วสี+มหาสติ =อนาคตังสญาณ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย wmt, 6 มิถุนายน 2014.

  1. somchai_12

    somchai_12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +800
    IMG_20150201_111721.jpg

    IMG_20150201_111644.jpg

    IMG_20150201_111943.jpg

    IMG_20150201_112422.jpg

    เมื่อวานผมไปเดินตลาดนัดปัฐวิกรณ์ (ตลาดนัด เสาร์ อาทิตย์ ) ได้ล็อกเก็ต และเหรียญ
    มาครับ นำมาให้ชมกันครับ
     
  2. somchai_12

    somchai_12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +800
    ข้อมูลเก่าในเวปพลังจิต

    วันนี้ไปทำงานค่ะจัดบูธที่ตลาดมีป้าร้านข้างๆๆเปิดร้านขายสร้อยสลึงค่ะ แกวางน้ำกรดไว้ข้างล่าง ใส่ในแก้วไว้ ส่วนเราก็มัวแต่ทำงานเลยไม่ได้สนใจอะไรขณะกำลังยุ่งเพราะว่าลูกค้ามาเยอะ ทำใ้ห้เดินเตะแก้วหกทำให้น้ำกรดโดนรองเท้าแล้วก็ไกลไปเต็มทั่วเท้าเลย แต่แรกคิดว่าเป็นน้ำเปล่าเดินย้ำอยู่นานแต่คิดในใจว่าทำไมไม่แห้งสักที สักพักป้าแกก็โวยวายว่าใครเตะน้ำกรด อ้าว!! ตกใจเลยว่านี่เราเดินเตะน้ำเหรอ ก็เลยเดินกลับล้างน้ำเปล่า รองเท้าที่ใส่โดนน้ำกรดละลายไปเลย ส่วนพื้นนั้นก็โดนน้ำกรดกัดสะพื้นขาวเลย พอมาดูเท้าเรากับไม่เป็นอะไรเลย นี่แหละคือประสบการณ์ตรงจริงๆๆ
    IMG00943-20130902-2358.jpg IMG00942-20130902-2357.jpg

    http://palungjit.org/posts/8274774
     
  3. somchai_12

    somchai_12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +800
    https://www.youtube.com/watch?v=meVYiPdQZ6s

    ธรรมะสนธนา หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย วัดเขาสุกิม
    มีพระธาตุของ หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย วัดเขาสุกิม ให้ดู
    บทสนธนาฟังแล้ว สบายใจ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กุมภาพันธ์ 2015
  4. wmt

    wmt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +1,432
    ใกล้เข้ามาอีกนิด ประชิดเข้ามาแล้ว

    คำพยากรณ์ ที่ต้องนำมาพิจารณาในขั้นเตรียมพร้อมของแต่ละท่านตามกำลังทรัพย์ กำลังพื้นฐานชีวิตของใครของเรา นั้นคือ

    คำพยากรณ์ของ หลวงปู่สังวาลย์ ท่านกล่าวไว้ ก่อนเกิดเหตุใหญ่ ให้สังเกตุ พระจะทะเลาะกัน

    ในความเห็นส่วนตัว คิดว่า มันเป็นจริงแล้ว ดูได้จากการตัดสิน คดีไม่ขัดลิขิต ที่ออกข่าวตอนนี้

    อีกหน่อย ถ้ารัฐทำกฎหมายเพื่อตรวจสอบยึด.....สำเร็จเป็นรูปธรรมขึ้นมา แล้วสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง

    ถึงตอนนั้น ความบริสุทธิ์ในธรรมทานที่ศรัทธาชาวพุทธน้อมใจถวายสร้างบุญบารมี เพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ย่อมถูกกลั่นแกล้ง ย่อมถูกย่ำยีได้ง่ายขึ้น ถึงตอนนั้น คงเข้าขั้นเส้นยาแดงผ่าแปด ระหว่างความอยู่รอดของคนบุญ....

    สิ่งที่หลวงปู่ฯ ท่านย้ำเป็นข้อสังเกตุสุดท้าย คือ ก่อนเกิดเหตุใหญ่ พระจะถูกยึดเงิน

    การพัฒนาการจากเหตุ พระทะเลาะกัน จวบถึงวันที่ พระถูกยึดเงิน จะกินเวลากี่ปี

    จะรอให้ถึงวันนั้น คุณเตรียมตัว เตรียมใจกันหรือยัง อย่าได้แต่เฝ้าดู ถิ่นที่อยู่ไหนใครอยู่ใกล้ทะเล ใกล้เขื่อน ใกล้ทางน้ำหลาก ใกล้แนวเปลือกโลกขยับ ควรต้องเร่งพิจารณาแล้ว
     
  5. เขามอ

    เขามอ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    321
    ค่าพลัง:
    +539
    น่าจะประมาณ 1-3 ปี เวลาเหลือไม่มาก แต่ก็ไม่น้อย ยังเตรียมตัวทัน
     
  6. somchai_12

    somchai_12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +800
    ความดี ความรัก ความสามัคคี ของคนในชาติเป็นสิ่งสำคัญ

     
  7. wmt

    wmt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +1,432
    สูงสุด กลับคืนสู่สามัญ

    คาบเกี่ยวเวลาชีวิตของแต่ละคน ย่อมมีทั้งสุข มีทั้งทุกข์ บางคนสุขมากกว่าทุกข์ สุขที่ได้ในปัจจุบันย่อมได้อานิสงส์จากอดีตชาติเป็นแน่แท้

    ชาวพุทธส่วนมากมีคติทำนองครองธรรม กรรมดีย่อมได้ดี กรรมคือการกระทำ พ่อแม่ครูบาอาจารย์ กล่าวว่า ปุเรกชาติทำวาสนามาดี ชาตินี้ย่อมได้ดี

    แต่บนความโชคดีของบางคนนั้นแสนสั้น ดูง่ายๆ เด็กๆที่เกิดมาในยุคนี้ บางคนไม่เคยลำบากเลย พ่อแม่มีความพร้อมให้ทุกอย่าง เด็กที่แร้นแค้นอยู่แล้วจะเห็นชะตาชีวิตตัวเองออก แต่เด็กที่จะเติบโตมาในวันหน้า ต่างวาดฝันอันสวยหรู ต้องแบบนั้น

    คาบเกี่ยวชีวิตของเด็กๆ และ ผู้ใหญ่อีกเป็นพันล้านคน ต่างจะต้องประสบ กับเวลาผจญภัยที่ต้องอาศัยบุญวาสนาทางธรรมอันยิ่ง

    วันนี้เทคโนโลยี่ต่างรุดหน้า หูทิพย์ ตาทิพย์ ความยิ่งยวดของเทคโนโลยี่กระจายไปทุกอณูของผู้ที่เข้าถึง มาตราการที่มาพร้อมกับผลประโยชน์ต่างถูกกอบโกยจนเศร้าหมอง

    คาบเวลาชีวิตกำลังเดินหน้าไปสู่ความสะพรึง ที่วันนี้ ยังไต่เต้าไปสู่จุดสูงสุด แต่สุดท้าย ทุอย่างจะคืนกลับสู่สามัญ ที่เคยมีพระอริยะท่านพูดไว้ " น่าเสียดาย สร้างกันมาเป็นร้อยๆปี แต่ต้องมาจบสิ้นภายในวันเดียว "
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กุมภาพันธ์ 2015
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ไม้เด็ดของพญามารที่ยังคงใช้ได้ผลเสมอ

    ไม้เด็ดของพญามารที่ยังคงใช้ได้ผลเสมอ ก็คือยุแหย่ให้ชาวพุทธโจมตีกันเอง ปรามาสกันเอง แล้วพญามารก็เอาบาปแห่งการปรามาสกันเองนั้น มาส่งผลให้ชาวพุทธต้องประสพกับวิบากกรรม ความเดือดร้อนต่างๆนาๆ มากมายเหลือประมาณ ขอยกเอาวิบากกรรมของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน มาเป็นอุทาหรณ์สอนใจกันครับ

