รวมคำทำนายและวิเคราะห์ภัยพิบัติ - What's Next ?

สถานการณ์รอบดวงอาทิตย์คืนนี้

วันนี้ ( 28 มีค. ) ยังไม่มีทีท่าว่าจะเกิดพายุสนามแม่เหล็ก G1 ตามที่คาดการณ์ ส่วน 29 มีค. ต้องรอติดตามต่อไป ช่วงนี้ปฎิกิริยาดวงอาทิตย์อยู่ระดับต่ำ ( C class flare )





จุดดับ 2305 กับโอกาสเกิดการปะทุ C/M/X flare = 80/20/5 %









ช่วงนี้ไม่มี CME ตรงมาทางโลก จึงไม่มีการคาดการณ์ SEP ( Solar Energetic Particle )



สนามแม่เหล็กดวงอาทิตย์





.

 

ส่วนใหญ่ที่ "ทำนาย" หรือ"คาดการณ์" กันอยู่ทุกวันนี้
ล้วนมีผลประโยชน์แอบแฝงทั้งสิ้น

ฉากหน้าอ้างสัจธรรม "เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป"
หลังไมค์ทั้ง "ปลอบ" ทั้ง "ขู่" สารพัด

เชียร์ขายสินค้าโลกแตกกันอุตลุดไปหมด...เฮ้อ คนเรา

 

การทำนายแผ่นดินไหวและสึนามิ ยังไม่เคยมีใครทำนายวันเกิดได้ล่วงหน้า ( ยกเว้นฟลุ๊คในบางครั้ง ) ไม่ว่าจะโดยวิทยาศาสตร์หรือทางญาณวิเศษ มีตัวอย่างให้เห็นแล้วทั้งหมอปลาย ดร.นอสตราดามุสเมืองไทย ฯลฯ ในทางญาณวิเศษจะบอกกล่าวแบบลอยๆว่าจะเกิดนั่นเกิดนี่ บริเวณสถานที่คลุมเคลือ กินบริเวณกว้าง สาเหตุการเกิดบางคำทำนายก็ผิดปกติวิสัยและรายละเอียดขัดแย้งกับทางวิทยาศาสตร์หรือความจริง ไม่เป็นรูปธรรม ถ้าจะบอกว่าช่วยเหลือคนได้ ก็ไม่น่าจะใช่เพราะเป็นการหว่าน(ทอด)แหซะมากกว่า โอกาสเกิดมีแต่น้อย ส่วนทางวิทยาศาสตร์แม้ไม่สามารถระบุวันเวลาได้ แต่ข้อมูลที่เป็นรูปธรรมสามารถนำมาใช้เพื่อหลีกเลี่ยงและป้องกันได้ เช่น แผ่นดินไหวจะเกิดตามรอยเลื่อนต่างๆ ศึกษาสถิติการเกิด ผู้ที่อยู่ในบริเวณใกล้ๆควรย้ายถิ่นฐานออกไป กรณีภูเขาไฟระเบิดก็เช่นกัน ควรย้ายออกไปจากรัศมีที่จะได้รับความเสี่ยงต่ออันตราย ส่วนสึนามิ เรารู้ว่าแผ่นดินไหวใหญ่จะเกิดตามแนวมุดตัวของเปลือกโลกมาตั้งนานแล้ว( ในภาพคือเส้นสีเหลือง) ขึ้นกับความตระหนักถึงอันตรายที่จะเกิดของคนที่อยู่ใกล้บริเวณนั้น และรัฐบาลคือหน่วยงานที่ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ แต่ที่เห็นๆมา วัวหายค่อยล้อมคอก และประชาชนเองก็ใช่ว่าจะกลัวหรืออยากย้ายถิ่นฐานออกไป จนกว่ามีการสูญเสียครั้งใหญ่ถึงจะคิดได้กันที

ภาพแสดงแผ่นดินไหวขนาดตั้งแต่ M5.5 ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา รูปที่ 1 USGS / รูปที่ 2 IRIS






.

