หนีหนี้กันเถอะ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย ทองชมพู, 28 มีนาคม 2015.

  1. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    ภพอบายภูมิทั้ง 4 ทุกข์ส่วนเดียว ไม่มีสุข
    ภพมนุษย์ มีทั้งสุขและทุกข์ สุขก็สุขไม่จริงส่วน
    ใหญ่จะทุกข์มากกว่าสุข
    ภพเทวดาและพรหม มีแต่สุขส่วนเดียว ไม่มีทุกข์ แต่ถ้า
    หมดบุญเมื่อไหร่ก็ทุกข์เมื่อนั้น

    นิพพาน บรมสุขถาวร


    การที่เราเกิดเป็นมนุษย์นั้น ย่อมมีทั้งสุขและทุกข์ตามสภาพมนุษย์ หากใครมีแต่สุขส่วนเดียวนั้นในโลกนี้ย่อมจะไม่มี มนุษย์ทุกคนล้วนลิ้มรสความทุกข์กันทั่วหน้า ไม่มีใครน้อยหน้าใครเรื่องทุกข์ ฉะนั้นเราต้องพลิกวิกฤตโดยทำให้เกิดนิพพิทาญาณ คือเบื่อหน่าย ไม่อยากเกิด ทำความดีทุกครั้งให้ใจมุ่งพระนิพพาน ถือศีล ๕ และกรรมบถ ๑๐ ให้บริสุทธิ์

    ตัดสังโยชน์ 3 ข้อ คือ
    1. สักกายะทิฐิ (ร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา)
    2. วิจิกิจฉา (ไม่สงสัยในคำสอนพระสัมมาสัมพุทธเจ้า)
    3. สีลัพปตปรามาส (รักศีลยิ่งกว่าชีวิต)

    เพียงเท่านี้ หากทำได้อย่างอ่อน ท่านสามารถปิดอบายภูมิได้เด็ดขาด ท่านจะเกิดเป็นมนุษย์และเทวดาอีกไม่เกิน 7 ชาติ จักเข้านิพาน

    หากทำได้อย่างกลาง ท่านสามารถปิดอบายภูมิได้เด็ดขาด ท่านจะเกิดเป็นมนุษย์และเทวดาอีกไม่เกิน 3 ชาติ จักเข้านิพพาน

    หากทำได้แบบอุกฤษณ์ ท่านสามารถปิดอบายภูมิได้เด็ดขาด ท่านจะเกิดเป็นมนุษย์และเทวดาอีกไม่เกิน 1 ชาติ จักเข้านิพพาน

    หรือหากใครตัดได้ทั้ง 10 ข้อ ถ้าเป็นฆราวาสจักนิพพานภายในไม่เกิน 24 ชั่วโมง หากเป็นพระสงฆ์ก็จักนิพพานในชาตินี้

    ข้าพเจ้าขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่ประสบทุกข์ จงเบื่อหน่ายการเกิดเถอะ เราไม่ได้ทุกข์แค่ชาตินี้เท่านั้น เราทุกคนล้วนเกิดกันมาแล้วหลายล้านชาติ แต่ละชาติก็ทุกข์แบบนี้ และเราทุกคนล้วนเคยพลาดไปภพอบายภูมิทั้ง 4 มาแล้วทั้งสิ้น และชาตินี้พวกเรานั้นล้วนโชคดีที่ได้เกิดมาในเขตพระพุทธศาสนา ไหน ๆ ก็ทุกข์สาหัสกันอยู่แล้วขอพวกเรากัดฟันกันอีกนิด ทำตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านทรงตรัส อีกไม่กี่อึดใจเราจักพ้นทุกข์กันถ้วนหน้า

    หากเราฝืนเมื่อพบทุกข์แล้วไม่ขวนขวายดับทุกข์เราอาจพลาดพลั้งไปอบายภูมิได้ทุกเมื่อ และยังคงวนเวียนในวัฏะนี้อีกนานเท่านาน เหมือนที่เราเคยโง่กันมาแล้วนานแสนนาน



    ปล. ถึงแม้เราปฏิบัติตามข้างต้นแล้ว อกุศลกรรมก็ยังส่งผลเป็นปกตินะคะ แต่ส่งผลเพียงแค่เศษของกรรมเท่านั้น ดังจะเห็นได้ว่าพระและฆราวาสที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบทั้งหลายนั้น ถึงแม้ท่านจะทำแต่ความดีเพียงส่วนเดียว เลิกทำอกุศลทั้งปวงโดยเด็ดขาดแล้ว ก็ยังคงถูกอกุศลเล่นงานอยู่เป็นปกติ และมากกว่าเดิมหลายเท่า จนทำให้หลายท่านท้อแท้ต่อความดี ต้องปราชัยไปอย่างน่าเสียดาย

    ดังที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยานวัดท่าซุง ได้อุปมาไว้ว่าการที่เราตั้งจิตอธิษฐานไปพระนิพพานนั้น เปรียบเสมือนเราเป็นหนี้ก้อนใหญ่แล้วเรากำลังจะหนีหนี้ ถ้าหากเราไม่คิดหนี เจ้าหนี้ก็ยังคงทยอยมาเก็บหนี้ตามระยะเวลา หากเราคิดหนีหนี้เมื่อใด บรรดาเจ้าหนี้ทั้งหลายรู้ต่างก็พร้อมใจกันมาเช็คบิลทีเดียวเป็นก้อน เพราะเขากลัวเราหนี