    บุพกรรมของพระพุทธเจ้า

    3.เรื่อง กล่าวตู่พระอรหันต์ ทำให้ต้องตกนรก

    คราวหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ใกล้สระอโนดาด ได้ทรงตรัสเล่าบุพกรรมของพระองค์เรื่องที่ ๓ ให้ภิกษุทั้งหลายฟังว่า ในชาติปางก่อน เราได้เคยเกิดเป็นนักเลงชื่อว่าปุนาลิ ได้กล่าวตู่พระปัจเจกพุทธเจ้ามีนามว่า สุรภี ผู้ไม่ประทุษร้ายใคร ด้วยผลกรรมนั้นเราจึงได้เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในนรกเป็นเวลานาน เสวยทุกขเวทนาหลายพันปี ด้วยผลกรรมที่เหลืออยู่นั้น ในภพสุดท้ายนี้ เราจึงได้รับการกล่าวตู่เพราะนางสุนทรีเป็นเหตุ

    เรื่องนี้ มีกล่าวไว้อธิบายไว้ว่า สมัยนั้น ลาภสักการะเกิดขึ้นแก่พระพุทธเจ้าเป็นอันมาก เป็นเหตุให้พวกเดียรถีย์ทั้งหลายอับเฉาสิ้นลาภสักการะไปตาม ๆ กัน ไม่ผิดอะไรกับแสงหิ่งห้อยในเวลาพระอาทิตย์ขึ้น วันหนึ่ง พวกเดียรถีย์ได้ปรึกษากันหาทางจะทำลายลาภสักการะของพระพุทธเจ้า เพื่อจะทำให้ตนได้ลาภสักการะ ดังที่เคยเป็น จึงขอแรงนางสุนทรีปริพาชิกาผู้มีรูปงามให้ไปทำลายพระพุทธเจ้า โดยให้ไปใส่ความว่าประพฤติร่วมประเพณีกับพระพุทธเจ้า

    นางสุนทรีทำเช่นนั้นอยู่ ๒-๓ วัน พวกเดียรถีย์ก็จ้างพวกนักเลงให้ไปฆ่านางสุนทรี แล้ว หมกไว้ที่ระหว่างกองขยะดอกไม้ใกล้พระคันธกุฎี พวกนักเลงได้ทำตามสั่งทุกประการ เอาละคราวนี้ พวกเดียรถีย์ก็แกล้งโจษจันหานางสุนทรี กราบทูลเรื่องนั้นแก่พระราชา พระราชารับสั่งให้ค้นหาจนทั่ว จึงได้ไปพบศพนางที่กองขณะดอกไม้ พวกเดียรถีย์จึงยกศพนางขึ้นเตียงแล้วหามเข้าไปยังพระนคร ทูลแด่พระราชาว่า สาวกของพระพุทธเจ้าฆ่านางสุนทรี แล้วหมกไว้ในระหว่างกองขยะดอกไม้ด้วยคิดว่า เราจักปกปิดกรรมชั่วที่พระพุทธเจ้าได้ทำไว้

    พระราชาได้ให้ป่าวร้องไปทั่วพระนคร พวกเดียรถีย์ได้เที่ยวป่าวร้องด่าพวกภิกษุในภายในและภายนอกพระนคร แม้กระทั่งในป่า ภิกษุได้กราบทูลเรื่องนั้นแด่พระศาสดา พระศาสดาตรัสว่า ถ้าเช่นนั้น พวกเธอจงกลับโจทมนุษย์เหล่านั้นอย่างนี้ แล้วตรัสคาถาเหล่านี้ว่า คนที่ชอบพูดเท็จ หรือคนที่ทำความชั่วแล้วกล่าวว่า “ฉันไม่ได้ทำ” ต่างก็ตกนรก คน ๒ จำพวกนั้น ต่างก็มีกรรมชั่ว มีกรรมเลวทราม ตายไปแล้ว มีคติเท่าเทียมกันในโลกหน้า

    พระราชาได้ส่งตำรวจไปสืบสวนเรื่องนั้น บังเอิญว่า วันนั้น พวกนักเลงผู้ฆ่านางสุนทรี กำลังเมาสุราทะเลาะกันอยู่ในร้านสุราแห่งหนึ่ง พูดพาดพิงไปถึงนางสุนทรีว่าตนเองเป็นผู้ฆ่านางสุนทรีเอง พวกตำรวจจึงจับกุมตัวไปถวายพระราชา พระราชาได้ตรัสถาม ทราบความจริงว่า เดียรถีย์จ้างให้ฆ่านางสุนทรี

    จึงรับสั่งให้เรียกพวกเดียรถีย์มาแล้ว ทรงบังคับให้ไปเที่ยวป่าวร้องบอกแก่ชาวพระนครว่า นางสุนทรีนี้พวกข้าพเจ้าประสงค์จะสาดโคลนใส่พระพุทธเจ้าให้ฆ่านางแล้ว โทษของพระสาวกของพระพุทธเจ้าไม่มี เป็นโทษของพวกข้าพเจ้าฝ่ายเดียว พวกเดียรถีย์ได้ทำอย่างนั้นแล้ว คลายความสงสัยของมหาชนผู้โง่เขลาเสียได้ ต่อมา เดียรถีย์เหล่านั้น พร้อมด้วยพวกนักเลง ก็ถูกตัดสินประหารชีวิตฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา ตั้งแต่นั้นมา ลาภสักการะของพระพุทธเจ้าก็เจริญรุ่งเรืองตามเดิม

    ๔. เรื่อง กล่าวตู่พระอรหันต์ ทำให้ตกนรกถึงแสนปี

    คราวหนึ่ง พระผู้มีพระภาค ได้ทรงตรัสเล่าบุพกรรมของพระองค์เรื่องที่ ๔ ให้ภิกษุทั้งหลายฟังว่า เราเมื่อครั้นเกิดเป็นนักเลงหัวไม้ เป็นอันธพาล เพราะการกล่าวตู่พระนันทเถระ ผู้เป็นสาวกของพระพุทธเจ้า เราจึงเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในนรกเป็นเวลานาน ถึง ๑๐๐,๐๐๐ ปี ครั้นได้เกิดเป็นมนุษย์ ก็ได้รับการกล่าวตู่มาก ด้วยผลกรรมที่เหลืออยู่นั้น นางจิญจมาณวิกาจึงมากล่าวตู่เรา ด้วยคำไม่จริงท่ามกลางหมู่ชน

    มีเรื่องกล่าวไว้ว่า สมัยนั้น ลาภสักการะเกิดขึ้นแก่พระพุทธเจ้าเป็นอันมาก ฝ่ายพวกเดียรถีย์ลดน้อยลง ราวกับแสงหิ่งห้อยในเวลาพระอาทิตย์ขึ้น พวกเดียรถีย์จึงประชุมตกลงกัน ออกอุบายให้นางจิญจมาณวิกาปริพพาชิกา ผู้มีรูปงามคนหนึ่งทำลายพระพุทธเจ้า นางจิญจมาณวิกาได้ทำทีเป็นเดินเข้า-ออกในเวลาเช้าตรู่และเวลาเย็น ทำให้พวกอุบาสกผู้ไปฟังธรรมสงสัย นางบอกว่า ได้อยู่ร่วมในพระคันธกุฎีเดียวกันกับพระสมณโคดม ยิ่งทำให้คนพวกนั้นสงสัยขึ้นอีก

