" ปอบ " คืออะไร ? อาถรรพ์ ความเชื่อ เรื่องผี!!

การโดนเจาะคือ กรณีที่บุคคลนั้น อยากมีอะไรพิเศษ ติดในความโลภ
หวังในเรื่องที่ นำสิ่งที่มีพิเศษมาเพื่อหนุนเรื่องทางอกุศลต่างๆ..ถ้าจิตเรา
เชื่อมข้างบนเป็นปกติ เรายึดมั่นในพระรัตนตรัยเป็นปกติ หรือแม้แต่บุคคลใด
ที่สัมผัสดีมากกว่าปกติ แล้วรับเรื่องพวกนี้ได้ง่าย ก็ให้เพิ่มความยึดมั่นในพระรัตนตรัย
ยึดมั่นในการสร้างบุญ สร้างกุศล และที่สำคัญก็คือ ฝึกสร้างผู้รู้ หรือเจริญสติเพื่อ
ที่จะมาเป็นเกราะป้องกันตรงนี้..เพราะถ้าเป็นเรื่องของการมีเวรมีกรรมร่วมกันมา..
ไม่ว่าจะอยู่ต่อหน้าพระฯ ก็ไม่มีใครจะช่วยได้..เพราะฉนั้นการที่จะป้องกันตรงนี้ได้
ก็คือ การสร้างผู้รู้ ตรงนี้มาเพื่อป้องกันตนเอง..แต่ก็พอเข้าใจครับ มันยาก มันไม่ง่าย
เหมือนไปให้คนนั้นคนนี้ ไปเอาวัตถุนั้น วัตถุนี้มาห้อย มันแก้ได้ในระดับหนึ่ง
แต่มันไม่จบ..เพราะฉนั้นให้พิจารณากันดีๆครับ...
เรื่องควันธูป ก็พิจารณาๆไป เป็นกรณี..ประเด็นหลักขึ้นอยู่กับ กำลังจิตเดิมของ
ดวงจิตที่เราต้องการจะสื่อ..เป็นเกณฑ์ในการพิจารณา.เป็นที่มาของวิธีการนั่นเอง...
เรื่องสาวอภิญญาจิตภายในสูงคน นะหรือ กาลีนะ ๕๕๕๕๕ ไม่บอกหรอก ๕๕๕๕
เหตุเพราะมันมีมนุษย์จิตใจหยาบ ทำให้บุคคลอื่นเสียชีวิตไม่พอ มันยังเจือกไปจ้าง
พวกหมอธรรมมามัดดวงวิญญาน คนที่มันทำให้เค้าชีวิตอีก.
สาวคนนั้นเค้าสัมผัสตรงนี้ได้ แต่เค้าไม่สามารถไปช่วยแก้มัดดวงวิญญาน
ตรงนั้นได้..ก็เลยต้องเป็นหน้าที่ของพี่นพ ผู้ใจดี..๕๕๕
ได้อารมย์ไปอีกแบบนะตอนเค้ามาขอบคุณแบบให้เห็นด้วยตาเนื้อ.
แหมๆเล่นเอาตกกระใจพอสมควร.๕๕๕..ก็เพราะดวงจิตนี้เดิมก็ไม่ยอม
ไปบอกโน้นบอกนี่ จนสามารถค้นหาหลักฐานโน้นนี่.
จนเป็นที่มาของการฟ้องร้องดำเนินคดีไปแล้วหละ ก็ปล่อยให้เป็น
เรื่องของกฏหมายเรื่องทางโลกก็ว่ากันต่อไป..กรรมของใครเค้าก็รับของเค้าเอง..
หมดหน้าที่ของเรา...
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเหตุอะไรที่เราเป็นอยู่ มันก็ล้วนแล้วแต่มีวิบากกรรมนำพา
มาทั้งหละ..แต่ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกเดินอย่างไร ถ้าจะเดินก็ควรจะสะสมบุญ
เพื่อนำพาไปสู่ที่สูงในวันข้างหน้า..รู้ละ รู้วาง รู้ว่าง ทุกนาทีได้ในอนาคต
ชีวิตนี้ก็จะมีแต่สุขทุกข์ไม่มี...ก็ค่อยๆไปค่อยไปแล้วกัน
ตามเหตุและปัจจัย..เพราะคุณนพ ก็ยังง่องแง๋งๆ อยู่เหมียนกัน
ปล.ประมาณนี้หละ..

.. สาธุคะ ประดับสมองอีกแล้ว ... เหมือนที่ใครเวลาโทรหาป๋าครั้งแรกใช่ไหม๊คะ อึ้ง ทึ่ง ตกใจ พูดไม่ออก 555555555 จริงไหม๊น้องรินริน

 

๕๕๕๕ ทั่วๆไปคนจะนึกว่า..จะอายุมากหรือสูงอายุหน่อยเท่านั้นเอง
ไม่คิดว่าจะยังหนุ่มๆอยู่..พอได้ยินเสียงก็เปลี่ยนจาก ป๋า ขอมาเรียก พี่แทน ๕๕๕
ตอนนี้ คนนั้นกำลังสนุกสนานกับการเชื่อมโน้นเชื่อมนี้อยู่
และกำลังพัฒนาในเรื่องการเชื่อมพลังานอยู่..หลังจากพาดึง
พลังงานกสิณทั้ง ๑๐ กองออกมาให้สัมผัสดูเล่นๆ.
ซึ่งมันจะเป็นเรื่องปกติ.ที่จะได้หลังจากที่จิตสัมผัสเรื่องพลังงานกสิณ
พื้นฐานได้ก่อนทั้ง ๑๐ กอง..เอาว่าไม่มีอะไร..เน้นฮาๆ..ขำๆ..

 

เขียน ๑๙.๕๒

อ่านแล้วง่วงใช่ไหมครับ..๕๕๕
ผมอ่านกลับมาอ่านผมก็ง่วงครับ.๕๕๕๕

ที่เราง่วงนี่ อาจเป็นได้ไม๊ครับ ว่ามีท่านอื่นๆ มาอาศัยรับรู้ด้วย
เคยเป็นบ่อยๆ บางทู้ที่น่าสนใจมากๆ อ่านไปก็ง่วงนอนไป ๕๕๕
เหมือนพลังงานจะไม่พอ เพราะมีหลายๆ ท่านมานั่งจ้องอยู่ด้วยน่ะครับ


ผมบอกให้ตามตรงนะครับ ที่ผมตอบๆเขียนๆมาเนี่ย มันแค่ปิ้งแว๊บ
แค่วินาทีไม่เกิน ๒ วินาทีหรอกครับ.คือส่วนมากจะผ่านมาหมดแล้วครับ

แหม..ตรงข้ามกะของเราแฮะ ของเรามันแว๊บก่อน แล้วถึงปิ๊งน่ะนะ
ก็ไม่รู้ว่าต่างกันหรือเปล่าน๊า แว๊บปิ๊ง กะปิ๊งแว๊บ ๕๕๕
ผ่านมาหมดแล้ว แปลว่าฝึกสำเร็จมาหมดแล้วใช่ไม๊ครับ
แต่เรื่องวินาทีเดียว รับสารได้ทั้งหมด เราก็เป็นน๊า ไม่ได้โม้


ที่ผมเล่าๆสอนๆก็มาจากท่านๆเหล่านี้หละครับ อย่างตัวผมจะเอา
อะไรมาเล่า คุณไปหาค้นในเน็ท ในอากู๋ เจอไหมหละครับ

อืม..งั้นก็แปลว่าสิ่งเหล่านี้ยังเป็นความลับ ยังไม่ได้นำออกสู่ตลาดสินะ
แหม..คิดแล้วน่าเอามาทำตลาดกันนะครับ แม้จะยากหน่อย แต่น่าจะคุ้มนะ เนอะ
ถ้ามีวีดีโอ หรือภาพประกอบให้ชัดเจน มีตัวอย่างเป็นตุ๊กตาให้จับต้องได้
ยกประสบการณ์จริงของหลายท่าน มาเป็นตัวอย่างการประยุกต์ใช้งาน
คือโชว์ให้เค้าดูถึงการนำความลับนี้ ไปใช้กะตัวเองได้อย่างไร

เพราะหลายๆ ท่านก็ติดอยู่แถวๆ นี้แหละมั้ง นะ ไปต่อกันไม่ถูก
มือใหม่ก็ใช้งานได้ ปรับเป้าหมายให้ถูกต้องชัดเจนตั้งแต่แรก
ก้าวต่อไปก็ไม่ยาก มองเห็นเส้นทางข้างหน้าได้โดยง่าย แม้จะยาก หึหึหึ

เอ..แต่ก็ต้องเตรียมรบกะสำนักอื่นๆ ไว้ด้วยสิเนี่ย ถ้าส่งสินค้าออกตลาดจริงๆ
๕๕๕ สงสัยต้องมีแผนถล่มสำนักเยอะแยะเลยล่ะมั้ง นะ ๕๕๕
เอ้า..บ้ากันเข้าไป ยังทำไม่ได้ ก็ฝันหวานไปพลางๆ ก่อนละกัน นะ เนอะ


แต่ทุกครั้งที่เขียนจะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของท่านเสมอครับ.
คุณอยากรู้ไหม ว่าเวลาที่จิตเราเชื่อมกับครูบาร์อาจารย์
ข้างบนมันเป็นอย่างไร เด่วมีโอกาสผมพาคุณทำให้คุณเห็นด้วย
ตาคุณเองนะครับ.จะได้หายสงสัย..