 

นานๆมาที
ขอกล่าวสวัสดีเพื่อนสมาชิกทุกท่าน

 

สวัสดีเช่นกันครับ ท่าน 9WAT และทุกๆท่านครับ

hp_day

.

 

แล้วพวกนั้นเขาย้ายไปมัยกันอ่ะคะทางเหนือ หรือว่าเขาสร้างกันอยู่ใต้ดินลึก ๆ เสริมโน่นนี่นั่น ก้อเลยกันแผ่นดินไหวได้งั้นหรอคะ

 

เพราะกลัวน้ำท่วมตามคำทำนายของหลวงปู่สังวาลย์มั๊งครับ (ท่วมตึก 4 ชั้น น้ำไปสุดที่นครสวรรค์ ) ผมลองพิจารณษาดูแล้ว เมื่อคราวน้ำท่วมปี 2554 มีส่วนคล้ายกับคำทำนายของหลวงปู่มาก คือน้ำได้ท่วมเป็นบริเวณกว้างไล่มาตั้งแต่กำแพงเพชร นครสวรรค์ อุทัย ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี อยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี นครปฐม นครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ กรุงเทพด้านทิศเหนือ ดังนั้นโดยส่วนตัวผมถือว่า คำทำนายหลวงปู่ได้ประจักษ์แล้ว ส่วนท่านใดที่เชื่อว่าน่าจะท่วมมากกว่านี้ก็คงต้องรอต่อไปครับ
ตัวเมืองนครสวรรค์สูงจากระดับน้ำทะเล 30 เมตร แต่มีข้อมูลที่อาจารย์ท่านนึงพูดอยู่เสมอคือ น้ำจะท่วมสูง 300 เมตร ดังนั้นเพื่อความไม่ประมาณตั้งไปหาทำเลที่สูงอย่างน้อย 400 เมตรจากระดับน้ำทะเล ( น่าจะมาจากคำทำนายพระคุณลุงเชียงใหม่ / Zetatalk ? ) ในโลกความจริงคงไม่สามารถเกิดขึ้นได้ครับ ไม่ว่าแผ่นทวีปจะจมหรือจะหลุด โลกหยุดหมุน น้ำแข็งทั้งโลกละลาย เพราะนี่เรากำลังเข้าสู่ช่วง Cold ( 2000 - 2100 ) ตามวัฎจักรของดวงอาทิตย์ ดังนั้นน้ำแข็งจะไม่ละลายมากไปกว่าระดับเดิม อากาศจะค่อยๆเย็นขึ้น ( 1-2 ปีนี้ เริ่มเห็นกันแล้ว) น้ำแข็งขั้วโลกลดน้อยลงกว่าที่มีการคาดการณ์เมื่อ 10 ปีก่อนช่วงที่ Global Warming ฮิตๆ การติดตามข้อมูลจึงเป็นทางออก ไม่ใช่ไปฟังเอาความคิดเห็นที่ผ่านการปรุงแต่ง การตัดสินใจสำคัญๆอาจผิดพลาดได้









.

 

อาจจะทำนายได้เฉพาะ global
แต่ไม่สามารถทำนายระดับ universe ได้มั้ง
ไหนจะ ระดับ multidimension อีก
ระยะเวลา 100 ปี มันแค่กระพริบนิดเดียวเอง ถ้าเทียบกับ universe

 

อีกอย่างหนึ่งนะ ถ้าเขายิงขีปนาวุธ แถวตะวันออกกลาง
แต่ดันยิงไป แล้วฟ้าผ่าแผล็บเดียว ขีปนาวุธเปลี่ยนทิศ มาตกแถวเราทำงัยอะ ทีนี้
เหมือนเครื่องบินมาเลย์ บินไปยังเปลี่ยนทิศบินไปได้เลย 370 นะ

 

มนุษย์เราเพียงแค่ชีวิตเล็กๆในจักรวาลนี้ ทำได้เท่านี้ก็เก่งแล้วครับ
แค่เอาตัวเองให้รอดไปวันๆกับปัญหาต่างๆรอบๆตัว ก็ถือว่ามีบุญมากแล้ว

;aa26

.