    ต่อมา นางได้เอาผ้าพันท้อง ทำเป็นคล้ายคนมีท้องได้ ๘-๙ เดือนจวนจะคลอด เมื่อพระพุทธเจ้ากำลังประทับนั่งแสดงธรรมอยู่บนธรรมาสน์นั่นเองได้ไปสู่ธรรมสภา ทูลพระองค์ว่า มหาสมณะ พระองค์ดีแต่พูดเท่านั้น เสียงพระองค์ไพเราะ พระโอษฐ์ของพระองค์สนิท ส่วนหม่อมฉันอาศัยพระองค์ได้เกิดมีครรภ์ครบกำหนดแล้ว พระองค์ไม่ทรงทราบที่คลอดของหม่อมฉัน ไม่ทรงทราบเครื่องบริหารครรภ์แก่หม่อมฉัน เมื่อไม่ทรงทำเอง ก็ไม่ตรัสบอกพระเจ้าโกศล อนาถบิณฑิกเศรษฐี หรือนางวิสาขามหาอุบาสิกา คนใดคนหนึ่ง แล้วด่าพระพุทธเจ้าต่าง ๆ นานาในท่ามกลางบริษัท

    ฝ่ายท้าวสักกะ เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนั้น จึงสั่งให้เทพบุตร ๒ องค์โดยให้แปลงเป็นหนู และแปลงเป็นลม มาทำลายพิธีของนาง กัดเชือกที่ผูกท่อนไม้ไว้ และลมพัดเลิกผ้าห่มขึ้น ไม้กลมพลัดตกลงบนหลังเท้าของนาง ปลายเท้าทั้ง ๒ ข้างแตก มนุษย์ทั้งหลายก็พูดว่า นางกาฬกัณณี เจ้าด่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ่มเขฬะลงบนศีรษะ ขับออกจากวิหาร นางวิ่งเตลิดเปิดเปิงไป พอล่วงคลองพระจักษุของพระพุทธเจ้าเท่านั้น ก็ถูกแผ่นดินสูบตกไปเกิดในอเวจีมหานรก ลาภสักการะของพวกเดียรถีย์เสื่อมลงอีก แต่ของพระทศพลยิ่งเจริญขึ้น

    ๕. เรื่อง กล่าวว่าร้ายผู้ทรงศีล จึงทำให้ถูกใส่ร้าย

    คราวหนึ่ง พระผู้มีพระภาค ได้ทรงตรัสเล่าบุพกรรมของพระองค์เรื่องที่ ๕ ให้ภิกษุทั้งหลายฟังว่า เราเกิดเป็นพราหมณ์ ผู้มีสุตะ มีประชาชนสักการะบูชา ได้สอนมนตร์ให้มาณพประมาณ ๕๐๐ คน ในป่าใหญ่ ได้เห็นฤาษีผู้น่าเกรงกลัว ผู้ได้อภิญญา ๕ มีฤทธิ์มาก มายังสำนักของเรา เราจึงกล่าวตู่ฤาษี ผู้ไม่ประทุษร้ายใคร โดยบอกลูกศิษย์ว่า ฤาษีผู้นี้มักบริโภคกามคุณ เพียงเราบอกเท่านั้น พวกมาณพก็พลอยเชื่อ ตั้งแต่นั้นมา ครั้นไปเที่ยวหาอาหารในตระกูลทั้งหลาย พากันบอกประชาชนว่า ฤาษีตนนี้มักบริโภคกามคุณ

    ด้วยผลกรรมนั้น ภิกษุ ๕๐๐ รูปเหล่านี้ ได้รับการกล่าวตู่ เพราะนางสุนทรี เป็นเหตุ มีเรื่องกล่าวไว้ว่า พวกมิจฉาทิฏฐิผู้ไม่เลื่อมใสในพระรัตนตรัย ได้ติดตามพระพุทธเจ้าผู้เสด็จเข้าไปภายในพระนคร ได้ด่าบริภาษด้วยอักโกสวัตถุ ๑๐ ว่า เจ้าเป็นโจร เป็นคนพาล เป็นคนหลง เป็นอูฐ เป็นโค เป็นฬา เป็นสัตว์นรก เป็นสัตว์ดิรัจฉาน ไม่มีหวังจะได้สุคติ ทุคติเท่านั้น ที่เจ้าควรหวัง
    ท่านพระอานนท์สดับคำนั้นแล้ว ได้กราบทูลพระพุทธเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พวกชาวเมืองได้ด่าบริภาษพวกเรา พวกเราจะไปที่อื่นจากเมืองนี้เถิด

    พระพุทธเจ้าตรัสถามว่า จะไปที่ไหน เมื่อถูกด่าที่นั่นอีก จะทำอย่างไร พระอานนท์กราบทูลว่า จะไปเมืองอื่นอีก เมื่อถูกด่าที่นั่นอีกก็หนีไปเรื่อย ๆ พระเจ้าข้า พระพุทธเจ้าตรัสว่า การทำอย่างนั้น ไม่สมควร เมื่ออธิกรณ์เกิดขึ้นในที่ใด ต้องสงบในที่นั้นเสียก่อน จึงสมควรไปที่อื่น แล้วตรัสถามต่อไปว่า พวกไหนเล่าด่าพวกเรา

    อานนท์กราบทูลว่า คนทั้งหมดกระทั่งทาสและกรรมกรก็พากันด่า

    พระพุทธเจ้าตรัสว่า อานนท์ เราเป็นเหมือนกับช้างที่เข้าสู่สงคราม การอดทนต่อคำพูดของคนไม่มีศีล มีจำนวนมากเป็นภาระของเรา เช่นเดียวกันกับการอดทนต่อลูกศรที่แล่นมาจกทิศ เป็นภาระของช้างที่เข้าสู่สงคราม

    ที่มา https://sites.google.com/site/dhammatharn/home/buphkrrm-khxng-phraphuththcea
     
  9. wmt

    wmt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +1,432
    ในที่สุดก็ถึงวันนี้ หลังจากที่รู้ล่วงหน้ามาสองเดือน

    วันที่รัฐเผยข้อมูลเรื่องขอการจัดการทรัพย์สินของวัดในพระพุทธศาสนา

    เวลาที่ หลวงพ่อ...องค์หนึ่งเคยพูดไว้กับลูกศิษย์

    ถ้างานนี้ดำเนินการสำเร็จ เกรงว่าจะเกิดการเลยเถิดเพราะเงินที่ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา แบบถูกต้องนั้น จะมีปัญหาไปด้วย ถึงครานั้น ข้ามไปปีนั้น อะไรก็เกิดขึ้นได้

    ตามไปอ่านเนื้อหาได้ที่ มติชน พระสงฆ์นัดชุมนุมใหญ่ ค้านสปช.รับลูก ′ไพบูลย์ นิติตะวัน′ ผ่านร่างแนวทางพิทักษ์พุทธศาสนา :
     
  10. wmt

    wmt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +1,432
    มันมู่ พืชอาหารที่ต้องเตรียมปลูกได้แล้ว

    มันอะไรเอ่ย ไม่ได้ออกในดิน ???
    คำตอบคือมันมู้ค่ะ ไม่รู้ภาคอื่นเรียกอะไรบ้าง ที่บ้านเรียกมันมู้ หรือ บ่ามู้ ค่ะ
    มันมู้เป็นมันที่ออกหัวในอากาศค่ะ ไม่ต้องขุดดินก็ได้กิน หัวมันมู้ มันจะแตกหัวอยู่ตามก้านใบ ประมาณหน้าหนาวเราก็จะได้ทานกัน
    จะดูว่าทานได้ไม่ได้ก็รอมันร่วงค่ะ พอร่วงก็เก็บไว้จะนำไปต้มแล้วจิ้มน้ำตาลก็อร่อย หรือใครจะลองเอาไปทำขนมดูก็ได้นะคะ
    รสชาติก็คล้ายๆเผือกค่ะ ถ้าเก็บไว้นานๆไม่ได้ทำอะไรประมาณช่วงเดือนนี้เค้าก็จะแตกยอดขึ้นมาเราก็เอาไปปลูกใหม่ได้เลยค่ะ
    วิธีปลูกก็ง่ายๆเอาไปวางไว้บนดินใต้ต้นไม้หรือจะทำค้างก็ได้ แต่วางไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่ง่ายดีค่ะ จะกลบดินหรือไม่กลบก็ได้รดน้ำบ้างไม่นานปีเดียวก็ได้กินแล้วค่ะ ปลูกตอนนี้หนาวนี้ได้ทานแล้ว ^^ พอเค้าออกหัวหมดก็เถาจะแห้งไปเอง ส่วนหัวที่เคยปลูกไว้รอไปซักพักเค้าก็จะแทงยอดขึ้นมาใหม่ ^^
    http://m.pantip.com/topic/30271908?
    -------------------
    เครดิตบทความข้างบนยกมาจากกระทู้ห้องพันทิป

