ร่องรอยอภิญญาใหญ่ โรดแมปสู่อภิญญาสาธารณะ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย kananun, 15 พฤศจิกายน 2007.

  1. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    เห็นด้วยจ้า หมวดอัฐ ดูท่าน และเดินตามท่านครับ
     
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    อัธยาศัย 4 อย่าง

    คัดลอกมาจาก หนังสือ มหาสติปัฏฐาน สี่
    โดยพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)

    วันนี้จะพูดเรื่องวิชชาสาม การดัดแปลงอารมณ์ของมหาสติปัฏฐานสูตร ความจริงมหาสติปัฏฐานสูตรนี้ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในขั้นสุขวิปัสสโก ถ้าหากว่าทำตามพื้นฐานนี้ ตามที่พระองค์ทรงตรัส ตรัสไว้ในขั้นสุขวิปัสสโก แล้วการบรรลุก็มี 4 สายด้วยกัน คือ สุขวิปัสสโก เตวิชโช ฉฬภิญโญ ปฏิสัมภิทัปปัตโต

    สุขวิปัสสโก นี่บรรลุแล้วไม่เห็นผีเห็นสาง ไม่เห็นสวรรค์ ไม่เห็นนรก มีแต่จิตสบาย กิเลสแห้งเหือดไป

    ทีนี้สำหรับเตวิชโชก็มี การมีทิพย์จักขุญาณ สามารถรู้สัตว์และคนที่ตายไปแล้วไปเกิดที่ไหน คนและสัตว์ที่มาเกิดนี้มาจากไหน แล้วมีปุพเพนิวาสานุสสติญาณ สามารถระลึกชาติของตนเองได้ นี่เป็นเครื่องประกอบอันที่สาม ก็เป็นอาสวักขยญาณ คือ เป็นคุณธรรมของพระอรหันต์ อันนี้จะไม่พูด

    สำหรับฉฬภิญโญก็ทรงอภิญญา หมายความว่ามีฤทธิ์ แสดงฤทธิ์ต่างๆ ได้ไม่จำกัด

    ปฏิสัมภิทัปปัตโต มีความรู้พิเศษ ทรงพระไตรปิฎก รู้ภาษาสัตว์ต่างๆ ภาษาคนภาษาสัตว์นี่ไม่ต้องเรียน รู้ แล้วก็รู้อธิบายขยายความ อธิบายเนื้อความขยายให้กว้างก็ได้ หรือเนื้อความที่เขาอธิบายมาแล้วกว้างๆ ก็ย่อลงให้สั้นให้เข้าใจได้ดีก็ได้ นี่เป็นเรื่องของปฏิสัมภิทัปปัตโต

    ทีนี้ตามธรรมดาคนที่เกิดมาในโลกนี้ ย่อมมีอัธยาศัย 4 อย่างด้วยกันคือ แต่ละคนก็แต่ละอย่าง สำหรับที่มีจิตสงบเงียบ ไม่อยากยุ่งจุ๋งจิ๋งอะไรเป็นคนชอบสงัด อันนี้ก็ศึกษาด้านสุขวิปัสสโกเป็นของดี ตรงกับอัธยาศัย

    แต่คนอยากรู้นั่นอยากรู้นี่ ให้ยึดแบบสุขวิปัสสโกก็ไปไม่ไหว เพราะไม่ตรงกับอัธยาศัยมานั่งเงียบๆ ไม่ชอบ ฉันอยากเห็นผีเห็นสาง เห็นเทวดา เห็นนรก เห็นพรหม ใครพูดว่าอะไรดีที่ไหนอยากจะเห็นอยากจะรู้ อันนี้เป็นอัธยาศัยของท่านเตวิชโช ทีนี้จะต้องเรียนด้วยวิชชาสาม จึงจะตรงกับอัธยาศัย

    สำหรับอีกฝ่ายหนึ่งก็ฝ่ายฉฬภิญโญ อันนี้อยากแสดงฤทธิ์ ชอบฤทธิ์ชอบเดช คนที่มีอัธยาศัยแบบนี้มีมาก

    ที่มา http://www.luangporruesi.com/223.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มกราคม 2008
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    สำหรับอีกฝ่ายหนึ่งก็ฝ่ายฉฬภิญโญ อันนี้อยากแสดงฤทธิ์ ชอบฤทธิ์ชอบเดช คนที่มีอัธยาศัยแบบนี้มีมาก

