เพราะอะไรจินตนาการจึงสำคัญกว่าความรู้...............

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Por.f.R.P.Fenyman, 21 พฤศจิกายน 2008.

  1. ศิลปินชนบท

    ศิลปินชนบท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    773
    ค่าพลัง:
    +1,678
    ศิลปะคือการบันทึกสิ่งที่เห็นลงบนสิ่งที่ว่างเปล่า

    ....ซินยุนบก.....(ดูหนังเกาหลีอยู่พอดี ซินยุนบกบอกว่างี้ อิอิ)

    จินตนาการ คือการวาดภาพสิ่งที่ปรารถนาในใจลงในอากาศ (จะทำจริงหรือไม่ทำก็ได้)
    ถ้าจินตนาการกลายเป็นแรงบัลดาลใจ ศิลปินก็จะค่อยๆลงมือทำจริงจากภาพที่สร้างในอากาศเป็นการสร้างงานศิลปะที่เกิดขึ้นจริง เพื่อสร้างสิ่งที่ปรารถนาในใจตน มองเห็นได้ด้วยตา สัมผัสได้ด้วยใจ ในโลก 3 มิติ (แล้วแต่ว่าคนที่ไปพบเห็นจะเข้าใจกันไปในทิศทางใด)

    ศิลปินชนบท......(kiss)
     
  2. ลุงมหา๑

    ลุงมหา๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +3,937
    ทางโลก ทางธรรม ปัญญาอันสูงสุด

    ขออนุญาตครับ
    พระพุทธองค์ได้เคยทรงตรัสว่า

    กำลังแม้แต่เพียงฌาณสี่ ก็เพียงพอแล้วในการพิจารณาธรรมเพื่อความหลุดพ้น

    หลวงปู่พุทธ ฐานิโย ท่านแสดงธรรมเอาไว้ว่า

    สมาธิที่เลยฌาณ๔ ไปเป็นของพวกฤๅษี
    เพราะเมื่อไม่รู้วิธีพาให้พ้นจากทุกข์
    พวกฤๅษีจึงได้แต่บำเพ็ญเพียร สะสมกำลังสติ สะสมกำลังสมาธิ ไปเรื่อยๆ จนเกิดเป็นโลกิยฌาณ
    และนำไปสู่การแสดงฤทธิ์หลากหลายรูปแบบ

    จนเป็นเหตุให้ในพรหมโลก มีเหล่าฤๅษีที่เคยบำเพ็ญเพียรมาแล้วมากมาย พากันมาจุติ พากันมาเกิด พากันมาตกค้างกันอยู่ที่นี่

    ไม่เว้นแม้แต่พระสงฆ์ที่ท่านแม้เพียรปฏิบัติ แต่กลับไปไม่ถึงที่สุดคือการพ้นทุกข์
    ก็พากันมาตกค้างกันอยู่ที่พรหมโลกเช่นเดียวกัน

    ส่วนพวกที่ทำได้แค่ ศรัทธา ทาน ศีล ก็พากันไปได้สูงสุดแค่เทวะโลกชั้นต้นๆ

    สมาธิ จึงเป็นตัวบอกตัวแบ่งว่า จะไปจุติได้ถึง เทวะโลกชั้นสูง ไปจนถึงพรหมโลกชั้นกลางๆ

    ปัญญา จึงเป็นตัวบอกตัวแบ่งว่า จะนำไปสู่พรหมโลกชั้นกลางๆ ไปจนถึงพรหมโลกชั้นสูงที่สุด

    แม้กระนั้นก็มีผู้มีปัญญาอยู่จำนวนมาก ที่รู้ตัวดีว่า
    ไม่เสี่ยงที่จะพบหรือไม่พบความพ้นทุกข์ในชาตินี้
    จึงได้หลีกเลี่ยงไปใช้ชีวิตแบบชาญฉลาด
    ด้วยการสร้างกุศลผลบุญในรูปแบบต่างๆ

    ก็เพียงเพืี่อ หลีกเลี่ยง การไปตกค้างอยู่ใน เทวะโลกชั้นสูง ไปจนถึงพรหมโลกทุกๆชั้น
    เพราะเสียเวลาในการเวียนว่ายตายเกิดยาวนานยิ่งกว่า

    ดังนั้นการใช้ชีวิตความเป็นมนุษย์ในโลกจึงมีคุณค่ายิ่ง

    ท่านผู้ใด ใช้ชีวิตสะสม ทางโลก มากเท่าใด ท่านก็ต้อง ยืดเวลา แห่งการเวียนว่ายตายเกิดออกไปนานยิ่งขึ้น

    ยิ่งท่านที่เป็นมิจฉาทิฐิ ที่หลงผิดด้วยแล้ว
    ต้องเสียเวลาไปเวียนว่ายตายเกิดในภพภูมิเบื้องต่ำกันอีกด้วย

    กะอีแค่มนุษย์ในซีกโลกตะวันตกที่พากันเรียกว่า นักวิทยาศาตร์ นักสังคมศาตร์

    พากันไปยกย่องพวกมันไปทำไม นึกบ้างใหมว่า

    ลุงป้าน้าอา

    ที่รู้จักแต่ ทำบุญ ทำทาน
    ที่รู้จักแต่ ทำไร่ ทำนา
    ที่รู้จักแต่ ใส่บาตร ทำบุญ
    ที่รู้จักแต่ เข้าวัด ฟังธรรม

    ท่านเหล่านี้ต่างหากที่น่ายกย่องเพราะ
    พวกท่านต่างก็เหลือเวลาในการเวียนว่ายตายเกิดที่สั้นกว่า

    สิ่งเหล่านี้ เรียกรวมๆว่า บุญบารมี อย่างไรล่ะท่าน

    การที่ชาวตะวันตก

    อาศัยแค่ วิสัยทัศน์
    อาศัยแค่ จินตนาการ
    อาศัยแค่ การสร้างผลงานทางโลก

    จึงไม่อาจจะสร้างปัญญาระดับสูงๆได้
    ยิ่งปัญญาเพื่อความหลุดพ้นด้วยแล้วยิ่งเป็นไปไม่ได้