    มันมู่นี้ คืออาหารที่ ได้ยินได้ฟังมาจากศิษย์ท่านหนึ่งของพ่อแม่ครูอาจารย์ฯ ที่ท่านสั่งให้หามาปลูกกันไว้ หากภัยใหญ่เกิดขึ้น ข้าวปลาอาหารจะขาดแคลนมาก ถ้ามีพืชชนิดนี้ไว้เก็บกินกันอดตายได้

    -------------------
    ขอฝากบทความนี้เป็นอนุสรณ์เตือนใจ ให้สถานที่ปฏิบัติธรรมทั้งหลายควรรีบเร่งหามาปลูกกันไว้เถิด จะเกิดผลยามบ้านเมืองระส่ำระสายเพราะธรรมชาติให้โทษภัย

    และโปรดอย่าลืม ต้องเตรียมหา เตรียมรวมกลุ่มปฏิบัติธรรม เข้าหาพระครูอาจารย์ต่างๆ หากลุ่มที่ทัศนคติเดียวกัน ห้ามอยู่โดดเดี่ยวแบบครอบครัวเดียว ต้องสำรองข้าวสาร เกลือ ด่างทับทิม พูดถึงด่างทับทิม ควรให้มีผู้รับผิดชอบค้นหาข้อมูล การใช้ การเก็บรักษา ไม่ใช่นำไปใช้โดยพลการ เพราะคุณก็มีโทษก็มี หากใช้มากเกินไป ควรใส่เป็นเพียงเกล็ดเล็กๆในซอง แล้วซีลสูญญากาศให้มิดชิด ยามจะใช้ก็ใช้ได้ทันที

    ขอให้เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 เมษายน 2015
  11. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    มันป่ามู้


    อัปโหลดเมื่อ 22 ม.ค. 2012​
     
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    โรงเรียนวัดทุ่งแย้ ปลูกมันเทศ



    อัปโหลดเมื่อ 29 ก.ย. 2011
    ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง​
     
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 เมษายน 2015
  14. น้ำใสไหลเย็น

    น้ำใสไหลเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,289
    ค่าพลัง:
    +4,452
    ขอแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับ "มัน" ้บ้างค่ะ ท่านwmt ท่านเกษม

    เมื่อตอนเป็นเด็กน้อย เคยเข้าป่าขุดเผือกขุดมันเป็นอาหารเลี้ยงชีพค่ะ เลยพอจะมีประสบการณ์เกี่ยวกับมันบางชนิดอยู่บ้าง

    มันแกว มันแซง มันฮืบ เป็นเถา เมื่อแก่เถาจะเฉา ไม่มีเม็ดมันเกาะที่เถา

    ส่วนมันพร้าว มันหมากเห็บ มันมือเสือ มันเลือดหรือมันข้าวก่ำบางที่เรียกมันตะพาบน้ำ เมื่อเถาแก่ ใบแก่เริ่มเฉาจะเม็ดมันเล็กๆที่เถา ค่ะ

    จริงๆแล้ว เม็ดมันเล็กๆก็เหมือนเมล็ดมัน นิยมเอามาเพาะขยายพันธุ์ จะนำมาทานก็ได้ค่ะ แต่กว่าจะอิ่มสู้เอาหัวใหญ่มาทานดีกว่าค่ะ

    เออ ส่วนมันมู้ ทางบ้านดิฉันจะเรียกมันอะไรดี เพราะดูในรูปคล้ายมันหมากเห็บ แต่ใบคล้ายใบกลอย
     
  15. wmt

    wmt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +1,432
    แนะนำ ช่องทางศึกษา ระบบโซล่าเซลล์

    โซล่าเซลล์ เป็นนวัตกรรมที่ถูกคิดค้นมาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ใช้หลักการเกิดปฏิกิริยาทางเคมี เปลี่ยนความเข้มของแสงแดด ออกมาเป็นกระแสไฟฟ้าตรง 1 - 90 โวลต์ หรือ เรียกอีกอย่างว่า ไฟดีซี (DC)

    การเรียนรู้ ควรทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ว่า เซลล์ในแผ่นมีลายวงจรเดินอย่างไร ทำไมถึงมีไฟฟ้าออกมาได้ เท่านี้โวลต์ เซลล์ในแผ่นต่อกันยังไง เราจะตัด จะต่อ จะดัดแปลงเพื่อนำไฟฟ้าที่แผ่นโซล่าเซลล์ผลิตได้ ไปใช้ชารจ์ถ่านหรือแบตเตอรี่แบบไหนได้บ้าง (แน่นอน แผ่นใหญ่ย่อมได้เปรียบ ในการดัดแปลงไปใช้งานได้หลากหลาย)

    ถ้าคิดให้เข้าใจง่ายขึ้น ไฟฟ้ากระแสตรงเป็นยังไง ก็ถ่านไฟฉาย หรือ ไฟฟ้าจากแบตเตอรี่พาวเวอร์แบงค์ แบตเตอรี่รถยนต์ ก็ใช่เช่นกัน

    แผ่นโมดูลย์ หรือ ที่นิยมเรียก แผ่นโซล่าเซลล์ จะว่าไปแล้วก็คือ แบตเตอรี่ดีๆนี่เอง เพียงแต่ว่า มันสามารถผลิตไฟฟ้าออกมาได้โดยอาศัยการรับแสงแดดอย่างที่ว่ามาข้างต้น แดดยิ่งร้อน การผลิตไฟฟ้าของแผ่นโซล่าเซลล์จะยิ่งลดลง (ย้ำอีกครั้ง เพราะแผ่นโซล่าเซลล์ ไม่ใช่อาศัยความร้อนของแสงแดด แต่อาศัยความเข้มของแสงแดดมาผลิตไฟฟ้า)

    ปัจจุบันแผ่นโซล่าเซลล์ ที่ได้รับความนิยมในไทย มีอยู่ 3 ประเภท

    1.แบบอะมอฟัส (หน้าตาคุ้นๆ เช่น ในเครื่องคิดเลข) ส่วนใหญ่ พวกนี้เป็นแผ่นโวลต์สูง แอมป์จะต่ำ เช่น

    -แผ่นของ บ.บางกอกโซล่า (บางกอกเคเบิ้ล) มี 60 โวลต์ 40 วัตต์ 1.14 แอมป์ และ 90 โวลต์ 50 วัตต์ .9 แอมป์

    -แผ่นของ บ.ชาร์ป มี 60 โวลต์ 121 วัตต์ และ 135 วัตต์ 3 แอมป์ ส่วนใหญ่เป็นแผ่นนำเข้า หรือ แผ่นมือสอง จากญี่ปุ่น
    แผ่นอะมอฟัส นิยมเอาไปทำปั๊มน้ำ เพราะใช้แผ่นน้อย

    2.แผ่นแบบโมโน และ 3. แผ่นแบบคริสตรัลไลน์ ทั้ง 2 แบบ จะมีตั้งแต่แผ่นเล็กๆ ถึง แผ่นใหญ่ 18 - 36 โวลต์ 5 - 300 วัตต์ .6 - 8 แอมป์ มีทั้งแผ่นผลิตในไทย ในจีน ใต้หวัน ญี่ปุ่น อเมริกา

    สุดแล้วแต่ใครจะเอาเข้ามาขาย แผ่นพวกนี้ปัจจุบัน นิยมมาทำระบบสูบน้ำก็เยอะ มาทำระบบออนกริด - ออฟกริด

