ตะลึง!พระจบปริญญา15ใบ

ตะลึง!พระจบปริญญา15ใบ

พระอาจารย์ มจร เรียนจบปริญญา 15 ใบ ระดับ ป.ตรี - ป.เอก จาก มจร - มมร - ม.รามฯ - มสธ.
เชื่อชีวิตคนเราเหมือนน้ำไม่เต็มแก้ว ต้องเรียนรู้อยู่ตลอด



17 มี.ค. 58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊ก "Post Hotnews" ซึ่งเป็นเฟซบุ๊กที่รายงานข่าวเกี่ยวกับ
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) ได้เผยแพร่ภาพพระสงฆ์รูปหนึ่ง
เมื่อวันที่ 16 มี.ค.เวลา 00.15 น. พร้อมข้อความประกอบว่า

"มีดีที่สถิติ มจร วันนี้ (15 มี.ค. 58) โพสต์นิวส์ ขอเสนอสถิติ 'พระจบปริญญา 15 ใบ'
พระมหามงคลกานต์ ฐิตธมฺโม / กลางพนม ป.ธ.9 อายุ 35 ปี อาจารย์ มจร
จบ ป.ตรี 12 ใบ พธ.บ. (เกียรตินิยมอันดับ 1) - มสธ. : นิติศาสตร์ - การบริหารการศึกษา -
การสอนมัธยมศึกษา (เกียรตินิยม) - รัฐศาสตร์ - การศึกษานอกระบบ - เทคโนโลยีการอาหาร -
รามคำแหง : การบริหารรัฐกิจ - สังคมวิทยาและมานุษยวิทยา - ประวัติศาสตร์ - สื่อสารมวลชน -
ภาษาไทย , ป.โท 2 ใบ พธ.ม. (วิทยานิพนธ์ดี )- นเรศวร : ศษ.ม. , ป.เอก 1 ใบ มมร : ศน.ด. (วิทยานิพนธ์ยอดเยี่ยม)"

โดยภายหลังมีการเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าว มีทั้งพระสงฆ์ พุทธศาสนิกชน เข้าไปแสดงความชื่นชมจำนวนมาก
ซึ่งพระมหามงคลกานต์ ขณะนี้ได้รับการบรรจุเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง พระมหามงคลกานต์ เปิดเผยว่า ข้อมูลที่มีการเผยแพร่ออกมานั้นเป็นความจริง
โดยเรียนจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ 1 ใบ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช 6 ใบ
มหาวิทยาลัยรามคำแหง 5 ใบ จบปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยนเรศวร 1 ใบ จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ 1 ใบ
และจบปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยมหามกุฏฯ 1 ใบ ขณะที่ปัจจุบันกำลังศึกษาระดับปริญญาตรี
ด้านการแพทย์แผนไทย ที่มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช อยู่อีกด้วย

พระมหามงคลกานต์ กล่าวต่อไปว่า เป็นคน จ.สุรินทร์ ในวัยเด็กพอเรียนจบชั้น ป.6 ก็ไม่มีโอกาสได้เรียนต่อ
จึงตัดสินใจขอทางครอบครัวมาบวชที่วัดอังกัญโคกบรรเลง จ.สุรินทร์ เพื่อหวังที่จะได้รับโอกาสเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น
และได้ขอกับเจ้าอาวาสเพื่อไปเรียนต่อโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษา ที่วัดกลางสุรินทร์
เมื่อจบการศึกษาระดับมัธยมศึกษา ก็ได้สอบเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ วิทยาเขตเชียงใหม่
จนจบระดับปริญญาตรี สาขาวิชาปรัชญา และในระหว่างที่เรียนที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ นั้น
ได้ลงทะเบียนเรียนที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง และมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชด้วย เนื่องจากทั้งสองมหาวิทยาลัย
อนุญาตให้สามารถเทียบโอนรายวิชาพื้นฐานได้ จึงเทียบโอนรายวิชาพื้นฐานที่เรียนผ่านมาแล้วจากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ
ทำให้ใช้เวลาเรียนจากมหาวิทยาลัยรามคำแหงในสาขาวิชาที่ลงเรียนประมาณ 1 ปีครึ่ง
ส่วนของมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชใช้เวลาเรียนสาขาวิชาละประมาณ 2 ปี จึงสำเร็จการศึกษา

พระมหามงคลกานต์ กล่าวด้วยว่า สาเหตุที่ทำให้มุมานะเรียนจนจบปริญญาหลายใบนั้น เพราะมองว่า
ชีวิตคนเราเปรียบเหมือนน้ำไม่เต็มแก้ว จำเป็นต้องเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา ส่วนตัวตั้งใจจะเรียนไปเรื่อยๆ
จนกว่าจะอายุ 60 ปี เพื่อให้มีความรู้ไปสอนญาติโยม และเป็นที่พึ่งของญาติโยมได้ทั้งทางโลกและทางธรรม
ยอมรับว่า มีความสุขกับการที่ได้เรียนหนังสือมาก เพราะได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ อยู่ตลอด
ที่สำคัญยังได้ฝึกตัวเองไปในตัวด้วย โดยเฉพาะในเรื่องของการใช้ภาษาอังกฤษ

 

ท่านเจ้าของกระทู้ให้แต่ข่าว ...ท่านไม่ลองแสดงความคิดเห็นเหรอคะ อยากทราบมุมมองของท่านค่ะ