    น่าเสียดายที่ชาวพุทธนักปฏิบัติส่วนมาก

    บ้างก็มุ่งทางธรรม โดยไม่สนใจทางโลก
    บ้างก็มุ่งทางธรรม โดยไม่สนใจทางฤทธิ์

    เป็นที่น่าเสียดายชาวพุทธเรายังไม่มีผู้มีบุญบารมีสูงส่งถึงขนาด

    เก่งกาจทั้งทางโลกและทางธรรม

    จะว่าไม่มีก็ไม่ถูก เพราะมีอยู่ท่านหนึ่งจริงๆ
    ท่านผู้นี้ คนไทยทั้งชาติรู้จักเป็นอย่างดี

    เพียงแต่ว่าไพ่ใบสุดท้ายจะถูกปล่อยจากมือของท่านหรือไม่

    เพราะมีคนบอกผมมาว่า ไพ่ใบนี้จะถูกปล่อยวันที่ 28 ธันวาคม 2557 นี่เอง

    สรุป ปัญญาสูงสุดทางโลก ยังไม่อาจนำไปเทียบได้ แม้แต่กับปัญญาเบื้องต้นทางธรรม

    เพียงแต่ผู้มีปัญญาทางธรรม พากันคิดจะช่วยทางโลกกันบ้างไหม?

    หรือจะมีแต่เพียง องค์หลวงตามหาบัว เพียงผู้เดียว

    ชาวไทยทั้งประเทศรอความหวังอยู่

    เสียสละ พอไหม?
    กล้า พอไหม?
    รู้จังหวะ รู้เวลา ที่เหมาะที่สุดไหม?
    ถ้าเลยเวลาที่เหมาะที่สุดแล้ว อาจจะหมดเวลา อาจจะสายเกินไปไหม?

    แล้วปัญญาของจริงเป็นเช่นไร?

    องค์หลวงตามหาบัวท่านสอนว่า

    ให้พิจารณาอยู่อย่างนั้น โดยไม่ต้องไปสนใจว่า
    พิจารณากี่ครั้ง พิจารณากี่รอบ
    ให้พิจารณาจนกว่าจะเข้าใจ

    ผมก็จะอธิบายให้ว่า บทสรุปของปัญญาระดับต้นระดับกลางคือ

    รู้บาป รู้บุญ
    รู้คุณ รูโทษ
    รู้ดี รู้ชั่ว
    รู้ถูก รู้ผิด

    สำหรับทางโลกนั้น แค่ รู้ถูก รู้ผิด ก็ถือเป็นปัญญาระดับสูงทางโลกแล้ว
    สำหรับคนมีกำลังสติกำลังสมาธิสูงส่งพอ
    การพิจารณาคำตอบว่าถูกว่าผิดออกมานั้น
    จะได้ออกมาเป็นคำตอบสุดท้ายได้เลยทีเดียว

    และคำตอบสุดท้ายของผู้มี กำลังสติ กำลังสมาธิ กำลังปัญญานี้
    ท่านคิดออกมาได้ แค่อึดใจเดียว

    เพียงแต่คำตอบสุดท้ายนี้ เทียบกับคนทั่วๆไป
    อาจจะต้องคิด อาจจะต้องเสียเวลากลั่นกรอง

    เป็น 10 เป็น 100 เป็น 1000 เป็น 10000 เป็น 100000 เป็น 1000000 ........

    นึกออกกันไหม พวกที่จะพากันร่างรัฐธรรมนูญ

    บทสรุปของพวกท่านคืออะไรกัน?


    ขอโมทนาบุญร่วมกับผู้มีบุญบารมีทุกๆท่าน
    ที่มุ่งหาวิธี ลดการเวียนว่ายตายเกิด
    ให้เหลือน้อยลงไปๆ

    จนเหลือน้อยที่สุด

    ขอโมทนาบุญ

    ลุงมหา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ธันวาคม 2014
  3. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ในเมื่อเราเป็นชาวพุทธ เป็นพุทธแท้ เพราะมีกาย วาจา ใจที่ดีงาม เป็นผู้เข้าถึงแก่นแท้ในสัทธรรมได้แล้ว เราก็ไม่ควรไปกล่าวว่า โลกตะวันตก นักวิทยาศาตร์ ไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้

    แบบนี้ไม่ควรเป็นมิจฉาทิฏฐิ เพราะผู้มีจิตใจดีงาม ย่อมมองส่วนดีส่วนที่เป็นประโยชน์แก่ชีวิตที่ดำเนินไป

    วิทยาศาตร์คือความเจริญทางวัตถุ ที่อำนวยผลให้ สุขภาพกายที่สมบูรณ์ดีพร้อม ทำให้การดำเนินชีวิตมีความสะดวก สุขสบาย และมีพัตนาการทางกายทางวัตถุที่ดียิ่งๆขึ้นไป อันมีประโยชน์อย่างยิ่งเช่นกัน

    ประโยชน์ก็คือประโยชน์ที่เราควรพอใจแต่ไม่ยินดี ยินร้ายกับมัน
    การฝึกจิตก็ต้องใช้สติปัญญามองให้รอบด้าน ไม่ใช่เรามุ่งนิพพานแล้วไม่สนใจกระแสโลกเลยมันก็ไม่ถูก มันต้องเห็นประโยชน์ เห็นโทษ เดินสายกลางให้เป็น เจริญมรรคให้เป็น เมื่อนั้นก็จะอยู่บนโลกได้อย่างเหนือโลกครับ สาธุ
     
  4. ลุงมหา๑

    ลุงมหา๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +3,937
    ปัญญาๆๆ เกิดขึ้นได้อย่างไร?

    ขออนุญาตครับ

    เพราะชาวพุทธส่วนใหญ่ ปฏิบัติไปไม่ถึงจนเกิดปัญญา

    เลยไม่รู้ว่า ปัญญา คืออะไร?

    เลยไม่รู้ว่า ปัญญา เกิดขึ้นได้อย่างไร?