ก็อยากอยู่อ่ะนะ แต่ไม่ดีกว่า กลัวโดนสั่งงานเพิ่ม ได้โดยสะดวกน่ะครับ ๕๕๕
ไม่รู้ไม่ชี้ แบบตอนนี้ดีแล้ว ทำให้มั่ง แกล้งไม่ได้ยินมั่ง ปิดมือถือมั่ง (จิต)
ให้ท่านช่วยได้บ้าง ไม่ได้บ้าง "ฝั่งโน้น" จะได้พัฒนาขึ้นมาได้อีกน่ะครับ
แบบว่า จะทำไงดีวะ ถึงจะติดต่อกะเราได้ ทำไงถึงจะช่วยได้ ๕๕๕ ต้องเล่นตัวหน่อย

ไม่อยากเก่งกว่านี้แล้วล่ะ ลำบากจะตายชัก ไม่เห็นจะเข้าใจเลย เฮ้อ...นิพพิทา


ปล.มีแฟนคลับของเราท่านนึง นั่งสมาธิแล้วชอบส่ายหัวไปมา เป็นมาหกเจ็ดปีแล้ว
เมื่อกี้ก็มีส่งเสียงวูๆๆๆ ยาวๆ แล้วสวดมนต์ภาษาประหลาด ถามก็บอกไม่รู้ตัวแต่ตอนส่ายหัวรู้นะ
พอจะเดาออกไม๊ครับ ว่าต้องแก้ไขอย่างไรได้บ้างไหม
เราเดาว่าเป็นจากจิตใต้สำนึกของเค้าเอง หรืออาจจะมีตัวอะไรอยู่ด้วย ก็ไม่แน่ใจ


กระต่ายป่า ข้างวัด / ค้างคาวแห่งแสง
.

 

เรียน คุณ gratrypa

... ถ้าคุณต้องการคนที่เคยได้รับการช่วยเหลือ หรือ เคยทดสอบคุณนบภาการณ์มาแล้ว กาลีนะ นี้แหละคะคนหนึ่งที่จะเป็นคนยืนยันให้พี่เขาเอง เพราะ กาลีนะ ได้ขอความช่วยเหลือจากพี่เขามาหลายครั้ง ในเรื่องถูกรังแกจากภพภูมิต่าง ๆ แม้แต่แฟนที่โดนทำคุณไสยย์จากหมอธรรมจนดวงจิตถูกกักขังไว้พี่เขาก็เป้นคนช่วยจนแฟน กาลีนะ ไม่ตายหากลองอ่านย้อนไปเรื่องแฟน กาลีนะ ก็พี่ท่านนี้แหละคะที่คอยช่วยเหลือทุกครั้ง หรือ มีปัญหาติดขัดอะไรถามไปพี่เขาก็ยินดีตอบ ไม่เล่นตัว อธิบายได้ละเอียดมาก

... ถ้าคุณลองอ่านให้ดีคุณจะรู้เองว่า .. ถ้าเขาไม่เคยลองทำมาก่อนจะอธิบายได้ละเอียดขนาดนี้ไหม๊ .. ไม่ใช่อาศัยแต่พลังของภพภูมิเข้าช่วยอย่างเดียวพอเขาหนีตัวเองก็หมดสภาพไม่ใช่พี่เขาแน่นอน และ พี่เขาก็ศิษย์มีครูเช่นกัน พระที่เป็นอาจารย์ของพี่นบก็เป็นศิษย์ " พระอาจารย์ทองใบ วัดภูย่าอู่ ที่บ้านผืออุดร " ท่านผู้นี้ กาลีนะ ก็เคยไปเรียนด้วยตอนบวชชีพรามณ์สมัยมอปลายด้วย และ ได้พบเจอสิ่งมหัศจรรย์ที่ท่านแสดงให้ทุกคนได้เห็นกับตามาแล้ว เป็นพระที่ควรแก่การกราบไว้ยึดมั่นสายป่าเคร่งครัด .. แม้แต่ศิษย์ของท่านที่เป็นอาจารย์ของพี่นบก็เป็นพระที่มีความสามารถสูงองค์หนึ่งเช่นกัน ยังไม่รวมท่านอื่น ๆ ที่พี่เขาไปเรียนมา ....

.. คุณรู้จักพี่เขาดีแค่ไหนกันทำไมคุณถึงได้ทำแบบนี้ หากจะมีปัญหากันกรุณาไปที่อื่นเถอะคะ .. กาลีนะ คงยอมไม่ได้ถ้าจะมีคนมาทำแบบนี้กับผู้มีพระคุณต่อครอบครัวของ กาลีนะ .... ถ้าคุณจะทำแบบนี้ทำไมคุณไม่ไปทำเองละคะ ดีแค่ไหนแล้วที่เขาเอาความรู้มาแชร์ให้พวกไม่รู้ได้รู้ได้ลองทำพี่เขาไม่ได้บังคับให้เชื่อสักหน่อย ..

... เอาแค่นี้ก่อนนะคะ .... ถ้าไม่ใช่ครั้งที่สอง กาลีนะ จะไม่พูดอะไรมากแต่นี้มันกระทู้ของ กาลีนะ เปิดขึ้นเพื่อให้ความรู้แลกเปลี่ยนกัน ถ้าคุณไม่ชอบไม่พอใจก็เชิญไปกระทู้อื่นเถอะคะ ... ถ้าคุณคือผู้เจริญแล้วด้วย ศลี สมาธิ และ ปัญญา ก็กรุณากลับไปทบทวนให้ดีนะคะ

.. ที่คุณบอกคุณปิดจิต .. ทำไม กาลีนะ ยังจับความรู้สึกคุณได้คะ ... และ พี่เขาจะสอน กาลีนะ เสมอว่า " อย่าใช้กำลัง ให้ใช้เมตตาแทน ถ้าสุด ๆ จริง ๆ จึงใช้กำลัง " และ การที่พี่เขาเอาความรู้มาแนะนำให้เป็นการสร้างทานบารมีของพี่เขา .. ส่วนใครจะคิดยังไงก็สุดแล้วแต่คะ ..

... ความจริงไม่อยากพุดแรงแบบนี้คะ แต่นี้มันรอบสองแล้ว กราบขออภัยทุกท่านด้วยนะคะ ที่แสดงมารยาทไม่งามออกมา

 

คุณนพท่านเป็นคนที่มีเมตตามากค่ะ ขนาดคนไม่รู้จัก ก็ยังให้คำแนะนำ
ช่วยเหลือเป็นอย่างดีเลยค่ะ เสียดาย ถ้าอยู่ใกล้ จะไปขอเรียนด้วยแล้ว
จะติดต่อไปบ่อยๆก็เกรงใจ พี่เค้ามีความปรารถนาดีให้กับทุกคนจริงๆค่ะ

 

อืมๆ กาลีนะ ไม่มีอะไรเน้อ คุณ gratrypa แวะมาทักทายเฉยๆ..
เอาว่าเรื่องทั่วๆไปพอรู้ๆกัน.คนเน้นฮาๆพอกันครับ ไม่มีไร ๕๕๕..
..เอาเรื่องที่มีประโยชน์ดีกว่าเนาะ..
ถ้าคุณจะช่วยแฟนคลับ. คุณก็ไปดึงพวกภูมิภูต
ที่เค้าบำเพ็ญมาทางสายป้องกันกับฤิทธิ์ที่คุมจิตแฟนคลับคุณออกครับ..
เพราะว่าพวกที่คุมเค้าจะดึงไม่ให้กระแสจิตแฟนคลับคุณขึ้นข้างบนครับ..
พอกระแสจิตแฟนคลับกำลังจะขึ้นบน เค้าจะดึงให้มันวนลงมาในตำแหน่ง
ใต้กระโหลกศรีษะวนไปทางด้านศรีษด้านหลังครับ
คุณลองไปตรวจสอบดูได้ และก็จะดึงกระแสตรงนี้
ให้มันตรงๆผ่านลงมาขึงไว้ตรงกระดูกต้นคอ.
แล้วก็ลงมาเชื่อมกับตัวจิตตรงกลางลิ้นปี่ครับ.จริงอยู่แม้ว่าแฟนคลับจะดูเหมือน
มีความสามารถพิเศษ ตาดีหน่อย ดูเหมือนมีเมตตา and มีเครื่องป้องกันตน.
แต่อย่างว่า มันไม่ใช่เพราะว่าเค้าสร้างเองไงครับ..
และก็ให้แฟนคลับฝึกเจริญสติให้มากๆ ซึ่งจะบอกว่ายากหน่อยนะครับ...
ก็ลองไปใช้ความสามารถในการดึงดูนะครับ.ทำในวันพระนะครับ..
.แบบคุณก็คือ ดึงตรง
ท้ายทอยแฟนคลับ..แต่ก่อนดึงให้เปิด ประตูมิติไว้ข้างบนเหนือศรีษะเรา
ก่อนประมาณ ๑ เมตร.กำหนดให้ผ่านหน้าฝากเราออกไปยังประตูมิติ
และให้ครูบาร์อาจารย์ท่านเคลียร์เอง..ผมเห็นพวกที่มาจากดาวแอตๆ ติสๆ
แลนๆ ทั้งหลาย..ที่มาแบบคุณเค้าทำ
กันประมาณนี้หละครับ...ไม่ต้องมาถาม มาสงสัยผมคืนนะ
ว่าทำได้หรือเปล่า เพราะผมทำมานานแล้วพอสมควรครับ..
จนจำไม่ได้แล้วว่าทำมากี่คนกี่ครั้งแล้ว..และ
คนละแบบคนละวิธี แต่ส่วนตัวเน้นประนี้ประนอมแล้วแต่กรณีครับ.
ที่เล่าให้ฟังนี่เป็นวิธีการหนึ่งเท่านั้น..ที่ส่วนตัวคิดว่าคุณคงพอจะทำได้..
ไม่ยากหรอกครับ เกิน ๒ นาทียังทำไม่ได้..
ไปหาขายก๋วยเตี๋ยวดีกว่าครับ
อย่าอยู่วงการนี้เลย อายเค้า...
เสร็จพวกหมอธรรม พวกเซียนสวดแน่ๆ พูดให้ฟังเฉยๆ...
การทำได้หรือทำไม่ได้ เป็นข้อพิสูจน์ การปิ้ง and แว๊บคุณด้วยไงครับ...
ส่วนตัวแค่สงสัยว่าพวกที่มาทางสายพลังงานแบบคุณ
กับเรื่องง่ายๆแค่นี้ทำไมต้องมาถาม แค่นั้นเองครับไม่มีอะไร