 

ครูบาอาจารย์สอนว่า..ทางโลก เรียนเท่าไหร่ก็ไม่จบ

 

อ้าว....นึกว่ากระทู้หายไปไหน เมื่อตั้งกระทู้ไว้ที่ห้องอภิญญาที่แท้มาตั้งโด่เด่อยู่ที่นี่อง

 

กระทู้เคลื่อนได้เอง

 

นักปฏิบัติหลายท่านบอกว่า การเล่าเรียนมากมันเป็นแค่สัญญาจริงหรือ?
คิดว่านักปฏิบัติคงเข้าใจอะไรผิดๆมากกว่า

 

การเรียนเป็นแค่สัญญา ถ้าหากเราพิจารณาใคร่ครวญหาความจริงในสิ่งนั้น
มันจะพัฒนาตัวมันเองมาเป็นปัญญา เพื่อละสัญญานั้นเสีย และอีกอย่างหนึ่ง
สัญญาซึ่งแปลว่า ความจำ ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องละไปเสียทั้งหมด

สัญญาที่ต้องละ ก็คือ ฆนะสัญญา ซึ่งมี ความหมายว่า เป็นกลุ่มเป็นก้อน เช่นว่า
ขันธ์ ๕ คือตัวเรา ตัวเราคือ ขันธ์ ๕ เมื่อทำลายออกได้ก็จะได้ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
เมื่อทำลายออกอีก ก็จะได้ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่ใช่เรา ล้วนแต่เป็นอนัตตาบังคับบัญญชาไม่ได้
ควรหรือที่เราจะเข้าไปยึดถือ

อาจารย์สอนการปฏิบัติบางท่านบอกว่าอย่าไปเรียนเลย เพราะเรียนแล้วมันก็เป็นแค่สัญญา
ที่จะต้องทำลายคือเป็นการบอกที่ไม่หมดบอกไม่ให้เข้าใจ ทำให้เกิดการเสียหาย
ถ้าเกิดว่าให้ไม่ต้องจำอะไรเลยก็คงไม่ผิดกับคนปัญญาอ่อน หรือเด็กๆเล็กๆ หรือผู้เฒ่าผู้แก่ที่อายุมากๆ นั้นแล

 

โอ๊วว....เพิ่งจะรู้นะกระทู้ถูกแขวนไว้หน้าบ้าน
ตั้งแต่เข้าเว็บพลังจิตมาเพิ่งเคยมีปรากฎกะเขานี่แหละ

 

ทำไมคนเราเกิดมาจึงความแตกต่างกันมาก
บางคนปัญญาดีบางคนปัญญาทึบ บางคนเกิดมาก็ร่ำรวยเลย
บางคนเกิดมาก็ยากจน บางคนเกิดมาสวยบางคนขี้เหล่ ฯลฯ เป็นต้น

พระมหามงคลกานต์ ทำไมปัญญาจึงดี ในพระพุทธศาสนาก็กล่าวไว้เหมือนกันว่า
คงจะเป็นในอดีตชาตินั้นหรือชาติที่แล้ว ท่านคงแก่เรียนศึกษามามาก คือตายจากคน
ก็มาเกิดเป็นคนอีก ซึ่งเป็นชาติที่ตายเกิดใกล้กันมาก วิชาความรู้ยังไม่เลอะเลือนไป
เหมือนคนนอนหลับแล้วตื่นขึ้นมา อันวิชาความรู้ที่เรียนมาเมื่อวานก็ยังจำได้อยู่

บางคนอาจเรียนรู้ได้ไวก็เพราะเหตุว่าบุคคลนั้นอาจเคยได้เรียนมาแล้วตั้งแต่อดีตชาติ
แต่ถูกคั่นด้วยการเกิดในภพชาติอื่นเสียบ้าง นานบ้าง อาจหลายภพหลายชาติบ้าง
แต่ทว่าวิชาความรู้นั้นไม่ได้ถูกหายไปไหนเลย เช่น พระสารีบุตรเป็นต้น

ฉะนั้นอยากเป็นคนฉลาดมีความรู้ไปถึงชาติหน้า หรือในที่ๆเราเกิดอีกจะได้เป็นคนฉลาด
เราต้องสะสมความรู้ความฉลาดไว้ตั้งแต่เดี๋ยวนี้ แม้ว่าจะได้ไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานก็ยังเป็นสัตว์ที่ฉลาด

 

ลุงแมวดิ้นรนได้มาแค่ใบเดียว
ก็สงสารพ่อ_แม่แทบแย่เพราะต้อง
ลำบากเพราะเราไปด้วยด้วย

แต่ก็คุ้มเพราะเราไม่เคยต้องทำให้
พ่อแม่ต้องเดือดร้อนใจ ขณะที่กำลัง
ศึกษาเล่าเรียน

 

นี่แหละฮะ ผลงานส้มหล่น อิอิ
ของลุงหมาน
ยินดีกะลุงหมานด้วยนะครับ!!

 

เรียนไปทำไมเยอะขนาด

 

ปริญญาก็มีหลายเกรดเหมือนกันนะ อย่าดูแค่ปริมาณ

แต่ก็ต้องแสดงความนับถือ ในความอุตสาหะใฝ่เรียนครับ

 

อย่างนี้เรียกว้าโง่จริงๆ บิ๊กทู