    ออนกริดคือ เอาไฟฟ้าจากโซล่าเซลล์มาใช้ร่วมกับไฟหลวงโดยมี กริดไทน์ เป็นตัวผสมไฟให้เข้ากัน เดี๋ยวนี้การออนกริด ไม่จำเป็นต้องใช้ระบบใหญ่ๆแล้ว ใครอยู่หอก็ทำได้ง่ายมาก (ถ้าเจ้าของหอยอม) เช่น ซื้อแผ่นซันเทคมือสองสัก 5 พัน ได้ไฟ 285 วัตต์ 36 โวลต์ 8 แอมป์ + กริดไทน์ 300 วัตต์ ราคาสัก 4 พันห้า ต่อแค่นี้ ค่าไฟในห้องหอก็ลดลงแล้ว จะลดมากน้อยก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพของแผ่น และ ความเข้มของแสงแดดที่แผ่นได้รับในแต่ละวัน

    ส่วนระบบออฟกริด คือ การนำไฟฟ้าที่ได้จากโซล่าเซลล์ มาชารจ์ลงแบต แล้วใช้ไฟฟ้าในบ้านทั้งหลังเป็นระบบไฟ 12 โวลต์ หรือ อาจจะแปลงไฟ 12 โวลต์จากแบตเป็น 220 โวลต์ผ่านอินเวอร์เตอร์ก็ได้ แล้วแต่ใจรักแบบไหน

    การนำแผ่นโซล่าเซลล์มาต่อกัน มี 2 วิธีง่ายๆ คือ

    สมมุติมีแผ่น 2 แผ่น จะต่ออนุกรม ให้นึกถึงถ่านไฟฉาย เอาหัวก้อนแรก (ขั้วบวก) ชนตูด (ขั้วลบ) อีกก้อนถัดไป

    1.ต่อแบบอนุกรม เอาสายบวก ไปรวมกับ สายลบ ของอีกแผ่นหนึ่ง จะเหลือสายบวกของแผ่นแรก และ สายลบ ของแผ่นที่สอง ไว้ใช้งาน

    การต่อแบบนี้ เราจะได้ กระแสไฟสูงขึ้น x 2 แต่แอมป์เท่าเดิม

    2.ต่อแบบขนาน เอาสายบวกของแผ่นแรก และ แผ่นที่สอง มารวมให้เป็นเส้นเดียวกัน และสายลบก็รวมเป็นเส้นเดียวกัน

    วิธีนี้ เราจะได้ กระแสไฟเท่าเดิม แต่แอมป์จะสูงขึ้น x 2

    ทั้งสองวิธี วัตต์จะเพิ่มขึ้นเป็น x 2

    ---------------------------------------------

    การศึกษาเรื่องโซล่าเซลล์นี้ ก็เพื่อให้ตัวเราคุ้นเคยกับของพวกนี้ วันหน้าหากเกิดภัยพิบัติขึ้นมา เราก็สามารถที่จะทำความเข้าใจและนำประโยชน์ จากแผ่นโซล่าเซลล์แบบต่างๆ ไปใช้ประโยชน์ได้สูงสุด โพสนี้จึงขอแนะนำสำหรับทุกท่าน โดยเฉพาะในกลุ่มของผู้ปฏิบัติธรรม ที่กำลังเตรียมตัวตั้งรับกันอยู่ ณ.เวลานี้

    ลิงค์เสริม คือ ลิงค์ที่จะนำพาท่านไปสู่ความรู้ และ ที่ซื้อของในราคาไม่แพง
    ลิงค์เสริม


    เฟสบุ๊ค ของ ท่านอาจารย์นันท์ ภักดี ท่านเป็นจิตอาสา ที่มีอุดมการณ์ให้คนไทยได้ใช้และได้อยู่ ด้วยความพอเพียง ในสโลแกนที่ว่า " องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร " ติดตามความรู้อันทรงคุณค่า ที่ไม่มีใครให้คุณได้เท่านี้
    https://www.facebook.com/phakdee.nun

    เฟสบุ๊ค ของ คุณหมอสุมน นาคเฉลิม ที่จะพาท่านไปสู่มุมเกษตร พืชอาหาร พืชสมุนไพร ที่คุณสามารถนำไปปลูกเพื่อเตรียมรับวิกฤติ ภัยพิบัติในอนาคตข้างหน้า
    https://www.facebook.com/sumon.nakchalerm
     
  16. uthaimai

    uthaimai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    550
    ค่าพลัง:
    +1,344
    บ้านกระผมเรียกว่า "มันนก"ครับ ที่สุโขทัยครับ ขอบคุณข่าวสารและข้อแนะนำทั้งหลายครับ...อนุโมทนา
     
  17. wmt

    wmt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +1,432
    เหรียญช้างเผือก อนุสรณ์ให้คชสารคู่บารมี

    wmt ขอน้อมรับบุญที่ท่าน poo pan และครอบครัวได้มีโอกาสร่วมสร้างและต่อเติมบุญ ด้วยการร่วมบริจาคสร้างมหาเจดีย์ บูรพาฐิตวิริยาประชาสามัคคี องค์นี้ เงินที่ท่าน poo pan หาได้ด้วยจิตบริสุทธิ์ จะเปลี่ยนเป็นเม็ดหิน เม็ดทราย สร้างความมั่นคงให้องค์มหาเจดีย์สืบไป ขออนุโมทนาสาธุๆๆ

    การปรารภเหตุสร้าง " เจดีย์ฯ " องค์นี้ ปัจจุบันยังไม่มีการรวบรวมเรื่องและรายละเอียดต่างๆ ในสิ่งที่ควรจะเป็น มีรายละเอียดอีกมาก ที่สามารถนำไปเขียนออกมาได้เป็นมหากาฬย์ได้เลยทีเดียว สิ่งที่หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย พ่อแม่ครูอาจารย์ วัดเขาสุกิม

    ได้ตั้งความปรารถนาในการสร้าง " เจดีย์ " องค์นี้ขึ้นมา ได้มีผู้รู้เห็นการณ์ล่วงหน้า หรือ ศัพท์ทางธรรม เรียกการเห็นแบบนี้ว่า อนาคตังสญาณ ผู้ที่มองเห็นอนาคตังสญาณนี้ คือ ผู้เป็นพ่อแม่ครูบาอาจารย์ใหญ่ หลวงปู่มั่น ภูริทัตตะเถระ ปรมาจารย์ใหญ่ในยุคราชจักรีวงศ์ เรื่องนี้ หลวงปู่สมชายฯ ได้เคยเมตตาเล่าให้ฟังเป็นเหตุการณ์ในวันที่ท่านจะญัตติจากสามเณรเป็นพระภิกษุ หลวงปู่มั่นฯ ได้พูดขึ้นในที่ประชุมสงฆ์ว่า......ส่วนครูอาจารย์ฯ อีกองค์หนึ่งที่เห็นทะลุปรุโปร่งทั้งอดีตชาติ และ อนาคต ได้พยากรณ์อย่างแม่นยำไว้ ถึงเรื่องความเจริญแห่งเขาอีกิม (ชื่อก่อนเปลี่ยนเป็นเขาสุกิม) ท่านคือ ท่านพ่อลี ธัมธโร แห่งวัดอโศการาม ท่านสั่งลูกศิษย์ของท่านไว้เลย " คนจันทบุรีเป็นผู้มีบุญบารมี มักจะได้พระดีมาอยู่เสมอๆ กาลต่อไปข้างหน้า จะมีพระผู้มีบุญบารมีเข้ามาอยู่เมืองจันทน์อีกรูปหนึ่ง

    ให้รีบไปสร้างวัด เพื่อรอการมาของพระรูปนี้ได้เลย พร้อมทั้งยังพยากรณ์ต่อด้วยว่า ปี พ.ศ.ที่เท่าไร จะเกิดอะไรขึ้นกับเขาอีกิม ซึ่งสิ่งเหล่านั้นก็เกิดขึ้นตรงทุกอย่าง......