ปล.ประมาณนี้หละ ขอบคุณครับ...

 

.. วันนี้มีเรื่องแถวข้างบ้านมาเล่าสู่กันฟังคะ .... เรื่องมีอยู่ว่า เขาได้มีการเลี้ยงต้นโพธิ์ไว้ในร้านคะ เห้อ ๆ เพิ่งทราบวันนี้เองเพราะแม่เราเห็นเลยทักให้ดู ... อึ้งคะเพราะมันสูงเกินสองเมตรไปแล้ว ... ด้วยความที่ถูกสั่งสอนมาว่า การมีต้นโพธิ์ในบริเวณบ้านนั้นไม่ค่อยดีนัก เพราะเหล่าภพภูมิมักไปอาศัยอยู่ ... เห็นแบบนี้จะอยู่เฉยได้ไงคะ กาลีนะ ก้รีบรายงานทันทีเลย อิอิ .. ได้รับคำตอบจากพี่ท่านสองคนกลับมาว่า

... ท่านที่หนึ่ง บอกว่าไม่ดีเพราะความซวยจะถามหาเจ้าของบ้านเอานั้นเอง แนะนำให้กันไว้ หรือ หาทางสะท้อนกลับน่าจะดีกว่า

... ท่านพี่ที่สอง บอกว่า ก็อุทิศส่วนกุศลให้และขออโหสิกรรมไปพร้อมๆกันเลย...
เราจะได้บารมี เผลอๆได้มิตรเพิ่มด้วย ...

... ส่วนแม่ กาลีนะ บอกว่าถ้านึ่งข้าวเสร็จบอกด้วยจะเอาน้ำร้อนไปสาดให้มันตาย ปลูกว่านไว้หน้าร้านยังไม่พอเกาะกันรึไง เล่นต้นโพธิ์เลยใครสั่งใครสอน หึ ๆ...

... ส่วนตัว กาลีนะ เหรอคะ .. ช่วงนี้ก็ต้องระวังภัย ระวังตัวเอาไว้มากกว่าเดิม .. เพราะอาการสัมผัสภพภูมิมันทำงานตลอดเวลา เห้อ ๆ

 

ต้นโพธิ์ มีอาณาเขตราก กว้างไกล ค่ะ

รากโพธิ์ จะเลื้อยไปได้เก่งและไกลสุดๆ มักทำลายฐานราก บ้านด้วย
เลื้อยไปที่ท่อระบายน้ำทำให้ตัน ให้แตกได้ด้วย
พอโตแล้วตายยากมากด้วยค่ะ

นี่ให้ความเห็น เรื่องรากพืช อย่างเดียวนะคะ

คนที่ปลูกไว้ในบ้านนี่ ช่าง ไม่รอบคอบเลย

 

... ก่อนที่จะมาเล่าเรื่องที่แม่ กาลีนะ เล่าให้ฟังว่าตอนท้อง กาลีนะ แกฝันว่ายังไงทำไมแกเรียก กาลีนะ ว่า " อีผีป่า " .. มีเรื่องอื่นฝอยก่อน

... พอดีเมื่อคืนคุยกับพี่คนหนึ่งแกบอกว่าบ้าน กาลีนะ มีแต่อมนุษย์ไม่เห็นมีเทวดาเลย มันเหมือนเป็นที่จำเพาะที่พวกเขาชอบมากัน เทวดาไม่แลว่างั้น .. แต่ กาลีนะ ไม่แปลกใจอันนี้ทราบอยู่แก่ใจว่ามีอมนุษย์อาศัยอยู่ร่วมกันในบ้านหลายตน โดยไม่รวมพวกเร่ร่อนข้างนอกนะคะ ..

... พี่แกเลยใจดีเมื่อคืนบอกว่า .. เดี๋ยวพี่จะให้บริวารของพี่ที่เป็นอมนุษย์ไปเฝ้าหน้าบ้านให้สักร้อยตัวเผื่อมีอันตรายอะไรเพราะพวกอมนุษย์นิสัยไม่ดีมีเยอะมากแถวนี้ .. เราก็รู้สึกดีใจที่พี่เขาเอ็นดูเรา .. อิอิ .. พอเราเข้านอนเท่านั้นแหละ ..... เราก็ได้เจอกับอมนุษย์ที่พี่เขาส่งมาคอยดูแลเรา ... แต่แค่สงสัยว่าทำไมพวกเขาเข้ามาอยู่ในบ้านของ กาลีนะ แบบเต็มพื้นที่เลย .. เห้อ ๆ ถ้าเจอตอนตื่นนะมีหวังช็อคแน่ ๆ นี้มันอมนุษย์ หรือ มนุษย์ต่างดาวกันแน่ .. แต่ก็น่ารักไปอีกแบบรูปร่างแปลก ๆ ดี ดีนะที่เป็นมิตรไม่งั้นมีวิ่งป่าราบแน่ ๆ

... กราบขอบคุณคุณพี่ท่านนั้นมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ..

 

... เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องเล่าของแม่ผู้ให้กำเนิด กาลีนะ เองคะแกชอบเล่าเวลาเห็นเรากินเยอะ ๆ ให้คนฟังว่า " มันเป็นผีป่ามาเกิด มันมากับรถขนไม้ที่คว่ำตรงหอนาฬิกา มันถึงได้กินเหมือนคนตายอดตายยากแบบนี้ " ... แล้วแกก็จะท้าวความไปไกลสมัยแกตั้งท้องลูกคนที่สองก็คือ กาลีนะ นั้นเอง

.... ความว่า ด้วยความที่แม่แกแต่งงานตั้งแต่สาว ๆ แกก็ตั้งท้องทันที ลูกคนแรกแกเป็นเด็กผู้ชายตัวยาวขาวจั๊ว ( แตกต่างจากเราโดยสิ้นเชิง ) ด้วยความหัวโบราณของยายแกเลยให้คลอดกับหมอตำแยอยู่หนึ่งวันหนึ่งคืนเด็กไม่ยอมคลอดจนต้องส่งโรงพยาบาลเพราะเด็กเอาหัวไหล่ออก แต่ช่วยไม่ทันจำต้องเลือกระหว่างแม่ กับ เด็ก .. พ่อเลือกแม่ไว้ทำให้พี่ชายเราต้องถูกฉฉีดยาให้ตายเพราะไม่งั้นก็ต้องตายทั้งคู่หมอช่วยได้แค่คนเดียว .. หลังจากพี่เราเสียไม่กี่วันพ่อก็รถพลิกคว่ำขาหัก ... แม่ต้องเหลือมดลูกข้างเดียวเนืื่องจากมดลูกอักเสบ ...