    ผมขอเสนอความเห็นเรื่องของอภิญญาใหญ่นี้หน่อยนะครับ ผมว่าอภิญญาเป็นของกลางๆ ไม่ดีไม่ชั่ว สุดแต่คนที่ได้แล้วจะนำไปใช้ในทางไหน ถ้าใช้ในทางที่ดีก็จะช่วยให้สามารถตัดกิเลสเข้าสู่พระนิพพานได้อย่างรวดเร็ว แต่ถ้าใช้ในทางที่ชั่วด้วยความลุ่มหลงมัวเมาในฤทธิ์อำนาจที่ได้มา ก็จะต้องเป็นอย่างพระเทวทัตคือไปทนทุกข์อยู่ในนรกภูมิ

    สำหรับท่านที่มีอัธยาศัยฝ่ายฉฬภิญโญ อยากมีฤทธิ์ อยากแสดงฤทธิ์ ก็ควรแนะนำหนทางฝึกให้อยู่ในฝ่ายสัมมาทิฎฐิให้เขา ไม่ใช่เอาแต่ห้ามปรามกันอย่างเดียว เพราะฤทธิ์นั้นถ้าใช้ในทางที่ถูกต้อง เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น โดยไม่ได้เบียดเบียนใครให้เดือดร้อนแล้วก็จะเกิดประโยชน์อย่างมหาศาล ควรที่เราจะส่งเสริมกันมิใช่หรือ

    ตัวอย่างการใช้ฤทธิ์เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น

    [​IMG]

    การใช้ฤทธิ์อุ้มคนให้พ้นจากอันตรายจาก แผ่นดินไหว ไฟไหม้ หรือเคลื่อนย้ายคนไปไว้ในที่ปลอดภัย ในขณะที่เกิดภัยพิบัติ

    [​IMG]

    การใช้ฤทธิ์เรียก ไฟ มาใช้เพื่อให้แสงสว่างหรือเพื่อให้เกิดความอบอุ่นในยามที่อากาศหนาวเหน็บ หรือเรียก น้ำสะอาด มาให้ได้ดื่มกินกัน ในช่วงที่เกิดภัยพิบัติ

    [​IMG]

    การใช้ฤทธิ์เดินทะลุกำแพง หรือสิ่งกีดขวางอื่นๆ เพื่อเข้าไปช่วยเหลือผู้ที่ประสบกับภัยพิบัติ เช่นตึกถล่ม คนติดในบ้านที่กำลังจะจมน้ำ ฯลฯ

    [​IMG]

    [​IMG]

    การใช้ฤทธิ์เรียกอาหาร ออกมาจากรูปภาพ (เปลี่ยนแปลงธาตุด้วยฤทธิ์) มีพระผู้ทรงอภิญญาเคยเสกก้อนหินให้กลายเป็นเผือก มัน เอามากินเพื่อประทังชีวิตกันมาแล้ว วิธีนี้จะมีประโยชน์มากถ้าเกิดสะเบียงอาหารที่เตรียมเอาไว้เกิดหมดลงในช่วงที่เกิดภัยพิบัติ

    [​IMG]

    การใช้ฤทธิ์ แปลงธาตุอย่างหนึ่งให้กลายเป็นอีกอย่างหนึ่ง มีประโยชน์ในช่วงเกิดภัยพิบัติเช่นกัน เหมือนการเสกก้อนหินให้กลายเป็นเผือก มัน เป็นต้น

    [​IMG]

    การใช้ฤทธิ์ลอยตัวกลางอากาศ (เหาะ) เอาไว้เหาะไปช่วยเหลือผู้คนที่กำลังประสบกับภัยพิบัติ ในที่ที่พาหนะอย่างอื่นไม่สามารถจะเข้าไปถึงได้ ในช่วงที่กำลังเกิดภัยพิบัติต่างๆ เช่นแผ่นดินไหว น้ำท่วม ไฟไหม้ ฯลฯ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มกราคม 2008
  4. magic_storm

    magic_storm เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2007
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +3,053
    พี่ครับ แล้วสถานที่ฝึกเพื่อให้เกิดอภิญญาโดยตรงนี้ ตอนนี้มีเปิดสอนยังครับ
    จริงๆ ฆารวาสที่ใช้อภิญญาได้แล้วน่าจะเปิดตัวบ้างนะครับ เพื่อจะได้ถ่ายทอดให้แก่ผู้สนใจ ยิ่งช่วงนี้เป็นช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานแล้วด้วยครับ อีกอย่างฆารวาสไม่มีข้อห้ามเรื่องการแสดงฤทธิ์ด้วย ก็น่าจะเปิดเผยตรงๆได้บ้างน่ะครับ ส่วนตัวผม บาปกรรมคงจะเยอะครับ ยังไม่เคยได้เจอของจริงสักครั้งเลยครับ อะไรที่ว่าวิเศษเกินวิสัยก็ยังไม่เคยได้เห็นเลย