    เลยไม่รู้ว่า ลำดับขั้น ของการเกิด ปัญญา มีขั้นตอนอย่างไร?

    ปัญญาทางธรรม สู่ ปัญญาทางโลก
    ปัญญาทางโลก สู่ ปัญญาทางธรรม

    ปัญญาทางธรรม

    จากประวัติของครูบาอาจารย์ฝ่ายธรรมยุตินั้น
    พวกท่านต่างก็ระบุอย่างชัดเจนว่า องค์ท่านสำเร็จพรรษาที่เท่าไร

    ซึ่งส่วนมากสำเร็จในพรรษาที่ ๑๒ ถึงพรรษาที่ ๑๘ เป็นส่วนมาก

    ซึ่งลำดับการปฏิบัติของพวกท่านก็คือ

    สะสมกำลังสติ สะสมกำลังสมาธิ จนผ่าน ฌาน๔
    ฝึกการ รู้ตัวทุกอิริยาบถ จนครบถ้วน ได้มหาสติ
    ฝึกการเดินปัญญา จากเหตุไปหาผล แล้วเอาผลนั้นมาตั้งเป็นเหตุุ แล้วหาผล ต่อไปๆ จนกว่าจะเจ้าใจครบถ้วนในเรื่องนั้นๆ
    แล้วก็ทำเช่นนี้ในเรื่องอื่นๆในทางธรรม ต่อไปๆๆ

    จนกว่าจะสามารถ เข้าใจเรื่อง อนัตตา
    จนกว่าจะปล่อยวาง ให้จิตหลุดพ้นไปจาก สิ่งยึดเหนี่ยวทั้งปวง

    ที่เป็นที่ทราบกันว่า

    ผู้ใดเดินมหาสติ มหาปัญญา อย่างเร็ว ๗ วัน อย่างช้า ๗ ปี จึงจะมีโอกาศสำเร็จได้

    แต่ในยุคปัจจุบัน นอกจากองค์หลวงปู่มั่นแล้ว
    ยังไม่มีท่านผู้ใด สำเร็จ โดยปราศจาก การจูง การบอกทางของขั้นสุดท้ายได้

    แม้แต่องค์หลวงปู่มั่นเอง ศิษย์สายตรงขององค์หลวงปู่ใหญ่
    ก็บอกว่า มีช่วงหนึ่งที่ระบุว่า องค์ท่านอยู่ในป่าเพียงลำพัง กับครูบาอาจารย์ที่ท่านไม่รู้จัก

    ส่วนปัญญาทางโลก ก็เป็นเช่นเดียวกัน
    ต้องปฏิบัติจนถึงจนผ่านฌาน๔
    ต้องปฏิบัติจนผ่านการรู้ตัวทุกอิริยาบถ
    ต้องเดินปัญญาจนถึงขั้น เห็นเหตุแล้วรู้ผล

    เพียงแต่ว่ากลุ่มปัญญาทางโลกนี้มีสองพวก

    พวกหนึ่งเรียนรู้ทางโลกจนแตกฉาน
    แล้วจึงฝึกให้ผ่านฌาน๔ ผ่านการรู้ตัวทุกอิริยาบถทีหลัง

    อีกพวกคือฝึกจนผ่านฌาน๔ ผ่านการรู้ตัวทุกอิริยาบถ แล้วลดทางธรรมลง แล้วเพิ่มทางโลกเข้าไปแทน

    ดังนั้นท่านที่ยังไม่เคยผ่านฌาน๔ ไม่เคยผ่านการรู้ตัวทุกอิริยาบท ไม่เคยสัมผัสมหาสติ

    ท่านจะสัมผัสกับปัญญาได้อย่างไร

    เมื่อไม่เคยสัมผัสกับปัญญา แล้วจะไปบอก แล้วจะไปแนะนำ ผู้ที่เขามีปัญญา ได้อย่างไร

    เมื่อตนเองก็ไม่รู้จัก แล้วจะไปบอกเล่าให้ผู้อื่นฟังได้อย่างไร?

    ขอโมทนาบุญ

    ลุงมหา
     
  5. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +1,505
    .
    เขียน ๒๑.๒๖

    แหม..ท่านลุงมหา๑ เขียนให้อ่านเข้าใจยากจังแฮะ
    อ่านดูก็เหมือนจะเข้าใจ แต่อ่านไปเหมือนใจมันรั่วออกได้ ๕๕๕
    มันเข้าไปในใจ แล้วเจาะช่องทะลุออกไปได้ รึไงหว่า ไม่เข้าใจเหมือนกัน ๕๕๕

    ท่านคงเขียนให้ชัดเจนกว่านี้ไม่ได้แน่ คิดว่างั้นนะ ใช่รึเปล่าน๊า
    ว่าแต่ ๒๘ เค้าจะปล่อยของอะไรหรือครับ พอจะใบ้ได้บ้างไม๊
    ใช่แน่หรือครับ เราไม่เห็นมีวี่แววอะไรเลย ข่าวเงียบสนิท ปิดเงียบสนั่น ๕๕๕

    ใครอ่านแล้วปวดหัว ก็ขออภัยด้วยครับ คนเขียนก็ปวดหัวเหมือนกัน
    ไม่รู้เขียนอะไรออกไป ๕๕๕ ใครฟะ ใส่รหัสซะแยะ แล้วจะแก้กันออกไม๊เนี่ย หึหึหึ


    กระต่ายป่า ข้างวัด / ค้างคาวแห่งแสง

    .
     
  6. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    อยากเป็นคนแบบไหน ก็ไปอยู่สังคมแบบนั้น.
     