... เวลาผ่านไปสี่ปีได้แม่ถึงได้ตั้งท้องเราแบบไม่รู้ตัวเพราะมดลูกแกมีข้างเดียว ... แม่จึงเรียกอีกชื่อเวลาด่าว่า " อีผีบ่อยาก + อีหน้ามึน " ด้วยเหตุเพราะแกมีโอกาสน้อยที่จะท้องเรานั้นเอง 555555 ( เราก็คิดว่าดีนะที่ยังได้เกิด .. อิอิ )

.... แกบอกว่าตอนที่ตั้งท้องใหม่ ๆ แกฝันแปลก ๆ แกฝันว่าเดินอยู่แถวในเมืองใกล้หอนาฬิกาแกเห็นรถขนไม้ขนาดใหญ่วิ่งมาแล้วพลิกคว่ำตรงหอนาฬิกาพอดีคนนไปมุงดูกันเต็มเลยแกก็ไปมุงกับเขา .. แล้วก็เห็นคนแย่งสมบัติกัน .... ทายสิคะแม่แกได้อะไรมา ... แกบอกแกเก็บได้ทับทิมสีแดงสดเม็ดใหญ่มากทำเป็นเครื่องประดับที่เขาเรียกว่า
" สร้อยสังวาลย์ " แกรีบเก็บซ่อนไว้กลัวคนมาแย่ง ... คือปกติแกจะชอบอะไรที่เป็นสีแดงอย่แล้วด้วย ... พอตอนเช้าแกเข้ามาในตลาดแกบอกว่าตรงหอนาฬิกามีรถขนไม้มาคว่ำจริง ๆ แกเลยคิดว่าเราคงมากับรถขนไม้คันนั้น แกเลยชอบว่าเราว่า " อีผีป่า " นั้นเอง

.... นอกจากนั้นเมื่อไม่กี่วันนี้เองแกก็เล่าเรื่องนี้อีกให้เพื่อนเราฟัง แต่แกแถมท้ายสร้อยมาว่า ... มันเกือบไม่ได้เกิดแกบอกว่ามักฝันว่า " แม่เก่าเรามาทวงลูกคืน " แกก็สู้เขาชนะทุกครั้งจนคลอดเราออกมาด้วยการผ่าตัดออกจากช่องท้องแกนั้นเอง ...

..... แกเลยมักล้อว่า .. ถ้ามันไม่หน้ามึนนี้มันไม่ได้เกิดแน่นอน ... ถึงตอนนี้ทำให้เรารู้ว่า " ชีวิตมีค่ามากแค่ไหนกว่าจะได้เกิดมา " เพราะในความเป็นจริงโอกาสมันมีน้อยมากจริง ๆ

 

การได้เกิดเป็นมนุษย์เป็นของยาก ชอบเรื่องนี้ครับ

 

... คือ ที่คิดแบบนี้ก็เพราะว่าเมื่อสมัยเด็ก ๆ ด้วยภาวะกดดันทางครอบครัวหลายอย่างทำให้รู้สึกว่าไม่อยากอยู่ต่อไป ทุก ๆ วันจะคิดวิธีฆ่าตัวตายว่าทำยังไงจได้ไม่เจ็บไม่ทรมานมาก 5555 ตามประสาเด็กน้อยที่คิดว่าไม่มีใครรักเราคิดเสมอว่าตัวเองเป็นแกะดำในครอบครัว และ สังคม .. ไม่เข้าใจจิตใจผู้คนรอบข้าง ไม่เข้าใจหลาย ๆ เรื่อง และ มักจะเห็นภาพเป็นผู้หญิงโบราณผมยาว ๆ ชอบมาชวนให้ไปผูกคอตายที่ขื่อบ้านบ่อย ๆ ไม่เห็นตัวนะคะ แต่มันเป็นภาพซ้อนเข้ามาในหัวพร้อมเสียงเท่านั้น ..แต่ก็ไม่เคยทำจริง ..

... พอโตขึ้นมาหน่อยมีความรักก็มักผิดหวังซ้ำใจ .. มักเจอกับคำว่า " เธอดีเกินไป เธอดูแข็งแกร่งเกินไปไม่เหมือนผู้หญิง ฯ " และ เจอคนเจ้าชู้ ชอบโกหก .. ทำให้เกิดความเบื่อหน่ายเสียใจ .. คิดฆ่าตัวตายอีก .. แต่ก็ไม่ทำ .. มันจะมีเหตุให้เราคิดได้เสมอ .. จนมานั้งทบทวนดูใหม่ว่าทำไมเราคิดแบบนี้ .. แล้วหันไปมองรอบข้างตัวเอง .. ก็ได้ความคิดใหม่ว่า ... ถึงชีวิตเราจะไม่มีค่าสำหรับใครหลายคน .. แต่ถ้าเรามีชีวิตเพื่อใครสักคนที่เขาต้องการเรา และ ใช้เวลาที่เหลือของเราช่วยให้คนอื่นเขามีโอกาสดี ๆ มีความสุข .. ก็ถือว่า .. เราเกิดมาไม่เสียชาติเกิด ..

 

... หลังจากฟังเรื่องของ กาลีนะ จากแม่แล้ว .. จะเล่าเรื่องของเจ้าลูกชายตัวดีให้ฟังคะ .. เพราะอันนี้ประสบการณ์ตรงไม่ต้องผ่านปากใคร 555555555555555 จริง ๆ มันต้องเล่าในอีกกระทู้แต่ไม่เอาดีกว่า .. เพราะกระทู้นี้รู้สึกเป็นกันเองและสบายใจที่จะเล่ามากกว่า ...

... อนึ่ง วันนี้ตอนตีหนึ่งกว่าขณะที่กำลังจะเล่าเรื่องนี้ได้มีชายแปลกหน้าคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้านเพื่อจะถามดูดวงชะตาให้ ..ตอนแรกปฏิเสธแต่เขาพยายามจะดูให้เลยลองดู ก็เลยได้ความรู้ใหม่ ๆ มาพอสมควรความรู้แบบคนสมัยก่อนที่สอนกันมา มันก็แปลกดี แกบอกว่าแกดีใจที่เห็นคนแบบ กาลีนะ แล้วแกก็มาสอนให้ฝึกทำสมาธิในแบบของแก .. แกสงสัยว่าทำไมไม่ฝึกทั้งที่มีสมถรรภาพสูงที่จะทำได้ เลยตอบแกว่าอยู่ในช่วงตัดสินใจยังไม่พร้อมจะเดินต่อไปข้างหน้า .. แกบอกจะรออะไรก็ทำเลยมันช้าเกินไปด้วยซ้ำ แต่จากการพ๑ูดคุยทำให้รู้ว่า แกเคยเล่นคุณไสยย์มาก่อนแล้วก็ดูผ่านญาณแกสอนให้ได้สะดุดใจอย่างหนึ่งคือ ไม่มีอำนาจใดจะสู้อำนาจของพระรัตนะไตรได้ ประทับใจคะใจชื้นขึ้นเยอะเลย .. แต่แกเตือนไว้ว่า " กำลังจะมีพวกอยากลองวิชาจะปล่อยของมาใส่ กาลีนะ ให้ระวังตัวไว้ด้วย " ก็เลยบอกแกว่าโดนบ่อย .. ยิ่งช่วงนี้โดนหมายหัวไว้จากพวกเล่นคุณ ฯ หลายคนพอสมควรทั้งพวกที่ทำของใส่ครอบครัวแฟน ทำใส่ป้าของแฟนแม่ และ เพื่อนที่สนิทกัน แกสอนให้สวดอิติปิโสเป็นหลักสำหรับแกคือสุดยอดสวดบ่อย ๆ และ ทำวัดเช้าเย็น .. ในความเป็นจริงสภาพตอนนี้คงไม่รอดแน่นอนเลย .. เห้อ ๆ แกคุยไม่ยอมไปจนตีสามกว่า .. แกบอกนาน ๆ เจอคนคุยกันรู้เรื่อง ... 5555

 

.. การเล่าเรื่องของลูกชายอาจทำให้หลายท่านแคลงใจไปบ้างต้องขออภัย แต่ก็อยากบันทึกไว้เป็นความทรงจำเผื่อสักวันเขาจะมาอ่านเจอ .. มันเป็นความรู้สึกผิดในใจมาตลอดจนตอนนี้ ..

.... ไม่ต้องบอกทุกคนคงพอรู้ว่า กาลีนะ มีสัมผัสพิเศษอยู่กับเขาบ้างพอสมควร ครั้งหนึ่งเราเคยได้ใช้มันเปลี่่ยนแปลงชะตากรรมของคนหลายคนไปเลย .. ( ไม่ขอบอกว่าทำยังไงนะคะ ) หลังจากที่รู้ตัวว่าหากตนเองตั้งท้องจะได้ลูกแฝดชายแน่นอนแต่ก็เกิดเหตุให้ตัดสินใจทำอะไรบางอย่างลงไป .. ไม่ใช่ทำแท้งนะคะไม่ต้องลุ้นคะ .. กาลีนะ คบกับแฟนคนแรกได้สองปีกว่าแล้วก็ได้ภาพนิมิตประหลาดที่เหมือนจริงมากมันเป็นภาพซ้อนในจิตใต้สำนึกมาแบบเป็นเรื่องราวชัดเจนมาก ๆ และ มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังก้องในหัวว่าหากยังคบคนนี้ต่อไป กาลีนะ อาจจะตายในสามเดือน .. ด้วยการกระอักเลือดตรอมใจตาย .. แต่หากไม่ตายก็จะถูกล่ามโซ่ไว้กับเสา และ ตั้งท้องให้กำเนิดบุตรชายฝาแฝด .. ไร้ญาติขาดมิตร .. เสียงนั้นบอกให้เลิกกับเขาไปซะ .. แล้วก็ได้เลิกกันจริง ๆ แต่ไม่ใช่เพราะเสียงนั้นนะคะ .. เพราะความเจ้าชู้ของแฟนเราเองต่างหาก .. เราเลิกกับคน ๆ นี้ทั้งที่เรารู้อยู่แก่ใจว่า .. ชายคนนี้คือ เนื้อคู่ของเราเอง ... ( มันรุ้ได้เองคะ ที่เขาเรียกว่าพรหมลิขิต ) แต่ก็คิดว่าในเมื่อรู้แล้วไม่แก้ไขจะรู้ไปทำไมเลยหาทางออกให้ตนเองโดยการตัดสินใจบอกเลิกเขาไปทั้งที่รักมากจนตายแทนได้ ... ( คงสงสัยละสิคะว่าเอามาเล่าทำไม มันเป็นตัวบ่งชี้เรื่องในอนาคตคะ )