    ส่วนเหรียญ ช้างเผือก ที่คุณ poo pan ได้รับมานั้น เป็นเหรียญประวัติศาสตร์อีกเหรียญหนึ่ง ที่ wmt ยกให้เป็นหนึ่ง

    ปัจจุบันมีลูกศิษย์ก้นกุฎิไม่กี่ท่าน ที่ยังคงมีภาพ พญาช้างเผือก เชือกนี้แขวนไว้ในบ้าน เป็นภาพช้างเผือกเชือกหนึ่ง สูงสง่างามยืนสงบนิ่งอยู่
    ภาพนี้ คือภาพที่หลวงปู่ฯเมตตาสร้างแจกให้ไว้กับคณะศิษย์ ที่น่าจะมีนัยสำคัญลึกซึ้งแฝงอยู่ คนที่จะเข้าใจได้ คือ ศิษยานุศิษย์ที่ได้รับภาพนั้นเอง

    ความเป็นมาของ ช้างเผือกเชือกนี้ wmt เสาะหาข้อมูลได้ว่า ปัจจุบัน ช้างเผือกเชือกนี้ ยังมีชีวิตอยู่ แต่อยู่ในประเทศ... หากผู้ที่ไปวัดเขาสุกิม เข้าไปตึกที่เก็บสรีระสังขาร หลวงปู่ฯ ถ้าสังเกตุดีๆ จะเห็นภาพๆหนึ่ง ที่หลวงปู่ฯ นั่งรถวีแชร์ รายล้อมด้วยพระอุปฐาก กำลังให้อาหาร ช้าง เชือกหนึ่ง นี่แหล่ะ คือ ช้างเผือก เชือกนี้

    ขอสรุปสั้นๆไว้ ว่า เหรียญวัตถุมงคลของหลวงปู่ฯ ทุกเหรียญสร้างขึ้นด้วยเพราะมีความหมายอันลึกซึ้งซ่อนอยู่ หลายๆเหรียญสร้างเพราะศิษย์ชอให้สร้าง เพื่อนำรายได้ไปสร้างสาธารณประโยชน์ เข่น สร้างโรงเรียน โรงพยาบาล ฯลฯ

    ส่วนเหรียญ พญาช้างเผือก นี้ ศิษย์ได้ขอสร้างเพื่อเป็นอนุสรณ์ที่ ท่านฯได้ช้างเผือก นี้มาเป็นคชารคู่บารมี แต่หลวงปู่ฯ ไม่ให้นำ....เมื่อมีจังหวะ ท่านจะเดินทางไปเยี่ยม นำอาหารไปป้อนให้ด้วยตัวท่านเอง

    ปัจจุบัน ศิษย์ที่ขออนุญาติหลวงปู่ฯ สร้างเหรียญ พญาช้างเผือก ได้นำเหรียญรุ่นนี้ มอบถวายคืนให้กับทางวัดเขาสุกิม เพื่อมอบเป็นที่ระลึกให้กับผู้ที่ร่วมบริจาคสร้างเจดีย์บูรพาฐิตวิริยาประชาสามัคคี

    เหรียญรุ่นนี้ จัดสร้างในปี ๒๕๔๑ และหลวงปู่ฯ ได้เมตตาอธิษฐานจิตเดี่ยว ด้วยตัวท่านเอง

    สาธุๆ ขออนุโมทนา สาธุ กับคุณ poo pan อีกครั้งที่เดินทางไปร่วมสร้างไปกราบสรีระสังขารขององค์หลวงปู่ฯ

    wmt ซึ้งใจหากแม้ด้วยข้อเขียน ที่ขึ้นกระทู้ไป หากท่านใดได้อ่านแม้นจะเป็นเพียงได้อิ่มใจในขณะอารมณ์นั้น wmt ขออนุโมทนาในศรัทธาของทุกๆท่าน

    ยังมีเรื่องราวอีกมากที่เกี่ยวข้องด้วยที่หลวงปู่ฯ พยากรณ์ไว้ ในส่วนการสร้างมหาเจดีย์ฯ นี้ ให้ทุกท่านจับตาให้ดี ความอัศจรรย์ย่อมเกิดขึ้นได้เมื่อทุกอย่างถึงพร้อม.....
     
  18. wmt

    wmt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +1,432
    ทำให้ดีนะ ต่อไปความเจริญจะย้ายมาแถวนี้

    เมื่อวันที่ ๑๓ พฤษภาคม ที่ผ่านมา wmt มีโอกาสผ่านบ้านลำนารายณ์ เลยจากนี้ไปราว ๑๐ โล มองซ้ายมือจะเห็นอุโบสถหลังหนึ่ง เสมือนลอยอยู่เหนือยอดไม้ เป็นที่น่าประหลาดใจยิ่ง

    ว่าอุโบสถหลังนี้ ลอยอยู่ได้อย่างไร หากเข้าไปดูถึงรู้ว่า อุโบสถนั้นตั้งอยู่บนดาดฟ้าของตึกขนาดใหญ่หลังหนึ่ง ดาดฟ้านี้คือ ชั้นที่ ๓ เมื่อยืนบนชั้นนี้ เราจะเห็นวิวโดยรอบสุดตา เสมือนยืนลอยบนก้อนเมฆเหนือยอดไม้

    อุโบสถหลังนี้ ตั้งอยู่ในวัด....ตามชีวประวัติ ของ หลวงปู่ฯ ท่านเคยมาจำพรรษาที่นี้ ท่านฯได้ปรารภให้ เจ้าอาวาสซึ่งเป็นศิษย์ให้สร้างวัดนี้ให้ดี ทาานพูดเป็นปริศนาธรรมทิ้งไว้

    ให้สร้างให้ดีนะ ต่อไปความเจริญ (ของบ้านเมือง) จะย้ายมาแถวนี้

    wmt ตีความหมายได้ว่า คนจะอพยพถิ่นฐานจากภาคกลางขึ้นไป สร้างบ้านแปลงเมือง มีความเจริญรุ่งเรืองควบคู่ไปกับพระพุทธศาสนา

    เหตุที่อพยพ เพราะว่า อุทกภัยกลืนแผ่นดินเป็นบริเวณกว้าง สร้างความเสียหายให้ชาติ สมดังคำพยากรณ์ของโหรพลูตาหลวง ยุคชาติวิปโยค
     
  19. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,865

    ต่อไปวัดนี้อาจจะตั้งอยู่ริมทะเล......:cool:
     
  20. wmt

    wmt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +1,432
    ข่าวคาดการณ์ น้ำจะท่วมเมืองหลวง ปี ๒๕๖๓

