมากกับไดโนเสาร์ โครงสร้างจุลภาคที่เปลือกไข่ของมันเกือบเป็นแบบเดียวกับที่เป็นในไดโนเสาร์พันธุ์อพาโตซอรัส
    [​IMG]

    ที่มาข้อมูล : British Scientists Clone Dinosaur | News Mogul

    นวัตกรรมด้าน DNA อาจคืนชีพไดโนเสาร์อีกครั้ง...

    ในนิทานเวตาลมีตำราชื่อ สังชีวนีวิทยา ที่สามารถชุบชีวิตคนจากเถ้ากระดูกได้ ซึ่งดูเหมือนเป็นเรื่องแฟนตาซีที่ไม่มีทางเป็นไปได้ ทว่าเทคโนโลยีด้านพันธุกรรมก้าวไปในทุกนาที ในขณะที่เรานั่งดื่มกาแฟยามเช้า อ่านหนังสือพิมพ์ไทยรัฐหน้านี้ อีกซีกโลกหนึ่งเหล่านักวิทยาศาสตร์ก็กำลังขะมักเขม้นอยู่ในห้องวิจัย การทำโคลนนิ่งหรือการปลุกชีพของเหล่าบรรดาสัตว์ที่สูญพันธุ์นั้นล้วนแต่เป็นผลพวงของการค้นพบรหัสของสารพันธุกรรม หรือที่เรารู้จักกันในชื่อว่า DNA นั่นเอง ไทยรัฐซันเดย์สเปเชียลโดยทีมงานนิตยสารต่วย’ตูนจะพาท่านไปทำความเข้าใจกับการโคลนนิ่ง รวมทั้งการคิดค้นวิธีนำ DNA ไปชุบชีวิตเหล่าสัตว์โลกดึกดำบรรพ์ที่สูญสิ้นสายพันธุ์ไปนานแล้ว

    DNA หรือสารพันธุกรรมคือตัวเก็บข้อมูลกำหนดคุณลักษณะทุกๆด้านของสิ่งมีชีวิตนั้นๆ ถ่ายทอดคุณลักษณะเฉพาะจากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่งอย่างมีระบบแบบแผน มนุษย์เพิ่งมารู้จักมันเมื่อไม่นานนักโดยบาทหลวงชาวออสเตรียนาม เกรกเกอร์ เมนเดล เขาพบว่าถั่วลันเตารุ่นพ่อแม่สู่รุ่นลูกมีการถ่ายโอนพันธุกรรมอย่างเป็นระเบียบชัดเจน ทว่าเรื่องเหล่านี้กว่าจะเห็นภาพชัดก็เมื่อ เจมส์ วัตสัน นักวิทยาศาสตร์อเมริกากับ ฟรานซิส คริก นักอณูชีววิทยาจากเคมบริดส์ ตีพิมพ์งานลงวารสารเมื่อ ค.ศ.1953 ว่าค้นพบโครงสร้างดีเอ็นเอ ซึ่งมีลักษณะเป็นเส้นคู่ขนานบิดเป็นเกลียวคล้ายบันได ทั้งสองต่อยอดเรื่องนี้มาจากนักทดลองอีกทีมหนึ่ง การค้นพบนี้นำมาซึ่งการพัฒนาอณูชีววิทยา (molecular biology) หรือวิชาที่ว่าด้วยการศึกษาโครงสร้างและการทำงานของสิ่งมีชีวิตในระดับโมเลกุล
    [​IMG]

    นักวิทยาศาสตร์ของสหรัฐฯใช้โครงสร้างทางพันธุกรรมของสัตว์หลากหลายสายพันธุ์มาประกอบการร่างแบบจำลองของสัตว์ดึกดำบรรพ์ จึงได้พบว่าบรรพบุรุษที่เก่าแก่ที่สุดของมนุษย์ที่สามารถสืบค้นได้ในปัจจุบันหน้าตาคล้ายหนู เคยมีชีวิตอยู่หลังการล่มสลายในยุคไดโนเสาร์ ยิ่งนานวันเรื่องของสิ่งมีชีวิตทุกสายพันธุ์ก็ยิ่งคลี่คลายมากขึ้น และเมื่อความก้าวหน้าด้าน DNAมากกว่านี้ คงจะให้คำตอบที่เราสงสัยกันมายาวนานว่าแท้ที่จริงแล้วมนุษย์มาจากไหน เริ่มต้นเผ่าพันธุ์ ณ จุดใด