... หลังจากเลิกกันไปสักระยะได้มีชายอีกคนเข้ามาในชีวิตคะและเขาก็พิสูจน์ความรักที่เขามีให้ กาลีนะ ว่าเขารักเราจริงออกจะรักมากเกินไปเสียด้วยซ้ำ .. แล้ววันหนึ่งขณะที่นอนอยู่กับแฟน กาลีนะ ก็รู้สึกว่าวันนี้แหละฉันอยากจะมีลูกผู้ชาย ... เชื่อไหม๊คะว่าเหมือนสั่งได้จริง ๆ มีเลยคะแต่ตอนนั้นยังไม่ทราบว่าท้อง ก็อยู่กันปกติกับแฟน ..ต่อมาอีกยี่สิบกว่าวัน กาลีนะ ต้องกลับบ้านเพื่อส่งแม่ไปทำงานต่างประเทศ .. ตอนนั้นที่หมู่บ้านเก่า กาลีนะ กำลังมีเรื่องฮือฮาว่ามีพญานาคมาอาศัยอยู่ในสระน้ำใกล้หมู่บ้าน .. โดยจะปรากฏเป็นงูจงอางสีขาวตลอดตัวโผล่หัวขึ้นมาจากน้ำ .. แต่เราก็ไม่ได้ไปดูหรอกนะคะแถมช่วงนั้นยังมีข่าว " ปอบอาละวาด " อีกต่างหาก .. หลังจากส่งแม่ขึ้นรถแล้วคืนนั้นเราก็ได้นอนในห้องกับพ่อ .. เพราะแกรู้ว่าเราเป็นคนที่กลัวผีมากขี้ขึ้นสมองก็ว่าได้ .. ไม่อายคะ กาลีนะ กลัวผีมาตั้งแต่เด็ก ๆ เลย 55555

... คืนนั้นขณะที่กำลังหลับเราก็ฝันประหลาด .. ในฝันเรานอนอยู่กับแฟนคนเก่าบนที่นอน .. อยู่ ๆ ก็มีเด็กชายสองคนน่าจะสักขวบได้คลานมาด้วยกันตรงมาหาเรากับแฟนเก่า เด็กคนหนึ่งตัวขาว หน้าตี๋ ผมยาวตรง คล้ายแฟนเก่าเรา ส่วนเด็กอีกคนผิวสองสี ผมหยิก ตาโต ขนตางอน แบบแขกเลย ทั้งคู่คลานตรงมาพอจะถึงฟูกที่นอนเด็กชายตี๋กลับอ้อมออกไปด้านขวามือของเรา .. แต่เด็กแขกกลับตรงดิ่งมาหาเรา .. เด็กแขกนั้นเราจำหน้าได้ชัดเจนเลย ... เพราะมันเบ้าเดียวกับไอ้ลูกชายตัวแสบของเรานี้เอง .. เขาเอื้อมมือมากำขาซ้ายเรากระชากตะโกนเรียกเราว่า " แม่ " เราสะดุ้งตื่นขึ้นมาที่ขายังรู้สึกถึงการถูกกระชากอยู่เลย .. เหมือนโดนจริง ๆ

... หลังจากนั้นเราได้เดินทางกลับมาบ้านแฟน คืนแรกของการกลับมาเราก็ฝันประหาดอีก .. เราฝันว่าเราอยู่ในบ้านน้องสาวยาย มีด้วยกันสามคน คือ เรา น้องสาวยาย และ ลูกสาวแก พวกเรากำลังตกใจกับสิ่งที่พวกเราได้เห็น .... งูเต็มไปหมดคะมีทุกแบบทุกไซร้ตัวเท่าภูเขาก็มีตัวเล็ก ๆ ก็มีเรียกว่ารอบบ้านหันไปทางไหนก็เจองูเป็นพัน ๆ ตัวเลยก็ว่าได้ .. แต่แปลกที่ในเขตรั่วบ้านกลับไม่มีงูสักตัว .. แล้วจู่ ๆ ก็ปรากฏงูสีขาวปลอดทั้งตัวขนาดเท่าขาเลื้อยตรงเข้ามาผ่านประตูรั่วที่ไม่มีงูตัวใดผ่านมาได้ ... มันตรงเข้ามาหาเรา แล้วแผ่พังพานชูคอขึ้นสูงเสมอหน้าเราที่ยืนอยู่ น้องสาวยายกับลูกสาวแกร้องลั่นให้เราหนีแต่เรากลับยืนนิ่งจ้องตามัน ... ทันใดนั้นมันก็เลื้อยมารัดช่วงหน้าอกเราอย่างรวดเร็วหน้าเรากับหน้ามันห่างกันแค่คืบ ... เราตะลึงทำไรไม่ถูก .. ได้ยินแต่เสียงกรี๊ดจากทั้งสองคนที่ยืนกอดกันใกล้ ๆ เรา .. เราหูอื้อไปหมด

... แล้วงูจงอางเผือกตัวนั้นมันก็กระโจนเข้าปากเราเข้าไปในท้องของเรา .. ท้องเราป่องออกมาเหมือนคนท้องเลย เราได้ยินแต่เสียงน้องสาวยายตะโกนมาว่า " เอามันออกมันจะมาเกิดกับแกนะเอามันออกเดี๋ยวนี้ " ด้วยความตกใจเราเอามือล้วงเข้าไปในคอเพื่อให้อ๊วกออกมา .. งูไม่ออกมาคะ .. แต่เราอ๊วกออกมามีแต่เลือดสด ๆ .. แล้วอยู่ ๆ เราก็รู้สึกเจ็บท้องเหมือนจะคลอด .. เราสะดุ้งตื่นตอนนั้นเอง ..

... หลังจากวันนั้นมาเราจะกินอะไรไม่ค่อยได้เหม็นเนื้อสัตว์ใหญ่กินได้แค่ ไก่ ปลา ผัก ผลไม้ หรือไม่กินเลยเพราะไม่รู้สึกหิวจนน้ำหนักตัวลดลงมากเหลือไม่ถึงสี่สิบเจ็ด พร้อมด้วยอาการไอเหมือนคนเป็นวัณโรค เรียกว่าไอจนฉี่เล็ดเลย ... จำได้ว่าทุกคนสงสัยว่าเราท้องหรือเปล่าเลยให้เราไปตรวจเพราะว่าปกติเราจะไม่ค่อยเป็นประจำเดือนอยู่แล้วแต่เพื่อความสบายใจเราเลยไปตรวจ ปรากฏว่าเราท้องได้สี่เดือนกว่าแล้ว ... เงิบไปเลยคะ .. มาได้ไง ? เรียกว่ามีแขนขาอะไรครบแล้วแต่น้ำหนักเราแค่สี่สิบหกกิโล .. พอทางบ้านเราทราบว่าเราท้องเลยตกลงกันว่าให้เราทำแท้งเพราะแค่หมั่นกันไว้ยังไม่แต่งทุกคนอยากให้แต่งก่อน รุ้ไหม๊คะคนที่มาบอกให้ทำก็คือ น้องสาวยายนั้นเอง .. ในวันนั้นเราได้ทำความบาปอย่างมากโดยเราไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เพราะมันหูอื้อไปหมด ขนหัวลุกชัน จากที่นั้งอยู่ลุกพรวดขึ้นกระทืบเท้าชี้หน้าผู้ใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าพร้อมกล่าวคำสาปแช่งคนทุกคนที่ให้เราทำแท้งลุกเราเป็นภาษาสมัยโบราณ .. ญาติทุกคนเรียกว่าตกใจสะดุ้งหนีกันหมด .. เราทำไปแบบที่ควบคุมตัวเองไม่ได้

.. แล้วเรากลับไปบ้านแฟนเพื่อคุยกันว่าจะทำยังไง .. คืนนั้นเองเรากับแฟนกำลังนอนหลับเราเหมือนจะได้ยินเสียงคนเดินบนบ้านด้วยเป็นบ้านไม้จึงได้แอบมองดูเห็นเป็นผู้ชายวัยรุ่นรูปร่างสันทัดผมรองทรงกำลังเดินมาที่พวกเรานอน .. เรากลัวมากจะปลุกแฟนก็ขยับตัวไม่ได้เลยรู้เลยว่ากำลังถูกผีอำแน่นอน .. แล้วชายคนนั้นก็ยื่นมือมากำที่ขาซ้ายเรากระตุ๊กอย่างแรก " แม่ " เราสะดุ้งดีดตัวลุกในทันทีเลยคะเหมือนตอนนั้นเลยขายังเจ็บเพราะถูกกระชากแฟนเราก็ตื่นมาดูเราสั่นมาก ..