    ผมหาข้อมูลการฝึกกรรมฐานของพระป่า ก็ไม่ค่อยจะเจอเลยครับ อยากรู้ว่าถ้าอยากไปฝึกกับพระป่านี่ต้องเตรียมตัวยังไง จะไปพบพระป่าได้ที่ไหนบ้างครับ [หมายถึงพระที่ธุดงค์ในป่าไปเรื่อยๆเลยอ่ะครับ] เช่นป่าแถวๆไหนอ่ะครับ ขอบคุณครับผม
     
  5. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,695
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** บารมี ****

    บารมี...คือ ผลการกระทำที่ไม่สูญสลาย
    สัจจะ....นำให้เกิด "การกระทำใหม่"
    คือ ไม่ทำตามใจ ตามนิสัยตนเอง
    รีบสะสม "การกระทำด้วย สัจจะ"

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    <TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD class=contentheading width="100%">ขอเชิญร่วมฝึกกสิณที่วัดยานนาวา </TD><TD class=buttonheading align=right width="100%"> </TD><TD class=buttonheading align=right width="100%"> </TD><TD class=buttonheading align=right width="100%"> </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left width="70%" colSpan=2>http://www.kasina.org/</TD></TR><TR><TD class=createdate vAlign=top colSpan=2></TD></TR><TR><TD vAlign=top colSpan=2>สถานที่ฝึกสมาธิกสิณ
    อาคารมหาเจษฎาบดินทร์ อาคารไททีวีเพื่อพระพุทธศาสนา
    ชั้น 3 วัดยานนาวา สาทร กรุงเทพ

    เปิดฝึกอบรมเพ่งกสิณพร้อมมีอุปกรณ์กสิณไว้ให้ฝึก (ผู้มีแผ่นกสิณไม่ต้องนำติดตัวไป) ปกติทุกวันอาทิตย์ และโอกาสพิเศษครั้งละ 2 วัน (ไม่เสียค่าใช้จ่าย)
    สอบถามรายละเอียด โทร.01-448-5277, 02-212-6480
    เวลาฝึกอบรม 13.00 น. - 17.00น. เฉพาะวันอาทิตย์

    ผู้ฝึกสอน
    พระครูอนุศาสน์สุธรรมนันท์ พระครูสมุห์อุดม ปุญญกาโม
    พระมหาสมบัติ ญาณวโร ดร.จรูญ วรรณกสิณานนท์
    เส้นทางไปวัด รถเมล์สาย 1, 15, 17, 35, 75, 163, ปอ. 4, 504, ปอ.พ. 20
    รถไฟฟ้า BTS สถานีตากสิน
    เรือโดยสาร ท่าเรือสาทร
    (วัดยานนาวาอยู่ติดสะพานตากสิน/สาทร ติดกับห้างโรบินสันบางรัก)
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  7. magic_storm

    magic_storm เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2007
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +3,053
    ขอบคุณมากนะครับ

    ฝึกอยู่ครับ ฝึกกสิณสีขาว แต่ยังไม่ค่อยได้เรื่องสักเท่าไหร่ครับ วัดยานนาวาก็ไปมาแล้วหลายครั้งเหมือนกันครับ เพียงแต่อยากได้อาจารย์ที่สอนแบบเข้มงวดๆอ่ะครับ แฮ่ๆ
     
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ข่าวดีครับ คุณKananun แจ้งข่าวมาว่า

    วันเสาร์ที่ 5 มกราคมนี้ จะจัดฝึกติวเข้มสมาธิกันครับ โดยเนื้อหา ขอขยับ ไปที่เรื่องกสิณไปจนถึงมโนมยิทธิครับ นัดหมายกันที่ เกาะลอยสวนลุมพินี กรุงเทพ เวลา 10.00 น.ช่วงเช้า ไปถึงบ่ายๆ

    http://palungjit.org/showthread.php?t=44604&page=63
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มกราคม 2008
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    [​IMG]
    หลวงปู่เทพโลกอุดร