 

เวลานี้! ขอแนะนำว่า รักษาสติของตัวเองให้ดีๆ ก็แล้วกัน
ข้อมูลผู้หวังดี มากันหลายทาง หลายแนว หลายศาสตร์ ไหนจะคนวิจารณ์ต่างๆ นาๆ อีก
คนที่วิจารณ์ไม่มีใครผิดหรอก ต่างคนต่างความคิด ไม่พูดไม่เขียนออกมา เพื่อระบายบ้าง เดี๋ยวคุมสติไม่อยู่อีก

 

ถ้าต้องมานั่งคิดว่าวันหนึ่งๆจะเผชิญกับเรื่องร้ายๆอะไรมั๊ง ในแต่ละวันคงไม่ต้องทำอะไร เพราะแม้บางเรื่องโอกาสที่จะเกิดมันน้อยมาก แต่ในใจก็ยังห่วงกังวล สุดท้ายในการใช้ชีวิต 24 ชั่วโมง ไม่ต้องหลับต้องนอนเพราะเกรงว่าภัยจะมาตอนหลับ

อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

.

 

มันเป็นกรรมวิสัยของผู้วิเศษนะ กรรมที่ทำให้หลงงมงายกับเรื่องการระวังตัว
อยู่ทุกลมหายใจเข้าออก ซึ่งมันผิดวิสัยมนุษย์ปุถุชนทั่วไป มีสติไม่ได้แปลว่า
ต้องหวาดระแวงตลอดเวลา มีสติเพียงแค่รู้ว่า ณ ช่วงนั้นๆกำลังทำอะไรอยู่
มานั่งระวังตัวกลัวตายตลอด 24 HR นี่เค้าเรียกว่า "บ้า"

 

สุดท้าย คนที่รอดคือคนที่อยู่เฉยๆครับ ไม่รับรู้เรื่องภัยพิบัติ ไม่ต้องวิ่งตามใครให้เหนื่อย ไม่ต้องเครียดกังวล *** อยู่เมืองไทย ภัยธรรมชาติถือว่าน้อยแล้ว ***

.

 

คุณ hiflyer ถ้าโลกหมุนกลับด้านมันจะมีอะไรอ่ะคะ
ไปอ่านเพจจานมิจจฉาชีพมา มีคนถามว่าถ้าโลกจะหยุดหมุุน 7 วันและก้อจะกลับมาหมุนใหม่ จะเหมือนเดิมไหม แกตอบว่าจะหมุนกลับด้าน ??

 

ใครที่คิดเรื่องโลกหยุดหมุนได้ ก็ไม่ธรรมดาแล้วครับ คงนึกว่าโลกเหมือนลูกบอลที่ผูกเชือกไว้ แล้วใช้มือหมุนให้ไปด้านไหน กลับไปกลับมาก็ได้ มีอะไรเหรอที่สามารถทำให้โลกหยุดหมุนได้ 7 วัน เท่านั้นยังไม่พอยังสามารถทำให้หมุนกลับด้านต่อไปได้อีก เอาเข้าไป ฝันกลางวันชัดๆ

ไอ้แนวคิดที่ว่า ดาวนิบิรุมีขนาดใหญ่และยังสามารถทำให้โลกกลับขั้วได้ หยุดหมุนได้นี่ แสดงว่ามันต้องมีสนามแม่เหล็กและแรงดึงดูดที่รุนแรงหลายเท่ากว่าโลก ปกติโลกหมุนจากตะวันตกไปทางตะวันออก ดาวนิบิรุต้องเข้ามาในแนวเส้นศูนย์สูตร แล้วเคลื่อนที่ผ่านจากตะวันออกไปตะวันตก สวนทางกันเพื่อผลักให้โลกค่อยๆหยุดและดันต่อไปให้หมุนกลับด้าน หรือว่าท่านอาจารย์คิดยังไง หรือคิดว่าโลกเราเป็นเหมือนมอเตอร์ พอหยุดจ่ายไฟมันก็หยุดหมุนแล้วจ่ายไฟกลับขั้วให้มันหมุนกลับด้าน