... ในช่วงเวลาที่ตัดสินใจว่าจะเอาไงเราจะเกิดอาการประหลาดมากคะ คือ จะปวดท้องมาก ปวดไม่มีสาเหตุ จนวันที่เราตัดสินใจว่าจะไม่ทำแท้งเขา เชื่อไหม๊คะว่าอาการปวดท้องนั้นหายไปเลยคะ .. และ ที่เราแปลกใจ คือ ทำไมทุกคืนเรามักฝันว่าอยู่กับแฟนเก่าเราตลอดทุกคืนจนวันคลอด .. และ ช่วงนั้นมักได้ไปไหว้พระธาตุต่าง ๆ ทั่วอีสานด้วยเราก็ขอพรท่าน เราเคยกลัวที่สุดคือการมีลูกเพราะเราเห็นสภาพแม่เราแล้วทำให้กลัวว่าจะเราจะคลอดลูกตายทั้งกลม ... ทุก ๆ วันเราเฝ้าบอกเขาว่าอย่าให้ท้องแม่ใหญ่นะลูกออกมาแล้วหนูค่อยมาโตข้างนอกเหมือนเขารู้เลยคะ ท้องเล็กนิดเดียวเหมือนคนท้องสักห้าเดือนทั้งที่ใกล้คลอดแล้ว .. และ ทุก ๆ วันจะนั้งมองวัดแล้วบังเกิดภาพว่าลูกในท้องจะได้บวชพระไม่สึก .. แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเขาจึงบวช .. แต่เห็นภาพเขาในผ้าเหลือง .. สาธุ

... วันจะคลอดได้ฝันอีกเหมือนทุก ๆ วันแต่คราวนี้แปลกฝันว่าอยู่บ้านที่อยู่กับแฟนแต่ไม่มีแฟนเรามีแต่แฟนเก่า กับ แม่เรากำลังจะหาข้าวมาให้กิน .. พอกำลังจะกินข้าวปรากฏว่าเราปวดท้องจึงตื่นมาทันทีมองเห็นนาฬิกาบอกเวลาหกโมงตรง .. ตอนนั้นยังเจ็บไม่มากนักจึงทนไปก่อนเพราะอาจจะแค่เตือนเลยไม่คิดไรมาก .. วันนั้นอยู่ ๆ แฟนเราก็มีอาการปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรงตาแดงไปหมด .. เราก็ทำงานบ้านไปทั้งที่เจ็บท้องนั้นแหละ จนเก้าโมงกว่าเริ่มรู้สึกว่าไม่ใช่แล้วแบบนี้จะคลอดแน่ ๆ แต่แฟนเราก็ยังไม่หายปวดหัวนอนกุมหัวอยู่แบบนั้นเราจึงตัดสินใจเก็บกระเป๋าเพื่อจะไปโรงพยาบาลเองโดยจะขี่มอเตอร์ไซร์ไปเอง ... เห้อ ๆ บ้าดีเดือดไหม๊คะ แต่สมัยนั้นห้าวจริง ๆ คะ ปีนต้นไม้ทั้ง ๆ ที่ท้องแก่ก็ทำ คือ ทำทุกอย่างเหมือนปกติ หาบน้ำ ทำงานบ้าน ใจเด็ดมากคะช่วงนั้น .. เรียกว่าไม่กลัวอะไรเลยว่างั้นห้าวจัด .. มีครั้งหนึ่งโกรธให้แฟนมากไม่รู้จะทำยังไงไม่มีที่ระบายก็หยิบอีโต้เดินไปหลังบ้านฟันต้นกล้วยหลังบ้านทีเดียวขาดสองท่อนคะระบายถ้าไม่ทำรู้สึกจะอกแตกตายตาข้างบ้านนี้อึ้งพูดไรไม่ออกเลยคะ ...

... แต่พอขี่มาจะผ่านหน้าบ้านน้องสาวยายก็เกิดปวดท้องขึ้นมาแบบสุดจะทน ..ประกอบแกกับลูกสาวกำลังเดินออกมาจะไปกินเบียร์บ้านเพื่อเจอกันเข้าพอแกรู้เรื่องเลือด อสม. แกเลยให้รอที่บ้านแกก่อน ส่วนตัวแกก็เดินถือเบียร์กับต้มไก่ไปบ้านเพื่อนใกล้ ๆ โดยสั่งว่าถ้าเจ็บท้องถี่ ๆ ค่อยไปเรียกแกนะ จนเที่ยงนั้นแหละคะแกถึงมาพร้อมรถสองแถวมารับเราไปโรงพยาบาลโดยที่เราไปกับคนขับรถแค่สองคน .. แฟนกับยายค่อยตามไปทีหลัง .. ช่วงที่นั้งรถประมาณสิบห้านาทีเป็นเรื่องที่เราเล่าใครเขามักจะขำกันแม้แต่ลุงคนขับรถก็บอกว่าไม่เคยเจอคนจะออกลุกแล้วทำแบบเรา .. คือเราจะชวนแกคุยโน่นนี้นั้นไปตามทางคะเวลาท้องมันบีบตัวเราก็จะร้องโอ๊ย ๆ สามสี่ครั้งแล้วก็คุยต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ... พอถึงโรงพยาบาลก้เข้าห้องเตรียมคลอด เลยหมอทำความสะอาด และ ให้ยานอนหลับทางน้ำเกลือก่อนหลับเราสังเกตเห็นผู้หญิงเตียงข้าง ๆ ที่เตรียมคลอดนอนร้องไห้อยู่ตอนนั้นเรายังไม่ทันคิดอะไรก็พล่อยหลับไปจนบ่ายสามก็รู้สึกตัวเพราะปวดท้องมากแล้ว ... ภาพแรกที่เห็นตอนลืมตาตื่นขึ้นมาบอกเลยว่าโมโหมากคะ ... พยาบาลกับผู้ช่วยนั้งตีดัมมี่กันอยู่ตรงปลายเท้าเราเลย ... ด้วยความปวดมากเราเลยตะโกนด่าพวกเขาไปแรงพอสมควร เห้อ ๆ สะดุ้งวิ่งกันเลยคะ

... ขอเล่าต่อนะคะเพื่อเป้นความทรงจำ ..

... เราเดินไปเตียงคลอดเองหมอก็มาพอดี .. คืออยากจะบอกว่าเราฝากท้องพิเศษกับหมอคนนี้แกเป็นหมอเวรประจำวัน อังคาร เคยพูดไว้ว่าถ้าไม่อยากฝากพิเศาให้มาคลอดวันอังคารนะจะได้เจอแก .... ทุกคนเชื่อไหม๊คะว่าเราบอกลูกว่าให้คลอดวันอังคารนะลูกอยากคลอดกับหมอคนนี้ 55555 เชื่อไหม๊คะว่าเราเฝ้ารอคลอดทุกวันอังคารปีมะโรงพอดีเลย 5555 แล้วที่น่าตกใจไปกว่านั้นคือ ... วันที่เราคลอดวันนั้นเป็นวันอังคารพอดีคะ ... ตลอดชีวิตของเรากลัวที่สุดคือ การคลอดลูกนี้แหละคะ กลัวเป็นเหมือนแม่นาคตายทั้งกลมเพราะบ้านเราคลอดลูกยากทุกคน ถือว่าเป็นเรื่องโชคดีของเราอีกอย่างที่ใช้เวลาขึ้นเตียงคลอดแป๊บเดียวก็ออกเลย คือ แบ่งสามทีหัวออกครั้งที่สี่ก็ออกมาหมดเลยเป้นเด็กผู้ชายตัวจ้ำม่ำผิวออกขาวสะอาดไม่มีไขติดตัวเลย ทุกอย่างมันเร็วมากเรามองท้องตลอดจากที่ป่อง ๆ เมื่อกี้หายไปในพริบตา ด้วยความตกใจเราก็เลยเอามือไปจับตรงท้องตัวเองว่ามันหายไปไหน .. โดนหมอดุแถมฟาดมือเราอีกว่า " คุรแม่อย่าดื้อคะ กรุณานอนอยู่เฉย ๆ หมอจะเย็บแผล " เรารีบหันไปดูไอ้ลูกชายตัวแสบทันทีด้วยสัญชาติตญาณการดูละครบ่อยจำตำหนิลูกที่ท้องไว้ .. เหมือนของแม่เลย 5555 แล้วเราก็หลับไป

.. ตื่นมาอีกทีก็อยู่ห้องพักฟื้นกับคุณแม่อีกคนพอได้เห็นหน้าลูกแล้วดีใจมาก .. เหมือนแม่มันเด๊ะ ๆ ไม่เหมือนพ่อมันเลยสักนิด .. แถมหน้าตารูปร่างเหมือนเด็กผู้หญิงมากกว่า แถมกำมือแน่นเลย มีเหมือนพ่อเขาอย่างเดียวตอนนั้น คือ มีปล้องข้อนิ้วสี่ปล้องซึ่งเป็นลักษณะพิเศษที่ไม่ค่อยได้เจอเท่าไหร่ แต่ที่หน้าตกใจสำหรับเราคือ .. ทุกอย่างมันเหมือนเจ้าเด็กแขกคนนั้นที่เราฝันว่ามากระตุกขาเราตอนนั้นต่างแค่หัวไม่หยิกแค่นั้นเอง .. แล้วพอพักฟื้นห้องรวมเราถึงมารู้ที่หลังว่าผู้หญิงที่มาคลอดพร้อมเราลูกเขาตายตั้งแต่ตั้งท้องได้หกเดือนที่เขาเรียกว่า " อุ้มท้องผี " นั้นเอง เธอเฝ้ามองคนอื่นชื่นชมลูกด้วยน้ำตานองหน้าตลอด .. ทำให้เราตอนนั้นรู้สึกว่าการได้เกิดมาเป็นคนนี้มันโชคดีจริง ๆ นะ ทั้งที่ตอนนั้นเราก็พอจะเห็นภาพว่าอนาคตจะเป็นยังไงต่อไปสำหรับเด็กคนนี้ ..