    เตรียมอภิญญา โดยคุณ Kananun

    ก็เลยจะส่งข้อความให้ โดยส่วนใหญ่ผมจะเล่าให้ฟังจากที่นั่งสมาธิไปมโนของผม ตอนนี้หลวงปู่ใหญ่(หลวงปู่เทพโลกอุดร)ท่านคุม ในการปฏิบัติ

    ในสมาธิท่านพาเข้าไปในป่า ไปพบพระอภิญญา เมื่อวานท่านพาไปพบหลวงพ่อฤาษีลิงขาว ซึ่งท่านก็สอนว่าให้ย้อนกลับไปดูเรื่องศีล เรื่องความเคารพศรัทธาในพระรัตนตรัย และวิปัสสนาญาน

    แล้วก็ไปคุยกับคิริว(kyril)ในจิต เขาบอกว่า เคล็ดลับในการฝึกของเขาอยู่ที่การใช้พลังจากมือ ให้กำหนดว่ามือมีพลังจากนั้นก็ ให้ใช้กสิณที่มือทั้งสองข้าง(เห็นมือสองข้างเป็นเพชร) ก็ฝึกไปเรื่อยๆ อยู่ ลองไปทำกันดู

    คืนนี้ หลวงปู่ใหญ่ท่านพาไปในป่าอีก คราวนี้ท่านพาไปแนะนำตัวกับพระอภิญญา ศิษย์ในดง ซึ่งท่านมีมากมายหลายองค์มาก ก็ไปกราบทุกๆท่าน รวมทั้งได้ไปพบกับปู่โทน หลำแพรที่ตายไปแล้ว(ทิ้งร่างตายซึ่งแกเคยทำมาแล้ว)

    จากนั้นก็ขอหลวงปู่ไปดูที่ประเทศอื่น ก็ปรากฏว่ามีผู้ได้อภิญญาที่จะมาช่วยตอนเกิดภัยพิบัติในประเทศอื่น ก็เห็นมีกระจัดกระจายอยู่ทั่วโลก ซึ่งเป็นบาทหลวงบ้าง นักบวชบ้าง แต่ละประเทศมีเพียงคน สองคน ดูแล้วประเทศพุทธดูจะปรากฏมากกว่า

    หลวงปู่ใหญ่ท่านให้ฝากบอกมาว่า หากใครที่อยากได้อภิญญา ให้อธิษฐานตั้งจิตถึงท่าน หากมีบุญมีวาสนา มีความดี บารมีถึง ท่านก็จะมาโปรด ให้สวดมนต์ อธิษฐานทุกวัน หากฝันว่าอย่างไรรีบแจ้งให้ทราบมาด้วยครับ

    Kananun

    ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

    ตัวอย่างการใช้ฤทธิ์เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น


    [​IMG]

    การใช้ฤทธิ์อุ้มคนให้พ้นจากอันตรายจาก แผ่นดินไหว ไฟไหม้ หรือเคลื่อนย้ายคนไปไว้ในที่ปลอดภัย ในขณะที่เกิดภัยพิบัติ

    [​IMG]

    การใช้ฤทธิ์เรียก ไฟ มาใช้เพื่อให้แสงสว่างหรือเพื่อให้เกิดความอบอุ่นในยามที่อากาศหนาวเหน็บ หรือเรียก น้ำสะอาด มาให้ได้ดื่มกินกัน ในช่วงที่เกิดภัยพิบัติ

    [​IMG]

    การใช้ฤทธิ์เดินทะลุกำแพง หรือสิ่งกีดขวางอื่นๆ เพื่อเข้าไปช่วยเหลือผู้ที่ประสบกับภัยพิบัติ เช่นตึกถล่ม คนติดในบ้านที่กำลังจะจมน้ำ ฯลฯ

    [​IMG]

    [​IMG]

    การใช้ฤทธิ์เรียกอาหาร ออกมาจากรูปภาพ (เปลี่ยนแปลงธาตุด้วยฤทธิ์) มีพระผู้ทรงอภิญญาเคยเสกก้อนหินให้กลายเป็นเผือก มัน เอามากินเพื่อประทังชีวิตกันมาแล้ว วิธีนี้จะมีประโยชน์มากถ้าเกิดสะเบียงอาหารที่เตรียมเอาไว้เกิดหมดลงในช่วงที่เกิดภัยพิบัติ