ผมเคยคิดเรื่องนี้มานานแล้วว่าสภาวะแบบไหนที่โลกจะหยุดหมุนแบบนิ่มนวล ถ้าเปรียบโลกเป็นแท่งแม่เหล็กหนึ่งแท่ง จะต้องมีแม่เหล็กอีกกี่แท่งเพื่อผลักให้โลกหยุดหมุน เช่น 2 แท่งประกบซ้ายขวาและแต่ละแท่งน่าจะมีแรงมากกว่าโลก 3-5 เท่า หรือ 4 แท่งประกบ 4 ทิศรอบด้านเหมือนมอเตอร์ หรือ 6 แท่งโดยเพิ่มบน-ล่างด้วย คิดไปก็เท่านั้น เพราะจะไปหาดาวอะไรที่โคจรมาประกบรอบด้านในเวลาเดียวกันระยะห่างเท่ากันแล้วไม่ชนโลก

ให้ท่านถูกล้างสมองไปคนเดียวของท่านเถอะ อย่าไปวิ่งตามท่านเลย เชื่อฝรั่งเป็นตุเป็นตะ ทุกเรื่องเลย

.

 

ปล่อยเค้าไปเถอะเนอะ มันเกินจะเยียวยาแล้วอาการหนักมาก แต่ละเรื่อง
มันโคตรจะเป็นไปได้ คนมีกรรมนะ ให้เค้าชดใช้กรรมไป หลงผิดขนาดหนัก
ใครโต้แย้งอะไรก็ไม่รับฟังเลย น้ำเต็มแก้ว ทุกวันนี้ก็ยังมีคนเชื่อเรื่องไร้สาระ
พวกนี้อยู่อีกมาก พยายามสร้างกระแสขึ้นมาเรื่อยๆ แต่มันก็จุดไม่ติดแล้ว
คนมีความรู้ เค้ารู้เท่าทันคนพวกนี้หมด งั้นเราขอทำนายบ้าง(วิญญาณผู้วิเศษเข้าสิง)
" พรุ่งนี้เช้าดวงอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันออก และตกทางทิศตะวันตก มนุษย์ทุกคน
ต้องตื่นมากินอาหาร ขับถ่าย ใช้ชีวิต และ นอนหลับพักผ่อน นอกจากนี้จะไม่มี
ภัยพิบัติใหญ่เหลวใหล ฟ้ามืด 7 วัน 7 คืน ทุกคนจะต้องตายเมื่อถึงเวลา และตายไป
100 รอบ ก็จะไม่เกิดภัยพิบัติใหญ่ใดๆตามที่ผู้วิเศษรายอื่นๆได้ทำนายไว้อย่างแน่นอน"

 

พายุ Maysak ได้กลายเป็นดีเปรสชั่นบริเวณทะเลจีนใต และคาดว่าจะสลายไปวันพรุ่งนี้
วันที่ 7 - 10 เมย. ความกดอากาศสูงจากจีนจะทำให้เกิดฝนตก ลมแรง ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ





.

 

เมื่อวันที่ 4 เมย. เกิด Filament eruption และปะทุ solar flare C3.8 นาน 3 ชั่วโมงครึ่ง มีทิศทางตรงโลก แต่ทาง NOAA ยังไม่ได้แจ้งว่าจะเกิดพายุสุริยะ











.