    ฉะนั้นพระและฆราวาสที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบทั้งหลาย ท่านทราบข้อนี้ดี ต่างพากันยอมรับกฎของกรรมเป็นธรรมดาไม่อาจฝืน ดังตัวอย่างคือพระอัครสาวกเบื้องซ้ายท่านปล่อยให้โจรทุบตีจนตายเพื่อใช้กรรมในอดีตที่ท่านเคยฆ่าบิดามารดา

    ดังนั้นขอทุกท่านจงสู้ฟันฝ่าอุปสรรคไปให้ถึงจุดหมายกันทุกท่านนะคะ เจริญในธรรมค่ะ สวัสดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มีนาคม 2015
  2. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    สังโยชน์ ๑๐ ประการ

    ๑. สักกายะทิฏฐิ (ขันธ์ ๕ ร่างกายนี้เป็นเรา เป็นของเรา)
    ๒. วิจิกิจฉา (สังสัยในคำสอนพระสัมมาสัมพุทธเจ้า)
    ๓. สีลัพปตปรามาส (รักษาศีลไม่จริง รับศีลส่งเดช)
    ๔. กามฉันทะ (ความพอใจ รูป เสียง รส สัมผัส)
    ๕. ปฏิฆะ (ความกระทบกระทั่งจิต ไม่ชอบใจเขาทำไม่ถูกใจ)
    ๖. รูปราคะ (หลงในรูปฌาณ)
    ๗. อรูปราคะ (หลงในอรูปฌาณ)
    ๘. อุทธัจจะ (อารมย์จิตฟุ้งซ่าน คิดนอกลู่นอกทาง)
    ๙. มานะ (การถือว่าเราเสมอเขา ดีกว่าเขา เลวกว่าเขา)
    ๑๐.อวิชชา (ความโง่)

    ตัดสังโยชน์ ได้ข้อ ๑ - ๓ อย่างหยาบ และปานกลาง คือ พระโสดาบัน
    ตัดสังโยชน์ ได้ข้อ ๑ - ๓ ได้อย่างละเอียด คือ พระสกิทาคามี
    ตัดสังโยชน์ ได้ข้อ ๑ - ๕ คือ พระอนาคามี
    ตัดสังโยชน์ ได้ข้อ ๑ - ๑๐ คือ พระอรหันต์


    กรรมบถ ๑๐ ประการ
    ๑. ปาณาติปาตา เว้นฆ่าสัตว์ และประทุษร้ายสัตว์
    ๒. อทินนาทานา เว้นการถือของผู้อื่นมาเป็นของตน
    ๓. กาเมสุมิฉาจารา เว้นคบหาสมาคม บุตร ธิดา ภรรยา บุคคลอื่น
    ๔. มุสาวาทา เว้นการพูดเท็จ
    ๕. ปิสุณาย วาจาย เว้นพูดส่อเสียด ยุยงให้แตกร้าว
    ๖. ผรุสาวายวาจาย เว้นพูดหยาบและสะเทือนใจผู้อื่น
    ๗. สัมผัปปลาปา เว้นพูดเพ้อเจ้อ เหลวไหล ไร้ประโยชน์
    ๘. อนภิชฌา ไม่คิดเพ่งเล็งทรัพย์สินบุคคลอื่น
    ๙. อพยาบาท เว้นความโกรธ ความพยาบาท
    ๑๐.สัมมาทิฏฐิ มีความเห็นถูก มีความเห็นตรง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มีนาคม 2015
  3. น้องใหม่ 2008

    น้องใหม่ 2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    690
    ค่าพลัง:
    +1,906
    อนุโมทนากับจขกท ด้วยครับ ที่นำมาลงให้อ่านกัน
     
  4. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,824
    ค่าพลัง:
    +5,398
    ที่ถูกนะครับ
    พระโสดาบัน ละสังโยชน์ 3 ข้อต้นได้คือ หมดสักกายทิฏฐิ,วิจิกิจฉาและสีลัพพตปรามาส
    พระสกทาคามี ทำสังโยชน์ข้อ 4 และ 5 คือ กามราคะและปฏิฆะ ให้เบาบางลงด้วย
    พระอนาคามี ละสังโยชน์ 5 ข้อแรกได้หมด
    พระอรหันต์ ละสังโยชน์ทั้ง 10 ข้อ

    http://84000.org/tipitaka/dic/v_seek.php?text=%CA%D1%A7%E2%C2%AA%B9%EC
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มีนาคม 2015
  5. Jsus Christ

    Jsus Christ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +82
    ตั้ง อุปาทาน ว่า หนีหนี้ แบบนี้ จะหนีไม่ได้นะ

    เพราะ ผู้ที่จะเข้าถึงอริยะ ต้องเห็นทุกข์ และเบื่อหน่ายในวัฏฏสงสาร
    จึงจะหาทาง หลุดพ้น

    ุุุ่ถ้าบอกว่า จะหนีหนี้ นี่ เป็น โทสะ โลภะ และโมหะ ตามลำดับดีกรี เลย จะไม่สามารถชำระ นิวรณ์ ออกได้
     

แชร์หน้านี้

Loading...