    [​IMG]

    การใช้ฤทธิ์ แปลงธาตุอย่างหนึ่งให้กลายเป็นอีกอย่างหนึ่ง มีประโยชน์ในช่วงเกิดภัยพิบัติเช่นกัน เหมือนการเสกก้อนหินให้กลายเป็นเผือก มัน เป็นต้น

    [​IMG]

    การใช้ฤทธิ์ลอยตัวกลางอากาศ (เหาะ) เอาไว้เหาะไปช่วยเหลือผู้คนที่กำลังประสบกับภัยพิบัติ ในที่ที่พาหนะอย่างอื่นไม่สามารถจะเข้าไปถึงได้ ในช่วงที่กำลังเกิดภัยพิบัติต่างๆ เช่นแผ่นดินไหว น้ำท่วม ไฟไหม้ ฯลฯ

    <!-- / message --><!-- attachments -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มกราคม 2008
  10. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    พี่เกษมโพสต์แบบนี้ น้องๆมีกำลังใจกันขึ้นอีกเยอะเลยครับ
     
  11. พัฒนาตน

    พัฒนาตน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    202
    ค่าพลัง:
    +1,282
    วันนี้ไปฝึกสมาธิกับพี่ๆน้องๆที่สวนลุม รู้สึกดีมากๆเลยครับ ขอบคุณมากกับกิจกรรมดีๆแบบนี้น่ะครับ ถ้ามีอีกครั้งต่อไปบอกด้วยน่ะครับ
    ได้เห็นพี่คณานันท์ตัวจริงด้วย หุๆ หนุ่มกว่าในรูปเยอะเลย
     
  12. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
    อภิญญา 5 เ็ป็นของ โลกียะ
    อภิญญา 6 เป็นของ โลกุตระ

    Nakamura:ใช้อภิญญาโปรดสัตว์ยังไงไม่ให้เกินกรรม

    Nakamura:แล้วจะรู้ได้อย่างไร


    กัลยาณมิตร:คำตอบก็คือ เมื่อได้อภิญญา 6 แล้วจะทราบเอง ^^

    กัลยาณมิตร:เพราะ ผู้ได้อภิญญา 6 ท่านมีญาณในการกำจัดกิเลส

    กัลยาณมิตร:แล้วท่านจะโง่กว่ากิเลส หรือ ^^

     
  13. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,695
    ค่าพลัง:
    +51,932
    หมดเวลาเล่นแล้วนะ
    เหาะ .... ใครๆ ก็เหาะได้
    แต่พ้นทุกข์ ต้องเดินตามทางโลกุตตระธรรม สัจจะธรรม
    ถึงเวลาทำจริง...สัจจะ !!!!

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  14. somsannannom

    somsannannom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +1,626
    กาลามสูตร
    ของ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระบรมครู

    1. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามกันมา <O></O>
    2. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการถือสืบๆกันมา<O></O>
    3. อย่าปลงใจเชื่อ ค้วยการเล่าลือ <O></O>
    4. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการอ้างตำราหรือคัมภีร์<O></O>
    5. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะตรรก <O></O>
    6. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะการอนุมาน<O></O>
    7. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล <O></O>
    8. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะเข้ากันได้กับทฤษฏีที่พินิจไว้แล้ว<O></O>
    9. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้ <O></O>
    10.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะนับถือว่า ท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา

    เพราะท่านรู้ดีว่าต่อไปอาจจะมีผู้บิดเบือนหลักพระธรรมจะโดยตั้งใจ หรือไม่ได้ตั้งใจก็ตามแต่ บางคนก็รู้แต่ก็ทำเพราะคิดว่านิดหน่อยคงไม่เป็นไร เพื่อประโยชน์ของชนส่วนใหญ่
    แต่ลืมคิดไปว่าถ้าท่านคิดเช่นนั้นท่านผู้อื่นก็คงจะมีอีกหลายๆคนคิดเช่นท่าน
    2500ปีผ่านมาแล้วคนละนิดคนละหน่อยค่อยบิดเบือนจนกลายเป็นเรื่องปกติทุกวันนี้ ธรรมของพระพุทธองค์จึงเป็นเพียงเรื่องเข้าใจยาก จะบรรลุธรรมได้ต้องมองให้เห็นแก่นแท้ว่าจริงแล้วอะไรกันแน่ที่ขวางทางหลุดพ้น ครั้งโบราณเพื่อแย่งชิงพระพุทธรูปองค์สำคัญจึงเกิดการรบราฆ่าฟัน ทำให้เกิดกรรมหนักต้องชดใช้กันแทบไม่จบไม่สิ้น ทำไมจึงหลงกับวัตถุจนละทิ้งคำสั่งสอน ศีล 5 ยังรักษาแทบมิรอด ยังแสวงหา วิชาพิสดารใดได้
    ยกตัวอย่างไว้ให้หยุดคิด
    ตั้งใจจริงมุ่งไปขออนุโมทนาให้ไปให้ถึง อย่าไปมัวเล่นเหาะเพลิน ละกัน
    โอกาศคนละ1 ชีวิต จะสามารถพ้นทุกข์ก่อนหรือสิ้นสังขารก่อน ...
    ผลต่างคืออะไร สุดท้ายตัวตนของเราก็จะสิ้นสุดไป
    ในเมื่อถึงแม้จะมีชาติใหม่ ก็ไม่ใช่ตัวตนท่านที่นั่งอ่านอยู่ขณะนี้แน่นอน