 

Catastrophes For Life From the Sun: Distant Past and Near Future

จากการศึกษาพบว่า โลกเราเริ่มมีน้ำเมื่อ 4300 ล้านปี และหลังจากนั้น 500 ล้านปีถึงได้มีสิ่งมีชีวิตกำเนิดขึ้น ในยุคแรกๆ การบีบอัดตัวของ Magnetopause จาก CME เข้ามาใกล้ผิวโลกมาก ที่ระยะ 1 เท่าของรัศมีโลก ( ปัจจุบัน 5-6 เท่า ) และ CME น่าจะเป็นตัวเร่งปฎิกิริยาการก่อกำเนิดของชีวิตบนโลกใบนี้ ..... วิทยาศาสตร์ไม่เพียงแต่ศึกษาย้อนกลับไปถึงจุดกำเนิด พวกเขากำลังให้ความสนใจกับอนาคตของโลกด้วยว่า นับต่อจากนี้ไป หากมีผลกระทบขั้นรุนแรงจากดวงอาทิตย์เช่นในอดีต โลกเราจะเป็นอย่างไร

02.02.2015 | Vladimir Airapetian
Understanding the evolution of Earth requires understanding its relationship to the sun. The early sun was an extremely magnetically active star and its space weather effects may well have had crucial effects for the origin and development of life on Earth. In this research, we explore how the magnetic activity of the sun -- in terms of its frequent and energetic coronal mass ejections, or CMEs – could have affected the atmosphere of early Earth and life on it.

It took over half a billion years for early life to develop on Earth after the first appearance of water on the planet about 4.3 billion years ago. We researched what could have affected this timing by assessing the role of the magnetic processes on the early sun. Specifically, we modeled the interaction of frequent and energetic CMEs with Earth's magnetosphere. Our research suggests that CMEs from the early sun continuously destroyed the sub-solar parts of Earth's magnetosphere at heights less than 1 Earth radius.

We used a sophisticated 3-dimensional magnetohydrodynamic model used for space weather forecasting, which is currently available at the Community Coordinated Modeling Center at NASA's Goddard Space Flight Center. We applied the model to the harshest conditions in early Earth. The model showed that the dipole magnetic field around Earth was severely affected by magnetic reconnection from the CMEs, forming "perfect storms" every day.

This level of solar storm would have caused erosion of Earth's atmosphere, the ozone layer, leading to lethal UV radiation passing from the sun to Earth's surface and to a greenhouse effect due to escape of carbon dioxide from the atmosphere. Our research provides a potential answer to what's known as the "faint young sun” paradox, in which the stellar evolution theory that the Sun was only 75% as bright 4 billion years ago as it is today doesn't jibe with the fact that the planet was warm enough to support liquid oceans. Specifically, our model shows that the direct heating from CME magnetic interaction as well as from the energetic protons produced in a CME associated shocks may have been enough to account for the warm conditions on early Earth. The model may also be consistent with recent findings -- from the sizes of tiny craters formed by water droplets over 2.7 billion years ago -- that early Earth's atmospheric pressure was around half the present value.

We are working with atmospheric scientists Domagal-Goldman and Alex Pavlov from NASA Goddard to model these conditions for early Earth. We also find that abundant energetic protons are capable of penetrating Earth's atmosphere and breaking atmospheric nitrogen -- the major ingredient of the early Earth’s atmosphere -- into atomic nitrogen. This process produces hydrogen cyanide, which is an essential molecule for producing prebiotic life chemistry including RNA molecules, the precursor of life. This raises an intriguing possibility that the frequent super-CMEs could also have been catalysts of the first life forms on Earth.

Not only does this research address important questions about the evolution of the early sun and our planet, but it may provide clues on the effects of future severe space weather on our Earth. The next step is to assess the consequences of such an event if it occurred today. Such information also helps us better understand the space weather system around planets like Earth elsewhere in the solar system.

Presented at the International Meeting "Toward Other Earths II", Sept 13-18, 2014, Porto, Portugal in collaboration with Alex Glocer (673).

http://science.gsfc.nasa.gov/sed/index.cfm?fuseAction=highlight_arch.bl#BI4202

<iframe width="854" height="510" src="https://www.youtube.com/embed/_WvuXGNvIpE" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

.