พระอรหันต์ในปัจจุบันมีหรือไม่?สังเกตได้อย่างไร?

มาคุยกันดีๆ แนวคนตื่นแล้วนะคะ... คนที่กำลังอยากตื่นก้อแจมดีๆ นะ ...(bb-flower

ส่วนคนใจบอดอย่าแจม?!!!... เบื่อ!!!

 

พระอรหันต์ ในปัจจุบัน น่าจะมี เพราะคนในโลกนี้มีเป็นพันพันล้านคน
อย่างน้อยต้องมีพระอรหันต์หนึ่งคน เป็นแน่แท้
เพราะใครก็ได้ที่ละกิเลส ได้หมดจด ก็เป็นพระอรหันต์ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นพระ
ชาวบ้านที่ไม่ได้บวชก็บรรลุอรหันต์ได้
สังเกตุได้อย่างไร
คนอื่นสังเกตุยาก คนที่บรรลุอรหันต์ เท่านั้น จะรู้ตัวเองว่าบรรลุอรหันต์
จะรู้ได้อย่างไรว่าบรรลุอรหันต์
ต้องดูว่าตนละกิเลสข้อไหนได้บ้าง ถ้าละได้ก็จะเป็นพระอริยบุคคลตามประเภทต่างๆ คือ
ระดับที่ ๑. การละสังโยชน์ของพระโสดาบัน คือ การเริ่มมีความรู้ในเรื่องอริยสัจ ๔
ตามความเป็นจริง(เริ่มละความหลงได้ หรือเริ่มละอวิชชาได้ หรือเริ่มมีวิชชา)
ได้แก่การเริ่มละความเห็นว่าเป็นตัวของตน(สักกายทิฏฐิ) เริ่มละความลังเลสงสัย(วิจิกิจฉา)
เริ่มละความถือมั่นในข้อปฏิบัติต่าง ๆ นอกพระพุทธศาสนา(สีลัพพตปรามาส)ได้บ้างแล้ว.

ในสมัยพุทธกาล พระโสดาบัน คือ บุคคลที่มีดวงตาเห็นธรรม ซึ่งหมายถึงการเริ่มมีความรู้ในอริยสัจ ๔
ตามความเป็นจริง ที่เกิดขึ้นภายหลังการฟังธรรมที่ถูกต้องและครบถ้วนเป็นครั้งแรก.

ระดับที่ ๒. การละสังโยชน์ของพระสกิทาคามี คือ การมีความรู้และความสามารถในการละสังโยชน์ของพระโสดาบัน
ละกิเลส(ละความโลภ โกรธ หลง)ให้เบาบางลงด้วย กล่าวคือ
มีความรู้และความสามารถในการละกิเลสอย่างหยาบ(ละสังโยชน์เบื้องต่ำ)ได้มากขึ้น.

ระดับที่ ๓. การละสังโยชน์ของพระอนาคามี คือ การมีความรู้และความสามารถในการละสังโยชน์ของพระสกิทาคามี
การละความคิดกำหนัดยินดีในกามคุณ(ละกามราคะหรือละความโลภ)และละความคิดขัดเคืองใจ(ละปฏิฆะหรือละความโกรธ)
ซึ่งเป็นการละสังโยชน์เบื้องต่ำได้ทั้งหมด.

ระดับที่ ๔. การละสังโยชน์ของพระอรหันต์ คือ การมีความรู้และความสามารถในการละกิเลส(ความโลภ โกรธ
หลง)ได้หมดสิ้น หรือละสังโยชน์ทั้งเบื้องต่ำและเบื้องสูงได้หมด.

 

1.ถ้าส่วนตัวคิดว่ายังมี วิธีสังเกตุก็คงใช้การดูปฎิปทาและแนวคำสอนของท่าน สังเกตุและเปรียบเทียบกับหลักธรรมต่างๆดูว่าเข้ากันได้หรือไม่

2.อีกวิธีหนึ่งก็คงถามจากผู้ที่มีญาณต่างๆว่าท่านองค์นั้นองค์นี้เป็นอย่างไร ปฎิบัติถึงขั้นไหนแล้ว ช่วยดูแสงจิตและสภาวะจิตให้ที