    รายชื่อเมืองที่จะจมอยู่ใต้น้ำ ประมาณ พ.ศ. 2563
    อ่านให้จบนะครับ แล้วตามไปอ่านในลิ้งค์ด้วย อ่านให้ละเอียดช้าๆ แล้วหากท่านอยากรู้อะไรเพิ่มเติม ก็เสิร์ทค้นหาในกูเกิ้ลต่อนะครับ พิมพืภาษาไทยลงไปนี่หละครับ ละเอียดกว่าถามผมแยะครับ
    ที่คุณครูชาญวิทย์ลงมาเป็นล่าสุด แต่ยังไม่เห็นต้นตอที่มา
    ส่วนด้านล่างเป็นของ ดร.เสรี
    แค่ไม่ต้องคำนึงถึงอภิมหาภัยพิบัติทำลายโลก เอาแค่น้ำแข็งละลายน้ำก็ท่วมกรุงเทพมหานครลึกเข้ามาชายฝั่งอย่างน้อยที่สุด ๑๐ กิโลเมตรแล้ว และผมยืนยันว่า เขาประเมินต่ำกว่าความเป็นจริง
    พม่าย้ายเมืองหลวงไป เนียปิดอว์ เรียบร้อยแล้ว ไม่โลกสวยนะครับ และไม่โลกมืดด้วย โลกเปลี่ยนไปตามวัฎจักรวงรอบธรรมชาติ ไม่ได้มีอะไแปลกใหม่เลย ช่วงชีวิตเราในรอบนี้เท่านั้นที่มีคนพยายามปิดบังให้เรามาเรียนมารู้เอง เพราะระบบทุนนิยม เน้นการบริโภคปิดหูปิดตากันไปหมด ลองอ่าน พิจารณาดูนะครับ
    ------------------------------------------------------------------------------
    ........คาดเดาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ฟ สหรัฐอเมริกาน้ำแข็งขั้วโลกละลาย ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น
    ........เมืองที่อยู่ริมชายฝัง , เกาะ , เมืองที่มีแม่น้ำไหลผ่าน อาจจมน้ำได้ ปริมาณน้ำที่เคยเป็นหิ้งน้ำแข็ง
    ........และที่เคยหักเป็นก้อนอยู่ในทะเลในฤดูหนาวนั้น มีปริมาณหลายพันลูกบาศก์กิโลเมตร
    ........ซึ่งมากพอที่จะเพิ่มระดับน้ำทะเลให้สูงกว่าเดิมถึง 6,400 นิ้ว หรือ 16,000 เซนติเมตร หรือ 160 เมตร ในปี ค.ศ. 2020 หรือ พ.ศ. 2563
    ........นั้นแสดงว่า ไอพีซีซี คำนวณการเพิ่มของระดับน้ำทะเลพลาดไป 1 เท่าตัว เพราะไม่ได้เอาปัจจัยหิ้งน้ำแข็งมาคำนวณ
    ........จากผลการศึกษาชุดล่าสุดของนักวิทยาศาสตร์ชาวยุโรปทั้ง 3 คนนี้ คาดว่า เร็วๆนี้ ไอพีซีซี คงจะออกมาชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัจจัยตัวใหม่
    ........ที่ส่งผลถึงการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลทั่วโลก ' สรุประดับน้ำทะเลจะสูงขึ้นถึง 160 เมตรทั่วโลก
    -------------------------------------------------------------------------------

    pc20061020105234

    Advertisement

    รายชื่อเมืองที่จะจมอยู่ใต้น้ำ 160 เมตร ประมาณ พ.ศ. 2563
    -------------------------------------------------------------------------------
    ........1. นิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ประชากรประมาณ 24,857,000 คน
    ........2. ฟิลาเดนเฟีย สหรัฐอเมริกา ประชากรประมาณ 7,452,300 คน
    ........3. ลอส แอนเจลิส สหรัฐอเมริกา ประชากรประมาณ 16,927,620 คน
    ........4. โทรอนโต แคนาดา ประชากรประมาณ 9,258,400 คน
    ........5. ออสตาวา แคนาดา ประชากรประมาณ 12,638,450 คน
    ........6. ฮาวานา คิวบา ประชากรประมาณ 7,524,000 คน
    -------------------------------------------------------------------------------
    อเมริกาใต้
    -------------------------------------------------------------------------------
    ........7. การากัส เวเนซุเอรา ประชากรประมาณ 12,856,000 คน
    ........8. บัวโนสใฮเรส อาร์เจนตินา ประชากรประมาณ 5,492,000 คน
    ........9. โบโกตา โคลอมเบีย ประชากรประมาณ 14,584,900 คน
    ........10. เซาเปาลู บราซิล ประชากรประมาณ 8,243,000 คน
    ........11. ซาติเอโก ชิลี ประชากรประมาณ 11,859,200 คน
    -------------------------------------------------------------------------------
    ยุโรปบ้าง
    -------------------------------------------------------------------------------
    ........12. ลอนดอน อังกฤษ ประชากรประมาณ 18,672,000 คน
    ........13. เฮงซิงกิ ฟินแลนด์ ประชากรประมาณ 7,473,600 คน
    ........14. ปารีส ฝรั่งเศส ประชากรประมาณ 17,253,000 คน
    ........15. สตอสโฮร์ม สวีเดน ประกรประมาณ 12,854,000 คน
    ........16. อัมสเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์ ประชากรประมาณ 8,967,000 คน
    ........17. ดับลินไอร์แลนด์ 4,982,400 คน
    ------------------------------------------------------------------------------
    เอเชียบ้านเรา
    ------------------------------------------------------------------------------
    ........18. โตเกียว ญี่ปุ่น ประชากรประมาณ 34,749,000 คน
    ........19. นางาซากิ ญี่ปุ่น ประชากรประมาณ 21,746,450 คน
    ........20. โซล เกาหลีใต้ ประชากรประมาณ 9,255,000 คน
    ........21. ไทเป ใต้หวัน ประชากรประมาณ 18,792,000 คน
    ........22. เซี่ยงไฮ้ จีน ประชากรประมาณ 16,482,900 คน
    ........23. ฮ่องกง จีน ประชากรประมาณ 17,784,000 คน
    ........24. ฮานอย เวียดนาม ประชากรประมาณ 15,644,200 คน
    ........25. กรุงเทพมหานคร ไทย ประชากรประมาณ 11,584,700 คน
    ........26. สิงคโปร์ซิตี้ สิงคโปร์ ประชากรประมาณ 3,257,000 คน
    ........27, ย่างกุ้ง พม่า ประชากรประมาณ 4,922,000 คน
    ------------------------------------------------------------------------------
    ออสเตรเลีย
    ------------------------------------------------------------------------------
    ........28. ซิดนี่ย์ ออสเตรเลีย ประชากรประมาณ 18,351,400 คน
    ........29. วิกตรอเรีย ออสเตรเลีย 8,445,000 คน
    ........30. เวงลิงตัน นิวซีแลนด์ ประชากรประมาณ 4,799,520 คน
    -----------------------------------------------------------------------------