  7. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    พระพุทธเจ้าทรงปัญญาบริสุทธิ์

    เช่นนี้เอง จึงเกิดธรรมศึกษาให้เราได้ศึกษาเรียนรู้ การที่เราจะไปแสวงหาสิ่งที่เหมาะสมถูกจริตกับตัวเรานั้น การที่เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆภายนอกให้เหมาะสมกับตัวเรานั้น
    ทำได้ยาก มีข้อจำกัดมากมาย บางเรื่องก็อาจจะไม่สามารถแก้ไขได้ก็มี

    พระพุทธเจ้าจึงมุ่งเน้นการดูจิตตนเอง แก้ไขที่ตนเอง เมื่อแก้ไขได้ เปลี่ยนแปลงตนเองได้ ทุกอย่างมันก็จบครับ

    มันจบที่ตัวเราเอง

    ความโลภ โกรธ หลง อิจฉา พยาบาท มันเกิดกับเรา มันไม่ได้เกิดกับคนอื่น เวลาดับมันก็ดับที่จิตเราเอง ถ้าเรามัวไปแก้ที่ผลหรือที่ปลายเหตุ แก้อย่างไรมันก็ไม่หายไม่ดับครับ

    ฉนั้นนี่คือสิ่งที่พุทธบุตรต้องเรียนรู้ ทำความเข้าใจ ต้องฝึกอบรมจิตตนเองครับ สาธุ
     
  8. ลุงมหา๑

    ลุงมหา๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +3,937
    การเกิดของปัญญา การเกิดของปัญญาญาน

    ขออนุญาตครับ

    การเกิดของปัญญา

    ปัญญา ก็คือ การรวมตัวของ องค์ความรู้ องค์ความชำนาญ แล้วนำไปสู่การเห็นเหตุ แล้วตามมาด้วยการรู้ผล
    โดยผ่านการพิจารณาเป็นขั้นเป็นตอน ที่มีรายละเอียดอันซับซ้อน
    จะมากจะน้อยจะช้าจะเร็ว ขึ้นอยู่กับ องค์ความรู้ องค์ความชำนาญ ของพื้นฐานเดิมที่รองรับอยู่

    ซึ่งอันนี้เป็นปัญญาทางโลก

    เหมือนกับที่พากันมะงุมมะหงา จะร่างรัฐธรรมนูญกันอยู่นี่ล่ะ

    ปัญญาญาน คือปัญญาทางธรรม คือปัญญาที่ผ่านการฝึกฝนอบรมตนเองมา

    ผ่านฌาน๔
    ผ่านการรู้ตัวทุกอิริยาบถ
    ผ่านมหาสติ
    และหรือ ผ่านมหาปัญญาด้วย

    เป็นปัญญาที่เห็นเหตุ ก็รู้ผลในทันที ในอึดใจเดียว
    ส่วนความซับซัอน ของเหตุ ของผลที่รู้นั้น
    ก็ขึ้นกับ บุญบารมีที่ได้สะสมอบรมมาเอนกอนันต์ชาติ
    และนำมารวมกับชาติปัจจุบัน ซึ่งเป็นชาติที่สำคัญที่สุด

    ตัวอย่างปัญญาญาน ที่คนไทยต่างก็รู้จักเป็นอย่างดีทุกผู้ทุกคนคือ

    การสะกัดกั้นไม่ให้คนไม่ดีได้เข้ามาปกครองบ้านเมือง
    และส่งเสริมให้ได้คนดีได้เข้ามาปกครองบ้านเมือง

    ลุงมหาก็จะต่อให้ว่า

    ข้าผิด เอ็งก็ผิด ข้าติดคุก เอ็งก็ติดคุก

    จะแยกคนชั่วแท้ กับคนชั่วเพราะถูกโน้มนำบังคับได้อย่างไร?

    แก้ตรงนี้ได้ ค่อยๆกลั่นกรองไป บ้านเมืองก็จะค่อยๆดีขึ้นเอง

    แต่ปัจจุบัน อดีต สส แท้ๆบอกว่า เป็นผู้แจ้งความจนเป็นเหตุให้มีการจับคลังอาวุธ

    กลับถูกตำรวจแจ้งจับ ออกหมายจับไปด้วย
    ดีนะที่มีพ่อเป็นอดีต รมช. มาประกันตัวให้

    อย่างนี้ใครไปแจ้งแบะแสยาบ้า จะไม่โดนออกหมายจับไปด้วยหรือ?

    ขอให้ดูตัวอย่างกฏหมายอาชญากร สมัยสงครามโลก
    เขาจับเฉพาะตัวหลักๆ เขาจับเฉพาะตัวใหญ่ๆเท่านั้น

    ขอโมทนาบุญ

    ลุงมหา

    ต้องขออภัยต่อท่าน จขกท ที่พูดที่เขียนเกินเลยออกไป
    หวังว่าจะเข้าใจใน สิ่งดีกว่า สิ่งที่ดีที่สุด ขอบคุณครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ธันวาคม 2014
  9. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
    เรื่องบางเรื่องมันลึกลับซับซ้อน มีเบื้องลึกเบื้องหลัง

    อย่างกรณีบางประเทศ บนโลกใบนี้ มีการรณรงค์งดสูบบุหรี่

    หรือควบคุมการดื่มสุราเกินอัตรา ห้ามขายช่วงเทศกาลสำคัญๆ

    เสียงบประมาณรณรงค์ เพื่อให้เห็นโทษ ไปโดยใช่เหตุ

    ยิ่งรณรงค์ยอดคนเสพสูบดื่ม กลับยิ่งเพิ่มในแต่ละปี สถิติโลก

    ทั้งงบประมาณทางการแพทย์ ในด้านการรักษา บำบัดฟื้นฟู จากเหตุเหล่านั้น

    หากนำเรื่องของ "มิจฉาวนิชชาทั้ง5" ทางพุทธศาสตร์ มาเทียบ

    มีคำถามว่า ผู้มีปัญญา บางประเทศ บนโลกใบนี้

    ทำไม ไม่ตัดต้นตอเหตุกำเนิด ลงรากฝังลึกลงพื้นดิน ปิดโรงงาน

    เพื่อที่ว่า องค์การอนามัยในโลกใบนี้ จะได้ไม่ต้องมีกฏหมาย ห้ามการโฆษณาสนับสนุนสินค้าเหล่านี้

    ไม่ต้องจัดทำสถิติผู้เสพ ผู้ดื่ม ทั้งยังไม่ต้องกำหนดเป็น "วันงด..โลก"

    ฤาว่า เช่นกันในทางโลก เมื่อมีเหตุก็ต้องมี ผลประ...(กอบ)

    เอ้อ...ทำไมมันเช่นนี้ล่ะ ตลกดีมนุษย์บางคนบนโลกใบนี้ อัฏ(ด)ยายซื้อขนมใคร?