... เขามีลักษระพิเศษคะจากการที่เราเฝ้าสังเกตเขาจะเป็นเด็กที่เลี้ยงง่าย กลางวันนอนตื่นกลางคืน กินจุมากสองเท่าของเด็กแรกเกิดปกติ และเหมือนเขาจะรุ้จักอะไรมากกว่าเด็กรุ่นเดียวกันเราเลยเรียกไอ้ตัวแสบว่า " ไอ้เด็กแก่ " สิ่งหนึ่งที่เราทึ่งเขามาก ๆ คือพอเขาได้สักเจ็ดเดือนแค่คลานได้เรากับพ่อเขาทะเลาะกันรุนแรงมากถึงขั้นจะใช้กำลังกันเขาหลับบนเบาะบนเตียงเดียวกับเราพอพ่อเขาจะทำร้ายเราเขาก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาแล้วคลานมาคร่อมเราไว้ไม่ให้พ่อเขาทำร้ายเราจนพ่อเขาเกือบเผลอฆ่าลูกตัวเองด้วยความโมโหดีที่เราคว้าลูกได้ทันแล้วก็ถีบพ่อมันหงายหลังไปเลย .. หายบ้าไปในทันที

... เราเคยสงสัยว่าความสามารถเรื่องสัมผัสพิเศษนี้สามารถถ่ายทอดทางสายเลือดได้ไหมเราจึงสังเกตลูกเรา สิ่งที่เราพิสูจน์ได้คือ เขามองเห็นพูดคุยกับวิญญาณได้ แต่พอโตมาก็หายไป เขามีสัมผัสรับรู้อนาคตได้ ( ตอนนั้นบวชเณรอยู่ ) ตอนเด็ก ๆ เขามักทำอะไรแปลก ๆ เสมอ เช่นอยู่ ๆ ก็มาบอกว่า " โตขึ้นขอบวชเป็นพระตลอดชีวิตได้ไหม๊ " ( เด็กสี่ห้าขวบนะคะ ) และอีกหลาย ๆ เหตุการณืทำให้เราทึ่ง และ เชื่อว่ามันสืบทอดผ่านทางสายเลือดได้จริง ๆ หลังจากนั้นพอเราได้มาศึกษาโหราศาสตร์เรากลับพบเรื่องที่น่าตกใจ คือ ตอนที่เราจะตัดสินใจเลิกกับพ่อของเขาเรารู้สึกว่าชายคนนี้ถ้าเรายังใช้ชีวิตคู่กับเขาต่อไป .. เขาจะเสียขาข้างซ้ายจากอุบัติเหตุมอไซร์ถึงขั้นตัดขาทิ้งไปเลยเพราะสิ่งที่เขาทำกับเรา .. เราจึงตัดสินใจแยกทางกับเขาเพราะเราไม่อยากให้ใครต้องมาเป็นอะไรเพราะเราอีก ... สิ่งที่เราพบจากการตรวจดวงชะตาลูกชายเราเอง คือ เด็กคนนี้เกิดมาจะฆ่าพ่อตัวเอง คือ พลาญบิดาผู้ให้กำเนิด และจะใช้ชีวิตโลดโผน .. เกิดมาเพื่อทำลายจริง ๆ เพราะพอเขาโตขึ้นมาจากเด็กขี้โรคเกือบตายหลายครั้งทุกวันนี้กลายเป็นเด็กพลังช้างสารไปเลยแรงเยอะมาก ตัวร้อนเหมือนไฟ แต่ธาตุลมไม่ดี จับอะไรมักพังเสียหายคามือเลยทีเดียว .. และ มีอีกเรื่องที่น่าแปลกในครอบครัวของพวกเราคะ ไล่มาตั้งแต่คุณตาคุณยายนะคะ คุณยายเกิดวันเสาร์ คุณตาเกิดวันอังคาร แม่เราเกิดวันเสาร์ พ่อเราเกิดวันอังคาร แฟนเก่าเกิดวันอังคาร พ่อของลูกก้เกิดวันอังคาร ลูกเราก็เกิดวันอังคาร และ สุดท้าย เราเกิดวันเสาร์ ... น่าตกใจไหม๊คะมันเป้นเรื่องที่แปลกดีเหมือนกัน .. แต่ความสามารถพิเศษของไอ้ตัวแสบหายไปพอเขาเริ่มโตขึ้น มารู้ภ่ยหลังว่าถ้าไม่มีการฝึกฝน หรือ ละเลยไม่สนใจมันก็มีสิทธิที่จะหายไปได้เหมือนกัน แต่ก็เรียกว่ามีของเก่าติดตัวมาอยู่ดี ...

.. ลืมเล่าเรื่องแปลกอีกเรื่องหนึ่งช่วงที่ท้องสักห้าเดือนกว่าปรากฏว่ามีงูเขียวเป็นร้อย ๆ ตัวมาอาศัยบนต้นมะนาวหลังบ้านเก่าเราเรียกว่าเต็มต้นมะนาวเลยคะไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ และ เมื่อต้นปีที่แล้วเราก้ฝันเห็นงูคล้าย ๆ งูเหลื่อมขนาดใหญ่มากอาสัยอยู่ในโพรงใต้บ้านของเราตรงเยื้อง ๆ หัวนอน .. งูตัวนั้นเป็นตัวเมียมันกำลังจำศลี " กกไข่หลายฟอง " แถมมันยังพูดได้ด้วยมันบอกกับเราทางจิตว่า .. เขาเป็นคู่ครองของลูกชายเราและไข่พวกนี้คือลุก ๆ ของเขาที่กำลังจะเกิด .. พญางูตนนั้นบอกว่าพวกเขาคือ " พญางูดิน " เราตกใจตื่นเลย และ จำได้ติดตาจนตอนนี้ และเมื่อเดือนที่แล้วเราก็ฝันถึงงูพวกนี้อีกครั้ง .. แต่นางงูตัวนั้นไม่อยู่แล้วมีเพียงไข่งุที่กำลังฟักตัวออกมาก่อนถึงเวลา .. มีเสียงบอกเราว่านางงูได้ไปตามคู่ของมัน ( ลูกชายเราเอง ) ที่กำลังนอกใจ ... เห้อ ๆ แต่ในดวงชะตาองเขามันบ่งบอกอยู่ว่าเขามีวิญยญณคอยติดตาม .. เคยมีคนทักเราเรื่องลูกว่าเด็กคนนี้เขาตั้งใจเกิดมาเป็นลูกของเราเท่านั้น และถ้าไม่ใช่องค์ระดับเดียวกับเราก็เกิดในท้องเราไม่ได้ คนที่ตายแล้วก้เกิดไม่ได้ .. ซึ่งพี่ที่ทัก คือ พี่ตุ๊กอดีตร่างทรงเจ้าแม่กวนอิมนั้นเองซึ่งแกทักอะไรเราไว้ยังไม่เคยพลาดเลยสักครั้ง .. อ.ต๋องก็เคยทดสอบลุกชายเราโดยการเอาตะกรุดให้เขาหนึ่งดอกสั่งให้แขวนติดตัวตลอดห้ามถอดจนกว่าจะโตแกบอกว่าจะช่วยลูกเราได้ พอกลับไปหาแกอีกรอบอยู่ ๆ แกก็ถามว่ารู้ไหม๊ตะกรุดนี้ชื่ออะไร ไอ้ตัวแสบตอบทันทีเลยว่า " พี่ตะกรุดชื่อ ดิน น้ำ ลม ไฟ ครับ " อ.ต๋องแกถึงกับยิ้มตบเขาผาง ๆ เลยว่าไอ้นี้สำคัญนัก .. แถมมันยังไปเห็นหุ่นบูชาบนหิ้ง อ.ต๋องที่เป็นพรแม่อุมายิ้มให้ด้วยจำได้ว่ามันกลัวมากหลบหลังเราเลย และตอนกลับมันยังบอกเราว่ามีผีตามมาขึ้นรถกับเราสองตัวด้วย บอกลักษณะได้ตรงเป๊ะ ทุกวันนี้เราก็ยังคงเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงของเขาว่าจะเดินไปในทิศทางใด ลืมเล่าอีกเรื่องตอนนั้นไอ้ตัวแสบได้สักสามเดือนพอดีพ่อแกพาพระชั้นผู้ใหญจากภาคกลางมาพักที่บ้านสององค์ มีท่านหนึ่งขอตรวจดวงชะตาไอ้แสบพอเราบอกไปแกดูแล้วก็เอ่ยปากขอลูกชายเราที่ยังนอนแบเบาะอยู่ว่า "อาตมาขอบิณฑบาทลูกชายโยมคนนี้ได้ไหม๊ จะให้เขาดูแลอาตมายามแก่ชราเพราะอาตมาไม่มีใคร " เราก็ลืมตัวตอบแบบไม่รักษาน้ำใจพระท่านเช่นกัน ว่าไม่ยกให้จะยังไงก็จะดูแลเอง .. ไม่รู้เสียมารยาทไหม๊ตอนนั้นไม่ได้คิดคะ .. จะบาปไหม๊นะ ... ถึงทุกวันนี้เขาก็ยังคงพูดเรื่องบวชอยู่เช่นเดิมถ้าเขาไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตคู่ ซึ่งเราเต็มใจให้เขาบวชถ้าเขาต้องการ หรือ ไม่เขาก็ขอไปเป็นทหารที่สามจังหวดภาคใต้ .. ซึ่งไม่ว่าทางไหนยายของไอ้แสบคงอกแตกตายแน่ ๆ