    ที่ว่ามาก็แค่ไว้เป็นตัวอย่างของข้อ 1
    <O></O>1.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามกันมา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มกราคม 2008
  15. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
    "ขอบอกไว้เลยว่า คนที่ชิงชัง อภิญญา เที่ยวไปบอกว่าไม่จำเป็น บอกว่า พุทธภูมิบารมีมาก ไม่ต้องใช้ก็ได้ ก็เป็นเรื่องของเขา เขาจะบอกว่า อภิญญา เป็นองุ่นเปรี้ยวก็ได้
    แต่ อย่าไป ว่าอภิญญา เด็ดขาด หรือปรามาส อภิญญา
    เพราะจะไม่มีวันได้เลย"

    เป็นข้อความจากครูบาอาจารย์ที่ท่านสอนอภิญญาครับ

    *
    องุ่นเปรี้ยว หมายถึง "ไม่ได้สิ่งที่ต้องการ แล้วพาลตำหนิ"


     
  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ********************************************
    คัดลอกมาจากบางส่วนของหนังสือ​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มกราคม 2008
  17. marine24

    marine24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    2,223
    ค่าพลัง:
    +15,633
    ผมเคยเห็นครั้งหนึ่งตอนยังป็นทหาร นั่งสมาธิกำหนดพิจารณาสังขารตน เห็นว่าสังขารเน่าเปื่อยสลายยุ่ยเหลือแต่โครงกระดูก แต่ตอนนั้นยังไม่เข้าใจว่านี้คือการทำวิปัสสนากรรมฐาน
     
  18. golf208

    golf208 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    466
    ค่าพลัง:
    +5,454
    อภิญญาจุดประสงค์หลักมิใช่เล่นแร่แปลธาตุหรือไว้สร้างอิทธิฤิทธิ์อวดชาวบ้าน แต่หลักสูตรที่พระพุทธเจ้าท่านทรงสอนคือให้เข้าใจในธาตุของโลกนี้ เข้าใจในความหมายว่าธาตุใดๆในโลกธาตุนั้นไม่เที่ยงแท้ ไม่ยั่งยืน พิจารณาด้วยจิตในการเข้าถึง ใช้ความเป็นทิพย์ของจิตที่ใสสะอาดพิจารณาในความเป็นธาตุ แล้วตัดกิเลสทั้งหลายเพื่อพระนิพพาน พระพุทธเจ้าท่านสอนให้หลุดพ้นมิใช่นำความรู้ไปใช้ในทางที่ผิด เพื่อพลังอำนาจ แล้วมันยั่งยืนตลอดไปไหมล่ะ พระนิพพานนั้นจริงแท้ที่เหมาะสมและดีที่สุด การใช้อภิญญาเพื่อรู้เท่าทันในโลกส่วนการช่วยคนนั้นถือเป็นบุญบารมีอีกอย่างในเมตตา ซึ่งทรงอยู่ในพรหมวิหารสี่ การช่วยคนด้วยอภิญญานั้นไม่ผิดเพราะพรหมวิหารสี่เป็นตัวตั้ง