    อะไรหนอเป็นเหตุที่แท้จริง ถ้าไม่ใช่ กิเลสและตัณหา แล้วจะคืออะไร

    เห้อๆ..!! หรือว่าบางประเทศ เขาไม่ได้เป็นเมืองพุทธ

    "มนุษย์วัฏสงสาร มดไต่ขอบด้ง ภายเรือในอ่าง(อบ) ลิงแก้แห"

    <IMG src='http://uproxx.files.wordpress.com/2011/11/db2162-batman-dog.jpg' width=250>

    แอ้ๆ......
     
  10. ลุงมหา๑

    ลุงมหา๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +3,937
    ผู้มีบุญบารมีอันแท้จริง

    ขออนุญาตครับ

    ผู้มีบุญบารมีอันแท้จริง สายฆราวาสผู้เรืองปัญญา

    อันดับ๑ ปู่โทน หรำแพร ฆราวาสผู้เป็นเอกสายฤทํธิ์ ผู้สำเร็จกิจในชาตินี้
    ผู้ที่ได้รับการยกย่องจากองค์หลวงปู่ใหญ่ว่า

    เป็นผู้สำเร็จซึ่ง อิทธิบาท๔ สามารถทำอะไรก็สำเร็จได้ดังหวัง

    ผูัที่ทำให้ผู้คนทราบว่า หลวงปู่สรวง เทวดาเล่นดินนั้น
    ที่แท้ก็เป๊นศิษย์ของหลวงปู่ใหญ่

    ท่านอาจารย์ใหญ่ปู่โทนนี้ ท่านใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบ
    แม้จะมีนักเขียนใหญ่ เขียนประวัติของท่านออกเผยแผ่ไปอย่างกว้างขวาง
    กลับมีผู้มีบุญวาสนาได้พบได้เจอท่านน้อยมากๆ
    ยิ่งท่านที่ได้เคยเข้าพิธี เปิดโลกถอนกรรม กับท่านด้วยแล้วยิ่งน้อยลงไปอีก
    ยิ่งศิษย์ของท่าน ที่ถูกส่งต่อไปยังองค์หลวงปูใหญ่ยื่งแทบจะไม่มี

    เพราะศิษย์สายนี้ เป็นสายม้วนเดียวจบ

    ย่อหย่อนเมื่อไร โดนปล่อยทิ้งทันที

    มีผู้มีบุญบารมีกลุ่มหนึ่ง ได้ถูกคัดเลือก ไปอบรมในป่าเมืองกาญน์
    ตั้งแต่ประมาณปี ๒๕๔๐ จนป่านนี้ก็ยังไม่รู้ว่ามีใครบ้าง
    เก็บตัวเงียบกันหมด ใครผ่าน ใครหลุด ใครเลิก ใครสู้ต่อ
    ข่าวคราวเงียบกริบ

    จะมีก็แต่ทายาทธรรมของท่าน ท่านอาจารย์วันชัย หอมจันทร์์
    ที่ท่านก็พูดน้อยลงๆ

    ใครมีบุญบารมีก็ลองไปดู
    สำนักสงฆ์สวนป่านครอาณาเขต
    อยู่ใกล้วัดเขาสูง
    อยู่ไม่ไกลจากวัดถ้ำเขาบุญนาค ของหลวงปู่สี ฉันทศิริ
    อยู่ระหว่าง ต.ช่องแค กับ ตัวอ.ตาคลี

    ขอโมทนาบุญ

    ลุงมหา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ธันวาคม 2014
  11. ลุงมหา๑

    ลุงมหา๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +3,937
    จินตนาการๆๆ

    ขออนุญาตครับ
    ขอเข้าเนื่อเรื่องเอาใจเจ้าของกระทู้หน่อยนะครับ
    คำว่าจินตนาการนั้นเป็นคำที่แปลมาจากภาษาตะวันตกนะครับ
    ถ้าว่ากันด้วยภาษาไทยๆให้เข้าใจกันง่ายๆก็คือ

    นึกภาพขึ้นมาในใจ

    ซึ่งจะนึกได้ มาก น้อย หยาบ ละเอียด ก็ขึ้นกับความชำนาญของแต่ละคน
    และความชำนาญนี้ ก็ขึ้นอยู่กับ

    การเรียนรู้
    การจดจำ
    การสังเกตุเหตุการณ์รอบๆตัวเรา
    การจดจำ เหตุอะไร ทำให้เกิดเป็นผลอะไรตามมา
    แล้วผลอันนั้นทำให้เกิดเหตุอะไรได้อีก
    และเหตุอันใหม่นี้ ทำให้เกิดผลอะไรตามมา

    ซึ่งความสามารถในการประมวลรวบรวมเหตุและผลให้มากที่สุด
    แล้วสรุปเป็นผลที่ดีที่สุดออกมา

    อันนี้เป็นแค่ความรู้ ที่เรียกว่า ความฉลาดเท่านั้นเอง

    และเมื่อความฉลาดสะสมได้มากพอ จึงจะเรียกว่า ปัญญา

    คนทั่วๆไปนั้น ต่อให้ฉลาดสักปานใดก็ตาม
    และแม้ว่ามีความฉลาดแล้วก็ตาม

    ก็ยังต้องอยู่ภายใต้ข้อจำกัดที่ว่า

    รู้เฉพาะ ด้านใดด้านหนึ่ง
    ฉลาดเฉพาะ ด้านใดด้านหนึ่ง เท่านั้นเอง

    ส่วนปัญญาญานนั้น

    เกิดจากการเพียรปฏิบัติ
    จนสามารถสะสม กำลังสติ
    จนสามารถสะสม กำลังสมาธิ
    จนสามารถ สะสมการรู้ตัวทุกอิริยาบถ
    จนเกิดเป็นมหาสติ
    จนเดินปัญญา พิจารณาเหตุผล พิจารณาผลเหตุ
    จนเกิดความชำนาญในการพิจารณา
    จนเกิดเป็นมหาปัญญา
    จนเกิดเป็นปัญญาญาน คือ การพิจารณาอะไร ก็รู้ได้ในอึดใจเดียว