3.อันนี้คิดว่าน่าจะนิมนต์ให้พระที่เราคิดว่าน่าจะบรรลุแล้วลองถ่ายกล้องออร่าดูว่าแสงออร่าของท่านจะออกมาเป็นยังไง (วิธีนี้ไม่แน่ใจว่าบอกอะไรได้จริงๆรึเปล่า แต่เห็นตรงคำอธิบายติดไว้ว่าแสงออร่าสีนั้นสีนี้หมายถึงอะไร ดังนั้นถ้าจิตที่บริสุทธิ์ก็น่าจะมีแสงออร่าออกมาตรงกับคำอธิบายที่ติดไว้ครับ)

 

คิดว่ามีนะครับ
แต่ว่าวิธีสังเกตไม่รู้นะครับ
ดูจากจริยา คงได้บ้าง
ดูจากคำสอน คงได้บ้าง แต่ท่านคงไ่ม่สอนอะไรเกินกว่าพระพุทธเจ้าสอน
จะรู้ได้จริงๆคิดว่า คงด้วย ระดับจิตเท่ากัน
จะรู้ได้จริงๆ คงด้วย อิทธิวิธี

 

ค่ะ...ทั้งหมดที่ทุกท่านยกมาออกความเห็นั้นใช่แล พระอรหันต์ของบุตร คือ พ่อแม่ด้วยนะคะ อย่าลืมกราบพระอรหันต์ที่ให้กำเนิดเรามานะคะ ...

นี่เพิ่งกราบปุจฉาธรรมข้ามทวีปกับท่านป้านิภา คงสุข ท่านกล่าวยืนยันตามที่ยายผีป่าอ่านทุกความเห็นให้ท่านฟัง และยายผีป่าเรียนถามท่านว่า ยายผีป่ากล่าวจริงไหม พ่อแม่คืออรหันต์แห่งบุตร ท่านตอบใช่ ถ้าไม่งั้นพ่อแม่จะทนลำบากเพื่อบุตรทำไม

*กราบพ่อแม่เยี่ยงอรหันต์เถิด*

 

มีทุกสมัยครับ ความทุกข์ เกิด แก่ เจ็บตาย มีทุกสมัย และตราบเมื่อยังมีพระธรรมคำสอน ของพระพุทธเจ้าอยู่ ก็ ย่อม ยังมี พระอริยะบุคคลและพระอรหันต์ครับ อย่าประมาทหละ ระวังกรรมจากการล่วงเกินท่าน ทำบุญกับท่านก็ได้บุญเยอะ ในทางกลับกัน บาปก็เยอะถ้าทำไม่ดีต่อท่าน การที่พระอริยบุคคลท่านไม่มาประกาศตนให้คนอย่างเราๆ หรือเที่ยวประกาศตนให้คนอื่นรู้ว่าตนบรรลุธรรมหรือความดีนั้น เพราะท่านอยู่พ้นแล้ว สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่อยู่เหนือคำพูด เราต้องปฏิบัติดูเราถึงจะรู้ พวกเราชาวปุถุชนก็เปรียบดังปลาที่เฝ้าถามเต่า ซึ่งเต่าอยู่ทั้งบนบกและในน้ำ ว่าบนบกและ ท้องฟ้าเป็นเช่นไร เป็นเช่นไร แต่เราเป็นปลาเคยอยู่แต่ในน้ำ ถึง ผู้ที่เขาอยู่บนบกจะอธิบายยังไงเราก็เข้าใจยาก หรือคลาดเคลื่อน บางทีไม่เข้าใจเลยด้วยซ้ำ เราต้องปฏิบัติดูครับ เมื่อถึงสภาวะที่สุดแห่งทุกข์เราก็จะเข้าใจเอง และบางทีท่านที่เป็นพระอริยบุคคลอย่างเช่นพระโสดาบันท่านอาจจะ จะไม่รู้ตัวท่านด้วยซ้ำว่าท่านบรรลุแล้ว แต่จะรู้ก็ต่อเมื่อมี ผู้ที่มีภูมิธรรมที่สูงกว่าบอกให้ทราบ

 

065 วิธีพิสูจน์พระอรหันต์

ปัญหา เราจะมีวิธีพิสูจน์ได้อย่างไร ว่าภิกษุรูปใดเป็นพระอรหันต์ หรือไม่ เพราะเราไม่อาจจะทราบได้ด้วยเครื่องหมายภายนอกใด ๆ ?