    ทว่าในโลกของความเชื่อความศรัทธา การศึกษาค้นคว้าทดลองทุกสิ่งอย่างที่เกี่ยวกับพันธุกรรม รวมถึงการโคลนนิ่งมนุษย์นั้นถูกประณามจากศาสนจักร ด้วยเหตุที่ว่าเรื่องเหล่านี้เป็นอำนาจของพระผู้ เป็น เจ้า พระสันตะปาปาจอห์น ปอล ที่ 2 ทรงเป็นคนแรกที่ออกมาประณามเมื่อข่าวเรื่องการโคลนนิ่งมนุษย์หลุดออกมาในช่วงแรก

    [​IMG]

    แต่ใช่ว่าคริสต์ศาสนาจะต่อต้านทุกเรื่องไปเสีย ใน ค.ศ.1931 สันตะปาปา Pius ที่ 2 ทรงจัดตั้ง สภาวิทยาศาสตร์แห่งองค์พระสันตะปาปา (Pontifical Academy of Science) ขึ้น สภามีหน้าที่รายงานและหาคำตอบเรื่องเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ทุกแขนงที่มีการพูดถึงกันอยู่ในช่วงนั้นๆแก่พระสันตะปาปา มีการประชุมทุกปีที่วาติกัน โดยมีสมาชิกถาวร 80 คน ซึ่ง 25 คนในที่แห่งนั้นเคยได้รับโนเบลมาแล้ว บุคคลเหล่านี้มีทั้งนักจักรวาลวิทยา พันธุกรรมศาสตร์ นักดาราศาสตร์ นักชีววิทยา

    สตีเฟ่น ฮอว์กิง นักฟิสิกส์คนดังของโลกที่ปัจจุบันเป็นหนึ่งในสมาชิกสภาแห่งนั้น เขากล่าวว่าการศึกษาและทดลองในส่วนของพันธุกรรมมนุษย์นั้นจะทำให้เราเข้าใจจักรวาลวิทยาและเข้าในพระทัยของพระเจ้ามากขึ้น แม้ปฏิญญาสากลว่าด้วยการทดลองรหัสพันธุกรรมมนุษย์ขององค์การยูเนสโกจะระบุว่าห้ามทำการโคลนนิ่งมนุษย์ แต่ในหลายประเทศก็ไม่ได้มีการออกกฎหมายที่ชัดเจนในเรื่องนี้ ประธานาธิบดี บิล คลินตัน เคยออกมาทักท้วงเรื่องการโคลนนิ่งมนุษย์ว่า หากสำเร็จ สิ่งที่ตามมาอาจไม่ใช่แค่ความก้าวหน้าของโลกเท่านั้น ความเกี่ยวข้องกับกฎหมายก็จะวุ่นวายตามไปด้วย ทว่าอเมริกาเองก็ไม่ได้มีกฎหมายห้ามการโคลนนิ่ง
    และเมื่อมีความเข้าใจมากขึ้นในเรื่องของสารพันธุกรรม นักวิทยาศาสตร์ จึงเริ่มทำการทดลองกับสัตว์ ที่โด่งดังไปทั่วโลกนั้นคือเจ้าแกะดอลลี่ ที่มีอายุขัยไม่ยาวนักเพียง 6 ปีเศษ ทั้งที่สายพันธุ์ของมันควรจะมีอายุ 12 ปี เจ้าดอลลี่มีภาวะแทรกซ้อนในปอด และข้อต่อกระดูกทั่วร่างกายเกิดการเสื่อมอย่างรวดเร็ว

    นับแต่นั้นการทดลองก็เกิดขึ้นมากมายในห้องทดลองทั่วโลก ทั้งสัตว์ที่ยังมีอยู่ ใกล้สูญพันธุ์ และสัตว์โลกโบราณที่สูญพันธุ์ไปแล้ว

    ใน ค.ศ.2008 คณะนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียและมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน ได้สกัด DNA จากก้านขนของแมมมอธ 13 ตัว ที่ถูกเก็บรักษาเอาไว้ในพิพิธภัณฑ์ต่างๆทั่วโลก ก่อนจะนำมาจัดเรียงวาง DNA ขึ้นใหม่เพื่อหวังจะได้พบกับคำตอบที่ว่าเหตุใดพวกมันจึงสูญหายไปจากโลก
    ความพยายามที่จะทำการโคลนนิ่งมีอยู่เสมอมา เมื่อปลายปีก่อนนี้นี่เอง มีการพบซากลูกแมมมอธในเขตไซบีเรีย เป็นซากที่สมบูรณ์มากที่สุดเท่าที่เคยพบมา เนื้อเยื่อยังคงมีสีแดง โดยทีมงานของรัสเซียและญี่ปุ่นบอกว่าเซลล์ที่ได้มานั้นน่าจะมีความสมบูรณ์มากที่สุดเท่าที่เคยเจอ ขั้นตอนต่อไปคือการคืนชีพ DNA ของมัน หลังจากนั้นอาจจะใช้ช้างเอเชียอุ้มท้องเนื่องจากสายพันธุ์ใกล้เคียงกัน พวกเขาหวังว่าคราวนี้จะสำเร็จ