    2012_02

    อีก 10 ปีกรุงเทพอยู่ใต้บาดาล “รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์”
    สถาบันเวิลด์วอทช์ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรที่ศึกษาวิจัยด้านสภาพแวดล้อมทั่วโลกระบุว่า จากการศึกษาของสหประชาชาติ (UN) และอีกหลายสถาบัน พบว่า เมืองที่มีที่ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งทะเลทั่วโลกกำลังเผชิญกับอันตรายจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นและพิบัติภัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก โดยพบว่า เมืองชายฝั่ง 21 แห่ง จากทั้งหมด 33 แห่งที่ได้รับการคาดการณ์ว่าจะมีจำนวนประชากรสูงถึง 8 ล้านคนภายในปี 2558 มีความเปราะบางสูงมากที่จะถูกน้ำท่วม ซึ่ง 1 ในเมืองที่มีความเสี่ยงต่อภัยนี้ คือ “กรุงเทพมหานคร”
    สอดคล้องกับโครงการวิจัยร่วมไทย-ยุโรป GEO2TECDI (Geodetic Earth Observation Technologies for Thailand : Environmental Change Detection and Investigation) ซึ่งเป็นโครงการวิจัยร่วมระหว่างประเทศไทยและสหภาพยุ โรปที่ได้รับการสนับ สนุนเงินทุนจากสหภาพยุโรป ในโครงการตรวจวัดการเคลื่อนตัวของแผ่นดินและระดับน้ำ ทะเลโดยใช้เทคโนโลยี Space Geodetic ออกมาเปิดเผยผลวิจัย ว่า ประเทศไทยโดยรวมจะมีการทรุดตัวลงอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ระดับน้ำทะเลในอ่าวไทยกลับเพิ่มขึ้น ส่วนแผ่นดินกรุงเทพฯ จะทรุดลงปีละ 15 มม.
    “รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์” กรรมการภูมิศาสตร์โลก และผู้อำนวยการศูนย์วิจัยภัยธรรมชาติ มหาวิทยาลัยรังสิต ที่เพิ่งศึกษาวิจัยประเด็นนี้เสร็จหมาดๆ แล้วส่งเปเปอร์ให้กับธนาคารโลก (World Bank) ในฐานะเจ้าของเงินทุนการวิจัย เล่าความเป็นมาว่า ได้ใช้เวลาในการศึกษาเรื่องนี้ 2 ปี โดยศึกษาเฉพาะกรณีของประเทศไทย
    เหตุเพราะว่าธนาคารโลกสนใจเรื่องนี้มาก และศึกษามาอย่างต่อเนื่องจนได้ข้อมูลว่า 4 เมืองหลักในทวีปเอเชีย ได้แก่ เมืองกัลกัตตา ประเทศอินเดีย, เมืองโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม, เมืองมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ และกรุงเทพฯ ประเทศไทย
    ดังนั้น จึงให้ทุนมาศึกษาวิจัยว่าความเสี่ยงมีมากขนาดไหน ประชาชนจะได้รับผลกระทบกี่ครอบครัว และความสูญเสียทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจะเป็นมูลค่าเท่าไหร่
    “วิธีการศึกษาผมได้ใช้แบบจำลองคณิตศาสตร์ในห้องปฏิบัติการ เป็นคอมพิวเตอร์ทั้งหมด สร้างเมืองกรุงเทพฯจำลองขึ้นมา ซึ่งกรุงเทพฯ ประกอบด้วยแม่น้ำเจ้าพระยา และคลองต่างๆ ระดับความสูงของพื้นดิน ระดับน้ำทะเลบริเวณเขตบางขุนเทียน จากนั้นใส่ปริมาณน้ำเหนือ น้ำหนุน และปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมา ใส่ข้อมูลต่างๆ ลงไปให้ครบ และใช้เหตุการณ์น้ำท่วมปี 2538 เป็นฐาน..”
    ผล.. เราพบว่าถ้าเหตุการณ์อย่างปี 2538 เกิดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง อนาคตเราหนีไม่พ้นแน่ กรุงเทพฯรับไม่ได้กับเหตุการณ์นี้ ต้องโดนน้ำท่วมหนัก”
    คำว่า ”กรุงเทพฯรับไม่ได้กับเหตุการณ์นี้” ของอาจารย์เสรีมีความหมายว่าผืนดินบริเวณริมทะเลทั้งหมด โดยวัดจากริมชายทะเลเข้าไปในแผ่นดินประมาณ 10 กิโลเมตร จะถูกน้ำท่วม “โดยมีระดับความสูงของน้ำ 1.8-2.00 เมตร” !! ดังนั้นลักษณะของบ้านอนาคตประเทศไทยต้องมีใต้ถุนสูง ส่วนบ้านแพลอยน้ำเป็นของประเทศเนเธอร์แลนด์ที่ขณะนี้ได้ออกแบบเตรียมรับมือน้ำท่วมไว้แล้ว
    “”เราพบว่าพื้นที่กรุงเทพฯ จะถูกน้ำท่วมรุนแรง แน่นอนว่าขึ้นอยู่กับว่าจะติดกับชายฝั่งขนาดไหน ถ้าอยู่ติดชายฝั่งระดับน้ำจะท่วมสูง 1.8-2.00 เมตร ถ้าลึกเข้าไปก็ลดหลั่นกันไป แต่ริมชายฝั่งอย่าง จ.สมุทรปราการ สมุทรสาคร บริเวณปากแม่น้ำจมแน่ๆ”"
    เขาอธิบายว่า กรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งเป็นพื้นที่ชั้นหินอ่อนจะเผชิญกับปัญหาน้ำท่วมภายใน 10 ปี นับตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นไป โดยสถานการณ์จะรุนแรงกว่าปี 2538 เพราะจากการคำนวณพบว่า ทุกๆ 25 ปี กรุงเทพฯ มีโอกาสจะเกิดน้ำท่วมอย่างรุนแรง (ภายในปี 2563) ทั้งนี้หากคำนวณจากปัจจัยแผ่นดินทรุดเพียงกรณีเดียว พบว่าจะเกิดปัญหาน้ำท่วมภายใน 25 ปี แต่ในความเป็นจริงปัจจัยที่เป็นสาเหตุให้เกิดน้ำท่วม ไม่ได้มีเพียงแค่กรณี เดียว
    แต่ ประกอบด้วย 4 ปัจจัยดังต่อไปนี้ 1.ปริมาณฝนที่ตกลงมา ขณะนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 5-10% ต่อปี 2.การทรุดตัวของแผ่นดิน ซึ่งในอดีตแผ่นดินกรุงเทพฯ จะทรุดตัวต่ำลงประมาณปีละ 100 มม.แต่ในปัจจุบันหลังมีมาตรการห้ามขุดเจาะน้ำบาดาล อัตราการทรุดตัวเฉลี่ยอยู่ที่ปีละ10-20 มม. 3.ระดับ น้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามัน มีอัตราน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นโดยเฉลี่ยปีละประมาณ 3 มม.4.ผังเมืองและความแออัดของชุมชนเมือง ทำให้พื้นที่สีเขียวหรือพื้นที่ชุ่มน้ำของกรุงเทพฯ ลดลงกว่า 50% เมื่อมีน้ำเหนือไหลมาหรือมีปริมาณฝนมากขึ้นจึงไม่มีพ ื้นที่รองรับน้ำ
    “สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือเหตุการณ์ปี 2538 น้ำเหนือมาหนักมาก มันไหลมา 4,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ขณะที่กรุงเทพฯรับน้ำได้ 3,000 ลูกบาศก์เมตร เพราะฉะนั้นหากเกิดเหตุการณ์เช่นปี 2538 อีกครั้งเมื่อน้ำมาสี่พันกว่าลูกบาศก์เมตรเขาจำเป็นต้องผลักน้ำออกไปทางซ้ายและทางขวา ก่อนเข้ากรุงเทพฯ ซึ่งหมายความว่าน้ำจะท่วมชนบทอย่างมโหฬาร พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี นครปฐม จะโดนหนักมาก แล้วมาทาง อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เขตหนองแขม และเขตลาดกระบัง กทม. ก็ไม่รอด”
    สำหรับสาเหตุที่น้ำท่วมกรุงเทพฯในปี 2563 จะหนักหนาสาหัสมาก ดร.เสรีบอกว่า ตัวการสำคัญ คือสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก โดยเฉพาะผังเมือง โดยเฉพาะพื้นที่ชุ่มน้ำ พื้นที่ว่างเปล่า ลดลงไปจากเดิมถึงครึ่งหนึ่ง
    “แต่ก่อนผมจำได้ว่ามีพื้นที่ว่างเปล่าหรือพื้นที่ชุ่มน้ำของ กทม. 1,500 ตร.กม. เป็นพื้นที่สีเขียวประมาณ 40% ปัจจุบันเหลือเพียง 20% เท่านั้น และขณะนี้เรากำลังสร้างสิ่งก่อสร้างต่างๆ รุกล้ำไปในพื้นที่ชุ่มน้ำมาก เช่น สร้างหมู่บ้านจัดสรรขวางทางระบายน้ำ ซึ่งเป็นทางน้ำไหลลงทะเลไปทางทุ่งตะวันออก บริเวณหนองจอก มีนบุรี ลาดกระบัง บริเวณนี้หมู่บ้านเกิดขึ้นเยอะมาก รวมทั้งสนามบินสุวรรณภูมิ เพราะฉะนั้นจึงเป็นปัญหา”
    อาจารย์เสรีบอกว่า ภายในปี 2563 หากเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นและถ้ารัฐบาลหรือหน่วยงานที่รับผิดชอบไม่ได้ดำเนินการอะไร ไม่ได้สร้างคันดินที่จะกั้นน้ำไม่ให้ทะลุเข้ามา หรือการขุดลอกคลองระบายน้ำ ทำพื้นที่แก้มลิง หรือหาพื้นที่แก้มลิงเพิ่มเติมน้ำจะท่วมกรุงเทพฯแน่นอน

    ที่มา เตือนภัยล่วงหน้า..อาจารย์คนดังเผย รายชื่อเมืองที่จะจมอยู่ใต้น้ำ ประมาณ พ.ศ. 2563!!
     

แชร์หน้านี้

Loading...