พุทธดำรัสตอบ

 

ผมเคยอ่านเหมือนกันปัญหานี้ ในหนังสือ พระพุทธเจ้าทรงตรัจว่า เอาตามสำนวนผมนะ
ตราบได้ที่ภิกษุยังอยู่ในธรรมยังมีความ เพียร พระอรหันก็จะไม่ว่างจากโลก สวนวิธีดูนะ
ตามเข้าใจของผมนะ ทานเยือกเย็นมีปัญญาสูง อารมโกรธไม่มีปล่อยว่าง

 

หลวงตาบัวไงครับ ผมติดตามการเทศนาของท่านและหนังสือธรรมะของท่านบ่อยๆ และสังเกตอารมณ์ท่านอยู่เรื่อยๆ รู้สึกว่าเป็นผู้ปล่อยวางอารมณ์ได้อย่างยอดเยี่ยมและมีจิตใจเด็ดเดี่ยวอย่างน่านับถือ และผมมั่นใจในองค์ท่านมากครับ รู้สึกเป็นโชคอันดีที่พระอรหันต์ได้แสดงตนให้โลกได้บูชาอีกหนึ่งองค์ เลยต้องหาโอกาสทำบุญกับท่านสักครั้งในชีวิต

 

เหะๆ.........ผมว่าพระอรหันต์ไม่สามารถสังเกตุท่านด้วยตาเปล่าหรอกครับ เพราะสิ่งที่ท่านแสดงออกมาคืออาการหรือกริยาเท่านั้น ใช่จากอารมณ์หรือการปรุงแต่งไม่ พูดง่ายๆคือ ก่อนหน้าที่จะบรรลุอรหันต์ท่านมีการแสดงออกยังไงหลังจากบรรลุก็ยังคงสามารถแสดงออกได้แบบเดิม ..... คงต้องใช้การสนทนาธรรมและใช้ความรู้สึกเพิ่มเติมเข้าไปด้วย ต้องถามท่านว่าท่านหลุดหรือบรรลุอรหันต์ด้วยการพิจารณาธรรมข้อใด ก่อนหน้าบรรลุและหลังการบรรลุแตกต่างกันอย่างไร.......ตามจริงคือต้องเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลย เพราะจะรู้สึกอิสระตลอดกาล ไม่มีอะไรที่จะต้องพยายามต้องปฏิบัติธรรม หรือพิจารณาธรรมอีกต่อไป........เพราะหมายถึงการจบกิจที่ควรกระทำอีกแล้ว.......

 

เอ ทำไมความคิดเห็นของผมโดนลบครับ

 

ขอปรบมือให้ คนเก่งหลายๆคน ที่ตอบดี ดีมาก น่ารัก

...ที่ว่า พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูก...ถูกครึ่งนึ่งนะ
เพราะ พ่อแม่ ไม่ใช่พระอรหันต์...เพราะพระอรหันต์ นั้นหมดจดจากกิเลส...

เพียง.......แต่ พ่อแม่ มีคุณ..เอนก...อนันต์...

โบราณท่านกล่าวไว้ เพราะหากลูกล่วงเกินพ่อแม่ ...บาปมหันต์ ...จนถึงอนันตรยกรรม

ผลจากการปฏิบัติ ฝึกฝนตนเองมาอย่างดีแล้ว ย่อมรู้ว่า ภูตะนั้นๆ ได้อบรมขัดเกลามาแล้ว ชั้นไหน ขั้นไหน เมื่อสัมพันธ์
แต่ไม่สามารถล่วงรู้ คาดผู้ที่อยู่สูงกว่าตนได้
ผู้มีญาณ ฌานวิถี เมื่อเจอบุคคลที่สูงกว่า ก็ไม่เพ่งท่าน เพราะฌานเราจะเสื่อ เสมือนตาบอด ขอเตือนๆๆ
อยากรู้ อยากเห็นของสูง ให้พิเคราะห์ตนเองก่อนว่า ตนมีวาสนาพอหรือยัง บารมีแก่กล้าพอไม๋

เพราะหาก ศิลเราไม่บริสุทธิ สมาธิไม่ดี วันนั้นเราจะรับท่านไม่ติด พระอรหันต์นั่งตรงหน้าเราก็ไม่รู้จัก

อีกวิธี ที่ช่วยได้ คือ การเตรียมตังเตรียมใจตลอดเวลาทุกลมหายใจออก เข้า อุทิศ แลเผ่เมตตา พร้อมทั้งอธิษฐานจิต ขอเจอพระอรหันต์ที่มีบุญวาสนาต่อกัน เคยเป็นญาติ ครูอาจารย์ มาช่วยสงเคราะห์ลูกแก้วด้วยเทอญ

เห็นว่าเป็นคนดี เลยขอบอกกล่าวมา....