    อย่าหลงในตัว "มานะ" ถือตัวถือตนว่าเก่ง เราเรียนเพื่อความดับทุกข์
     
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงตรัสสอนกรรมฐานไว้ถึง ๔๐ กอง เพื่อให้เหมาะกับจริตของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน ใครชอบกองไหนก็เชิญเจริญกรรมฐานกองนั้น เพื่อให้ถูกกับอัธยาศัยครับ อย่ามามัวเถียงกันกันอยู่เลยว่ากองไหนดีกว่ากัน เพราะมันขึ้นอยู่กับอัธยาศัยของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกันครับ

    กรรมฐาน ๔๐ วิธี แบ่งออกเป็น ๗ หมวด ดังนี้

    หมวดกสิน ๑๐

    เป็นการทำสมาธิด้วยวิธีการเพ่ง

    ๑. ปฐวีกสิน เพ่งธาตุดิน
    ๒. อาโปกสิณ เพ่งธาตุน้ำ
    ๓. เตโชกสิณ เพ่งไฟ
    ๔. วาโยกสิน เพ่งลม
    ๕. นีลกสิน เพ่งสีเขียว
    ๖. ปีตกสิน เพ่งสีเหลือง
    ๗. โลหิตกสิณ เพ่งสีแดง
    ๘. โอฑาตกสิณ เพ่งสีขาว
    ๙. อาโลกกสิณ เพ่งแสงสว่าง
    ๑๐. อากาศกสิณ เพ่งอากาศ

    หมวดอสุภกรรมฐาน ๑๐

    เป็นการตั้งอารมณ์ไว้ให้เห็นว่า ไม่มีอะไรสวยงดงาม มีแต่สิ่งสกปรกโสโครก น่าเกลียด

    ๑๑. อุทธุมาตกอสุภ ร่างกายของคนและสัตว์ที่ตายไปแล้ว นับแต่วันตายเป็นต้นไป มีร่างกายบวมขึ้น พองไปด้วยลม ขึ้นอืด
    ๑๒. วินีลกอสุภ วีนีลกะ แปลว่า สีเขียว เป็นร่างกายที่มีสีเขียว สีแดง สีขาว คละปนระคนกัน คือ มีสีแดงในที่มีเนื้อมาก มีสีขาวในที่มีน้ำเหลืองน้ำหนองมาก มีสีเขียวในที่มีผ้าคลุมไว้ ฉะนั้นตามร่างกายของผู้ตาย จึงมีสีเขียวมาก
    ๑๓. วิปุพพกอสุภกรรมฐาน เป็นซากศพที่มีน้ำเหลืองไหลอยู่เป็นปกติ
    ๑๔. วิฉิททกอสุภ คือซากศพที่มีร่างกายขาดเป็นสองท่อนในท่ามกลางกาย
    ๑๕. วิกขายิตกอสุภ เป็นร่างกายของซากศพที่ถูกยื้อแย่งกัดกิน
    ๑๖. วิกขิตตกอสุภ เป็นซากศพที่ถูกทอดทิ้งไว้จนส่วนต่าง ๆ กระจัดกระจาย มีมือ แขน ขา ศีรษะ กระจัดพลัดพรากออกไปคนละทาง
    ๑๗. หตวิกขิตตกอสุภ คือ ซากศพที่ถูกสับฟันเป็นท่อนน้อยและท่อนใหญ่
    ๑๘. โลหิตกอสุภ คือ ซากศพที่มีเลือดไหลออกเป็นปกติ
    ๑๙. ปุฬุวกอสุภ คือ ซากศพที่เต็มไปด้วยตัวหนอนคลานกินอยู่
    ๒๐. อัฏฐิกอสุภ คือ ซากศพที่มีแต่กระดูก

    อนุสสติกรรมฐาน ๑๐

    อนุสสติ แปลว่า ตามระลึกถึง เมื่อเลือกปฏิบัติให้พอเหมาะแก่จริต จะได้ผลเป็นสมาธิมีอารมณ์ ตั้งมั่นได้รวดเร็ว

    ๒๑. พุทธานุสสติกรรมฐาน ระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์
    ๒๒. ธัมมานุสสติกรรมฐาน ระลึกถึงคุณพระธรรมเป็นอารมณ์
    ๒๓. สังฆานุสสติกรรมฐาน ระลึกถึงคุณพระสงฆ์เป็นอารมณ์
    ๒๔. สีลานุสสติกรรมฐาน ระลึกถึงคุณศีลเป็นอารมณ์
    ๒๕. จาคานุสสติกรรมฐาน ระลึกถึงผลของการบริจาคเป็นอารมณ์
    ๒๖. เทวตานุสสติเป็นกรรมฐาน ระลึกถึงความดีของเทวดาเป็นอารมณ์
    ๒๗. มรณานุสสติกรรมฐาน ระลึกถึงความตายเป็นอารมณ์
    ๒๘. กายคตานุสสติกรรมฐาน เหมาะแก่ผู้ที่หนักไปในจาคะจริต
    ๒๙. อานาปานานุสสติกรรมฐาน เหมาะแก่ผู้ที่หนักไปในโมหะ และวิตกจริต
    ๓๐. อุปสมานุสสติกรรมฐาน ระลึกความสุขในพระนิพพานเป็นอารมณ์