    ใช่ว่าการโคลนนิ่งจะหยุดเพียงแค่สัตว์ กับมนุษย์นั้นก็มีการทำกันมาเนิ่นนาน อย่างที่เคยเป็นข่าวโด่งดัง และน่าตกใจขึ้นไปอีกเมื่อมีการประกาศหาแม่อุ้มท้องมนุษย์ดึกดำบรรพ์นีแอนเดอร์ทัลซึ่งสาบสูญไปแล้วนานกว่า 33,000 ปี ศาสตราจารย์ จอร์จ เชิร์ช แห่งฮาร์วาร์ดวางแผนจะนำ DNA จากฟอสซิลกระดูกของมนุษย์ถ้ำไปใส่ในเซลล์ตัวอ่อนของมนุษย์ แต่ปรากฏว่ายังไม่มีหญิงสาวผู้ใดยกมือเป็นอาสาสมัคร

    เรื่องการโคลนนิ่งนี้ยังอาจทำให้เราได้บุคคลสำคัญของโลกคืนกลับมาอีกด้วย อย่างล่าสุดที่มีการขุดพบกะโหลกซึ่งคาดว่าจะเป็นของพระเจ้าริชาร์ดที่ 3 กษัตริย์อังกฤษในอดีต บริเวณลานจอดรถแห่งหนึ่ง ทีมนักโบราณคดีและนักวิทยาศาสตร์ต้องออกติดตามหาตัวทายาทรุ่นที่ 17 เพื่อเปรียบเทียบดีเอ็นเอ ถ้าผลออกมาว่าใช่กะโหลกของพระองค์ อาจจะมีการโคลนนิ่งพระองค์ขึ้นมาอีกครั้ง

    ทั้งหมดทั้งมวลนี้มีความเป็นไปได้สูงหลังจากที่ทาง 2 สถาบันริเกน (Riken) แห่งญี่ปุ่นโคลนนิ่งหนูได้สำเร็จในปี ค.ศ.2006 ความสำเร็จนี้ตีพิมพ์ลงวารสาร National Academy of Sciences โดยนำเซลล์จากหนูที่ตายแล้วแช่แข็งไว้ 16 ปี เก็บไว้ในอุณหภูมิ -20 องศา ที่จริงความเย็นขนาดนั้นจะทำให้เซลล์เสียหาย พวกเขาจึงเลือกเซลล์จากส่วนสมองซึ่งมีไขมันห่อหุ้มอยู่มากที่สุด มันจึงไม่ได้รับความเสียหาย สกัดเอานิวเคลียสจากเซลล์แล้วไปใส่ในหนูเพื่อฝากท้องนาน 3 สัปดาห์ มัน แข็งแรงเมื่อมีชีวิต ทั้งยังสามารถผสมพันธุ์และมีลูกออกมาได้..

    ที่มาของแหล่งข้อมูล : thairath.co.th

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=59sgS0sQeJ8][สารคดี 112] ท่องโลกกว้าง ตอน แมมมอธคืนชีพ - YouTube[/ame]

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=4RjeoRm9meE"]?????? - ???????? - YouTube[/ame]

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=pAqXGgFHdic"]????????????????????????????????????????? - YouTube[/ame]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ตุลาคม 2014
  2. alkuwaiti

    alkuwaiti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    372
    ค่าพลัง:
    +1,257
    ส่วนตัวผมเฉยๆกับการโคลนนิ่ง แต่ถ้าดูจากประวัติศาสตร์ของโลกทุกอย่างย่อมมีเหตุผลถ้าธรรมชาติต้องการจะเก็บรักษาไดโนเสาร์เอาไว้ ก็คงไม่มีอุกกาบาตเข้ามาพุ่งชนโลกจนไดโนเสาร์สูญพันธุ์ วิทยาศาสตร์อาจบอกว่าเป็นเรื่องบังเอิญแต่กับศาสนาพุทธพระพุทธเจ้าบอกว่าไม่มีอะไรบังเอิญ ทุกอย่างมีเหตุผลรองรับ