 

มีแน่นอน รู้ได้ด้วย 1.ศรัทธา 2.ปัญญา ศรัทธา เช่น ลูกศิษหลวงพ่อฤษีลิงดำมั่นใจว่าหลวงพ่อเป็นพระอรหันต์แล้วและก็ถูกด้วย แต่บางคนศร้ทธาผิดคนก็ผิดไปเลย ส่วนปัญญาคงต้องปฏิบัติให้ได้ก่อนจึงจะสามารถรู้ได้

 

จริงว่าหลอก หลอกว่าจริง ของจริงไม่บอก ที่บอกส่วนใหญ่มักไม่จริง
ท่านที่เป็นจริง ๆ ท่านจะไม่บอกหรอกเพราะท่านไม่อวดอุตริ ปล่อยให้คนไปเดากันเอง พวกที่บอกว่าฉันเป็นนั่น เป็นนี่ ส่วนใหญ่มักไม่จริงเพราะพระอรหันต์ท่านตัดรัก โลภ โกรธ หลง แล้วท่านจะไม่ยึดติดในสิ่งที่ท่านมี ท่านเป็น

 

มีอย่างแน่นอน แต่การที่จะทราบว่าท่านเป็นหรือไม่ คงต้องพิจารณาจากหลายอย่าง
แต่ที่สำคัญท่านคงเป็นผู้ปฏิบัติธรรมที่ชอบช่วยเหลือมวลมนุษย์ และช่วยชี้แนะวิธีปฏิบัติให้มวลมนุษย์หลุดพ้นจากบ่วงกรรม

 

เสียดายจัง

กว่าเราจะทราบบางที ก็ต่อเมื่อท่านละสังขารไปเสียแล้ว

 

หลวงพ่อฤาษีเคยบอกว่า พระอรหันต์จะมีตลอดไม่ขาดในช่วง 5000 ปี เพราะถ้าขาดจะสืบอารมณ์กันไม่ได้ จะขาดครูไม่ได้ พระธรรมดาจะสอนให้ผู้อื่นบรรลุอรหันต์ไม่ได้ ท่านยังแจงว่าแต่ละ1000 ปีไหนจะมากด้วยอะไร จำได้เพียงแค่ว่า 1000 ปีที่ 5 จะมากด้วยพระอนาคามี แต่ก็ยังมีพระอรหันต์อยู่นะครับ ส่วนรายละเอียดน่าจะอยู่ใน หนังสือหลวงพ่อตอบปัญหา ใครทราบรายละเอียดช่วยตอบต่อด้วยครับ

วิธีสังเกตุ เอาง่ายๆครับ ผมดูพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่ว่าพระองค์ไหนท่านอยู่เร้นลับเช่นไร ถ้าพระองค์นั้นเป็นพระแท้ ท่านจะเสด็จไปหาและเรียนถามข้อธรรมครับ เน้นครับ เรียนถามข้อธรรมนะครับ ถ้าไปเฉย ๆ ตามพระราชกรณียกิจก็ไม่ใช่ครับ ประมาณนั้น ไม่ถูกต้องเช่นไรทักท้วงด้วยนะครับ

 

เคยได้ยินว่าตราบใด ที่พระพุทธศาสนายังคงอยู่ ...... เขาว่ากันว่าโลกไม่เว้นว่างจากพระอรหันต์ ......(.ประเทศไทยมีวัดกว่า 30000 วัด มีพระกว่า 3 แสน รูป )

 

พระที่เก่งๆ จะ ทายใจ รู้จิตใจ ของปุถุชน อ่านใจได้ อย่างถูกต้องตรงเผง..ท่าน...ท่านจะทายถูกหมด ...อดีต ปัจจุบัน อนาคต ...จิตท่านจะเป็นเมตตา ......ด้วยนะ ..ท่านไม่หวังใด ๆ ......ทำบุญกับพระอรหัตน์จะเกิดเห็นผล ...ในวันนั้น..หรือวันต่อมา ไม่นาน..... ...

 

1.ช่วงพันปีที่หนึ่ง จะมากไปด้วยพระอรหันต์ปฎิสัมภิทาญาน
2.ช่วงพันปีที่สอง จะมากไปด้วยพระอรหันต์อภิญญาหก
3.ช่วงพันปีที่สาม จะมากไปด้วยพระอรหันต์เตวิชโช
4.ช่วงพันปีที่สี่ จะมากไปด้วนพระอรหันต์สุขวิปัสสโก
5.ช่วงพันปีที่ห้า จะมากไปด้วยพระอนาคามี

สวัสดีมากครับ