    ปัญญาอันนี้แยกได้เป็นสองสาย

    คือสายอริยะมรรค คือผู้ที่รักษาศีล คือผู้ที่รักษาพระธรรมวินัยได้ครบถ้วน
    ก็เข้าสู่ โสดา สกิทาคา อนาคา อรหันต์ ตามลำดับ

    ส่วนอีกพวกหนึ่ง แม้มีปัญญาญาน แต่ย่อหย่อนในศีล
    แม้มีปัญญาญานแล้ว กลับลดศีลลง
    แม้มีกำลังสติ แม้มีกำลังสมาธิ กลับลดกำลังลง
    แต่ก็ยังสามาถ ใช้ปัญญาได้บ้าง ใช้ปัญญญานได้บ้าง
    ตามกำลังสติ ตามกำลังสมาธิ ที่รวบรวม เอามาใช้แต่ละครั้งๆ

    ตามขีดจำกัด ซึ่งก็คือ บุญบารมี ที่ได้สั่งสมอบรมมา

    ด้วยเหตุนี้ ครูบาอาจารย์ ผู้เก่งกาจ หลายๆท่านจึงตกม้าตาย
    เห็นผู้มีบุญบารมีสูงส่ง กลับมองไม่ออกว่า เขาเป็นผู้มีปัญญาญาน

    แม้แต่ครูบาอาจารย์พระอริยะเจ้าแท้ๆ
    ถึงกับมึนงงสงสัยว่า เหตุไฉนครูบาอาจารย์ของตนในอดีตชาติ

    จึงกลับกลายมาเป็นคนธรรมดาสามัญไปได้

    และจินตนาการ ก็คือ สังขาร ก็คือ ความคิดปรุ่งแต่งนี่ละครับ

    หลายๆท่านปฏิบัติแทบเป็นแทบตาย เดินปัญญากับเขาไม่เป็นซักที
    ก็เพราะมัวแต่หลงว่า สังขารเป็นความคิดฟุ้งซ่าน
    พอจิตสะสมกำลังสติ สะสมกำลังสมาธิได้เต็ม
    ก็จะเดินปัญญา โดยเริ่มคิดเริ่มพิจารณา กลับนึกว่าตนจิตคิดฟุ้งซ่าน
    กลับละทิ้งการเริ่มเดินปัญญานั้น และหันย้อนกลับมาวน
    สะสมกำลังสติ สะสมกำลังสมาธิ พายเรือในอ่างวนกันอยู่อย่างนั้น
    ก็เลยเดินปัญญาไม่ได้ ไม่เป๋็นซักที

    บางสาย บางกลุ่ม บางพวก กลับหนักเข้าไปอีก
    ปัญญาเบื้องต้นยังไม่เริ่ม กลับมุ่งฝึกทางอภิญญาไปโน่น
    ถ้าปัญญาเบื้องต้นยังไม่เริ่ม ยังไม่มี

    แล้วจะเอาอะไรไปพิจารณาว่า ตนเองเดินทางถูกหรือผิด

    บางท่านก็ว่า ก็ครูบาอาจารย์ท่านสอนว่าอย่างนี้ๆ
    แล้วครูบาอาจารย์ท่านสอนมากมายนั้น

    รู้หรือว่า ตนเองอยู่ตรงใหน
    ลำดับขั้นของการฝึกฝนของตนเป็นอย่างไร

    แม้แต่องค์หลวงตามหาบัวเอง องค์ท่านก็ยังยืนยันว่า

    ปัญญาเริ่มเดินเองไม่ได้ ต้องโน้มนำ มันจึงจะเริ่มขึ้นมาได้

    องค์ท่านก็คงไม่เคยเจอ องค์ท่านก็คงนึกไม่ถึงว่า

    ในยุคนี้ กลับมึคนเดินปัญญา ได้ก่อนการหัดนั่งภาวนาซะอีก

    ปัญญาญานๆๆ เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว จะโยนทิ้งก็ไม่ได้ เพราะมันฝังอยู่ในจิตแล้ว

    บุญบารมีๆๆ กลัวบาปกลัวกรรม ก็สำรวมระวังกันเอาไว้ก่อน

    ขอโมทนาบุญๆๆ

    ลุงมหา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ธันวาคม 2014
  12. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,087
    ค่าพลัง:
    +3,394
    จินตนาการมากก็ไม่ดีนะ หลอน จะเพ้อไปเรื่อย
     
  13. ลุงมหา๑

    ลุงมหา๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +3,937
    ความฉลาดของภาคมนุษย์ทั่วๆไป

    ขออนุญาตครับ

    มนุษย์ทั่วๆไปเข้าใจว่าตนเองเป็นคนเฉลียวฉลาด
    โดยเฉพาะคนที่สอบได้คะแนนสูงๆตั้งแต่

    ชั้นอนุบาล
    ชั้นประถม
    ชั้นมัธยม

    และประสบความสำเร็จเรื่องการเรียนต่อมาในระดับ

    วิทยาลัย และ หรือ มหาวิทยาลัย

    ผมมีพี่ชายอยู่ในกลุ่มคนเหล่านี้

    บางท่านเป็น ผอ.โรงพยาบาล
    บางท่านเป็น ผอ.แบงค์ชาติ
    หลายท่านเป็น ผกก. ตำรวจ
    หลายท่านเป็นนักธุระกิจระดับต้นๆ

    นอกจากนี้ผมก็มีเพื่อนที่จบวิทยาลัยมาพร้อมกัน

    หลายๆท่านจบการศึกษาระดับปริญญาเอก
    หลายๆท่านเป็นหัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัด
    หลายๆประสพความสำเร็จระดับสูง