    คำถามคือ
    1. ถ้าโคลนนิ่งไดโนเสาร์สำเร็จ(จนถึงโตเต็มวัย) แล้วจะยังไงต่อแน่นอนว่าถ้าปล่อยมันสู่ธรรมชาติ เช่น ทุ่งหญ้าสะวันน่า ป่าดงดิบหรือภูเขาที่ราบสูง มันจะต้องฆ่าคนและสัตว์ทุกอย่างที่ขวางหน้า ถ้าเป็นไดโนเสาร์กินพืชอาหารจะเพียงพอหรือไม่ ระบบนิเวศน์จะได้รับผลกระทบตามไปด้วยเพราะตอนนี้ไม่ใช่ยุคร้อยล้านปีอีกแล้วที่จะมีแต่ป่าและธรรมชาติซึ่งจะได้มีอาหารเพียงพอสำหรับไดโนเสาร์ แล้วไหนจะโรคภัยต่างๆเพราะยุคนี้มีสารเคมีมากมายไดโนเสาร์จะทนได้มั้ย ยังไงเสียไดโนเสาร์ก็อาศัยอยู่ในยุคนี้ไม่ได้ มีทางเดียวคืออยู่ในสวนสัตว์

    2. ถ้าเริ่มต้นได้สวย นักวิทยาศาสตร์คงพยายามโคลนนิ่งไดโนเสาร์สายพันธุ์อื่นอีกต่อไปเรื่อยๆ
     
  3. ชินะ

    ชินะ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +32
    พระเจ้าสร้างสิ่งมีชีวิต
    แต่มนุษย์ทำลายพระเจ้า
     
  4. nangkeaw

    nangkeaw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    168
    ค่าพลัง:
    +396
    เจ้าตัวจ้อยนั่นเป็นตัวผู้หรือตัวเมียก็ไม่รู้
     
  5. localpood

    localpood เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    172
    ค่าพลัง:
    +300
    JURASSIC PARK มันใกล้ควาจริงแล้วซินะ สงสารไดโนเสาร์เกิดมาคงไม่มีทางมีอิสรภาพ อนาคตคงอยู่ในสวนสัตว์

    ปล สวนสัตว์มันก็คือคุกของสัตว์ที่ไม่ได้ทำอะไรผิด พาต้าๆๆ และอื่นๆ
     
  6. tastiny

    tastiny Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +59
    ไม่น่าจะใช่ของจริง ถ้าเป็นไดโนเสาร์จริงหลังออกจากไข่มันควรจะช่วยตัวเองได้มากกว่านี้
    เหมือนลูกจระเข้ หรือเต่าที่ฝักออกมาก็ออกคลานหากินได้เลย
     
  7. (-*-)

    (-*-) เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    664
    ค่าพลัง:
    +1,060
    เค้าว่า ข่าวหลอกครับ "Fake News"


    An article that’s gone viral claims British scientists at Liverpool University cloned a dinosaur, but it isn’t real.

    “The dinosaur, a baby Apatosaurus nicknamed ‘Spot,’ is currently being incubated at the University’s College of Veterinary Medicine. The scientists extracted DNA from preserved Apatosaurus fossils, which were on display at the university’s museum of natural science,” it reads. “Once the DNA was harvested, scientists injected it into a fertile ostrich womb.”

    The article was published on News-Hound.org, a website that frequently publishes hoax news stories.

    The fake report also doesn’t offer any sources, and no legitimate media outlets have covered the cloning of a dinosaur. If scientists actually cloned a dinosaur, it would surely be top news across the world.

    Source: British Scientists Clone Dinosaur Article is Fake; Baby Apatosaurus 'Spot' Isn't Real
    Date: March 30, 2014
     
  8. เดินดง

    เดินดง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    455
    ค่าพลัง:
    +1,614
    ลูกจิงโจ้หรือเปล่าคะ
     
  9. teakone

    teakone Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +49
    สกัดดีเอ็นเอจากหินมันเป็นไปไม่ได้นะครับ
     
  10. นักรบธรรม

    นักรบธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    969
    ค่าพลัง:
    +1,174
    เป็นไปตามเส้นทางการกระทำ อดีต ปัจจุบัน แล้วอนาคต
    และ สุญตาจาก กิเลส
     
  11. tchaikovsky

    tchaikovsky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +360
    dna เป็นส่วนประกอบของโปรตีน ถ้าเสียสภาพไปแล้ว ก็ทำอะไรไม่ได้หรอกคับ
     
  12. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090
    ในความเป็นจริงก็คือ เราเสกสรรค์สิ่งมีชีวิตเองไม่ได้
     
  13. (-*-)