 

โอ สาธุ ด้วยค่ะ

ลูกชายของพี่แกคงตั้งใจมาเกิด เพราะรักและห่วงพี่จริงๆ

และที่แกอยากบวช ตลอดชวิต ก็คงอยากบวชให้แม่ แน่เลย

 

.. อ้อ เขาเคยรำพันตอนเป้นเณรว่า .. แม่ยังโชคดีนะเหลืออีกไม่กี่ชาติแล้ว แต่ชาติหน้าแม่คงต้องอยู่คนเดียว แต่เพชรสิชาตินี้ชาติแรก ... เราก็งงไปเลยพูดอะไร ... ที่เขาอยากบวชเพราะเขาบอกว่าเขารู้สึกเบื่อโลกคะ ..

 

เล่าต่อเรื่องเด็กอีกคนที่จะต้องมาเกิดเป็นฝาแฝดแล้วไม่ได้มาเกิดตอนนี้อยู่ที่ไหนทำไรบ้าง
อย่าลืมเล่านะ

 

... อยู่ที่เดิมนั้นแหละคะ .. ในท้องแม่ของเขาไงคะ .. เขาก็ต้องการมาสร้างบารมีเช่นเดียวกัน .. กรรมที่ทำในครั้งนั้นการเบี่ยงชะตากรรมที่ถูกกำหนดมา .. มันให้บทเรียนราคาแพงแก่ผู้หญิงคนนั้น .. แต่ในเมื่อมันไม่สามารถย้อนเวลากลับมาได้ กรรมได้กำเนิดขึ้นแล้ว และ กำลังดำเนินไป .. และ เมื่อได้สิทธินั้นอีกครั้งแต่ยังดีที่เขายอมให้แม่ของเขาเลือกทางเดินของตนเอง และ อยู่ร่วมกันกับคู่แฝดของเขา แม่ของเขาด้วยชะตากรรมที่เปลี่ยนไป .. หากต้องกำเนิดมามีแต่ความทุกข์ทรมานใจ ปวดร้าว ถูกทอดทิ้ง จากคนที่ให้กำเนิด .. ผ่านมาแล้วผ่านไป ทิ้งแต่ปมไว้ เหมือนแฝดของเขา .. ระหว่างที่สามารถเลือกได้.. ผู้หญิงคนนั้นควรเลือกยังไง .. ทุกปัญหาย่อมมีทางออกของมันเสมอ

... " คนที่ตายแล้วไม่สามารถเกิดในท้องของเธอได้ .. สัตว์ที่ตายแล้วไม่สามารถเกิดในท้องของเธอได้เช่นกัน .. มีเพียงผู้อยู่ในระดับเดียวกันเท่านั้นที่จะสามารถ .. กำเนิดในครรภ์ของเธอได้ "

..... นี้คือ คำตอบที่ อ.ต๋อง ให้ไว้สำหรับคำถามนี้คะ

... " เพราะฉะนั้นจึงเป็นที่มาของ คำอธิฐานจิตที่ได้ส่งไปให้พี่มิงค์ และ ป๋านบ ได้ดู " มันคือการพลิกแพลงแก้ไข และ ดึงเอาสิ่งที่เรามีมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ปิดจุดเสียให้เหลือน้อยที่สุด .... แต่มันอาจจะเป็น " โชคร้ายของผู้ที่คิดไม่ดีกับ กาลีนะ ที่จะต้องได้รับผลของหนึ่งในกรรมหนักห้าอย่าง .. คือ กรรมทำร้ายมารดาของตัวเอง " มันอาจจะดูโหดร้ายเกินไปเป็นภัยเงียบที่ผู้ไม่รู้ และ คิด หรือ ทำร้าย กาลีนะ ทั้งทางตรง และ ทางอ้อมต้องเจอ ... แต่ผลจะเห็นช้า หรือ เร็ว .. มันก็มีตัวแปลอยู่ที่ตัวเขา และ การทำตัวของ กาลีนะ นั้นเอง ... ยิ่งมีบารมีมากขึ้นเท่าไหร่ .. มันจะเร่งเวลาของกรรมทำร้ายมารดาให้เร็วขึ้นเท่านั้น ... เคยมีคนทักแล้วว่า " ชอบแบบนี้เหรอ " เพราะมันดูจะโหดร้ายเกินไปสำหรับผู้ที่ต้องรับกรรม ... แต่หากไม่ทำแบบนี้ ... คนที่ไม่มีวิชา ไม่มีอาคม ใช้ฤทธิ์ในโลกความเป็นจริงไม่ได้อย่าง กาลีนะ .. ก็คงต้องถูกรังแก ทำร้าย ลอบกัด อยู่แบบนี้เรื่อยไป .. แต่ก็ไม่ใช่ไม่เผื่อทางออกไว้นะคะ .. คนที่คิดดี ทำดี หวังดี กับ เราเขาย่อมได้รับสิ่งดี ๆ แน่นอน .. กรรมข้อนี้จะทำร้ายแต่ผู้ที่มีใจคิดร้ายเท่านั้นตามความคิด และ สิ่งที่พวกเขากระทำ .. เรียกว่า " กระจกสะท้อนกลับ " .. และ มันเป็นการเปิดทางให้ได้มีทางเดินต่อไปในภายหน้า .. มันอาจดูแปลก ๆ และ อำมหิต เกินไป .. แต่นั้นคือ กาลีนะ

 

... ครั้งหนึ่งคนของ กาลีนะ เคยถามว่า ระหว่าง ลูก กับ คนรัก .. ถ้าต้องเลือกได้แค่คนเดียวอีกคนต้องตาย .. กาลีนะ จะเลือกใคร ..กาลีนะ ตอบกลับไปว่า .. หากครั้งนี้ต้องเลือกอีกครั้งว่าใครตาย .. กาลีนะ ขอเลือกให้ตัวเองตายเอง .. ไม่ต้องให้ใครต้องมาเป็นอะไรอีกทั้งนั้น .. หากแลกได้ก็ขอเอาชีวิตตัวเองแลก .. ทั้งที่ทราบดีว่า .. กรรมมันเป็นเรื่องเฉพาะตัวบุคคล การยื่นมือเข้าไปเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของผู้อื่นจะเป็นเช่นไร แต่หากเป็นกรณีนี้ กาลีนะ ยอมแลกมัน .. เพราะ กาลีนะ ได้รับโอกาศมาหลายครั้งแล้ว กาลีนะ ก็จะยื่นโอกาศนั้นให้คนที่รักทั้งสองคนได้มีโอกาศเช่นกัน ..

 

มีข่าวจับปอบได้600กว่าตัวที่สกลนคร...เป็นที่สนใจแก่ครูติงยิ่งนัก...
มีการนำเอาไปทำพิธีเผา...แต่ครูติงอยากจะทำ MOU ให้เป็นสังคมปอบ เผื่อจะพัฒนาศักยภาพปอบให้สามารถนำมาทำเป็นประโยชน์ได้...
ผมก็เห็นดีด้วยกับครูติงนะ...เผื่อว่าจะทำเป็นแหล่งท่องเที่ยว และเรียนรู้วิถีปอบ ดีกว่าใส่กระบอกไม้ไผ่เผาไฟ...ไม่ได้ประโยชน์อะไร เพราะไม่ใช่ข้าวหลาม..ถ้าเป็นข้าวหลาม เผาไฟ ผมจะชอบมาก...อืม..ขอแบบหน้าสังขยา ใส่งาขี้ม่อนด้วยนะ...
ชักจะนอกเรื่อง...

เอาเรื่องที่สงสัยใคร่จะถามดีกว่า...
คือว่าปอบที่โดนจับมาได้ เมื่อถูกเผาไปเสียแล้วอย่างนี้ ดวงวิญญาณปอบเหล่านี้จะไปอยู่ที่ไหน ไปทำมาหากินอะไรต่อ...ชีวิตต่อจากนี้ของปอบที่โดนเผาในกระบอกเข้าหลามจะเป็นเช่นไร???