    หมวดอาหาเรปฏิกูลสัญญา

    ๓๑. อาหาเรปฏิกูลสัญญา เพ่งอาหารให้เห็นเป็นของน่าเกลียด บริโภคเพื่อบำรุงร่างกาย ไม่บริโภคเพื่อสนองกิเลส

    หมวดจตุธาตุววัฏฐาน

    ๓๒. จตุธาตุววัฏฐาน ๔ พิจารณาร่างกายประกอบด้วยธาตุ ๔ ดิน น้ำ ลม ไฟ

    หมวดพรหมวิหาร ๔

    พรหมวิหาร แปลว่า ธรรมเป็นที่อยู่ของพรหม พรหมแปลว่าประเสริฐ
    พรหมวิหาร ๔ จึงแปลว่า คุณธรรม ๔ ประการ ที่ทำให้ผู้ประพฤติปฏิบัติเป็นผู้ประเสริฐ ได้แก่

    ๓๓. เมตตา คุมอารมณ์ไว้ตลอดวัน ให้มีความรัก อันเนื่องด้วยความปรารถนาดี ไม่มีอารมณ์เนื่องด้วยกามารมณ์ เมตตาสงเคราะห์ผู้อื่นให้พ้นทุกข์
    ๓๔. กรุณา ความสงสารปรานี มีประสงค์จะสงเคราะห์แก่ทั้งคนและสัตว์
    ๓๕. มุทิตา มีจิตชื่นบาน พลอยยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี ไม่มีจิตริษยาเจือปน
    ๓๖. อุเบกขา มีอารมณ์เป็นกลางวางเฉย

    หมวดอรูปฌาณ ๔

    เป็นการปล่อยอารมณ์ ไม่ยึดถืออะไร มีผลทำให้จิตว่าง มีอารมณ์เป็นสุขประณีต ในฌานที่ได้ ผู้จะเจริญอรูปฌาณ ๔ ต้องเจริญฌานในกสินให้ได้ฌาณ ๔ เสียก่อน แล้วจึงเจริญอรูปฌาณจนจิตเป็นอุเบกขารมณ์

    ๓๗. อากาสานัญจายตนะ ถือ อากาศเป็นอารมณ์ จนวงอากาศเกิดเป็นนิมิตย่อใหญ่เล็กได้ ทรงจิตรักษาอากาศไว้ กำหนดใจว่าอากาศหาที่สุดมิได้ จนจิตเป็นอุเบกขารมณ์
    ๓๘. วิญญาณัญจายตนะ กำหนดวิญญาณหาที่สุดมิได้ ทิ้งอากาศและรูปทั้งหมด ต้องการจิตเท่านั้น จนจิตเป็นอุเบกขารมณ์
    ๓๙. อากิญจัญญายตนะ กำหนดความไม่มีอะไรเลย อากาศไม่มี วิญญาณก็ไม่มี ถ้ามีอะไรสักหน่อยหนึ่งก็เป็นเหตุของภยันตราย ไม่ยึดถืออะไรจนจิตตั้งเป็นอุเบกขารมณ์
    ๔๐. เนวสัญญานาสัญญายตนะ ทำความรู้สึกตัวเสมอว่า ทั้งที่มีสัญญาอยู่ก็ทำเหมือนไม่มี ไม่รับอารมณ์ใด ๆ จะหนาว ร้อนก็รู้แต่ไม่ดิ้นรนกระวนกระวาย ปล่อยตามเรื่อง เปลื้องความสนใจใด ๆ ออกจนสิ้น จนจิตเป็นอุเบกขารมณ์


    ที่มา http://www.tteen.net/view.php?time=20040518155342
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มกราคม 2008
  20. piakgear24

    piakgear24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    2,696
    ค่าพลัง:
    +44,505
    ร่องรอยอภิญญาหลวงพ่อยี
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...