    (-*-) เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    664
    ค่าพลัง:
    +1,060
    เคยได้ยินครับเรื่อง DNA ต้องเก็บจากชิ้นเนื้อที่ยังไม่ตายที่เซลล์ยังไม่แตกสลาย

    ซึ่งผมดูสารคดีหนึ่ง นักวิทยาศาสตร์เกาหลีกลุ่มหนึ่ง กับ คนในพื้นที่รัสเซียแถบไซบีเรีย
    เข้าไปขุดดินใต้พื้นน้ำแข็งเพื่อหาซาก ช้างแมมมอส ซึ่งก็บังเอิญพบชิ้นส่วนที่
    ยังสดๆ อยู่ด้วย โชคดีกันมากๆ

    ซึ่งนักวิทยาศาสตร์กลุ่มนี้ก็ พยายามจะทำโคลนนิ่ง แบบนี้ล่ะครับ
    คือการพยายามจะชุบชีวิตช้างแมมมอสให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง
    แล้วก็อย่างที่ทราบ เกาหลีใต้ ก็เป็นประเทศอันดับต้นๆ ที่พยายามทำโคลนนิ่ง

    (ดังในหนังฝรั่งเรื่อง Cloud Atlas ที่จินตนการโลกอนาคตล้ำไปหลายร้อยหลายพันปี
    ว่าชนชาติเจริญส่วนใหญ่หน้าตาออกเอเชียเกาหลี และมีการทำโคลนนิ่งคนจีน
    แล้วหลอกมาฆ่าเอาเนื้อมาทำเป็นอาหารและเปลี่ยนถ่ายอวัยวะ ..
    ส่วนชนชาติฝรั่งจะเข้าป่ากลายเป็นคนป่า)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2014
  14. blackangel

    blackangel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,750
    ค่าพลัง:
    +1,919
    ไม่รู้ว่ากระบวนการโคลนนิ่งทำยังไง
    แต่อยากรู้ว่า สิ่งที่เรียกว่าจิต หรือ วิญญาณ ไรนี้ จะเข้าไปอยู่ในกระบวนการ ขั้นตอนไหน ของการโคลนนิ่ง
     
  15. moonoiija

    moonoiija เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2014
    โพสต์:
    184
    ค่าพลัง:
    +198
    ดีนะที่ไม่ใช่เรื่องจริง:cool:
     
  16. thai123

    thai123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2011
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +1,597
    เจ้าของกระทู้และพวกเราถูกหลอก ถือว่าพลาดกันได้ แต่นักข่าวอาชีพไทยรัฐ.co.th 555555. ขอบคุณท่าน?ชื่อยากๆที่มาแก้ข่าวให้
    แตเชื่อได้เลยว่าพวกนักวิทย์ได้โคลนอะไรจิปาถะ อาจโคลนมนุษย์ทั้งตัวแล้วก็ได้.........จริยธรรมขาดหายไปนานแล้วสำหรับคนยุคนี้
     
  17. cdg0720

    cdg0720 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    284
    ค่าพลัง:
    +344
    จะโคลนมันมาทำไม หาเรื่อง...
     
  18. ปทุมมุต

    ปทุมมุต ผมเป๋นใตร?

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +286
    นอกจากการรักษาศีล เจริญภาวนา บ่มเพาะคุณธรรมแล้ว ดีเอ็นเอ อาจเป็นเทคโนโลยี
    หนึ่งที่ทำควบคู่ จนมนุษย์ทีมีอายุยืนแค่สิบปี ตัวเตี้ยเล็ก กลับมีวิวัฒนาการเจริญขึ้นจน
    มีร่างกายสูงใหญ่ อายุยืนเป็นแสนปี ก็เป็นได้นะเออ ถ้าผมเดามั่วก็อนุญาติสักโขกได้เลยครับ....(รักษาชวนะจิตที่เป็นกุศลด้วยหละ อิอิ)
     
  19. หลวงปู่พิม

    หลวงปู่พิม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +8
    มีใครอยาก โคลนนิ่ง อาตมามั้ยโยม
     
  20. thontho

    thontho เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    398
    ค่าพลัง:
    +612
    ตอบคุณ blackangle 15#
    สมเด็จโตบอกไว้.........เมื่อโคลนนิ่งกายได้แล้ว วิญญาณจะรู้ว่า เข้าไปอยู่ได้ แต่เป็นวิญญาณที่ยังไม่ผ่านการใช้กรรมในนรก จะเป็นอันตรายเพราะไม่มีการกลัวบาปกรรม

    ฟังไว้เล่นๆนะ.....สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...