    เพียงเพราะท่านทั้งหลายเหล่านั้น

    แค่ดิ้นรน
    แค่แข่งขัน
    แค่ต่อสู้

    ไปตามแนวทาง
    ไปตามกฏเกณฑ์

    ที่มีการ วางรูปแบบเอาไว้แล้วล่วงหน้า

    ท่านทั้งหลายเหล่านี้ ก็เป็นได้เพียง

    ผู้มีความเฉลียวฉลาด ด้านใดด้านหนึ่ง เท่านั้นเอง

    เพียงแค่ เรียนให้เก่งที่สุด หรือ อยู่ในระดับต้นๆ
    เพียงแค่ ทำงานให้ก้าวหน้าที่สุด หรือ อยู่ในระดับต้นๆ

    จนป่านนี้ ท่านทั้งหลายเหล่านี้ ยังคงคิดว่า

    ตนเป็นที่สุดของที่สุด
    ตนเป็นหัวแถวของระดับต้นๆ

    เมื่อคนเหล่านี้ปลดเกษียณออกมา
    จะมีซักกี่คนที่มีสติปัญญาพอที่จะเข้าใจว่า

    แท้ที่จริงตนเป็นคนเฉลียวฉลาดจริงหรือ?

    ทำไมคนโน้น ทำไมคนนี้ จึงรู้ในสิ่งที่ตนไม่รู้

    ทำไมคนโน้น ทำไมคนนี้ จึงทำได้ในสิ่งที่ตนทำไม่ได้

    แต่เราลองมาคิดดูุถึงโลกแห่งความเป็นจริง

    คนทั้งประเทศไทยนั้น

    สู้คนที่ทำห้างเทสโก้โลตัสไม่ได้
    สู้คนที่กอบโกยผลกำไรจาก ปตท. ไม่ได้..... ๙ล๙

    เพราะคนเหล่านี้ไม่เคยรู้ว่า

    ปัญญาที่แท้จริง เป็นอย่างไร?
    ปัญญาญานที่แท้จริง เป็นอย่างไร?

    ก็ผมบอกแล้วไงว่า

    ปัญญาที่แท้จริง คือ

    รู้ดี รู้ชั่ว
    รู้บาป รู้บุญ
    รู้คุณ รู้โทษ
    รู้ถูก รู้ผิด

    และคนที่มีปัญญานที่แท้จริงคือ

    ผู้ที่คิดอะไร ก็ถูกต้อง ก็แม่นยำ ก็รู้ได้ในอึดใจเดียว

    ขอโมทนาบุญร่วมกับผู้มีปัญญาทุกๆท่าน
    ขอโมทนาบุญร่วมกับผู้มีปัญญาญานทุกๆท่าน
    ขอโมทนาๆๆ
    ลุงมหา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มกราคม 2015
  14. Ibfi

    Ibfi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2013
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +101
    ระบบทุนนิยม

    <iframe width="560" height="315" src="//www.youtube.com/embed/Ne7wSOlORWU" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    มองโลก มองเรา สรุปสถานการณ์ภาพรวมปี 58
     
  15. GenerationXXX

    GenerationXXX เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    561
    ค่าพลัง:
    +2,162
    จินตนาการ เป็นผลจากการปรุงแต่งของจิต ที่ไม่สามารถบังคับความจริงให้เป็นไปตามความต้องการได้ จึงต้องอาศัยความพิเศษของจิตคือความนึกรู้ หรือตัวรู้ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่พิเศษสุด ไม่มีสิ่งใดๆ ในเอกภพที่สามารถจะสร้างสรรออกมาในรูปแบบตัวรู้ได้เหมือนจิต จิตที่อาศัยตัวรู้นี้แหละเป็นที่ตั้งของใจ แต่พอต้องมาเกิดเจอกับความเป็นจริงในวัฏสงสาร ก็ไม่สามารถบังคับทุกอย่างให้เป็นตามแรงปรารถนาของจิตได้ จึงเหลือแค่เพียงตัวจิตที่อาศัย ขันธ์ทั้งห้า เป็นเครื่องช่วยให้ความปรารถนาของจิตดำเนินต่อไปได้ "จินตนาการ" จึงเกิดขึ้น

    จินตนาการจึงไม่ขึ้นอยู่กับหลักเหตุและผล ซึ่งเป็นภาพสะท้อนความเป็นจิตเดิมแท้ให้เราทุกคนเห็นได้ว่า เมื่อไหร่ที่เราได้เป็นอิสระจากความจริงในวัฎสงสารนี้ไปได้ ความเป็นอิสระที่แท้จริงถึงจะปรากฎ นั่นคือจิตนาการที่ไม่มีขอบเขตของคำว่าเป็นไปไม่ได้ ต่างกับการจินตนาการในโลกใบนี้ในทุกภพภูมิ ที่ยังต้องอาศัยความเป็นเหตุเป็นผลเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงผลของความเข้าถึงของใจคือความสุข

    เหมือนกับความจริงที่ว่าเมื่ออยากจะสิ้นทุกข์ดับเชื้อแห่งการเกิดแล้ว จำเป็นต้องละทิ้งทั้ง บุญและบาป จะเข้าถึงพระนิพพานได้ต้องทิ้งความรู้สึกติดทั้งดีและไม่ดีไปได้ ไม่ดีทิ้งได้ไม่ยาก แต่ทำไมจึงต้องทิ้งดี นี่แหละที่เป็นคำถามที่นักปฎิบัติควรจะใคร่ควรให้กระจ่างแจ้งแทงตลอด เหตุและผลในความเป็นไปของโลกนี้สมควรที่เราจะยินดีหรือไม่ที่จะอยู่กับมัน และมันทำให้เราเป็นสุขได้จริงๆ หรือ

    อธิบายต่อคงจะยาวเยียด สรุปสั้นๆ เพราะจิตขาดการเรียนรู้ในความจริงที่ว่าความสุขต้องเกิดด้วยจิตตนเองเท่านั้น จินตนาการจึงเป็นทางออกนึงของจิตที่แสดงตัวตนที่แท้จริงของจิต
     
  16. Ibfi

    Ibfi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2013
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +101
    มองโลก มองเรา "ทำไมความพอเพียง จะทำให้ประเทศไทยอยู่รอด"

    <iframe width="420" height="315" src="//www.youtube.com/embed/dRhBfEqr7Ok" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
     
  17. ลุงมหา๑

    ลุงมหา๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +3,937
    ชาวพุทธจะอยู่อย่างไร? ประเทศไทยจะอยู่อย่างไร?

    ขออนุญาตครับ

    ชาวพุทธจะอยู่อย่างไร?

    1 ชาวพุทธจำนวนน้อยมากๆที่เข้าถึงพระธรรม
    ก็ผมบอกแล้วอย่างไงล่ะว่า

    ศรัทธา ทาน ศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ หลุดพ้น

    ตั้งแต่ ศรัทธา ทาน ศีล สมาธิ ปัญญา ทุกอย่างล้วนเกื้อกูลกัน
    การจะเข้าถึงพระธรรมได้ ต้อง ปฏิบัติสมาธิภาวนา
    จนผ่าน ฌาน๔
    จนผ่าน การรู้ตัวทุกอิริยาบถ
    จนผ่าน มหาสติ
    จึงจะพิจารณาธรรมเบื้องต้นได้
    จึงจะเข้าถึงธรรม
    จึงจะเข้าใจธรรมได้

    ท่านที่ผ่านน้อยกว่านี้ เมื่อพูดถึงธรรม ท่านก็พูดด้วยสัญญาความจำเท่านั้นเอง

    2 การรวบรวมพลังชาวพุทธเพื่อกู้ศรัทธามหาชน

    ฝ่ายสงฆ์ทำไม่ได้แน่นอน เพราะแค่ ทรัพย์สินที่เป็นเงิน ที่เป็นทอง
    ยังไม่มีแม้แต่จะคิดว่า จะนำมารวมกันได้อย่างไร?

    ฝ่ายฆราวาสก็ต่างคนต่างทำ ในที่สุดก็เหนื่อยเปล่า ไม่เกิดผลอันใด

    ฝ่ายราชการ ก็ทำได้เท่าที่เห็น ถูกกฏหมาย ถูกระเบียบ ถูกกฏเกณฑ์ มัดแขนมัดขาเอาไว้หมดแล้ว

    ฝ่ายอื่นๆ ไม่ขอพูดถึง

    3 ชาวพุทธเราพ่ายแพ้ต่อ กิเลส ไปเรียบร้อยแล้ว
    ด้วยสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน

    4 สิ่งพอจะหวังพึ่งได้ ก็มีแค่ ผู้มีบุญ บารมี

    ผู้เพียบพร้อมด้วย กำลังปัญญา กำลังทรัพย์

    ที่อยู่ภายใต้ ความกล้า ความสู้ ความเสียสละ เท่านั้นเอง

    พอจะหาได้บ้างไหม?
    พอจะมีบ้างไหม?

    ถ้าหาไม่ได้ ถ้าไม่มี ก็นับถอยหลังกันได้

    ประเทศไทยจะอยู่กันอย่างไร?

    1 ถ้าทรัพยากรของชาติ แก๊ซ น้ำมัน ป่าไม้ แผ่นดิน น้ำ
    ไม่ได้ถูกใช้เพื่อนคนส่วนรวม

    ถ้าดูแล ถ้าควบคุม ตรงนี้ไม่ได้ แล้วยังจะทำอย่างอื่นให้เมื่อยไปทำไม?

    2 ถ้าจัดระบบการค้าให้เหมาะสมไม่ได้ แล้วอย่างอื่น จะทำให้เมื่อยไปทำไม?

    ใหนล่ะสหกรณ์
    ใหนล่ะเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำเพื่อการผลิต
    ใหนล่ะกระบวนการกระจายสินค้า

    3ถ้าการจัดการคมนาคมที่เหมาะสมไม่ได้ แล้วจะเมื่อยกันไปทำไม?

    รถไฟฟ้าขนส่งทั่วประเทศ น่าจะมีตั้งแต่ 40 ปีที่แล้ว

    แล้วตอนนี้จะทำกันอย่างไร?
    ปล่อยให้มี รถยนต์
    ปล่อยให้มีมอเตอร์ไซด์
    มากขนาดนี้ได้อย่างไร?

    แล้วจะแก้กันแบบใหน?

    ขอโมทนาบุญๆๆ

    ลุงมหา
     
  18. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    เหตุผลของคนที่อ้างว่าจินตนาการสำคัญกว่าความรู้ นั่นก็เพราะว่า คนที่กล่าวอ้าง ยังเข้าไม่ถึงปัญญาหรือความรู้ที่แท้จริง ได้นั่นเอง เพราะหากใครก็ตามที่เข้าถึงความรู้หรือปัญญาที่แท้จริงได้ เขาจะหยุดให้ความสนใจ ในจินตนาการ แปลว่า จินตนาการคืออุปทานของผู้ไม่รู้ที่ยังมีอวิชชาอยู่นั่นเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 มกราคม 2015
  19. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    เอาไปถามนายก ดูสิครับ ว่าท่านมีปัญญาความรู้จริงที่พอจะแก้ไขปัญหาที่คุณ จินตนาการมานี้ ได้หรือเปล่า ถ้าขนาดนายก ยังไม่เดือดร้อน คุณจะมาจินตนาการเดือดร้อน แทนท่านนายกไปทำไมครับ

    เพราะคนที่จินตนาการแบบคุณ ประชาชนทุกคนก็จินตนาการได้ครับ
     
  20. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    ความรู้ มันคือข้อสรุป จากจินตนาการ เพื่อเอามาลงมือทำเพื่อแก้ไขปัญหา ได้จริง

    แต่จินตนาการ มันยังเอามาลงมือทำแก้ปัญหาไม่ได้ เพราะมันยังเป็นแค่สมมุติฐาน แค่เอามาลองผิดลองถูก
     

แชร์หน้านี้

Loading...